อภิอัครมหาเศรษฐีไทย...ในอันดับโลก

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 23 มีนาคม 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อภิอัครมหาเศรษฐีไทย...ในอันดับโลก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 มีนาคม 2553 20:12 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=middle>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle>[​IMG]</TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=middle>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เฉลียว อยู่วิทยา</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เจริญ สิริวัฒนภักดี</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ธนินท์ เจียรวนนท์</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>คำกล่าวทำนองว่า 'คนที่รวยอยู่แล้ว มักจะรวยยิ่งๆ ขึ้นไป' ย่อมไม่ใช่คำกล่าวเกินจริงนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยกมาเทียบกับอันดับมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2010 หรือ 2553 ที่จัดโดยนิตยสารฟอร์บส์ นิตยสารด้านธุรกิจและการเงินที่ทรงอิทธิพลยิ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งแม้จะมองย้อนหลังไปนานปีกว่านั้น อภิอัครมหาเศรษฐี 3 อันดับแรกของโลก ก็ยังคงวนเวียนกันอยู่ที่หน้าเดิมๆ ไม่ต่างจากมหาเศรษฐีชาวไทยทั้ง 3 ตระกูลดัง ที่ยังคงครองตำแหน่ง 'มหาเศรษฐีโลก' ไว้อย่างเหนียวแน่น


    รวยระดับโลก

    แน่นอนว่า ชื่อของมหาเศรษฐีอย่าง 'บิลล์ เกตส์' และ'วอร์เรนต์ บัฟเฟตต์' ในโผของนิตยสารฟอร์บส์นั้น ไม่เพียงเป็นชื่อที่คุ้นหูคนไทย แต่ยังเป็นชื่อที่คนทั้งโลกจดจำได้ขึ้นใจ เพราะทั้งคู่ผลัดกันชิงตำแหน่งมหาเศรษฐีในระดับ 'ท็อปทรี' ของโลกอยู่เนืองๆ แม้การจัดอันดับของฟอร์บส์ครั้งล่าสุด ประจำปี 2010 นั้น ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์อย่างบิลล์ เกตส์ แชมป์เก่าเมื่อปี 2009 ทั้งติดอันดับมหาเศรษฐีโลกมายาวนานนับทศวรรษ จะเสียตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ให้แก่ 'คาร์ลอส สลิม เฮลู' เจ้าของบริษัทอเมริกาโมวิล บริษัทธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของเม็กซิโก ที่มีทรัพย์สินในครอบครองเป็นจำนวนมหาศาลราว 53,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,712,000 ล้านบาท) ขณะที่ วอร์เรนต์ บัฟเฟตต์ อีกหนึ่งมหาเศรษฐีคนดังระดับโลก ร่วงจากอันดับ 2 ในปีที่แล้ว ไปอยู่อันดับ 3 ในปีนี้

    กระนั้น แม้ทั้งเจ้าพ่อไมโครซอฟท์อย่างบิลล์ เกตส์ และวอร์เรนต์ บัฟเฟตต์ ซีอีโอ บริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ นักลงทุนผู้ถือหุ้นใหญ่ในกว่า 60 บริษัทชั้นนำของโลก จะร่วงจากอันดับที่เคยครอง เสียแชมป์ให้กับเศรษฐีแดนจังโก้อย่างคาร์ลอส ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรนัก เพราะเมื่อย้อนกลับไปมองในปีก่อนหน้านี้ ชื่อของคาร์ลอส สลิม เฮลู ก็ใช่ว่าจะโนเนม ตรงกันข้าม เขาเกาะติดอยู่ในกลุ่ม 'ท็อปทรี' ไล่บี้มากับบิลล์ เกตส์ และ บัฟเฟตต์ อย่างเหนียวแน่น เสมอต้นเสมอปลาย ด้วยทรัพย์สินมหาศาลที่ในบางปี สูงเฉียด 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,920,000 ล้านบาท) เลยก็ว่าได้

    และเพราะรายชื่อเดิมๆ หน้าเก่าๆ รวมถึงอันดับความรวยระดับโลกที่ไม่พลิกโผเหล่านี้ ว่าไปแล้ว จึงดูราวกับเป็นภาพสะท้อนของมหาเศรษฐีชาวไทยทั้ง 3 คน จาก 3 ตระกูลดัง อย่าง 'เฉลียว อยู่วิทยา' 'เจริญ สิริวัฒนภักดี' และ 'ธนินท์ เจียรวนนท์' ที่ล้วนแต่เป็นเศรษฐีชาวไทยหน้าเดิมๆ ซึ่งได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ ให้เป็นหนึ่งใน 'มหาเศรษฐีระดับโลก' ตลอดระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปีที่ผ่านมา

    โดยในปีนี้ เฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง ติดอันดับ 208 ส่วน เจริญ สิริวัฒนภักดี ผู้ก่อตั้งบริษัทไทยเบฟเวอเรจ ติดอันดับ 342 ขณะที่ ธนินท์ เจียรวนนท์ หรือ เจ้าสัวซีพี ติดอันดับ 463 จากเศรษฐีทั้งหมด 1,011 คน ที่ฟอร์บส์ยกให้เป็น 'ระดับโลก'

    และเมื่อ 3 เจ้าสัวคนดังของฟากฟ้าเมืองไทย ได้รับการยกย่องให้เป็นเศรษฐีที่รวยล้นฟ้าติดอันดับโลกมานานหลายปีดีดัก จึงน่าจะลองมาทำความรู้จักกับทรัพย์สินและธุรกิจในครอบครองของผู้มีอันจะกินเหล่านี้ดูสักหน่อย

    เริ่มที่เศรษฐีอันดับ 1 ของไทย เฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 128,000 ล้านบาท) ผู้นี้ เป็นทั้งเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง ก่อนจะขยายธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังไปทั่วโลก โดยลงทุนร่วมกับ ดีทริช เมเทสซิทซ์ นักธุรกิจชาวออสเตรีย ก่อตั้งบริษัท Red Bull GmbH. ในออสเตรีย เพื่อผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อเรด บลูในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ เฉลียว ยังเป็นหุ้นส่วนอุตสาหกรรมยา (T.C. Pharmaceuticals) และหุ้นส่วนโรงพยาบาลด้วย

    ส่วน เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของทรัพย์สิน 2,900 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 92,800 ล้านบาท) นั้น จากอดีตลูกพ่อค้าขายหอยทอด ปัจจุบันกลายเป็นเจ้าพ่ออุตสาหกรรมน้ำเมาแถวหน้าของไทย นั่งเก้าอี้ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ทั้งได้ก่อตั้ง ทีซีซี กรุ๊ป เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ห้างร้าน และที่พักมากมาย เช่น โรงแรมพลาซ่าแอทธินี ทั้งในกรุงเทพฯ นิวยอร์ก และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งดิจิตอลเกตเวย์ และพันธุ์ทิพย์พลาซ่า

    และสำหรับ ธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของทรัพย์สิน 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 67,200 ล้านบาท) ได้ผันตัวเองจากอดีตแคชเชียร์ร้านเจริญโภคภัณฑ์สู่การเป็นประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพีกรุ๊ป) มีกลุ่มธุรกิจในเครือฯ กว่า 10 กลุ่ม เช่น กลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ,กลุ่มธุรกิจเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยและเคมีเกษตร, กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม, กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรมทั่วไป และกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่ทั่วทุกหัวระแหงอย่าง 7-11


    รวยยิ่งๆ ขึ้นไป

    จากการพินิจพิจารณารายชื่อเศรษฐีระดับโลกอยู่หลายตลบ ก็พบว่า คนที่รวยอยู่แล้วนั้น นับวันก็ยิ่งจะรวยเข้าไปใหญ่ ส่วนคนที่จนก็มีแนวโน้มที่จะจนลงเรื่อยๆ ทำให้อดไม่ได้ที่จะเกิดข้อกังขากับระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรีว่าจริงหรือ? ที่ 'ทุกคนมีสิทธิในการแสวงหาทุนให้ตนเองเท่าเทียมกัน'

    ครั้นลองหยิบข้อสงสัยนั้น ไปเอ่ยถามกับนักเศรษฐศาสตร์อย่าง ศ.ดร.ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้รับคำตอบว่า
    “ระบบทุนนิยม มันมีปัจจัยที่ทำให้คนรวยยิ่งรวยขึ้น และอยู่ในสภาวะนั้นได้นานมากขึ้น”

    ปัจจัยที่ว่านั้น มีอะไรบ้าง?

    “อย่างแรกก็คือคนที่รวยกว่า เขามีกำลังในการที่จะไปลงทุนขยายการผลิตของตนเองได้เต็มที่กว่าคนที่มีน้อยกว่า ส่วนคนที่มีน้อยกว่านั้น ถึงแม้ว่าจะสามารถหาทรัพยากรมาลงทุนได้ด้วยการก่อหนี้ก็ตามแต่มันก็มีต้นทุนสูงกว่า ถ้าเทียบกับการลงทุนของคนที่มีทุนมากอยู่แล้ว โดยระบบมันเอื้อให้คนที่มีมากได้ประโยชน์มากกว่า เข้าทำนองมือใครยาวสาวได้สาวเอา”

    ส่วนประเด็นต่อมาก็คือ ในการจัดสรรผลประโยชน์นั้น ไม่ได้วนเวียนอยู่กับเรื่องของตลาดเสรีอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐด้วย

    “ในการทำธุรกิจ มันมีเรื่องของใบอนุญาต ใบสัมปทานซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้มันมีผลประโยชน์อยู่ในนั้นสูงมาก ฉะนั้นคนที่ได้ประโยชน์จากตรงนี้ก็จะได้รับผลตอบแทนที่สูง ซึ่งคนที่เข้าถึงข้อได้เปรียบตรงนี้ ก็จะมี 2 พวก คือคนรวย และคนที่มีอำนาจหรือใกล้ชิดศูนย์อำนาจ

    “ในสมัยก่อน ขนาดของธุรกิจมันยังไม่ใหญ่มาก แต่เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นเรื่องของธุรกิจระดับประเทศ ระดับโลกแล้ว ดังนั้นผลประโยชน์ที่ติดมากับใบอนุญาตจึงมีมากมายมหาศาล ในสมัยก่อนถ้าใครได้ใบอนุญาตทำธนาคารก็รวยระดับหนึ่งแล้ว แต่ในสมัยนี้ถ้าใครได้สัมปทานโครงข่ายโทรคมนาคม ซึ่งมีผลประโยชน์ที่ใหญ่กว่ามากไปก็ยิ่งรวยขึ้นไป”

    มาถึงตรงนี้ก็เริ่มมองเห็นสาเหตุที่ว่า ทำไม? คนยิ่งรวยจึงยิ่งมีอำนาจ และยิ่งมีอำนาจก็ยิ่งรวย ตรงกันข้ามกับคนจน ที่อาจจะเข้าสู่สภาวะ 'จนดักดาน' ในที่สุด

    “ส่วนข้อที่สามคือ ในโลกสมัยใหม่มันมีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และส่งผลกับระบบทุนนิยมด้วย ตัวอย่างเช่น ในเรื่องของเทคโนโลยีชีวภาพ ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์อเมริกาที่เป็นผู้คิดค้น มีรายได้ที่ดีมากขึ้น และมีโอกาสมากขึ้นตามมา

    “สรุปแล้ว ทุนนิยมเสรีมันมีเฉพาะบางส่วน ถ้าส่วนไหนเกี่ยวข้องกับรัฐก็ไม่เสรีร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ในโลกนี้มันจึงเป็นการค้ากึ่งเสรีกึ่งผูกขาด”

    และเมื่อถามท่าน ศ.ดร.ตีรณ ต่อไปว่า แท้แล้วระบบทุนนิยมมันทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมากขึ้นจริงไหม ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า 'จริง'

    “โดยเฉลี่ยแล้วระบบทุนนิยมทำให้ช่องว่างรายได้ระหว่างกลุ่มคนสองกลุ่มมีมากขึ้น นั่นอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น แต่ก็ต้องดูกันอีกว่าขัดแย้งกันในลักษณะไหน ทุกวันนี้มันมีหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้มีแค่คนงานในโรงงานกับเจ้าของโรงงานเพียงเท่านั้น ในตอนนี้ คนงานกับนายทุนอาจจะสานประโยชน์กันก็ได้”


    อดีตอภิมหาเศรษฐี..ที่ลืมไม่ลง

    แต่ไม่ว่าเศรษฐีไทยและเศรษฐีโลกในการจัดอันดับของฟอร์บส์ จะมีใครอยู่บ้าง ก็คงไม่มีเศรษฐีคนไหน ที่ได้รับการกล่าวขานถึงจากคนในสังคมได้เทียบเท่ากับนักโทษหนีคดีอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ฟอร์บส์ เคยจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐี อันดับที่ 16 ของไทย ในปี 2552 จากทั้งหมด 40 อันดับ

    นอกจากนั้น นิตยสาร Who is Who in Business and Finance ก็ระบุผลตรวจสอบข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงมิถุนายน ปี 2537 ว่า ทักษิณถือหุ้นชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ หรือชินคอร์ป มูลค่า 19,485.35 ล้านบาท ส่วนคุณหญิงพจมาน ถือหุ้นชินคอร์ป มูลค่า 19,334.7 ล้านบาท ทำให้ทั้งคู่ติดโผคนรวยที่สุดในเมืองไทยอันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับในปีนั้น
    คำนวณดูแล้วทั้งคู่มีหุ้นรวมกันมูลค่า 38,820.05 ล้านบาท ต่างจากตัวเลขที่กล่าวอ้างไว้ในปี 2537 ช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่า มีทรัพย์สินอยู่กว่า 60,000 ล้านบาท
    ด้วยเหตุฉะนี้เอง ทำให้ต่อมาเรื่องนี้กลายเป็นคดีซุกหุ้นที่ลือลั่นสนั่นปฐพี

    และเมื่อเดือนกันยายน ปี 2549 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ทำรัฐประหาร ไม่เพียงส่งผลให้ทักษิณระหกระเหินไปอย่างไร้หลักแหล่ง เขายังถูกอายัดทรัพย์สินอย่างน้อย 1,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 48,640 ล้านบาท) อีกด้วย

    อย่างไรก็ดี แม้อดีตนายกฯ จะถูกอายัดทรัพย์ หลังถูกรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 แต่ทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังคงเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,200 ล้านบาท) ด้วยเหตุนี้ ในปี 2552 จึงยังได้รับการจัดอันดับจากฟอร์บส์ให้ร่ำรวยติดอันดับ 16 ของไทย

    กระทั่งถูกยึดทรัพย์สินไปกว่า 4.6 หมื่นล้านบาท ทักษิณจึงถูกเขี่ยออกจากอันดับเศรษฐีโลกและเศรษฐีไทย

    หนำซ้ำ จากการจัดอันดับ 48 มหาเศรษฐีใจบุญซึ่งช่วยเหลือสังคมด้านต่างๆ เช่น การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และศาสนา จาก 12 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของนิตยสารฟอร์บส์ ก็ไม่ปรากฏชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่อย่างใด

    ซึ่งเป็นไปได้ว่า...ฟอร์บส์ คงไม่นับการโปรยเงินหนุนหลังให้การชุมนุมเคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มประเทศ เป็นหนึ่งในสาธารณประโยชน์ที่ควรค่าแก่การชื่นชม

    ..........

    เรื่องโดย : ทีมข่าว CLICK
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. HS4OFL

    HS4OFL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +1,382
    รวยขนาดนั้นคิดใช้แค่ดอกเบี้ยก็ไม่หมด
    ถ้าเป็นผมนะคนไทยมี63ล้านคนแจกให้คนละล้านก็เลิกจนแล้วมั่ง
    ผมจะสร้างโรงทานทุกจังหวัดหรือทุกอำเภอเลี้ยงข้าวฟรี
    จะสร้างวัดให้เยอะๆวัดไหนขาดอะไรให้มาบอก
    และจะจัดทุนการศึกษาให้เรียนฟรีทั้วประเทศผมอยากจะทำจริงๆนะถ้าผมรวยแบบนี้
    จะปลดหนีให้กับญาติพี่น้องทุกคนให้เริ่มชีวิตใหม่อย่าเป็นหนีใคร
    แค่คิดก็สุขแล้ว
     
  3. Piak_1511

    Piak_1511 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2008
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +56
    ใช่ค่ะ..ขนาดแค่คิดและเห็นคนคิดแบบนี้..ยังนั่งยิ้มเป็นสุขได้แล้ว
    ถ้าเป็นจริงได้ด้วยจะขนาดไหนเน๊อะ...~~~:cool:
     
  4. somkiatdhana

    somkiatdhana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +619
    ขออนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ กับคนรวยทุก ๆ คนและอย่าลืมทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาให้กับตนเอง ชุมชน สังคมและประเทศชาติด้วยนะครับ สาธุ....
    --------------------------------------------------------------------------------

    พุทธวจน ( คำสอนจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า ) โดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตถิผโล วัดนาป่าพง ถ.ลำลูกกา คลอง 10 จ.ปทุมธานี<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    คนที่รวยในชาตินี้เพราะทานบารมีเก่า
    รวยแค่ไหนก็ต้องทุกข์ ต้องเจ็บ ต้องตายอยู่ดี
    มีหมื่นล้าน ถ้าไม่ทำความดีตายแล้วก็ไม่มีอะไรติดตัวไปได้
    สมัยพุทธกาล อานันทเศรษฐีมีเงินมากมายถึง ๘๐ โกฏิ
    ตายแล้วไปเกิดเป็นลูกขอทาน ท่านใดสนใจอ่านได้ตามลิงค์นี้ครับ

    http://palungjit.org/threads/มหาเศรษฐีตายแล้วไปเกิดเป็นลูกขอทาน-โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ.228614/

    ขออนุโมทนากับท่านเจ้าของกระทู้ด้วยครับ

    เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p</O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p</O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com<O:p</O:p

    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา</O:p>
    <O:p>*
    [​IMG]
    </O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2010
  6. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,354
    คนรวยส่วนใหญ่เขาไม่ได้โกงแล้วรวย

    จึงถูกจัดอันดับ รวยด้วยความสามารถครับ

    แต่ไอ้ที่โกงแล้วรวย เขาไม่เอามาจัดอันดับด้วยนะครับ

    เพราะมันจะทำให้คนที่ติดอันดับคนรวยแบบไม่โกงเขารังเกียดครับ
     
  7. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    823
    ค่าพลัง:
    +2,752
    http://palungjit.org/threads/มหาเศรษฐีตายแล้วไปเกิดเป็นลูกขอทาน-โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ.228614/

    <o:p></o:p>[/QUOTE]

    ความเห็น

    ...กระนั้นก็ดี....ทั้งๆที่รู้...ก็ ยังมี คนอยาก เป็นเศรษฐี..มากกว่าที่จะ เป็นคนดี... รวยเท่าไร ก็ ไม่พอ หาก ไม่หยุดความอยาก...แต่การเป็นคนดี นี่แสนจะ ยาก เพราะ มันทวนกระแสกิเลสตน...ไม่ได้ว่าใครนะ...แต่ กำลัง นินทาตนเองให้ คนอื่นฟัง...ใช่แล้ว...แม้ว่าจะแก่แล้ว...ผม ก็ยัง อยาก เป็นเศรษฐีกับเขาบ้างอยู่ดี...ทั้งๆ ที่ไม่มีความหวัง...เฮ้อ...
     
  8. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +2,177
    :d อยากรวยมั่งจัง
     
  9. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    แจกคนละล้าน ไม่พอหรอกครับ ลองนึกเล่นๆๆดูนะครับ
    ๖๓,๐๐๐,๐๐๐ * ๑,๐๐๐,๐๐๐ = ๖๓ ล้านล้าน บาท ( ๖๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ) เศรษฐีทั่วโลกเอาตังรวมกันยังไม่ถึงเลยนะครับ
    อย่าแจกเลยนะครับ
    สร้างโรงทานดีกว่านะครับ
    อิอิ
     
  10. ลิตเติัลอ้น

    ลิตเติัลอ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +53
    ปัจจุบัน ทรัพย์สมบัติเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะและบารมี ดังนั้นคนยิ่งรวย ยิ่งตระหนี่ เป็นสัจธรรมคับ ถ้าละได้ สังคมโลกคงมีแต่ความสุขถ้วนหน้า สาธุ
     
  11. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    ได้บรรลุโสดาปัตติผล...สิครับ

    รุ่มรวยกว่าได้ครอบครองมหาสมบัติของกษัตริย์ทั้งเจ็ดทวีปรวมกัน.....
    เหตุผลเพราะอะไร...ลองเข้าไปดูในพระไตรปิฏกดูจะได้ความกระจ่าง ครับ
     
  12. tobetruly

    tobetruly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +427
    จริงครับ คนละล้านเอง ยังเหลืออีกด้วยจะว่าไปก็นะ
     
  13. ผู้เบิกบาน

    ผู้เบิกบาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +463
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุคะ
     
  14. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,168
    รวยกับซวยของคู่กัน
    .
    .
    .


    รวยเพราะเงินมาจากทำกิจการอะไรควรพิจารณาก่อนจะยินดี
    หากประกอบมิจฉาอาชีพการค้าขายที่อุบาสกไม่พึงประกอบ ๕ อย่าง
    การค้าอาวุธ
    การค้ามนุษย์
    การค้าสัตว์ขายเพื่อฆ่าเอาเนื้อ
    การค้าของเมา(รวมทั้งสิ่งเสพติดทั้งหลาย)
    การค้ายาพิษ
    ๒๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มิจฉาอาชีวะเป็นไฉน คือ การโกง
    การล่อลวง การตลบตะแลง การยอมมอบตนในทางผิด การเอาลาภต่อลาภ
    นี้มิจฉาอาชีวะ ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2010
  15. 117Black-sheep

    117Black-sheep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +100
    ขออยู่แบบจนๆ พอมีพอกิน แล้วเป็ฯคนดี มีความสุข แบบนี้ก็พอแล้วค่ะ ^^
     
  16. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865



    อนุโมทนา.....สาธุ ครับ

    มหาเศรษฐีของไทยในลำดับที่กล่าวอ้างนี้ อย่างน้อย 2 ท่าน ได้สร้างความร่ำรวยด้วยอาชีวะดังที่พระคุณท่านได้ยกพระธรรมขึ้นมา

    แม้ว่าท่านเหล่านั้นจะได้ทำมหาทาน มหากุศลไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก แต่อาจิณกรรมที่ได้ก่อทุกวันนับต่อเนื่องกันมาหลายปี ผลกรรมอันใดจะแซงหน้าให้ผลต่อผู้กระทำอย่างไร สัตตบุรุษทั้งหลายพึงตระหนัก
     

แชร์หน้านี้

Loading...