เรื่องเด่น สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต แนวคำสอนสมเด็จโต

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 26 มีนาคม 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า324<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    7. อิสสา ความริษยา เห็นใครได้ดีก็ทนอยู่ไม่ได้ ต้องตั้งตัวมุ่งขัดปัดเขา ทำให้เขาเสื่อมเสีย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    8. มัจฉริยะ ความตระหนี่ เป็นคนหวงที่ไม่อยากให้ง่าย เช่น ตระหนี่ทรัพย์ ตระหนี่ความรู้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    9. มายา มารยาเจ้าเล่ห์ คือลวงพูดอะไร ทำอะไรให้เขาเข้าใจผิดพลาด<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    10. สาเถยยะ ความโอ้อวดหลอกเขา<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    11. ถัมภะ ความหัวดื้อ กระด้าง เป็นคนหัวแข็ง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    12. สารัมภะ ความแข่งดี ไม่ยอมลดละมุ่งแต่จะเอาชนะกัน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    13. มานะ ความถือตัว การยึดมั่นถือตน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    14. อติมานะ (มานะยิ่ง) ความถือตัวว่า ดียิ่งกว่าเขา ดูหมิ่นเขา ยกตนข่มท่าน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    15. มทะ ความมัวเมากิเลส เช่น บ้ายศ บ้ายอ หลงยึดอยู่กับสิ่งต่างๆ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    16. ปมาทะ ความประมาท ละเลย เลินเล่อ ปล่อยสติ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า325<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    รากฐานแห่งความสำเร็จบรรลุฤทธิ์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ความสำเร็จอำนาจฤทธิ์นั้นบรรลุด้วยปัญญาความรู้อันแตกฉานจากรากฐานที่จิตไม่หวั่นไหว 16 ประการ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    1. จิตที่ไม่ฟุบลง เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความเกียจคร้าน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    2. จิตที่ไม่ฟูขึ้น เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความคิดพล่าน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    3. จิตที่ไม่โอบไว้ เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความกำหนัดยินดีในกาม<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    4. จิตที่ผลักออก เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความพยาบาทอาฆาต ผูกใจเจ็บคิดร้ายแก่ผู้อื่น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    5. จิตที่ไม่เกาะเกี่ยว เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความดื้อดึงที่เชื่อในความเห็นของตน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    6. จิตที่ไม่ผูกพัน เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความพอใจรักใคร่ยินดีในกามเนื่องด้วย<o:p></o:p>
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า326<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อารมณ์ที่ชอบใจมีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เป็นต้น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    7. จิตที่หลุดพ้น เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความกำหนัดความใคร่ด้วยอำนาจกิเลสกามคุณ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    8. จิตที่ไม่พัวพัน เพราะไม่หวั่นไหวด้วยกิเลสเครื่องทำใจให้เศร้าหมอง ได้แก่ โลภ โกรธ หลง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    9. จิตที่ทำให้ไม่มีเขตแดนพื้นที่ที่จำกัดกำหนดขีดคั่นไว้ เพราะไม่หวั่นไหวด้วยอำนาจอาณาเขตของกิเลส<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    10. จิตที่ถึงความมีอารมณ์เป็นหนึ่ง เพราะไม่หวั่นไหวด้วยกิเลสต่างๆ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    11. จิตที่ศรัทธากำกับแล้ว เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความไม่เชื่อ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    12. จิตที่วิริยะความขยันกำกับแล้ว เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความเกียจคร้าน<o:p></o:p>
    หน้า327<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    13. จิตที่สติกำกับแล้ว เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความเลินเล่อ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    14. จิตที่สมาธิกำกับแล้ว เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความคิดพล่าน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    15. จิตที่ปัญญากำกับแล้ว เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความไม่รู้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    16. จิตที่ถึงความสว่างแล้ว เพราะไม่หวั่นไหวด้วยความมืด คือ อวิชชาความโง่<o:p></o:p>
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า328<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ความรู้คู่เปรียบด้วย กำลัง กายแฮ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุจริตคือเกาะบัง ศาสตร์พ้อง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ปัญญาประดุจดัง อาวุธ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กุมสติต่างโล่ห์ป้อง อาจแกล้วกลางสนาม<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระราชนิพนธ์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จากพระราชนิพนธ์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า329<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ประโยชน์ของพลังจิต<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จะได้ผลมากน้อยขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พลังจิตเกิดขึ้นจากอำนาจพละกำลังของการฝึกสมาธิจนบรรลุอำนาจ “ ฌาน ”<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พลังจิตจึงเกิดเป็นประโยชน์ได้มากน้อยขึ้นอยู่กับความแน่วแน่แข็งแกร่งของจิตใจที่ได้จากการรวบรวมอารมณ์จิตสงบตั้งมั่นคงอยู่ในอารมณ์เดียวของสมาธิที่ฝึกได้ในภาวะนั้นมีประสิทธิภาพอยู่ในระดับสูงเพียงใด ขั้นต้น ขั้นกลางหรือขั้นสูง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พลังจิตสูงส่งเพียงใด ก็จะยังประโยชน์ให้สิ่งทำไปนั้นสำเร็จผลมากเพียงนั้น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พลังจิตที่ยังอ่อนแอ ย่อมไม่สามารถทำให้เกิดผลสมดังที่ใจปรารถนา<o:p></o:p>
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า330<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สังวรก่อนฝึกอิทธิฤทธิ์ - บุญฤทธิ์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ใครที่บังอาจใช้อำนาจพลังจิต ในทางผิดศีลธรรม ไม่ว่าจะทำด้วย ความโลภ โกรธ หลง ขอให้พลังจิตที่ฝึกได้นั้น เสื่อมสลายโดยฉับไวและกรรมจงตามทัน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ท่านควรสังวรว่า การที่ท่านมีพรสวรรค์ในฌานญาณอันวิเศษมากนี้ จงสงวนความดีเหล่านี้ไว้ให้อยู่เพื่อความดี อย่าให้จิตใจหลงตกอยู่ภายใต้พลังอำนาจมืดที่จะใช้พรสวรรค์ในทางที่ผิด<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อย่าลืมว่า การกระทำความชั่วร้ายไม่ใช่ความผิดของร่างกาย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จิตใจซิเป็นใหญ่ ความคิดอันชั่วร้ายจะบดบังเบียดเข้ามาที่จิตใจเท่านั้น ท่านจะต้องตั้งสติด้วยดวงจิตอันบริสุทธิ์ที่แกร่งด้วยความดี ติดตามอย่างใกล้ชิดกับภาวะของความชั่วร้ายที่จะเข้าแทรก ในดวงจิตของเราอยู่เสมอ เมื่อรู้ทันต่อเหตุการณ์นั้นแล้ว จิตย่อมคงทนต่อการบังคับของพลังความชั่วร้าย สามารถชนะกิเลสมารเหล่านั้นได้

    <o:p></o:p>
    หน้า331<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ข้อห้ามและข้อควรระวังในการฝึกอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ท่านที่จะศึกษาเรื่องโลกทิพย์ ท่านจะต้องปฏิบัติตามกฎข้อห้ามข้อบังคับ ดังต่อไปนี้อย่างเข้มงวด ซื่อสัตย์ ต่อคำเตือนนี้ ท่านก็จะพ้นจากอันตรายอันอาจจะเกิดขึ้นกับท่านได้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    มิฉะนั้น แล้ว ขอให้ท่านถอยออกไปห่างๆอย่าแตะต้องบทเรียนต่อไปนี้อย่างเด็ดขาด<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ข้อห้ามและข้อควรระวัง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    1. จะต้องเป็นบุคคลไม่คุยโว้โอ้อวด เรียนไม่ถึงจุดแห่งความสำเร็จแล้วมานั่งทดสอบและอวดดีอาจจะถูกคนอื่นที่เก่งกว่าทดลองก็คงเจ็บไปหลายวันและถ้าอวดดีทั้งๆที่ตนยังเรียนไม่ถึงดี คนจะหาว่าเราบ้ามากกว่าดี เพราะท่านไม่มีความแม่นยำ<o:p></o:p>
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า332<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    2.จะต้องมีความพอใจศรัทธา พากเพียร กล้าหาญ อย่างยิ่ง กล้าต่อสู้กับอุปสรรคอยู่เนืองนิจ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จะต้องใคร่ครวญพิจารณาในข้อวัตรปฏิบัตินั้นให้ถูกต้อง ท่านก็จะเข้าถึงจุดแห่งความสำเร็จตามเป้าหมายที่ขีดขั้นไว้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    3. พิสูจน์อำนาจพลังงานแห่งทิพย์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หลังจากท่านสำเร็จตามข้อ 2. แล้ว เพื่อเก็บข้อมูลสำหรับค้นคว้าต่อไป โดยอย่าได้มีการเปิดเผยตัว ขอให้เป็นการพิสูจน์แบบปิดเงียบรู้เฉพาะในหมู่คนสนิทเท่านั้น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    4. ทุกครั้งที่มีการใช้อำนาจจิตแล้ว จะต้องเข้าฝึกสมาธิอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง เพื่อสร้างเสริมกำลังภายในกาย เหมือนหม้อแบตเตอรี่ที่ใช้งานแล้วต้องคอยชาร์ทเสริมไฟเพิ่มเติมอยู่เสมอ มิฉะนั้นแล้วหม้อไฟนั้นก็จะเสื่อมคุณภาพไร้ค่าถึงขั้นเสียหายใช้การไม่ได้อีก ตัวเราก็เหมือนกัน ถ้าใช้พลังจิตแล้วกายทิพย์จะเสื่อม อ่อนอำนาจพลังลงและถ้าเสื่อมมากๆแล้ว อาจจะถึงตายได้ง่ายๆ โดยตายก่อนอายุขัย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า333<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    5.ระหว่างพิสูจน์อยู่นั้นพยายามอย่าริอ่านเป็นคนสอดรู้สอดเห็น เต็มไปด้วยความอยากเพราะจะเป็นทางพาท่านไปตายได้ง่ายๆ แม้ว่าท่านฝึกจนสำเร็จตามขั้นขีดที่วางไว้ ขอร้องขอวิงวอนว่าอย่าโอ้อวดผลงานแก่คนทั่วไป มิฉะนั้น ท่านอาจจะได้รับปัญหานานาประการจากชาวบ้านและรับการขัดขวางและทำลายจากฝ่ายที่ไม่หวังดีต่อท่าน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อย่าลืมว่า<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    “ ถ้าตัวเราทรนงองอาจ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ครูบาอาจารย์จะไม่ร่วมด้วย ”<o:p></o:p>
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า334<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หัวโขน สวมหัว คนเต้น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หวังเป็น ลิงยักษ์ สักครู่<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ถอดโขน แล้วคน เดิมดู<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ใช่ผู้ ยักษ์ลิง สิ่งลวง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า335<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ภาวะความจริงของกายทิพย์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กายทิพย์จิตวิญญาณเป็นรูปขันธ์ในลักษณะนามธรรม เพราะมีสภาพลักษณะคล้ายอากาศที่โป่งแสง ซึ่งไม่อาจจับต้องได้และตาเนื้อก็มองเห็นได้ยาก<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เราจะรู้ว่านี่คือ “ อากาศ ” ต่อเมื่ออากาศเคลื่อนตัวเป็นลมสัมผัสกับกายแต่จะมองเห็นหรือรู้เรื่องวิญญาณก็ต้องอาศัยจากกระแสอำนาจจิตที่บำเพ็ญจนถึงจตุตถฌานก็จะสามารถสัมผัสได้รู้เห็นเองเข้าใจถึงสภาวะธรรมชาติของโลกวิญญาณซึ่งเป็นสภาพที่รู้เฉพาะตัว<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จิตวิญญาณจากโลกวิญญาณที่ต้องมาเกิดนั้น ไม่ว่าจะเป็นพรหม เทพ ยม หรือ ผีเปรต อสูรกายล้วนมีกรรมวิบากของตนเป็นที่ตั้ง มีกรรมของตนเป็นเผ่าพันธุ์ปรุงแต่งให้เมื่อเกิดแล้วมีหน้าตาดี หรือรูปอัปลักษณ์รุ่งเรืองหรืออับจน<o:p></o:p>
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า336<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จิตวิญญาณโดยทั่วไปเป็นสภาพกายทิพย์ที่สามารถขยายตัวให้ใหญ่หรือหดลงให้เล็กได้ เมื่อมาเกิดนั้น ก็จะหดตัวให้เล็กเข้าปฏิสนธิผสมรวมตัวกับเซลตัวอ่อนในครรภ์มารดาและจะวิวัฒนาการขึ้นเกาะที่ต่อม “ เมดูลล่า ” ซึ่งเป็นก้านสมอง มีลักษณะเป็นรูปปิระมิด เป็นที่ตั้งต้นของเส้นประสาทที่แยกจากสมอง ต่อมนี้มีศูนย์ต่างๆตั้งอยู่ได้แก่ ศูนย์ควบคุมการหายใจ การเต้นของหัวใจ การหดขยายของหลอดโลหิต คุมการจาม ไอ อาเจียน การขับนํ้าย่อยของระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อมนี้มีหน้าที่รับความรู้สึกถ่ายทอดไปยังสมองใหญ่ ต่อมนี้ตั้งอยู่เหนือบริเวณท้ายทอย และเป็นส่วนหนึ่งของสมอง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ในขณะเดียวกัน ต่อม “ เมดูลล่า ” จะเป็นจุดศูนย์รวมของกายทิพย์ที่จะผสมกับจิตวิญญาณที่หน้าผากแล้วแยกออกจากกายเนื้อ เมื่อครั้งฝึกการถอดจิต<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    และที่ต่อมนี้เป็นตำแหน่งที่จะเกิดความรู้สึกรับรู้ในเวลาจิตสัมผัสกับเรื่องทิพย์ แล้วส่งไปปรุงแต่งแปลเป็นความหมายที่สมองใหญ่อีกที<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า337<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กายทิพย์เมื่อมาเกิดแล้วจะถูกวัตถุธาตุ ซึ่งเป็นปฏิกูลปรุงแต่งให้ยึดติดอยู่กับกายเนื้อ เกิดเป็นสภาพกายทิพย์ที่หยาบ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อฝึกถอดกายทิพย์ออกมาได้แล้ว จะมีสายใยแห่งชีวิตเชื่อมโยงกับกายเนื้อ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กายทิพย์เมื่อถอดออกมาใหม่ๆ นั้น จะโปร่งแสงฝึกต่อไปอีก กายทิพย์จึงจะค่อยๆทึบแสง เห็นเหมือนกายเนื้อมากขึ้นเรียกว่ากายหยาบ และเมื่อนำกายหยาบนั้นมาเข้าปลงอสุภะด้วยการถอดจิตครั้งแล้วครั้งเล่า ก็จะละลายกิเลสกายในกายได้ ทำให้กายหยาบลอกคราบออกไปเป็นชั้นๆ ละเอียดขึ้นๆตามลำดับ เมื่อตายลงเมื่อใด กายทิพย์อันละเอียดก็จะแยกออกจากกายเนื้อไปเกิดเป็นเทพพรหม ซึ่งเป็นรูปแห่งความหมาย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สำหรับคนที่ไม่ได้ฝึกถอดจิตละลายกิเลสแล้วกายทิพย์ก็หยาบต้องไปเกิดเป็นเทวดาชั้นตํ่า หรือว่าเป็นผีเปรต อสูรกาย ตามกรรมวิบากของตนที่สร้างมา<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กายทิพย์ของเทพ พรหม หรือ ผี เปรต อสูรกาย เวลาจะปรากฏให้คนเห็นได้ด้วยตาเนื้อนั้น ต้องอาศัย
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า338<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การรวบรวมพลังจิต ให้ดำรงภาวะจิตขณะนั้นเป็นหนึ่ง อย่างแนบแน่นแน่นิ่งเพิ่มพลังให้กับกายทิพย์ จนสามารถเปล่งเป็นภาพที่เห็นได้ด้วยตาเนื้อ ที่คนทั่วไปที่เห็นแล้วบอกว่า “ ถูกผีหลอก ” <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กายทิพย์คนเรานั้น เมื่อตายลง กายทิพย์จะแยกกับร่างออกไปเกิดใช้กรรมตามวาระวิบากกรรมของตนที่สร้างมา ไม่ว่ากรรมดีหรือกรรมชั่ว ไม่มีวันสิ้นสุด หรือหยุด ต่อเมื่อเข้าสู่แดนนิพพานเท่านั้น จึงไม่ต้องมาเกิดอีกที่<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เพื่อพิสูจน์เรื่องวิญญาณมีจริง นำไปสู่การเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม โลกวิญญาณ ตายแล้วไม่สูญ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จึงขอเสนอบทต่อไปนี้ ด้วยการฝึกถอดจิต ซึ่งเขียนบรรยายหลายแบบไว้ในนี้เพื่อไว้ให้ศึกษาเผื่อว่าเหตุการณ์นั้นอาจจะเกิดขึ้นกับท่าน ท่านจะได้รู้วิธีป้องกันอันตรายได้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จำไว้ว่า<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ความมั่นใจรวมเป็นหนึ่งในเอกะพาท่านรอดจากอันตรายได้ ”<o:p></o:p>
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า339<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ข้อห้ามในระหว่างการนั่งฝึกถอดจิต<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    1. จะต้องฝึกในห้องที่ไม่มีใครรบกวน โดยปิดประกาศไว้หน้าห้องว่า ห้ามรบกวน ห้ามเรียก ห้ามปลุก จนกว่าจะถึงเวลาที่จะกำหนดออกจากสมาธิ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ถ้ามีความจำเป็นต้องปลุกแล้ว ห้ามแตะต้องร่างอย่างเด็ดขาด และห้ามตะโกนเรียก เพราะเมื่อแตะต้องร่างทันที ทำให้ตกใจ หนักๆอาจจะทำให้เสียสติได้(ต้องรักษาด้วยการปรับจิต หนักหน่อยก็รักษาด้วยวิธีพอกกายทิพย์)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เหตุที่จะเป็นเช่นนี้ เพราะว่า คนเราถ้ายังไม่ตายนั้น กายทิพย์เมื่อฝึกจนสามารถแยกกับกายเนื้อได้แล้ว จะมีสายใยทิพย์ติดกับกายเนื้อ เมื่อเกิดเหตุให้กายเนื้อตกใจ กายทิพย์จะรีบกระโจนกลับคืนร่างทันทีเพราะคนยังไม่ตายนั้น กายเนื้อเปรียบดังรังที่จะเกาะอาศัยอยู่เพื่อใช้กรรมต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย หรือว่า<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า340<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กายเนื้อแตกสลายก่อนสิ้นอายุขัยด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ดูตัวอย่างเช่นกายเนื้อเหมือนเปลือกหอย กายทิพย์เหมือนปูเสฉวนตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องอาศัยเปลือกหอย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    2. จะต้องสวดมนต์ไหว้พระก่อนฝึกวิชานี้ แล้วอาราธนาระลึกถึงบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์หลวงพ่อโต และเจ้าที่เจ้าทางช่วยคุ้มครองร่างท่านในระหว่างฝึกจิตไม่ให้สิ่งเลวร้ายมารมาผจญแฝงหรือทำลายร่างท่านได้(อธิษฐานตามบทอธิษฐานก่อนปฏิบัติสมาธิหน้า22)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    3.ถ้าเกิดเหตุอะไรที่ทำให้ตกใจให้รีบระลึกถึงครูบาอาจารย์ ท่อง “ ธัมมัง อรณัง ” หลวงพ่อโตช่วยลูกด้วย ขอบารมีหลวงพ่อโตช่วยคุ้มครองและสกัดดวงวิญญาณท่านให้คืนสู่ร่าง ก็จะได้รับความปลอดภัยอย่างแน่นอนและถ้าจะใช้พลังจิตรักษาโรค ก็ให้ระลึกถึงครูบาอาจารย์ทุกครั้ง<o:p></o:p>
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า341<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    4. อย่าริอ่านถอดจิตไปในที่ต่างๆ ซึ่งท่านไม่ควรไป เช่นนรกโลก หรือที่แปลกถิ่นเพราะท่านอาจจะถูกอำนาจจิตที่แข็งแกร่งกว่ากักคุมไม่ให้คืนร่างได้ ถ้าวิญญาณไม่เข้าร่างเกิน 7 วัน ท่านจะต้องตาย และต้องสั่งญาติไว้ว่า ถ้าพบร่างยังอุ่นอยู่ ห้ามโยกย้ายร่างผู้ฝึกถอดจิต เพราะอาจจะเป็นเหตุทำให้กายทิพย์กลับคืนร่างไม่ได้ อย่าเพิ่งเก็บศพอย่างเด็ดขาด เพราะยังไม่ตาย คนที่พบเห็น ช่วยจุดธูปหน้าหิ้งพระ เรียกร้องให้ครูบาอาจารย์ของผู้ฝึกช่วยเหลือ วิญญาณก็จะกลับคืนร่างได้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    5. จำไว้ว่า ถ้าท่านไม่ทิ้งครูบาอาจารย์หลวงพ่อโตแล้ว ท่านย่อมเมตตาคุ้มครองอยู่ตลอดเวลา<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า342<o:p></o:p>
    กรรมใดก่อขึ้นย่อม ยังผล<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ดีชั่วดังที่ตน ประพฤติ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทำดีจักได้ผล ผลเลิศ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทำชั่วจักเสียจิต เพราะโทษตามทัน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระราชนิพนธ์ภาษิต<o:p></o:p>
    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว<o:p></o:p>
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า343<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    (ก) วิธีถอดจิตที่1<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ภาวะการถอดจิตวิญญาณที่เกิดจากการรวมฉับพลันกับกายทิพย์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ปกติแล้วกายทิพย์เป็นอณูปรมาณูเล็กๆละเอียดมากกระจายไปทั่วในร่างกายเนื้อซ้อนอยู่กับเซลของกายเนื้อและเมื่อตอนที่เราฝึกปฏิบัติจิตตาม บทที่ 1-5 คือ ทางสงบแล้ว พอนั่งไปถึงจุดหนึ่งแห่งความสงบนิ่งมากพอแล้ว กายทิพย์จากกายในกายจะวิ่งมารวมตัวที่ท้ายทอยเหมือนมีอาการหนักๆร้อนๆที่ท้ายทอย แล้วค่อยๆวิ่งรวมผ่านสองข้างขมับ มาผสมจิตวิญญาณที่หน้าผากรวมกันเป็นลำแสงพวยพุ่งออกจากกายเนื้อ ตรงหน้าผากสู่อวกาศ ตอนนี้จะรู้สึกว่า ใจเสียววูบหนึ่งแล้วกายเบาไร้นํ้าหนัก ตอนนี้คนที่จิตไม่แน่วแน่อาจเป็นบ้าได้เพราะกลัวก่อนเหตุ ท่านที่ประสบอาการเช่นนี้ ควรตั้งใจให้มั่นไม่ต้องตกใจ แล้วเพ่งจิตตามลำแสงนั้นไปด้วยสติสัมปชัญญะ แนบตามติดกับลำแสงไป<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า344<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จนแสงนั้นนิ่ง แล้วพยายามตั้งสติให้จิตแน่วแน่ ค่อยๆบีบลำแสงนั้นให้รวมเป็นวง ถ้าจิตยังไม่นิ่งดี วงกลมนั้นเปรียบเสมือนหนึ่งดังดวงใจของเราจะไม่สดใส และไม่แข็งแกร่งพอ แต่เมื่อบ่มจิตให้แน่นหนาขึ้นโดยส่งกระแสจิตใจความนึกคิดมุ่งสู่ศูนย์กลางวงกลมแบบจดจ่อมากขึ้น จนแน่วแน่นิ่งดีแล้ว ดวงแก้วนั้นก็จะค่อยๆสดใสแวววาวขึ้น(จากตอนนี้แล้วฝึกตามข้อ 2 ต่อไป)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p></o:p>
    ถ้าท่านไม่ฝึกปฏิบัติจิตต่อไป<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ท่านต้องตั้งสติที่กายเนื้อ แล้วส่งกระแสจิตใจความนึกคิดผ่านกึ่งกลางระหว่างคิ้วออกไปที่ดวงแก้วแล้วกำหนดจิตค่อยๆดึงกลับเข้าร่างใหม่อีกครั้ง กายทิพย์ก็จะกลับคืนสู่ร่างทันที<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อกายทิพย์คืนสู่ร่างแล้ว อย่าเพิ่งลืมตาขึ้น ค่อยๆถอนหายใจลึกๆ 10 ครั้ง แล้วหายใจละเอียดลงอีก 10 ครั้ง หายใจปกติอีก 10 ครั้ง เป็นการปรับจิตใจให้หายจากภาวะการสั่นสะเทือนของกายทิพย์ แล้วจึงค่อยๆลืมตาขึ้น คลายออกจากสมาธิต่อไป<o:p></o:p>
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า345<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    (ข)วิธีถอดจิตที่2<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การปรับจิตจากดวงแก้วเป็นกายทิพย์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อท่านฝึกจนได้ปฐมฌานแล้ว ได้นิมิตแห่งเอกัคตาเป็นดวงแก้วที่แวววาวแข็งแกร่งซึ่งปรากฏด้วยความรู้สึก แต่เมื่อเราส่งจิตใจความนึกคิดมองผ่านกึ่งกลางระหว่างคิ้วออกไปก็จะพบดวงแก้วตั้งอยู่เฉพาะหน้าเรา<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    (หรือท่านที่เกิด ภาวะจิตวิญญาณรวมฉับพลันกับกายทิพย์และได้ปรับจิตตามวิธีการถอดจิตข้อ ก วิธีที่1 แล้วเริ่มฝึกต่อเนื่องจากนี้ไป)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อได้ดวงแก้วตั้งอยู่เฉพาะหน้าเราแล้ว ขอให้ท่านค่อยๆส่งกระแสจิตเข้าไปบีบดวงแก้วนั้นให้เล็กลงแล้วก็ขยายให้ใหญ่ได้จนคล่องแล้ว ก็ค่อยๆกำหนดบีบรัดดวงแก้วนั้นให้กลายเป็นรูปคนขึ้นมา (เราจะสร้างรูปตัวเราได้ อาจจะสร้างจากความทรงจำ โดยวิธีหา<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า346<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กระจกบานใหญ่ๆมาตั้งอยู่ตรงข้ามกับเรา มองแล้วพิจารณาจดจำภาพมาเพื่อในการถอดจิตต่อไป )ใหม่ๆรูปนั้นจะไม่ชัด เลือนลางมาก ตอนนี้ร่างนั้นจะรู้สึกว่าดูแล้วมีเพียงโครงร่างแก้วที่โปร่งแสง แสดงว่า ยังถอดจิตไม่สมบูรณ์ ท่านจะต้องค่อยๆส่งจิตใจความนึกคิดของท่านเข้าไปที่โครงร่างนั้น โครงร่างนั้นก็จะค่อยๆชัดขึ้นตามกำลังของสมาธิที่สูงขึ้น จนเห็นเป็นรูปร่างมีเนื้อหนังมังสาขึ้นจนกระทั่งมีหน้าตาเหมือนท่านไม่มีผิดท่านจะเห็นว่าท่านได้แบ่งเป็น 2 คน เป็นพี่น้องฝาแฝดหันหน้าเข้าหากัน กำลังจ้องมองกัน ท่านไม่ต้องตกใจ ขอให้เข้าใจว่า นั่นคือ กายทิพย์ของท่าน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    (สำหรับท่านที่จะฝึกปลงอสุภะพิจารณากายในกายก็เริ่มฝึกต่อในตอนนี้) คือ ส่งจิตใจกำหนดให้กายทิพย์นั้นเป็นไปตามบทปลงอสุภะ เมื่อถอดจิตปลงครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว จิตใจก็จะสะอาด กายทิพย์ก็จะละเอียดยิ่งๆขึ้น จิตใจตัดกิเลสหมดไปเท่าใด กายทิพย์ก็จะละเอียดมากขึ้นเพียงนั้น
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า347<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กายทิพย์เมื่อถอดออกมา ถ้าท่านฝึกส่งกระแสจิตใจความนึกคิดมากขึ้นจนถึงขั้นสุดยอดแล้ว สามารถรวมเป็นคนออกนอกบ้านเดินให้สามัญชนมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อธรรมดา และกายทิพย์นั้นซึ่งอยู่ในสภาพกายหยาบก็สามารถหยิบของได้ เพียงแต่ไม่พูดไม่จาเท่านั้น แต่ถ้าบำเพ็ญจิตสูงขึ้น ร่างนั้นก็จะพูดได้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    และกายทิพย์นี้จะเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้เร็วมาก นึกจะไปไหนก็ไปได้ถึงที่นั่นทันที แต่ถ้าสมาธิอ่อนแรงลงเมื่อใด พละกำลังก็ตกลง การเคลื่อนที่ก็จะช้าลงด้วย ถ้าท่านฝึกจนเห็นกายทิพย์รวมตัวเป็นคนแล้วจะต้องมีความสามารถมองเห็นวัตถุธาตุ คือสิ่งก่อสร้างทุกอย่างรวมทั้งมีความถูกต้องทั้งสีและรูปร่าง พร้อมทั้งอ่านหนังสือไม่ผิดด้วย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ส่วนในด้านวิญญาณนั้น ท่านอาจจะถูกหลอกลวงง่าย เพราะจิตนั้นยังอ่อนหัดและยังไม่แข็งแกร่งพอ จึงขอให้ท่านวางจิตเป็นกลาง พยายามตั้งสติพิจารณาทบทวนหาเหตุผลอย่างต่อเนื่อง แล้วส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปที่ภาพหรือเสียงนั้น จะได้ภาพและเสียงที่เป็น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า348<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ความจริงมากขึ้น แต่ขอให้ท่านอย่าหลงงมงายเชื่ออะไรง่ายๆนัก ผู้ใดหลงง่ายๆก็จะเป็นคนบ้าง่ายๆคือ กลายเป็นคนหลงใหลเรื่องลมๆแล้งๆที่ไม่ถูกต้องกับเหตุผลของความเป็นจริง ท่านต้องค่อยๆหาประสบการณ์ไป เป็นการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่ระยะหนึ่งก็จะเกิดความเข้าใจมากขึ้น จนกระทั่งจะรู้ถึงความเป็นจริงเรื่องจิตวิญญาณอย่างดี เพราะเรื่องวิญญาณเป็นเรื่องละเอียดมากๆที่น่าศึกษาต่อไป<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า349<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    (ค) วิธีถอดจิตที่3<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ถอดจิตจากกึ่งกลางระหว่างคิ้ว<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ที่จริงไม่อยากเขียน เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับท่าน แต่คิดๆดูแล้วเหตุการณ์เหล่านี้อาจจะเกิดกับท่านที่ฝึกสมาธิทุกท่านได้ จึงเห็นสมควรเขียนไว้ให้ศึกษา เผื่อเหตุการณ์นี้อาจจะเกิดขึ้นกับท่านโดยบังเอิญท่านจะได้รู้วิธีแก้ไข<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ในขณะที่ท่านฝึกปฏิบัติจิตผ่านบทที่2 หาจุดยึดให้สงบในขั้นต้นมานั้น ท่านอาจจะเกิดความรู้สึกว่าที่ดั้งจมูกตรงกึ่งกลางระหว่างหัวคิ้วนั้น มีความเสียวปวดตึงเป็นจุดอยู่ แม้ลืมตาก็ยังพบว่าตึงเสียวอยู่ เมื่อพบจุดเสียวนั้น ท่านค่อยๆส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปจุดนั้นมากขึ้น จุดเสียวนั้นก็จะหนักอึ้งมากขึ้นๆ จนเกิดอาการเหมือนสว่านหมุนเจาะไชเข้าไปในสมอง จนท่านรู้สึกว่าจุดนั้นมีการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนแข็งแกร่ง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า350<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ไชยิ่งลึกๆเข้าในสมองหนักเต็มที่แล้ว ขอให้ท่านรวมจิตใจความนึกคิดอีกชั้นหนึ่งตั้งไว้ที่ตำแหน่งท้ายทอยส่วนบนทำหน้าที่เป็นที่รวมดีดถีบไปยังจิตที่รวมเป็นกลุ่มก้อนที่หน้าผากที่จุดเสียวตึงนั้นอย่างแรง จุดเสียวตึงนั้นก็จะถูกดีดอย่างแรงหลุดลอยออกจากร่างกายเนื้อทันทีพุ่งเข้าสู่ในอวกาศ ด้วยความเร็วมากจนเหมือนกายเนื้อช็อคไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วจึงมีสติอีกครั้ง กายทิพย์ก็จะรู้สึกตัวมองเห็นตัวเองกำลังลอยเหาะอยู่บนอวกาศ มีลมผ่านข้างหูอย่างแรง ไม่เบาไปกว่าที่ท่านนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    และเมื่อท่านจะให้กายทิพย์กลับคืนร่าง ก็ตั้งจิตกำหนดนึกถึงกายเนื้อ ทันทีที่ตั้งจิตอยากจะกลับคืนร่างกายทิพย์นั้นก็จะดีดกลับมาเข้าร่างทันที จะมองเห็นกายเนื้ออยู่ในลักษณะเป็นหุ่นอยู่ไม่เคลื่อนไหว และเมื่อกายทิพย์มาถึง ก็จะค่อยๆกลืนเข้าหากันเหมือนกายซ้อนกาย และค่อยๆกลืนสนิทเข้าเป็นร่างเดียว ถ้าได้สติเต็มที่แล้ว มีอาการใจสั่น ก็ควรที่จะปรับจิตใจให้สงบก่อนแล้วจึงคลายออกจากการฝึกจิต<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า351<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จุดอันตราย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    1. ระหว่างจะถอดจิตออกด้วยการกระแทกนั้น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จะต้องตั้งเป้าหมายว่าจะไปไหนแล้วภาวนาในใจตลอดเวลา ใหม่ๆขอให้ตั้งเป้าหมายระลึกถึงหลวงพ่อโต ครูบาอาจารย์หน้าหิ้งพระก่อน ก็จะดีมาก ฝึกจนชำนาญแล้วค่อยขอให้ครูบาอาจารย์ท่านพาไปที่อื่นต่อไป<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    2. ระหว่างที่ถอดจิตออกด้วยการกระแทกให้จิตออกไปนั้น ถ้าไม่มีเป้าหมายแล้วจิตท่านจะลอยอยู่กลางอวกาศลอยคว้างไปเรื่อยๆ และถ้าพบมารร้ายหรือดวงวิญญาณที่ไม่หวังดีแล้ว จะถูกเขาเหล่านั้นใช้พลังจิตตัดสายใยทิพย์ ระหว่างกายทิพย์ที่ติดกับกายเนื้อขาดจากกัน กายทิพย์ท่านก็จะลอยลิ่วเหมือนว่าวที่ขาดเชือกว่าวควบคุม<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อกายเนื้อขาดจากกายทิพย์แล้ว กายเนื้อก็จะหมดลมหายใจไปในไม่ช้า ภาวะนี้ขอให้อย่าตกใจ รวมจิตให้เป็นหนึ่งปฏิบัติตามวิธีแก้ไขดังต่อไปนี้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    วิธีแก้ไข<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ภาวะขณะที่กายทิพย์ลอยไป เหมือนว่าวที่ไม่มีจุดหมายปลายทางนั้น ให้พยายามรวมจิตให้เป็นหนึ่ง<o:p></o:p>
    หน้า352<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ไม่ตกใจแล้วน้อมจิตใจระลึกถึงครูบาอาจารย์ โดยท่อง ธัมมัง อรณัง” หลวงพ่อโตช่วยลูกด้วย ท่านก็จะได้รับการช่วยเหลือ จากหลวงพ่อโตช่วยสกัดวิญญาณให้หยุด แล้วนำพาวิญญาณกลับคืนสู่ร่างอีกครั้งหนึ่ง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หมายเหตุ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ถ้าวันธรรมดาท่านภาวนาท่องระลึกว่า หลวงพ่อโต ธัมมังอรณัง ” อยู่เสมอๆ เป็นกิจวัตรประจำวันทุกขณะที่จิตไม่ได้คิดสิ่งอื่นใด แล้วอุทิศถวายกุศลผลบุญที่สร้างบำเพ็ญมา ถวายแด่ครูบาอาจารย์ท่าน เชื่อไหมว่า เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน จิตยังไม่ทันคิดหรือจะได้พูดส่วนลึกของจิตใจก็จะภาวนาท่อง “ หลวงพ่อโต ธัมมังอรณัง ” ขึ้นมาทันทีทันใดทันกับเหตุการณ์ที่กำลังรอคอยความช่วยเหลือจากหลวงพ่อโต<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    3. การฝึกวิธีนี้ ไม่ได้ตั้งใจเขียนให้ฝึก แต่เขียนบันทึกไว้ในลักษณะบทเรียนจากประสบการณ์ของผู้เขียนประสบมาก่อน ซึ่งสมควรเขียนให้ศึกษา<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เพราะอย่ารู้อะไรเลยสบาย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ถ้ารู้อะไรแล้วรู้ให้จริงรู้ให้กว้าง
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า353
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    การเคลื่อนย้ายกายทิพย์
    <o:p></o:p>
    1. ความสัมพันธ์ระหว่างกายทิพย์ที่ถอดออกมากับกายเนื้อ กายทิพย์ที่ถอดออกมานั้นเปรียบเสมือนเป็นดวงตาหรือกล้องถ่ายทอดโทรทัศน์วงจรปิดและดวงตานี้มีสายใย หรือสายโทรศัพท์มาพ่วงติดกับกายเนื้อซึ่งจะคอยรับและบันทึกความรู้สึกทั้งภาพและเสียง กายเนื้อนี้ยังเป็นเสมือนรังหรือบ้านของกายทิพย์ เพราะเมื่อตกใจแล้ว กายทิพย์จะต้องรีบวิ่งดีดกระโจนกลับเข้าร่างทันที และกายเนื้อยังเป็นรากฐานสั่งการกายทิพย์ให้ปฏิบัติการตามคำสั่งด้วย
    <o:p></o:p>
    แต่เมื่อถอดกายทิพย์จนแยกออกจากกายเนื้ออย่างสมบูรณ์แล้ว กายทิพย์นี้ก็จะแยกออกจากกายเนื้ออยู่ตลอดเวลา อยู่ในลักษณะเป็นเงาตามตัวของกายเนื้อโดยมีสายใยทิพย์เชื่อมโยงอยู่ และตอนนี้ กายทิพย์จะไม่อยู่ใต้บังคับบัญชาของกายเนื้อเสมอไป กายทิพย์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า354
    <o:p></o:p>
    กลับจะเป็นศูนย์เตือนสติป้อนความรู้ให้กับกายเนื้อ ให้รู้จักผิดถูกดีชั่ว
    <o:p></o:p>
    2. เริ่มเคลื่อนย้ายกายทิพย์ กำหนดจิตใจความนึกคิดจากกายเนื้อสั่งการ และบังคับให้กายทิพย์เคลื่อนที่เดินสำรวจภายในห้องก่อนจนถึงสำรวจทั้งบ้านจุดมุ่งหมายพยายามดูวัตถุสิ่งก่อสร้างให้ถูกต้องทั้งสีสันและรูปร่าง ถ้าผิดจากความเป็นจริงให้ฝึกการส่งกระแสจิตจดจ่อที่กายทิพย์ใหม่ตามวิธีเบื้องต้นที่กล่าวมาแล้วการที่ยังมองอะไรไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงนั้นเพราะว่ากายทิพย์ที่กระจายอยู่ในกายเนื้อยังถอดออกมาไม่หมดจึงต้องฝึกเพิ่มเติมใหม่
    <o:p></o:p>
    เมื่อท่านฝึกจนหลับตาเห็นวัตถุธาตุไม่ผิดจากความเป็นจริงแล้ว ก็ขอให้เริ่มพิสูจน์เรื่องวิญญาณด้วยการเพ่งมองไปที่หน้าโต๊ะหมู่ หรือหิ้งบูชาพระหรือระลึกถึงครูบาอาจารย์ ขอชมบารมีท่าน ถ้าภาพไม่ชัด ให้ค่อยๆส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปที่ภาพนั้น ภาพนั้นก็จะค่อยๆชัดขึ้นตามกำลังสมาธิ ในขณะเดียวกัน ถ้าท่านพบเห็นภาพที่น่ากลัว ไม่ต้องตกใจ ตั้งใจให้มั่นระลึก <o:p></o:p>
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า355
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ถึงครูบาอาจารย์ ส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปเสริมเพิ่มเติมภาพนั้นให้ชัดขึ้นแล้วส่งกระแสจิตสนทนากับสิ่งที่เกิดขึ้น ฝึกเช่นนี้จนเกิดความเคยชินและคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ แล้วค่อยๆเคลื่อนกายทิพย์ไปสนทนากับเจ้าที่เจ้าบ้านหรือดวงวิญญาณอื่นภายในบ้าน
    <o:p></o:p>
    3. ฝึกจนเกิดความเคยชินแล้ว ให้ระลึกอาราธนาครูบาอาจารย์หลวงพ่อโต ที่เราเคยสนทนาที่หน้าหิ้งพระนั้น โปรดเมตตาพาท่านไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆที่ท่านเห็นว่าสมควร
    <o:p></o:p>
    บางครั้งเราต้องการจะพิสูจน์ว่า กายทิพย์เรามีความแข็งแกร่งและแม่นยำขนาดไหน เมื่อถอดกายทิพย์ไปถึงสถานที่นั้นแล้ว จดจำเหตุการณ์และวันเวลาขณะนั้นไว้ แล้วนำไปเทียบหาความจริงกับเพื่อนคนนั้นที่เราได้ถอดกายทิพย์ไปหา
    <o:p></o:p>
    ทุกครั้งที่ถอดกายทิพย์ไปต่างถิ่น ต้องเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าที่เจ้าทางในถิ่นนั้นด้วยการกราบไหว้ และอย่าทำอะไรที่เป็นการลบลู่ดูหมิ่นท่านด้วย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า356
    <o:p></o:p>
    ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์นำพา ห้ามถอดจิตไปไหนอย่างเด็ดขาด ต้องฝึกจนกว่าครูบาอาจารย์จะสอนบทเรียนและชี้แนะจนเอาตัวรอดได้ ท่านก็จะปล่อยให้เราไปไหนมาไหนด้วยความอิสระ
    <o:p></o:p>
    หมายเหตุ
    <o:p></o:p>
    การฝึกถอดกายทิพย์นี้ใหม่ๆ ต้องใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หรือ 15 นาที จึงจะสามารถรวมจิตเป็นหนึ่งถอดกายทิพย์ได้ ท่านจะต้องฝึกจนสามารถรวมจิตใจความนึกคิดให้เป็นหนึ่ง ถอดกายทิพย์ให้ได้ในชั่วพริบตาเดียว จึงจะใช้ได้
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า357
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ตาทิพย์
    <o:p></o:p>
    ก่อนอื่นต้องอธิบายให้เข้าใจทิพย์อำนาจก่อน
    <o:p></o:p>
    ของทิพย์เป็นของละเอียดอ่อนยิ่งกว่าอณูปรมาณูซึ่งเรียกว่า “ มวลสาร ” ดังนั้น เมื่อเราจะไปมองเห็นของเล็กๆ เราก็ต้องรวบรวมพลังกายในกายจากการฝึกอบรมจิตให้สงบละเอียดลงๆจนอยู่ในสภาพภาวะเดียวกันกับมวลสารที่เราจะสัมผัส เหมือนปรับสภาพตัวเราให้เป็นเครื่องรับภาพโทรทัศน์ เพื่อรับภาพที่เป็นกระแสคลื่นอยู่รอบๆตัวเรา ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ
    <o:p></o:p>
    เมื่อท่านฝึกผ่านบทเรียนที่ 4 คือ ได้ปฐมฌานแล้ว ถ้าท่านฝึกต่อไปเรื่อยๆก็มีเพียงสงบอยู่นั่น แม้บางครั้งอาจจะเกิดฤทธิ์เดชบางอย่างขึ้นมาบ้าง ก็ไม่รู้หนทางที่จะศึกษาให้เจริญขึ้น ไต่ไปสู่การที่จะใช้อำนาจพลังจิตนั้นได้
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า358
    <o:p></o:p>
    ดังนั้น ท่านควรฝึกบทนี้ต่อไปเพื่อพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับโลกทิพย์ จิตวิญญาณ เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ “ ตายแล้วไม่สูญ ” กฎแห่งกรรมมีจริง และยังสามารถมองเห็นที่มาของอุปสรรคที่ขวางกั้นจิต ในการเจริญสมาธิ เพื่อจะได้หาทางแก้ไขต่อไป
    <o:p></o:p>
    เมื่อท่านฝึกปฏิบัติจิตสำเร็จผ่านบทปฐมฌานแล้วท่านจะมีจิตใจสบาย เห็นดวงแก้วที่เราจดจ่อนั้นค่อยๆเรืองแสงจนค่อยๆสว่างมากขึ้นถึงขั้นแสงจ้าจัดแรงกล้าไม่แพ้ดวงอาทิตย์และความสว่างนี้จะคงตัวอยู่ได้นานไม่ลดลงไปอีกเมื่อท่านได้ปฏิบัติจิตอย่างสมํ่าเสมอ จากนั้นท่านรวมกระแสจิตใจความนึกคิดที่เป็นหนึ่งนั้นค่อยๆบีบรัดให้ปลายแหลมเหมือนเข็มแล้วค่อยๆน้อมนำกระแสจิตนั้น มุ่งไปเฉพาะที่ส่งเข้าไปที่ศูนย์กลางดวงแก้วนั้นอย่างช้าๆเรื่อยๆไม่ขาดสาย มิช้ามินานก็จะเห็นภาพค่อยๆเกิดขึ้นอย่างเลือนลาง ขอให้ท่านส่งกระแสจิตใจความนึกคิดเข้าเพิ่มเติมที่ภาพนั้นอีกต่อไป ภาพนั้นก็จะค่อยๆชัดมากขึ้นตามกำลังของสมาธิ จนเห็นภาพนั้นเหมือนของจริงที่มองด้วยตาเนื้อ คือเหมือนลืมตามองเห็น<o:p></o:p>
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า359
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    คนไม่ฝึกสมาธิจิตจะหยาบ มองเห็นแต่ของหยาบหยาบ
    <o:p></o:p>
    คนฝึกจิตให้ละเอียดสุขุม
    <o:p></o:p>
    ย่อมมองเห็นของละเอียด(ของทิพย์ )ได้
    <o:p></o:p>
    ตาทิพย์นั้น มองเห็นได้ 2 สิ่ง คือ
    <o:p></o:p>
    1. ของทิพย์ เช่น วิญญาณและวิมานหรือนิมิตแห่งทิพย์
    <o:p></o:p>
    2. วัตถุธาตุ คือ วัตถุที่เรามองเห็นด้วยตาเนื้อคือเหมือนลืมตาดู
    <o:p></o:p>
    คนที่ฝึกได้ตาทิพย์ใหม่ๆ ควรจะทดลองด้วยการฝึกหน้าหิ้งพระขอชมบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราบูชาโดยอย่าได้ไปอยากดูสอดรู้สอดเห็นสิ่งอื่นนอกหิ้งพระ มิฉะนั้นแล้วอาจจะได้รับอันตราย
    <o:p></o:p>
    ภาพที่เห็นครั้งแรกจะเป็นพวกทิพย์ คือ วิญญาณ ส่วนมากเป็นนิมิตที่ยังไม่แน่นอนถูกต้องเสมอเพราะพลังจิตเรายังอ่อน อาจจะเป็นภาพหลอกหลอนหรือภาพเนรมิตมาบังเราได้ ขอให้ท่านวางใจเป็นกลางเฉยๆก่อน แล้วส่งกระแสจิตใจความนึกคิดไปเพิ่มที่<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า360
    <o:p></o:p>
    ภาพนั้น ภาพนั้นก็จะค่อยๆชัดขึ้นมา และมองไปโดยไม่ปรุงแต่งแบบไม่มีความอยากรู้ และต้องไม่กลัวภาพที่เกิดขึ้นแม้ว่าจะน่ากลัว
    <o:p></o:p>
    เมื่อท่านฝึกดูเหตุการณ์ในปัจจุบันได้แล้ว และเมื่อฝึกต่อจนเกิดพลังแข็งแกร่งแล้วก็จะสามารถมองไปข้ามทวีปและ
    เรื่องอนาคตได้ แต่เรื่องอนาคตนี้อาจจะไม่แน่นอนเสมอไปเพราะยังมีวิบากกรรมเข้ามาปรุงแต่งให้เปลี่ยนแปลงได้ และมองถอยไปในอดีตได้ แต่ยังไม่ลึกพอที่จะระลึกชาติ ซึ่งส่วนมากจะสามารถมองเห็นเหตุการณ์เฉพาะที่เราอธิษฐานจิต เช่น อยากรู้สาเหตุที่นั่งปฏิบัติจิตแล้วจิตไม่สงบ เมื่อน้อมจิตไปตามคำอธิษฐาน ก็จะเห็นภาพเหตุการณ์ที่เป็นเหตุบังปัญญาไม่ให้บรรลุทางสงบ
    <o:p></o:p>
    จำไว้ว่า ถ้าได้เห็นเรื่องของโลกวิญญาณแล้วอย่าได้ทำเป็นคนปากเปราะเห็นอะไรเที่ยวพูดเที่ยวเล่าให้ใครต่อใครฟังท่านต้องพิจารณาว่าสมควรบอกหรือไม่ เพราะถ้าบอกสุ่มๆไป ท่านอาจจะต้องรับกรรม<o:p></o:p>
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หน้า361
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ในฐานะเอาเรื่องของโลกวิญญาณมาเปิดเผย โดยพูดแล้วอาจจะเกิดความเสียหายกับโลกวิญญาณ
    <o:p></o:p>
    เหตุทั้งนี้ เพราะว่า การเอาเรื่องอีกโลกหนึ่งมาบอกเล่าให้คนอีกโลกหนึ่งฟัง คนส่วนมากจะไม่เชื่อแล้วก็จะกล่าวคำพูดหยาบช้าสบประมาทโลกวิญญาณทำให้เกิดภาวะกฏแห่งกรรมลงโทษผู้พูดคำสบประมาทนั้นได้ ซึ่งก็อาจจะพาให้ท่านเดือดร้อนไปด้วย
    <o:p></o:p>
    ต่อไป พิสูจน์มองวัตถุธาตุด้วยตาทิพย์ คือ เมื่อท่านฝึกจนบรรลุตาทิพย์แล้ว หัดหลับตามองเห็นภาพวัตถุต่างๆให้ชัดเหมือนลืมตาดู และจะแน่นอน ต้องฝึกจนถึงขั้นหลับตาอ่านหนังสือได้ไม่ผิดแม้สักตัวเดียวแสดงว่า ท่านจบหลักสูตรการฝึกตาทิพย์แล้ว
    <o:p></o:p>
    ขอแสดงความดีใจกับท่านมา ณ โอกาสนี้
    <o:p></o:p>
    ระหว่างฝึกตาทิพย์นี้
    <o:p></o:p>
    1. ใบหน้าและลูกตาจะไม่มีอาการบิดเบี้ยว<o:p></o:p>
    2. ประสาททุกส่วนจะไม่มีอาการตึงเครียด<o:p></o:p>
    3. จำไว้ว่า นี่คือการฝึกทิพย์อำนาจ ไม่ใช่ฝึกตาเนื้อ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    หน้า362<o:p></o:p>
    สวรรค์ แสวงสุขได้ เสียกรรม<o:p></o:p>
    ในอก อิ่มบุญธรรม เที่ยงได้<o:p></o:p>
    นรก รักบาปนำ ไปสู่ ทุกข์แฮ<o:p></o:p>
    ในใจ ให้สุขให้ ทุกข์ด้วยใจเอง<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    (สำนวนเก่า)<o:p></o:p>
    จากประชุมโคลงโลกนิติ<o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...