แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ณ., 19 สิงหาคม 2008.

  1. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    555 พี่ลี มาเป็นกองเชียร์

    คำว่าแมลงมี6ขาครับ
    ส่วน
    แมงกะปินี่มีขา 14 ขา 7 คู่

    แมลงสาบทะเล ก็พบเห็นทั่วไปตามโขดหิน
    นสพ. คงใช้คำผิดในการลงข่าวครับ คงไม่ได้ตรวจสอบก่อน
    และเปรียบเทียบให้หันง่ายง่าย
    บอกว่า แมงกะปิ ก็คงไม่รู้จัก
     
  2. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    สุขสันต์วันลอยกระทงกันนะจ๊ะ... สหายแคร่รักทุกท่าน
    เอ... นี่มันวันสงกรานต์นี่
    เอาใหม่ๆ
    สุขสันต์วันสงกรานต์กันนะจ๊ะ... สหายแคร่รักทุกท่าน


    อำนวยพร วันดี ที่บนแคร่
    ความรักแท้ กระเซ็นไป วารีสาย
    ร้อนเริงรุ่ม ทุกข์ร้าย จงจางคลาย
    ด้วยเพราะได้ ความรัก ประพรมพร

    ขอเพื่อนเพื่อน จงสุขี สโมสร
    จงอย่าร้อน ตามใจไป ในกระแส
    หันหน้ามา สานรัก อยู่บนแคร่
    ประเสริฐแท้ เมตตาสรง วันสงกรานต์


    สหาย ณ.
    "สาวปีใหม่"สหายรักของพรานหายไปไหนอ่ะ... "พรานพิเศษ" คิดถึง
     
  3. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    แมงกะปินี่ใช่ตัวเคยหรือเปล่า...?

    อีกอย่างถ้าแมงมีมากว่า 6 ขา แล้วแมงกินฟันมีกี่ขาอะพี่ท่าน...?;)

    แมงอีนูนมีกี่ขากัน?

    ...เนื่องจากเกิดความสับสนระหว่าง "แมง" กับ "แมลง"


    พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 จึงได้ปรับปรุงแก้ไขใหม่ ดังนี้
    • แมง น. สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ตัวขนาดเล็ก เมื่อเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ ร่างกายแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหัว กับ ส่วนท้อง มีขา 8 ขา ไม่มีหนวด ไม่มีปีก เช่น แมงมุม แมงป่อง, บางทีเรียกเพี้ยนเป็น แมลง.”
    ส่วนคำว่า “แมลง” ท่านให้บทนิยามไว้ดังนี้
    • แมลง น. สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ตัวขนาดเล็ก เมื่อเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ ร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง มีขา 6 ขา มีหนวด 1 คู่ มีปีก 1 หรือ 2 คู่ หรืออาจไม่มีก็ได้ เช่น แมลงวัน แมลงสาบ แมลงปอ, บางทีเรียกเพี้ยนเป็น แมง.”
    ส่วนที่น่าสังเกตก็คือว่า “แมง” กับ “แมลง” นั้น ต่างก็เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ตัวขนาดเล็กเช่นกัน แต่ที่นับว่าแตกต่างกัน คือ
    • “แมง” ร่างกายแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหัว กับ ส่วนท้อง ส่วน “แมลง” ร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง
    • “แมง” มี 8 ขา “แมลง” มี 6 ขา
    • “แมง” ไม่มีหนวด ส่วน “แมลง” มีหนวด 1 คู่
    • “แมง” ไม่มีปีก ส่วน “แมลง” อาจมีปีก 1-2 คู่ หรือไม่มีปีกก็ได้.
    ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับแมง -Arachnids
    หลายครั้งที่เราสับสนเรียกชื่อแมลงบางตัวเป็นแมง ทั้งที่ความจริงเป็นแมลง ลักษณะของแมลง (Insects) ต่างจากสัตว์จำพวก อราคนิต (Arachnids) ซึ่งบางตัวเรียกภาษาไทยว่า "แมง" (แมงมุม แมงป่อง) คือ

    ลักษณะ
    • ลำตัวลำตัวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ รวม ส่วนหัว (หัวและอกรวมเป็นส่วนเดียวกัน) และส่วนท้องมีขา
    • ขาสำหรับใช้เดิน 8 ขา (บางชนิดมีมากกว่า 8 ซึ่งใช้จับอาหารเข้าปาก)
    • ปีกไม่มีปีก
    • หนวดไม่มีหนวด
    • ตาไม่มีตารวม ต.ย. แมงป่อง แมงมุม ไร เห็บ
    ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับแมลง -Insects

    ลักษณะ
    • ลำตัว ลำตัวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง
    • ขา มีขา 6 ขา
    • ปีก มีปีก 1-2 คู่ บางชนิดไม่มีปีก
    • หนวด มีหนวด 1 คู่
    • ตา มีตารวมขนาดใหญ่ 2 ตา ต.ย. เช่น ด้วง ต่อ แตน ผึ้ง มด ผีเสื้อ แมลงวัน แมลงปอ แมลงสาบ มวน จิ้งหรีด ตั๊กแตน ปลวก ฯลฯ
    เพราะฉะนั้นถ้ายึดตามและพจนานุกรมไทย ไอ้เจ้าตัวนี้มันมีมากกว่า
    ทั้ง 6 และ 8 ขา(อาจจะมีได้ 10 ขา)
    มันมีถึง 14 ขา ฉะนั้น มันไม่น่าเข้าสังกัดใดๆ
    สรุปว่ามันไม่ใช่แมงและไม่ใช่แมลง
    มันคือ Isopod ;)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2010
  4. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ...ขอบพระคุณ อัปสรา ลีคนสวย
    อีกพี่ทศ พรด้วย ช่วยเกื้อหนุน
    ขอบพระคุณ ทุกท่าน ที่ช่วยลุ้น
    ช่างอบอุ่น ในเมตตา ที่หลั่งเท
    ...หันมาเจอ สหายพราน นานมาแวะ
    มานั่งแหมะ ร้องหา สาวคนเก๋
    พี่'ปีใหม่ คงงานมาก ยากหันเห
    อดใจรอ อีกสักเพ ลาคงเจอ

    ....................
    ....................

    [​IMG]

    [​IMG]

    ...ถึงวาระ วนทบ พบอีกปี
    ขอน้องพี่ สุขเกษม ชื่นเสมอ
    ขอรอยยิ้ม ความรัก เปี่ยมล้นเอ่อ
    ขอจงเจอ สิ่งดี ทวีคูณ
    ...ขอน้ำนี้ น้ำทิพย์ หลั่งเทรด
    ขอทุกข์หมด จางกลาย ดับหายสูญ
    ขอสุขแท้ เจริญ ยิ่งเพิ่มพูน
    ขอเททูน รักไป ให้เต็มเติม
    ...ขอไมตรี จงมี พี่น้องข้า
    ขอท้องฟ้า แผ่นดิน ยินมาเสริม
    ขอสายลม แสงแดด เข้ามาเจิม
    ขอรักเริ่ม แผ่ผาย กระจายพลัน
    ...ขอน้ำเย็น เย็นน้ำใจ ใจเป็นสุข
    ขอใจรุก รุกขึ้นหน้า คว้าความฝัน
    ขอสิ่งใด คิดดีไว้ สมใจพลัน
    ขอให้สุข สราญสันต์ ทุกท่านเอย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0053.JPG
      IMG_0053.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61 KB
      เปิดดู:
      247
    • sk2.JPG
      sk2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      49.2 KB
      เปิดดู:
      2,431
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2010
  5. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    [​IMG]

    ดึกคืนวันที่ 13 ข้อความจากเพื่อนรุ่นน้องถามว่า
    "พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่าพี่"
    "ว่าง"

    "ไปไหว้พระกัน"
    "ได้"
    ง่ายๆ เลย ไม่ต้องรอให้ชวนมาก ไม่ต้องถามมาก
    เช้ามืดวันที่ 14 นัดรวมพลกันที่ตลาดรังสิตราวตีห้า
    ตีสาม ไอ้ ณ ตาลานตาเหลือก ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว
    กว่าจะเสด็จออกจากบ้านได้ก็เลยตีสามครึ่งแล้ว
    มองหารถจากหมู่บ้าน วุ้ย...หายากจริงๆ ไม่มีรถวิ่งเลย
    มีแต่ รปภ. กะแม่ค้าหน้าข้าวแกงหน้าหมู่บ้าน
    รอร๊อรอ...จะตีสี่แล้ว จะไปทันไหมเนี่ย...ดูนาฬิการอบแล้วรอบเล่า

    เหมือนฟ้ามาโปรด พี่แมงกะไซค์ วิ่งผ่านมาเกือบตีสี่
    ได้พี่เค้าพาไปที่ป้ายรถเมล์ ก็รีบ'โดดขึ้นกลัวมันจะหนีไปซะก่อน
    รถเมล์ก็จอดรอคงรอเวลาออกนั่นแหละ...
    แม่เจ้า...กว่าจะเสด็จออก ก็ตีสี่สิบห้า...เออ...เอาวะ ก็ยังดีประหยัดได้หน่อย
    เกือบตีสี่ครึ่งแล้วลงจากพี่เมลล์ โบกเรียกพี่แท็กมาช่วยเสริม
    ในที่สุดก็ไปถึงหน้าตลาดรังสิต เลยตีห้าไปสิบห้านาที
    ...โทรหาเจ้าน้องชายคนนัด
    "เดี๋ยวผมออกไปเดี๋ยวนี้เลยพี่" เออ...ค่อยยังชั่ว
    เราออกจากกรุงเทพมุ่งหน้า สำนักสงฆ์พุทธบูชา บางเลน นครปฐม
    พอไปถึงก็ได้พูดคุยกับหลวงพี่ปู ซึ่งท่านผู้สร้างสำนักสงฆ์นี้ขึ้นมา
    เน้นให้ผู้มาปฏิบัติทางจิต ได้มาพัฒนาจิตตน
    ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    ซึ่งท่านยึดถือปฏิปทาของหลวงพ่อและนำมาปฏิบัติและบอกกล่าวต่อ
    เราได้ร่วมถวายหนังสือธรรมมะ น้ำ เป็นสังฆทาน
    และจังหวะวันนี้ท่านจะไปกราบครูบาอาจารย์ที่ท่านเคารพ
    เราเลยได้โอกาสอันดีติดตามท่านไปด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P01.JPG
      P01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      16.5 KB
      เปิดดู:
      252
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2010
  6. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    [​IMG]


    [​IMG]

    เราเดินทางจาก สำนักปฏิบัติธรรมพุทธบูชา ราวเก้าโมงเช้า
    เดินทางมุ่งหน้ากาญจนบุรี เส้นทางเดินทาง ถ้าให้ไปอีกรอบคงยาก
    ยิ่ง ณ ด้วยแล้ว ปลาทองยังยกไว้บนหิ้งเลย หุหุ
    เราเดินทางเข้าเขต ต.ม่วงเฒ่า เพื่อมุ่งหน้า วัดถ้ำผาแดง
    เป็นวัดป่าตั้งอยู่เชิงเขา ทางที่เข้าไปก็เป็นทางดิน ฝุ่นคลุ้งทีเดียว
    ไปถึงที่วัดเที่ยงกว่า เราเข้าไปกราบหลวงปู่พวง อายุท่าน 74 แล้ว
    หลวงปู่ท่านมาสร้างวัดอยู่ที่นี่ มีพระไปๆ มาๆ รูปสองรูป
    แต่ส่วนมากหลวงปู่ท่านจะอยู่ประจำเพียงรูปเดียวมาตั้งแต่แรกแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P02.JPG
      P02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      43.8 KB
      เปิดดู:
      250
    • PA.JPG
      PA.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59 KB
      เปิดดู:
      259
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2010
  7. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    [​IMG]

    [​IMG]

    ท่านเป็นหลวงปู่ที่น่ารักมาก
    หัวเราะเสียงดัง พูดคุยให้ความเป็นกันเองตลอดเวลา
    ตาของท่านพิการแต่ก็ช่วยเหลือตัวเองมาตลอด
    แต่ท่านก็ไม่เคยร้องขอให้ใครมาช่วยท่าน
    มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตาท่านมืดบอดทั้งสองข้าง
    ท่านก็อยู่ของท่านไปเรื่อย จนลูกศิษย์ได้พาท่านไปผ่าตัด
    ท่านจึงสามารถใช้ตาได้ข้างหนึ่ง นี่ก็กำลังรอผ่าตัดอีกข้างหนึ่ง
    ท่านบอกว่าที่ท่านเป็นเช่นนี้เพราะกรรม
    ท่านเล่าให้ฟังว่า สมัยยังไม่บวชพระ อาหารที่ท่านชอบเป็นพิเศษคือกุ้งเต้น
    กุ้งสดๆ บีบมะนาว น้ำปลา พริกขี้หนู แล้วก็ปิดฝาครอบไว้
    กุ้งมันยังเป็นๆ มันก็กระโดดกระเด้งเพราะความแสบความร้อนของเครื่องปรุง
    ท่านเล่าว่ามันซาบซึ้งมาก กรรมมันเร็ว ทำอะไรก็รับผลกันเลยในชาตินี้
    ท่านว่าตอนที่ตายังไม่บอด แต่มีอาการผิดปกติ ท่านก็หาสารพัดยา
    มาใส่ตา ซึ่งยาแต่ละตัว ทั้งแสบ ทั้งปวด ทั้งร้อน ทรมานมาก
    มันก็เป็นกรรมที่ท่านทำไว้ทั้งนั้น
    ท่านจึงย้ำว่าให้ทำดีไว้นะลูกหลาน กรรมมันมาเร็วเห็นกันชาตินี้แหละ
    ท่านยังแนะอีกว่าการปฏิบัติธรรม ให้ทำแต่พอดี แต่ต้องทำเรื่อยๆ อย่าหยุด
    แล้วผลมันจะเกิดเอง ไม่ต้องคาดหวัง ไม่ต้องไปอยาก แค่ทำไปเรื่อยๆ
    ตรงกับที่หลวงปู่เครา แห่งหุบเขาพระไตรลักษณ์เมตตาสอนว่า
    สมถะนั่นแหละ ทำเรื่อยๆ ทำให้มั่นคง ผลมันจะเกิดเอง
    และหลวงปู่พวงยังย้ำอีกว่า ทำดีอย่าติดดี เพราะการติดดีมันแก้ยากกว่าติดชั่ว
    ถ้าเรายังติดดี มันก็ไปไหนไม่ได้ เพราะมันยังติดอยู่ตรงนั้น อย่าไปหลงกับมัน
    ซึ่งตรงนี้พร้องกับที่หลวงปู่เครา ท่านสอนว่า ทำดีเพื่อละชั่ว ไม่ใช่ทำดีเพื่อดี
    จะเห็นว่าครูบาอาจารย์หลายท่านจะสอนไปในแนวทางเดียวกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P03.JPG
      P03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57 KB
      เปิดดู:
      259
    • P04.JPG
      P04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.6 KB
      เปิดดู:
      248
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2010
  8. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    พวกเราได้ร่วมกันถวายสังฆทานให้กับหลวงปู่
    มีข้าวสาร เครื่องปรุงรส น้ำ ยา หนังสือธรรมมะ
    หลวงปู่เมตตาพรมน้ำมนต์ให้พวกเรา
    แล้วยังสวดพระคาถาเสริมศิริมงคลให้ด้วย
    เสียงหลวงปู่ดังฟังชัด เสียงท่านใสมาก
    ท่วงทำนองสูงต่ำ ฟังไม่คุ้นแต่รู้สึกดีมากๆ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P05.JPG
      P05.JPG
      ขนาดไฟล์:
      48 KB
      เปิดดู:
      243
    • 06.JPG
      06.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46.5 KB
      เปิดดู:
      248
    • P06.JPG
      P06.JPG
      ขนาดไฟล์:
      43.4 KB
      เปิดดู:
      236
    • P07.JPG
      P07.JPG
      ขนาดไฟล์:
      47.5 KB
      เปิดดู:
      245
    • P08.JPG
      P08.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.4 KB
      เปิดดู:
      248
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2010
  9. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    จากนั้นหลวงพี่ปู ก็นำพวกเราไปดูถ้ำที่หลวงปู่อยู่มา 20 ปี
    เป็นถ้ำเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ภายในถ้ำเย็นดีมาก
    จากอากาศภายนอกที่ร้อนระอุ
    พอเข้าไปในถ้ำเหมือนติดแอร์สัก 15-20 องศา
    เราชอบกันมากเย็นสบายดี

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P23.JPG
      P23.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.6 KB
      เปิดดู:
      252
    • P09.JPG
      P09.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60.3 KB
      เปิดดู:
      227
    • P10.JPG
      P10.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44.2 KB
      เปิดดู:
      230
    • P11.JPG
      P11.JPG
      ขนาดไฟล์:
      41.6 KB
      เปิดดู:
      226
    • P12.JPG
      P12.JPG
      ขนาดไฟล์:
      91.8 KB
      เปิดดู:
      221
    • P22.JPG
      P22.JPG
      ขนาดไฟล์:
      54.4 KB
      เปิดดู:
      240
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2010
  10. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ออกจากถ้ำมาอีกด้านไม่ห่างนัก
    มีเชิงตะกอน ซึ่งหลวงปู่สร้างไว้เตรียมให้ตัวเอง
    ตอนที่ตาบอกสนิท หลวงปู่มาอยู่ที่นี่ มีห้องเล็กๆ ที่สร้างด้วยไม้ไผ่
    หลวงปู่เล่าว่าถ้าไม่ไหวก็จะไปนอนรอความตายบนเชิงตะกอน
    หลวงปู่ท่านเตรียมของท่านไว้พร้อม ไม่ต้องพึ่งพาใครให้มาเป็นธุระจัดการ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P13.JPG
      P13.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.3 KB
      เปิดดู:
      259
    • P14.JPG
      P14.JPG
      ขนาดไฟล์:
      93.3 KB
      เปิดดู:
      227
    • P15.JPG
      P15.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.3 KB
      เปิดดู:
      228
    • P16.JPG
      P16.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42 KB
      เปิดดู:
      229
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2010
  11. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ภายในอาณาเขตวัดมีพระพุทธรูปชำระหนี้สงฆ์หลายองค์ แต่ละองค์ใหญ่ๆ ทั้งนั้น
    ซึ่งหลวงปู่เล่าว่าพวกมีจิตศรัทธาก็ยกขึ้นมาถวาย ขึ้นมาสร้างกันเองทั้งนั้น
    ใครอยากสร้างอะไรหลวงปู่ก็ให้สร้างกันตามจิตศรัทธาเลย

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P17.JPG
      P17.JPG
      ขนาดไฟล์:
      43.6 KB
      เปิดดู:
      439
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2010
  12. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    หลังจากสำรวจสถานที่ผ่านไป เราก็กลับมานั่งฟังหลวงปู่กันต่อ
    กว่าจะกราบลาหลวงปู่เกือบห้าโมงเย็น
    วันนี้ถือเป็นอีกวันที่พิเศษสุด ที่พวกเราได้รับเมตตาจากหลวงปู่พวง แห่งถ้ำผาแดง
    เรื่องราวหลายต่อหลายเรื่องที่เอามาเล่าให้ฟัง
    และอีกหลายเรื่องที่ต้องไปขอฟังจากหลวงปู่เอง
    เรารู้สึกซาบซึ่งในเมตตาที่หลวงปู่ได้มอบธรรมมะด้านต่างๆ
    ให้กับลูกหลานมากมาย
    ลูกหลานกราบขอบพระคุณหลวงปู่และครูบาอาจารย์ทุกท่านค่ะ

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P18.JPG
      P18.JPG
      ขนาดไฟล์:
      38.4 KB
      เปิดดู:
      427
    • P19.JPG
      P19.JPG
      ขนาดไฟล์:
      18.6 KB
      เปิดดู:
      347
    • P20.JPG
      P20.JPG
      ขนาดไฟล์:
      18.2 KB
      เปิดดู:
      380
    • P21.JPG
      P21.JPG
      ขนาดไฟล์:
      18.2 KB
      เปิดดู:
      302
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2010
  13. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ในภาพบรรยากาศสวยจังครับ ท่าทางอากาศจะเย็นสบาย
     
  14. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080

    เย็นในจ้า เย็นใจ แม้กายจะระอุก็ไม่หวั่น ได้มีวันพิเศษๆ ไปกราบครูบาอาจารย์
    มันชุ่มชื่นชุ่มฉ่ำ ได้ธรรมมะแท้ๆ มาชะโลมให้จิตใจ เย็นระรื่น ชื่นเย็น
    อิ่มอกอิ่มใจ ยิ้มแก้มปริ หน้าบานเท่ากระด้งเลย...หุหุ;):cool:
     
  15. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    วัฒนธรรมไทยที่เกี่ยวกับน้ำนอกจาก Songkran Festival
    ที่โด่งดังติดอันดับ TOP TEN ของโลกแล้ว
    คนไทยเราก็ยังมีเรื่องผูกพันกับน้ำอีกมากมาย
    ช่วงนี้มันว่าง ก็เลยมานั่งแหมะอยู่ที่แคร่นี่แหละเจ้าค่ะ
    นึกไปนึกมาก็นึกถึงสำนวน สุภาษิต คำพังเพย นั่นแหละ
    วันนี้ก็เลยมาลองไล่ดูสิว่า คำไทยๆ ที่เกี่ยวกับน้ำมีอะไรบ้าง
    ผลไม้เพียบ ขนมพร้อม น้ำพร้อม เรามาเริ่มกันเลย

    1.น้ำกลิ้งบนใบบอน เป็นสำนวนเปรียบเปรยถึง คนใจไม่แน่นอน กลับกลอก โดยเฉพาะมุ่งถึงหญิงที่ว่า “น้ำใจหญิงเหมือนกลิ้งบนใบบอน” สำนวนนี้เอามาจากน้ำที่หยดอยู่บนใบบอน กลิ้งไปกลิ้งมาโดยที่ใบบอนมีลักษณะเลี่ยนลื่นไม่ซับน้ำ ทำให้น้ำที่ขังเป็นก้อนกลมอยู่ลนใบกลิ้งไปกลิ้งมาได้

    2.น้ำขึ้นให้รีบตัก
    เป็นสำนวนสุภาษิตที่หมายถึงว่า เมื่อมีโอกาสหรือได้จังหวะ ในการทำมาหากินหรือช่องทางที่จะทำให้ได้ผลประโยชน์แก่ตนแล้ว ก็ควรจะรีบคว้าหรือรีบฉวยโอกาสอันดีนี้เสีย อย่าปล่อยโอกาสหรือจังหวะเวลาให้ผ่านพ้นไปอย่างน่าเสียดาย

    3.น้ำเชี่ยวขวางเรือ
    เป็นสำนวนที่หมายถึงการทำอะไรให้เป็นที่ขัดขวาง หรือเป็นที่ขัดต่ออารมณ์ของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่ดูเหตุการณ์เสียก่อน อาจทำให้ได้รับเคราะห์หรืออันตรายได้ เปรียบเทียบน้ำในแม่น้ำกำลังไหลเชี่ยวจัด ถ้าเราแจวเรือหรือพายเรือออกไปขวาง เรือก็อาจจะล่มได้ทันที


    4.น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา
    หมายถึง โอกาสของใครหรือจังหวะดีของใคร ฝ่ายนั้นก็ย่อมชนะความหมายอย่างเดียวกับคำว่า “ทีใคร ทีมัน”


    5.น้ำตาลใกล้มด
    เป็นสำนวนที่หมายโดยเฉพาะถึง ผู้หญิงกับผู้ชายที่อยู่ใกล้กัน เปรียบเหมือนน้ำตาลกับมดเช่นเดียวกับผู้หญิงอยู่ใกล้กับผู้ชาย ผู้ชายเราก็อดที่จะเข้ามาไต่ตอมหรือเลาะเล็มผู้หญิงไม่ได้ หรือบางทีก็อาจมีใจตรงกันขึ้นได้ทั้งคู่เมื่ออยู่ใกล้กัน


    6.น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง
    เป็นความหมายถึง คนที่พูดมาก แต่ถ้อยคำที่พูดนั้นได้เนื้อความน้อยหรือมีสาระเพียงนิดเดียว สำนวนนี้เรามักใช้พูดสั้น ๆ ว่า “น้ำท่วมทุ่ง” หรือ “พูดเป็นน้ำท่วมทุ่ง” เสียส่วนมาก แต่ก็เป็นความหมายชัดเจนอย่างว่าดี


    7.น้ำนิ่งไหลลึก
    เป็นสำนวนที่หมายถึง คนที่ดูภายนอกสงบเสงี่ยมหรือเป็นคนหงิม ๆ ไม่ค่อยพูดจา แต่มักจะเป็นคนมีความคิดฉลาด หรือทำอะไรได้แคล่วคล่องว่องไว เปรียบเหมือนน้ำที่ดูตอนผิวหนังที่สงบนิ่ง แต่ลึกลงไปข้างใต้นั้นกลับไหลแรง


    8.น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ
    เปรียบได้กับอะไร ๆ ที่น้อยกว่าย่อมแพ้แก่ฝ่ายที่มากกว่า เช่นน้ำน้อยก็ไม่พอจะดับไฟ หรือพวกที่มีกำลังน้อยกว่า ก็ย่อมแพ้พวกที่มีกำลังมากกว่า


    9.น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า
    หมายถึง คนเราต้องต่างพึ่งพากันและกันตลอดมา


    10.น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย
    น้ำร้อนหมายถึงคนที่ปากร้ายแต่จิตใจไม่ร้ายย่อมไม่เป็นพิษภัย ส่วนน้ำเย็นหมายถึงคนปากหวานหลอกให้คนหลงเชื่อง่าย ๆ ย่อมมีอันตรายได้


    11.น้ำลึกหยั่งได้ น้ำใจหยั่งยาก
    หมายถึง น้ำลึกแค่ไหนเรายังวัดหยั่งได้ แต่น้ำใจหรือจิตใจของคนเราวัดได้ยาก


    12.น้ำลดต่อผุด
    สำนวนนี้หมายถึง คนที่เวลาชะตาตกหรือเคราะห์ร้าย ความลับต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความประพฤติไม่ดี เช่น ทุจริต คดโกง ที่เคยทำไว้ก็มักปรากฏออกมาให้เห็น เวลาชะตาดีก็เปรียบเหมือนน้ำขึ้นท่วมตอ จึงมองไม่เห็นตอ แต่เวลาชะตาตก น้ำลดแห้ง ตอก็ผุดขึ้นมาให้เห็นเป็นแถว


    13.น้ำท่วมปาก
    พูดไม่ได้เพราะความจำเป็นบังคับ


    14.น้ำผึ้งหยดเดียว
    สิ่งเล็กน้อยก็ทำให้เกิดเรื่องใหญ่ได้


    15.น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก
    แม้จะไม่พอใจก็แสดงสีหน้ายิ้มแย้ม


    16.น้ำซึมบ่อทราย
    หาได้มาเรื่อย ๆ


    17.น้ำตาเช็ดหัวเข่า
    เสียใจเพราะช้ำใจหรือต้องผิดหวังอย่างหนัก

    18.น้ำตาตกใน
    เศร้าโศกเสียใจอย่างมากแต่ไม่แสดงให้ปรากฏ

    19.น้ำท่วมปาก
    พูดไม่ออกเพราะเกรงจะมีภัยแก่ตนและผู้อื่น

    20.น้ำบ่อน้อย
    น้ำลาย

    21.น้ำสั่งฟ้า ปลาสั่งฝน, ฝนสั่งฟ้า ปลาสั่งหนอง
    สั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย, ทำการอันใดที่เป็นสิ่งสำคัญเพื่อไว้อาลัยก่อนจากไป


    22.น้ำหนึ่งใจเดียวกัน
    มีความเป็นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

    Thanks http://thaiidiom.kapook.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2010
  16. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    และบางส่วนที่ไม่ได้ขึ้นต้นด้วยน้ำ
    แต่ไม่วายยังไปเกี่ยวกับน้ำอีกนั่นแหละ มาดูกัน

    23.กินน้ำใต้ศอก : หมายไปในทางที่ว่าถึงจะได้อะไรสักอย่างก็ไม่เทียมหน้าหรือไม่เสมอหน้าเขา เช่นหญิงที่ได้สามี แต่ต้องตกไปอยู่ในตำแหน่งเมียน้อย ก็เรียกว่า "กินน้ำใต้ศอกเขา" ที่มาของสำนวนนี้ คนในสมัยก่อนอธิบายว่า คนหนึ่งเอาสองมือกอบน้ำมากิน มากิน อีกคนหนึ่งรอหิวไม่ไหวเลยเอาปากเข้าไปรองน้ำที่ไหลลงมาข้อศอก ของคนกอบน้ำกินนั้นเพราะรอหิวไม่ทันใจ.

    24.กินน้ำเห็นปลิง : แปลว่า สิ่งใดที่ต้องการ ถ้าสิ่งนั้นมีสิ่งที่น่ารังเกียจ หรือไม่บริสุทธิ์ก็ทำให้รังเกียจหรือตะขิดตะขวงใจไม่อยากได้ เปรียบดังที่ว่าปลิงเป็นสัตว์น่ารังเกียจอยู่ในน้ำ เวลากินน้ำมองเห็นปลิงเข้าก็รู้สึกรังเกียจขยะแขยงไม่อยากกิน สำนวนนี้มีนักเขียนเอามาเขียนเอามาตั้งเป็นชื่อหนังสือเล่มหนึ่ง

    25.เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง : สำนวนนี้มีความหมายแตกต่างกับประโยค " เกลียดขี้ขี้ตาม " เพราะแปลความหมายไปในทางที่ว่าเกลียดตัวเขาแต่อยากได้ผลประโยชน์จากเขา หรือของ ๆ เขา ตามความหมายเปรียบเทียบของสำนวนที่ว่าเช่นเกลียดปลาไหลในรูปร่างของมัน แต่เมื่อเอามาแกงมีรสหอม ก็ทำให้อดอยากกินแกงไม่ได้ถึงแม้จะไม่กินเนื้อปลาไหลเลยก็ตาม.

    26.ขนมพอผสมกับน้ำยา : ที่มาของสำนวนคำพังเพยนี้เข้าใจว่ามาจาก " ขนมจีนน้ำยา " ที่เราเคยรับประทานกันมาแล้ว คือ ขนมจีนกับน้ำยาจะต้องผสมให้เข้ากันหรือได้ส่วนพอเหมาะ จึงจะรับประทานอร่อยเรียกว่าเวลาตักน้ำยาราดขนมลงบนขนมจีน ต้องกะส่วนให้พอลงคลุกผสมกับขนมจีนได้พอเหมาะ หรือให้มีสัดส่วนเข้ากันพอดีทั้งสองฝ่าย เมื่อรับประทานแล้วเกิดอร่อยไม่ใช่ว่าขนมจีนอร่อย หรือน้ำยาอร่อยแต่อร่อยด้วยกันทั้งสองอย่าง เรียกว่า " พอดีกัน " จึงเกิดเป็นสำนวนที่ตีความหมายเอาว่า ทั้งสองฝ่ายต่างพอดีกัน จะว่าข้างไหนดีก็ไม่ได้.


    27.งมเข็มในมหาสมุทร : สำนวนนี้เปรียบเทียบ มหาสมุทรซึ่งเป็นสถานที่กว้างใหญ่ลึกลับ เมื่อเข็มเย็บผ้าเพียงเล่มเดียวที่ตกลงไปยังก้นมหาสมุทร จึงย่อมค้นหาไม่ใช่ของง่ายนัก หรือไม่อาจจะค้นหาได้ เปรียบได้กับการที่เราจะค้นหาอะไรสักอย่างหนึ่งที่อยู่ในวงกว้าง ๆ ไม่มีขอบเขต ย่อมสุดวิสัยที่เราจะค้นหาได้ง่าย.

    28.ได้แกง เทน้ำพริก : เป็นสำนวนที่มีความหมายอธิบายง่าย ๆ เปรียบเทียบว่า ได้ใหม่ลืมเก่านั่นเอง มักจะใช้เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่า ผู้ชายเราที่ได้ภรรยาใหม่ก็ทิ้งเก่าไปเลย คำว่า " น้ำพริก " หรือ " น้ำพริกถ้วยเก่า " เราจะหมายถึงภรรยาเก่าโดยเฉพาะ เพราะ " น้ำพริก " เป็นอาหารประจำวันของคนไทยเราที่ไม่มีการยักย้ายเปลี่ยนแปลงเหมือนแกงหรือผัด และมักจะมีประจำเกือบทุกมื้อก็ว่าได้.

    29.ถ่อไม่ถึงน้ำ น้ำไม่ถึงถ่อ : เป็นสำนวนหมายถึงการพูดหรือการกระทำอะไร ที่ไม่ปฏิบัติให้ถึงแก่นสำคัญของเรื่อง หรือทำไปครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือขาดตกบกพร่องในการปฏิบัติเช่นขาดเงิน หรือขาดกำลังสนับสนุน สิ่งนั้นก็ย่อมจะไม่สำเร็จ หรือประสบผลตามความต้องการ เมื่อเปรียบกับการถ่อเรือหรือถ่อแพโดยถ่อไม่ถึงน้ำ เพราะถ่อสั้นไป ก็ย่อมใช้งานอะไรไม่ได้.

    30.ถ่มน้ำลายรดฟ้า : สำนวนนี้ใช้เป็นความหมายถึง คนที่คิดร้ายหรือดูหมิ่นบุคคลที่สูงกว่า คำว่า " ถ่มน้ำลาย " เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปเกือบทุกชาติแล้วว่า คือการแสดงกิริยาดูถูกดูหมิ่น และมักใช้เป็นกิริยาแสดงออกให้อีกฝ่ายเห็นได้ชัด เรียก " ถ่ม " หรือ " ถุ่ย " แตกต่างกับลักษณะของการ " บ้วนน้ำลาย " เมื่อพูดว่า " ถ่มน้ำลายลดฟ้า " ก็หมายถึง ดูเหมือนบุคคลที่สูงกว่า การถ่มน้ำลายขึ้นไปที่สูงคือฟ้าน้ำลายนั้นก็ย่อมจะตกลงมาถูกหน้าตาของตนเองความหมายจึงอยู่ที่ว่า การดูหมิ่น หรือคิดร้ายต่อบุคคลที่สูงกว่าหรือที่เคารพทั่วไป มักจะกลับเป็นผลร้ายหรืออภัยแก่ตนเองได้

    31.ถ่มน้ำลายแล้วกลับกลืนกิน : สำนวนนี้ต่างกับคำว่า " ถ่มน้ำลายรดฟ้า " ถ่มน้ำลายในประโยคนี้ หมายถึง การที่พูดหรือลั่นวาจาออกไปแล้ว เป็นการตัดขาดว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันอีก แต่แล้วก็กลับไปเกี่ยวข้องเข้าอีก เป็นทำนองกลับคำของตนเองที่ได้พูดไว้

    32.ปลาตกน้ำตัวโต : เป็นสำนวนที่หมายถึง การทำสิ่งใดที่เสียหรือสูญหายไปเพียงเล็กน้อย แต่พลอยเพิ่มเติมว่า ของที่สูญไป นั้นมีราคามากกว่าความจริง เป็นการเอาปลาที่ตกน้ำ แล้วว่ายหายไป มาเปรียบเทียบเพราะไม่มีใครเห็นขนาดแท้จริงของปลา

    33.ปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ : สำนวนนี้มีความหมายอย่างเดียวกันทั้งสองประโยคที่ว่า การปล่อยให้บุคคลสำคัญ หรือศัตรูที่เราจับได้กลับไปสู่แห่ลงเดิมของมัน เพราะเสือย่อมอยู่ในป่า และปลาอยู่ในน้ำ เมื่อมันกลับสู่รังธรรมชาติของมันแล้ว กำลังวังชาของมันก็ย่อมมีขึ้นอย่างเดิม มันอาจจะเป็นเหตุให้ศัตรูกลับมาคิดแก้แค้นเราได้ภายหลัง.

    34.ปั้นน้ำเป็นตัว : สำนวนนี้ มักใช้เป็นคำเปรียบเทียบถึงคนที่พูดอะไรไม่เป็นเรื่องจริงหรือไม่มีมูล เรียกว่าคนโกหกหรือปั้นเรื่องราวเก่ง คือสามารถปั้นน้ำเหลว ๆ ให้เป็นตัวได้

    35.เลือดข้นกว่าน้ำ : ความหมายว่า ญาติพี่น้องของตนเองย่อมสำคัญกว่าผู้อื่น เพราะอยู่ในวงสกุลเดียวกัน.

    Thanks www.siamtower.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2010
  17. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    36.กรวดน้ำคว่ำขัน
    สำนวนนี้ จะแลเห็นว่ามีกลิ่นอายของสำนวนตลาดติดอยู่มากบางทีก็ใช้คำว่า “กรวดน้ำคว่ำกะลา” เป็นคำที่ปรามาสไม่ให้เกียรติกันเลยทีเดียว (เรียกว่าเกียรติไม่พอที่จะใช้ขันนั่นแล) ความหมายของสำนวนนี้ คือการตัดขาด ไม่เกี่ยวข้องด้วย เลิกยุ่งเกี่ยวด้วยประการทั้งปวง หมายความอีกอย่างว่า “สาปส่งไปเลย” ถ้าให้ถึงใจก็ต้องขนาด “เผาพริก เผาเกลือ” เลยทีเดียวสำนวนนี้เป็นสำนวนใช้แดกดัน จึงใช้สำนวนที่มีความหมายถึงการแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ คือจะไปไหนก็ไปเลย จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ อย่ากลับมาเกี่ยวข้องกันอีก ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า คำว่า “กรวดน้ำ” หมายถึงให้ไปให้ไกล ให้ไปให้ลับทำนองเดียวกับการกรวดน้ำให้คนตาย ให้อยู่กันคนละโลกนั่นเอง คำว่า “คว่ำขัน” หมายถึง เลิกคบกัน หรือ สิ้นสุดกัน มีคำที่อยากจะเพิ่มเติมให้ทราบอีกคำที่คล้ายกันคือ “คว่ำบาตร” อีกสำนวนหนึ่งคือ “ตัดหางปล่อยวัด” สำนวนนี้ใช้กับญาติ เช่น “ตัดญาติขาดมิตร” ซึ่งก็หมายถึงการตัดญาติหรือตัดลูกตัดหลาน


    37.กวนน้ำให้ขุ่น
    สำนวนนี้โบราณต้องการบอกถึงนิสัยของคนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นเปรียบเหมือนคนที่ชอบยุแยงตะแคงแซะ ทำเรื่องสงบให้กลายเป็นวุ่นวาย มีคำหนึ่งที่ต้องอธิบายเพิ่มเติมให้เข้าใจคือคำว่า “กวน” คือการคนให้เข้ากัน เมื่อเรากวนน้ำ ตะกอนจะนอนก้นทำให้น้ำใส แต่เมื่อใดเรากวนน้ำนั้นอีก ตะกอนที่นอนก้นอยู่ก็จะขุ่นข้นขึ้นมา น้ำก็จะขุ่นดื่มไม่ได้


    38.กินน้ำตาต่างข้าว
    คำพังเพยคำนี้โบราณสร้างให้แกคนผู้ที่มีชีวิตที่รันทดโศกเศร้าไม่เคยมีความสุข พบแต่ความทุกข์ระทม ไม่เป็นอันกินอันนอนเหมือนต้องกินน้ำตาแทนข้าว


    39.ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน
    ชักนำศัตรูเข้าบ้าน


    40.ชักแม่น้ำทั้งห้า
    พูดจาหว่านล้อมยกยอบุญคุณเพื่อขอสิ่งที่ประสงค์

    41.บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น, บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น
    รู้จักผ่อนปรนเข้าหากัน มิให้กระทบกระเทือนใจกัน, รู้จักถนอมน้ำใจไม่ให้ขุ่นเคืองกัน


    42.ไปอย่างน้ำขุ่นๆ
    พูดเข้าตัวหลบเลี่ยงไปอย่างข้างๆคูๆ


    43.ฝนตกขี้หมูไหล
    พลอยเหลวไหลไปด้วยกัน มักใช้เข้าคู่กับ คนจัญไรมาพบกัน


    44.ฝนสั่งฟ้า ปลาสั่งหนอง
    สั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย


    45.พลอยฟ้าพลอยฝ
    ไม่ได้เกี่ยงข้องก็เป็นไปด้วย


    46.มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
    เป็นสำนวนที่หมายถึง คนที่ไม่ช่วยเขาทำงานแล้ว ยังไปทำตัวให้เป็นที่กีดขวางเกะกะแก่งานของเขาอีกด้วย เพราะเมื่อเอาเท้าหรือตีนไปราน้ำเวลานั่งเรือที่เขาพายอยู่ด้วยนั้น ก็ย่อมจะทำให้เท้าไปต้านน้ำไว้ ทำให้เรือแล่นช้าลงอีก

    47.ไม่เห็นน้ำตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกโก่งหน้าไม้
    หมายถึง การด่วนทำอะไรล่วงหน้าไปก่อน โดยที่ยังไม่รู้ว่า การณ์ข้างหน้าจะมีหวังแน่นอนหรือเปล่า เพราะไม่มีเค้าว่าจะปรากฏภายหน้าให้เห็นเลยเรียกว่า เป็นการคาดคะเนล่วงหน้าไว้ก่อน แล้วก็รีบจัดเตรียมไว้ โดยถ้าหากผิดคาดไปก็เสียเปล่า

    48.มะนาวไม่มีน้ำ
    พูดไม่มีเยื่อใย

    49.ไม่กี่น้ำ
    ไม่ช้า ไม่นาน

    50.สอนจระเข้ว่ายน้ำ
    หมายถึงการชี้ทางหรือสอนให้คนที่เป็นอยู่แล้วให้เก่งหรือชำนาญขึ้นไปอีก แต่มักมุ่งหมายโดยเฉพาะถึงการสอน หรือแนะนำคนชั่วประพฤติไม่ดีส่วนมาก

    51.สาดน้ำรดกัน
    เป็นสำนวนที่หมายถึงการทะเลาะทุ่มเถียงด่าทอโต้ตอบกันไปมา ยังไม่ถึงขั้นที่ลงมือใช้อาวุธซึ่งเท่ากับว่า เอาน้ำมาสาดรดกันให้ต่างคนต่างเปียกด้วยกันทั้งสองข้าง

    52.หวังน้ำบ่อหน้า : หวังอย่างเลื่อนลอย

    53.หัวราน้ำ : ไม่ได้สติ

    Thanks http://thaiidiom.kapook.com

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2010
  18. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    โอ้โหแฮะ เพียบๆเลย ใครนึกได้อีก ก็เอามาฝากกันได้นะ
    หรือใครจะเอาไปใช้ก็ได้ ช่วยๆ กันอนุรักษ์คำไทยไว้อย่าให้สูญหาย:cool:
     
  19. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ห้วงน้ำน้อยไหลดังสนั่น... ห้วงน้ำใหญ่ไหลนิ่งสงบ
     
  20. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    อนุโมทนาด้วยจ้า ถ้าได้ไปจริงๆ ฝากกราบหลวงปู่ด้วยน๊า...:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...