การรู้จักจิตผิดๆ ทำให้การศึกษาพระพุทธศาสนาผิดตลอดแนว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 18 มีนาคม 2010.

  1. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    แต่มันแปลก ตอนออกตัวขอ ไงลุง

    ผมก็ทักทัดทานลุงแล้ว ลุงก็ยืนยันจะทำอีก

    ลุงยังทำจนสำเร็จด้วยซ้ำ

    * * *

    ตรงเรื่อง รู้แล้วไม่ยุ่ง อันนี้ ก็นะ.....

    ยังไม่สรุปหรอก ใครเขาดูกันแค่วันสองวัน

    แล้วยิ่งลุงพูด เพื่อให้เห็น คิดว่าผมจะอาศัย "เชื่อ" หรือไง
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ขอตัวไปพักผ่อน ราตรีสวัสดิ
     
  3. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ขอถามคำถามสั้นๆ

    1.คุณโปไม่ยึดติดตัวตนแล้วรึ
    2.เห็นตัวตนไม่มีในที่ใดแล้วรึ
    3.เห็นว่าจิตไม่ใช่เราด้วยใช่ใหมครับ
    4.แล้วเห็นว่าเราเป็นอะไรหละ
     
  4. โป

    โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +256

    ครับ...

    ผมมีตัวตนอยู่....แต่ทราบว่าไม่มีตัวตนในที่ใดใด

    มีความเห็นจิตว่าไม่ใช่เรา แต่ยังถืออาศัยจิตอยู่

    มีความเห็นว่า เราคือจิต ที่ยังต้องอาศัย แต่เราไม่ใช่เรา




    หากใช้ตรรกกะทางภาษาคิดและตอบกัน....อย่างไรก็ไม่เข้าใจ

    แต่หากรู้ว่า ดวงจิตที่ยึดมั่นถือมั่น กับจิตที่มีความรู้ว่าดวงจิตไม่ควรถือมั่นนั้นมีความต่างกัน

    พูดกันข้อความบรรทัดเดียว เข้าใจกันครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2010
  5. โป

    โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +256
    ที่ผมเห็นต่างนะครับ...

    ผมมองเห็น...จิตเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงโดยตัวมันเองตลอดเวลา

    เราไม่สามารถบังคับจิตให้หยุดนิ่งสงบในเวลาปกติได้( เว้นแต่ตอนสมาธิ )

    จิตไหวตัวพร้อมเกิดอารมณ์ทุกวินาที แต่ไหวตัวเมื่อใด จะเกิดความทึบหนักของจิตขึ้น

    สติจึงรู้ทัน อาการของจิตจึงหยุดและกลับไปสภาพเดิม อาการเหล่านี้เกิดขึ้นถึี่ยิบ

    มีความรู้สะสมให้เห็นว่า จิตนี้ไม่มั่นคงถาวร ดังนั้นการยึดถือจิตว่าเป็นเอกคตารมณ์ ทุกครั้งที่ต้องการนั้น

    จึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกในความเห็นของผมในตอนนี้


    แต่ผมก็ยอมรับว่า บางคนเดินทางต่างกัน ในช่วงที่ต่างกัน จึงอาจจะเห็นต่างกันได้ครับ

    สวัสดีครับ...
     
  6. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    <DD>[SIZE=+2]ฉะนั้น จะเห็นได้ว่า สภาพธรรมที่เป็นเหตุ คืออกุศลและกุศลนั้นมีประเภทต่างๆ มากมาย แต่ว่าความต่างทั้งปวงเหล่านั้นไม่มีในวิบากจิต วิบากจิตเป็นเพียงผลของกรรมที่ได้กระทำแล้ว ซึ่งเมื่อกรรมสุกงอมพร้อมด้วยโอกาสปัจจัยก็ทำให้วิบากจิตเกิดขึ้น ทำกิจปฏิสนธิ กิจภวังค์ หรือกิจอื่นๆ ที่รู้อารมณ์ต่างๆ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ [/SIZE]
    <DD>[SIZE=+2]ขณะเห็นในขณะนี้เป็นจักขุวิญญาณจิต เป็นวิบากจิตเกิดแล้วเพราะอดีตกรรมเป็นปัจจัย แต่วิบากจิตที่เห็นจะเป็นเหตุให้เกิดวิบากอีกไม่ได้ [/SIZE]
    <DD>[SIZE=+2]ขณะกำลังได้ยิน คือ ขณะที่จิตกำลังรู้เสียงนั้นเป็นวิบากจิต แต่ว่าโสตวิญญาณจิตคือจิตที่ได้ยินเสียงนั้นจะเป็นเหตุให้เกิดวิบากไม่ได้ [/SIZE]
    <DD>[SIZE=+2]เมื่อวิบากจิตไม่เป็นเหตุให้เกิดวิบากจิต และไม่สามารถที่จะยังการกระทำทางกาย วาจาใดๆ ให้เกิดขึ้น และวิบากจิตต่างๆ ไม่ประกอบด้วยธรรม เช่น กรุณาเจตสิก มุทิตาเจตสิก และวิรตีเจตสิก ๓ (คือ สัมมาวาจาเจตสิก สัมมากัมมันตเจตสิก สัมมาอาชีวเจตสิก) ฉะนั้น วิบากจิตเองไม่ชื่อว่าเป็นธรรมชาติที่เลว ปานกลาง ประณีต แต่วิบากแห่งกรรมเลวจัดเป็นเลว วิบากแห่งกรรมปานกลางจัดเป็นปานกลาง วิบากแห่งกรรมประณีตจัดเป็นประณีต [/SIZE]
    <DD>[SIZE=+2]เมื่อวิบากเป็นแต่เพียงธรรมซึ่งเป็นผลของเหตุที่เป็นอกุศลหรือกุศล แต่ตัววิบากเองไม่ชื่อว่าเป็นสภาพธรรมที่เลว ปานกลาง ประณีต และไม่เป็นเหตุที่จะให้เกิดวิบาก ฉะนั้นจึงรวมเป็นชาติวิบาก ๑ ชาติ เพราะไม่ต่างกันโดยประการต่างๆ อย่างสภาพธรรมที่เป็นเหตุ คือ อกุศลและกุศล ซึ่งแยกเป็นอกุศล ๑ ชาติ และกุศล ๑ ชาติ [/SIZE]
    <DD>[SIZE=+2]วิบากจิตทั้งหมดเป็นผลของอดีตกรรมที่ได้กระทำแล้ว [/SIZE]
    [SIZE=+2]จักขุวิญญาณจิต เป็นวิบากจิต [/SIZE]
    [SIZE=+2]สัมปฏิจฉันนจิต เป็นวิบากจิต [/SIZE]
    [SIZE=+2]สันตีรณจิต เป็นวิบากจิต [/SIZE]
    [SIZE=+2]ตทาลัมพนจิต เป็นวิบากจิต [/SIZE]
    <DD>[SIZE=+2]ฉะนั้น ต้องรู้ว่าขณะใดเป็นวิบาก ขณะใดเป็นกุศล ขณะใดเป็นอกุศล ขณะใดเป็นกิริยา [/SIZE]</DD>http://www.dhammastudy.com/thpar7.htmlอ่านเต็มๆ ได้ที่นี้
     
  7. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    หลบภัยsay

    หากเราวางอุเบกขา ฐานะใดๆ ของชนทั้งหลาย ย่อมไม่เข้ามาในจิต
    จะดีหรือชั่ว ขึ้นอยู่ที่ตัวทำ กรรมใด ส่งผลจงรับอย่างกล้าหาญ
     
  8. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    เรื่องอื่นไม่รู้ด้วยเพราะถือว่ากล่าวเตือนแล้วหากยังคิดว่าการสอนเรียกว่าตำหนิ แล้วโยงเอาพระศาสดามาเกี่ยวข้องก็ขอให้เป็นสุขเป็นสุขเถิด อีกคนก็รู้สึกว่าจะมีเพียงความถือตัวถือตน เห็นแล้วมันขัดกับธรรมที่สั่งสอนผู้คนเลยทักท้วงเท่านั้น คนที่ปฏิบัติกับคนที่จำเอานั้นจริงๆมันก็ต่างกันในตัวนั่นแหละ คนที่ปฏิบัติหากเขาปฏิบัติด้วยปัญญาเขาย่อมรู้ว่าสิ่งที่จิตเขาเห็นนั้นมันเป็นไปเพราะอะไร มันเสื่อมมันเจริญ มันเกิดมันดับนั้นมันเป็นไปเพราะอะไร กิเลสที่เกิดขึ้นก็เช่นเดียวกัน แต่คนที่ปฏิบัติแล้วไม่มีปัญญาจะมองเพียงว่า นั่นมันเป็นอย่างนั้นมันเป็นอย่างนี้ ตามที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยเห็นไหม จะสังเกตได้จากข้อความของบางคน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแต่ละคนๆนั้นไม่อาจจะบอกว่าเหมือนกันได้เลยในเรื่อง จิต แต่สิ่งที่บอกได้เมื่อผ่านคือ กิเลสตัวใดหายไปแล้วเช่น ริษยา พยาบาท นั้นมันหายไปไหม มันเกิดขึ้นที่ไหนเพราะสิ่งใด หมายถึง จิตที่กิเลสดับลงแล้วมันจะมีลักษณะคล้ายกัน จะพูดจะทำสิ่งใดก็ทราบก็เห็นเป็นเรื่องที่เข้าใจกันหากผ่านการชำระกิเลสมาแล้วไม่ว่าจะใคร เมื่อผ่านไปแล้วกิริยาแม้จะไม่เปลี่ยนแต่ เจตนาจะต้องเปลี่ยนไปแน่นอน สำหรับผู้ที่ผ่านการปฏิบัติแล้วชำระกิเลสได้จริงๆ แล้วปฏิบัติมายังเป็นการเห็นจิตกันอยู่เลย มันก็เลยเหมือนกับว่าเอาสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นนั้นมาคุยกันไปเรื่อยๆไม่ได้อะไรทั้งสิ้น
     
  9. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ธรรมะสวนังขอถามหลบภัย

    หากเราวางอุเบกขา (เราคือใคร???...จิตของเราใช่มั๊ย???)
    ฐานะใดๆ ของชนทั้งหลาย ย่อมไม่เข้ามาในจิต (จิตของใคร???...จิตของเราใช่มั๊ย???)

    จะดีหรือชั่ว ขึ้นอยู่ที่ตัวทำ (ตัวคือใคร???...จิตของเราใช่มั๊ย???)
    กรรมใด ส่งผลจงรับอย่างกล้าหาญ
    (ใครรับ???...จิตของเราใช่มั๊ย???)

    (smile)
     
  10. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ถามทั่วๆไป คำว่า ของเรา แปลว่าเป็นเราหรือไม่

    ถ้าของเราแปลว่าเป็นเรา สังขารของเราก็เป็นเรา

    รถรา บ้านช่องของเรา ก็เป็นเรา
     
  11. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเห็นว่าสิ่งนั้นๆเป็นของเรา เมื่อนั้นเราจะรู้สึกว่าเกิดความทุกข์ขึ้นตามมาเป็นธรรมดาต้องยอมรับในเงื่อนไขนี้ โดยเฉพาะสังขารร่างกาย เมื่อเห็นว่าเป็นเรา เราก็จะเกิดความหวงแหนในตัวเรา เกิดความรักใคร่ เกิดความคิดที่ว่าหากเป็นของเรา เราจะต้องทำอย่างนั่นทำอย่างนี้เพื่อให้สังขารร่างกายที่เรายึดถือว่าเป็นเราต้องไม่เป็นทุกข์ แต่มันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในความเสื่อมไป หรือในความไม่เที่ยงทั้งหลายอันจะเกิดขึ้นในทุกเวทนาทั้งหลายที่เกิดขึ้น พระศาสดาจึงตรัสว่า เมื่อเห็นความทุกข์อันเกิดขึ้นเพราะยึดถือว่าสังขารคือร่างกายเป็นเราแล้ว ควรไหมที่จะยึดถือเอาว่า นั่นเป็นเรา นั่นของๆเรา และพระศาสดาก็ตรัสต่ออีกว่า ไม่ควรเลย เพราะสังขารทั้งหลายนั้นมันไม่เที่ยงแท้ แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ทอดธุระคือไม่สนใจในสังขารนั้น กลับให้ดูแลตามสมควรแก่ฐานะ โดยไม่ได้ให้ยึดถือครองไว้ ดังนั้นคำว่า เรา ในความหมายจึงเป็นเพียงว่า สติ รู้ว่าเราคืออะไร แต่การคิดว่าเราคือของเราอยู่นั้น ไม่ว่าจะเห็นสิ่งใดเราก็ยังคิดว่านั่นของเราตัวตนของเราอยู่นั้น ไม่มีโอกาสเลยที่จะผ่านพ้นห้วงแห่งกิเลสที่จะเกิดได้ในทุกขณะจิต ในความยึดมั่นถือมั่นว่านั่นคือเราเป็นตัวตนของเรา เพราะเมื่อเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นเมื่อไหร่ก็ตาม ทั้งความทุกข์ทั้งกิเลสทั้งหลายก็จะต้องตามมาเหมือนดังเงาตามตัว อย่างเลี่ยงไม่ได้เลย จึงไม่เห็นว่า การยึดถือว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นเราด้วยความยึดมั่นถือมั่นจะให้ผลดีเลย ในที่นี้คำว่า เรา เป็นเพียง สติ รู้ในสภาวะหนึ่งๆเท่านั้น หาใช่ตัวตนที่แท้จริงหาใช่เพราะนั่นคือเราอย่างแท้จริง นั่นเพราะอะไร น่าจะลองพิจารณาหาคำตอบดูเอาเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2010
  12. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    หลบภัย ตอบ น้าธรรมสวนัง
    (เราคือใคร???...จิตของเราใช่มั๊ย???) เราในที่นี้หมายถึง จิตที่ไปรับรู้สภาวะนั้น ที่มันปล่อยวางจากอารมณ์ ทั้งหลายทั้งปวง ไม่มีการเลือกข้าง นี้คือ อุเบกขา ของหลบภัย

    (จิตของใคร???...จิตของเราใช่มั๊ย???) จิตตรงนี้ ถ้าเรายังอยู่ในสามโลก
    จิตนี้จะเป็นของเราเพื่อบันทึกวิบาก เพื่อเป็นตัวเสริม เติมแต่ง ให้แล่นไปตาม
    วิบาก


    (ตัวคือใคร???...จิตของเราใช่มั๊ย???)ตัวเรา หมายถึงจิต ที่ไปรับรู้เวทนานั้น
    ที่เกิดจากวิบากส่งผล ให้ขันธ์ที่เราเข้าไปยึดครอง ได้รับรู้
    (ใครรับ???...จิตของเราใช่มั๊ย???) ใครรับก็เจ้าของที่ครองแระ

    แต่ถ้าจิตของพระอรหันต์ เราไม่มีทางได้เจอะได้พบ เป็นคำกล่าวของหลวงปู่หล้า ซึ่งหมายถึง ขาดปัจจัยในการรับรู้อายตนะ รับรู้ทั้งปวงค่ะ น้าธรรมสวนัง

    และหากขาดได้ หลบคิดแบบตรรกะ ไม่น่าจะมีสภาพเรียกว่าจิต แต่เรียกว่า
    สภาวะของนิพพาน
     
  13. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    เพราะโดยปกติ จิตคนทั่วๆไปชอบที่จะไปยึดว่า
    ขันธ์ ๕ เป็นเรา ขันธ์ ๕ เป็นของเรา ขันธ์ ๕ เป็นตัวตนของเรา

    พอจิตยึดแล้วเนี่ย สังขารก็เลยเป็นเรา เป็นของเรา
    พอสังขารแปรปรวน จิตของเราก็แปรปรวนตามสังขารที่แปรปรวน

    รถรา บ้านช่องของเรา ก็เป็นเรา เป็นธรรมดา
    เพราะพอรถรา บ้านช่อง แปรปรวน จิตของเราก็แปรปรวนตาม

    นั่นก็คือ
    ปุถุชน
    เมื่อกาย(ขันธ์ ๕)กระสับกระส่าย
    จิตก็กระสับกระส่ายตามขันธ์ ๕ ที่กระสับกระส่าย


    พระพุทธองค์จึงทรงสอนให้ปฏิบัติอริยมรรค ๘
    เป็นทางเดินของจิต ที่ดำเนินไปเพื่อการปล่อยวางการยึดถือขันธ์ ๕ ว่า

    ขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ของเรา ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวตนของเรา
    โดยเริ่มต้นจากการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนา
    เพื่อให้รู้จักจิตที่แท้จริง ว่าจิตไม่ใช่ขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่ใช่จิต


    เพราะฉะนั้น พระอริยสาวกผู้ดำเนินตามรอยบาท
    เมื่อกาย(ขันธ์ ๕) กระสับกระส่าย
    จิตหากระสับกระส่ายตามขันธ์ ๕ ที่กระสับกระส่ายไม่


    (smile)
     
  14. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    แล้วในขณะหนึ่งๆจิตมาจากไหน มันมีมานานแล้ว มันลอยอยู่โดดๆ ของมันอย่างนั้นหรือ เมื่อมันลอยอยู่โดดของมันอยู่อย่างนั้นแล้ว มันตะโกนบอกหรือไงว่า ที่ลอยอยู่โดดๆนั่น นั่นแหละคือเรา ไม่ใช่เราหรือ ที่ไปจับเอาถือเอาว่านั่นของเรา ไปทึกทักเอาเอง ไหนตอบหน่อยสิครับว่า จิต มันบอกเราอย่างนั้นหรือว่า เราเป็นคนไปบอกจิตว่า เธอน่ะคือฉัน และฉันก็คือเธอ ไหนท่านนักปฏิบัติช่วยตอบหน่อยสิครับ เพราะเรื่องขันธ์๕ไม่น่าห่วงเพราะต่อให้ไม่ปฏิบัติยังไงก็เห็นได้ไม่ยากถ้ารู้จักค้นคว้า แต่เรื่องจิตนี่สิ น่าจะยากอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2010
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ถ้าหากว่า จิตไปรับรู้แล้ว จึงมีสภาพเป็นเรา ถ้าจิตไม่รับรู้ ก็ไม่มีสภาพเป็นเราด้วยเช่นนั้นหรือเปล่า

    ความเป็นเรา มีสองส่วน 1 เป็นเราด้วยความไม่รู้ แบบนี้ ไม่ใช่เราที่แท้ เป็นไปตามที่ หลบภัยคิด คือ เปลี่ยนแปลง
    2 เราที่แท้ ดัง พระโสดาบัน พระสกิทาคามี อนาคามี และ พระอรหันต์ จิตของท่านเหล่านี้ จะมีลักษณะมีแก่น การแสดงอากัปกิริยา จึงเป็นอาการของจิต เท่านั้น เรียกว่า เป็นเงาของจิต แต่ จิตเดิมของท่าน ตั้งอยู่

    แต่อย่างไรก็ตาม อย่าไปคาดเดาเอา ปฏิบัติให้ได้ถึงจุดที่ เห็น ความไม่เคลื่อน
    จะเกิดปัญญาเอง

    ไม่เช่นนั้น ทุกอย่าง เป็นไปตาม วัฏฏะวน ทั้งสิ้น เป็น สมมติ กิิริยา อาการความคิด เป็นไปตาม สมมติ ภายนอกทั้งสิ้น

     
  16. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ขอแย้งนิดเดียวครับ
    การเป็นเราด้วยจิตรับรู้เรียกว่า มีสติ ครับแต่สตินั้นคงเข้าใจนะครับว่าหมายถึงอะไร เมื่อจิตรับรู้ว่าเป็นเราด้วยความยึดมั่นถือมั่นโดยไม่รู้นั้นเรียกว่า ไม่มีสติครับ หลงจับยึดเป็นตัวตนขึ้นมาครับ กับมีสติรู้ว่านั่นจิต ไม่ใช่เราครับ มันต่างกันมากครับ เพราะฉนั้น ตัวแปรที่แท้จริง คือ สติครับ ไม่ใช่ความยึดมั่นถือมั่นว่านั่นจิตหรือไม่ใช่จิตครับ
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คนไม่มีสติ จะมาพูดเรื่องสติ ได้อย่างไร
     
  18. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ก็ว่างั้นแหละคนที่ไม่มีธรรมแท้จะพูดเรื่องธรรมแท้ๆได้อย่างไร
     
  19. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    โดยเฉพาะความยึดมั่นถือมั่นนั้นมีมากมายมหาศาลจริงๆ เหมือนใครก็ไม่รู้ไม่อยากเอ่ยชื่อเลย ไหนคนเก่งของบอร์ดตอบคำถามที่ผมถามให้ฟังหน่อยสิครับ ว่ามันเป็นอย่างไร ผมจะได้เห็นตรงกับคุณบ้าง ไม่ใช่พูดอย่างแต่ทำอีกอย่างอยู่อย่างนี้
     
  20. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    แล้วในขณะหนึ่งๆจิตมาจากไหน มันมีมานานแล้ว มันลอยอยู่โดดๆ ของมันอย่างนั้นหรือ เมื่อมันลอยอยู่โดดของมันอยู่อย่างนั้นแล้ว มันตะโกนบอกหรือไงว่า ที่ลอยอยู่โดดๆนั่น นั่นแหละคือเรา ไม่ใช่เราหรือ ที่ไปจับเอาถือเอาว่านั่นของเรา ไปทึกทักเอาเอง ไหนตอบหน่อยสิครับว่า จิต มันบอกเราอย่างนั้นหรือว่า เราเป็นคนไปบอกจิตว่า เธอน่ะคือฉัน และฉันก็คือเธอ ไหนท่านนักปฏิบัติช่วยตอบหน่อยสิครับ ไหนลองตอบให้ฟังตามที่ลุงขันธ์เห็นหน่อยครับว่า จิตลุงขันธ์บอกลุงขันธ์หรือว่า ลุงขันธ์ไปบอกจิตว่านั่นเป็นเรา
     

แชร์หน้านี้

Loading...