ถามมาสิจ๊ะ...แม่ชีณัฐทิพย์ ตนุพันธ์ ยินดีตอบจ้า...

กราบนมัสการท่านอาจารย์ แม่ชี ครับ
การที่คนเราเห็นผีอยู่บ่อย ๆ นั้นเป็นเพราะอะไรครับ แต่ก็มีบางคนก็ไม่เคยเห็นเลยตั้งแต่เกิด มันเป็นเพราะอะไรเหรอครับ
แล้วมันจริงรึเปล่าครับที่มีคนบอกว่าใครที่เห็นผีนั้นเป็นคนที่มีบุญน่ะครับ มันเกี่ยวกันมั้ยครับ

สาธุ ครับ

 

เจริญธรรมจ้า...

ตอบคำถามต่ออีกข้อนะ

ถามว่า"จิตกับใจต่างกันอย่างไร?"

จิตกับใจนั้นมันเป็นสิ่งเดียวกัน คนไทยชอบต่อความยาวสาวให้ยืดออกไป เพื่อให้กลายเป็นเอกลักษณ์อันงดงาม...

จิต มาจากคำบาลี ใจ เป็นคำของไทย เมื่อนำมาผสมกันก็กลายเป็นจิตใจ

จิตใจเป็นตัวรับรู้สิ่งที่เข้ามากระทบไม่ว่าจะเป็นทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย
แล้วทำให้เกิดความรู้สึกนึกคิด ปรุงแต่งเข้าไปด้วยที่เรียกว่า "เจตสิก"

โดยปกติแล้วจิตใจเป็นตัวว่าง ต่อเมื่อถูกกระทบเร้าจึงมีการปรุงแต่งและแสดงออกมาทางด้านพฤติกรรม เช่น ชอบมาก ชอบน้อย โกรธมาก โกรธน้อย แสดงออกมาเป็นอารมณ์ต่างๆ

คนไทยชอบสาวยืดให้ยาวจึงนำของเขามาหนึ่ง ของเราอีกหนึ่ง ผสมผสานกันเป็นของเรา ต่างชาติจึงบอกว่า ภาษาไทยยากสุดๆ อย่างว่าแหละคนไทยเองก็ยังงงๆเหมือนกัน ภาษาไทยของเราเอง แต่เรียนกลับตกภาษาไทย เฮ้อ...

เอ้า...ดูตัวอย่างคำว่า สว่าง +ไสวเป็นสว่างไสว สวยเฉยๆก็ไม่ได้ใส่งามเข้าไป เป็นสวยงาม รุ่งอย่างเดียวไม่พอ เติมเรืองเข้าไป เป็นรุ่งเรือง ฟังแล้วเห็นภาพพจน์กันเลย นี่คือเอกลักษณ์อันงดงามของภาษาไทยนะ...

ความคิดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของจิตใจ ที่ภาษาธรรมเรียกว่า จิตและเจตสิก
จิต เป็นตัวรับรู้สิ่งมากระทบ เจตสิกเป็นตัวปรุงแต่งให้เกิดเป็นอารมณ์ที่แสดงออกมาเป็นพฤติกรรม จิตใจจึงเป็นคำเดียวกัน ความหมายเดียวกัน
แต่ในจิตใจนั้นมีตัวปรุงแต่ง เป็นความคิดอยู่ด้วยนั่นเอง

อธิบายมาอย่างนี้หวังว่าคงจะเข้าใจนะ ที่จริงตอบไว้ยาวแต่มันหลุดบ่อย เลยรวบรัดซะเลย สาธุจ้า...

ธรรมะสวัสดี

 

กราบนมัสการแม่ชีคะ

หนูเพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้ของแม่ชีวันนี้ รู้สีกว่าได้รับข้อธรรมที่เป็นประโยชน์มากเลยคะ

หนูอยากถามแม่ชีเกี่ยวกับความฝันอะคะ หนูจะนอนหลับแล้วฝันไปต่างๆนานา จำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่มีบางความฝันที่จำได้แม่นอะคะ

มีที่สงสัยอยู่เรื่องหนึ่งไม่รู้จะถามใคร คือเมื่อสักสองปีมาแล้วเคยได้ยินเสียงในฝันว่า "ไตรตรึงตรง ใจจึงยงอิสริยยศ" ไม่ทราบว่ามีความหมายอะไรพิเศษไหมคะ

กราบขอบพระคุณแม่ชีล่วงหน้าคะ สาธุกับความกรุณาของแม่ชีที่มาช่วยตอบกระทู้ธรรม

 

เจริญธรรมคุณ Toutou เสียงที่บอกในฝันนั้นยอดเยี่ยม เยี่ยมยอดจริงๆ


*** เข้าใจโลก เยี่ยมยอด กฎไตรลักษณ์
แจ้งประจักษ์ ครบล้วน ถ้วนโลกสาม
อยู่อย่างคน เข้าใจ ไม่คล้อยตาม
ลด ละ ความ กิเลสหาย ได้นิพพานฯ.


เขียนบทกลอนให้อ่านเล่นแต่มีความหมายลึกซึ้ง โดยนัยก็คือถ้อยความในความฝันนั่นแหละ...ลึกซึ้งมาก็ตอบแบบล้ำลึกไป...ถ้าเข้าใจกฎไตรลักษณ์อย่างถ่องแท้และปฏิบัติได้ ก็เท่ากับได้นิพพานคือจิตใจดำรงอิสิริยายศอัน ทรงเกียรติย์ เป็นอมตะ ตลอดกาลนั่นเอง.....
ฝันดี ฝันเด่น สาธุด้วยเจ้าค่ะ

 

กราบขอบพระคุณแม่ชีที่กรุณมาตอบเจ้าคะ หนูเพิ่งเข้าใจว่านี่มันฝันดีฝันเด่นจริงๆ บทกลอนของแม่ชีก็ไพเราะและลึกซึ้งมาก จะเร่งปฏิบัติเพื่อบรรลุถึงพระนิพพานในชาตินี้เลยเจ้าคะ...สาธุ (f)

 

เจริญธรรมคุณ Forest sa

คนเราสามารถเห็นวิญญาณของผู้ที่ตายไปแล้วได้ เนื่องจากคลื่นจูนกันได้จังหวะพอดี แต่ที่พระพุทธองค์ทรงบอกว่า

"วิญญาณ ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน" นั้นหมายความว่า คนที่ตายไปแล้วไม่มีสังขาร สังขารถูกเผา จึงไม่มีรูปร่างตัวตนเหมือนมนุษย์โลก มีแต่ดวงจิตที่เหมือนพลังงานที่ล่องลอยอยู่ทั่วไป การที่คนเราสามารถเห็นผีหรือวิญญาณมีรูปร่าง ลักษณะเหมือนก่อนตายนั้น

ก็เพราะความจำได้หมายรู้เดิมของผู้ตายและผู้ที่ยังไม่ตาย
ส่วนคนที่เห็นผีหรือวิญญาณนั้นท่านกล่าวว่า เป็นคนมีบุญ ก็จริงอยู่ คนไม่มีคุณธรรมความดี ใครจะอยากอยู่ใกล้ล่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนไม่ดีจะไม่มีวันเห็นผีนะ ถ้าจังหวะพอดีกัน ก็เจอะเจอกันได้ คนที่เห็นผีบ่อยก็แปลว่ามีสัมผัสดี รับรู้กับสิ่งที่เข้ามากระทบได้ไว ที่เรียกว่า มีซิกเซ้น หรือสัมผัสที่หกนั่นเอง

คนที่ไม่เคยเห็นผีเลยก็ไม่ใช่ว่า ไม่มีบุญนะ คนที่เห็นผีก็ไม่ใช่ว่ามีบุญมาก และคนที่เห็นผีไม่ใช่ผู้เคราะห์ร้ายนะ ถ้าเห็นผีแล้วเคราะห์ร้าย อย่างนั้นแม่ชีก็คงเคราะห์ร้ายตลอดน่ะสิ เพราะเห็นผี คุยกับผีตลอด ผีไม่มีตัวตน แต่ผีมีจิตใจและความคิดเหมือนคน

ตกลงคนถามอยากเห็นผีไหมล่ะ? อยากเห็นมาลองที่แม่ชีอยู่สิ รับรองไม่ผิดหวังจ้า...สาธุ!!!!! ธรรมะสวัสดี

 

กราบ แม่ชี เจ้าค่ะ

วันนี้มีคนฝากถามเรื่องความฝันค่ะ คือเขาฝันว่าเดินผ่านต้นมะม่วงมาสองสามคืนติดๆ กัน คืนแรกในฝันต้นมะม่วงที่เดินผ่านนั้นมีลูกมะม่วงช่างใหญ่งามเหลือเกิน ไม่เคยเห็นมาก่อน

คืนที่สอง เดินผ่านเห็นต้นมะม่วงต้นเดิมนี้อีก แล้วก็คิดเหมือนเดิมว่า ทำไมงามเหลือเกิน ลูกเหลืองอะหร่าม รู้สึกว่าอยากเก็บไปทานจัง แต่กลัวว่าจะเป็นการลักขโมย

คืนที่สาม ก็ยังเห็นต้นเดิมนี้อีก แต่คราวนี้มันล้มกองอยู่กับพื้นทั้งต้น ก็เลยคิดว่าถ้าไม่เก็บไป มะม่วงก็คงเสีย กองอยู่กับพื้นตรงนี้แน่ๆ ดังนั้นก็เลยเก็บไปสองสามลูก

แม่ชีขา ไม่ทราบว่าแม่ชีพอจะช่วยบอกได้ไหมคะว่าฝันนี้มีความหมายว่าอย่างไร หนูเองคิดว่า ฝันนี้ก็คงมีความหมายอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่ก็ไม่สามารถทราบได้ค่ะ ก็ต้องกวนแม่ชีอีกแล้ว...

ขอกราบขอบพระคุณแม่ชีล่วงหน้าด้วยค่ะ

 

สาธุ สาธุค่ะ ช่ายเลยยยยย

แม่ชีขา แล้วคนที่ยังไม่ได้แต่งงานล่ะคะ แต่ว่ามีแฟนหลายคน แอบกิ๊กคนโน้นทีคนนี้ที สมมติว่าแฟนทุกคนไม่ใช่หญิงต้องห้ามน่ะค่ะ แบบนี้ผิดศีลข้อ 3 ไหมคะ??

(แหม วันนี้เปิดเข้ามาโป๊ะเช๊ะ เจอคำถามที่กำลังเกี่ยวข้องกับน้องชายตัวเองอยู่พอดีเลยค่ะ มีแฟนสองคนมาหลายปีแล้ว รู้สึกแย่จังเลยค่ะ ไม่ยอมเลือกอีกต่างหาก)

 

"ไตรตรึงตรง ใจจึงยงอิสริยยศ" จากฝันของพี่ toutou

แปลความได้ว่า...

เข้าใจโลก เยี่ยมยอด กฎไตรลักษณ์
แจ้งประจักษ์ ครบล้วน ถ้วนโลกสาม
อยู่อย่างคน เข้าใจ ไม่คล้อยตาม
ลด ละ ความ กิเลสหาย ได้นิพพานฯ.

โดย แม่ชีณัฐทิพย์

ประทับใจมากเลยค่ะ สาธุ~

 

เจริญธรรมจ้า...แม่ชีกลายเป็นหมอทำนายฝันไปเลยนะ อ้อ...ลูกศิษย์บอกว่าให้อาจารย์ตอบไปเลยว่า เห็นต้นมะม่วงสามครั้งก็ 3 มะม่วงล้มก็ 0 หยิบมะม่วงไปสองสามลูกก็ 8 กลายเป็น 308 ไป

ให้มันได้อย่างนั้นสิ เดี๋ยวแม่ชีก็กลายเป็น ใบ้หวยอีกหรอก

ถามมาเรื่องความฝันนั้นก็ยินดีตอบให้ แต่อาจจะไม่ตรงกับหมอดูสักเท่าไหร่นะ
ฝันอย่างนี้เขาเรียกว่า

ใกล้เกลือกินด่าง ของดีมีใกล้ให้ไขว่คว้า มัวตั้งท่ายึกยักมากเหลือหลาย พอของดี มีค่าใกล้วางวาย อดเสียดาย แต่ได้คว้า นับว่าดี...นะจ๊ะ

แปลง่ายๆก็คือ เพื่อนมองข้ามของดีใกล้ตัวที่ควรบูชา ได้แก่ พ่อแม่ หรือผู้มีพระคุณที่คอยช่วยเหลือ พอจะหลุดลอยไปจึงเสียดายว่าไม่น่าตอบแทนช้าไปเลย...คงเหลือแต่คำสอนและความดีที่ให้เรายึดได้นั่นเอง...


แม่ชีอาจจะแปลไม่เหมือนหมอดูนะ แต่ถ้าเพื่อนตรองดีๆ ให้ถ้วนถี่ จะเข้าใจความหมายอย่างแน่นอน เรียกว่าจะทำอะไรก็ให้รีบทำ อย่ามัวลังเลและสงสัยมาก เพราะมันจะทำให้เสียกาล

สาธุ!!!! สำหรับคำถามดีๆเจ้าค่ะ ธรรมะสวัสดี

 

เจริญธรรมและสวัสดีจ้า...

คนที่มีครอบครัวแล้วถ้าเป็นดังที่กล่าวมาในข้างต้น คือไม่มีทุกข์ ปรองดองกันทุกฝ่าย ก็นับว่าสบายหายห่วงนะ

ส่วนคนที่เปลี่ยนกิ๊กบ่อยๆ หรือควง หรือสับรางรถไฟเก่ง ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าสับรางไม่ทันเมื่อไหร่ ชนกันดังสนั่น อย่างนี้ก็ตัวใครตัวมันนะ...

ผู้หญิงยังโสด ผู้ชายมีเสน่ห์เป็นเรื่องธรรมดา รักไว้เผื่อ เวลาที่ไม่มีใครคนหนึ่งก็ยังมีอีกคนหนึ่ง ไว้เยียวยารักษาแผลใจ ผิดไหม? ไม่ผิดหรอก แต่ถ้าไม่อยากเลือกหรือเลือกไม่ได้ ก็พยายามชักจูงให้ทั้งสองเข้ากันให้ได้ก่อนแต่งสิ ผู้ชายมีเมียมากและแต่งงานพร้อมกัน ไม่เห็นมีใครว่า มีแต่คนอิจฉา

แต่ถ้าเป็นผู้หญิงมีหลายชาย และหากผู้ชายยินยอมด้วยทุกฝ่าย แต่งงานพร้อมกัน โดยที่ผู้หญิงมีผู้ชายขนาบข้าง ไม่มีใครชมหรอก

คงจะมีแต่ว่า "บ้ากันใหญ่แล้ว"

เอาเถอะ...ยังโสดก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีครอบครัวแล้ว เที่ยวไปแรดนอกบ้านบ่อยๆ ตายเร็วนะ และอาจได้โรคร้ายฝากมาให้ดูต่างหน้าด้วยนะจ๊ะ

สาธุ...ธรรมะสวัสดีเจ้าค่ะ...

 

กราบขอบพระคุณแม่ชีอย่างสูงค่ะเรื่องต้นมะม่วงคงจะสะกิดใจคนถามดีเชียวค่ะ จะรีบนำสาส์นไปบอกโดยด่วนเจ้าค่ะ (ได้เลขอีกต่างหาก อิอิ กราบ ๆ ๆ เจ้าค่ะ)

--

ส่วนเรื่องความเจ้าชู้ของชาย-หญิงที่มีแฟนมากกว่าหนึ่งคนในเวลาเดียวกันนี่ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องทำผิดศีลข้อ 2 ซ้ำๆ อยู่นั่นล่ะจริงมั้ยคะ?

และแม้ว่ายังไม่มีพันธะเป็นผัวเมียกันตามกฎหมาย แต่ก็มีความผูกพันกันระดับหนึ่ง ถ้าแฟนเบอร์ 1 หรือเบอร์อื่นๆ ต้องเสียใจทุกข์ใจ เพราะคนเจ้าชู้.. ก็.. ท่าจะไม่ดีเหมือนกันใช่มั้ยคะคุณแม่?

(ขอโทษที่ยังถามวกอยู่แต่เรื่องนี้ค่ะ เห็นว่าเดี๋ยวนี้กิ๊กระบาดเหลือเกินเจ้าค่ะแม่ชี)

 

เจริญธรรมสาธุชนคนปฏิบัติทุกท่าน...

นับว่าวันนี้แม่ชีได้รับโทรฯหลายสาย ส่วนมากมีปัญหา คือเครียดจากการงานและจากการเรียนของนักศึกษา ไปหาหมอ หมอก็ให้ยาลดความเครียด กินแล้วก็ง่วงตลอดเวลา พอเลิกกินก็มีปัญหา คือ เจ็บหัว ปวดหัวอย่างรุนแรง

สวดมนต์ก็แล้ว นั่งสมาธิก็แล้ว ไม่หายสักที ยิ่งสวดมนต์ยิ่งผวาหวาดกลัว ประสาทหลอน แทบคลั่ง อยาก "ฆ่าตัวตาย"

แม่ชีจึงถามว่าสวดมนต์บ่อยไหม? สวดทุกวัน ยิ่งสวดยิ่งเหมือนจะบ้า...

เอาละ...อยากจะบอกผู้ที่เริ่มสวดมนต์และทำสมาธิใหม่ๆสักนิด หลายคนคงคิดว่า การสวดมนต์นั้น สวดบท ชินบัญชร คงจะดีเป็นมงคล จึงสวดตามเขาบอกมา

แม่ชีอยากจะแนะนำสักนิดนะ คนที่ใจแข็งแล้วนั้น สวดมนต์บทนี้ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าคนที่เพิ่งเริ่มสวด โดยไม่รู้ความหมายของบทที่สวดก็จะเกิดปัญหาเหมือนกันนะ คาถาชินบัญชรนั้น เดิมทีเป็นภาษา " กูโบส" ที่สมเด็จโตฯ นำมารจนาใหม่โดยใส่พระอรหันต์ทั้งหมดไว้ในบทสวด

กูโบสนั้นเป็นภาษาฮินดูโบราณ พอคนสวดมนต์บทนี้ วิญญาณบางพวกนั้นอยากลองของ มันก็เหมือนกับเราเป็นหมอปราบผีแต่จิตไม่กล้าแกร่ง ก็โดนผีเกเรเล่นงานกัน ป่าราบน่ะสิ

นี่ก็เหมือนกัน แม่ชีก็เคยเป็นแบบนี้ตอนบวชใหม่ๆ ท่องคาถาชินบัญชรทุกวัน จนบ้าเลย ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่ว่าบทสวดไม่ดีนะ "ดีเยี่ยมทีเดียว" แต่ท่องแล้วมันเท่ากับเพิ่มความขลังให้กับจิต เราจับมันไม่ทัน จึงมีอาการแปลกๆออกมา เข่นเหมือนเสียงผู้ชาย เสียงผู้หญิงอ่อนหวาน เสียงห้าวๆซึ่งยุให้อาการหึกเหิม และบางทีเหมือนเสียงยานคล้ายพระแก่ๆ ทำให้คนสวดเหนื่อย ใจเต้นแรง และอีกหลายอย่าง ถ้าควบคุมไม่ทัน เพราะไม่รู้ก็จะสติฟั่นเฟือน บ้าๆบอๆไปเลย เนื่องจากขาดสติครอง

คนจึงคิดไปต่างๆนานา บางคนกลัวและหวาดผวาโดยไม่รู้ตัว ไปหาหมอ หมอบอกว่า "เครียด" กินยาไปทุกวัน ผลข้างเคียงของยาก็เกิด คือทำให้ร่างกายแข็งทื่อ อ่อนเพลีย ถ้าหยุดกินอาการก็จะกำเริบแรง

วิธีแก้จากอาการเหล่านี้นั้นมีนะ คือพยายามลดยาลง แต่ยังต้องกินนะ และทำสมาธิใหม่ อธิษฐานไปเลยว่า ยอมตาย ขอถวายร่างนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ จากนั้นก็ทำจิตให้ว่างจากความคิด ไม่ต้องท่องอะไรนะ...ทำจิตให้เป็นภวังค์ จะมีลมวิ่งขึ้นหัว หัวจะเย็นนะ นั่นก็หมายความว่า ร่างกายได้ปรับความสมดุลแล้ว อาการปวดหัว และอาการหวาดผวาจะหายไปเลย

ถ้าเริ่มสวดมนต์นะ ลองเริ่มสวดบทกะระณีฯและบทเมตตาเถอะ เป็นการขอขมาโทษ ถ้าทำอะไรผิดไป หรือล่วงเกินสิ่งที่มองไม่เห็น และขอให้ท่านเมตตาเรา ดีกว่าสวดชินบัญชรนะ ผีบางพวกไม่ชอบฟัง โดยเฉพาะผีแขกจ้า....

ลองทำใหม่ หายใจลึกๆให้ลงไปถึงท้องสัก 3 หรือ 4 ครั้งนะจะรู้สึกดี ขอให้คนที่มีอาการอย่างที่พูดมาหรือคนใกล้ชิดเป็น ก็ลองให้ทำอย่างแม่ชีดูนะจ๊ะ

ธรรมะสวัสดีเจ้าค่ะ..........

 

สาธุ ไม่เคยทราบมาก่อนเลยค่ะเรื่องสวดมนต์บท "ชินบัญชร" แล้วอาจเป็นแบบนี้

แม่ชีขา แล้วบท "ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก" ล่ะคะ บทนี้สวดแล้วอาจเจอเช่นเดียวกันไหมคะ ?

ได้ยินหลายคนสวดมนต์แล้วเจอเป็นภาพเป็นเสียงมา แต่บางคนก็ไม่เจอ (มะลิก็ไม่เคยเจอ) แบบนี้เพราะเราจิตยังไม่ละเอียดเท่าคนที่เจอหรือเปล่าคะ ?

 

เจริญธรรม...

มีแฟนหลายคนมันไม่ผิดหรอก ส่วนสำหรับศีลข้อ 2 นั้น มันลักทรัพย์ ลักขโมย ฉ้อฉลกลลวงของหวงของผู้อื่น... เขาก็ไม่ได้ลักขโมยนี่

หนูเปล่านะ เขามาเอง หนูเปล่าชวนนะ เขามาเอง...ล่ะจ้า

สงสัยคนถามจะโดนเองซะละมั้ง?

รู้สึกว่าแอนตี้จัง...แม่ชีก็ไม่ได้เข้าข้างพวกผู้ชายและผู้หญิงที่มีกิ๊กมากนะ มันธรรมดาของโลก ไม่มีใครจิตคงมั่นดวงเดียวไม่เหลียวใครหรอก...เผื่อเอาไว้ทั้งนั้น ผิดไหม? ไม่ผิด ไม่แปลก ไม่บาป

แต่ถ้าไม่มีกิ๊กนั่นดีที่สุด ไม่ทุกข์ เป็นสุขสบายตัว...ความรักนั้นดี ถ้าที่ใด คนใดไม่มีรัก ที่นั่นไม่มีความสามัคคี ตีกัน ฆ่ากันตลอดเวลานะจ๊ะ

เวลารักใครก็รักให้จริงใจ แต่อย่ารักคนเดียวจนหมดทั้งสี่ห้องหัวใจ ต้องเผื่อห้องอื่นเอาไว้ ให้พ่อแม่และตัวเองบ้าง เพราะถ้าอกหักจากคนนั้น ก็ยังมีพ่อแม่ และตัวเอง จะได้ไม่เสียใจมากๆ จนต้องฆ่าตัวเองตาย

"ฆ่าตัวเองตายทำไม ให้โง่" จริงมั้ย? ธรรมะสวัสดี

 

เจริญธรรมอีกครั้ง...

"คาถายอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก" นั้นในบทสวดมีทุกอย่างรวมอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจของพระธรรม พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ เทพ เทวดา พรหม ...ก็อย่างเช่น อินทะสาวัง มหาอินทะสาวัง ฯลฯ เห็นไหมมีครบถ้วน ความอิจฉากันก็ไม่มี บทอินทะสาวังฯนี้ เขาใช้สวดเวลาที่มีฟ้าผ่าจะเป็นบ้านก็ดี ผ่าทุ่งนา ต้นไม้ฯลฯ ล้วนใช้บทนี้ แต่พระสมัยใหม่ไม่ได้เรียนรู้ นอกจากพระเก่าๆ รุ่นหลวงปู่นั่นแหละ

การเจอะเจอนั้นไม่เหมือนกัน เพราะคนเราสร้างบุญบารมีมาไม่เหมือนกัน จะให้ได้เหมือนกันก็ต่อเมื่อ กระทำได้เหมือนกัน

เข้าใจนะจ๊ะ นอนดึกเหมือนกันนี่...ระวังรักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ
ธรรมะสวัสดี...

 

อุ๊ย..! ข้อ 4 เจ้าค่ะ พิมพ์ผิดค่ะแม่ชี หมายถึง "มุสา" ค่ะ กราบขออภัยค่ะ...

มะลิก็ไม่ถึงกับแอนตี้ค่ะ แต่ว่าเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ดี และ เข้าใจว่าผิดศีลกาเมฯ

ไม่สบายใจที่น้องชายมีแฟน 2 คน เรื่องมันก็ยุ่งๆ ค่ะ คนรองไม่ยอมเลิก คนแรกเป็นทุกข์ จะเลิก แต่ผู้ชายก็ไม่ยอม จะเลิกกับคนรองก็ทำไม่ได้ ก็เลยต้องคบๆ ไปทั้งคู่เลย โดยก็ต้องคอยโกหกตลอด มะลิก็กลัวว่าลักษณะนี้จะเป็นบาปกรรมน่ะค่ะ (จับปลาสองมือ น่าจะให้หลุดไปทั้งสองเลย)

ที่แ่ม่ชีกล่าว มะลิทำความเข้าใจแล้วค่ะ สรุปว่า...

*ถ้ายังโสด การมีแฟน(ที่ไม่ใช่บุคคลต้องห้าม) มากกว่า 1 คน ไม่ผิดศีลข้อ 3 (เรื่องน้องชาย ก็ค่อยเบาใจไปหน่อยค่ะ) สามารถทำได้..

*แต่ก็อาจไม่พ้นเวรกรรมไปได้ ใช่ไม๊คะแม่ชีขา เพราะว่า ก่อกรรมอย่างอื่น เช่น เจตนาหลอกลวง หลอกว่ายังไม่มีแฟน หลอกให้เขารักเขาหลง จิตใจไม่ดี-หลอกลวง น่าจะเป็นบาปนะคะแม่ชีขา ต่อมาก็ต้อง มุสาอีกเป็นอาจิณ ก่อทุกข์ให้แฟน อาจเกิดหึงหวงแล้วทำร้ายกัน ฆ่ากัน หรือ ฆ่าตัวตาย ฯลฯ

โดยเฉพาะในสังคมที่กิ๊กระบาดแบบปัจจุบันนี้ น่ากลัวจริงๆ น่ะค่ะ คนที่มีแฟนเจ้าชู้ ส่วนใหญ่ก็ปลงกันไม่ค่อยจะได้ เกิดอาชญากรรมก็มากเพราะเรื่องพรรณนี้

*คนมีแฟน หรือมีคู่ครองแล้วก็ตาม ก็ต้องเผื่อใจไว้เสมอ ต้องคิดว่า เรื่องแบบนี้เป็น "ธรรมดาของโลก" และ เตือนตนไว้ว่า "เวลารักใครก็รักให้จริงใจ แต่อย่ารักคนเดียวจนหมดทั้งสี่ห้องหัวใจ ต้องเผื่อห้องอื่นเอาไว้ ให้พ่อแม่และตัวเองบ้าง" ดังที่แม่ชีกล่าวไว้...


ส่วนตัวมะลิเอง เคยผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้เสียใจมาเหมือนกันค่ะ แต่ก็เป็นบทเรียนทำให้ตาสว่างว่าไม่มีอะไรเที่ยง ตั้งแต่นั้นก็ระลึกไว้เสมออย่างที่แม่ชีสอนเปี๊ยบเลย เจ้าค่า

จะว่าไป โสด ไม่ต้องมีคู่เลย น่าจะดีที่สุดนะเจ้าคะ ไม่ต้องมีห่วง หวง ..มาปฎิบัติธรรมดีกว่า..

กราบขอบพระคุณแม่ชีค่ะ ที่ได้ตอบปัญหาคาใจของมะลิ และได้ให้ธรรมะเตือนสติหญิงชายทั้งหลายด้วยค่ะ (i)

 

อูยย ดูเหมือนมะลิจ้ออยู่คนเดียวเลยตอนนี้
แม่ชีขา ค่อยตอบมะลิก็ได้เจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ

แม่ชีพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ มะลิขอโทษค่ะ ที่ยังพิมพ์ถามติดๆ กันอยู่ได้
คือตอนนี้มะลิอยู่อเมริกาอ่ะค่ะ ได้นอนไปแล้ว..

กราบเท้าแม่ชีเจ้าค่ะ

Goodnight เจ้าค่ะ~~

(f)

 

เจริญธรรม คุณมะลิ....

ต้องขอโทษด้วยจ้า นึกว่าอยู่เมืองไทย เห็นนอนดึกนึกว่าจะคอย ดูจัทรุปราคาเสียอีก เพราะในเมืองไทย เกิดตอนประมาณตี 1กว่าๆ

และต้องขออนุโมทนาบุญด้วยที่เขียนมาถาม แม่ชียินดีตอบทุกคำถามจ๊ะ รู้สึกว่ามีคนไทยไปอยู่ที่อังกฤษเยอะ เพื่อนของแม่ชีก็ไปอยู่ที่นั่นเหมือนกัน

นับว่าคนไทยโชคดี ที่ได้มีโอกาสสนทนาธรรมในเว็ปใน net""ได้ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า แม่ชีจึงต้องพัฒนาตนเองให้เข้ากับยุคปัจจุบัน

เพราะการสอนธรรมแบบล้าหลังมักเป็นที่มาของความงมงาย ไม่ทันโลก ฉะนั้นเราต้องเสพเทคโนโลยีให้เป็น เพื่อประโยชน์อันสูงสุด ก็พยายามปรังปรุงเทคนิคการพิมพ์ การจัดรูปแบบดังที่คุณโยมในเว็ปทำให้ดูนะ...

ตอนนี้โชคดีที่สามารถตอบคำถามได้ตลอดเมื่อว่างจากการสอน เพราะใช้โทรศัพท์มือถือแบบเหมาจ่าย เพราะไม่เช่นนั้นไม่ได้ตอบคำถามแน่ เนื่องจากโทรศัพท์องค์การลากสายขึ้นเขาลำบากจ้า

ไม่ต้องเกรงใจ ถามมานั้นน่ะดี เพราะมันเป็นประโยชน์แก่บุคคลทั่วไปด้วย เป็นการให้ธรรมวิทยาทานแก่กัน

เป็นการช่วยกัน ให้น้ำคำที่ดีต่อกัน แม้ตัวจะอยู่ไกล แต่เราสามารถ ประสานใจให้ใกล้กันได้ สร้างความอบอุ่นให้กันและกัน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆที่เป็นประโยชน์แก่ตนฝ่ายเดียว

แม่ชีขออนุโมทนาสาธุด้วย...หวังว่าคงเลิกเกรงใจนะ...ธรรมสวัสดีค่ะ