ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ล่าสุดได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากภาวะภัยแล้ง 12 อำเภอ จาก 23 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง กระสัง พลับพลาชัย แคนดง ปะคำ นางรอง พุทไธสง คูเมือง บ้านใหม่ไชยพจน์ เฉลิมพระเกียรติ หนองหงส์ และห้วยราช ราษฎรได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และน้ำในการทำการเกษตรกว่า 104,000 ครัวเรือน พื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำล่อเลี้ยงใกล้แห้งตายเสียหายกว่า 54,000 ไร่
ด้าน นายพรเทพ แสงทอง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดบุรีรัมย์กล่าวว่า ล่าสุดทางจังหวัดได้เสนอเรื่องขอฝนหลวงเพื่อช่วยบรรเทาความเดือนร้อนให้กับพื้นที่ไร่นาของเกษตรกรในเบื้องตน ขณะเดียวกันทางอำเภอได้ใช้งบประมาณที่มีอยู่อำเภอละ 500,000 บาท ดำเนินการให้ความช่วยเหลือราษฎร โดยการนำรถบรรทุกออกไปแจกจ่ายตามหมู่บ้าน ซึ่งขณะนี้ได้แจกจ่ายน้ำไปแล้วกว่า 72,000 ลิตร
<TABLE id=imgtb class=ts width="100%"><TBODY><TR><TD style="PADDING-TOP: 20px" id=tDataImage15 vAlign=bottom width="16.66%" noWrap align=left> <TD style="PADDING-TOP: 20px" id=tDataImage16 vAlign=bottom width="16.66%" noWrap align=left>
โชคดีที่เรามีในหลวง
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ใครที่อยู่ในกรุงเทพ ระมัดระวังตัวกันหน่อยครับ
หรือพบเห็นอะไรน่าสงสัย แจ้งผู้เกี่ยวข้องด้วย
ช่วยๆกันครับ

หมายเหตุ ของดชื่อในวงเล็บครับ ไม่อยากให้เป็นเรื่องการเมือง แต่เป็นการเตือนภัยอย่างเดียวครับ ไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด

.............................................................

ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ ได้เสนอข่าวเกี่ยวกับ หน่วยแทปโทรศัพท์ของสหรัฐฯโซนเอเซีย ซึ่งมีศูนย์ใหญ่อยู่ที่ ฟิลิปปินส์ ยืนยันมีการแทปโทรศัพท์ (.......?.......) และพบว่ามีการสั่งการให้ ก่อวินาศกรรมในประเทศไทย และหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้แจ้งรัฐบาลไทย พร้อมแจ้งฝ่ายทหารด้วย

หน่วยดักฟังหรือหน่วยควบคุมการสื่อสารทั่วโลกของสหรัฐฯ มีชื่อว่า MSA ซึ่งมีกระจายไปทั่วโลก นอกจากนี้ หน่วยข่าวกรองของ เยอรมนี ก็มีการเปิดเผยว่า ติดตามความเคลื่อนไหว (.....?......) อยู่เช่นกันลักษณะร่วมกับสหรัฐฯ โดยเยอรมนีสัดทัดในด้านยุโรปตะวันออก ซึ่ง มอนเตเนโกร ที่ (....?...) ไปอยู่นั้นเป็นรัฐเล็กๆที่แยกออกมาจาก ยูโกสลาเวีย ยุโรปตะวันออกนั่นเอง

ยิ่งกว่านั้น ในบทความของนิวยอร์กไทม์ ยังมีใจความทำนองว่า สหรัฐฯ กำลังพิจารณา ขึ้นบัญชีดำ(...?......) เพิ่มเข้าไปในฐานะ " ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ " ซึ่งมีอยู่เป็นร้อยในบัญชีปัจจุบัน รวมทั้ง บินลาเด็น ด้วย ข่าวนี้จริงหรือไม่จริงกาลเวลาจะให้คำตอบ

 

เมื่อวานระเบิดหน้า ปปช. ระวังด้วยนะ

 

ข่าว: หลานใจมาร อีโต้สับหัวยายหวังชิงทองเลี้ยงลูกผัว

<SCRIPT type=text/javascript>google_ad_client = "pub-0032874521947222"; /* 468x15, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 3/13/09 */ google_ad_slot = "7657140061"; google_ad_width = 468; google_ad_height = 15;</SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
หลานใจบาป อีโต้สับหัว-สาดน้ำยาย อาการสาหัส หวังชิงทองเลี้ยงลูกผัว
ช่วงสายของเช้าวันนี้เกิดเหตุสลดขึ้นเมื่อตำรวจสภ.เมืองกาฬสินธุ์ รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า นางสาวทัศนีย์ ถิตย์บูรณ์ อายุ 24 ปี ก่อเหตุปล้นชิงทรัพย์นาง เพ็ญศรี ถิตย์สว่าง อายุ 64 ปีผู้เป็นยาย จึงรุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 130 เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ พบบริเวณพื้นมีรอยเลือดเป็นจำนวนมากนอกจากนี้ยังพบมีดอีโต้ขนาดยาวกว่า 1 ฟุต 2 เล่ม มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนทั่วบริเวณ โดยนางเพ็ญศรีได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าและร่างกายผิวหนังลอก กลางศีรษะถูกมีดอีโต้ฟันเป็นแผลฉกรรจ์ และหัวคิ้วขวา ขาซ้าย หูซ้าย และบริเวณหน้าท้อง แขนทั้งสองข้าง อาการสาหัส ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน
นางสาวทัศนีย์ ถิตย์บูรณ์ ผู้ต้องหาสารภาพว่า อาศัยช่วงที่นางเพ็ญศรีกำลังนั่งทำอาหารอยู่ในห้องครัวภายในบ้าน จึงเอากระป๋องสเปรย์ยาฆ่าแมลงพ่นเข้าใส่ที่ใบหน้า จากนั้นใช้น้ำร้อนที่ที่ตั้งอยู่บนเตาไฟสาดเข้าที่ใบหน้าและลำตัว จากนั้นได้กระชากเอาสร้อยคอทองคำที่แขวนไว้ที่คอไป แต่นางเพ็ญศรียังวิ่งตามไปที่บริเวณหน้าบ้าน พร้อมกับถามว่า “ทำยายทำไม” ซึ่งตนเองก็กลัวว่านางเพ็ญศรีจะมาเอาสร้ายคืน จึงหยิบมีดอีโต้ฟันซ้ำที่กลาง ศีรษะของนางเพ็ญศรี ที่แขนและท้องซ้ำอีก กระทั่งนางเพ็ญศรีแน่นิ่ง มีเลือดไหลนองเต็มพื้น เหตุที่ตัดสินใจทำเช่นนี้เพราะหวังจะนำสร้อยทองไปขาย และนำเงินมาซื้อข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน เพราะตนมีลูกอ่อน อีกทั้งสามียังไม่ดูแลครอบครัว จึงต้องหาเงินด้วยวิธีนี้
อย่างไรก็ตามตำรวจได้ติดตามควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีต่อไป หลังจากที่ก่อนนหน้านี้พยายามหลบหนีความผิด

 

*** ล้างสิ่งที่สะสมมานาน ****

เชียงราย...ระวังภัยแม่น้ำโขง
ไม่ประมาท....ขึ้นที่สูง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

======================================

18 มี.ค. 53


หกพันล้านเหลือห้าร้อยล้าน

อันว่าเลข-----------หกพัน----------นั้นมากเหลือ
ถึงเหลือเชื่อ---------ลดลง----------เหลือห้าร้อย
เพราะประมาท-------ความคิด-------มากคลุมเครือ
ไม่ให้เหลือ----------ห้าร้อย---------อย่างไรกัน?

กลัวนั่นแล้ว-----------กลัวนี่---------กลัวเขาหลอก
ปล้อนเปลือกปอก-----หลอกเงิน------แล้วเผ่นหนี
จะช่วยเงิน------------คิดแล้ว--------คิดอีกที
ทั้งชีวี---------------หมดไปกับ------เศษเงินตรา

อีกทั้งมี------------ตัวติด---------ติดกับตัว
เพราะมัวกลัว-------ยึดติด---------ชิดทรัพย์สิน
ทิ้งไม่ลง-----------อีกทั้ง---------แหล่งทำกิน
ทั้งชีวิน------------ทิ้งง่าย--------ไม่เสียดาย

แค่นึกคิด----------ก็ข้าม----------ไม่ได้แล้ว
ยอมทิ้งแล้ว--------ชีวิต-----------และทรัพย์สิน
สู้อุตส่าห์----------เก็บออม--------ไว้ใช้กิน
ต้องหมดสิ้น-------ไปกับ-----------ตัวยึดติด

ทั้งประมาท----------ความดี----------ที่สะสม
เที่ยวแขวนองค์------ไว้กับตัว---------กลัวมารขน
อยู่คนเดียว----------ให้คุณพระ-------คุ้มครองตน
จะให้องค์-----------คุ้มครองครบ-----อย่างไรกัน?

อีกทั้งซื้อ---------ที่สูง------------คิดว่าพ้น
น้ำไม่ล้น---------ท่วมถึง----------พอแล้วหนา
ไม่คิดหา---------ที่ปลอดภัย-------ไม่นำพา
มารจะมา---------พาไปอยู่---------ไม่เชื่อดู

เมื่อพูดแล้ว---------ก็ขอ-----------ขอพูดซ้ำ
ตามผู้นำ-----------ที่จัดให้---------ไว้เหมาะสม
ทั้งพื้นที่------------ที่จัดให้---------คุ้มครองตน
หมดกังวล----------ชีวิตอยู่---------คู่ครอบครัว




องค์อินทร์ - ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>

 

จำเป็นไหมที่ประเทศไทยต้องมีพระเจ้าจักรพรรดิ์? ​

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->OLDMAN AND A CAR<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3096169", true); </SCRIPT>
สมาชิก



ความเห็น...<O></O>

....จำเป็นแน่นอน...เพราะ อยู่มาจนจะ แก่ตายแล้ว...ยังไม่เห็นใครพอจะ แก้ไขปัญหาได้...<O></O>
ดังนั้น พระเจ้าจักรพรรดิ์ จึงเป็นความหวังเดียว ของผม...ใครจะว่าอย่างไร ก็ช่าง...ผมชอบของผมแบบนี้แหล่ะ...<O></O>
<O></O>
แต่...<O></O>
<O></O>
...พระจักรพรรรดิ์นั้น...เกิดจากเนื้อนาบุญที่ดี...ไม่ใช่ว่า ประเทศใหนอยากจะได้ ก็ จะต้องได้ตามนั้น.....เรื่องนี้สุดจะเดาใจเบื้องบน....จริงอยู่ ที่มี กระแสข่าวว่า พระองค์ท่าน จะจุติแถวๆ ประเทศไทย หรือ พม่า เรื่องนี้ ก็ พอไว้เป็นกำลังใจ....แต่ทุกอย่างก็เป็นสิ่งไม่เที่ยง มีเปลี่ยนแปลงได้ จึงไม่กล้าคาดหวังมาก... <O></O>
<O></O>
...โดยส่วนตัว..คิดว่า พระเจ้าจักรพรรดิ์ ที่จะมาถึงในกาลข้างหน้านี้...ได้ ถูกแก้ไขข้อบกพร่องในอดีต ที่ผ่านมาแล้ว...เหตุการณ์ หรือ ข้อผิดพลาดซ้ำของเดิมๆ จะไม่เกิดขึ้นอีก...อันนี้ เป็นไปตามหลักวิวัฒนาการสากล...และ แน่นอนว่า...พระองค์ท่าน ย่อมเป็นผู้ซึ่ง ไม่มีใครพยากรณ์ ถึง การมีตัวตน และ รูปลักษณะได้...หรือ ถึงมี ใครคนนั้น ก็จะ ก็ ไม่พูดถึง......เรื่องนี้ ยังคงเป็นปริศนา จนกว่า จะ ถึง วาระอันควร....<O></O>
<O></O>
..สิ่งสำคัญประการหนึ่ง ที่ คิดว่า น่าจะ เป็นคุณสมบัติพิเศษ ที่ไม่อาจหาได้ในหมู่มวลมนุษย์สามัญ คือ ความสามารถ ใน การ หยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า และ รู้จัก คัดสรร และ เลือกใช้ บุคลากร ได้ อย่างไม่มีที่ติ ส่วนความสามารถในการแก้ไขปัญหานั้น พระองค์ท่านย่อมมีอยู่แล้ว โดยสมบรูณ์ รับรองว่า ไม่ได้ จุติมาเพื่อเสวยบุญเก่า แต่ เป็นการมาเพื่อทำหน้าที่ และ สร้างบารมี...บำรุงพระพุทธศาสนา...ให้เจริญรุ่งเรื่อง ไป ครบตามวาระ <O></O>
<O></O>
...ตราบใดก็ตามที่ ที่แม้ว่า ผู้คนจะ เจริญด้วยวัตถุ แต่ หาความสุขสบายไม่ได้ คนดียังคงถูกรังแก ความยุติธรรมซื้อหาได้ ด้วยอำนาจและ เงินตรา ผู้ได้ชื่อว่า บัณฑิตนักวิชาการเก้ๆ ( คือ ไม่เก่งและ ไม่ดีจริง) ยังคงต้อง วิ่งเข้าหานักการเมือง หรือ ข้าราชการระดับบิ๊กๆ คนที่ว่า เก่งๆ ต้องประชาสัมพันธ์ตนเอง ทางทีวี ทำตัวให้แตกต่างพิเศษ แหก กฎระเบียบได้ หรือ เกาะแข้งเกาะขาผู้มีอำนาจ สร้างภาพลักษณ์สาธารณะให้ดี เป็นเกราะกำบังตน โดยที่คนทั่วไป มองไม่เห็นความชั่วของตน...สังคมอ่อนแอ มีแต่คนเอาตัวรอด....ตราบนั้น....ยังห่างจากยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ก็ เพราะ ในยุคสมัยของพระองค์ เหตุการณ์ เหล่านี้...ไม่มี <O></O>
<O></O>
..เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิ์ ทรงปรากฏขึ้น...ทุกผู้คน จะ ศิโรราบ...ตรงนี้สำคัญ ลองช่วยกันคิดดูว่า จะ เป็นไปได้อย่างไร...

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->วสุธรรม<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3098068", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนบริจาค




ผมได้คัดลอกมาเพียงบางส่วนเพื่อเพื่อนธรรมที่ไม่ทราบ<!-- google_ad_section_end --><HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->

เรื่องของพญาธัมมิกราชองค์ที่ ๓ (พระเจ้าจักรพรรดิ์)​

เนื่องจากยังมีคนเข้าใจสับสนเรื่องของ พญาธัมมิกราช(พระเจ้าจักรพรรดิ์) กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า อยู่เป็นจำนวนมาก ผมจึงขออนุญาติเรียนชี้แจงทำความเข้าใจให้ถูกต้องดังนี้ครับ

พระศรีอาริยะเมตไตรยโพธิสัตว์ คือผู้ที่ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลภายภาคหน้า หลังจากที่อายุของพระพุทธศาสนานี้ครบ 5,000 ปีไปแล้ว ซึ่งเป็นเวลาอีกหลายล้านปีข้างหน้า(ตามหนัีงสืออนาคตวงศ์10พระองค์ ที่ได้ตกแต่งกันมาในชั้นหลังๆ) ข้อนี้...ขอจงยกไว้ก่อนนะครับ

แต่เรื่องของพระมหาโพธิสัตว์กึ่งพุทธกาลนี้ หรือที่พวกเราชาวพุทธรอคอยและที่เรียกว่า"พระเจ้าจักรพรรดิ์"นั้น มันเป็นเรื่องของพระมหาโพธิสัตว์องค์ใดองค์หนึ่ง ผู้ที่มีบุญบารมีเต็มแล้ว ถึงวาระเวลาที่จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ มาปกครองโลกนี้ ตามบุญบารมีที่ตนเองได้สั่งสมเอาไว้ คือมาเป็นกษัตริย์ปกครองคนทั้งโลกนี้และคนในโลกอื่นๆ และในจักรวาล

หลังจากที่พระมหาโพธิสัตว์องค์นั้นองค์ใด ได้มาปกครองโลกนี้ในฐานะพระเจ้าจักรพรรดิ์จนหมดอายุขัยแล้ว ก็จะเสด็จกลับไปยังสวรรค์ชั้นดุสิตตามเดิม เพื่อรอคอยเวลาที่จะได้มาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงพยากรณ์เอาไว้ครับ

การได้มาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์นั้น เป็นเรื่องที่พระมหาโพธิสัตว์ที่มีบุญบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว จะต้องได้มาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ปกครองโลกนี้ทั้งโลก ก่อนที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่าเป็นธรรมเนียมของพระโพธิสัตว์ที่ถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่อดีตจนถึง ปัจจุบันนี้ครับ

ตามความเข้าใจของคนทั่วๆไป ก็คิดแต่เพียงว่าพระมหาโพธิสัตว์องค์นั้นองค์ใดหรือพระศรีอาริยเมตไตรย ที่มีบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว ไม่ต้องมาเกิดอีกแล้ว ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดถนัดครับ (หาก ท่านดับขันธ์จากโลกมนุษย์แล้ว ก็อาจเลือกได้ว่า ไม่เข้าไปดำรงที่ชั้นดุสิตหรือเข้าไปดำรงอยู่ที่ชั้นดุสิตได้เพียงครู่เดียว ก็ทรงอธิฐานจิตลงมาเลยก็ได้ เพราะท่านจะรู้จัก กาล สถานที่ บุคคล ว่าควรทำอะไรในกาลเวลาสถานที่และบุคคลนี้ ข้อนี้เป็นความสามารถเฉพาะมหาสัตว์เท่านั้น บางคนก็อาจจะอุตริอวดรู้แสดงการเกิดการตายของพระมหาสัตว์ด้วยสำคัญส่วนตัว จึงได้พาหมู่คณะคลาดเคลื่อนไปด้วย) เพราะพระโพธิสัตว์นอกจากจะต้องบำเพ็ญบารมีแล้ว ยังต้องมีหน้าที่ต้องคุ้มครองรักษาพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน นี้ ให้ดำรงคงอยู่จนครบอายุ 5,000 ปี ตามที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ได้ทรงตั้งจิตอธิษฐานเอาไว้อีกด้วย ดังตำนานละแวกที่ผมจะขอยกมาเป็นความรู้ในเรื่องนี้ครับ
เรื่องของพญาธัมมิกราชองค์ที่ ๓<!-- google_ad_section_end -->

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Aunyasit<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3098120", true); </SCRIPT>
สมาชิก



พระจักพรรดิ์นั้นท่านจะเป็น พระจักรพรรดิ์ของโลก ไม่ใช่เฉพาะแต่ประเทศไทย เพียงแต่ว่าจุดศูนย์กลางจะอยู่ในประเทศไทย

พระมหาโพธิสัตว์ท่านจะมาเป็นพระจักรพรรดิ์ปกครองโลก มายกยอพุทธศาสนาและยกระดับศีลธรรมของมนุษย์โลก

แต่สำหรับผู้ที่ไม่ศีลธรรมและมีบุญบารมีไม่เพียงพอ ก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในยุคนั้นได้

สำหรับเรื่องยุคพระจักรพรรดิ์นั้น หลวงปู่ทองทิพย์ จ. หนองคาย ท่านยืนยันและกล่าวไว้ชัดเจนเรื่องระบบของพระจักรพรรดิ์ ว่ายุคนั้นอยู่ไม่ไกลนี่แหละครับ อีกไม่นานเกินรอ หลังจากมหาภัยพิบัติบังเกิด แก่โลกแล้ว ก็จะเป็นยุคของพระจักรพรรดิ์

หลวงปู่ท่านเล่าเรื่องของพระจักรพรรดิ์ ให้ผมฟัง ผมก็ค่อยๆปฏิบัติไปดู ได้ไปรับรู้มาทีละอย่าง สองอย่าง เช่น เรื่องของจักรและม้าบิน เป็นต้น แต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ขณะที่ผมกับพี่ที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทวดคนนึง กำลังนั่งภาวนากัน จิตของพี่เขาก็ได้เข้าไปเห็นพระจักรพรรดิ์ แต่เนื่องจากพี่เขาไม่เคยเห็นพระจักรพรรดิ์ จิตเขาก็กลัวว่าจะเป็นนิมิตหลอกเลยถอยจิตออกมา เมื่อถอนจิตออกมาแล้วพี่เขาก็ถามผมเรื่องสิ่งที่พี่เขาไปรู้เห็นมา เมื่อ่ผมอธิบายให้ฟัง พี่เขาก็เสียดายมากที่ถอยจิตออกมาซะก่อน หลังจากนั้นพี่เขาก็พยายามเชื่อมจิตเข้าไป ณ จุดเดิม จนมาถึงตอนนี้พี่เขาก็ยังไม่สามารถส่งจิตกลับเข้าไปในระบบจักรพรรดิ์ได้อีก

ขณะเวลาเดียวกัน ผมก็ภาวนาเข้าไปรู้/เห็น ระบบของพระจักรพรรดิ์ ในส่วนที่ผมเกี่ยวข้อง หลังจากนั้นผมก็ภาวนาเข้าไปสู่ระบบของพระจักรพรรดิ์อีกหลายครั้ง ปัจจุบันนี้บางครั้งก็ยังเข้าไปสัมผัสได้อยู่ จึงเชื่อได้ว่าสิ่งที่หลวงปู่ทองทิพย์ท่านบอกผมไว้เรื่องของพระจักรพรรดิ์นั้นมีอยู่จริง ผมเชื่อว่านักปฏิบัติที่สามารถปฏิบัติไปรับรู้เรื่องจักรหรือม้าบินในโลกของจิตได้ขณะที่มีสติเต็มร้อย สามารถเข้าไปถึงระบบของพระจักรพรรดิ์ได้

หลวงปู่ทองทิพย์ท่านยืนยันกับผมว่า ผมต้องไปทำหน้าที่ทางโลก ในยุคพระจักรพรรดิ์ ผมก็รอดู ว่าผมจะต้องไปทำอะไร และหลวงปู่ท่านก็ยืนยันว่ายุคจักรพรรดิ์จะเกิดขึ้นในช่วงชีวิตนี้ของผม(ในช่วงอายุขัยนี้)หรือในยุคร่วมสมัยนี้แหละ

ทีนี้แต่ละบุคคลก็ต้องถามตนเองว่าเรามีบุญกุศลอะไร หรือได้สร้างบุญกุศลอะไรไว้ในพระพุทธศาสนา ที่จะทำให้สามารถดำรงอยู่ ในยุคปัจจุบันได้

หลวงปู่ท่านบอกกับผมว่า คนส่วนใหญ่จะต้องตาย และมีคนบางส่วนที่ตายไปแต่ยังมีธาตุเหลืออยู่ เช่น ศพไม่เน่าเปื่อย อัฐิ/กระดูก หรือเถ้าถ่าน เป็นต้น คนเหล่านี้ หากเป็นเชื้อญาติของผู้มีบุญ พระจักพรรดิ์สามารถชี้ด้วยของวิเศษของพระจักรพรรดิ์(ไม้เท้าวิเศษกกชี้ตายปลายชี้เป็น) ให้คนนั้นรวมธาตุและกลับมามีชีวิตได้ อีก

ผมเคยถามหลวงปู่ทองทิพย์ว่าญาติๆของผมหลายคนไม่สนใจปฏิบัติไม่ทำบุญ แล้วจะช่วยเขาได้อย่างไร หลวงปู่ท่านบอกกับผมว่า ให้เขาตายไปก่อนแล้วค่อยชี้ให้คืนชีพมาที่หลัง แต่ให้เก็บกระดูกไว้ เมื้อถึงยุคนั้นก็จะเอาคืนชีพได้



นี่คือภาพของกกชี้ตายปลายชี้เป็น ของวิเศษที่จะสามารถนำมาใช้ในยุคของพระจักรพรรดิ์ หลวงปู่ทองทิพย์ ท่านอธิษฐานให้ปรากฏ ลูกศิษย์หลวงปู่ถ่ายภาพหลวงปู่ แต่ปรากฏรูปกกชี้ตายปลายชี้เป็น ขึ้นมาแทน<!-- google_ad_section_end -->

ที่มา http://palungjit.org/threads/จำเป็นไหมที่ประเทศไทยต้องมีพระเจ้าจักรพรรดิ์.231759/

 

​

อนุโมทนา สาธุ










​

​

 

หลังจากฝนตกติดๆกันสองวัน

อากาศเชียงใหม่ก็ดีขึ้นบ้าง

เช้าวันที่สาม ออกเดินทางในพื้นที่อ.แม่ริม อ.แม่แตง ล่องขี้นทางเหนือ
สังเกตุว่า พื้นที่อ.แม่แตง โดยเฉพาเหนือเขื่อนแม่งัด ไม่มีฝนตก

ตลอดทางที่ไป แม้แต่หน้าหน่วยงานราชการ คนกวาดถนนของหลวง หน้าอบต.
เค้าก็เผาขยะ ใบไม้แห้งกัน

ยอมรับว่า ในฐานะปุถุชน ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ..

ทั้งๆที่ผู้ให้ความรู้เรื่องการเผา เรื่องอากาศก็มี ให้ผู้ปกครองท้องถิ่นไปบอกลูกบ้านก็มี

แต่ คน... อย่างไงก็เป็นคนน้อ...

นี่ ถ้าไม่มีการทำฝน หรือ ฝนไม่ตก ก็ไม่ต้องโทษเทวดา ฟ้าดิน

ไม่ต้องโทษฝนหลวง

คน ...อย่างไรเสีย ก็เพ่งโทษออกไปภายนอก คือคนอื่น สิ่งอื่น
ไม่ได้มองเลย ว่าผลที่เกิด มาจากการทำสิ่งไม่ควรเล็กๆน้อยๆ หลายคนรวมกันนี่เอง

พอฝนแล้ง ทำเกษตรไม่ดี
ก็รับเงิน ไปทำอย่างอื่นก็มากมาย เฮๆกันไป เป็นพันๆบาทต่อวัน
เดี๋ยวก็หมด ..สังคมยิ่งร้อน..
เห็นกับตา ได้ยินกับหู รู้กันดี

......กลับจากงานพุทธาภิเษก เพื่อเชียงใหม่และประเทศ
แล้วกลับมาอยู่แต่ในบ้าน
สวดมนต์ภาวนา ดูหนังฟังเพลง ปลูกต้นไม้ดอกไม้ดีกว่า เหนื่อยที่จะ
คอยบอกว่าสิ่งใดควรไม่ควร เดี๋ยวนี้ถ้าไม่มีสิ่งของหรือเงินให้
พวกชาวบ้านไม่ค่อยสนใจในสิ่งที่เราพูด ...
สังคมเป็นของทุกคน ถ้าฝากภาระไว้กับคนไม่กี่คน ไปไม่รอดหรอก

ในหลวงท่านก็ชราภาพมากแล้ว คนทำดีตามท่าน ต้องมากกว่านี้มากๆ

สังคมจะอยู่รอด และพัฒนาได้ดีกว่านี้...<!-- google_ad_section_end -->




<EMBED height=344 type=application/x-shockwave-flash width=425 src=http://www.youtube.com/v/XeaWRtcXu_4 allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true"><!-- / message --><!-- sig -->

 

อย่ามัวคาดหวัง และมองหาจักรพรรดินอกตัว ที่จะมาช่วยเลย

ทุกคนมีจักรพรรดิในตัว

แต่ หากแม้คุณธรรมเบื้องต้น จนถึง การรวมจิตไว้กับใจตนให้ได้

ไม่สามารถทำได้แล้ว

การจะได้พบเห็น ท่านทั้งภายนอกและภายใน ก็ยากเต็มที


ทุกคน เสมือนหยดความชื้นเม็ดเล็กๆบนพื้นโลก ที่จะทำให้เมฆฝนเบื้องบน
อันเปรียบเสมือนบุญบารมีใหญ่แห่งฟ้า ลงมาสู่โลกได้


หากไม่มีความชื้นของบรรยากาศเบื้องล่าง คือคนดีๆจำนวนมากพอ

บารมีฟ้าหรือเมฆฝน ก็ยากจะรวมตัว ตกลงมา ให้ชุ่มเย็น


....อย่าลืม ในหลวง...และสิ่งที่ท่านสอน ท่านทำให้ดู

 

*** ไม่มีในตำรา ****

แผ่นดินประเทศไทย...
เป็นผืนแผ่นดินเก่าแก่ ที่มีผู้ร่วมสัจจะช่วยสานต่อศาสนา

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** การกระทำยังไม่เที่ยง ****

ประเทศไทย....มีทุกอย่างพร้อมแล้ว
ขาดอย่างเดียว...คือ สัจจะ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

หาก ใครเคยอ่านประวัติเพลงความฝันอันสูงสุด

ที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้า
พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงร่วมกันพระราชนิพนธ์คำร้อง

หลังจากมีพระสุบินนิมิตรถึง องค์สมเด็จพระนเรศวร

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
ที่มาแห่งเพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด...
พล ตต. เจริญฤทธิ์ จำรัสโรมรัน รอง ผบ.ตำรวจตระเวนชายแดน ได้เล่าประวัติความเป็นมา ของเพลงพระราชนิพนธ์เพลงนี้ไว้ในหนังสือ "วารสารลูกเสือชาวบ้าน" ของ มานพ ลิ้มจรูญ ฉบับปฐมฤกษ์ ซึ่งผมขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อว่า
เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ได้เสด็จฯ ไปในงานพระราชพิธีสังเวยดวงวิญญาณอดีตมหาราช (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติเป็นประจำทุกปี สำหรับในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ นี้ ได้เสด็จฯ ไปที่ ต.แม่อาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นสถานที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้เสด็จฯ มาตั้งค่ายพักแรม ณ ที่นี้ก่อนยกทัพเข้าไปตีเมือง ซึ่งยังปรากฏร่องรอยรั้วป้อมค่ายต่างๆ อยู่ และในปัจจุบันนี้ รัฐบาลได้สร้างอนุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จนเรศวรมหาราชทรงช้างต้น และได้จำลองค่ายที่ประทับแรมจินตนาการ และร่องรอยที่ปรากฏอยู่ตามสภาพจริง
หลังจากเสร็จพระราชพิธี เมื่อ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ แล้วเสด็จฯ กลับประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ในคืนนั้น ก่อนรุ่งสว่าง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงสุบินนิมิตว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จฯ มาปรากฏพระองค์ขึ้น ที่หน้าพระแท่นบรรทม ในพระสุบินนิมิต สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้กราบถวายบังคม โดยที่ทรงทราบจาก พระวรกายและฉลองพระองค์ทรงเครื่องออกศึกว่า คือ....................



องค์พระนเรศวรมหาราช



และได้มีกระแสพระดำรัส แก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า.......


พระองค์ท่านปัจจุบันนี้ ดวงพระวิญญาณยังอยู่ในประเทศไทย เพราะทรงเป็นห่วงบ้านเมือง ประชาชนคนไทย ยังไม่ได้ไปประสูติใหม่ ณ ที่ใดเลย และที่มาปรากฏในสุบินนิมิตนี้ ก็เพื่อจะทรงเตือนว่า


ในอนาคตต่อจากนี้ไป บ้านเมืองไทยจะประสบกับความวุ่นวายยุ่งยาก และความมืดมนยิ่งขึ้น อย่างน่ากลัวอันตราย เหมือนกับที่เกิดขึ้นในสมัยพระองค์ท่าน (อนาคตนั้นก็น่าจะเป็น สมัยปัจจุบันนี้เอง -ผู้เรียบเรียง) ขอให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นกำลังพระทัยถวาย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน เพื่อที่จะได้ทรงนำประชาชน และชาติไทยฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง ให้ผ่านพ้นไปได้


และพระองค์ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน จักเป็นผู้นำให้ชาติไทยและประชาชนชาวไทย ผ่านพ้นห้วงวิกฤตินี้อย่างแน่นอน


และพระองค์ท่านจะเสด็จฯ ติดตามช่วยเหลืออยู่ตลอดไป

และขอให้ทั้งสองพระองค์ ได้ทรงให้กำลังใจแก่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ ที่เขาเหล่านั้น ไม่มีโอกาสเข้าใกล้ถวายงานโดยใกล้ชิด แต่เป็นประชาชนที่ยึดมั่นในพระองค์ท่าน โดยไม่เคยแสดงตัวออกมาให้ปรากฏ เหมือนกับการทำบุญปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

และเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะถวายชีวิต เพื่อพระองค์ท่านและชาติไทย จึงทรงขอให้รวบรวมชาวไทยผู้รักชาติเหล่านั้น และสนับสนุนให้เขาได้มีกำลังใจเพื่อรักษาชาติบ้านเมืองไว้


ในพระสุบินนิมิตนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า พระองค์ทรงสะดุ้งพระองค์ตื่นจากที่บรรทม และทรงประทับนั่งก็ยังทรงทอดพระเนตรเห็น องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชปรากฏอยู่ จึงทรงปลุกพระบรรทมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปรากฏให้ทั้งสองพระองค์ทอดพระเนตรเห็นชั่วครู่ ก็เสด็จฯ ไป เมื่อทั้งสองพระองค์ได้ทรงถวายบังคมแล้ว
และจากพระสุบินนี้เอง ทั้งสองพระองค์จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงความฝันอันสูงสุดนี้ขึ้น และได้พิมพ์เพลงพระราชนิพนธ์นี้ พระราชทานแก่ ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ ป้องกันอธิปไตยของชาติโดยทั่วหน้า และได้โปรดเกล้าฯ ให้คุณทนงศักดิ์ ภักดีเทวา และคุณจินตนา สุขสถิตย์ ร้องเพลงนี้ สอนให้แก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือน เป็นครั้งแรกที่ตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วประเทศในเวลาต่อมา.....


OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


นี่ถ้า คนไทยทั้งหลาย ไม่ฉุกคิด ด้วยสามัญสำนึกให้มากๆว่า

ทำไมองค์สมเด็จฯท่านถึงต้องมีพระสุบินนิมิตรถึงสมเด็จพระนเรศวร

ที่ทรงมาเตือนและให้กำลังใจในการปกครองบ้านเมือง


ดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมา ตั้งแต่ทรงครองราชย์

และ มาจนถึงปัจจุบัน


หากวันนี้ คนไทยส่วนใหญ่ ไม่ทำตามพระราชดำรัส

เมืองไทย หรือ แผ่นดินสยาม จะเป็นเช่นไรต่อไป



คนจำนวนไม่น้อยที่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมเอง ยังมัวหวังแต่

จะให้มีพระเจ้าจักรพรรดิหลังเกิดภัยพิบัติ หรือ ยุคการฆ่าฟันกัน

เพื่อให้โลกเป็นสุข


...แต่ทุกวันนี้ยังมีในหลวงฯ หลายคนกลับมองข้ามไป...


อย่า รู้ตัว เมื่อสายเกินไป

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

*** ผู้ทำได้ อดีต - ปัจจุบัน ****

สมัยพุทธกาล...
มีคนที่แอบไม่ชอบพระพุทธเจ้าก็มีอยู่มาก
เพราะ เขาทำไม่ได้อย่างพระพุทธเจ้า....
พระพุทธเจ้าสอนเรื่อง สัจจะการตัดลดปลดนิสัยตนเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ช่วงนี้สงสัยอากาศร้อนมาก

คุณ หนุมาร ยิงสปอตโฆษณา

ซ้ำไปซ้ำมาถี่ยิบเลยนะ(smile)

 

จีน-พายุทรายถล่มปักกิ่ง​

​

ชาวกรุงปักกิ่งของจีน ตื่นมาพบกับท้องฟ้าสีเหลือง เนื่องจากพายุทรายรุนแรงที่สุดของปีนี้ พัดถล่มภาคเหนือของจีน ทำให้เที่ยวบินบางเที่ยวที่สนามบินกรุงปักกิ่งต้องเสียเวลา และกระตุ้นให้เกิดคำเตือนเรื่องฝุ่นละอองในกรุงโซล นครหลวงของเกาหลีใต้

ท้องฟ้าเป็นสีแดง และละอองทรายบางๆ ปกคลุมกรุงปักกิ่ง ทำให้คนงานในจัตุรัสเทียนอันเหมินต้องใช้ผ้าปิดหน้า เพื่อป้องกันฝุ่นละออง สำนักลมฟ้าอากาศของเมืองจัดระดับคุณภาพอากาศในกรุงปักกิ่งว่า อยู่ในระดับอันตราย

เช่นเดียวกับสำนักลมฟ้าอากาศแห่งชาติจีน เตือนว่า คุณภาพอากาศของกรุงปักกิ่งแย่มากต่อสุขภาพและให้ประชาชนปิดปากปิดจมูกเมื่อต้องออกนอกบ้าน และให้ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด

ทะเลทรายที่ขยายวงออกไปของจีน ขณะนี้ครอบคุมเนื้อที่ 1 ใน 3 ของประเทศ เนื่องจากการพาสัตว์ไปกินหญ้าในทุ่งมากเกินไป การตัดไม้ทำลายป่า การขยายตัวของเขตเมือง และภัยแล้ง การเพิ่มขึ้นของทะเลทรายนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากของพายุทราย ซึ่งกรวดหินดินทรายจากพายุทรายเหล่านี้ สามารถเดินทางไปได้ไกลถึงภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกาทีเดียว

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

จีน-หิมะถล่ม ไอซ์แลนด์-เกิดภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งปะทุ​

​

เกิดหิมะถล่มที่มณฑลซินเจียงของจีน ขณะที่ไอซ์แลนด์เกิดภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 5 ของไอซ์แลนด์ เริ่มปะทุอย่างรุนแรง

ที่มณทลซินเจียงของจีน หิมะที่ละลายทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน บ้านเรือนหลายพันหลังจมอยู่ใต้น้ำได้รับความเสียหาย ในวันนี้สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวียังได้แพร่ภาพการช่วยเหลือชายวัย 62 ปีที่ติดค้างอยู่ในบ้านด้วย ซึ่งปฏิบัติการช่วยเหลือใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง พยากรณ์อากาศคาดว่าจะกิดฝนตกอีกภายใน 24 ชั่วโมงนี้

เมื่อวานนี้ยังได้เกิดหิมะถล่มอย่างน้อย 2 ครั้งบริเวณหุบเขาทางเหนือของซินเจียง ส่งผลให้รถยนต์กว่า 900 คัน ต้องติดค้างบนถนนหลวง ทั้งนี้มณทลซินเจียงต้องเผชิญกับพายุหิมะรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปีตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างน้อย 320 ล้านหยวน หรือ 46.8 ล้านดอลลาร์ ฝูงปศุสัตว์ 40,000 ตัวตาย และประชาชนเกือบ 1,000,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน

ส่วนไอซ์แลนด์ ประเทศในแถบเหนือของยุโรป ต้องอพยพประชาชนหลายร้อยคนในเมืองทางใต้อย่างเร่งด่วน หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมาภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งอีย์จาฟจัลลาโจกุล ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 5 ของไอซ์แลนด์ เริ่มปะทุอย่างรุนแรง ทางการต้องปิดถนนในพื้นที่ใกล้เคียง และอพยพประชาชนไปแล้ว 500 คน ที่อยู่ภายในรัศมี 160 กิโลเมตร เนื่องจากเกรงว่าภูเขาไฟที่ปะทุอย่างรุนแรงจะทำให้หิมะละลาย และเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ทางการยังได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตชุมชนใกล้ภูเขาด้วย สำหรับภูเขาไฟดังกล่าวเกิดระเบิดครั้งล่าสุดเมื่อปี 1821 หรือ 189 ปีที่แล้ว

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

คิวบา-แผ่นดินไหว 5.6 ริคเตอร์​

​

เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนเบื้องต้นได้ 5.6 ริคเตอร์ ทางตะวันออกของคิวบา ใกล้ค่ายกักกันอ่าวกวนตานาโมของสหรัฐฯ และมีอาฟเตอร์ช็อคขนาดเล็กตามมาหลายระลอก ยังไม่มีรายงานความเสียหาย การบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

สำนักสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐ หรือ USGS ในเมืองโกลเด้น มลรัฐโคโลราโด เปิดเผยว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 24.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย ห่างจากเมืองกวนตานาโม ของคิวบา ซึ่งอยู่ติดกับค่ายกักกันอ่าวกวนตานาโมของสหรัฐฯ ไปทางใต้ประมาณ 45 กิโลเมตร

ไม่มีรายงานว่า ประชาชนที่ค่ายกักกันกวนตานาโม หรือชาวคิวบาได้รับบาดเจ็บ หรือเกิดความเสียหายใดๆขึ้นตามมา จากนั้นประมาณ 90 นาที ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมา 1 ครั้ง วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.8 ริคเตอร์

แผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อคมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองซันตีอาโก เด คิวบา เมืองสำคัญทางภาคตะวันออกของคิวบา ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 60-65 กิโลเมตร

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

ไซโคลนอูลูอี ถล่มออสเตรเลีย​

​

ไซโคลนอูลูอี ซึ่งมีความรุนแรงระดับ 3 พัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลียเมื่อเช้านี้ ทำให้บ้านเรือนประชาชนราว 60,000 หลัง กระแสไฟฟ้าถูกตัดขาด ต้นไม้ และป้ายสัญญาณต่างๆถูกลมพัดได้รับความเสียหาย

ไซโคลนอูลูอี ซึ่งมีความเร็วลม 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เคลื่อนตัวพัดถล่มออสเตรเลียบริเวณชายหาดแอรี่ บีช ซึ่งเป็นชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย เรือหลายสิบลำถูกลมพายุพัดกระแทกก้อนหินจนได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามร้านค้าในย่านธุรกิจส่วนใหญ่ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก

พยากรณ์อากาศออสเตรเลีย เผยว่า ไซโคลนอูลูอีได้อ่อนกำลังลงเหลือระดับ 2 แต่ยังคงเคลื่อนตัวลึกเข้าไปในแผ่นดิน ซึ่งจะทำให้เกิดลมแรงและฝนตกหนัก ขณะนี้พายุลูกดังกล่าวอยู่ห่างจากเมืองคอลลินส์วิลล์ของรัฐควีนแลนส์ไปทางตะวันตก 60 กิโลเมตร และกำลังเคลื่อนตัวลึกเข้าไปในแผ่นดินไปทางตะวันตกเฉียงใต้ แต่คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเรื่อยๆเหลือเพียงระดับ 1

ด้านนายไมค์ บรุนเคอร์ นายกเทศมนตรีเมืองวิทซันเดย์ส เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่โรงไฟฟ้าเตรียมฟื้นฟูระบบไฟฟ้าอย่างเร็วที่สุด แต่ต้องรอให้ลมพายุเริ่มสงบก่อน ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านการจัดการภัยพิบัติจะหารือกันในวันนี้เพื่อประเมินความเสียหาย ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

รัฐบาลออสเตรเลียได้ประกาศเขตภัยพิบัติในพื้นที่ 8 แห่งตลอดชายฝั่งทางตะวันออกตั้งแต่เมื่อวานนี้ ตั้งแต่เมืองทาวส์วิลล์,เบอร์เดคิ้น,วิทซันเดย์,ชาร์เตอร์ส ทาวเวอร์ส,แม็คเคย์,ไอแซ็ค,ร็อคแฮ็มตั้นและเซนทรัล ไฮแลนด์ส เพื่อให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว ซึ่งที่บ้านพักตากอากาศตามแนวปะการังเกรท แบร์ริเออร์ ในรัฐควีนส์แลนด์ได้อพยพนักท่องเที่ยวและประชาชนไปก่อนหน้านี้แล้ว

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

ฝนตกหนักถล่มเฮติ​

​

ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักในกรุงปอร์-โต-แปรงซ์ของเฮติ ทำให้ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวกว่า 45,000 คนที่อาศัยอยู่ในเต๊นท์หลบภัยชั่วคราวพากันตื่นตกใจและเร่งเก็บข้าวของหนีน้ำรวมทั้งขุดดินโดยรอบเพื่อสร้างร่องน้ำให้น้ำไหลผ่าน กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากยังได้พัดเอาผู้ประสบภัยหลายคนไหลไปกับกระแสน้ำ แต่ไม่มีใครเสียชีวิต

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

สมเด็จพระนเรศวรท่านมาเกิดแล้ว ​

<TABLE class=tborder id=post616528 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 11-07-2007, 12:48 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#[URL="http://palungjit.org/posts/616528[/COLOR][/URL]​

 

ไอซ์แลนด์อพยพคนหนีภูเขาไฟปะทุใต้ธารน้ำแข็ง​

​

ชาวไอซ์แลนด์ราว 600 คน ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงธารน้ำแข็งเอยาฟจาลาโยคูลล์ ถูกสั่งให้อพยพ เนื่องจากกลัวว่าจะเกิดภัยธรรมชาติรุนแรง หลังจากที่ภูเขาไฟปะทุควันออกมา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 21 มี.ค. ว่า สำนักงานป้องกันพลเรือนแห่งชาติไอซ์แลนด์ สั่งอพยพประชาชนราว 600 คน ออกจากละแวกใกล้เคียงธารน้ำแข็งเอยาฟจาลาโยคูลล์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ หลังเกิดภูเขาไฟปะทุพ่นฝุ่นควันภูเขาไฟออกมาเมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันที่ 20 มี.ค. หรือประมาณ 07.00 น.วันที่ 21 มี.ค.ตามเวลาไทย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัยไอซ์แลนด์ ประเมินว่าการปะทุของลาวาใต้ธารน้ำแข็งอาจทำให้น้ำแข็งละลายจนเกิดเป็นน้ำไหลบ่าท่วมพื้นที่ดังกล่าว เพราะถือเป็นธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศ และอยู่ห่างจากเมืองหลวง กรุงเรกยะวิค ประมาณ 160 กิโลเมตร ถือเป็นการปะทุครั้งแรกในรอบ 187 ปี เจ้าหน้าที่ควบคุมการบินของไอซ์แลนด์แจ้งให้เที่ยวบินของสายการบินไอซ์แลนเดีย ซึ่งเดินทางมาจากเมืองบอสตัน ออร์แลนโด และซีแอตเติล ของสหรัฐฯ บินกลับไปยังสนามบินต้นทาง เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดจากฝุ่นภูเขาไฟบดบังทัศนวิสัยการบิน

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2553

พายุทรายพัดถล่มปักกิ่ง ฝุ่นปกคลุมทั่วเมือง​

​

พายุฝุ่นทรายพัดถล่มกรุงปักกิ่ง ทำให้น่านฟ้าทัศนวิสัยเลวร้าย ทางการประกาศเตือนมลภาวะทางอากาศระดับ 5 แนะนำประชาชนงดออกจากบ้านหากไม่จำเป็น...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน เผชิญสภาพอากาศเลวร้ายอีกระลอกเมื่อช่วงวันเสาร์ 20 มี.ค. เกิดพายุฝุ่นทรายพัดมาจากพื้นที่แห้งแล้งทางตอนเหนือและแถบมองโกเลีย พัดฝุ่นทรายสีเหลืองส้มลามเข้าสู่เมืองหลวง ส่งผลให้ท้องฟ้าเหนือกรุงปักกิ่งมีทัศนวิสัยเลวร้าย ท้องถนนเต็มไปด้วยฝุ่นทรายปริมาณหลายตัน ทางการประกาศเตือนภัยมลภาวะทางอากาศระดับ “5” หรือระดับอันตรายสูงสุด ไม่แนะนำให้ผู้คนออกกำลังกายตอนเช้าตามสวนสาธารณะ หรือสถานที่โล่งแจ้ง ควรอยู่ภายในบ้าน หรือหากออกนอกอาคาร ควรสวมหน้ากากอนามัยช่วยกรองอากาศหายใจ

ข่าวแจ้งว่า พายุฝุ่นทรายที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ ตั้งแต่การทำลายพื้นที่ป่าและการขยายตัวของทะเลทราย ซึ่งกินพื้นที่ประเทศจีนแล้วราว 1 ใน 3 ส่วน สำหรับพายุฝุ่นทราย มักเกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ เมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น ผนวกสภาพความชื้นสูงหลังเกิดพายุหิมะและอากาศหนาวจัดก่อนหน้านี้ ยิ่งทำให้พายุฝุ่นทรายรุนแรงขึ้น โดยกระแสลมในบางพื้นที่พัดเร็วกว่า 100 กม.ต่อชั่วโมง ขณะที่พื้นที่แถบมองโกเลียในอยู่ห่างกรุงปักกิ่งแค่ 800 กม.

ทั้งนี้ พายุฝุ่นทรายพัดถล่มกรุงปักกิ่งเมื่อ 4 ปีก่อน ทำให้ฝุ่นทรายถูกพัดพาเข้ามาถึงกรุงปักกิ่งปริมาณมากกว่า 300,000 ตัน ปรากฏการณ์พายุฝุ่นทรายพัดถล่มกรุงปักกิ่งครั้งนี้ ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบปี ทำให้เที่ยวบินขึ้นและลงกรุงปักกิ่ง ถูกเลื่อนกำหนดการเดินทางหลายเที่ยว ผลกระทบจากพายุทรายอาจถูกพัดพาไปไกลได้ทั่วประเทศ หรือไปถึงคาบสมุทรเกาหลี ไปถึงญี่ปุ่น หรืออาจไปถึงชายฝั่งสหรัฐฯ

ชาวกรุงปักกิ่งรายหนึ่งระบุว่า เดิมทีพายุทรายรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยๆ เมื่อช่วงทศวรรษ 1980-1990 แต่ช่วงหลายปีท่ีผ่านมา พายุฝุ่นทรายไม่รุนแรงเหมือนที่เกิดขึ้นในปีนี้ แนวทางแก้ไขปัญหาของรัฐบาลจีนที่ผ่านมาคือ ระดมทุนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พยายามสกัดกั้นการขยายตัวของพื้นที่ทะเลทราย ด้วยการปลูกแนวต้นไม้ปกคลุมผิวดิน แต่ยังดำเนินการได้เพียงเล็กน้อย ท่ามกลางปัญหาโลกร้อน ความแห้งแล้งและปัญหาขาดแคลนทรัพยากรน้ำ ขณะที่ผลจากพายุฝุ่นทรายพัดถล่มกรุงปักกิ่งแต่ละปี กระทบถึงบรรยากาศความน่าลงทุนทำธุรกิจในจีนด้วยไม่น้อย

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2553

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

...ที่อื่นจะเป็นอย่างไรผมไม่รู้ แต่ที่นี่เขารักในหลวงกันทุกคนนะครับ...

ร่วมกันอธิฐานถวายอายุขัยแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ( 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18)
kananun

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

ที่มาแห่งเพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด...
พล ตต. เจริญฤทธิ์ จำรัสโรมรัน รอง ผบ.ตำรวจตระเวนชายแดน ได้เล่าประวัติความเป็นมา ของเพลงพระราชนิพนธ์เพลงนี้ไว้ในหนังสือ "วารสารลูกเสือชาวบ้าน" ของ มานพ ลิ้มจรูญ ฉบับปฐมฤกษ์ ซึ่งผมขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อว่า

เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ได้เสด็จฯ ไปในงานพระราชพิธีสังเวยดวงวิญญาณอดีตมหาราช (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติเป็นประจำทุกปี สำหรับในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ นี้ ได้เสด็จฯ ไปที่ ต.แม่อาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นสถานที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้เสด็จฯ มาตั้งค่ายพักแรม ณ ที่นี้ก่อนยกทัพเข้าไปตีเมือง ซึ่งยังปรากฏร่องรอยรั้วป้อมค่ายต่างๆ อยู่ และในปัจจุบันนี้ รัฐบาลได้สร้างอนุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จนเรศวรมหาราชทรงช้างต้น และได้จำลองค่ายที่ประทับแรมจินตนาการ และร่องรอยที่ปรากฏอยู่ตามสภาพจริง
หลังจากเสร็จพระราชพิธี เมื่อ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ แล้วเสด็จฯ กลับประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ในคืนนั้น ก่อนรุ่งสว่าง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงสุบินนิมิตว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จฯ มาปรากฏพระองค์ขึ้น ที่หน้าพระแท่นบรรทม ในพระสุบินนิมิต สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้กราบถวายบังคม โดยที่ทรงทราบจาก พระวรกายและฉลองพระองค์ทรงเครื่องออกศึกว่า คือ....................



องค์พระนเรศวรมหาราช



และได้มีกระแสพระดำรัส แก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า.......


พระองค์ท่านปัจจุบันนี้ ดวงพระวิญญาณยังอยู่ในประเทศไทย เพราะทรงเป็นห่วงบ้านเมือง ประชาชนคนไทย ยังไม่ได้ไปประสูติใหม่ ณ ที่ใดเลย และที่มาปรากฏในสุบินนิมิตนี้ ก็เพื่อจะทรงเตือนว่า


ในอนาคตต่อจากนี้ไป บ้านเมืองไทยจะประสบกับความวุ่นวายยุ่งยาก และความมืดมนยิ่งขึ้น อย่างน่ากลัวอันตราย เหมือนกับที่เกิดขึ้นในสมัยพระองค์ท่าน (อนาคตนั้นก็น่าจะเป็น สมัยปัจจุบันนี้เอง -ผู้เรียบเรียง) ขอให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นกำลังพระทัยถวาย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน เพื่อที่จะได้ทรงนำประชาชน และชาติไทยฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง ให้ผ่านพ้นไปได้


และพระองค์ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน จักเป็นผู้นำให้ชาติไทยและประชาชนชาวไทย ผ่านพ้นห้วงวิกฤตินี้อย่างแน่นอน


และพระองค์ท่านจะเสด็จฯ ติดตามช่วยเหลืออยู่ตลอดไป

และขอให้ทั้งสองพระองค์ ได้ทรงให้กำลังใจแก่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ ที่เขาเหล่านั้น ไม่มีโอกาสเข้าใกล้ถวายงานโดยใกล้ชิด แต่เป็นประชาชนที่ยึดมั่นในพระองค์ท่าน โดยไม่เคยแสดงตัวออกมาให้ปรากฏ เหมือนกับการทำบุญปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

และเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะถวายชีวิต เพื่อพระองค์ท่านและชาติไทย จึงทรงขอให้รวบรวมชาวไทยผู้รักชาติเหล่านั้น และสนับสนุนให้เขาได้มีกำลังใจเพื่อรักษาชาติบ้านเมืองไว้


ในพระสุบินนิมิตนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า พระองค์ทรงสะดุ้งพระองค์ตื่นจากที่บรรทม และทรงประทับนั่งก็ยังทรงทอดพระเนตรเห็นองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชปรากฏอยู่ จึงทรงปลุกพระบรรทมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปรากฏให้ทั้งสองพระองค์ทอดพระเนตรเห็นชั่วครู่ ก็เสด็จฯ ไป เมื่อทั้งสองพระองค์ได้ทรงถวายบังคมแล้ว
และจากพระสุบินนี้เอง ทั้งสองพระองค์จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงความฝันอันสูงสุดนี้ขึ้น และได้พิมพ์เพลงพระราชนิพนธ์นี้ พระราชทานแก่ ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ ป้องกันอธิปไตยของชาติโดยทั่วหน้า และได้โปรดเกล้าฯ ให้คุณทนงศักดิ์ ภักดีเทวา และคุณจินตนา สุขสถิตย์ ร้องเพลงนี้ สอนให้แก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือน เป็นครั้งแรกที่ตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วประเทศในเวลาต่อมา.....

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

คุณเกษมครับ ที่ว่า ท่านมาเกิดแล้วนั้นเป็นใครหรือครับ