ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================

    16 ก.ย. 51


    เรื่องเล่าจากภาพ
    การทะเลาะวิวาท ผู้นำจากคนนอก แผ่นดินไหวจะตามมา

    หนังสือพิมพ์------ประโคมข่าว------เอาคนกลาง
    นำมาวาง---------เป็นผู้นำ---------ของประเทศ
    จะได้เกิด---------สามัคคี----------เพื่อลดเหตุ
    ให้สังเกตุ---------เพศภัย----------จะตามมา


    หนีเสือปะจรเข้

    เหมือนกับหมาก-------กับดัก----------ที่วางไว้
    ปลาเข้าไซ-----------ดิ้นไม่หลุด------หยุดกับที่
    พอพ้นเรื่อง-----------ของคน---------คิดว่าดี
    ไม่พ้นที่--------------ภัยพิบัติ---------คืบคลานแทน


    7 มี.ค. 53
    เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 17A 17V

    เที่ยวที่แล้ว------ผมเคยเตือน------เรื่องไฟดับ
    ไฟนั้นกลับ-------ตามไปดับ-------ต่างประเทศ


    29 มี.ค. 53
    ฟิวส์ขาด

    มาเที่ยวนี้-------ก็ขอแจ้ง-------กันอีกที
    ไม่รู้ที่----------ไฟจะดับ--------กับบ้านใด?




    องค์อินทร์ - ๙๗
    ทำการแทน

    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>
     
  2. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7060 ข่าวสดรายวัน


    ทดสอบหอเตือนภัยผ่านฉลุย




    กระบี่ - นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เผยว่า จากการร่วมสังเกตการณ์การทดสอบหอเตือนภัยสึนามิ จำนวน 5 จุด ประกอบด้วย หอเตือนภัย ที่บริเวณหาดคลองม่วง หมู่ที่ 2 ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ หอเตือนภัยบ้านเกาะกวาง ม.3 ต.หนองทะเล หอเตือนภัยบ้านหาดอ่าวนาง และที่บริเวณหาดนพรัตน์ธารา ต.อ่าวนาง อีกจำนวน 2 หอ ในการทดสอบครั้งนี้ได้มีการเชื่อมต่อสัญญาณจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ มายังหอเตือนภัยทั้ง 5 หอ โดยเปิดสัญญาณเป็นเสียงเคาะ จำนวน 2 สองครั้งติดต่อกัน เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเกิดความตื่นตระ หนก

    ผลจากการทดสอบการเชื่อมต่อสัญญาณไปยังหอเตือนภัยทั้ง 5 หอ ผลปรากฏว่ามีเสียงสัญญาณเสียงดังชัดเจนทุกจุด ส่วนหอเตือนภัยอีกจำนวน 15 หอที่กระจายอยู่ตามอำเภอต่างๆ มีการทดสอบแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งผลปรากฏว่าสามารถเชื่อมต่อกับศูนย์เตือนภัยได้และมีเสียงดังชัดเจนเช่นกัน หอเตือนภัยของจังหวัดรวมทั้งสิ้น 32 หอ เชื่อว่าประชาชนและนักท่องเที่ยวก็จะมีความมั่นใจในระบบการเตือนของจังหวัดกระบี่มากขึ้น


    สสส.หนุนโครงการ600วัด ปลุกกระแส-เข้าวัดวันอาทิตย์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อเร็วๆ นี้ สำนัก งานกองทุนสนับ สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมูลนิธิศึกษาธิการแห่งประเทศไทย จัดการประชุมชี้แจงและแถลงข่าวเปิดโครงการสนับ สนุนวัดเพื่อพัฒนาเด็กเยาวชนและชุมชน

    นางเพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการสร้างการเรียนรู้และสุขภาวะองค์กร สสส. กล่าวถึงโครงการนี้ว่า เป็นโครง การที่อยู่ในแผนสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร เพื่อให้วัดเป็นองค์กรสร้างสุขภาวะ และยังเป็นการเปิดพื้นที่เพื่อสนับสนุนกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อเด็ก เยาวชน และครอบครัว ต่อเนื่องจากการที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเรื่องพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน ซึ่งที่ผ่านมา สสส.เคยสนับสนุนโครงการที่สนับสนุนให้วัดเป็นศูนย์รวมของชุมชนมาแล้ว จำนวน 100 กว่าวัด

    สำหรับโครงการสนับสนุนวัดเพื่อพัฒนาเด็กเยาวชนและชุมชน เป็นการดำเนินงานต่อเนื่องภายใต้แนวคิดเดียวกัน อีก 600 วัด เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมในวันอาทิตย์

    นายธำรง อมโร ผู้จัดการโครงการสนับสนุนวัดเพื่อพัฒนาเด็กเยาวชนและชุมชน สสส. กล่าวว่า จากเดิมมูลนิธิศึกษาธิการแห่งประเทศไทยได้ทำงานเกี่ยวกับการส่งเสริมพระพุทธศาสนามาหลายปี เมื่อได้ทราบว่า สสส.มีแผนเกี่ยวกับวัดเสริมสร้างสุขภาวะให้การสนับสนุน จึงยื่นโครงการเข้ามา <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    โดยมีหลักการว่า วัดมีบทบาทในสังคมไทยมาเป็นเวลานาน ข้อมูลจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า เมื่อปี 2551 ประเทศไทยมีวัดอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 35,271 วัด มีภิกษุ 256,163 รูป สามเณร 70,081 รูป พุทธศาสนิกชน 46,902,100 คน แต่ปัจจุบัน เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไปมาก พุทธศาสนิกชนห่างวัดมากขึ้น จะทำอย่างไรให้คนไทยเข้าวัดมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน

    "โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้วัดเป็นศูนย์กลางในการเสริมสร้างสุขภาวะให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม เกิดการบูรณาการวิถีชีวิตในชุมชน อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เพื่อให้วัดจัดกิจกรรมทุกวันอาทิตย์ โดยมีโรงเรียนและชุมชนสนับสนุน" นายธำรงกล่าว <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ธำรง อมโร

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    โครงการสนับสนุนวัดเพื่อพัฒนาเด็กเยาวชนและชุมชน จะดำเนินการใน 600 วัด ใน 15 จังหวัดของ 3 ภาค ดังนี้ ภาคเหนือ ใน จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน และพะเยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จ.มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ และภาคใต้ ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา และสตูล โดยมีหลักในการเลือกวัดจากชุมชนที่ สสส.เข้าไปดำเนินงานอยู่ก่อนแล้ว เพื่อให้ได้เครือข่ายมากขึ้น คาดว่า จากการดำเนินการโครงการ จะมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมอื่นๆ ที่วัดจัดขึ้น อย่างน้อย 800,000 คน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและประชาชนโดยรวม ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน และหน่วยงานราชการ ได้ร่วมกันคืนวิถีชีวิตดั้งเดิมให้คนไทย อันจะก่อให้เกิดกระแสการเข้าวัดวันอาทิตย์ขยายผลไปยังวัดและชุมชนอื่น

    ด้านนายสุรินทร์ จิรวิศิษฐ์ ผู้ทรงคุณวุฒิจาก สสส. กล่าวถึงการคัดเลือกวัดที่เข้าร่วม ว่า "ผมคิดว่าวัดอาจต้องเปลี่ยนเป็นแนวทางจากแนวตั้งรับ (Passive) ให้เป็นแนวรุก (Active) เพื่อให้เท่าทันกับสังคมมากขึ้น เวลาองค์กรขยับมันจะได้เยอะ เมื่อเปรียบเทียบกับปัจเจกบุคคลมันก็ได้เพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นถ้าวัดขับเคลื่อนได้แล้ว จะช่วยให้สังคมเคลื่อนอย่างเป็นองคาพยพ สังคมก็จะได้เห็นวัดที่ดี และมีคุณภาพให้คนได้ใช้ประโยชน์ในวัด นอกเหนือจากการจัดพิธีกรรมทางศาสนา ยิ่งเมื่อเราเน้นไปที่เด็กและเยาวชนก็จะช่วยดึงให้พ่อแม่เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมด้วยในช่วงวันหยุด เพื่อจะสร้างค่านิยมใหม่ๆ ให้กับสังคมโดยให้วัดเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ และต้นแบบที่ดีต่อคนในชุมชนต่อไป" นายสุรินทร์กล่าว

    สำหรับกิจกรรมที่จะมีการดำเนินการนั้นประกอบด้วย การทำบุญตักบาตร การรักษาศีล ปฏิบัติธรรม อบรมเทศนา การพัฒนาวัดตามโครงการ 5 ส (สะสาง สะดวก สะอาด สุข ลักษณะ สร้างนิสัย) จัดป้ายคติธรรมคำกลอนในต้นไม้บอร์ด หอกระจายข่าวประชาสัมพันธ์เผยแพร่ธรรมะในวันหยุด เป็นต้น

    ออสซี่ไล่จับคางคกพิษ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพีรายงานเมื่อ 28 มี.ค. ชาวออสเตรเลียระดมจับกบไม้ไผ่พิษในเมืองเคิร์นส์ รัฐควีนส์แลนด์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นรอบที่ 2 ของปี โดยตั้งเป้าจับให้ได้ 10,000 ตัว เท่ากับครั้งแรก และซากคางคกที่ฆ่าด้วยวิธีการุณยฆาตแล้ว จะส่งให้เกษตรกรผู้ปลูกไม้ไผ่นำไปทำปุ๋ยต่อไป ทั้งนี้ กบไม้ไผ่พิษมีถุงที่บรรจุพิษอยู่ที่หลังหัว พิษนี้ร้ายแรงขนาดฆ่างูหรือจระเข้ได้ ทำให้มันถูกจัดเป็นสัตว์ที่ทำลายสิ่งแวดล้อมและเป็นอันตรายต่อปศุสัตว์และมนุษย์ในออสเตรเลีย
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ช่วงนี้ มีหลายๆท่านตื่นขึ้นดึกๆเวลา ตีสามถึงตีสี่หลายท่าน

    ได้ข่าวสารมาว่า ทางครูบาอาจารย์ท่านส่งญาณมาสอนสมาธิอภิญญาช่วงนี้ สำหรับท่านที่มีหน้าที่

    ขอให้แข็งใจ ใช้วิริยะบารมี รำลึกถึงพระพุทธเจ้า พระอริยะสงฆ์และครูบาอาจารย์ฝ่ายสัมมาทิฐิทุึกๆท่านเอาไว้แล้วภาวนา

    สิ่งที่ ท่านสอนมาเป็นธรรม เป็นสรรพวิชชาทั้งปวงจะจำได้ก็ดี จำไม่ได้ก็ดี อธิฐานขอให้บันทึกลงสู่จิตโดยตรง ครั้นเวลาต้องใช้ ก็ขอให้ใช้ได้ดังใจนึกเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมครับ

    มีที่พูดคุยกันตรงกัน และบางท่าน ท่านก็มาสอนในฝัน พาไปเรียน ไปฝึกสมาธิกันด้วยกายทิพย์หลายท่านครับ

    ช่วยกันสร้างกุศลเพื่อบ้านเมืองกันครับ
     
  4. kumpeang

    kumpeang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,984

    อืมๆๆๆๆ ผม มาฉุกคิด ว่าเพ้อเจ้อไปคนเดียว ชอบ ฝัน ว่า นี่คือการฝึกสมาธิในฝันหรือ เพราะ บ่อยครั้ง นอนอยู่ๆ ก็เกิด อาการ กึ่งๆ สุขๆ ซู่ซ่า เหมือน จะมีอีกร่างจะลอยแยกออกจากตัว แต่มันไม่หลุดออก โดยที่ผมในฝันบอกว่า นี่คือ อาการปิติ ให้จำอาการนี้ไว้นะ แล้วก็ สวด อิปิติโส ต่อไปอีก ตื่นมา ก็เลยคิดว่า ผมคงจะชอบนอนนับลมหายใจ ไปจนหลับครับ

    อีกอย่าง คือ ชอบฝันว่ามักไปอาศัย อยู่ตามตึก อาคาร รวมๆ กับผู้คนมากมาย
     
  5. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549

    อ้าว หมู่นี้ ตื่นตอนตีสี่กว่าๆ บ่อยๆน่ะค่ะ
    แต่ไม่รู้นะคะ เลยนอนต่อ 5555
    เกี่ยวมั้ยอะคะ
     
  6. NatAndaman

    NatAndaman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +605
    ขณะนี้ สามทุ่มกว่า ทำไมท้องฟ้าและสีแดงมาก จะเกิดพายุหรือเปล่า หรือเป็นการบอกเหตุการณ์ไรครับ
     
  7. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    834
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ผมติดตามคำทำนาย อ.ปริญญา มานาน ที่ถูกก็มีที่ผิดก็เยอะครับ เพราะระยะระเวลาที่ทำนายกับช่วงที่จะเกิดเหตุการณ์มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามา ทำให้ไม่แม่น
     
  8. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    ดร.อาจอง ชุมสาย กล่าวสรุปว่า ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์แล้ว

    ในปี 2012 จะไม่มีเหตุการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ดังปรากฏในภาพยนตร์

    และไม่เกิดเหตุการณ์ ดาว Nibiru มาชนโลกด้วย แต่จะเกิดเหตุการณ์ ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน ภายใน 10 ปี



    แนวทางแก้ไขนอกจากการย้ายเมืองหลวงหนีปัญหา ศ.เกียรติคุณ ฉลอง เกิดพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญการบริหารและ

    พัฒนาแหล่งน้ำ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาทรัพยากรน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เสนอว่า

    การป้องกันน้ำท่วม กทม. น่าจะมีการศึกษาถึงการสร้างเขื่อนกั้นปากแม่น้ำ ตั้งแต่ จ.เพชรบุรีไปจนถึง จ.ชลบุรี

    ซึ่งตัวเขื่อนจะมีความยาว 90 กิโลเมตร มีความสูง 38 เมตร และอยู่ห่างจากชายฝั่ง 40 กิโลเมตร เพื่อระบายน้ำและ


    เก็บกักน้ำเหนือที่ไหลบ่ามาตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะลดปัญหาน้ำทะเลหนุน และน้ำทะเลลง เพียงแค่วันละ 5-6 ชั่วโมง

    เท่านั้น

    โดยจะมีการสร้างประตูน้ำเปิด-ปิด เพื่อให้เรือประมงผ่านเข้าออกได้ คาดว่าใช้งบประมาณแสนล้านบาท

    นอกจากนี้ ผลพลอยได้จากการสร้างเขื่อนกั้นปากแม่น้ำ อาจจะผลิตกระแสไฟฟ้าจากน้ำทะเลขึ้น-ลง แถมยังช่วย

    ป้องกันน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นจากสภาวะโลกร้อน ในอนาคตอีกด้วย


    "ผมว่า น่าจะมีการศึกษาความเป็นไปได้ ของการสร้างเขื่อนกั้นปากแม่น้ำ จาก จ.เพชรบุรีไปถึง จ.ชลบุรี หรือแก้มลิง


    ปากแม่น้ำ เพราะหากว่า มีเขื่อนกั้นปากแม่น้ำแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างเขื่อนหรือแก้มลิงบนบก เพราะบางที น้ำก็อาจ

    จะไปท่วมที่ทำกินของชาวบ้าน นอกจากนี้ การสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำที่อ่าวไทย อาจจะผลิตไฟฟ้าจากน้ำขึ้นน้ำลงได้

    อีกด้วย หากการศึกษาเบื้องต้น เห็นว่าโครงการนี้ไม่เหมาะสม ก็ค่อยยกเลิกโครงการไป"



    ศ.เกียรติคุณ ฉลอง กล่าว



    [​IMG]
    untitled-2
    [​IMG]
    untitled-3
    [​IMG]
    untitled-4
    [​IMG]
    untitled-5
    [​IMG]
    untitled-6
    [​IMG]
    untitled-7
    [​IMG]
    untitled-8
    [​IMG]
    untitled-9
    [​IMG]
    untitled-10
    [​IMG]
    untitled-11
    [​IMG]
    untitled-12
    [​IMG]
    untitled-13
    [​IMG]
    untitled-14
    [​IMG]
    untitled-15
    [​IMG]
    untitled-16
    [​IMG]
    untitled-17
    [​IMG]
    untitled-18
    [​IMG]
    untitled-19
    [​IMG]
     
  9. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
    เปิดหัวใจกตัญญู ของ บุญแถม หนุ่มขอทานเมืองอำนาจ
    "ถึงแม่ผมจะบ้า และเลี้ยงผมมาแค่วันหรือสองวัน แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าได้เป็นแม่ ผมไม่อายที่แม่เป็นแบบนี้ ถ้าไม่มีแม่ ผมก็ไม่ได้โตมาขนาดนี้ ผมจะดูแลแม่เอง" นี่คือเสียงประกาศก้องของ "บุญแถม" เด็กหนุ่มขอทานพเนจรจากเมืองอำนาจเจริญ

    "บุญแถม ศรีสุข" เด็กหนุ่มวัย 24 ปี ที่ดูภายนอกแล้ว ก็เหมือนกับคนธรรมดาคนหนึ่ง แถมหน้าตาของเขาก็ไม่ได้ขี้ริ้ว ขี้เหร่ หากไม่มีใครบอก คงไม่มีใครรู้ว่า เด็กหนุ่มคนนี้มีความผิดปกติทางสติปัญญา และยังมีชีวิตที่น่าสงสาร นั่นเพราะ "บุญแถม" เกิดจากแม่ที่มีสติไม่สมประกอบ กับชายที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ในตลาดเทศบาลอำนาจเจริญ ตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน

    ชีวิตวัยเยาว์ของ "บุญแถม" เขาได้ไปอยู่ในความดูแลของพ่อบุญธรรม ซึ่งเป็นชายที่เป็นโรคเรื้อน และเป็นขอทาน เนื่องจากแม่ของเขาไม่มีเงินและไม่มีสติที่จะสามารถเลี้ยง "บุญแถม" ได้ ดังนั้น ตั้งแต่เด็ก เมื่อพ่อบุญธรรมไปนั่งขอทานที่ไหน ก็จะพา "บุญแถม" ไปนั่งขอทานด้วยตลอด ช่วงที่ "บุญแถม" เรียนอยู่ชั้น ป. 2 บ่อยครั้งที่เขามักหายตัวออกไปจากห้องเรียน ไม่ค่อยเข้าเรียนเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ แต่เมื่อกลับมา ก็จะมีขนมมาฝากเพื่อนๆ ทุกครั้ง จนครูมารู้ทีหลังว่า "บุญแถม" ไปเป็นขอทานมา แต่เมื่อเรียนจบชั้น ป.2 "บุญแถม" ก็ไม่ได้มาเรียนอีก เขายึดอาชีพ "ขอทาน" ต่อไป จนกระทั่งเติบโตเป็นหนุ่ม "บุญแถม" ก็ประกอบอาชีพนี้

    โชคดี ที่ "บุญแถม" มีพรสวรรค์อยู่อย่างหนึ่ง คือ การร้องเพลง และเล่นดนตรี ซึ่ง "บุญแถม" เล่นได้ทั้งแคน พิณ ขลุ่ย โหวด ซอ จากการฝึกหัดเรียนรู้ด้วยตัวเอง พร้อมความสามารถในการแต่งเพลง เขาจึงนำความสามารถนี้ ไปใช้ประกอบอาชีพ เพื่อแลกเศษเงินจากผู้คนที่ต่างเดินผ่านมาผ่านไป "บุญแถม" พเนจรไปตามจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน โดยมีจุดประสงค์อย่างหนึ่งในการขอทาน คือ เพื่อหาเงินเรียนหนังสือ ด้วยเหตุผลก็คือ "อยากจะมีอนาคตเหมือนคนอื่นเขา"
    ชาวบ้านที่เดินผ่านมา ผ่านไป รวมทั้งแม่ค้าย่านตลาด หรือคนที่เห็น "บุญแถม" จนคุ้นเคย มักบอกว่า "บุญแถม" ดูไม่เต็มบาท ไม่สมประกอบ ซึ่ง "บุญแถม" ยอมรับว่า อาชีพขอทานของเขา เป็นอาชีพที่ต่ำต้อย และไร้ศักดิ์ศรี แต่เขาก็ต้องทำ เพราะเขาเชื่อว่า นี่จะเป็นหนทางไปสู่ความฝัน ในการเป็นดาราและนักร้องอย่างที่ใจปรารถนา

    ทุกครั้งที่ "บุญแถม" ขอทานได้เงินมา เขาจะนำเงินไปให้ "แม่" ผู้ให้กำเนิด เพื่อไว้กินไว้ใช้ และไม่ว่า "บุญแถม" จะเร่ร่อนไปขอทานในจังหวัดใดก็ตาม "บุญแถม" ก็ต้องกลับมาที่บ้าน ที่จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อมาทำหน้าที่ "ลูก" เสมอๆ ในทุกๆ สัปดาห์ โดยเขาจะอาศัยบ้านของคนรู้จัก และมีน้ำใจให้ความช่วยเหลือเขา เป็นที่พักพิงในคืนๆ หนึ่ง

    นอกจาก "บุญแถม" จะเลี้ยงดูแม่แล้ว "บุญแถม" ยังต้องเลี้ยงดูหลานกำพร้า อีก 2 คน ที่พ่อแม่ไม่สนใจเลี้ยงดู แต่ "บุญแถม" ก็ยินดีช่วยเหลือเด็กๆ ทั้งสอง ด้วยการซื้อหาอุปกรณ์การเรียนให้ เพราะเขาไม่ต้องการเห็นเด็กๆ เสียคน และ "บุญแถม" ยังย้ำว่า ไม่เคยคิดจะให้หลานๆ มาขอทานกับเขา เพราะคิดว่า การขอทานเป็นส่วนต่ำที่สุดของคน ซึ่งเขาจะขอเป็นขอทานเพียงคนเดียว ดีกว่าให้หลานๆ มาตกระกำลำบากไปด้วย หรือหากวันใด "บุญแถม" ขอทานได้เงินมามาก "บุญแถม" ก็จะซื้อขนมมาแจกให้เด็กๆ ในโรงเรียนที่เขาเคยเรียนอยู่สมัยชั้น ป.2 และร้องเพลงให้ฟัง พร้อมกำชับให้พวกเด็กๆ ตั้งใจเรียนหนังสือ จะได้มีงานทำ มีอนาคตที่ดี
    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ "บุญแถม" ต้องการที่สุด ณ ตอนนี้ คือ การได้รับการยอมรับจากคนอื่น และอยากให้คนเห็นคุณค่าในตัวของเขา ทั้งยังปรารถนาจะมีบ้านเล็กๆ สักหลัง เพื่อที่จะได้อยู่กับแม่ และหลาน สร้างครอบครัวใหม่ที่อบอุ่น และมีความสุข

    แม้ "บุญแถม" จะไม่มีอะไร อย่างเช่นที่คนอื่นมี แต่เขาก็มี "หัวใจ" ที่จะส่งต่อในสิ่งที่เขาได้รับมาให้แก่ผู้อื่นต่อไป คงจะไม่ผิดนัก หากจะบอกว่า "บุญแถม" เด็กหนุ่มสติไม่ดีคนหนึ่ง และมีต้นทุนชีวิตที่ไม่สวยหรูเท่าไหร่นัก ยังมี "จิตใจ" สูงส่ง ทั้งความ "กตัญญู" และการเป็นผู้ให้มากกว่าใครอีกหลายๆ คนที่มีพร้อมทุกอย่างเสียด้วยซ้ำ. . ​
     
  10. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    สาเหตุของความยากจนสามารถแบ่งได้เป็นสองแนวทางใหญ่ๆ คือ
    สาเหตุจากปัจจัยภายใน ได้แก่ การมีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพต่ำ เนื่องจากการขาดโอกาสในการศึกษาและพัฒนา
    ทักษะต่างๆ รวมทั้งการขาดโอกาสในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ การมีปัญหาสุขภาพ และการมีภาระ
    ในการเลี้ยงดูครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ ประกอบกับการมีทรัพย์สินและที่ดินในการทำกินน้อย ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนเป็นสาเหตุภายใน
    บุคคลที่ทำให้บุคคลกลายเป็นคนจนได้

    สาเหตุจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ นโยบายการพัฒนาที่ไม่สมดุลของภาครัฐ ที่เน้นพัฒนาเมืองมากกว่าพัฒนาชนบทหรือการพัฒนา
    ชนบทที่เน้นแต่ทุนทางกายภาพโดยขาดการส่งเสริมทุนทางสังคม เน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมมากกว่าการเกษตร เน้นการจัดสรร
    ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ เพื่อการพาณิชย์โดยไม่ได้คำนึงถึงความยั่งยืน เน้นเป้าหมายการเจริญเติบโต ทางด้านเศรษฐกิจ
    มากกว่าการกระจายรายได้ เน้นการเปิดประเทศมากเกินไปในขณะที่ยังไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบ ในด้านต่างๆ ที่ดีพอ
    กระบวนการทางกฎหมายที่เป็นตัวสร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม และระบบราชการไม่เอื้อต่อการแก้ปัญหา ความยากจนทั้งในแง่
    ขั้นตอนในการปฏิบัติงานที่ซับซ้อนและล่าช้า รวมไปถึงความซ้ำซ้อนของหน่วยงานต่าง ๆ ในขั้นตอน การปฏิบัติการ ตลอดจน
    ความไม่สอดคล้องกันของแผนงานและงบประมาณในระดับต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยหลักจากภายนอก ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิด
    ปัญหาความยากจนและซ้ำเติมคนจนมากขึ้น
     
  11. Sopasiri

    Sopasiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    449
    ค่าพลัง:
    +912
    อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าหลังจากกลับจากวัดแล้ว หมู่นี้นอนประมาณตี5-หกโมงประจำเลยค่ะ พอจะนอนตอนตี3 มีเหตุต้องตื่นทุกทีเลย ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าอะค่า ^^
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    การรู้เห็นอนาคตด้วยอำนาจของทิพยจักษุญาณ มีหลายระดับ เพราะฉะนั้นจึงมีความแม่นยำที่ไม่เหมือนกันครับ

    คัดลอกมาจากคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน หน้า 6 โดยพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    จุตูปปาตญาณ ความจริงก็ทิพยจักษุญาณนั่นเอง แต่เป็น ทิพย-จักษุญาณที่มีฌานเต็มขั้น ทิพยจักษุญาณขั้นฌานโลกีย์นี้ แม้จะเป็นญาณที่มีฌานเต็มขั้นก็ตาม การรู้การเห็นจะให้ชัดเจนแจ่มใสคล้ายกลางวันนั้นไม่ได้ อย่างดีก็มองเห็นได้มัว ๆ คล้ายเห็นภาพเวลาพระอาทิตย์ลับแล้วเป็นเวลาใกล้ค่ำ เห็นภาพดำ ๆพอรู้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร จะเห็นชัดเจนตามสมควรได้ต่อเมื่อเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์ ท่านเปรียบการเห็นด้วยอำนาจทิพยจักษุญาณนั้นไว้ดังนี้

    ๑. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นได้คล้ายดูภาพในเวลากลางวัน ที่มีอากาศแจ่มใส

    ๒. พระปัจเจกพุทธเจ้า เห็นได้คล้ายกลางคืน ที่มีพระจันทร์เต็มดวง ไม่มีเมฆหมอกปิดบัง

    ๓. พระอัครสาวกซ้ายขวา เห็นได้คล้ายคนจุดคบเพลิง

    ๔. พระสาวกปกติ เห็นได้คล้ายตนจุดประทีป คือตะเกียงดวงใหญ่ที่มีแสงน้อยกว่าคบเพลิง

    ๕. พระอริยะเบื้องต่ำกว่าพระอรหันต์ มีการเห็นได้คล้ายแสงสว่างจากแสงเทียน

    ๖. ท่านที่ได้ฌานโลีย์ เห็นได้คล้ายแสงสลัวในเวลาพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า


    ระดับการเห็นไม่สม่ำเสมอกันอย่างนี้ เพราะอาศัยความหมดจดและกำลังบารมีไม่เสมอกัน นำมากล่าวไว้เพื่อทราบ เมื่อท่านได้และถึงแล้ว จะได้ไม่สงสัย มีนักปฏิบัติส่วนใหญ่ที่ทำได้แล้ว และเกิดเห็นไม่ชัดได้มาถามบ่อย ๆ จึงเขียนไว้เพื่อรู้

    ที่มา http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=221
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เตือนภูเขาไฟใต้ทะเลอาจระเบิด เกิดสึนามิมหึมากลืนอิตาลี

    [​IMG]

    เอเอฟพี - ภูเขาไฟใต้ทะเลใหญ่ที่สุดของยูโรปอาจระเบิดและก่อให้เกิดสึนามิยักษ์ดูดกลืนทางภาคใต้ของอิตาลี "เวลาใดก็ได้" นักภูเขาไฟวิทยา เตือนผ่านสื่อมวลชนเมื่อวันจันทร์(29)

    ภูเขาไฟมาร์ซิลี ซึ่งกำลังปะทุและพ่นแมกมาออกมา มันมีผนังที่เปราะบางที่อาจพังถล่มได้ เอนโซ บอสชี บอกกับนักภูเขาไฟวิทยา บอกกับหนังสือพิมพ์คอร์เรียเร เดลลา เซรา

    "มันอาจเกิดขึ้นพรุ่งนี้ก็ได้" บอสชี ประธานสถาบันธรณีฟิสิกส์และวิทยาภูเขาไฟระบุ "ผลวิจัยล่าสุดของเราพบว่าโครงสร้างของภูเขาไฟไม่แข็งแรง ผนังของมันเปราะบาง แมกมาในก้นหลุมก็มีหลายขนาด" เขากล่าว "ทุกสิ่งทุกอย่างบอกกับเราว่าภูเขาไฟไม่สงบและอาจเริ่มระเบิดเมื่อใดก็ได้" และหากมันระเบิดขึ้นก็อาจผลให้เกิด "สึนามิรุนแรงพัดถล่มชายฝั่งต่างๆในแคว้นคัมปาเนีย คาลาเบรียและซิซิลี" บอสชีกล่าว

    ภูเขาไฟมาร์ซิลี มีความสูง 3,000 เมตร ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเนเปิ้ลส์ ราว 150 กิโลเมตร และยังไม่เคยระเบิดมาก่อนเลยนับตั้งแต่จดบันทึกทางประวัติศาสตร์ ทั้งนี้มันมีความยาว 70 กิโลเมตรและกว้าง 30 กิโลเมตร และปล่องภูเขาไฟตั้งอยู่ใต้ผิวทะเลไทเรเนียน 450 เมตร

    "รอยแยกของผนังอาจปลดปล่อยวัสดุภูเขาไฟหลายล้านคิวบิกเมตรอออกมา และสามารถก่อให้เกิดคลื่นยักษ์อันทรงพลัง" บอสซีกล่าว "ขณะที่มีเครื่องชี้หลายอย่างได้รับการรวบรวมอย่างกระชับ มันมีความเป็นไปได้ที่จะทำนายว่าความเสี่ยงนั้นมีอยู่จริง แต่ก็ยากที่จะประเมิน"

    ที่มา http://www.startpage.in.th/view/74934
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • imageResize.jpg
      imageResize.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.8 KB
      เปิดดู:
      1,272
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2010
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ช่วงนี้จะมีหลายๆท่านที่ก้าวหน้าในสมาธิไป มากครับ

    รวมถึงปรากฏการณ์ที่ถูกปลุกขึ้นมาตอนตีสาม บ้างตีสี่บ้าง แล้วนอนไม่หลับ

    หากมีอาการดังกล่าว ขอให้ตั้งกำลังใจเร่งความเพียร ทางจิต จะขึ้นมานั่งสมาธิ หรือนอนสมาธิก็ได้

    ให้กำหนดภาวนาบ้าง ทรงภาพพระพุทธรูปเป็นพุทธานุสติบ้าง ทรงอารมณ์พระนิพพานหรือ ทรงพรหมวิหารสี่บ้าง ตามกำลัง ตามความสบายของจิต แต่ขอให้ทำสะสมเอาไว้โดยเราจงตั้งจิตอธิฐานขอครูบาอาจารย์มีพระพุทธเจ้าเป็น ที่สุดให้ท่านเมตตาสงเคราะห์เอาไว้ให้เป็นปกติ

    ไม่ช้าก็จะก้าวหน้าตามที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า "ท่านที่มีวิสัยในอภิญญาและมีหน้าที่ช่วงภัยพิบัติ ถึงเวลาจะเร่งรัดตนเองให้ให้เร็วขึ้นก้าวหน้าขึ้น และจะได้ใช้อภิญญาช่วยคนเมื่อถึงเวลา"

    รวมถึงครูบาอาจารย์ที่ท่านเคยห่วงไม่ให้เราไปติดหรือมีอภิญญาเป็นมานะ ตอนนี้ท่านก็เมตตาสอนให้เล่นอภิญญาให้กำลังสมาธิตั้งมั่นก่อนเข้าสู่ วิปัสสนาญาณกันครับ

    เรื่องถูกปลุก ตีสามนี้ ช่วงนี้เป็นกันหลายท่านครับ อย่าได้ขี้เกียจนอนทิ้ง แข็งใจทำสมาธิไว้ครับ

    ตื่นปุ๊ปเข้าสมาธิปั๊ปให้จิตชิน จิตคล่องตัว<!-- google_ad_section_end --> __________________
     
  15. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================

    29 มี.ค. 52


    รถยนต์---------ชนกัน----------อยู่ตั้งนาน
    นั่งเถียงกัน------สองวัน---------ยังไม่หยุด
    เฝ้านั่งดู--------ข้อตกลง--------ก็ไม่รุด
    จะให้หยุด-------คำโต้เถียง------อย่างไรกัน?

    พลขับหนึ่ง------นั่งอยู่นอก------ที่เกิดเหตุ
    น่าสมเพช-------เข้าแก้ต่าง------ก็ไม่ได้
    ส่วนอีกฝ่าย-----อยู่ตึกสูง--------นอนเอนกาย
    ไม่สนใจ--------เรื่องที่เกิด-------เลยเถิดเอย



    องค์อินทร์ - ๙๗
    ทำการแทน

    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>
     
  16. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    พูดถึงเรื่องดูท้องฟ้า เมื่อสัปดาห์ก่อนได้ดูแกะกล่องหนังไทย เรื่องอุกาฟ้าเหลือง ก็ให้ข้อคิดได้ดีนะครับ เมื่อใดท้องฟ้าสีเหลืองนานเป็นสัปดาห์ แสดงว่า พายุใหญ่จะมา
    ตอนนี้เหมือนบ้านเมืองเรากำลังจะดี เสื้อแดงมาประชุมกับรัฐบาล แต่ว่า ...
    สิ่งที่เราต้องทำ คือ เราไม่ควรประมาทในการดำรงชีวิต
     
  17. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    เมื่อคืนก่อนนั่งสมาธิตี4ถึง7โมงเช้า เทียนเล่มละ1บาท ไม่หมด ไหม้ได้แค่ครึ่ง จุดดวงไฟขณะหลับตายืดเข้ายืดออก และพุ่งเข้าไป พออยากรีบเข้าไปมันก็ถอยออกมาอย่างเร็ว เป็นอย่างนี้ทั้งคืน
    จุดดวงไฟที่เป็นสีแดง กลายเป็นน้ำเงิน ต่อมาสีดำ ต่อมาสีทอง ต่อมาสีทองแต่มีลักษณะแข็งเหมือนก้อนทองมีสีเขียวรอบก้อนทอง ต่อมาเป็นเพชรสีน้ำเงินมีวงรอบเป็นสีดำ
    ต่อมาเป็นสีส้มลูกกลม เหมือนดาวอังคาร หมุนรอบตนเองเหมือนโลก ค่อยๆใกล้เข้ามาจนใหญ่เต็มหน้า แล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นแค่สีส้มที่หมุนอยู่อย่างนั้น
    แต่แปลกที่พอยืดขาให้เลือดไหลลงสักพัก พอยืนขึ้นก็เหมือนคนที่เมาเดินไม่ตรง หัวมันหมุน ปล.เลิกนั่งมานนานหลายเดือนแล้ว แต่อยู่ดีๆเมื่อวานก่อนนี้ดันนั่ง เลยรู้สึกแปลกๆ
    คงจะเกี่ยวกับเรื่องที่คุณคนานันบอก<!-- google_ad_section_end -->
     
  18. 1535

    1535 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +2,105
    เมื่อเช้าถูกปลุกตามปกติค่ะ ลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมทำวัตรเช้าดูนาฬิกาหน้าหิ้งพระแค่ตีหนึ่งกว่า ๆ เอง เดี๋ยวนี้โดนเช้ากว่าเดิม อาจเป็นเพราะไม่ได้ลุกมาหลายคืนเพราะไม่ค่อยสบาย ทำวัตรเช้า เดินจงกรม กว่าจะได้นั่งสมาธิก็ตีสามพอดี หมาทั้งเห่าทั้งหอนกันเกลียวทุกทีเวลานั้น นั่งไปก็เสียวหลังไป ทำเมตตาอัปปมาณฌาณจนถึงตีสี่กว่า ๆ ก็กลับมานอนสมาธิต่อ ท่านว่าแค่นี้ไม่สู้จะทำอะไรได้ ถ้าอยากเรียนต้องเรียนไม่ว่าเวลาไหน ถ้ายังติดที่นอนอยู่ก็จะไม่ได้อะไร ท่านให้ฝึกอยู่ในที่มืด ๆ เดินจงกรมทำสมาธิในที่มืดเพื่อแก้จุดอ่อนของตัวเองให้ได้ เวลาเดินจงกรมจะเห็นนิมิตรภาพที่น่ากลัวต่าง ๆ เป็นภาพศพโดนไฟไหม้เกรียมทั้งตัว หากแต่ต้องเดินไปเรื่อย ๆ พร้อมแผ่เมตตาไปด้วยน่ะค่ะ ยังดีที่ศพยังไม่ลุกขึ้นมา คิดว่าถ้าต่อไปคงต้องมีลุกขึ้นเดินไปเดินมาแน่ค่ะ แต่พระท่านใจดี เอาแค่นี้ก่อน แต่ละคนคงฝึกต่าง ๆ กันไป แล้วแต่ท่านจะให้ฝึกหรือเสริมทางด้านไหน ตอนนี้ยังพื้นฐานอยู่ค่ะ แค่ข้ามผ่านความกลัวของตัวเองให้ได้ซะก่อน เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ "ความกลัว" นี่แหละค่ะ
     
  19. goldbell

    goldbell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,340
    หลวงพ่อวัชระตระหนักถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่กำลังรุนแรงขึ้นเป็นลำดับจนน่าวิตก โดยท่านทราบเรื่องนี้มานานแล้ว หลวงพ่อได้เคยกล่าวไว้ว่า " ผู้ปฏิบัติธรรมและคนดีจะรอดพ้นจากภัยพิบัติ " โดยผู้ที่มีหน้าที่สำคัญในช่วงภัยพิบัติ คือ กองทัพนาคราช เนื่องจากพญานาคนอกจากมีฤทธิ์และปกป้องพระศาสนาแล้ว ที่สำคัญคือมีกำลังแข็งแรงมาก มีกำลังพอที่จะฝ่าภัยพิบัติด้านแผ่นดิน ผืนน้ำ และอากาศ เพื่อช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรมได้ หากเปรียบเทียบกับโลกมนุษย์ก็เทียบได้กับกองกำลังทหาร ซึ่งปกติจะมีหน้าที่ปกป้องประเทศ และช่วยกู้ภัยพิบัติที่รุนแรงเกินกว่าหน่วยงานกู้ภัยทั่วไปจะรับมือไหว การช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรมให้รอดจากภัยพิบัติก็เป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่การปกป้องพระพุทธศาสนาให้สืบเนื่องถึง5000ปี ข้อมูลที่หลวงพ่อวัชระรับทราบ ใกล้เคียงกับคำบอกเล่าของพระอริยสงฆ์และผู้ปฏิบัติธรรมหลายๆท่าน
     
  20. tamm16

    tamm16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +466
    เมื่อกี้ ที่ลำปางมาทั้งพายุ และลูกเห็บเลย แต่มาเร็วไปเร็ว น้ำฝนที่ตกมาเย็นมากๆ ลมพัดแรงจนต้นไม้หักเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...