วัดเขาอ้อ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Jin, 20 มกราคม 2005.

  1. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342
    ใครทราบประวัติวัดนี้บ้างครับ
     
  2. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    เป็นสำนักเก่าแก่สืบทอดมานับพันปี มีชื่อเสียงในวิชาลึกลับต่างๆ เช่น การอาบน้ำว่านให้อยู่ยงคงกระพัน ไปจนถึงรักษาโรคด้วยสมุนไพร ศิษย์เขาอ้อมีตั้งแต่ เจ้านาย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ลงไปถึงโจร

    ไม่ทราบชัดว่าจริงหรือไม่ แต่ได้ยินว่า เหรียญของหลวงพ่อรุ่นที่ด้านหลังเป็นรูปท้าวเวสสุวัณ จัดสร้างที่กองบัญชาการ ตชด นครศรีธรรมราช ร่วมทำพิธีโดยศิษย์เขาอ้อด้วย
     
  3. คนลึกลับ

    คนลึกลับ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    คนสมัยโบราณที่เรียนวิชาเวทย์มนต์มายาไสยศาสตร์เขาได้จัดลำดับวิชาที่เป็นที่ยอมรับกันดังนี้นั่นก็คือวัดเขาอ้อ-เป็นวัดทางภาคใต้ วัดประดู่วัดพยาธิ์อยู่อยุธยาใครที่เป็นลูกศิกษ์วัดดังกล่าวก็เป็นที่ยอมรับกันในสมัยโบราณและมักจะได้เป็นแม่ทัพนายกองประจำกองทัพวิชาของทั้งสามที่นี้กินกันไม่ลงวิชาวัดเขาอ้อมักจะเป็นวิชาเพชรหลบเพชรหลีกกระสุนตกคงกะพันชาตรีเขียนผงปัตถมังเขียเลขยันต์ต่างๆอาบนำว่านจะอาบ 7 วัน 7 คืนเวลาอาบให้นอนในอ่างหรือบ่อที่สามารถสุมไฟอ่อนๆได้ก้นอ่างจะมีสมุนไพรมากมายโดยมากมักจะมีหนามแหลมคมเราต้องไปนอนอาบเอาแต่หน้าโผล่ลอยคออยู่ในอ่างนั้นตลอดเวลาที่อยู่ในอ่างจะกินข้าวเหนียวดำหุงกับกระทิเรียกกันว่ากินกันจนเอียนทั้ง 7 วันเลยครับเวลาออาบน้ำว่านคันมากเลยพอเสร็จก็มาลงเลขยันต์กำกับครับอาจารย์เด่นๆมีหลายองค์มากอาจารย์ผมก็คืออาจารย์ชุม ไชยคีรี ยังมีเจ้าอาวาสเก่งๆอีกหลายๆท่านที่สืบต่อวิชาอยู่หลังอาจารย์เสียลูกชายอาจารย์ก็สืบทอดวิทยาคมต่อไปแต่น่าเสียดายลูกชายท่านอาจารย์ก็เสียชีวิตไปแล้วครับคนแรกเคยลงข่าวทีวีว่าสามารถสะเดาะกุญแจได้โดยใช้คาถาเป่าให้กุญแจหลุดนั่นแหละครับตอนหลังผิดครูครับคือไปทำการอาบน้ำว่านที่บ้านแทนที่จะเป็นที่วัดต่อมาเลยเสียชีวิตไปอีกคนบวชเป็นพระแต่มรณะภาพไปแล้วครับคนที่ยังมีเห็นๆอยู่ที่มีชื่อเสียงก็เห็นจะมีขุนพันธ์ ครับคนที่ทำพระเเละปลุกเศกพระสายเขาอ้อที่ดังๆอยู่ในปัจจุบันนั่นแหละครับส่วนวัดประดู่วัดพระญาติก็มีวิชาเขียนผงลงเลขยันต์ทำผฝปถมัง---อิทธเจ---ตรีนิสิงห์เห มีการชัดยันต์ 9 เฮหรือวิชาคงกระพันชาตรีที่พระนเรศวรใช้ไงครับวิชาเด่นๆมีตำราพิชัยสงครามการจัดกระบวนทัพฝังเหล็กไหลเสกหุ่นพยนต์เสกต่อแตนดูฤกษ์ยามการอัดพลังการเล่นกสิณวิชาสักยันต์ก็เป็นอีกจุดหนึ่งในวิชาครับตอนนี้ไม่ค่อยจะเหลือใครที่จะสืบทอดวิชาเสียแล้วหากต้องการฝึกไว้ผมจะบอกนะครับหากมีคนสนใจจะฝึกจริงๆจะมีตำราของหลวงปู้ศุขวัดมะขามเฒ่าอยู่มีวิชาอิ วิชติ วิชาปิ วิชาสิ วิชาอะ วิชาอุ และวิชาธงสะบัดสะกดทัพหลวงปู่ศุ๘ท่านสำเร็จ 2 เล่มครับส่วนกรมหลวงชุมพรท่านสำเร็จเล่มเดียว
     
  4. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342
    เเล้วมีใครสำเร็จหมดทั้ง เจ็ดเล่มไหม ครับ พี่เลิกลึกลับเถอะครับ ผมชอบคบคนเก่งๆ อ่ะ Register na krub อยากรู้จักครับ
    เเล้วถ้าจะเป็นศิษย์ เขาอ้อ หรือวัด ประดู่ ต้อง ทำไงบ้างจ๊ะ
     
  5. nnn

    nnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2005
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,298
    (evil) คุณคนลึกลับ สำนวนภาษาคล้ายๆๆกับคนที่ผมเคยรู้จักเลย ท่านนั้นเขาก็บอกว่าศิษย์เขาอ้อเช่นกัน ส่วนตัวผมศึกษาพระเวทล้านนาเน้นทางเมตตาและแคล้วคลาดเป็นหลักครับ.............
     
  6. nnn

    nnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2005
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,298
    สำนักวัดเขาอ้อ ตักสิลาทางไสยเวทย์[font=Angsana New, AngsanaUPC]ภาคใต้(one-eye) [/font][font=Angsana New, AngsanaUPC]
    [/font]<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="44%" bgColor=#99ccff height=160>
    [​IMG]



    </TD><TD width="56%" bgColor=#ffffcc height=160>วัดเขาอ้อเป็นแหล่งวิทยาคมทางไสยศาสตร์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาแล้ว ตั้งแต่สมัยโบราณ พระเกจิอาจารย์ผู้สืบต่อวิชาทางไสยศาสตร์ ต่างก็เป็นที่พึ่งที่เคารพศรัทธาของประชาชนทั่วไป เช่น พระอาจารย์ทองเฒ่า พระครูสิทธิยาภิรัต (เอียด) พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา พระครูพิพัฒน์สิริธร (อาจารย์คง) วัดบ้านสวน พระอาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ และ ที่เป็นฆราวาสที่คนทั่วไปรู้จักกันดีได้แก่ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นต้น


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2005
  7. nnn

    nnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2005
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,298
    พิธีกรรมทางไสยศาสตร์(b-malang)
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="38%" bgColor=#99ccff>





    </TD><TD width="62%" bgColor=#ffffcc>


    ความเชื่อทางไสยศาสตร์ของสำนักวัดเขาอ้อที่สำคัญถือเป็นหลัก นิยมใช้ประกอบพิธีกรรมให้สานุศิษย์และประชาชนที่ศรัทธาโดยทั่วไปมี 4 พิธี คือ พิธีเสกว่านให้กิน พิธีหุงข้าวเหนียวดำ พิธีเสกน้ำมันงานดิบ และพิธีแช่ว่าน
    นอกจากนี้ก็ยังมีพิธีอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น พิธีสอนให้ชักยันต์ด้วยดินสอ และการสร้างพระเครื่องรางของขลัง วิชาดูฤกษ์ยาม ตำรารักษาโรคภัยไข้เจ็บจากสมุนไพร และการรักษาด้วยคาถาอาคม เพื่อประโยชน์ของการศึกษาทางด้านความเชื่อทางไสยศาสตร์ จึงขอนำเอาพิธีกรรมที่กล่าวแล้วข้างต้น มาอธิบายไว้ในที่นี้พอสังเขป

    1.พิธีเสกว่านให้กิน หมายถึง การนำเอาว่านที่เชื่อว่ามีสรรพคุณทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี หรือทางด้านมหาอุด มาลงอักขระเลขยันต์ทางเวทมนต์คาถา แล้วนำไปให้พระอาจารย์ผู้ชำนาญเวท ปลุกเสกด้วยอาคมกำกับอีกครั้งหนึ่ง ว่านที่นิยมใช้ในพิธี ได้แก่ ว่านขมิ้นอ้อย ว่านสบู่เลือด ว่านสีดา ว่านเพชรตรี ว่านเพชรหน้าทั่ง ต้นว่านเหล่านี้เชื่อกันว่ามีเทพารักษ์คอยคุ้มครองรักษา พันธุ์ว่านบางชนิดต้องไปทำพิธีกินในสถานที่พบ ที่นิยมมาก ได้แก่ การกินว่านเพชรหน้าทั่ง
    การทำพิธีกินต้องหาฤกษ์ยามเสียก่อน เมื่อได้ฤกษ์แล้วพระอาจารย์จะนำสายสิญจน์ไปวนไว้รอบต้นว่าน แล้วตั้งหมากพลูบูชาเทพารักษ์ ปลุกเสกอาคมทางหลักไสยศาสตร์ เมื่อเสร็จพิธีแล้วนำมาแจกจ่ายกินกัน เชื่อว่าจะทำให้ผู้นั้นเป็นคนอยู่ยงคงกระพันชาตรี
    การเสกว่านให้กิน เมื่อสิ้นพระอาจารย์ทองเฒ่าแล้ว นิยมไปทำกันที่วัดดอนศาลา ต.มะกอกเหนือ โดยมีพระครูสิทธิยาภิรัต (เอียด) เจ้าอาวาสวัดดอนศาลาเป็นผู้ประกอบพิธี เช่น การประกอบพิธีกินว่านหน้าทั่ง เมื่อวันพุธ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 5 พ.ศ.2473 มีพระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ (ยังเป็นฆราวาส) เป็นผู้หาฤกษ์ยาม ผู้ร่วมกินมี พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช และพระเณรในวัดดอนศาลา

    2.พิธีหุงข้างเหนียวดำ นิยมทำพร้อมกับพิธีเสกน้ำมันงาดิบ ชาวบ้านนิยมเรียกว่า "กินเหนียวกินมัน" แต่ละปีจะประกอบพิธีกิน 2 ครั้ง คือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 และ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10
    พิธีหุงข้าวเหนียวดำ หมายถึง การนำเครื่องยาสมุนไพร หรือว่านชนิดต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 108 ชนิด มาผสมกันแล้วต้มเอาน้ำยามาใช้หุงข้าวเหนียวดำ
    การประกอบพิธีนิยมทำกันภายในอุโบสถมากกว่าสถานที่อื่นๆ ในสมัยก่อนนิยมทำกันในถ้ำฉัตรทันต์ หม้อและไม้ฟืนทุกอัน จะต้องลงอักขระเลขยันต์กำกับด้วยเสมอ พระอาจารย์ผู้ประกอบพิธีจะเริ่มปลุกเสก ตั้งแต่จุดไฟ จนกระทั่งข้าวเหนียวในหม้อสุก แล้วนำข้าวเหนียวที่สุกแล้วไปประกอบพิธีปลุกเสกอีกครั้งหนึ่งจนเสร็จพิธี
    พิธีกินข้าวเหนียวดำ จะทำพิธีกันภายในอุโบสถ ก่อนกินถ้าสานุศิษย์คนใดไม่บริสุทธิ์ต้องทำพิธีสะเดาะ หรือเรียกว่า "พิธีการเกิดใหม่" หรือ "พิธีบริสุทธิ์ตัว" เพื่อให้ตัวเองบริสุทธิ์จากสิ่งไม่ดีชั่วร้ายทั้งปวง
    เมื่อถึงเวลาฤกษ์กินข้าวเหนียวดำ สานุศิษย์จะเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นนุ่งด้วยผ้าขาวม้าโจงกระเบนไม่ใส่เสื้อ แล้วเข้าไปกราบพระอาจารย์ผู้ประกอบพิธี 3 ครั้ง เสร็จแล้วพระอาจารย์จะให้นั่งชันเข่าบนหนังเสือ เท่าทั้ง 2 เหยียบบนเหล็กกล้าหรือเหล็กเพชร ปิดศรีษะด้วยหนังหมี มือทั้ง 2 วางบนหลังเท้าของตัวเอง พระอาจารย์ใช้มือซ้ายกดมือทั้ง 2 ไว้ พร้อมกับภาวนาพระคาถา ส่วนมือขวาปั้นข้าวเหนียวดำเป็นก้อนป้อนให้ศิษย์ครั้งละ 1 ก้อน แล้วปล่อยมือศิษย์ที่กดไว้บนเหลังเท้า มือทั้ง 2 ของศิษย์จะลูบขึ้นไปตั้งแต่หลังเท้าจนทั่วตัวจดใบหน้า การลูบขึ้นนี้เรียกว่า "การปลุก" เสร็จแล้วลูบลง เอามือทั้ง 2 ไปวางไว้บนหลังเท้าทั้ง 2 เช่นเดิม โดยกะประมาณว่ากินข้าวเหนียวก้อนแรกหมดพอดี สำหรับผู้ที่ไม่เคยกินอาจกลืนลำบาก เนื่องจากว่าข้าวเหนียวมีรสขมมาก บางคนป้อนก้อนแรกถึงกับอาเจียนออกมาก็มี แต่ถ้ากลืนก้อนแรกจนหมดได้ ก้อนต่อไปจะไม่มีปัญหา พระอาจารย์จะป้อนจนครบ 3 ก้อน ในแต่ละครั้งจะลูบขั้นลูบลง เช่นเดียวกับครั้งแรก แต่ครั้งที่ 3 นั้นเมื่อศิษย์กินข้าวเหนียวหมดแล้ว พระอาจารย์จะใช้มือซ้ายกดมือทั้ง 2 ไว้ที่เดิมหัวแม่มือขวาสะกดสะดือศิษย์ ทำทักษิณาวัตร 3 รอบ พร้อมกับภาวนาพระคาถาไปด้วย เป็นการผูกอาคม
    สำหรับคุณค่าของการกินข้าวเหนียวดำ สานุศิษย์ของสำนักเขาอ้อ เชื่อกันว่าใครกินได้ถึง 3 ครั้ง จะทำให้อยู่ยงคงกระพันชาตรี เป็นมหานิยม และยังเป็นยาแก้โรคปวดหลังปวดเอวได้เป็นอย่างดี

    3.พิธีเสกน้ำมันงาดิบ การเสกน้ำมันงาดิบ ต้องมีเครื่องบูชาครูเช่นเดียวกับการหุงข้าวเหนียวดำ คือ หมาก 9 คำ ดอกไม้ 9 ดอก เทียน 1 เล่ม ธูป 3 ดอก สายสิญจน์ หนังเสือ หนังหมี เอาวางไว้ที่หน้าเครื่องบูชา การเสกน้ำมันส่วนใหญ่นิยมใช้น้ำมันงาดิบ หรือน้ำมันยางแดงประสมว่าน พระอาจารย์ผู้ประกอบพิธีจะนั่งบริกรรมพระคาถาจนน้ำมันแห้งเป็นขี้ผึ้ง เรียกว่า "พิธีตั้งมัน"
    เมื่อเสกจนน้ำมันแห้งแล้ว พระอาจารย์จะทำพิธีป้อนน้ำมันให้สานุศิษย์แบบเดียวกับพิธีป้อนข้าวเหนียวดำ คือ ผู้ที่จะกินมันต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เคยผิดศีลข้อกาเมมาก่อน ถ้าบุคคลใดไม่บริสุทธิ์ ต้องให้พระอาจารย์ทำพิธี "บริสุทธิ์ตัว" คือ "สะเดาะ" เสียก่อน เสร็จแล้วก็ทำเช่นเดียวกับกินข้าวเหนียวดำ โดยพระอาจารย์ ผู้ประกอบพิธีจะป้อนน้ำมันให้กิน 3 ช้อน แต่ละช้อนมีขมิ้นอ้อย 1 ชิ้น เมื่อกินช้อนที่ 3 หมด พระอาจารย์จะตักน้ำมันมาทาบบนฝ่ามือทั้ง 2 ของศิษย์ แล้วเขียนตัวอักขระตัว "นะโม" ข้างละ 1 ตัว จับมือศิษย์ทั้ง 2 ประกบกันละเลงให้น้ำมันทั่วฝ่ามือ แล้วนำไปทาบนหลังเท้าทั้ง 2 ข้าง ข้างละมือ พร้อมกับพระอาจารย์จะปลุกเสกคาถากำกับไปด้วย ต่อจากนั้นใช้มือลูบขึ้นและลูบลงเช่นเดียวกับการกินข้าวเหนียวดำ เสร็จแล้วมือซ้ายของอาจารย์จะกดมือทั้ง 2 ไว้หัวแม่มือขวาสะกดสะดือศิษย์ไว้ เช่นเดียวกับการกินข้างเหนียวดำ เพื่อเป็นการผูกอาคม เป็นอันเสร็จพิธีการกินน้ำมันงาดิบ
    คุณค่าการกินน้ำมันงาดิบของสำนักวัดเขาอ้อ เชื่อกันว่ามีคุณค่าทางด้านอยู่ยงคงกะพัน มีเมตตามหานิยม แต่มีข้อห้ามไว้ว่า ถ้าผิดลูกเมียผู้อื่นเมื่อใด น้ำมันที่กินเข้าไปจะไหลออกมาตามขุมขนจนหมดสิ้น และถ้าจะกินน้ำมันใหม่ก็ต้องทำพิธีสะเดาะใหม่อีกครั้ง

    4.พิธีแช่ว่านยา เป็นพิธีกรรมชั้นสูงทางไสยศาสตร์ของสำนักวัดเขาอ้อ การแช่ว่านยา หมายถึง การที่บุคคลหนึ่งบุคคลใด ลงไปนอนแช่ในน้ำว่านยาที่ได้ทำพิธีปลุกเสกตามหลักวิชาไสยศาสตร์ จากพระอาจารย์ผู้เรืองอาคม เพื่อประสงค์ให้ตัวเองอยู่ยงคงกระพันชาตรี วัดเขาอ้อจึงได้นามอีกอย่างหนึ่งว่า "วัดพระอาจารย์หลัง" หลายคนเชื่อกันว่าวัดเขาอ้อเป็นต้นตำรับพิธีการแช่ยา ต่อมาเมื่อมีลูกศิษย์มากขึ้น พิธีการนี้ก็แพร่หลายออกไปตามวัดต่างๆ เช่น วัดดอนศาลา วัดบ้านสวน อ.ควนขนุน วัดเขาแดงออก วัดยาง วัดปากสระ อ.เมือง พัทลุง เป็นต้น
    พิธีการแช่ยาที่วัดเขาอ้อ นิยมประกอบพิธีบนไหล่เขาหรือภายในถ้ำฉัตรทันต์ ในราวเดือน 5 เดือน 10 ของทุกๆปี โดยก่อเป็นรูปอ่างน้ำสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือใช้เรือขุดจากไม้ก็ได้ให้มีขนาดพอที่จะให้คนลงไปนอนได้ประมาณ 3-4 คน ส่วนมากไม่มีการกำหนดขนาดที่แน่นอน อ่างน้ำนี้เรียกว่า "รางยา"
    เนื่องจากพิธีกรรมแช่ว่าว่านยาเป็นพิธีใหญ่มาก และเป็นพิธีชั้นสูงของสำนักวัดเขาอ้อและทำได้ยากลำบาก เครื่องบูชาครูจึงต้องมีมากเป็นธรรมดา คือ หัวหมู บายศรีไหญ่ ยอดบายศรี สวมแหวนทองคำหนัก 1 บาท หมากพลู ธูปเทียน ดอกไม้ และมีหนังสือหนังหมี เหล็กกล้า เป็นเครื่องประกอบ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2005
  8. คนลึกลับ

    คนลึกลับ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    หวัดดีท่านnnnยินดีมากครับที่ท่านได้ศึกษาพระเวทย์ลานนาเราอาจจะเจอกันก็ได้นะครับเพราะผมก็ยังเสาะแสวงหาอาจารย์เก่งๆเพื่อเรียนวิชาเพิ่มเติมครับไม่ทราบว่าท่านnnnเคยฝึก 9 เฮไหมครับทำไงถึงจะถึงขั้นที่ 10 ครับตอนนี้ผมชักยันต์ได้ถึงขั้นที่ 5 แล้วครับกะว่าจะไปต่อวิชากับพระครูเฒ่ากบิลพัตร์อยู่พอดีท่านจะได้ต่อวิชาไปอีกหากท่านเคยเรียนมาบอกวิธีการก้าวเพิ่มต่อไปอีกหน่อยสิครับตอนนี้วิชาที่เรียนมาเรียนมาจากวัดเขาอ้อ วัดประดู่ วัดพระญาติ วัดมะขามเฒ่า วัดคลองมอญ ครับพอแลกเปลี่ยนวิชากับผมได้บ้างหรือเปล่าครับหรือหากขอต่อวิชาจากท่านnnnบ้างจะได้ไหมครับท่านnnnเคยเล่นสายหลวงพ่อเปิ่นบ้างหรือเปล่าหรือว่าเราเคยรู้จักกันชุนมเจ้าวยุทธ์กันบ้างหรือเปล่าครับราวๆเดือนมิถุนายนเราจะไปจับพรายน้ำกันครับท่านnnnจะไปด้วยไหมครับ
     
  9. คนลึกลับ

    คนลึกลับ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ตอบน้องjin สายวัดเขาอ้อคงต้องไปที่วัดมั้งครับแต่ลูกศิกษ์ลูกหาอาจารย์ชุม ไชยคีรีก็ยังพอมีอยู่อีกหลายคนครับน้องjinเคยไปแถวสะพานควายไหมครับสำนักกุญแจไสยศาสตร์ตั้งอยู่ตรงนั้นครับผมก็นานๆไปที่สำนักทีไปทีไรก็ต้องประกับวิชาทุกที สาวนวัดประดู่และวัดพระญาติเดี๋ยวนี้ไม่มีคนสืบทอดวิชาแล้วครับวิชาโดยส่วนใหญ่ให้ไปศึกษาที่วัดมะขามเฒ่าแต่ที่วัดมะขามเฒ่าเดี๋ยวนี้ตำราก็ไม่อยู่แล้วไปอยู่ที่วัดคลองมอญหลวงพ่อมหาโพธิ์ท่านเป็นศิกษ์หลานของหลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่าอาจารย์ดำก็เสียไปแล้วครับอาจารย์ดำก็เรียนสายเดียวกันกับหลวงพ่อมหาโพธิ์แต่เป็นฆาราวาสอยู่บ้านติดกับวัดคลองมอญแหละครับบ้านทาสีเขียวมีตำราอยู่ที่นั่นแยะมากหากจะเรียนวิชาทางด้านนี้ที่กทม.ก็มีคนที่จะถ่ายทอดวิชาให้ได้นะครับถ้าอยากจะเรียนอยู่ตรงสุขาภิบาล1ใกล้ๆกับรามอินทราไงครับคนคนนี้เขียนยันต์สวยงามมากๆเลยครับเป็นฆาราวาสครับสอนได้หากมีคนสนใจเพื่อสืบต่อถ่ายทอดวิชาครับ
     
  10. nnn

    nnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2005
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,298
    คุณคนลึกลับครับ วิชาแถวภาคกลางผมไม่เคยได้เรียนครับ ที่เรียนแต่ล้านนาล้วนๆๆ ผมยังฝึกไม่เก่งหรอกครับ แต่พอตัวเหมือนกันคนที่เก่งและดังในสายนี้ก็มี อ.เม้ง ขุนแผนไงครับ ท่านเรียนสายล้านนามาและดังทีเดียว อีกหลายท่านก็มีครูบาวรุฒ วัดโป่งวนาราม ครูบาผดุง วัดล้านตอง ครูบาสุบิน สันกำแพง ครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง ทุกท่านเป็นพระแถวบ้านผมหมดเลยครับทุกท่านดังมากในตอนนี้ ผมคนสันกำแพง มีหลายอาจารย์ กำลังศึกษาปั๊ปโบราณอยู่ครับ อ.บอกว่าแต่เดิมมีถึง 6 เล่ม ใครเรียนครบเท่ากับครบทุกศาสตร์แห่งไสยเวทล้านนาแล้วครับจะทำอะไรก็ได้ 108 ประการ แต่ที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบันมีแค่ 3 เล่มครับ แค่ 3 เล่มนี้ถ้าเรียนครบก็สุดยอดแล้ว นี่เป็นศาสตร์ทางล้านนาครับ ตกทอดมาหลายร้อยปีแล้ว บันทึกในปั๊บสาโบราณด้วยอักขระตั๋วเมืองล้านนาเก่าแก่ วิชาที่คุณว่ามาผมเคยได้ยินมาบ้างครับ แต่ทำไม่เป็น เคยเล่นสายหลวงพ่อเปิ่นบ้างหรือเปล่า หรือว่าเราเคยรู้จักกันชุนมเจ้าวยุทธ์กันบ้างหรือเปล่าครับราวๆเดือนมิถุนายนเราจะไปจับพรายน้ำกันครับท่านnnnจะไปด้วยไหมครับ ผมเล่นสายล้านนานะครับ สายอื่นไม่ได้เล่น ถ้าทางคงกะพันต้องยกย่องสายครูบาวรุฒครับแล้วชุมนุมจ้าวยุทธนี้คืออะไรครับ ลองเล่าให้ฟังหน่อยก็จะเป็นพระคุณอย่างมาก(evil) (evil) (evil) <!-- / message -->
     
  11. คนลึกลับ

    คนลึกลับ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ตอนนี้หาคนสำเร็จครบเล่มได้ยากมากเลยครับวิชาแต่ละวิชาซับซ้อนมากเลยให้สังเกตุนะครับพระหรือคนที่สามารถเล่นวิชากระสุนคตได้ให้คิดได้ว่าท่านได้สำเร็จวิชาแห่งฤทธิ์ได้มากๆแล้วแหละครับวิชากระสุนคตเป็นวิชาบังคบวัตถุให้ไปในทิศทางแห่งจิตสั่งการได้ครับน้องจินลองไปดูตามวัดที่มีคนเก่งๆเข้าไปในกฏิหรือเขตวัดที่ได้ทำพิธีพรางคลื่นกำกับสะกดเราก็สามารถตรวจสอบง่ายๆครับคือน้องjinเอามือถือวัดดูครับเช่นเดินเข้าไปในเขตนั้นห่างกัน 3-4 ก้าวเคลื่นโทรศัพท์จะหายไปเลยไม่ปรากฏคลื่นในหน้าจอโทรศัพท์เลยเดินย้อนกลับมาcheckดูโทรศัพท์ปรกฏว่าคลื่นเต็มพวกนี้ตามฝาผนังจะสะกดเวทย์เอาไว้ครับมีพระเกจิอีกหลายๆคนที่สามารถครับหากน้องjinเคยฝึกการผ่านพลังเราจะมองเห็นพระหรือคนหรือเกจิอาจารย์ต่างๆได้ครับเราสามารถมองเห็นได้เลยว่าเขาเหล่านั้นพลังจิตไปถึงขั้นไหนครับในทางวิทาศาสตร์อาจจะเรียกว่าการดูจากพลังออร่าครับแต่ในทางผู้ฝึกวิชาเราจะมีการtestพลังกันดดยการส่งผ่านพลังครับเราก็จะรู้ว่าพลังที่เขาเหล่านั้นฝึกมาเป็นสายไหนครับของที่ฝังอยู่ในร่างกายหรือสักยันต์เราก็สามารถมองเห็นได้ครับโดยกรรมวิธีการตรวจผ่านพลังมองเห็นได้ด้วยสายตา(ตาเนื้อครับ)ค่อยๆลองฝึกดูนะครับสนุกดีส่วนผมก็เพิ่งที่จะเข้ามาเยี่ยมเยียนเวปนี้เห็นน้องjinถามเรื่องเขาอ้อเลยเข้ามาตอบครับไม่ค่อยอยากจะเปิดตัวเท่าไรครับเลยไม่สมัครเป็นสมาชิกเเล้วกันนะครับเพราะสมัครแล้วกลัวมีคนมาคุยด้วยแยะประเภทขี้เกียจตอบนะครับชอบอ่านดูเงียบๆมากกว่าครับ......ในทางวิชาเราก็จัดมีการพบปะกันเราเรียกว่าชุมนุมเจ้ายุทธครับแล้วแต่จะกำหนดกันว่าจะจัดเมื่อไรครับเป็นการเจอกันลองวิชากันครับปีกลายได้ไปที่แม่น้ำนครชัยศีรีไปดำน้ำปลุกเศกตะกรุดกันเอามาไว้ใช้ครับกระบวนการเราก็ใช้ไม้ปักบริเวณชายแม่น้ำแล้วก็ดำน้ำลงไปจารตระกรุดใต้น้ำปลุกเสกจนกว่าตระกรุดตะกั่วจะลอยขึ้นเหนือผิวน้ำบนผิวน้ำจะมีคนลอยเรือเก็บตระกรุดอยู่ครับปีที่แล้วทำได้ไม่กี่ดอกเองครับหากมีกิจกรรมแปลกๆแล้วจะชวนนะครับ
     
  12. nnn

    nnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2005
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,298
    น่าสนใจดีครับ แต่คงไปไม่ได้แหละครับ อยู่ตั้งเชียงใหม่ไปลำบากนัก...........ยินดีที่รู้จักกันครับ......
     
  13. คนลึกลับ

    คนลึกลับ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อยุ่เชียงไหม่อยู่แถวไหนหรือครับผมเคยไปอยู่ที่วัดสวนดอกต้างนานแนะครับไปงานบวชเพื่อนเขาไปบวชเป็นพระที่วัดสวนดอกบวชอยู่ 15 วันก็สึกครับบวชตอนปี2528โดยประมาณผมไปอยู่โน่นประมาณ6วันครับหากได้ไปเที่ยวเชียงใหม่จะไปเยี่ยมเยียนนะครับคุณnnnเรียนทางด้านนั้นก็ดีครับเย็นดีผมเรียนทางด้านร้อนครับชอบบู้แต่เมตตามหานิยมก็เอาวิชานะมาต่อเพิ่มไงครับส่วนวิชาแคล้วคลาดก็วิชาเพชรหลบเพชรหลีกของเขาอ้อนั่นแหละครับส่วนวัตถุอาถรรพ์ผมก็เสาะหามาเยอะเหมือกันครับมีทั้งเหล้กไหลเหล็กเปีบกและอื่นๆอีกเพียบเลยครับอ่านดูในเวปแล้วก็สิ่งที่เขาถามมานั้นผมก็มีจนหมดแล้วและมีแปลกๆอีกแยะครับ
     
  14. nnn

    nnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2005
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,298
    ผมอยู่แถวสันกำแพงครับ ตอนนี้มาทำงานแถวใกล้ๆๆ มอชอนี่แหละของอาถรรพ์ผมก็มีบ้างครับ ผมไม่ค่อยสะสมเท่าไหร่ ถือคติของดีแค่ชิ้นเดียวก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว แหมดำน้ำจารตะกรุดกันคงสนุกนะครับ ปกติผมก็เสกเองใช้เองอยู่เหมือนกันครับทั้งกุมารทั้งพรายส่วนมากเป็นผีตายโหงเลี้ยงไว้จะเยอะครับ ไปเสาะหาจาก อ.ที่นับถือมาก็เยอะส่วนใหญ่ไม่มีราคาที่เขานิยมกันครับ แต่มีความขลังจริงเพราะผมต้องลองก่อนถึงใช้ ไปแบบคุณเป็นชุมนุมคงสนุกดีนะครับ มีแต่คนที่ชอบแบบเดียวกันนั่นซิ ถึงจะสนุกม่วนงันแต๊ๆๆ ...........(b-ahh)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2005
  15. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342
    เสียดายจริงๆ ครับ ผมกลับไทยเมื่อไหร่ ขอชวนพี่ nnn กับ พี่คนลึกลับ นัดเจอหม่ำข้าวได้ไหม
    พี่ๆรู้จัก อ. เกรียงไกร เถลิงพล ไหมครับ
     
  16. nnn

    nnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2005
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,298
    ท่านอยู่ที่ไหนครับ ไม่รู้จักเลย..........
     
  17. คนลึกลับ

    คนลึกลับ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ผมอยู่กรุงเทพครับแถวลาดพร้าว.......อ. เกรียงไกร เถลิงพล ท่านเรียนสายไหนมาหรือครับไม่รู้จักเลยครับ......ส่วนท่านnnnอยู่อยู่แถวสันกำแพงครับ ตอนนี้มาทำงานแถวใกล้ๆๆ มอชอหรือครับเพื่อนผมเป็นอาจารย์สอนอยู่มช.ครับตอนนี้เป็นรองศาสตร์ดาจารย์ครับจะขึ้นเป็นศาสตร์ดาจารย์ปีนี้แหละเห็นบ่นว่าเบื่อๆการสอนอยู่เหมือนกัน......งั้นเดี๊ยะคืนนี้ไปหานะครับท่านnnn....ถ้าเป็นไปได้ช่วยผูกผ้าแดงไว้หน้าบ้านทีสิครับผืนเล้กๆก็ได้ครับบนผ้าแดงเขียนยันต์ นะ มะ พะ ธะ นะครับเป็นจุดสังเกตุจะได้ไปหาถูก
     
  18. คนลึกลับ

    คนลึกลับ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ท่านnnnเคยได้ยินสำนักปุริสราชไหมครับวิชาสำนักนี้เพียบเลยต้องเดินทางด้วยจิตไปนะครับเขาอยู่ที่เชิงเขาไกรลาสอยู่ทางตอนเหนือของอินเดียเดินทางต้องเดินทางผ่านเกษียรสมุทรไปครับอาจารย์หลายท่านที่อยู่ที่สำนักนี้อายุอย่างต่ำๆก้200ปีแล้วลองไปดูซิครับไปไหมครับคืนนี้จะพาไป.....ทำตามที่บอกตอนต้นแล้วกันจะได้ไปหาได้ถูกบ้าน.....และพาไปถูก
     
  19. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342
    พี่คนลึกลับครับ ยันต์กำเนิดเฑาะร์ มันมีความเป็นมายังไง ผมอยากหาตะกรุดคาดเอวสักดอก พี่เเนะนำได้ไหม

    ไงก็เเวะมาเยี่ยมบ่อยๆ นะครับ เพราะผมก็ไม่รู้จะติดต่อพี่ยีงไง T_T
     
  20. คนลึกลับ

    คนลึกลับ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ชอบตระกรุดหรือครับขึ้นอยู่กับวิชาที่ประจุครับว่าแต่jinชอบแบบไหนรุ่นไหนครับตระกรุดจะแบ่งเป็นยุคๆหากตระกรุดยุคเก่าก็เป็นของเกจิอาจารย์เก่าๆยุกใหม่ๆก็มีวัดที่ทำตระกรุดที่จัดว่าใช้ได้ก็มีอยู่มากในไทยนะครับตระกรุดที่จัดว่าเป็นเยี่ยมแห่งตระกรุดนั่นก็คือตระกรุดจักร์พรรดิ์ตราธิราช การลงประจุการลงลายยากมากปีหนึ่งทำได้ไม่เกิน4-6ดอกต้องเลือกวันเวลาในการทำด้วยครับปัจจุบันก็ยังมีคนทำได้นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...