ถามมาสิจ๊ะ...แม่ชีณัฐทิพย์ ตนุพันธ์ ยินดีตอบจ้า...

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 14 สิงหาคม 2006.

  1. KAMALA

    KAMALA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +138
    กราบนมัสการท่านแม่ชี และสวัสดีคุณโจโฉ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่เปิดBlog ของคุณโจโฉเป็นประจำ ได้รับประโยชน์และเป็นหนี้บุญคุณ Web ของคุณโจโฉเหลือหลาย<o:p></o:p>
    แถมดิฉันยังได้ส่ง Link ไปยังเพื่อนใจบุญที่ทำงานด้วยค่ะ บุญกุศลอะไรที่ได้มา ขอกลับคืนไปที่คุณโจโฉร้อยเท่าพันเท่านะคะ<o:p></o:p>
    อยากจะบอกว่า สิ่งที่คุณโจโฉ เคยทำ ทำอยู่ และกำลังจะทำต่อไป นั้น ขอให้ทำต่อไปนะคะ มีคนมากมายคอยให้กำลังใจ <o:p></o:p>
    ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ให้กำลังใจนะ ทั้งๆ ที่เป็นคนนอกวงการธรรมสุดๆ มนุษย์ทางธรรมไม่มีใครรู้จักดิฉันหรอกค่ะ ดังนั้นแล้วคนอื่นที่อยู่ในวงเดียวกับคุณยิ่งต้องสนับสนุนคุณแน่นอนค่ะ<o:p></o:p>
    มีอะไรอยากให้ช่วยก็ขอให้บอกนะคะ แต่ต้องบอกตรงๆ เพราะพูดภาษาทางธรรมดิฉันฟังไม่รู้เรื่อง เพราะดิฉันนี่ถ้าเรื่องทางธรรม ออกจะมืดบอดอับปัญญา แต่เรื่องทางโลกไม่มีแพ้ใครไม่เชื่อถามแม่ชีได้ค่ะ <o:p></o:p>
    เกิดมาสุขสบาย ทำงานไร้ปัญหา พ่อแม่รักมากมาย แต่ชอบสร้างกรรมไว้ให้ตัวเองสะสม ทำตัวเป็นกองกิเลสเดินได้ แต่ยังโชคดี ยังมีความรู้สึกแวบๆ เรื่องผิดชอบชั่วดี แต่คงไปไหนไม่ได้ไกล คงได้แต่แถวๆ ใต้น้ำนี่แหละค่ะ<o:p></o:p>
    ดังนั้น คุณโจโฉ ของแบบนี้มันต้องดูกันยาวๆ ะ ดิฉันอ่านที่แม่ชีเขียนถึงคุณโจโฉแล้ว ก็รู้เลยคนนี้มีแต่จะสูงขึ้นๆ <o:p></o:p>
    สู้โว้ย!! นะคะ คุณโจโฉ<o:p></o:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2006
  2. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรมทุกท่าน...ช่วงนี้แม่ชีมีปัญหาทางธรรมมาถาม ให้สมองซีกซ้ายและซีกขวาทำงานกันหน่อยดีไหม? ใครตอบและวิเคราะห์ได้โดนใจ...แม่ชีมีตะกรุดและขวัญถุงติดกระเป๋าให้ รับรองเงินไม่ขาดกระเป๋าแน่นอน แต่ต้องตอบในกระทู้นะ ให้คนอื่นได้อ่านบ้าง จะได้เป็นธรรมวิทยาทานแก่ผู้อื่น ได้กุศลผลบุญนะ คำถามๆว่า "ทำไมพระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า เราไม่มีครูสอนให้ตรัสรู้?" ลองช่วยกันคิด วิเคราะห์และแยกแยะกันหน่อยดีไหม? สมองจะได้ไม่ฝ่อไง เอ้า...คิดดู สาธุ...
     
  3. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    รูปนี้สำหรับ คุณโจโฉ เหนื่อยนักก็พักผ่อน วิดน้ำเล่นเหมือนท่านอาจารย์ก็ได้ค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0136.JPG
      DSCN0136.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      81
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2006
  4. pln

    pln สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีค่ะ ขอเป็นลูกศิษย์ลูกหานะคะ อาจารย์แม่ชี ช่วงนี้จิตใจไฝ่หาธรรมะเป็นพิเศษ อาจเพราะอายุมากขึ้น ทำงานเกี่ยวกับคนและวัฏจักรชีวิตมากขึ้น ซึ่งไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงความเป็นไปในด้านการเกิดแก่เจ็บตายได้ และได้ให้กิเลสของบุคคลหลายอย่าง ดีไม่ดีปะปนกัน ก็เกิดอาการปลง และปลงอย่างเดียวค่ะ อยากหาจุดสงบชีวิตบ้าง มึนศีรษะบ่อย ๆ ไม่รู้เป็นอะไร ทั้ง ๆ ที่โดยหน้าที่การงานน่าจะรู้สาเหตุอาการ แต่ก็คิดไปเรื่อย เป็นโน่น เป็นนี่ สุดท้าย อยากหันหน้าหาธรรมะ เพื่อให้จิตสงบ แต่ คนเราก็มีข้อแม้ไปเรื่อย เพราะไม่มีความเพียร รู้ตัวค่ะ ไม่รู้จะถามกับใคร พอดีเจออาจารย์แม่ชี อยากขอคำชี้แนะ คิดว่าเมื่อพร้อมกว่านี้อยากไปนั่งสมาธิ เมื่อไม่นานมานี้เจอผู้หญิงคนหนึ่ง เขาพูดคุยเกี่ยวกับกรรมฐาน เขาแนะนำภาวนา นะมะพะธะ และให้ทำ ตอนนั้นนั่งอยู่กับน้อง ๆ 4-5 คน เขาให้นั่งภาวนา ไปเรื่อย ๆ เร็วขึ้น เร็วขึ้น ไม่นาน.. แล้วเขาก็บอกว่านี่เป็นการนั่งเพื่อเปิดโลกวิญญาณ นรกสวรรค์ และเขาก็ถามทีละคนว่าแต่ละคนรู้สึกอย่างไร ซึ่งบางคนก็รู้สึกว่าตนขนลุก บางคนบอกว่าแน่น อึดอัด ( ทุกคนไม่มีพื้นฐานด้านนี้ ) ส่วนดิฉันก็ไม่รู้สึกอะไร แค่เหมือนๆ ว่าเห็นอะไร สว่าง ๆ บริเวณหัวคิ้ว ( เผอิญที่ทำงานมีคนเสียชีวิตเยอะค่ะ ) เขาก็บอกว่าอย่านั่งที่นี่ เพราะวิญญาณอาจเข้าแทรก เหมือน ๆ เราจะถอดจิต อาจารย์แม่ชีคะ อย่างหนึ่งที่ไม่ได้บอกคือหน้าที่การงานที่ทำ เราไม่ได้เน้นจิตวิญญาณ เราเน้นวิทยาศาสตร์ มีเหตุผล สัมผัสได้ แต่ดิฉันเชื่อมั่นพุทธศาสนา เชื่อบาปบุญคุณโทษ จิตวิญญาณ แต่การได้เจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ก็แปลก ๆ ค่ะ ไม่รู้จะพูดอย่างไร คิดว่าตนเองอยากทำสมาธิเพื่อให้สงบ เพื่อให้ลดกิเลส ความเครียดในชีวิตประจำวัน ครอบครัว ไม่ได้ต้องการอยากเห็นวิญญาณ อาจเพราะกลัวค่ะ ก็เจอคนตายทุกวัน เห็นทุกวันนี่แย่แน่ๆ ทุกวันนี้ก็เหมือนมีอะไรอยู่ด้วยตลอดและชี้นำเรามาทางนี้ ถึงเจอแม่ชีก็คิดว่ามีอะไรดึงมาให้ได้พบ เพราะตอนนี้เราอยากคุยกับผู้รู้ แต่ไม่รู้คุยกับใครดี ห่างวัด ห่างพระ มีแต่ใจอย่างเดียว ซื้อหนังสือธรรมะและการหัดนั่งสมาธิ แค่ได้เจอเว็บนี้ก็ดีใจ นี่ได้เจอแม่ชี ดีใจค่ะ แต่ขอวิธีแก้อาการมึนศีรษะ เวลาสัมผัส....อะไร ๆ บ้างสิคะ กราบเท้าค่ะท่าน
     
  5. jethrotull

    jethrotull เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +180
    นมัสการ อาจารย์ สบายดีนะครับ ผมขอขอบคุณท่านที่มีน้ำใจตอบคำถามและปัญหาไม่ไช่เฉพาะของผมแต่ของผู้อื่นอีกมากมาย ผมเห็นใจและเหนื่อยแทนท่านจริงๆ ผู้น้อยขอคาราวะ เรื่องเพลงไว้มีโอกาสผมจะโซโล่ใส่ เทป ส่งไปไห้ฟังให้ได้ แต่ต้องรอไว้มีเวลาก่อนนะครับ ความจริงผมได้แต่งกลอน ให้ท่านด้วย แต่ผมกลัวชาวบ้านจะดูถูกเอา เพราะผมมันปัญญามีน้อยนิดไม่เจียมตัว เหมือนอย่างคำตอบข้างล่างที่ผมมั่วมานั้นนั่นแหละ โปรดให้อภัยด้วย<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ด้วยความนับถือ<o:p></o:p>
    Jethro tulll<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระพุทธเจ้า ชี้แนะให้เห็นอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า คนเราจะต้องไม่มองหาคำตอบจากภายนอก แต่จะต้องมองหาจากภายในที่มีอยู่และเป็นจริงให้ทะลุปุโปร่งก่อนอื่น<o:p></o:p>
    คำตอบไม่ได้มาจากการอ่านการเรียนแต่มาจากประสพการณ์ที่เป็นจริงเท่านั้น<o:p></o:p>
    คนเราไม่ควรจะหาความจริงหรือคำตอบจากพระองค์(โดยตรง) เพราะถึงแม้พระองค์จะเป็นถึงสำมาสำพุธเจ้าที่ได้ตรัสรู้แล้วก็ตาม พระองค์ก็เปรียบเหมือนมนุษย์ทั่วไปที่ได้มาบรรลุถึงขั้นศาสดาด้วยแก่นแท้และชีวิตจิตใจของพระองค์ที่ได้กำเนิดมาดั่งคนทั่วไป<o:p></o:p>
    คนเราควรนับถือพระองค์เสมือนเป็นศาสดาครูแต่ไม่ไช่นับถือพระองค์ดั่งเช่นเทวดาหรือพระเจ้าที่จะมาโปรดให้เราได้ตรัสรู้<o:p></o:p>
    วิณญานร่างกายและจิตใจของคนเราทุกคนคือส่วนหนึ่งของจักวารที่เราเป็นและดำเนินอยู่<o:p></o:p>
    พระพุทธเจ้าได้หยั่งรู้ในขณะที่กำลังตรัสรู้อยู่ว่า พระองค์ท่านไม่ได้เป็นองค์ท่านเองเพราะฉะนั้น พระองค์ท่านก็ไม่ได้เป็น ท่าน สำหรับผู้อื่นที่จะพาดพิงเกี่ยวโยงไปถึงหรือไปเป็นพระพุทธเจ้าด้วย ดั่งที่ท่านได้กล่าวแสดงธรรมไว้ว่า มันไม่มีประโยชน์ ที่จะจดใจจดจ่อและเอาแต่จ้องมองนิ้วของพระองค์ที่ชี้ไปที่ดวงจันทร์เพื่อให้เห็นแสงสว่าง”<o:p></o:p>
     
  6. โจโฉ คร้าบบบ

    โจโฉ คร้าบบบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +1,550
    อัพไฟล์เสียงแม่ชีเสร็จแล้วนะครับ ควรไม่ควรอย่างไรจะให้แก้ตรงไหน
    บอกได้นะครับ ตอนแรกเห็นกล่องมาจากสงขลา ยังนึกว่าใครส่งระเบิดมาให้อะป่าว อิๆๆ หรือ คนที่มาด่า อาจจะส่งส่งปฎิกูลมาให้เป็นของขวัญ

    แต่พอเห็นชื่อคุณหงสนาถ ก็เลยมั่นใจว่า ของดีแน่
    แต่ว่า กล่องใหญ๋จังคับ ซ๊ดี ใส่ซองกันกระแทกก็เอาอยู่แล้วคับ
    เล่นซะผมกลัวเลย (แหมนึกว่า จะมีอะไรแถมมาให้ .. คิๆๆ )

    http://www.palungjit.org/buddhism/audio/showthread.php?p=875#post875

    กราบสวัสดีแม่ชีครับ

    เอาตะกรุดมาล่อ นี่ผมเห็นตัวโลภะในใจ ตัวเบ้อเริ่มเลยอะคับ
    วันนี้นึกว่าจะมีปาฎิหารย์ กับเสียงโทรศัพท์มะกี้ (เพราะอธิฐานไว้เมื่อคืน)
    แต่กลายเป็นปฎิกูลในบัดดล เฮ่อ.. หนทางดับไปอีกทางนึง

    เรื่องพระพุทธเจ้า
    ผมอ่านแล้วก็คิดได้สั้นๆ เองครับว่า

    ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
    เราจะถึงฝั่งก็ต้องเดินเอง

    พระพุทธองค์เอง ท่านก็ทรงเป็นแค่ผุ้บอกทาง
    บำเพ็ญเพียร อดทน สะสมบารมี อดทนข้ามภพข้ามชาติ
    ท่านถึงฝั่ง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

    ท่าทางผม จะคิดลึกไม่เป็นอะคับ
    คิดได้แค่เนี้ย เห็นแววอยู่หลัดๆ ว่า ยังไง ก็ต้องพึ่งตน
    อยากไปสบาย ก็ต้องทำทางเดินเอง แล้วก้าวเดินไปเอง

    ลำบากอยู่ทุกวันนี้ ก้ตัวเองทั้งนั้น..ทำไว้

    ขอบพระคุณสำหรับรูปนะครับ อยากหยุดพักยาวๆ จัง

    กราบขอบพระคุณแม่ชีสำหรับความเมตตานะครับ
    และก็ขอบพระคุณทุกท่าน เช่นกัน ที่มาให้กำลังใจ

    ผมหวังว่าจะสมพรปากของทุกท่านนะครับ สาธุ
     
  7. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    คุณโจโฉ คร้าบบบ รวดเร็วมากสำหรับไฟล์เสียงท่านอาจารย์ อนุโมทนาบุญหลายๆ..เด้อ...
    ที่ใส่กล่องใหญ่ให้ ก็เพราะว่าไม่อยากให้คุณโจโฉพบกับความยุ่งยากลำบากใจ
    คนที่เห็นจะได้ไม่ทราบว่าเป็นอะไร เสียดายตอนที่ส่งยังไม่ได้รับตะกรุดจากท่านอาจารย์ แล้วจะส่งตามมาให้ค่ะ
     
  8. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
     
  9. edtaro

    edtaro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +618
    เพราะพระพุทธองค์ืืทรงตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์ท่านเอง และท่านจึงสอนให้เรารู้จักเรียนรู้ด้วยตัวเราเองคือทุกอย่างจะสำเร็จได้จะทุกข์สุขเศร้า
    ดีหรือชั่วก็ด้วยตัวเราเองทั้งนั้น ดังเช่นที่พระองค์ทรงตรัสรู้ได้ด้วยพระองค์เองท่านก็ทรงเรียนรู้และปฏิบัติลองผิดลองถูกเอง
    ครูบาอาจารย์ก็เป็นได้แต่เพียงผู้บอกผู้สอนเท่านั้น แต่หากไม่รู้จักและเรียนรู้ปฏิบัติด้วยตัวเราเองย่อมจะไม่มีผลใดๆเลย
    ปัญญาก็มีน้อยนิดแค่่นี้้ิครับท่านอาจารย์แต่ด้วยความอยากมีเงินไม่ขาดกระเป๋าก็เลยลองตอบ
    ดูมั่งครับ สาธุ..........หากไม่ได้ขวัญถุงอย่างน้อยสมองก็จะไม่ฝ่อครับ
     
  10. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม คุณpln อาการมึนศรีษะนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะตอนนี้อากาศมันผกผันเปลี่ยนแปลงเร็ว อุณหภูมิในร่างกายกับอุณหภูมิภายนอกมันไม่สมดุลกัน อาการมึนเกิดขึ้นได้เสมอ และยิ่งรอบด้านมีพลังงานที่คนเราไม่พึงปรารถนาด้วยแล้ว ยิ่งทำให้มึนและขนลุกใหญ่ พลังจิตของคนที่ตายไปแล้วนั้นก็มีอยู่ ไม่ได้สูญหายไปไหน วนเวียนอยู่ในอากาศแต่คนธรรมดานั้นสามารถมองเห็นและสัมผัสได้น้อยจนถึงไม่ได้เลย เพราะไม่รู้และไม่สนใจ...ส่วนการใช้คำภาวนา "นะ มะ พะ ทะ" นั้นมันเป็นอุบายที่จะทำให้คนภาวนามีสมาธิจดจ่ออยู่กับคำภาวนาจะได้ไม่ไปสนใจเรื่องอื่น นะ มะ พะ ทะ นั้นเป็นธาตุทั้ง 4 ที่อยู่ในตัวเราและในโลก ยิ่งท่องเร็วขึ้นก็เท่ากับทำให้ใจของเราจดจ่อเป็นสมาธิมากขึ้น อาการอึดอัดหายใจไม่ออกเกิดขึ้นนั้นมันเป็นผลข้างเคียงของการภาวนาเมื่อจิตเริ่มจะจับตัวพอสมควร ถ้าอยากจะปฏิบัติธรรมให้ได้ผลเร็วต้องหาครูที่เก่งมาสอน ครูที่ดีไม่จำเป็นต้องเสาะหาศิษย์ที่ดีมาสอน...แต่ศิษย์ที่ดีนั้นจะต้องหาครูที่ดีมาสอน...ถ้าอยากจะทำจิตให้สงบเร็วๆก็อย่าคิดอะไรสิ ปล่อยวางจากความคิด ความกังวล ความฟุ้งซ่าน และความกลัวเสียก่อน นั่งหลับตาเพื่อพักผ่อนสายตาและร่างกาย นั่งท่าสบายๆตามอายุนั่นแหละ หายใจเข้า หายใจออกตามปกติ ไม่ต้องกังวลกับลมหายใจหรอก ถ้ายังไม่ตายก็แปลว่ายังหายใจอยู่...พอจิตเริ่มสงบมากขึ้น บางทีจะมีอาการหายใจขัดบ้าง กายเบาบ้าง กายโต กายเล็กบ้าง ขนลุก ขนพองบ้างไม่ต้องตกใจ ไม่เป็นปัญหาและไม่มีอะไรจะมาเข้าสิงหรอก ทำจิตให้มั่นคงทนทำไปเดี๋ยวความสว่างไสวก็จะเกิด ความสงบแห่งจิตย่อมตามมา...เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อย่าไปฟังมากเลยถ้าเรายังทำไม่ถึงที่สุด ไม่มีใครบ้าเพราะทำสมาธิหรอก มีแต่บ้าเพราะเรื่องอื่นต่างหาก...ลองทำดูแล้วกัน แม่ชีเอาใจช่วยตลอดเวลา ขอให้ทำได้และสำเร็จจะได้มาช่วยกันแก้ต่างให้กับศาสนา...ชี้แนะคนอื่นที่ยังไม่รู้จริงต่อไป...สาธุจ้า
     
  11. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรมคุณโจโฉ...เมื่อวานยังตอบข้อถามมาไม่หมด รีบไปสอนเสียก่อน ...ที่ถามว่าแม่ชีใช้คำว่า "นมัสการ"ได้หรือ? เพราะส่วมมากใช้กับพระเท่านั้น...คำว่า นมัสการ ก็คล้ายกับคำว่าสวัสดี เป็นการทักทายผู้ที่ควรยกย่องและนับถือหรือผู้ที่มีคุณธรรม และนักบวช ในเมืองไทยเรามักใช้กับพระภิกษุมาช้านาน...ในอินเดียนั้นเขาใช้คำว่า "นมัสเต" กับนักบวชและบุคคลทั่วไป...ส่วนบางคนในไทยนั้น เขายกย่องแม่ชีในฐานะผู้ทรงศีลมีธรรม แม้ว่าทางพุทธศาสนาจะไม่นับและจัดแม่ชีว่าเป็นนักบวช เพราะไม่ได้ผ่านการบรรพชาอย่างพระภิกษุมา ก็นับว่าให้เกียรติแม่ชีอยู่บ้าง...ในการประชุมศาสนาโลกครั้งที่ผ่านมานี้ได้มีการบรรจุข้อที่ให้ผู้หญิงมีสิทธิในศาสนามากขึ้น ซึ่งเป็นที่ยอมรับของหลายฝ่ายพร้อมกันทั่วโลกเลย...เอาเถอะ จะเรียกหรือทักทายแม่ชียังไงก็ได้ แม่ชีก็เป็นคนที่ไม่ชอบเจ้ายศเจ้าอย่างอยู่แล้ว ยังไงก็ได้ที่เห็นว่าสมควรและเหมาะสมนะ และต้องขอขอบคุณด้วยที่ลงเสียงธรรมบรรยายให้ แต่หาไม่เจอไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน? ส่วนคำตอบที่ตอบมากำลังพิจารณา และขออนุโมทนาบุญด้วยที่ช่วยกันตอบ...โชคดีตลอดกาลนะ เดี๋ยวจะให้ลูกศิษย์มือขวาลงรูปตะกรุดและเงินขวัญถุงที่มีไว้รับรองว่าเงินไม่ขาดกระเป๋าแน่นอนจ้า...สาธุ!
     
  12. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรมทุกท่าน...แม่ชีต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะ...ว่าแม่ชีไม่ใช่ตำรวจ ถ้ามีคนหายต้องไปแจ้งความให้ตำรวจช่วยตามหาค่ะ...ถ้าแม่ชีไปออกตามหาให้ก็พอดีนั่นแหละ...ตำรวจตกงาน...คนหายไปนั้นมันไม่เหมือนของหรือว่าวัตถุที่ไม่มีชีวิตหายนะ วัตถุหรือสิ่งของหายโอกาสเจอะเจอค่อนข้างยากสักนิด แต่ถ้าคนหาย ก็ต้องดูว่าเดินหายไปเองหรือถูกอุ้มหาย...ถ้าเดินหายไปเองคนที่อยู่ด้วย น่าจะหันกลับมาพิจารณาตัวเองหน่อยนะ...ทำไมเขาจึงเดินจากเราไป? ถ้าไม่มีอะไรที่ทำให้อดทน ทนไม่ไหวแล้วเขาจะเดินจากไปทำไม? ถ้าเสียดายก็ไปแจ้งความให้ตำรวจช่วยพาเขากลับมาก็แล้วกัน...แม่ชีไม่ใช่ตำรวจเด้อ....สาธุ! ขอให้เจอและกลับมาไวๆนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 สิงหาคม 2006
  13. โจโฉ คร้าบบบ

    โจโฉ คร้าบบบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +1,550
    ขอบพระคุณในคำตอบครับ ถ้างั้นทราบที่มาแล้วก้

    นมัสการครับท่าน
    ความจริงผมก็นับถือแม่ชีหลายๆท่านนะ ตามกฎหมายถึงจะไม่ใช่นักบวช แต่เท่าที่เจอมา รู้สึก มีเมตตา และคุณธรรมสูงๆ ก็หลายท่าน คือ ถ้าเป็นแม่ชีจริงๆ นี่อยู่ใกล้ๆ แล้วสัมผัสได้เลย

    จะว่าไปก็มีทั้งพระทั้งชีนั่นแหละที่ปลอมมาบวช แต่ของแบบนี้ สังเกต และสัมผัสได้ไม่ยาก ขอ้ดีของแม่ชี ก็คือ ไม่มีลาภ ยศ ไม่ค่อยมีอะไรมากวนใจเท่าพระ

    ดังนั้น ถ้าผู้ที่แสวงธรรมจริงๆ จึงถึงธรรมได้ไม่ยาก แล้วไม่มีศาสนากิจเยอะเท่าพระด้วย พระหลายท่านแรก ๆตั้งใจบวชแต่เจอศาสนากิจ เจอลาภ ยศ อะไรเข้าไป ก็รวนเรได้เหมือนกัน ยิ่งเป็นพระไทย คนชอบทำทาน ทำบุญกันมหาศาล จากการเริ่มจะเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ สุดท้ายก็กลายเป็นเจ้าหน้าที่ประจำวัดไป

    ผมเองยังคิดเลยว่า ถ้าเป็นไปได้ ไม่แน่จริง ไม่พร้อม ก็จะไม่อยากบวช แต่จะโกนหัวห่มขาว ปฎิบติธรรม ในอดีตก็เคยไปทำและตั้งใจแบบนั้น (ถึงจะแค่ไม่กี่วัน ) แต่ก็รู้สึกภูมิใจอยู่ลึกๆ นะครับ ถึงจะไม่มีคนไหว้เรา ถึงภายนอกเราจะดูว่า เป็นฆราวาสธรรมดา ที่มาถือศีล แต่ในใจก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ไม่อยากบอกหรอกว่า บางทีห่มขาวนี่ บางคนก็มั่นคงและเอาจริง กว่าสีอื่นบางกลุ่มซะอีก

    ตอนเป็นคนปกตินี่ ใครให้อะไรไม่อยากได้เลย ลำบากแค่ไหน ก็ไม่ยินดีรับของๆ คนอื่น เหมือนตอนตกงาน มีแต่คนจะโอนเงินให้
    แต่ถ้าไปห่มขาวมะไหร่ ใครให้อะไรก็ยินดีรับไปหมด เพราะ ไม่ได้หวังจะได้
    แต่หวังจะให้เขาได้บุญ กินข้าวยังพยายามเอาอย่างละนิด อยากให้เจ้าของอาหารเขาได้อนิสงค์ ไม่เสียของไปเปล่าๆ อย่างน้อย ๆ ก็มาแปรเป็นเลือดเรา แล้วเป็นส่วนหนึ่งในการทำกุศลครั้งนั้นๆ

    ถ้ามองในแง่ดี แม่ชีเมืองไทยมีสถานแบบนี้ก็ดีไปอย่างนะครับ เพราะในคนหมู่มาก แน่นอนว่า ตามธรรมดาหญิงที่มั่นคงในธรรมนั้น ก็หาได้ยาก ลองคิดดูถึงภาพว่า ถ้ามีสถานะเทียบเท่าพระ การจัดการคงลำบากน่าดู อาจมีผลเสียมากกว่าผลดี ซึ่งในพระไตรปิฎกยังมีกล่าวถึงตอนก่อนจะมีภิกษุณี ว่ามีความยุ่งยากอย่างไร และตอ้งเข้มงวดกว่าพระอีกหลายเท่า ฯลฯ

    แต่ในทางพฤตินัย แล้ว คนไทยก็เคารพแม่ชีไม่ต่างจากพระหรอกครับ
    เพียงแต่ ต้องมีความดีโดดเด่น และกระแสเมตตาจิตแผ่ออกมาจนอยู่ใกล้ๆ แล้วรับได้

    ผมเคยอยู่ไปทีสังฆทาน แม่ชีหลายท่าน อยู่ใกล้ ๆ แล้วแทบจะลงไปกราบ แบบไม่ต้องบอกอะไรเลย สัมผัสได้เลยว่า ท่านเมตตาสูงมาก มีจริยวัตรงดงาม
    ซึ่งถ้าพูดตรงๆ พระ เณร หลายท่าน ยังสู้ไม่ได้เลย

    ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ
    ความจริงแล้วเหมือนผมไม่มีใคร มาหาที่ระบายเลยนะเนี่ย
    ก็แกล้งๆ มองเป็นการสนทนาธรรมนะครับ

    กราบขอบพระคุณในความเมตตาด้วยครับ กำลังรอคำตอบ อย่างระทึก ..

    แม่ชีครับ แผ่นซีดีของแม่ชี เอาไปให้ที่ศูนย์ซีดี เพื่อพิจารณาเผยแพร่ได้ไหมครับ เผื่อเขาจะสนใจ ทำเป็นฐานข้อมูล และไรท์แจก จะได้ เป็นประโยชน์ต่อวงกว้างนะครับ

    สว่นไฟล์เสียงผมลงไว้ที่นี่ครับ
    หน้ารวม
    http://www.palungjit.org/buddhism/audio/forumdisplay.php?f=2

    อันนี้ หน้าโดยตรง
    http://www.palungjit.org/buddhism/audio/showthread.php?t=530

    คุณหงสนาถ ครับ ลอ้เล่น (แต่แอบคิดจิงๆ อิๆๆ )
    เก็บไว้ให้คนอื่นก่อนก้ได้ครับ ผมแค่แซวเล่นอะ ตั้งไกล เกรงใจนะเนี่ย
    มีไฟล์เสียงอะไรอยากให้ลง ก็ส่งมาได้นะครับ ไม่ต้อง ems หรอก เสียดายค่าส่งหง่ะ แล้วใส่ซองกันกระแทกอย่างเดียว ที่บ้านก้ไม่รู้หรอกครับ ถ้าไม่เขียนหน้าซองว่าซีดีธรรม หรือเขียนว่าอะไร เพระปกติ มะก่อนมีคนส่งเพลงให้หลายคนครับ

    จริงๆ ผมต้องขอบพระคุณมากกว่านะครับ ที่ให้โอกาส ได้สร้างบารมี
    ขอบพระคุณสำหรับความเมตตาของแม่ชีอีกครั้งนะครับ

    อ้อ นิดนึงนะครับ เสียงดนตรีระหว่าง บทนะครับ ผมว่า ยาวไปนิดนึง
    ถ้ายาวๆ น่าจะเป็นเพลงที่มีเนื้อร้องเลยนะครับ ดนตรีบรรเลงยาวๆ นี่
    ถ้าให้คนสมัยนี้ฟัง มันจะรอไม่ไหว ฝากให้พิจารณานะครับ
    ผมอยากเห็นสื่อธรรมดีๆ ถึงคนทุกกลุ่ม

    จริงๆ สื่อธรรมะ นี่ถ้าเอาดนตรีร่วมสมัย หรือ เพลงบรรเลงสมัยใหม่ไปใส่บ้าง
    ก็คงดีนะครับ ตรงเพลงนี่ก็สำคัญสำหรับคนกิเลสหนา ราคะจริต มั้งครับ
    สำหรับคนสนใจธรรมอยู่เป็นทุนเดิม ใส่อะไรก้ฟัง ไม่ใส่อะไรก็ฟัง

    ขอแสดงความคิดเห็นเพื่อประโยชน์อันยาวไกลนะครับผม
     
  14. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม คุณโจโฉ...ดูแววของคุณโยมแล้วท่าจะรุ่งจริงๆ สาธุ!กับความตั้งใจจริงและเข้าใจอะไรได้เร็ว เด็กหนุ่มสมัยใหม่ถ้าได้อย่างนี้สักครึ่งและมีกันมากๆกว่านี้ ประเทศจะพัฒนาและมีบุคลากรที่มีคุณภาพ ศักยภาพเท่าเทียมกับอารยประเทศไม่น้อย เป็นคนรุ่นใหม่ที่ทันสมัยแต่ใฝ่ธรรมและมีคุณธรรม น่านับถือจริงๆ ผู้ใหญ่บางคนอายเลย...เอ้า...ช่วยกันคนละไม้คนละมือนะ ส่วนเรื่องเพลงที่บรรเลงในซีดีนั้น แม่ชีมีทำไว้อยู่เรื่องหนึ่งคือ" เรื่องของพ่อ" มีเพลงร้องของแกรมมี่ใส่ไว้ เคยติดต่อขอกับแกรมมี่ไว้เหมือนกัน เขาให้ส่งไปให้ฟัง แต่กลัวดังเกินไปจึงไม่ได้ส่ง เดี๋ยวหลายฝ่ายจะตำหนิแม่ชีว่าจัดรายการวิทยุหรือไง?มีเสียงเพลงแบบโลกๆมากไป บางคนก็ว่าเอาธรรมะมาใส่เพลงและดนตรีได้ยังไง? หาว่าลบหลู่...เป็นงั้นไป ได้ไอเดียจากคุณโจโฉ จะรับไว้พิจารณา บางทีอาจจะบ้าดีเดือดเหมือนกันก็ได้นะ...รูปแบบการสอนมันก็ต่างกันออกไปแต่ว่าจุดมุ่งหมายและองค์ธรรมไม่เปลี่ยนแปลง เอ้า...เชียร์ๆๆๆ พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักส้องเสพซึ่งปัจจัยสี่ให้เป็น ปิยวาจาน่าฟัง และสิ่งที่สำคัญต้อง "อย่ากลัวเขา" ดังที่พระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงสอนพระเทพฯเอาไว้ น่าฟังและเป็นข้อคิดที่ดีเยี่ยมยอดมากทีเดียว...ระหว่างเดือนกันยายน แม่ชีมีสอนและอบรมนักเรียนมาก แทบไม่มีวันหยุดแต่จะแวะเข้ามาดูคำถามบ่อยๆ สาธุจ้า...
     
  15. maliwal

    maliwal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +192
    "ทำไมพระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า เราไม่มีครูสอนให้ตรัสรู้?"

    ก็อย่างที่ท่านแม่ชีได้ฟันธงไว้เมื่อคราวที่แล้ว ดิฉันขี้กลัวและไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองจริงๆ ด้วยค่ะ
    ตะกรุดก็อยากได้ อายในระดับสติปัญญาของตัวเองก็อาย แต่ว่าความโลภอยากได้ มันบังซะ หน้ามืดตามัวไปหมดแล้ว....

    เริ่มเลยแล้วกัน.

    หลังจากที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตสุข เป็นเวลา 49 วัน ภายหลังจากตรัสรู้ ก็ทรงมีดำริที่จะเสด็จไปเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ ในขณะที่ท่านเดินทางมุ่งสู่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระพุทธองค์ได้เดินผ่านอาชีวกคนหนึ่งชื่อ อุปกะ เขาเห็นผิวพรรณของนักพรตผู้ที่เพิ่งเดินผ่านไปผ่องใสนัก อาการเยื้องย่างของท่านก็ดูสงบและสง่างามผิดจากนักพรตส่วนมากที่เขาเห็นมา ด้วยความอยากรู้จึงเดินกลับไปถามนักบวชหนุ่มผู้นั้นว่า
    “ ท่านนักพรต ฉวีวรรณของท่านหมดจด ขาวผ่อง อินทรีย์ของท่านผ่องใสยิ่งนัก ท่านบวชในสำนักของใคร ใครเป็นครูบาอาจารย์ของท่าน ? หรือว่าท่านนิยมคำสอนของใคร”
    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบอาชีวกผู้นั้น ตามที่เป็นจริงว่า
    “ เราคือสยัมภู เป็นผู้ครอบงำได้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นใหญ่ในตนเองเต็มที่ เราเป็นผู้รู้จบหมด ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในสิ่งทั้งหลาย ละได้แล้วซึ่งสิ่งทั้งปวง หลุดพ้นแล้วเพราะสิ้นตัณหา เราหักกงกรรมแห่งสังสารจักรอันเป็นเหตุให้เวียนว่ายตายเกิดด้วยตนเองแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ จะพึงอ้างใครเล่าว่าเป็นศาสดา อาจารย์ของเราไม่มี ผู้ที่เป็นเหมือนเราไม่มี ผู้จะเปรียบกับเราก็ไม่มี เราเป็นอรหันต์ในโลก เราเป็นครูไม่มีใครยิ่งกว่า เราผู้เดียวเป็นสัมมาสัมพุทธะ เป็นผู้ดับแล้วเย็นสนิท จะไปสู่เมืองแห่งชาวกาสีเพื่อแผ่พระธรรมจักร จะไปตีกลองแห่งอมตธรรมให้กึกก้องขึ้น”

    อุปกะชีวกฟังพระพุทธเจ้าตรัสด้วยสายตาที่มิได้แสดงความยกย่องแต่อย่างใดและกล่าวว่า
    “อาวุโส ท่านเป็นผู้ชนะอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและใหญ่โตปานนั้นเชียวหรือ”
    พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า
    “เราพูดตามความเป็นจริง”
    “คงเป็นไปได้นะ อาวุโส คนที่รู้อะไร ๆ ได้เองโดยไม่มีครูอาจารย์ ท่านวิเศษเกินไปเสียแล้ว”
    อุปกะชีวกพูดอย่างเย้ยหยัน แลบลิ้น ส่ายศรีษะ แล้วก็เดินหลีกไปด้วยความคิดว่า ท่านช่างโอ้อวดตัวเองสิ้นดี.

    “ปัญญา” ตามที่เคยๆ อ่านมาเห็นว่า มีแบ่งไว้อยู่ 3 ระดับ คือ
    1. สุตมยปัญญา เป็นปัญญาที่ได้จากการฟัง แล้วจำมา
    2. จินตมยปัญญา เป็นปัญญาที่ได้จากการ เอาสิ่งที่จำๆ มาผ่านกระบวนการคิด พิจารณา เปรียบเทียบ
    3. ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญาที่รู้ขึ้นมาเอง ตรงๆเลย โดยไม่ต้องมีใครมาบอกมาสอน หรือจากการขบคิดพิจารณาด้วยเหตุผล

    ถ้าหากเป็นผู้มีปัญญาในระดับโลกๆ ย่างท่านอุปกะชีวก เมื่อได้ยินใครมาบอกว่า รู้เองเห็นเองโดยไม่มีใครเป็นครูผู้สอน ก็ต้องคิดว่า มันไม่มีทางเป็นไปได้ และคิดว่าผู้ที่พูดเช่นนั้นช่างเป็นผู้ขี้โม้โอ้อวดแท้ๆ

    แต่ทว่า.. ปัญญาในระดับที่รู้เองเห็นเองได้โดยไม่ต้องมีใครบอกใครสอนนั้นมันมีจริง และบุคคลถ้าได้รับการฝึกฝนที่ถูกต้องก็สามารถมีได้
    ความรู้ใน รหัสกลไก ความจริง ต่างๆ ของธรรมชาติ ความรู้เหล่านี้มันฝังอยู่แล้วในตัวทุกๆ ท่าน แต่อวิชชามันบดบังจนมองไม่เห็น พระพุทธองค์เป็นผู้สามารถทำลายม่านอวิชชาที่บดบังอยู่นี้ จนเข้าถึงความรู้แจ้งแทงตลอด ความเป็นมาเป็นไปของสังสารวัฏ ทั่วทั้งจักรวาล รู้ขึ้นมาเองจากในกายโดยไม่มีใครเป็นผู้สอน

    ความรู้ที่พระองค์ตรัสรู้นั้น พระองค์เปรียบว่า เสมือนใบไม้ในป่าใหญ่ และใบไม้ในกำมือที่พระองค์มอบให้นั้น เปรียบเสมือนข้อมูล หรือความรู้ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญ นั่นก็คือวิถีทางแห่งการรู้แจ้งหรือตรัสรู้ ที่ต้องรู้เสียก่อน แล้วความรู้เองเห็นเองตามธรรมชาติก็จะมีขึ้นมาเอง

    ซึ่งถ้าเราอยากรู้อยากเห็นเหมือนพระองค์มั่ง มันก็ต้อง ฝึกฝน ๆ ๆ เอาเอง จากความรู้ หรือวิธีการตามที่พระองค์ได้มอบให้

    “ตถาคตเป็นเพียงผู้บอกทาง... เธอทั้งหลาย ต้องเดินเอง”

    เขียนมาซะยืดยาว ถึงไม่ถูกใจ แต่อย่างน้อยก็ต้องเห็นใจดิฉันมั่งหละนะคะ
    เพราะฉะนั้นโปรดเมตตา มอบตะกรุดให้หนูด้วยเถิดค่ะ
    และก็กรุณามอบพรแถมเป็นพิเศษมาในตะกรุด ให้หนูด้วยนะคะ
    ขอให้หนูเป็นผู้แกล้วกล้าในการคิดและตัดสินใจ เพราะหนูรำคาญมากๆ กับข้อเสียของหนูข้อนี้.

    กรุณาส่ง
    ภาพร เจนรังสรรค์
    80 หมู่1 ถ.ราษฎร์บำรุง ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น 40130
     
  16. SaNdolLaR

    SaNdolLaR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +415
    หนูอยากตอบบ้างน่ะอาจารย์ พอดีเพิ่งได้เปิดคอม ม
    "ทำไมพระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า เราไม่มีครูสอนให้ตรัสรู้?"
    ความคิดจากสมองและความรู้อันน้อยนิดของหนูน่ะคะ หากเปรียบคำว่าตรัสรู้เป็นแล้ว หนูยกให้ เป็นกองไฟ ที่จุดติดแล้ว แต่ครูทุกคนทำได้แค่จุดประกายไฟ เปรียบเสมือนไม้ขีด หรือเชื้อไฟ ประกายไฟจะดีแค่ไหน หนักแน่นแค่ไหน ไวไฟแค่ไหน หากตัวเชื้อมันเปียกน้ำหรือมีไม่มากพอ มันคงลุกติดเป็นไฟขึ้นมาไม่ได้ มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวแล้วว่า จะรับประกายไฟที่จุดประจุนั้นได้แค่ไหน และมีมากพอแค่ไหน ถ้าหากเชื้อไฟมันจุดไม่ติด ต่อให้เอาไม้ขีดขีดกันหมดกล่องมันก็ไม่เกิดกองไฟ ไม่ต่างไปจากครูอาจารย์ที่ตรัสรู้แล้วสอนคนที่รับไม่ได้สอนแค่ไหนป้อนแค่ไหน มันคงไม่ต่างจากไฟที่ก่อไม่ติด กองฟืนกองนั้นคงต้องปรับปรุงเป็นกองฟืนที่แห้งและพร้อมที่จะติดไฟ ประสบการณืก็เป็นแค่ครูของเรา หากเราไม่นำมา คิด พิจรณา ไตร่ตรอง อย่างแยบยลและแยบคายประสบการณ์นั้นก็เป็นแค่ประสบการณืที่ผ่านมาและผ่านไปตามกาลเวลา ไม่มีใครมาคิดแทนเราได้ หรือคิดแล้วเอาความคิดความรู้ชอบ ความเห็นชอบ ที่ท่านคิดได้หรือคิดถูกแล้ว มายัดใส่สมองที่รอยหยักมีน้อยแขนงไม่แตกของเราได้แน่ ตัวเราเองเท่านั้นที่ต้องสอนให้ตัวเราเองตรัสรู้ได้ บางทีประกายไฟแค่น้อยนิดอาจลุกโพลนเป็นกองไฟที่ใหญ่ และแบ่งเชื้อไฟไปสู่กอง อื่นๆอีกก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าครูไม่มีความหมายน่ะ ถ้าไม่มีครูก็เหมือนไม่มีผู้จุดประกายไฟมันก็ไม่ติดน่ะ แต่กองฟืนเท่านั้นที่จะทำให้ไฟลูกขึ้นมาได้อาจารย์ว่าความคิดของหนูมันขวางโลกอีกหรือเปล่าค่ะ comment ด้วย หนูจะรอน่ะค่ะ
    [​IMG]
    ไปแระไปติดกาวตะกรุดต่อ เมื่อคืนติดได้หลายแร้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2006
  17. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]
    อย่าท้อนะ
     
  18. jethrotull

    jethrotull เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +180
    na mas ka, her white-robe ascetic ณัฐทิพย์ ตนุพันธ์,

    good morning and how are you?
    hoping that things are going well for you and your disciples on your preaching and teaching. here are those free-verse poems i wrote for you days ago. they were meant to be sent earlier but i was too chicken to be dare enough to post them out for all to view. to be honest, i know fully well that i am a terrible writer and my works are not worth to be published anywhere. please forgive me if i ever to intrude or be inappropriate of any sort. thank you for being a good spirit and understanding.

    with respect,
    jethro tulll

    ---------------------------------------------------------------

    the vision of her white-robe tanupun


    I harmoniously showering with the mist
    only peaceful silence gives me a gently kiss
    with the first drop out of my joyfully cry
    (O Me Mine....'Sis.) angels' yours slip out from clouds
    with all their loves going up and down my spines
    only the mystic You (Sis.) makes my spirit shines

    Moving down stream along willow vines
    dream for a glimpse of smile from a sunshine
    flora-nectar 'round on morning fresh dew
    with You, my dream never run dry

    On the sundial my time's running thin
    While you're in, my mind feel you're here
    O Sis. dear, please don't leave me drown
    Only the wonderful You being so profound

    ---------------==============...................................

    with you along the edge


    There was the blues up beyond the horizon
    Signed for shinny strings to paint up the sky
    Beasts and butterflies rushed out through the pines looking among commons
    The blues they loved were not the blues of mine

    Dreaming of one love I felt to wait
    Those hours seemed to getting late
    With my straighten fate nothing was too late
    I filled up the empty space on my page

    Journeyed back to older path than this one
    Escaped the place from the world of none
    Unlike father unlike son
    Glided down the slope with You, my day was blessed and done

    by jethro tulll
     
  19. โจโฉ คร้าบบบ

    โจโฉ คร้าบบบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +1,550
    นมัสการครับ
    ขออนุญาติหน่อยนะครับ เห็นมีคนถามถึง เรื่องที่ผมจะทำ
    จริงๆ มีอยู่ตอนนี้ 3 อันด่วนๆ เลยคือ
    1. หา สนพ. เพื่อพิมหนังสือ เดี่ยวเขียนแหลก (พร้อมหานักเขียนมาเกลาสำนวน) เพราะหนังสือเล่มนี้น่าจะ เป็นที่สนใจ และเหมือนเปิดตัวผมให้เยาวชนได้เห็นเป็นตัวอย่างด้วย เรื่องข้างในเคยเล่าให้หลายที่ เขาก็สนใจเชิญไปคุยให้นักเรียนฟัง แต่ยังไม่พร้อม ผมเชื่อว่า ถ้าหนังสือออกไป จะมีอีกหลายหน่วยงาน สนใจในความเป็นตัวตนของผมอย่างแรง จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมในระดับหนึ่ง หรืออาจจะมากเลยก็ได้ เพราะถ้าหนังสือดัง ผมก็ต้องดังตามไปอีก แล้วทีนี้ เรื่องการเผยแพร่ธรรมะ เรือ่งการโหลดไฟล์ได้ง่ายๆ และหลายๆ เรื่อง ก็จะถูกเผยแพร่ไปด้วย รวมถึง ผมก็จะทำโครงการอื่นๆ สำเร็จต่อมาได้ไม่ยาก เพราะเป็นที่น่าเชื่อถือของสังคม ดังแล้ว ขอสปอนต์เซอร์ที่ไหนก็ง่ายจะตาย หุๆๆ จิงมะ (ตอนนี้ดังแต่เพลงหง่ะ .. นักร้องไม่ดัง )

    2. เรื่องเสียงธรรม รายการเสียงคุณธรรมบนรถเมล์ แต่อันนี้ คงวางใจได้ระดับหนึ่ง เพราะมีคนเดินงานให้ แต่อยากจะหาผุ้สนับสนุนเพิ่ม เพราะการเสนอ ผ่าน สสส. ถ้ามีผ้สนับสนุนของเราไปด้วย ก็จะทำให้ผ่านง่ายขึ้น งานนี้เพื่อชาติเลย ใครรุ้จักผู้บริหาร หรือ สินค้าตัวไหน องค์กรใด ก็ ติดต่อให้ก็ดีนะครับ เร่งด่วน เพราะต้องเสนอโครงการในสิ้นเดือนนี้แล้ว อยากให้โครงการนี้ผ่านมาก ๆ เพราะจะมีผลไปถึง คนหลายคน และมีผลไปถึงโครงการที่ผมคิดตามมาด้วย เช่นประกวด แต่งเพลงธรรม ประกวดอ่านหนังสือธรรม ไปเปิดบนรถเมล์ วัยรุ่นไม่สนธรรม เราก็ต้องหากุศโลบายใช่ปะคับ

    พอไปแต่งไปร้องเพลงธรรม ไปอ่านอัดเสียง ธรรมะ จะซึมเข้าผิวหนังเอง โดยไม่ทันรุ้ตัวอะคับ แถมยังลากคนใกล้ชิด พ่อแม่ มาแอบฟังเสียงลูกตัวเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งอันนี้ก้เชื่อมโยงไปถึงโครงการที่ 3 คือ

    รายการทีวีบนเน๊ต
    (เน้นบนเน๊ต จะเวริ์คสุด สำหรับรายการและกลุ่มเป้าหมายแบบนี้ )
    (อันนี้โพสอีกกระทู้ เลยยกมาแปะเลยนะคับ ง่ายดี )

    ว่าแต่ว่าใครรู้จักนักธุรกิจ ที่พอจะมีเศษเงิน สนับสนุน รายการทีวีบนเน๊ต ที่ผมจะทำบ้างหง่ะ คงใช้เดือนนึงไม่เท่าไหร่ หรือแล้วแต่จิตศรัทธาเลยหล่ะ
    อยากทำรายการเพลง คล้ายดันดารา ส่งเสริมเยาวชนเล่นดนตรี โชว์ความสามารถ วัยรุ่นต้องการเป็นจุดเด่น ถ้าเรามีช่องทางให้เขาเด่นในทางที่ถูก มันก็จะลดปัญหาสังคมไปได้เยอะ

    รูปแบบรายการ จะเน้นแฝงคุณธรรม การหากิจกรรมที่ได้ทั้งบันเทิง ได้ทั้งทำกุศล และแอบหากุศโลบายในการให้ธรรมะทางอ้อมกับเยาวชนกลุ่มนี้

    จะมีการประกวดแต่งเพลงธรรมะ หรือแนวคุณธรรม เพื่อนำมาออกรายการ
    ประกวดอัดเสียงอ่านหนังสือธรรมะ ประกอบเพลง ฯลฯ

    คิดว่ารายการจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก เพราะวัยรุ่นส่วนใหญ่ เล่นเน๊ตเป็นปกติ แถมมีให้โหลดดูย้อนหลังได้ ยิ่งได้ใจเลย เพราะ ถ้าใครได้มาออก ก็ต้องโปรโมทตัวเองสุดฤทธิ์ ก็จะลากเพื่อนฝูงพี่น้องมาดูกัน และเชื่อว่า จะเป็นที่ชุมนุนของวัยรุ่นอีกกลุ่มใหญ่เลยทีเดียว อาจเลยไปถึง การจัดประกวด ตัดสินกันสดๆ ระหว่าง โรงเรียน

    จริงๆ เรื่องมันยาวนะ โครงการแบบนี้ ถ้าเสนอ หน่วยงานรัฐ เช่น สสส น่าจะผ่านไม่ยาก แต่นิสัยผมเป็นคนไม่ชอบติดต่ออะไรยุ่งยากอะ ยกเว้นจะมีคนเดินเรื่องให้ ใครถนัดด้านติดต่อองค์กรต่างๆ ก็ทำแทนได้นะ ผมจะรับหน้าที่ผลิต และดูแลการผลิต และเป็นพิธีกรให้ หุๆๆ

    ถามว่า ทำไมกล้าโพสไอเดีย กลางแจ้ง
    ก็ ในเมื่อมันมีประโยชน์ เกิดใครจะลอกไปทำ ก็เอาเถอะ มันเป็นประโยชน์หมด
    แล้วของแบบนี้ คนจะทำได้ มันต้องมีต้นทุนทางสังคมบ้าง

    ถ้าผมทำ ผมก็ได้เปรียบตรง อยู่วงการเพลง รู้อะไรดี รู้จักศิปินค่ายเพลง
    และหน่วยงาน ต่างๆ ดี และยิ่งในเน๊ต ก็น่าจะเป็นที่รู้จักระดับกว้างพอควร (มั้ง)
    รวมถึง ไอเดียปลีกย่อย ที่จะทำในรายการ ซึ่ง ของแบบนี้ คงเป็นเรื่องเฉพาะตัวอะ ....

    คือ ขอมาแอบกระซิบกระทู้นี้ก่อนนะ กำลังลังเลว่า จะไปเปิดกระทู้ ขอผุ้สนับสนุนดีหรือไม่ เพราะอยากทำมาก เห็นประโยชน์หลายอย่าง ถ้าทำสำเร็จ แต่พูดจริงๆ นะ เก่งเรื่องคิด เรื่องผลิตอะ แต่ไม่เก่งเรือ่งติดต่อ หรือดำเนินการ ในรูปแบบเป้นทางการเลย ใครว่าง มาช่วยประสานงานหน่อยจิ ผมไม่ถนัดจิงๆ

    สรุปแล้ว 3 โครงการนี้ ผมว่า ช่วยสังคมได้เยอะอะ
    แต่ไม่รุ้จะมีบุญ มีคนสนับสนุนแค่ไหน

    ผมไม่ถนัดในเรื่องหาทุนเลย เด่นในเรือ่งความคิด กับการผลิตแค่นั้น
    รบกวน ผุ้ถนัดแต่ละด้าน มาร่วมแรง ร่วมใจ กันหน่อยก้ดีนะครับ

    รายการ ทีวีบนเน๊ต ขั้นต่ำ น่าจะซักแค่ ประมาณ 3000 ต่อเดือน
    (น้อยกว่านี้ก็ได้ ขอให้มีเถอะ หุๆๆ แต่ถ้าไม่มีเลย คงทำไม่ได้
    เพราะมันต้องมีค่าใช้จ่าย โทสับ ติดต่อ เดินทาง ฯลฯ
    เนื่องจาก พิธีกร และผุ้ผลิตรายการ ไม่รวย และเป็นคนมีฐานะ (ยากจน 555 )
    แต่ถ้าได้มากกว่านั้นก็ดี เพราะจะทำอะไรได้มาก เช่นไปถ่ายนอกสถานที่ได้
    เพราะมีหลายที่ ที่เป็นแหล่งรวมของ การโชว์ของเด็กวัยรุ่น ซึ่งน่านำเสนอ
    (อ้อ จำนวนที่บอกนี่ เดาเอานะ เพราะยังไม่ได้คุยกับทางสถานี ว่าเขาจะยอมหรือเปล่า ที่จะให้ไปจัดรายการโดยที่เขาต้องไม่คิดค่าเช่า และเงิน ขั้นต่ำ ก็คือ เงินประทังชีวิต ของคนทำงาน แต่ถ้าสปอนต์เซอร์เยอะ ค่อยว่ากัน ว่า จะทำเหมือนธุรกิจทั่วไป คือ แบ่งกับทางสถานีอย่างไร แต่เบื้องต้น คิดว่า แค่ขั้นต่ำ ก็คงเลือดตาแทบกระเด็น หายากอยุ่หล่ะ หุๆๆ )

    งานแบบนี้ ผมรู้นะว่า เสี่ยง ต่อการอดตาย เป็นอย่างยิ่ง ถ้าเทียบกับไปทำงานประจำ ในสิ่งที่ตัวเองถนัด

    แต่ว่า ใจมันรักอะ งานเพื่อสังคม ทำแล้วสนุก ได้กุศล
    แถมถ้าทำรายการ มันก็ยังอยุ่ในแวดวงที่ผมถนัด
    มันน่าจะเจริญทั้งทางโลกทางธรรม และค้ำจุนสังคมไปพร้อมกัน

    สาธุ .. นี่ยังไม่เห็นแววเลยนะว่า มันจะมีทางสำเร็จซักอันอะป่าว

    8-9 โครงการ อันเก่า ก็ยังไม่ไปถึงไหนเลย. เฮ่อ..

    กราบขออภัย คุณแม่ชีนะครับ ที่มาโพสเรื่องนอกประเด็น
    เพียงแต่เข้าใจว่า คนเข้ากระทู้นี้ คงรุ้ด้วยสัมผัสหลายๆ อย่างดีว่า
    ผมเป็นคนอย่างไร และอยากทำอะไร คงไม่มีใครคิดกับผมในแง่อกุศล
    และเห็นมีบางท่าน สนใจ ไถ่ถาม ก็เลย โพสตอบซะยืดยาว เลย

    เผื่อจะฟลุ้ค มีเจ้าของยาธาตุ ผ่านมาเห็น แล้วสนใจ โอนเศษเงิน ให้มาทำรายการ บ้าง อิๆๆ

    กราบเรียนแม่ชีอีกนิดครับ

    พอดีเมือ่เย็นมีคนดูจิต เก่งคนหนึ่ง เขาดูดวงให้ผม บอกว่า
    เห็นจิตผมชัดว่า เป็นศิลปินเต็มตัว เอาดีทางนี้จะรุ่ง พร้อมแนะนำหลายอย่าง
    แต่เขาบอก เขาไม่เห็นแวว ว่าจะมาเอาดีทางด้านธรรม คือ เหมือนเขามองเห็นจิต แล้วเห็นแต่แวว ของศิลปินเข้มข้น เขาบอกว่า คุณถนัดด้าน นี้ ชำนาญ
    ก็น่าจะไปทางที่ถนัดให้สุดๆ ก่อน ประมาณนี้นะครับ

    เขาแนะให้พยายาม อย่าเก็บตัว ให้ออกพบสังคม และจะเป็นที่จดจำของคนได้ในไม่ช้า ยืนยันมาอีกคนว่า ถ้าพยายาม รุ่งแน่ ในด้านบันเทิง..
    (แต่ผมก็เหมือน เริ่มเฉยๆ กับวงการเพลงแล้วนะคับ ถ้าในฐานะ พิธีกร หรือ ดีเจ ก็ยังไม่แน่ เพราะท้าทาย น่าสนุกกว่าที่คิด )

    พี่เขาแนะนำว่า ชื่อ โจโฉ ไม่เป็นมงคล ไม่ดี ให้เปลี่ยน
    ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ ให้หาคำ เติมหน้าหรือต่อท้าย คุณแม่ชี เห็นด้วยหรือไม่ครับ

    แถมให้ผม เปิดผม ให้เห็นหน้าผาก บอกโหงวเฮ้ง ไม่ดี
    (ตอนนี้ทำหน้าม้า อยากเป็นนักร้องเกาหลีอะคับ.. อิๆ )
    แหม เดินผ่าน เซเว่น เห็นโปสเตอร์ ดงบังชินกิ
    ก็เห็นไว้หน้าม้าทุกคน ทำไม เขารวยเอ้า รวยเอา ดังเอ้า ดังเอา

    อยากเรียนถามคุณแม่ชีว่า
    ผมควรเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนทรงผม หรือไม่อย่างไรครับ
    แล้วผมควร ทำงานด้านบันเทิงต่อไปใช่หรือไม่ครับ

    แล้ว ซีดีคุณแม่ชี ให้ไว้ทีศูนย์ซีดีแล้ว ให้เขาปั้มแจกเผยแพร่ ได้หรือไม่ครับ

    ต้องกราบขออภัยทีมารบกวน มากกว่าท่านอื่นๆ นะครับ
    แต่ผมเชื่อว่า ผมจะทำประโยชน์ให้คนในวงกว้างได้อีกเยอะ
    ถ้าได้รับคำแนะนำที่ตรงทาง และไม่คลำหาทางนานเกินไปนะครับ

    จึงได้กล้าถาม กล้ามารบกวนบ่อย ๆ
    และก็เชื่อว่า คุณแม่ชี ต้องเมตตา และอยากช่วยผมเต็มที่

    กราบขอบพระคุณ และอนุโมทนาในความเมตตาด้วยนะครับ
     
  20. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    ลงรูปตะกรุดให้ดูค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05944.JPG
      DSC05944.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      60

แชร์หน้านี้

Loading...