การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

Disclosure Updates and Transcript of Coast Announcement, 10/6!

ที่มา: http://divinecosmos.com/index.php/start-here/davids-blog/518-coast-disclosure-announcement-updates?start=1

โดย: นาย David Wilcock


ตอนที่ 9: สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของรูปธรรมชีวิตในมิติต่างๆ

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="Edit-Time-Data" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_editdata.mso"><!--[if !mso]> <style> v\:* {behavior:url(#default#VML);} o\:* {behavior:url(#default#VML);} w\:* {behavior:url(#default#VML);} .shape {behavior:url(#default#VML);} </style> <![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> การหาตำแหน่งของคุณเองในจักรวาล


รหัสตัวเลขเดี่ยวๆ 3 ตัวแรกในรหัสระบุตำแหน่งประตูมิติแต่ละประตู เป็นรหัสของอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่มากๆ
ซึ่งใหญ่กว่ากาแล็กซี่มากๆ

Daniel ได้รับการบอกเล่าว่า พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่ด้านนอกของ “อภิมหาฟอง” (Supermassive bubble) อันหนึ่ง
ซึ่งมีกระจุกใหญ่ของกาแล็กซี่ (major cluster points of galaxies) อยู่ทั้งหมด 7 กระจุกรอบๆขอบนอกของมัน

ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ผมสนใจขึ้นมาทันที เพราะว่าการค้นคว้าของผมสามารถเปิดเผยความจริงที่ว่า
กระจุกใหญ่ของกาแล็กซี่ (galactic superclusters) ทั้งหลาย มีรูปแบบการเรียงตัวกัน เป็นแบบรูปทรงเรขาคณิต
ซึ่งในระดับที่ใหญ่ที่สุด ก็คือ รูปทรง 8 ด้าน (octahedron)
แน่นอนว่า มันมีมุมหรือเหลี่ยมอยู่ 6 เหลี่ยมในแต่ละรูป ซึ่งคุณจะเห็นได้จากรูปภาพข้างล่างนี้



ในแต่ละมุมจะประกอบไปด้วยกระจุกใหญ่ของกาแล็กซี่อยู่ 1 กระจุก ส่วนเส้นตรงต่างๆที่เชื่อมต่อระหว่างมุมต่างๆ
ตลอดรูปทรงของออกตะฮีดรอนนี้ ก็จะประกอบไปด้วยกระจุกใหญ่ของกาแล็กซี่ที่มีรูปร่างแบบแถบยาวๆอยู่


ซึ่งถึงตอนนี้คุณอาจจะรู้แล้วว่า กระจุกใหญ่ของกาแล็กซี่ (Supercluster) แต่ละกระจุกนี้
ก็จะประกอบไปด้วยกาแล็กซี่จำนวนหลายร้อย หรือแม้แต่หลายพันกาแล็กซี่เลยทีเดียว
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ของพวกเรา ได้ประมาณการเอาไว้ว่า ในจักรวาลของเรานี้
มีจำนวนกระจุกใหญ่ของกาแล็กซี่อยู่ประมาณ 10 ล้านกระจุก...

<!--[if gte vml 1]><v:shapetype id="_x0000_t75" coordsize="21600,21600" o:spt="75" oreferrelative="t" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" filled="f" stroked="f"> <v:stroke joinstyle="miter"/> <v:formulas> <v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"/> <v:f eqn="sum @0 1 0"/> <v:f eqn="sum 0 0 @1"/> <v:f eqn="prod @2 1 2"/> <v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"/> <v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"/> <v:f eqn="sum @0 0 1"/> <v:f eqn="prod @6 1 2"/> <v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"/> <v:f eqn="sum @8 21600 0"/> <v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"/> <v:f eqn="sum @10 21600 0"/> </v:formulas> <vath o:extrusionok="f" gradientshapeok="t" o:connecttype="rect"/> <o:lock v:ext="edit" aspectratio="t"/> </v:shapetype><v:shape id="_x0000_i1025" type="#_x0000_t75" alt="https://divinecosmos.com/images/stories/octahedron-supercluster.jpg" style='width:375pt;height:233.25pt'> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.jpg" o:href="https://divinecosmos.com/images/stories/octahedron-supercluster.jpg"/> </v:shape><![endif]--><!--[if !vml]-->
...นักฟิสิกส์ยุคเก่าไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมกระจุกใหญ่ของกาแล็กซี่ทั้งหลาย
จึงเรียงตัวกันแบบรูปทรงเรขาคณิตนี้

แน่นอน คำตอบอาจจะเป็นเพราะว่ารูปทรงเรขาคณิตนี้ เกิดขึ้นตามธรรมชาติกับของไหลที่สั่นสะเทือน

และอย่าลืมว่าจักรวาลทั้งจักรวาลนี้ ถูกสร้างมาจากพลังงาน ที่มีคุณสมบัติคล้ายๆของไหลอย่างหนึ่งเหมือนกัน

........................................
​

 

อืมม..นั่นสิ..ความบ้ากับความอัจฉริยะนี่มันบางเฉียบและอยู่ใกล้กันซะด้วยนะครับ
นี่ก็เหมือนเพิ่งคุยกับตัวเองในฝันมาเหมือนกัน มีคำพูดนึงดังขึ้นมาเลยว่า..
"ถ้าไม่ขวนขวายแล้วเมื่อไหร่จะไปถึง" จนอดตะลึงไม่ได้ว่าใครมาพูดกะเราเนี่ย

แต่เวลาพูดคุยกับตัวเองในยามตื่นก็อย่าให้ใครได้ยินเข้าล่ะครับ ไม่งั้น...อิอิ
เชื่อว่า หากเรารู้สึกถึงพลังและคุณค่าแห่งความรักจากมุมมองส่วนตัวได้ และเราไม่อยากให้มันเป็นหรือมีสภาพในแบบอื่นๆล่ะก็ จงปลดปล่อยให้พลังงานต้นกำเนิดหลั่งไหลผ่านการความคิดและการตัดสินใจของเราไปสู่จุดที่ดีที่สุดนะครับ ผมคนนึงล่ะที่บอกว่าคุณแสงโซ่ OK..(แม่น..บ่)

เนื้อหาช่วงนี้กำลังเข้มข้นอีกแล้วนะครับ

 

อืมมม จุดนี้แหล่ะ ที่หมวยว่าหลายๆคนยังจับจุดได้ลำบาก
อาจเกิดการออกนอกทางไปได้ เพราะมันบางเฉียบจริงๆ
ต้องปล่อยให้เป็นไปตามพลังงานต้นกำเนิดหรือจิตเดิมแท้ภายในหรือส่วนหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าในตัวเรานำพาไป ดีที่สุดจริงๆ
คุณน้องโอเคหรือเปล่า บอกตรงๆยังไม่แน่ใจค่ะ
ไม่อาจไว้วางใจในตัวเองได้ 555 จริงๆเน้อ
ต้องปั๊ดตะนาไปเรื่อยๆ อะไรๆมันมาเรื่อยๆ


เนื้อหาเริ่มเข้มข้นขึ้นมากจริงๆ แล้วก็มาดั่งพายุ 0.0
เพิ่งมาได้อ่านนี่แหล่ะค่ะ
ภาษาอังกฤษคุณน้องไม่ได้อ่านเยยย ประมาณว่าขอมีไว้อุ่นใจก่อน แหะๆ

 

ต่อค่ะต่อ ต่อนะคะ คุณbamrung ได้โปรดเถิด

 

เสียงภายในนี้ คือการสั่นสะเทือนของจิตวิญญาณของเราและจักรวาล เสียงภายในก็คือแสงภายใน แสงภายในมองเห็นด้วยตาไม่ได้ฉันใด เสียงภายในก็ฟังไม่ได้ด้วยหูฉันนั้น
ในชีวิตคนทั่วไปอาจจะได้ยินเสียงนี้โดยบังเอิญ เมื่ออยู่เงียบ มันเหมือนดังก้องมาจากแกนกลางสมองซึ่งเป็นที่ตั้งของจิตวิญญาณ เมื่อผู้ใดได้ยินเสียงนี้แล้ว จะพบความสงบและสันติสุข แต่ถ้าได้ยินแล้วไม่รู้สึกสงบก็คือเสียงของมารหรือมีปัญหาเรื่องภายในหู
เสียงนี้ฟังด้วยหูใน(จิตวิญญาณที่ตรงแกนสมอง) และมีหลายระดับ หากต้องการรายละเอียดกว่านี้ ลองเสิรจคำว่า การเพ่งเสียงภายใน ดูครับ

 

ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ Stargate ที่นาย David Wilcock เขียนเอาไว้
ก็ยังมีอีกหลายตอนนะครับ

แต่ว่าผมจะขอข้ามไปเลยนะครับ จะได้ไปถึงเรื่องอื่นๆที่สำคัญๆบ้าง

................................................

 

Disclosure Updates and Transcript of Coast Announcement, 10/6!

ที่มา: http://divinecosmos.com/index.php/start-here/davids-blog/518-coast-disclosure-announcement-updates?start=1

โดย: นาย David Wilcock


ตอนที่ 10: สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของรูปธรรมชีวิตในมิติต่างๆ

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> หล่อเลี้ยงชีวิตให้เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์โลก
(NOURISHING LIFE ON THE PLANET)


เมื่อบรรพชนของเรา ได้บรรจงสร้างดวงจันทร์, เมืองใต้พิภพ, ระบบเซิร์ฟเวอร์อัจฉริยะ และประตูมิติ
(ซึ่งในตอนนั้น ยังใช้การไม่ได้และยังไม่ได้เชื่อมต่อออนไลน์จนกว่าจะมาอยู่ในมิติที่ 3 ได้เรียบร้อยแล้ว,
หน้าตาของสตาร์เกท ก็เหมือนกับที่คุณเห็นในภาพยนตร์เมื่อปี 2001 นั่นแหละ) ขึ้นมาให้แล้ว



พวกเขาก็ฟูมฟักเลี้ยงดูสิ่งมีชีวิตขึ้นมาบนดาวเคราะห์โลก และช่วยนำทางพวกมัน
เพื่อให้มั่นใจว่าพวกมันจะวิวัฒน์ไปเป็นมนุษย์ได้อย่างราบรื่นและสะดวกสบายในอนาคต

เพราะว่าพวกเขาทำงานอยู่ในมิติที่ไร้กาลเวลา เพราะฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำได้

เทพผู้นำทางของผมเคยบอกกับผมว่า ไดโนเสาร์ทั้งหลายถูกทำให้สาบสูญไปจากโลกด้วยความรอบคอบ
เพื่อเปิดทางให้มนุษย์สามารถเจริญเติบโตขึ้นได้บนดาวเคราะห์โลกใบนี้ เพราะว่าหมดเวลาของพวกมันแล้ว
และถึงเวลาที่จะต้องสลับสายวิวัฒนาการไปเป็นอย่างอื่น เพื่อให้โลกสามารถดำเนินไปบนเส้นทางของมัน
ตามที่ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วได้ต่อไป

ประชากรที่เจริญเติบโตบนดาวเคราะห์ดวงใดดวงหนึ่ง อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นชาวพื้นเมืองของดาวเคราะห์ดวงนั้นจริงๆก็ได้

เช่น ในกรณีของโลกเป็นต้น ตามที่ระบุไว้ในงานวิจัยของ L/L เรื่อง “Secrets of the UFO”
ซึ่งเป็นงานที่เกิดขึ้นก่อนหนังสือชุด “the Law of One” กล่าวว่า

“วิญญาณและรหัสพันธุกรรมของมนุษย์โลก มีต้นกำเนิดมาจากดาวเคราะห์อื่นๆจำนวน 16 ดวง
ซึ่งถูกนำมารวมเข้าด้วยกัน ด้วยวิธีการต่างๆกัน และในช่วงเวลาต่างๆกัน จนเป็นเราในทุกวันนี้ได้”

การผสมผสานระหว่างสายพันธุ์จำนวนมากมายเช่นนี้ ค่อนข้างเป็นเรื่องที่สุดยอดมาก
และเป็นเหตุให้เกิดความหลากหลายทางพันธุกรรมของชีวิตบนดาวเคราะห์โลก
ทำให้ดาวเคราะห์โลกกลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก เมื่อเทียบกับโลกอื่นๆในกาแล็กซี่นี้ ประดุจสรวงสวรรค์แห่งเอเดน

ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของคนวงในก็คือ “มีสัดส่วนของรหัสพันธุกรรมจากแต่ละกลุ่ม มาผสมผสานกัน
เพื่อก่อเกิดเป็นร่างกายมนุษย์โลกในปัจจุบันนี้มากน้อยแค่ไหน”




เผ่าพันธุ์แรกที่เริ่มต้นก่อนคือเผ่าพันธุ์ “เอนุนนากิ” (Anunnaki) ซึ่งมีความสูงอยู่ระหว่าง 8 – 15 ฟิต
และได้วิวัฒน์มาจากสัตว์เลื้อยคลาน จนมามีร่างกายแบบมนุษย์ได้ ผิวหนังของพวกเขาไม่มีเกร็ด

แต่อาจจะมีจุดเล็กๆอยู่บ้าง เหมือนท้องของพวกจิ้งจกหรือตุ๊กแกอะไรแบบนั้น (ข้อมูลนี้มาจากนายพล Robert Dean)
ผลงานการดัดแปลงทางพันธุกรรมครั้งแรกของพวกเขา คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 200,000 – 500,000 ปีก่อน

รายละเอียดต่างๆมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถูกบันทึกไว้ในอักษรรูปลิ่มของชาวสุเมเรียน (Sumerian)
และในบันทึกของ Zecharia Sitchin ก็ได้บันทึกข้อมูลที่ถูกต้องมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้นจริงเหล่านั้นเอาไว้ด้วย

เมื่อเวลาผ่านไป แขกผู้มาเยือนของเรา ก็ได้นำ DNA ของพวกเขาเอง มาผสมเข้ากับ DNA ของมนุษย์วานร (Ape-men)
ที่พวกเขาพบบนดาวเคราะห์โลก ตอนที่พวกเขาเดินทางมาถึงแรกๆ

ซึ่งแน่นอนว่า มนุษย์วานรเหล่านี้ ก็เกิดจาก “ทีมผู้บริหารจัดการ” ที่อยู่ในมิติที่ 6 นั่นแหละ ที่เป็นผู้ฟูมฟักขึ้นมา

แล้วเมื่อกาลเวลาผ่านไป เผ่าพันธุ์เอนุนนากิ (Anunnaki) ก็เลยเข้าใจไปว่า พวกเขาคือเทพเจ้าของพวกเรา


ต่อจากนั้น คือเมื่อประมาณ 75,000 ปีที่ผ่านมา “ทีมผู้บริหารจัดการ” ที่อยู่ในมิติที่ 6 ก็ได้เข้ามารับช่วงต่อเอง
และได้ทำการดัดแปลงพันธุกรรมให้กับพวกเราใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกๆคนที่ดำรงอยู่ที่นี่
มี “เครื่องยนต์แห่งกรรม” ที่ยอมรับได้ และสามารถเจริญเติบโตอยู่ได้ในมิติที่ 3 แห่งนี้

และจากบันทึกในหนังสือชุด “the Law of One” ในเวลาเดียวกันนี้เอง ที่ประชากรชาวดาวอังคารถูกอพยพให้มาอยู่ที่นี่


เผ่าพันธุ์เอนุนนากิ (Anunnaki) ได้ค้นพบว่า เมื่อใดก็ตามที่ต่อมไพเนียล (pineal gland) ของพวกเรา
ถูกกระตุ้นให้ใช้การได้แล้ว มันจะมีพลังอำนาจมหาศาล ซึ่งพลังอำนาจที่ว่านั้น
มันสามารถที่จะล้มล้างอำนาจการปกครองของพวกเขา ที่ได้ปกครองโลกมาเป็นเวลายาวนาน
ผ่านทางผู้แทนที่เป็นมนุษย์โลกของพวกเขา ได้เลยทีเดียว




เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงทำทุกวิถีทาง ที่จะกดขี่พวกเราไว้ให้จมอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกด้านลบ
เช่น ความโกรธ และความกลัว เพื่อว่าพวกเราจะได้ไม่สามารถใช้งานต่อมไพเนียลของตนเองได้


แต่อย่างไรก็ตาม ในที่สุดพวกเขาก็พ่ายแพ้ เพราะว่าในที่สุดพวกเราก็ “ออนไลน์”
คือใช้งานต่อมไพเนียลของตนเองได้ พวกเขาจึงมีเวลาน้อยมากที่จะเก็บข้าวของแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น



.....................................

 

Disclosure Updates and Transcript of Coast Announcement, 10/6!

ที่มา: http://divinecosmos.com/index.php/start-here/davids-blog/518-coast-disclosure-announcement-updates?start=1

โดย: นาย David Wilcock


ตอนที่ 11: สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของรูปธรรมชีวิตในมิติต่างๆ


แผนการของจักรวาล ปล่อยให้ “อธรรม” รุดหน้าไปก่อน และสร้าง “ฟาร์มแห่งความกลัว”
THE COSMIC PLAN LETS NEGATIVES GET A HEAD START -- AND SET UP A 'FEAR FARM'


ผู้ที่ดำเนินอยู่บนเส้นทางสาย “อธรรม” (negative path) สามารถแสดงฝืมือได้อย่างน่าทึ่ง
ในด้านของการใช้งานจิตสำนึกและอำนาจวิเศษ ซึ่งล้ำหน้ากว่าฝ่ายอื่นไปเป็นหลายๆพันปีเลยทีเดียว
ดูเหมือนว่า “พระผู้สร้าง” จะออกแบบมาให้เป็นแบบนี้ เป็นรูปแบบมาตรฐานเดียวกันหมด ทั่วทั้งจักรวาล
ต้องยอมรับจริงๆว่า ความสามารถในการใช้อำนาจวิเศษของพวกเขา มาจากการดูดซับพลังงานและพลังชีวิตจากผู้อื่น

ซึ่งมีระบุไว้ชัดเจนในหนังสือชุด “the Law of One” ว่าสิ่งมีชีวิตฝ่ายอธรรม
พวกเขาใช้พลังงานจากความกลัวเป็นอาหาร นั่นหมายถึงว่า พวกเขาใช้พลังงานนั้นเป็นอาหาร
เพื่อประทังชีวิตของพวกเขาเองจริงๆ

เพราะฉะนั้น เมื่อใดก็ตาม ที่ห่วงโซ่อาหารนี้ ถูกทำให้สะดุดหรือชะงักไปทั่วทั้งโลกแม้เพียงวันเดียวแล้วหละก็
พวกเขาก็จะได้รับความลำบากเดือดร้อนทันที จนอาจจะไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้
ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากจะกินพวกเรา เหมือนในละครทีวีทางช่อง “V” หรอกนะครับ
เพราะว่าพวกเรามีค่าสำหรับพวกเขามากกว่านั้น เพราะพวกเราคือ “ฟาร์มแห่งความกลัว” สำหรับพวกเขา
ใช่แล้วครับ ดาวเคราะห์โลกถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็น “ฟาร์มแห่งความกลัว”




เพราะฉะนั้น รูปธรรมชีวิตฝ่ายอธรรมทั้งหลาย เช่น พวกเอนุนนากิ (Anunnaki)
จึงได้คอยชักใยเหล่าผู้นำระดับสูงสุดในกองทัพและในวงการอุตสาหกรรม
เพื่อสร้างระบบสื่อสารมวลชนขึ้น เพื่อคอยป้อนข้อมูลและกระตุ้นให้มนุษย์ที่อยู่ใน “ฟาร์ม” นี้
ผลิตกระแสพลังแห่งความกลัวและความโกรธออกมาเรื่อยๆและมากที่สุดเท่าที่ทำได้

ถ้าหากว่าฝ่ายอธรรมไม่ถูกปล่อยให้รุดหน้าไปก่อนแบบนี้ พวกเขาก็คงจะไม่มีแรงจูงใจ
ที่จะยอมเข้าร่วมในแผนการของจักรวาลในครั้งนี้<o>

.......................................................
</o>

 

Disclosure Updates and Transcript of Coast Announcement, 10/6!

ที่มา: http://divinecosmos.com/index.php/start-here/davids-blog/518-coast-disclosure-announcement-updates?start=1

โดย: นาย David Wilcock


ตอนที่ 12: สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของรูปธรรมชีวิตในมิติต่างๆ


รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 สร้าง “เมตริกซ์” ขึ้นมา เพื่อทำให้ฝ่ายอธรรมเชื่อว่ามันคือความจริง
SIXTH DENSITY ENTITIES CREATE A 'MATRIX' THE NEGATIVES THINK IS REAL


รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 ยังได้มีส่วนร่วมในการสร้างโลกแห่งความเป็นจริงคู่ขนาน (parallel realities)
ซึ่งมีความอภิมหาสลับซับซ้อนมากๆขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งรูปธรรมชีวิตฝ่ายอธรรมทั้งหลาย
สามารถมองเห็นได้จริงๆ รวมถึงยังสามารถเข้าไปได้ หรือแม้แต่อาศัยอยู่ในนั้นก็ได้ด้วย



โลกแห่งความเป็นจริงคู่ขนานทั้งหมดนี้ ถูกสร้างขึ้นมาก็เพื่อเอาไว้เป็นมายาหลอกล่อรูปธรรมชีวิตฝ่ายอธรรมทั้งหลาย
ไม่ให้รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคตบ้าง เพราะว่าพวกรูปธรรมชีวิตฝ่ายอธรรมเหล่านี้ สามารถท่องกาลเวลาได้นั่นเอง

ดังนั้น ถ้าหากพวกเขาสามารถเห็นความน่าจะเป็นในอนาคตของโลกแห่งความเป็นจริงว่า
พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้และสูญเสียพลังไปในที่สุด พวกเขาก็คงจะไม่มีแรงจูงใจอะไรให้อยากเล่นต่อแน่นอน


ผมรู้สึกว่า มันก็น่าตลกดีที่ รูปธรรมฝ่ายอธรรมทั้งหลาย ชอบที่จะทำให้ผู้คนหลงคิดและเชื่อว่า
โลกแห่งมายากาล คือโลกแห่งความเป็นจริง โดยใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆมากมาย แต่ในขณะเดียวกัน
พวกเขาเอง ก็กำลังถูกเล่นเกมเดียวกันนี้ โดยรูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 อยู่ และเพราะความที่พวกเขาไม่รู้ความจริงตรงนี้
พวกเขาจึงยังมีแรงจูงใจให้ทำหน้าที่ของตนเองต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม ผมได้รับการบอกเล่าว่า พวกเขาก็จะพบ “ช่องโหว่” ของระบบเมตริกซ์นี้ในสักวันหนึ่ง
และเมื่อนั้นพวกเขาก็จะได้เบาะแส ที่จะทำให้พวกเขารับรู้ว่า โลกแห่งความเป็นจริง
ที่พวกเขาเคยคิดว่ามันเป็นจริงนี้ ที่แท้แล้ว มันไม่จริง

...............................

 

Disclosure Updates and Transcript of Coast Announcement, 10/6!

ที่มา: http://divinecosmos.com/index.php/start-here/davids-blog/518-coast-disclosure-announcement-updates?start=1

โดย: นาย David Wilcock


ตอนที่ 13: สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของรูปธรรมชีวิตในมิติต่างๆ

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> จะกลับมารวมกันใหม่ หรือจะยอมเสื่อมสลายไป
(INTEGRATE OR DETERIORATE)


ในที่สุดแล้ว พวกเขาก็ต้องกลับมารวมกันกับจิตสำนึกแห่งความรักแห่งพระผู้สร้างอยู่ดี
มิเช่นนั้น พวกเขาก็จะต้องถึงจุดจบด้วยการค่อยๆเสื่อมสลายไป เพราะว่ารหัสพันธุกรรมของพวกเขา
จะค่อยๆถูกทำลายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ร่างกายของพวกเขา จะต้องตายจากไปจริงๆ เหมือนกับกรณีของ “เจ-ร็อด” (J-ROD)
ผู้ที่เคยร่วมงานกับ Majestic-12 ที่ดร.ดาน บูริช (Dr.Dan Burisch) เคยรายงานเอาไว้




ภาพทางซ้าย มือในรูปนี้ เป็นภาพสเก็ตของสิ่งมีชีวิตดังกล่าว ที่รู้จักกันในนาม เจ-ร็อด (J-Rod)

(ติดตามอ่านเรื่องของเจ-ร็อด ได้ในกระทู้นี้นะครับ

http://palungjit.org/threads/2012-ป...นระดับขึ้น-ascension-ไปสู่มิติที่-5-a.217055/

chayutt)


ในที่สุดแล้ว พวกเขาก็จะละลายกลับเข้าไปอยู่ในรูปแบบของพลังงานล้วนๆ
ถ้าพวกเขาไม่ยอมเปลี่ยนระดับจิตสำนึกของพวกเขาให้ขึ้นมาสู่ระดับจิตสำนึกแห่งความรักดังกล่าว

ในกรณีของท่าน “รา” เมื่อสมัยที่ยังอาศัยอยู่บนดาววีนัส มีผู้หญิงคนหนึ่งและผู้ชายอีกคนหนึ่ง
ที่เป็นผู้นำสูงสุดของโครงสร้างปิรามิดของอิลลูมินาติ พวกเขาเคยเป็นฝ่ายอธรรมอย่างสุดขั้วเลย ทั้งฉลาด และขี้โกหก

พวกเขาเคยต้องฝ่าฟันบากบั่นทำงานอยู่ในมิติที่ 4 และ 5 ทั้งๆที่มีพลังงานด้านลบอยู่แบบนั้นแหละ
แต่ในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็เข้าใจถึงจิตสำนึกแห่งความรักที่เป็นหนึ่งเดียว แห่งพระผู้สร้างที่ทุกๆสรรพชีวิตดำรงอยู่ในนั้น

พวกเขาจึงกลับมารวมเข้ากับพลังงานด้านบวก และก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
จากเครือข่ายความทรงจำของสังคมของท่าน รา” ในมิติที่ 6
อดีตเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะ เพราะนักแสดงทุกคนตอนนี้ได้ประจักษ์แล้วว่า ตนเองมีบทบาทหน้าที่ที่ต้องทำให้ลุล่วงไป
ในบทละครแห่งจิตสำนึกอันยิ่งใหญ่นี้อย่างไรบ้าง

..................................

 

Disclosure Updates and Transcript of Coast Announcement, 10/6!

ที่มา: http://divinecosmos.com/index.php/start-here/davids-blog/518-coast-disclosure-announcement-updates?start=1

โดย: นาย David Wilcock


ตอนที่ 14: สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของรูปธรรมชีวิตในมิติต่างๆ

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> จงรักศัตรูของคุณ และจงกำหนดขอบเขตขึ้นมา


ทีนี้ย้อนกลับมาสู่กรณีของดาวเคราะห์โลกของเราเองบ้าง เมื่อต่อมไพเนียลของพวกเรา
ซึ่งถูกติดตั้งให้โดยรูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 เมื่อราวๆ 75,000 ปีก่อนโน้น ได้ถูกเปิดใช้งานได้แล้ว
เหมือนอย่างที่ชาวโลกบางคนกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ความสามารถต่างๆของพวกเรา
ก็กลับเพิ่มสูงขึ้นมากมายเกินกว่าที่ฝ่ายอธรรมจะต่อกรด้วยได้
กุญแจสำคัญจริงๆสู่ “อำนาจวิเศษฝ่ายธรรมะ” นี้ก็คือ

“อย่ากลัว หรือ อย่าเกลียด ผู้ที่มาโจมตีหรือทำร้ายคุณ”

“แต่จงมองให้เห็นถึงความเป็นพระผู้เป็นเจ้าในทุกๆคน”

“จงตระหนักรู้ให้ได้ว่า พวกเขาก็คือคุณ”

“เพราะว่าพวกเราทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียว”

“จงรักและยอมรับพวกเขา อย่างที่พวกเขาเป็น”

“จงเมตตาต่อพวกเขา”

ในขณะเดียวกัน ก็..

“จงสร้างขอบเขต ที่คุณจะไม่หรือไม่อาจยอมรับได้
หากว่าพวกเขาจะมาทำอะไรกับคุณเกินขอบเขตนี้”

“จงบอกให้พวกเขาไปซะ และปล่อยให้คุณอยู่อย่างสงบสุข”


นี่คือศิลปะที่แท้จริง ที่มันเป็นไปในมิติที่สูงๆกว่า เมื่อคุณถูกกระทำโดยฝ่ายอธรรม

พวกฝ่ายอธรรมจะวิ่งหนีกระเจิงพร้อมกับกรีดร้อง เมื่อคุณใช้วิธีการนี้กับพวกเขา

พลังงานความเมตตากรุณาที่แท้จริง และความเห็นอกเห็นใจและสงสารพวกเขาอย่างแท้จริงจากคุณ
จะไปเผาพวกเขาให้ไหม้เกรียมอย่างกับเอาน้ำมนต์สาดใส่แวมไพร์อะไรแบบนั้นเลยหละ

...........................................

 

Disclosure Updates and Transcript of Coast Announcement, 10/6!

ที่มา: http://divinecosmos.com/index.php/start-here/davids-blog/518-coast-disclosure-announcement-updates?start=1

โดย: นาย David Wilcock


ตอนที่ 15: สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของรูปธรรมชีวิตในมิติต่างๆ

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml">
กิจกรรมอย่างอื่นที่รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 ทำ – เช่น การสร้างปิรามิด และอื่นๆ


กิจกรรมหลักอื่นๆของรูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 ก็คือ พวกเขาได้สร้างวงแหวนของกลุ่มปิรามิดแห่งความสมดุลขึ้นมารอบโลก
เพื่อช่วยให้แกนหมุนของดาวเคราะห์โลกมีความเสถียร

วงแหวนของกลุ่มปิรามิดดังกล่าวนี้ ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จนกระทั่งท่านราและทีมผู้ช่วยที่อยู่ในมิติที่ 6
ได้ลงมาช่วยกันสร้างปิรามิดในอียิปและในอเมริกากลางขึ้นจนเสร็จในเวลาถัดมาไม่นาน

ปิรามิดที่เก่าแก่กว่าส่วนใหญ่ จะถูกถมจมอยู่ในพื้นดินไปกว่าครึ่ง เพราะว่าเกิดการเปลี่ยนแปลง
ของเปลือกโลกครั้งใหญ่ๆขึ้นหลายครั้ง แล้วจากนั้นก็อาจจะถูกปกคลุมด้วยต้นไม้หรืออะไรทำนองนั้นอีกต่อหนึ่ง

ถ้าคุณเข้าใจแล้วว่ารูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 สามารถสร้างดวงจันทร์ทั้งหลายขึ้นมาได้
คุณก็จะสามารถจินตนาการต่อไปได้โดยไม่ยากว่า พวกเขาสามารถสร้างปิรามิดเหล่านี้ขึ้นมา
เพื่อสร้างความสมดุลด้านพลังงานให้เกิดขึ้นกับดาวเคราะห์โลกได้อย่างไร


ในเลคเชอร์ล่าสุดของผม ในการประชุมที่เป็นความลับครั้งนั้น ผมได้นำตัวเลขที่น่าประหลาดใจ
ของจำนวนปิรามิดที่มีอยู่ทั้งหมดรอบโลกแสดงในที่ประชุมด้วย ซึ่งปิรามิดบางลูก
ผู้คนส่วนใหญ่ก็เข้าใจผิดคิดว่ามันคือภูเขา พวกเขาจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย

ถึงอย่างไรก็ตาม หลักฐานของความเป็นโครงสร้างที่ถูกออกแบบมาของพวกมัน ก็ทำให้ปฏิเสธไม่ได้

มีปิรามิดหลายลูกในบอสเนีย ที่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งอาจจะถูกสร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 30,000 ปีก่อน
พวกมันถูกสร้างขึ้นมาจากก้อนหินขนาดยักษ์ และมีลักษณะการเรียงตัวกัน เป็นรูปทรงเรขาคณิตอย่างน่าประหลาดใจ
พวกมันมีโพรงใต้ดินที่เชื่อมต่อถึงกันได้

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=3lIAEziRnho"]YouTube - 3D - BOSNIAN PYRAMIDS[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=xzDY0EBvCbU"]YouTube - Bosnian Pyramid! ABC Houston coverage[/ame]


นอกจากนี้รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 ยังได้สร้างระบบล้ำยุคสำหรับการนับกาลเวลา อย่างเช่น
ปฏิทินมายัน และระบบจักรราศีไว้ให้อีกด้วย

หลายๆครั้งพวกเขาก็ได้ลงมาติดต่อกับเหล่าคุรุผู้ทรงความบริสุทธิ์บางคนบนโลกด้วย
เพื่อสื่อสารข้อความของพวกเขาเกี่ยวกับ “กฎแห่งความเป็นหนึ่งเดียว” โดยตรง
เพื่อไม่ต้องการให้มีอุปสรรคใดๆมาขัดขวางได้

แต่การติดต่อจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่า ถ้าเป็นช่วงเวลาที่ใกล้จะสิ้นสุดวัฏจักรแบบที่พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่อยู่นี้

พวกเขาจะอ่านสภาวะจิตใจของมนุษย์ชาติโดยรวม เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน
เพื่อที่จะได้ช่วยนำทางพวกเราไปสู่วิวัฒนาการขั้นต่อไป

เพราะความที่พวกเขาสามารถอ่านและเข้าใจสภาวะจิตใจของพวกเราทั้งหมด ประหนึ่งว่าเป็นจิตใจเพียงดวงเดียว
พวกเขาจึงรู้ว่าจะต้องไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขจุดไหนของภาพแฟรกตัล

(fractal - ภาพที่สร้างขึ้นมาจากสมการทางคณิตศาสตร์ใดๆ เช่น Z = Z^2 + C เป็นต้น
ซึ่งไม่ว่าเราจะซูมลงไปด้วยกำลังขยายเท่าใดก็ตาม ล้านเท่า สิบล้านเท่า หรือร้อยล้านเท่า
องค์ประกอบของภาพ ณ.กำลังขยายนั้นๆ ก็จะยังเหมือนกับองค์ประกอบของภาพรวมทั้งหมดอยู่ดี

ซึ่งหลักการนี้ ก็เป็นหลักการเดียวกันกับการสร้างจักรวาลของเราด้วย คือ ไม่ว่าจะเป็นสเกลระดับควอนตัม
หรือระดับกาแล็กซี่ หรือระดับจักรวาล ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ยังจะมีภาพรวมที่เหมือนกันอยู่ – Chayutt)

เช่นเดียวกันกับผลกระทบของผีเสื้อเพียงตัวเดียวที่กระพือปีก ที่จะสามารถช่วยให้ดาวเคราะห์ทั้งดวงนี้
เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่จะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของทุกๆชีวิตได้

โดยที่ไม่มีมนุษย์โลกคนไหนเลย ที่รู้ว่าพวกเขาเป็นผู้รับผิดชอบอยู่

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=QKosnWf5740"]YouTube - Mandelbrot fractal zoom 5[/ame]

......................................
<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} a:link, span.MsoHyperlink {color:blue; text-decoration:underline; text-underline:single;} a:visited, span.MsoHyperlinkFollowed {colorurple; text-decoration:underline; text-underline:single;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->

 

เขาพูดถึง สัจจะคำสอนของพระพุทธเจ้าบ้างไหม....

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

โมทนาและขอขอบคุณ คุณชยุตอย่างมาก
ที่แปลให้พวกเราได้อ่านกัน ได้เพิ่มพูนความรู้มากมาย
ขอให้เกิดอานิสงค์ดีๆ แก่คุณชยุต หญิงเห็นหญิงรัก
ชายเห็นชายรักนะจ๊ะ(kiss)

 

เอาหล่ะหลังจากที่พักผ่อนมาได้พอสมควร ก็ได้เวลากล่าว ขอบคุณคุณชยุต และพี่ๆทุกๆท่านที่ นำข้อมูลดีๆมาให้ผมได้อ่านกันนะครับ เป็นการเปิดโลกในมุมมองแง่มุมใหม่ๆที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนนะครับ อ่า ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอออกตัวว่าผมเป็นคนพุทธคนหนึ่ง นะครับ อ่า ที่ผ่านๆมาก็มีพี่ๆ หรือ เพื่อนๆที่ต่างศาสนา ต่างความเชื่อกันก็ได้เข้ามาอ่านนะครับ ผมเองก็เป็นอีกคนนึงที่จะต้องขอให้ พี่ๆ หรือเพื่อนๆที่อ่านอยากให้การอ่านครั้งนี้เป็นการ ประดับความรู้ หรือเปิดโลกทัศน์ใหม่หน่ะครับ เพราะโดยส่วนตัวผมเอง สิ่งที่ผมได้อ่านมาก็ค่อนข้างขัดแย้งกับ สิ่งที่ผมถูกสอนมาตามหลักศาสนา แทบจะโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว แต่ผมรู้สึกว่า"มันเป็นสิ่งที่ดี" ครับ ในการสอนให้ทุกๆคนเรารักกันมันเป็นเรื่องพื้นฐานที่ดีทีเดียว ผมอยากจะบอกว่าในความรู้สึกของผม สิ่งที่พี่ชยุตและเพื่อนๆได้แผลมาให้ผมอ่านนั้น เหมือนกับต้นไม้ใหญ่ครับ โดยที่ทุกๆบทความและทุกๆข้อความ มีกิ่งก้านสาขายื่นมาจากคำว่า"รัก" เพียงคำเดียว และนับวันกิ่งนี้ก็จะแผ่ก้านสาขามากขึ้น เช่นเดียวกับความรู้ต่างๆที่พี่ๆ ได้สร้างสรรค์มันขึ้นมา อยากจะขอบคุณนะครับอย่างสุดซึ้งทีเดียว ทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างน่าอยู่ ทุกๆคนรอบกายผมมีความรักที่มอบให้กัน ซึ่งมีอยู่แล้วในสังคมไทยครับ หากแต่ผมนั้นโง่เขลาไม่ได้สังเกตมัน ขอบคุณจริงๆครับ แต่...ผมก็มีคำถามที่ซ่อนอยู่ในใจมานานนั่นก็คือ

ถ้าหากการที่เราจะเลื่อนขึ้นไปอยู่ในมิติที่ห้านั้น จำเป็นต้องมีโครงสร้างร่างกายแบบเป็นคริสตัล(ถ้าใช้คำผิดขออภัยด้วย) ที่ผมอนุมานได้คร่าวๆ น่าจะเป็นระดับอริยบุคคลซึ่งหาตัวได้ยากมากเลยครับในสังคมปัจจุบัน ถ้าอย่างงั้น คนที่ไม่ได้เป็นถึงระดับนั้นแต่ก็ยังเป็นคนดีที่ยังมีอยู่มากพอสมควรในสังคมไทย(แม้ว่าจะน้อยลงกว่าเดิมเยอะ)จะต้องถูกปล่อยให้ตายหรอครับ ผมสงสัยตรงนี้มากทีเดียว ขอบคุณหากจะมาตอบให้นะครับ ^^
รักทุกคน จุ๊บๆ

 

อย่าว่าแต่คุณสงสัยเลยครับ คนแปลเองก็สงสัยด้วยครับ

เพราะฉะนั้น จะสังเกตเห็นว่า ผมจะไม่ค่อยตอบคำถามใครบ่อยนัก
และก็จะไม่ออกมาแสดงตัวปกป้องเนื้อหาในกระทู้ของตัวเองสักเท่าไหร่

เพราะใครจะอ่านแล้วรู้สึกดี - ไม่ดี, เชื่อ - ไม่เชื่อ อย่างไรนั้น
ผมเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะบางอย่างมันก็ขัดกับความคิดและความเชื่อเดิมของผมอยู่เหมือนกัน

เพราะผมก็เป็นชาวพุทธเหมือนกับคุณนั่นแหละครับ
และที่สำคัญคือ..ผมก็ตอบคุณไม่ได้ว่าข้อมูลนี้มันจริงแท้แค่ไหน

แต่มีอยู่อย่างที่อาจจะต่างกันนิดหน่อยก็คือ...
เพราะว่าได้แปลมาเยอะแล้ว..ก็เลยเจอเนื้อหาแปลกๆ
และขัดแย้งกับความเชื่อเดิมมาเยอะแล้ว
จึงทำให้ไม่ค่อยรู้สึกอะไรแล้วครับ ..

..อาจจะเรียกว่ามันชินชา..หรือเรียกว่า ด้านชา ก็น่าจะได้นะ..

แต่ว่า..จะลองตอบคำถามนี้ของคุณ ตามความเข้าใจของตัวเองดูก็แล้วกันนะครับ

คือว่า..ถ้าตามนัยะที่เขากล่าวมาทั้งหมดนี้..ก็จะประมาณว่า

ถ้าคนๆนั้น ไม่ยืดมั่นอยู่ในความเลว ความชั่วจนดิ่งลึกจนมากเกินไปนักจริงๆหละก็
คนๆนั้น ก็มีโอกาสค่อนข้างมากที่จะ "เลื่อนระดับขึ้น" โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
เพียงแต่ต้องช่วยเหลือตัวเองนิดๆหน่อยๆ คือให้พยายามที่จะมีกาย วาจา และใจ
ที่จดจ่ออยู่กับคุณงามความดีเท่านั้นเอง..

เพราะว่า..ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจับใครซักคน เข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยรังสีอะไรบางอย่าง
ที่จะมีผลต่อการผ่าเหล่าของพันธุกรรมได้ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร
เขาก็ต้องผ่าเหล่าอยู่ดี เพราะรังสีมันแรง มันทำงานของมันตรงไปตรงมา

ในกรณีของโลกเราเองก็เในเหมือนกันครับ ประเด็นหลักคือ "โฟตอนโซน"
ที่ระบบสุริยะของเรากำลังเคลื่อนตัวเข้าไปแช่อยู่นี้แหละครับ ซึ่งนับวันก็ยิ่งเข้มขึ้นๆ

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยาก "เลื่อนระดับขึ้น" หรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าคุณจะรู้เรื่องมันหรือไม่ก็ตาม
ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็ตาม..แต่เจ้าพลังงานอันนี้ มันก็ยังจะมีผลกับคุณอยู่เช่นเดิม

แต่ผลของมันอาจจะแตกต่างจากตัวอย่างที่ผมยกมาเมื่อครู่นี้
คือมันเลือกที่จะมีผลได้ด้วย เพราะตัวมันเองเป็นพลังงานด้านบวก
เพราะฉะนั้น อะไรที่สั่นสะเทือนอยู่ในด้านบวก เช่น ความรัก ความเมตตา และความดีทั้งหลาย
ก็จะไปสอดคล้องกับมัน ก็จะยิ่งอยู่ดีมีสุข ยิ่งเร่งวิวัฒนาการทางกาย วิญญาณ และจิตวิญญาณให้เร็วขึ้นด้วย

ส่วนอะไรที่เป็นด้านตรงข้าม ก็จะได้ผลแบบตรงข้าม อะไรแบบนั้นกระมังครับ

เพราะฉะนั้น บทสรุปของผมก็คือ ถ้าตามนัยยะนี้ ไม่ต้องบำเพ็ญเพียรจนหืดขึ้นคอเหมือนยุคพลังงานเก่าอีกแล้ว
แต่ผลของมัน ก็จะออกมาได้เท่ากัน ในเวลา และวิธีการที่ง่ายกว่า สั้นกว่า อย่างงั้นมั๊งครับ

แน่นอนครับ ว่าคุณจะถามหรือสงสัยต่อ เรื่องเกี่ยวกับ "พระอริยะ" อย่างที่คุณว่า
ผมก็ด้วย..เพราะฉะนั้น ไม่ขอออกความเห็นเรื่องนี้ และรวมถึงเรื่องที่เกี่ยวโยงกับศาสนาด้วยนะครับ

เพราะเดี๋ยวเรื่องมันจะยาว..คนที่ชอบออกมาเถียงก็จะได้ช่องหนะครับ..

เอาเป็นว่า..กระทู้นี้ เรามาฟัง มาอ่านเรื่อง "แปลก" กัน ดีกว่านะครับ
ส่วนเรื่องศาสนา ก็เก็บเอาไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้ได้มรรคผลกันเอาเอง

ตัวใครตัวมันครับ

.............................

 

จากการประมวลข้อมูลที่ได้รับมาทั้งหมดของส่วนตัวเองในระยะเวลาสองสามปีหลังมานี้ ก็คล้ายๆกับท่อนนี้ของคุณชยุต

เรากำลังอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างยุคเก่ากับยุคใหม่ การเปรียบเทียบคงหนีไม่พ้น ความสับสนก็ย่อมจะตาม แต่โปรดอย่าลืมว่า ความเปลี่ยนแปลงคือความเป็นนิรันดร์

สมมติเล่นๆว่า เปลี่ยนยุค ก็ เปลี่ยนกฎ สิ่งที่ตามมา คนกลางเก่ากลางใหม่อย่างเราๆ คงต้องงงเป็นไก่ตาแตกว่า จะยึดกฏไหนดี กฏใหม่ กฏเก่า กฏผสม ฯลฯ

สรุปเล่นๆว่า เขากำลังประกาศกฏใหม่ให้รับทราบ ให้เตรียมตัวไว้ จะมีผลบังคับใช้เมื่อนั้นเมื่อนี้ เนื้อหามีอย่างนี้อย่างนั้น อะไรที่เปลี่ยนไปแล้ว อะไรที่ยังใช้ได้อยู่ ฯลฯ

ถามเล่นๆว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คุณจะมีปฏิกริยาำต่อข่าวนี้อย่างไร จะตัดสินใจเรื่องต่างๆในชีวิตของคุณแตกต่างออกไปไหม จะรับมือหรือเตรียมตัวอย่างไร ฯลฯ

ส่วนตัวเองได้แต่นึกเล่นๆว่า โอ ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้ พวกเราช่างเป็นผู้โชคดีเหลือหลาย ที่ได้รับการคัดเลือกให้มาเกิดในโลกนี้ ในช่วงที่มีโปรโมชั่นมากมาย ลดแลกแจกแถม กระหน่ำ midnight sales ได้แต่บอกตัวเองว่า ไม่คว้าไว้ก่อนสามโมงเช้านี้ คงต้องเขกกระโหลกตัวเองไปอีกนานแสนนาน

 

ช่วยกันจูง ช่วยกันเดิน ประเดี๋ยวก็ถึงเอง สงสัยแล้วก็อย่ามัวอยู่กับที่เดินตามมาด้วยล่ะ จะได้ถึงพร้อมๆกัน

 

ผมว่าเมื่อถึงยุคนั้นแล้ว คนจะเป็นคนใหม่ในจิตวิญญาณเดิมที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว

จิตวิญญาณนั้นเป็นจิตวิญญาณที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรม ในแทบทุกด้าน ฉนั้นกฏต่างๆไม่จำเป็นจะต้องมี หรืออาจจะมีคณะกรรมการแก้ปัญหาในส่วนย่อย และสภาสูงไว้แก้ปัญหาใหญ่ๆ

เช่น ในปัจจุบันถ้าชุมชนไหน รักษาแค่ศีล 5 ครบถ้วน ชุมชนนั้นแทบจะไม่มีปัญหาอะไรกันเลย บางอำเภอในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ศาลยังแทบไม่มีงานทำ

 

​

ยูเอฟโอ
ผู้นำมาซึ่งวันใหม่
คำสอนจากกลุ่มดาวลูกไก่

เรา มาที่นี่จากกลุ่มดาวลูกไก่ เราเป็นกลุ่มพลังงานจากกลุ่มดาวลูกไก่ เรามีประวัติสาสตร์ที่ยาวนาน ต้นตระกูลของเรามาจากจักรวาลอื่นที่ผ่านขั้นตอนการเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว (completion) ท่านอยู่บนดวงดาว (โลก) ที่กำลังก้าวสู่ขั้นตอนของขบวนการเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เรามาที่นี่เพื่อช่วยท่านผ่านเข้าสู่กระบวนการเสร็จสิ้นสมบูรณ์ดังกล่าว การเข้าสู่กระบวนการเสร็จสิ้นสมบูรณ์ของโลกได้ถูกเฉลิมฉลองโดยพลังงานจำนวน มากมายเป็นระยะเวลาอันนานแสนนาน ขณะนี้เป็นเวลาที่สำคัญยิ่งของดาวเคราะห์โลก สิ่งที่เกิดกับโลกในขณะนี้มีผลกระทบกับทั้งห้วงจักรวาลอย่างสูง

ต้น ตระกูลของเราเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนให้กับโลก เป็นผู้กำกับความเป็นไปของโลกด้วยการสรรค์สร้างและความรัก ด้วยความสามารถของท่านบรรพบุรุษของเราได้กำกับสรรพสิ่งบนโลกเสมือนวาทยากร กำกับวงออเครสตร้า บรรพบุรุษของเราเป็นบรรพบุรุษของพวกท่านมนุษย์โลกด้วย เราอยากเรียกพวกท่านว่า ครอบครัวโบราณ (ที่ล้าหลังหรือเปล่า ผู้แปล) ของเรา ก็ท่านคือครอบครัวโบราณของเราจริงๆ

บรรพบุรุษของเราให้ดี เอ็นเอของท่านแก่พระผู้วางแผน (original planner) สารพันธุกรรมนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอมนุษย์ ความเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้น การเคลื่อนที่ระหว่างมิติกำลังจะบังเกิดขึ้น จะทำให้ความถ่วงจำเพาะของมิติที่สามลดลง ทำให้ท่านสามารถเคลื่อนที่สู่มิติที่สูงกว่าได้โดยร่างกายไม่ต้องผ่านสภาวะ มวลสาร ท่านทั้งหลายมาที่โลกนี้เนื่องจากท่านต้องการผ่านขบวนการวิวัฒนาการและ สามารถดำรงตนอยู่ได้หลังจากนั้น อนาคตจะเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากเพราะท่านจะดำรงชีพได้ในหลากมิติ

ใน อวกาศมีสังคมและวัฒนธรรมมากมาย พลังงานในวัฒนธรรมเหล่านี้ได้มาเยือนโลกและจากไปในหลายครั้งหลายหนตั้งแต่ โลกได้ถือกำเนิดมา ไม่ใช่แต่เราชาวกลุ่มดาวลูกไก่เท่านั้นที่มาช่วยเหลือท่าน เราเป็นแค่พลังงานกลุ่มหนึ่งจากกลุ่มดาวหนึ่ง มีวัฒนธรรมจักรวาลหลายกลุ่มมาเยือนโลกด้วยหลายเหตุผล ส่วนมากที่มาจากนอกโลกมาช่วยให้มนุษย์ก้าวสู่ความเสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ก็มีบางกลุ่มต่างดาวที่มาสู่โลกด้วยเหตุผลอื่น

มนุษย์โลกเป็นสิ่งมีชีวิตสุดอัศจรรย์ เป็นสมาชิกแห่งครอบครัวแสงสว่าง

ท่าน ทั้งหลายมายังโลกในช่วงเวลานี้เพื่อปฏิบัติภารกิจ เพื่อยกระดับเพื่อเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ความช่วยเหลือในเวลาระหว่างท่ามกลาง ความรักคือกุญแจ ความรักคือแรงขับเคลื่อนแห่งจักรวาล เทคโนโลยีบนโลกจะพัฒนาไปได้เพียงแค่ระดับหนึ่ง เพราะมนุษย์ไม่เข้าใจว่าความรักเป็นสิ่งจำเป้น พลังงานสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบต่างๆ ได้ แต่เมื่อมนุษย์จมอยู่ในความโลภ ความเกลียดชัง หรืออารมณ์อื่นที่ไม่ได้สนับสนุนแสงสว่าง มนุษย์จะไปได้ไกลเพียงระดับหนึ่งเท่านั้น มีเพียงข้อมูลระดับหนึ่งเท่านั้นที่ความสั่นสะเทือนระดับดังกล่าวรับได้