ประสบการณ์ ธรรมะ พระเครื่อง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา

น้ำมนต์สองพระอริยสงฆ์



โดย พี่สิทธิ์

ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๑ หลวงปู่ดู่ ได้ให้ เฮียอู๋ (โยมอุปัฎฐากหลวงปู่) นำพระที่ได้รับจากการที่มีผู้นำมาถวายสังฆทานเป็นจำนวนมากไปถวาย หลวงพ่อเกษม เขมโก ที่สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ในครั้งนั้นท่านได้ให้เฮียอู๋นำน้ำมนต์ประมาณ ๒๐ แกลลอนไปด้วย เฮียอู๋ได้จัดพระบูชาและน้ำมนต์ตามที่หลวงปู่ดู่สั่งโดยไม่ทันได้กราบเรียนถามถึงเรื่องน้ำมนต์ว่าจะต้องทำอย่างไร

เฮียอู๋และภรรยา ได้ขับรถไปลำปางในวันรุ่งขึ้น เมื่อไปถึงสุสานไตรลักษณ์ประมาณบ่าย ๒ โมง ขับรถยนต์เข้าทางด้านหน้ากุฎิ พอดับเครื่องยนต์เสร็จก็เปิดท้ายรถยนต์เตรียมที่จะนำพระบูชาทยอยออกจากท้ายรถยนต์ แต่ยังไม่ได้ทันยกพระสักองค์ โยมอุปัฏฐากของ หลวงพ่อเกษม เขมโก ก็วิ่งลงมาจากกุฎิท่านแล้วบอกว่า 'หลวงพ่อท่านต้องการน้ำมนต์'

เฮียอู๋จึงนำน้ำมนต์ให้โยมอุปัฏฐากของ หลวงพ่อเกษม เขมโก ไปด้วยความอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าเฮียอู๋ลงจากรถ เปิดท้ายรถยนต์ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ยังไม่ได้กราบเรียนท่านแล้วหลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเฮียอู๋นำน้ำมนต์มาด้วย !? แล้วยิ่งอัศจรรย์ใจมากยิ่งขึ้นเมื่อโยมอุปัฏฐาก หลวงพ่อเกษม นำน้ำมนต์คืนมาให้ แล้วเล่าว่า...

"หลวงพ่อเกษมท่านได้ใช้ปากจ่อปากแกลลอนแล้วเป่าลงไปในน้ำมนต์ แล้วสั่งให้นำน้ำมนต์มาคืนกลับวัดสะแก"

เมื่อเฮียอู๋กลับมาวัดสะแกก็ได้กราบเรียนหลวงปู่ดู่เรื่องน้ำมนต์ หลวงปู่ดู่ท่านก็ยิ้มแล้วบอกว่า

“ข้าได้อธิษฐานจิตบอกหลวงพ่อเกษมไว้เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ก่อนแกจะไปลำปาง”

ที่มีผู้กล่าวว่าหลวงปู่ดู่และหลวงพ่อเกษม ท่านถึงกันตลอดเวลาคงไม่ใช่เป็นสิ่งที่กล่าวเกินเลยและเป็นสิ่งที่พวกเราได้รับสิ่งที่วิเศษสุดที่หลวงพ่อดู่และหลวงพ่อเกษมท่านเมตตาอธิษฐานจิตทำน้ำมนต์ไว้ให้พวกเราได้ดื่มกันทุกวันนี้ (ผสมเป็นหัวเชื้อไว้ที่วัดสะแก) พูดได้ว่าเป็น น้ำมนต์สองพระอริยสงฆ์

 

ยอมากไปแล้วครับท่านพี่ ถ้าเรื่องพระเครื่องเกิดสมาชิกถามมาต้องให้พี่สุขุมมาช่วยจัดการนะคร้าบ

 

ยังไม่เคยเห็นเลยครับ ทุกทีจะเห็นแต่พระสังกัจจายน์นะครับ

 

ไม่เป็นไรหรอกครับ เท่าที่ทราบมา พรายในผงพรายกุมารมีข้อตกลงกับอาจารย์ที่ทำคือ ลป.ทิม ว่าจะอยู่ช่วยคนที่นำไปบูชาเพื่อเกื้อกูลพระศาสนาครับ พรายพวกนี้ก็มีเวลาของเขาตามข้อตกลงที่ให้กับหลวงปู่ทิมไว้ครับ (แต่ไม่รู้นานเท่าไหร่)

 

มันหมิ่นเหม่



โดย พี่สิทธิ์

ครั้งหนึ่ง เคยกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า คำบริกรรมไตรสรณคมน์ คือ

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

นั้นค่อนข้างยาว หากจะย่นย่อมาเหลือเพียง "พุท ธะ สัง มิ" จะได้เหมือนกันไหมครับ ?

หลวงปู่ตอบสั้น ๆ ว่า "มันหมิ่นเหม่"

ไม่มีคำขยายความไปมากกว่านี้ อีกทั้งตอนนั้นผู้ถามก็มิได้ซักไซร้ถามต่อว่า ที่ว่ามันหมิ่นเหม่นั้นหมายความว่ากระไร

ภายหลังมาได้ยินคำครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า การที่นักปฏิบัติไม่ก้าวหน้าในการปฏิบัติเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งก็เพราะปฏิบัติ "มรรคแปด" แบบ "มักง่าย" ทำให้ข้าพเจ้าสะกิดใจขึ้นมาถึงคำว่า "หมิ่นเหม่" ว่านี้อาจเป็นคำตอบในเรื่องที่ค้างคาใจอยู่นี้ก็เป็นได้

คาถาของนักปฏิบัติคือ ตั้งสติ และตั้งใจ หากมีความตั้งใจทำก็แปลว่าจะไม่สักแต่ว่าทำหรือท่องให้มันจบ ๆ กันไป หากแต่ให้มีสติทุก ๆ คำที่พูด ทุก ๆ พยางค์ที่บริกรรม และทุก ๆ อากัปกิริยาที่แสดง ฯลฯ

 

กรรมของประเทศชาติ



โดย พี่สิทธิ์

การที่สังคมและประเทศชาติต้องตกอยู่ในสภาพวุ่นวาย มีเหตุร้ายเกิดขึ้นและทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ความถูกผิดดีชั่วก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่คนในสังคมจำแนกได้ยากขึ้น คนดีคนเสียสละกลับถูกใส่ร้าย คนชั่วคนเจ้าเล่ห์กลับได้รับยกย่อง คนชั่วไร้ยางอายจะขวนขวายกันเป็นใหญ่ คนดีจะพากันหนีไปอยู่ชนบท ในป่าในเขา

ไม่น่าเชื่อว่า ทั้งหมดนี้จะเริ่มมีให้เห็นชัดขึ้น ๆ ในยุคนี้แล้ว ยุคที่พระพุทธเจ้าเคยได้พยากรณ์ความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศลที่ฝันเห็นสระน้ำที่แปลกตรงที่กลางสระนั้นขุ่น แต่บริเวณขอบสระกลับใส โดยพระพุทธองค์พยากรณ์ว่า ต่อไปนักปกครองทุศีลจะขึ้นมาเป็นใหญ่ (น้ำตรงกลางสระขุ่น) จนคนดีทนไม่ไหว ต้องหนีไปอาศัยอยู่ตามชนบทหรือในป่าในเขา (น้ำริมสระใส)

เชื่อว่าหลาย ๆ คนติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้จะต้องรู้สึกเครียดไม่น้อย ด้วยอยากจะเห็นความสงบสุขเสียที สิ่งที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในช่วงนี้ คือ ดวงจิตที่ชิงชังฝ่ายที่เราไม่เห็นด้วย จนอาจล้นออกมาทางกายและทางวาจา การแผ่เมตตาในช่วงนี้ก็อาจเผลอตัวแผ่ให้เฉพาะกับบุคคลหรือฝ่ายที่เรารัก ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งนอกจากจะไม่แผ่เมตตาให้แล้ว ยังอาจสาปแช่งแทน นี้สิ จะได้เห็นจิตใจของตัวเราเองชัดก็ตอนมีสิ่งกระทบนี้แหละ

ซึ่งจริง ๆ แล้วครูบาอาจารย์ท่านให้เราแผ่เมตตาให้ทั้งมิตรและศัตรูผู้จ้องผลาญ โดยกรณีของการแผ่เมตตาให้ผู้ที่เราไม่รักหรือคนที่เราคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดี เราก็ควรตั้งเจตนาแผ่เมตตาให้เขาคลายความหลงผิด ขอให้เขาเห็นถูกตรง และกลับมามีส่วนร่วมช่วยสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นอีกแรงหนึ่งด้วย เพราะทุกชีวิตก็ล้วนเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายและเป็นเพื่อนร่วมชาติด้วยกันทั้งหมดทุกคน

การที่เรารู้สึกคับข้องใจกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะเราไม่ยอมรับความเป็นจริงของความเป็นไปที่เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่หลวงปู่เคยพูดไว้นานแล้วว่า “ต่อแต่นี้ไป ผู้คนจะหาอยู่หากินกันลำบากมากขึ้น ๆ” พูดง่าย ๆ ก็คือ สภาพการณ์ต่าง ๆ โดยรวมแล้วมันจะเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับระดับศีลธรรมที่ลดน้อยลงของผู้คนในสังคม

คนดีที่ทำดีมาอย่างเต็มที่แต่กลับมีคนเนรคุณ หากมองในด้านหนึ่ง นั่นก็มักเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในระหว่างทางของการบำเพ็ญบารมีอย่างโพธิสัตว์ ที่ต้องทำใจให้ได้ในเรื่องการทำความดีเพื่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้อื่น ทำความดีเพื่อความดี ทำความดีโดยไม่หวังคำสรรเสริญเยินยอ ใครจะเห็นความดีหรือไม่เห็นความดี ก็เป็นเรื่องความดีความเลวของผู้รับต่างหาก

เวลาที่เราเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจ เราก็จะพากันลืมคำหลวงปู่ที่ว่า

“ถ้าเรามีญาณหยั่งรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดในชีวิตเราไม่มีเรื่องบังเอิญเลย”

เพราะต่างก็เกิดมาแต่กรรมและเหตุปัจจัยอื่นในระดับบุคคล ...กรรมและเหตุปัจจัยอื่นในระดับกลุ่มบุคคล ...กรรมและเหตุปัจจัยอื่นในระดับสังคม ระดับประเทศชาติ ฯลฯ ต้องสอนตัวเองว่า การที่ต้องมาเจอะเจอในสิ่งที่ไม่ชอบใจ ก็ช่วยไม่ได้ อยาก “เกิด” เองนี่นา

 

อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ

 

11/04/2553



เมื่อสักครู่ผมโอนเงินร่วมบุญซื้อแผ่นทองคำเพื่อร่วมหล่อ พระสิวลีต่ออายุ หลวงพ่อประสิทธิ์ เป็นจำนวนเงิน 100 บ. แบ่งบุญให้ได้อนุโมทนากันครับ

ขอผลบุญนี้จงส่งถึงข้าพเจ้า หมู่คณะ ญาติธรรม และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งมวลให้พบกับความสุขความเจริญตลอดไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานครับ

ใครจะร่วมบุญยังทันนะครับไปที่ link นี้เลยครับ

<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>

 

วันนี้พอดีมีเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งส่ง pm มาถามเรื่องพระเครื่องของหลวงปู่ดู่จากกระทู้ๆหนึ่งในห้องพระเครื่อง ซึ่งผมก็ได้ตามเข้าไปดูว่าเป็นอย่างไร ปรากฎว่าตกใจแทบหงายตกเก้าอี้ ของทำมือเทียมทั้งนั้น แถมเจ้าของกระทู้มาในมาดนักบุญด้วยสิคนก็มารุมกันตรึมแต่อยากจะบอกว่าพระที่ท่านนำมาให้บูชาน่ะมันเก๊ดูง่ายจริงๆ แต่ละเหรียญนี่ผมดูแล้วหัวใจจะวาย ไม่รู้คนบูชากันไปกี่คนแล้ว ยิ่งเป็นเหรียญยอดนิยมเช่น เหรียญ ลป.ทวด ปี 20, เหรียญยันต์ดวง เป็นต้น เหรียญเหล่านี้บางทีถ้าเจอของทำเทียมขั้นเทพแล้ว ก็ต้องวัดกันด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง แต่กระทู้ที่ผมไปเจอมานี่ไม่ต้องวัดอะไรเลยแค่พิมพ์ก็ไม่เหมือนแล้ว แต่ก็มีคนโดนหลอกไปโขอยู่ แต่ผมจะไม่บอกว่ากระทู้นั้นอยู่ไหนนะครับ ให้หากันเอาเอง ยิ่งปัจจุบันมีคนมานับถือหลวงปู่มากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับศิษย์ใหม่หลายท่านที่ต้องการจะเช่าพระหลวงปู่ดู่ผมก็เคยย้ำไว้ในกระทู้นี้หลายต่อหลายครั้งเรื่องของการศึกษาข้อมูล เราต้องเล่นพระด้วยตา และข้อมูลแน่นอน ไม่เล่นพระด้วยหู ไม่งั้นร้อยทั้งร้อยก็เสร็จครับ ผมไม่ได้เก่งอะไรเลยครับ ดูพระก็ไม่ขาดเหมือนสายตรงท่านอื่นๆแต่ก็ยังแยกแยะเรื่องของพิมพ์พระพอได้ แต่ที่ออกมาพูดบ่อยๆแบบนี้เพราะผมเสียดายเงินแทนทุกท่านครับ ที่ศรัทธาเต็มร้อยแต่บูชาไปแล้วโดนของเทียมนี่ถ้ารู้ความจริงมันยิ้มไม่ออกจริงๆครับ

ผมอ่านจากบทความที่ พี่สิทธิ์ เคยเขียนไว้ซึ่งหลวงปู่ดู่ท่านเคยพูดไว้ว่า

'หากข้าตาย จะมีคนรวยเกิดขึ้น (เพราะทำพระเก๊)
แต่จะรวยได้แค่ชาตินี้ ชาติต่อไปต้องเสวยกรรมที่ทำไว้'

นี่ละหนอมนุษย์ ความโลภคนเราไม่สิ้นสุด ถ้าท่านไม่มั่นใจว่าพระที่ท่านนำออกให้คนอื่นบูชาแท้ไหม ผมว่าอย่าทำแบบนั้นเลยครับ บาปเปล่าๆ กลับตัวกลับใจยังทันนะครับ ยิ่งทุกวันนี้นิยายขายพระหลวงปู่ดู่เยอะเหลือเกิน เห็นแล้วน่าจะจัดทำเป็นรวมเล่มไว้ขายเลยยังได้ครับ

 

สำหรับผู้สนใจในพระเครื่องของหลวงปู่ดู่ที่พึ่งมาใหม่ ผมคงไม่สามารถจะแนะแนวอะไรลึกๆได้เพราะผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรเหมือนสายตรง แต่ขอนำภาพเหรียญ หลวงปู่ทวด ปี 20 ซึ่งเป็นเหรียญรูปลักษณ์หลวงปู่ทวดรุ่นแรกของหลวงปู่ดู่ มาลงให้ชมกันว่าของแท้สีผิวพรรณของเหรียญ และรูปลักษณ์โดยรวมเป็นอย่างไร แม้ว่าภาพจะไม่ได้คมชัดเท่าใดนักแต่ก็พอดูได้ครับ

และรุ่นนี้ถือเป็นเหรียญหลักประสบการณ์ของสายนี้ครับ และถือเป็นพระมาตรฐานสากลที่มีบันทึกการจัดสร้างไว้เป็นลายลักษณ์อักษรไร้ซึ่งนิยายครับ แต่ปัจจุบันของปลอมก็ทำได้เหมือนมาก เพราะบล็อคด้านหน้าของเหรียญรุ่นนี้ถูกขโมยไปครับ ดังนั้นการเล่นหารุ่นนี้ต้องดูให้ดีๆครับ. . .

จำนวนสร้าง

เนื้อเงิน 108 เหรียญ
เนื้อตะกั่ว 56 เหรียญ
เนื้อทองแดง 10,000 เหรียญ