ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เกิดแผ่นดินไหว 6 ริกเตอร์ที่ตุรกี พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 57 คน

​

แผ่นดินไหวตุรกี 6.0 ริกเตอร์ อาคารบ้านเรือนพังเสียหายหลายแห่ง เสียชีวิตแล้วอย่างน้อยกว่าครึ่งร้อย เจ็บอีกเพียบ ขณะที่ครอบครัวใหญ่ 9 ราย โดนบ้านพังทับ ดับน่าสงสารยกครัว...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.0 ริกเตอร์ ถล่มพื้นที่ภาคตะวันออกของตุรกีเมื่อเวลา 04.32 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันจันทร์ที่ 8 มี.ค.หรือ ตรงกับเวลา 09.32 น. ของวันเดียวกัน ตามวันและเวลาในไทย และยังเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่อง หรืออาฟเตอร์ช็อค ตามมามากกว่า 30 ครั้ง รวมทั้งครั้งรุนแรงที่สุดวัดได้ 5.5 ริกเตอร์ ทำให้บ้านเรือนราษฎร และหอสูงบน มัสยิด พังเสียหายหลายหลังอย่างน้อย 6 หมู่บ้าน ซึ่งอยู่แถบเชิงเขา และผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด ขณะนี้พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 57 คนรวมทั้งเด็กอย่างน้อย 4 คน ส่วนผู้บาดเจ็บมีไม่ต่ำกว่า 100 คนในจำนวนนี้อาการสาหัส 9 คน

ศูนย์กลางแผ่นดินไหว ซึ่งปลุกผู้คนให้ต้องตื่นจากการหลับไหลครั้งนี้ อยู่ใกล้เมืองคาราโคกัน จังหวัดเอลาซิค ห่างกรุงอังการาของตุรกี ไปทางตะวันออกราว 550 ก.ม. และ อยู่ลึกลงไปใต้ผืนดิน 5 ก.ม. ทำให้ผู้คนแตกตื่น วิ่งหนีจากบ้านเรือนมาอยู่ตามถนนเพื่อเอาชีวิตรอด โดยในกลุ่มผู้เสียชีวิต มีอย่างน้อย 18 คน อยู่ใน “โอคคูลาร์” หมู่บ้านที่ประสบภัยแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุด มีบ้านเรือนพังถล่ม 25-30 หลังคา แต่ส่วนใหญ่เป็นบ้านสร้างด้วยอิฐดิน และอยู่แถบเชิงเขา ส่วนบ้านที่สร้างจากปูนซีเมนท์หรือหิน เสียหายไม่มาก และยังมีปศุสัตว์ล้มตายจำนวนมากด้วย ด้านหมู่บ้านยูคาริ เดมีร์ซี ที่อยู่ใกล้กัน นอกจากมีบ้านเรือนพังเสียหายแล้ว ยังมีผู้เสียชีวิต 13 คนด้วย รวมทั้ง 9 คน ซึ่งเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกัน

สำหรับแรงสั่นสะเทือน ยังรับรู้ถึงจังหวัดใกล้เคียง 3 แห่ง คือ ทุนเซลี บิงกอล และดิยาร์บากีร์ ที่ซึ่งผู้คนแตกตื่นหนีออกจากบ้านมาอยู่บนถนนจนถึงเช้า มีบางคนได้รับบาดเจ็บระหว่างหนีภัยด้วยการกระโดดออกทางหน้าต่างหรือระเบียงบ้าน โรงพยาบาลท้องถิ่นแห่งหนึ่ง มีผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวมารักษาจนล้น ทำให้ต้องเร่งขนย้ายผู้บาดเจ็บไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอื่นๆ ด้วย ทางการอยู่ระหว่างสั่งเพิ่มหน่วยแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาช่วยเหลือ

ทั้งนี้ทางการตุรกียังเรียกร้องผู้ประสบภัย อย่าเพิ่งเข้าไปในบ้านเรือน เพราะมีโอกาสเสี่ยงถล่มลงมาได้ตลอดจากอาฟเตอร์ช็อค ที่อาจยังมีต่อเนื่องหลายวันนับจากวันที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้
ด้าน “สภาเสี้ยววงเดือนแดง” หน่วยงานกาชาดของตุรกี เข้าไปตั้งศูนย์ช่วยเหลือในพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวแล้ว ขณะที่หน่วยกู้ภัยกับทหาร เร่งค้นหาเหยื่อและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากบ้านเรือน ส่วนรองนายกฯเซมิล ซิเซค ของตุรกี และรัฐมนตรีอีก 3 คน ลงตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยแล้ว

ทั้งนี้ ตุรกีประสบภัยแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง เพราะตั้งอยู่่บนรอยเลื่อนเปลือกโลกหรือ “วงแหวนแห่งไฟ” หลายจุด โดยเคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 2 ครั้งในเดือนส.ค. และพ.ย.ปี 2542 ในเขตชุมชน และโรงงานอุตสาหกรรม ทางตะวันตกเฉียงเหนือของตุรกี คร่าชีวิตผู้คนรวมกันราว 20,000 คน ส่วนพื้นที่จังหวัดเอลาซิค เคยเกิดแผ่นดินไหวมาแล้วก่อนหน้านี้เมื่อปี 2550 ครั้งนั้นวัดได้ 5.7 ริกเตอร์

วันเดียวกัน เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 5.1 ริกเตอร์ที่พื้นที่เมืองไจ้ยี่ ภาคใต้ของไต้หวัน เมื่อเวลา 17.56น. หรือตรงกับเวลา 16.26น. ตามเวลาในไทย ศูนย์กลางอยู่ลึกใต้ผืนดิน 14 ก.ม. แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกิดแผ่นดินไหวถล่มเกาะทางใต้ของไต้หวันเช่นกัน แต่โชคดีไม่มีคนเสียชีวิต มีเพียงผู้บาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหายเท่านั้น

ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2553

ที่มาhttp://www.thairath.co.th/content/oversea/69479

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ในหลวง" พระราชทานวโรกาสให้ นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้า ถวายรายงานบ้านเมือง</TD><TD vAlign=baseline width=85 align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 มีนาคม 2553



</TD></TR></TBODY></TABLE>http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000032820<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> <CENTER></CENTER>

วันนี้ (8 มี.ค.) เวลา 17.57 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จ ณ ห้องประชุม ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช

พระราชทานวโรกาสให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายรายงานสถานการณ์บ้านเมือง

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

พิษณุโลก-นาข้าวขาดน้ำอย่างหนัก แม่น้ำวังทองแห้งขอด ​

​

สถานการณ์แล้งต่อเนื่อง แม่น้ำวังทองแห้ง หมู่บ้านปลายน้ำไม่มีน้ำเหลือใช้ ชาวนาเดือดร้อนหนัก วอนหน่วยงานรัฐหาทางแก้ไข

ที่วัดวังสำโรง บ้านวังสำโรง หมู่ที่ 8 ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก นายน้อย ทองเชื้อ ประธานสภา อบต.วังพิกุล ได้เรียกประชุมเกษตรกรชาวนาในพื้นที่หมู่ที่ 8 ที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในการทำนา เนื่องจากแม่น้ำวังทองช่วงที่ไหลผ่าน ต.วังพิกุล เริ่มแห้งขอด ไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้ และนาข้าวกำลังได้รับความเสียหายร่วมพันไร่ เพื่อหาทางช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โดยประธานสภา อบต.วังพิกุล เปิดเผยว่า ตำบลวังพิกุลเป็นที่ราบลุ่มได้รับอิทธิจากแม่น้ำวังทองเป็นหลัก ในฤดูฝนน้ำก็ไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร ขณะที่ฤดูแล้ง แม่น้ำวังทองมักจะแห้งขอดเป็นประจำ ส่วนในเดือนมีนาคมนี้แม่น้ำวังทองช่วงไหลผ่าน ต.วังพิกุล แห้งขอดอย่างมาก ขณะนี้มีเกษตรกรเริ่มได้รับผลกระทบจากนาข้าวที่กำลังตั้งท้องขาดน้ำ โดยเฉพาะหมู่ที่ 8 บ้านวังสำโรง นาข้าวเสียหายแล้ว 1,000 กว่าไร่ เพราะไม่มีแหล่งน้ำมาหล่อเลี้ยง

ซึ่งสาเหตุหลัก คือการใช้น้ำของชาวนาในพื้นที่ต้นน้ำในเขต อ.วังทอง มีสถานีสูบน้ำด้วยพลังไฟฟ้าถึง 7 สถานี และทุกแห่ง ได้นำกระสอบทรายมากักเก็บน้ำในแม่น้ำวังทอง เพื่อสูบน้ำไปช่วยชาวนาในพื้นที่ ทำให้น้ำในแม่น้ำวังทองไม่เหลือมาถึง ต.วังพิกุล และ ต.แม่ระกา ที่อยู่ปลายน้ำ ที่ผ่านมาเคยไปขอร้องให้จัดการสูบน้ำแบบวันเว้นวัน เพื่อให้น้ำไหลมายังปลายทางบ้าง

โดยให้สถานีสูบน้ำพลังไฟฟ้าทั้ง 7 แห่ง งดสูบน้ำเป็นเวลา 2 วัน ให้สูบน้ำ 5 วัน แต่ช่วงนี้คงไม่สามารถขอร้องได้ เนื่องจากทางต้นน้ำก็ไม่แหล่งนาข้าวที่ปลูกกันจำนวนมาก ขณะนี้ชาวนาหลายรายจำต้องปล่อยนาข้าวยืนต้นตาย จะลงทุนขุดบ่อบาดาลก็ไม่คุ้มค่า ความหวังเดียวคือรอให้โครงการส่งน้ำของเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนใช้ประโยชน์ได้เต็มที่

นางอัมพร จันทร์ดา ชาวนาหมู่ที่ 8 ต.วังพิกุล เปิดเผยว่าปลูกข้าวจำนวน 70 ไร่ ขณะนี้ใกล้จะตั้งท้องแล้ว แต่น้ำในแม่น้ำวังทองแห้งขอด ไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้ กำลังคิดว่าจะลงทุนเจาะน้ำบาดาลดีหรือไม่ ต้องใช้ต้นทุนถึง 40,000 บาท กลัวว่าจะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน อยากวิงวอนให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ช่วยจัดสรรน้ำในแม่น้ำวังทองให้ไหลลงมายังพื้นที่ ต.วังพิกุล ด้วย

ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com/kkn/?a=news&s=detail&news_id=16839

 

ประกาศเตือนภัย
"พายุฤดูร้อน" ​

​

ฉบับที่ 5(17/2553) ลงวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2553

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงได้แผ่ประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศลาวและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในคืนนี้(8 มี.ค.53) ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าว

ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้ ซึ่งจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ในช่วงวันที่ 8-11 มีนาคม 2553

ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายที่เกิดขึ้นจากต้นไม้และป้ายโฆษณาหักโค่น หรือที่พักอาศัยได้รับความเสียหายจากพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้น สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงวันที่ 9-11 มีนาคม 2553 ไว้ด้วย

อนึ่ง พายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นในระยะนี้ จะช่วยลดปริมาณหมอกควันไฟในบริเวณภาคเหนือให้เบาบางลงได้

ที่มา http://www.tmd.go.th/list_warning.php

 

ของขวัญจากก้อนดิน



เราทุกคน ก็เหมือนก้อนดิน แค่ก้อนนึง




เปราะบาง ไร้ค่า ไร้ความหมาย อ่อนแอ เหมือนโคลน




ไหลไปตามทาง เรื่อยไป เมื่อน้ำแห้งไป ก็แตกระแหง



มีพลัง เพียงแค่แรงเดียว ที่ยึดเรา เหนี่ยวรั้ง เราไว้ ให้กล้าแข็ง



รวมผู้คน มากมาย ให้ทรงพลังแข็งแรง



รวมเม็ดดินทุกเม็ด ให้เป็น แผ่นดิน



เราก็รู้ พ่อต้องเหนื่อย สักเพียงไหน ต้องลำบากใจกาย ไม่เคยสิ้น



เพราะพ่อรู้ พ่อคือ พลังแห่งแผ่นดิน




ให้เราพออยู่พอกิน กันต่อไป



หากจะหาของขวัญ ให้พ่อ สักกล่อง



เราทั้งผอง จะพร้อมกันได้ไหม




บวกกันเป็น ดินเดียว ให้พ่อ ได้สุขใจ



ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่ เป็นมา



ช่วยกันทำความดี ให้พ่อ ได้สุขใจ



ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่ แล้วมา

 

"ถามคนไทย" ไทยฆ่าไทย ให้ชาติอื่นครอง วิญญาณปู่จะร้อง ไอ้ลูกหลาน... ​

​

เพลง ถามคนไทย

ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย สุรพล โทณะวณิก
ขับร้องโดย สันติ ลุนเผ่

คำร้อง

หัวใจถูกแทงกี่ขั้ว ตามตัวถูกฟันกี่แผล
ปู่ไทยตายไปกี่คนแน่ ไทยจึงได้แผ่มาถึงแหลมทอง

กระดูกไทยกระเด็นไปกี่ท่อน เชิงตะกอนเผาไปกี่หน
คอขาดกันไปกี่คน ไทยทุกคนจึงได้ไทยครอบครอง

เสียเลือดกันไปเท่าไหร่ เสียใจกันไปกี่ครั้ง
น้ำตาของไทยไหลหลั่ง ทุกๆครั้งที่ถูกเฉือนขวานทอง

เข่นฆ่ากันทำไม เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งผอง
ไทยฆ่าไทย ให้ชาติอื่นครอง

วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร
ไทยฆ่าไทยให้ชาติอื่นครอง

วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร​

คิดถึงเพลงปลุกใจที่ได้ฟังบ่อยๆ สมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ปัจจุบันไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟังแล้วเอามาให้ฟังกัน เห็นว่าเนื้อหาเข้ากับสถานการณ์ดี​

Posted by เชิดชัย , ผู้อ่าน : 194 , 21:21:23 น. ​

ที่มาhttp://www.oknation.net/blog/churtchai/2009/04/06/entry-1​

 

ช่วยกันสวดมนต์พระสยามเทวาธิราช เพื่อปกปักรักษาความสงบสุขให้มีทั่วแผ่นดินไทยนะคะ

 

31ชาติเตือนนักเที่ยว เข้าไทย หวั่นอันตรายช่วงชุมนุม​

​

รัฐบาลต่างประเทศ เตือนนักท่องเที่ยวของตัวเองให้ระวัง หากจะเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยช่วงชุมนุมเสื้อแดง ล่าสุดเพิ่มจาก 27 เป็น 31 ชาติแล้ว กัมพูชาแสบ เตือนเข้มระดับ 4 ทบทวนเที่ยวไทย...

นายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ รองผู้ว่าฯ ด้านสื่อสารการตลาดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 มี.ค.53 ว่า ขณะนี้ประเทศที่ออกคำแนะนำนักท่องเที่ยว (Travel Advisory) ที่ต้องการเดินทางมาประเทศไทยให้ตื่นตัวรับฟังข่าวสาร พร้อมทั้งระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่จะเกิดการชุมนุมทางการเมือง เพิ่มขึ้นจากช่วงปลายเดือนก.พ.ที่ 27 ประเทศมาเป็น 31 ประเทศในวันนี้

สำหรับประเทศที่ออกคำแนะนำนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 4 ประเทศ ได้แก่ บราซิล, ลัตเวีย, เช็ก และกัมพูชา ซึ่งจากระดับของการให้คำแนะนำนักท่องเที่ยวที่มี 5 ระดับนั้น กัมพูชาถือเป็นประเทศที่ออกคำแนะนำเข้มข้นที่สุดในระดับที่ 4 สั่งให้ทบทวนการเดินทาง

ส่วน 27 ประเทศเดิมที่ออกคำแนะนำนักท่องเที่ยวก่อนหน้านี้ ได้แก่ จีน, มาเก๊า, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, สวีเดน, ฝรั่งเศส, อิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์, เดนมาร์ก, เนอร์เธอร์แลนด์, ออสเตรีย, สหรัฐอเมริกา, อิสราเอล, ญี่ปุ่น, โปแลนด์, โรมาเนีย, สเปน, รัสเซีย, ฟินแลนด์, สหราชอาณาจักร, เบลเยียม, เยอรมนี, ไอร์แลนด์, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

นอกจากนี้ ททท.ได้เตรียมแผนเชิงรุก กรณีเกิดการชุมนุม หรืออาจเกิดความรุนแรงขึ้น โดยเตรียมพร้อมทีมงานที่จะออกไปถ่ายภาพวีดีโอของสถานที่ที่มีการชุมนุมและสถานที่ท่องเที่ยว ก่อนจะส่งภาพถ่ายที่เกิดขึ้นจริงลงในเว็บไซต์ของททท. รวมทั้งเว็บไซต์ยอดนิยมของต่างประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทราบข้อเท็จจริงว่า การชมุนุมไม่ได้กระทบต่อสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละช่วงเวลานั้นๆ ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นการอัพเดทข้อมูลให้รวดเร็วกว่าเดิมจากที่ททท.ได้จัดทำภาพถ่ายดังกล่าวออกไปหลังจบเหตุการณ์แล้ว

ไทยรัฐออนไลน์ วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/eco/69500

 

ช่วงนี้รอฝน เห็นข่าวภัยแล้ง เห็นแล้วเป็นห่วงชาวบ้านชนบทจัง คงจะรำบากยิ่งกว่าทุก ๆ ปี
น้ำท่าจะอาบก็ไม่มี น้ำิกินจะพอหรือเปล่าก็ไม่รู้ อยากให้ฝนตกลงมาช่วยลดความแห้งแลง
จะได้พอมีน้ำกินน้ำใช้ กว่าจะถึงฤดูฝนอีกยาวไกลเลย กว่าจะเข้าพรรษาก็ 27 กรกฎาคม
ปีนี้แล้งยาวนาน อดทนกันหน่อยครับ เป็นกำลังใจให้คนต่างจังหวัด และที่ห่างไกล

 

*** ตนพึ่งตน ****

ต่อไป...
ทุกท่าน จะได้พึ่งผลการกระทำที่ได้ทำเอาไว้
ใครทำอะไรไว้ ก็จะปรากฏความจริง
โกงกินมาก ก็ไปไม่รอด
โหดร้ายมาก ก็ไปไม่รอด

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ขอเตือนนิดหน่อย ****

คนไม่เอาสัจจะ โลกเขาก็ไม่เอาไว้
คอยดูนะ คอยดูนะ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ชาวนาปิดถนน 340 บีบรัฐซื้อข้าวเกวียนละหมื่น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
ม็อบชาวนาปิดตายถนนสาย 340 สุพรรณบุรี-ชัยนาท 2 จุด ช่วงแยกวังกระชายกับแยกปากน้ำ ยื่นคำขาดรัฐต้องรับซื้อข้าวเกวียนละ 1 หมื่น จนท.แนะเลี่ยง...
วันที่ 9 ก.พ. ชาวนาชุมนุมปิดถนนสาย 340 สุพรรณบุรี-ชัยนาท บริเวณแยกวังกระชาย อ.หันคา จ.ชัยนาท ทั้งขาขึ้น และ ขาล่อง ต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลรับซื้อข้าวราคาเกวียนละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท

ไล่เลี่ยกันมีชาวนาอีกกลุ่มหนึ่งชุมนุมปิดถนนสาย 340 บริเวณแยกปากน้ำ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ทั้งขาขึ้นและขาล่อง เพื่อเรียกร้องในเรื่องเดียวกันเจ้าหน้าที่แนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทางโดยใช้ถนนสายเอเชียแทน
ทั้งนี้ ระหว่างการชุมนุมมีผู้ว่าราชการ จ.ชัยนาท และสุพรรณบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าเจรจากับแกนนำเพื่อขอให้สลายการชุมนุม แต่ไม่เป็นผล ล่าสุด ผู้ชุมนุมทั้ง 2 จุดมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>"ศิษย์หลวงบัว"บุกธปท.หวั่นรัฐบาลรวบไปใช้หนี้หมดคลัง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ศิษย์หลวงตาบัวบุกธปท.ทวงความชัดเจนเรื่อง รวมบัญชีนำเงินบริจาคแก้ปัญหาหนี้ให้รัฐบาล เตรียมส่งทีมเข้ามาดูแลเงินเงินคงคลังร่วมด้วย "แบงก์ชาติ"ยันหากมีแนวทางนำเงินทุนสำรองมาใช้จะให้ส่งตัวแทนมาศึกษา

[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พระครูอรรถกิจ นันทคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร และกรรมการมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน

นำคณะลูกศิษย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ประกอบด้วยตัวแทนพระจากวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี 2 รูป พระจากกรุงเทพฯ 1 รูป พระจาก จ.กำแพงเพชร 2 รูป และฆราวาสอีก 7 คน เข้าพบเจ้าหน้าที่ ธปท.เพื่อสอบถามความชัดเจนถึงแนวคิดของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ที่เสนอให้รวมบัญชีของ ธปท.เพื่อแก้ปัญหาหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ทั้งนี้ในบัญชีดังกล่าวมีทองคำที่มาจากการรับบริจาคของหลวงตามหาบัวรวมอยู่ด้วย

พระครูอรรถกิจกล่าวว่า ได้สอบถามถึงท่าทีของ ธปท.เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลที่จะรวมบัญชีทุนสำรองซึ่งเรื่องนี้หลวงตามหาบัวก็ต้องการรับทราบความชัดเจนเช่นกัน เพราะหากจะมีการนำเงินทุนสำรองมาใช้จริง คณะลูกศิษย์หลวงตามหาบัวก็จะคัดค้านการแก้กฎหมาย เพราะคิดว่าการแก้ปัญหาหนี้กองทุนฟื้นฟูฯที่รัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยปีละ 5-6 หมื่นล้านบาทนั้น น่าจะมีแนวทางอื่นที่ดีกว่า จากนี้คณะหลวงตามหาบัวจะเข้าร่วมกับ ธปท.ดูแลเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่เป็นเงินคงคลังของประเทศอย่างใกล้ชิดมากขึ้น

"ที่ฟังจากทางเจ้าหน้าที่แบงก์ชาติก็ไม่ได้ลงอะไรในรายละเอียดแต่อย่างใด แต่ที่เรามาก็เพื่อทำความชัดเจนกันว่าเราจะทำงานด้วยกันเพื่อรักษาคลังหลวงไว้ให้ดีที่สุด โดยที่เป็นความพอใจของประชาชนจริงๆ ที่สำคัญแบงก์ชาติไม่ได้เป็นคนทำอะไรเพื่อที่ให้มันยุ่งขึ้นมาเอง แต่ฝ่ายนโยบายรัฐ ซึ่งโดยหน้าที่ก็ต้องคิดว่าอะไรที่เป็นการแก้ปัญหาบ้านเมือง และรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบด้วย เราก็เข้าใจกัน แบงก์ชาติก็เข้าใจ ว่าอะไรที่จะช่วยแก้ปัญหาของบ้านเมืองได้เราก็จะช่วยกันแก้ปัญหา" พระครูอรรถกิจกล่าว

พระครูอรรถกิจกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลคิดก็มีทั้งที่ตรงใจและไม่ตรงใจ แม้แต่รองนายกรัฐมนตรี กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ยังมีบางคำตอบที่ตรงใจกัน

และมีบางคำตอบที่ไม่ถูกใจกัน อย่างไรก็ตามคงจะต้องไปตกลงกันถึงวิธีการจะทำงานร่วมกัน แต่หากเป็นไปแนวทางการรวมบัญชี โดยการแก้ พ.ร.บ.เงินตราฯ ก็พร้อมจะคัดค้านให้ถึงที่สุด

"เท่าที่คุยกับแบงก์ชาติก็มองในแง่ของประโยชน์สูงสุด และแบงก์ชาติยังไม่มีรัฐบาลเข้ามากดดันใดๆ ทั้งสิ้น ก็สบายใจด้วยกันได้ทุกฝ่าย สามารถทำงานร่วมกันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีแรงกดดัน" พระครูอรรถกิจกล่าว

นายอรรคบุษย์ ไกรฤกษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายช่วยงานบริหาร ธปท. ผู้แทนผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า การดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่มีเพียงกระทรวงการคลัง หรือ ธปท.ตัดสินเท่านั้น

แต่เป็นเรื่องของนโยบายรัฐบาลและการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคณะลูกศิษย์หลวงตามหาบัวก็แสดงเจตนารมณ์ว่า หากมีการศึกษาแนวทางนำเงินทุนสำรองมาใช้จริง ก็จะขอส่งตัวแทนมาร่วมศึกษาด้วย โดยขณะนี้มีทองคำที่หลวงตามหาบัวบริจาคจำนวน 13 ตัน และเงินสดจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

"กระทรวงการคลังก็ยังไม่ได้หารือกับแบงก์ชาติอย่างเป็นทางการถึงแนวทางการรวมบัญชี เพื่อแก้ปัญหาหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ และการหารือกับพระครูอรรถกิจ พร้อมคณะลูกศิษย์หลวงตามหาบัวก็ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดถึงการดำเนินการตามแนวทางของรัฐบาล แต่จะรายงานเรื่องดังกล่าวให้ผู้ว่าการแบงก์ชาติรับทราบ แต่คงตอบไม่ได้ว่าควรจะรวมบัญชีหรือไม่ เพราะต้องศึกษาให้รอบคอบ และต้องหารือกับหลวงตามหาบัวก่อน" นายอรรคบุษย์กล่าว

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแนวทางการรวมบัญชี ธปท. ว่า เป็นเรื่องที่ต้องหารือกับ ธปท.

เพราะถือว่าเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ปัจจุบันคงค้างที่ 1.1 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นเรื่องที่คาราคาซังมานาน และเป็นภาระต่องบประมาณ ขณะที่ ธปท.จะมีทุนสำรองทางการระหว่างประเทศเพิ่มสูงมากขึ้น จึงน่าจะมีกลไกที่จะใช้เงินทุนสำรองทางการระหว่างประเทศให้คุ้มค่าได้หรือไม่ โดยไม่ต้องกระโดดข้ามไปที่การรวมบัญชีก็ได้
[/FONT]
<!-- <script Language="JavaScript">function BackPage() {history.back();}</script>

กลับสู่หน้าแรก ​

-->
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>จีนพร้อมเปิดข้อมูลสร้างเขื่อน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>'วีระชัย'เผยยูนานก็เจอปัญหาภัยแล้งทั้งที่ไม่เคยเกิดมา 100 ปี ด้าน'มาร์ค'เล็งจัดประชุมวิชาการ 2-5 เม.ย.นี้


วันนี้(9 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปัญหาการสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำในประเทศจีน

ที่ส่งผลกระทบให้เกิดภัยแล้งในลุ่มแม่น้ำโขงว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้พบกับผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศของจีน เมื่อวันที่ 8 มี.ค. โดยมีการหารือกัน 2 เรื่องคือ 1.การจัดกิจกรรมครบรอบความสัมพันธ์ไทย – จีน 35 ปี 2.ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียน นอกจากนี้นายกฯยังได้พูดคุยถึงปัญหาความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับเรื่องแม่น้ำโขง ซึ่งจีนได้ให้ข้อมูลกรณีการสร้างเขื่อนที่เมืองยูนนาน ประเทศจีนที่ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาภัยแล้งของแม่น้ำโขงว่า ขณะนี้เป็นปัญหาภัยแล้งที่เขื่อนยูนนานก็ไม่เคยเกิดภัยแล้งมา 100 ปี ภัยแล้งครั้งนี้จึงเป็นครั้งใหญ่ของจีน

อย่างไรก็ตามผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศจีนรับปากว่า พร้อมเปิดเผยข้อมูลในเรื่องการสร้างเขื่อนมากขึ้น และจะนำปัญหาที่เกิดขึ้นไปสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ เพราะกระทรวงต่างประเทศจีนไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องนี้โดยตรง คิดว่า ฝ่ายจีนก็รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว

นายวีระชัย กล่าวอีกวา ขณะที่นายกฯได้เสนอแนวคิดกับทางจีนว่า อยากให้มีการจัดประชุมทางวิชาการ เพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้

โดยในระหว่างวันที่ 2-5 เม.ย. จะมีการประชุมประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง 4 ประเทศ ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้เข้าร่วมประชุมได้แก่ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม ส่วนประเทศจีนก็จะเข้าร่วมประชุมด้วยในฐานะผู้สังเกตการณ์.


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>มติครม.ประกาศใช้พรบ.มั่นคงฯ8จว. </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top>นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.)

มีมติอนุมัติใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 11-23 มี.ค.นี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และนนทบุรี ส่วนปริมณฑลอีก 6 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา นครปฐม และพระนครศรีอยุธยา โดยมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บัญชาการสถานการณ์

นายปณิธาน กล่าวด้วยว่า สำหรับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวเพื่อเป็นการจัดระเบียบ

และควบคุมดูแลการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง นอกจากนี้รัฐบาลจะนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีก 18 ฉบับมาใช้ประกอบกับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย

ส่วนการประกาศให้ช่วงที่มีการชุมนุมเป็นวันหยุดราชการนั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ได้มีการหารือกัน แต่ยังไม่มีการพิจารณาให้มีวันหยุดเพิ่มเติมจากปกติ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ครูน้อยเฮ ปิดบัญชี ใช้หนี้จบ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>"พงศพัศ" พา "ครูน้อย" ปิดบัญชี"ปลดทุกข์ครูน้อย" เบิกเงินสด 3 ล้านบาทใช้หนี้เจ้าหนี้ 24 รายเรียบร้อยแล้ว

เผยมีประชาชนกว่า 2 พันคนบริจาคเงินช่วยเหลือครูน้อย รวมเป็นเงิน 3.2 ล้านบาท คนบริจาคมากสุด 2 แสน น้อยที่สุด 8 บาท โดยก่อนหน้านี้เจรจาจนสามารถลดหนี้กว่า 10 ล้าน จนเหลือเพียง 3 ล้านบาท ส่วนเงินที่เหลืออีก 2 แสนมอบให้ครูน้อยนำไปใช้ช่วยเหลือเด็กในบ้านต่อไป โดยมีครูหยุยเข้ามาจัดระบบบ้านครูน้อยให้ได้มาตรฐาน ครูน้อยร่ำไห้ขอบคุณผู้ช่วยผบ.ตร.ที่ช่วยเหลือจนปลดหนี้ได้ ยืนยันไม่เคยเอาเงินไปใช้ส่วนตัวเลย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 มี.ค. พล.ต.ท. พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะโฆษกตำรวจแห่งชาติ

พานางนวลน้อย ทิมกุล หรือครูน้อย อายุ 67 ปี เดินทางมาที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักราษฎร์บูรณะ เพื่อปิดบัญชี "ปลดทุกข์ครูน้อย" พร้อมกับถอนเงินสดจำนวน 3,285,000 บาท เพื่อนำไปใช้คืนให้กับเจ้าหนี้จำนวน 24 ราย มีนาย ณัฐรฐนนท์ บัณฑิตศดานันท์ ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สำนักราษฎร์บูรณะ คอยอำนวยความสะดวก โดยแบ่งเงินจำนวน 3 ล้านบาท เพื่อจ่ายคืนให้กับเจ้าหนี้ของครูน้อยทั้ง 24 ราย มีการเซ็นชื่อรับเงินไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าสื่อมวลชน ส่วนที่เหลืออีก 285,000 บาท พล.ต.ท.พงศพัศได้มอบให้กับครูน้อยนำไปใช้สงเคราะห์เด็กตามเจตนารมณ์ที่ได้เปิดบ้านครูน้อยขึ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

พล.ต.ท.พงศพัศ เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา ครูน้อยได้เขียนจดหมายด้วยลายมือตัวเองเพื่อบอกกล่าวถึงความทุกข์ที่ตกเป็นหนี้นอกระบบกว่า 7 ปี จนไม่มีทางออก

หลังจากวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา จึงได้เดินทางไปพบกับครูน้อยที่บ้าน เพื่อรับทราบปัญหาเกี่ยวกับภาระหนี้สินที่เกิดขึ้น รวมทั้งข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเจ้าหนี้ โดยมีพ.ต.อ.ดุสิต สมศักดิ์ ผกก. สน.ราษฎร์บูรณะ และพ.ต.ท.ณัฐจักร จันลา สว.สส.สน. ราษฎร์บูรณะ เข้าร่วมรับฟังด้วย จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อหาทางประนอมหนี้ตามนโยบายของรัฐบาลจนเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ก็ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่ามีเจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 24 ราย มีจำนวนเงินที่ครูน้อยเป็นหนี้อยู่สูงถึง 10,643,000 บาท
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>โฆษกตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า แต่ผลจากการเจรจาสามารถทำให้มูลหนี้ลดลงไปประมาณครึ่งหนึ่ง เหลือ 5,686,000 บาท

แต่ก็ยังเป็นหนี้ก้อนโตที่ครูน้อยไม่มีหนทางใดที่จะชดใช้ให้ได้ จึงได้ตัดสินใจเปิดบัญชี "ปลดทุกข์ครูน้อย" กับธนาคารกสิกรไทย สำนักราษฎร์บูรณะ เลขที่บัญชี 745-2-59999-0 ขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.พ. เพื่อใช้เป็นช่องทางในการขอรับบริจาคจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธาโดยทั่วไป ในระหว่างที่เปิดบัญชีขอรับบริจาคอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องเดินหน้าเจรจากับบรรดาเจ้าหนี้ จนในที่สุดก็สามารถลดยอดหนี้ลงจนเหลือ 3 ล้านบาทถ้วน ในขณะที่ยอดบริจาคหลังจากที่ได้มีการเปิดบัญชี "ปลดทุกข์ครูน้อย" ก็มีผู้บริจาคเข้ามาทั้งสิ้น 2,119 ราย ได้จำนวนเงินยอดรวม 3,285,000 บาท โดยรายที่บริจาคสูงสุดเป็นเงิน 2 แสนบาท ส่วนที่บริจาคต่ำสุดเป็นเงิน 8 บาท

พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย อดีตส.ว. กทม.และเลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ในฐานะเป็นประธานคณะทำงานด้านเด็ก

ได้รับเป็นประธานคณะกรรมการในการเข้ามาดูแลช่วยเหลือและบริหารจัดการให้ทุกอย่างเป็นระบบ และมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการเงิน ซึ่งครูน้อยเองก็ยินดี และไม่ขัดข้องแต่อย่างใด โดยหวังว่าเหตุการณ์ร้ายๆ คงจะไม่เกิดขึ้นกับครูน้อยอีก ครูน้อยกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้รู้สึกสบายใจเรื่องหนี้สินขึ้นบ้างแล้ว แต่ในใจยังไม่มีความสุขที่ทำให้หลายคนในสังคมต้องวุ่นวายและเดือดร้อนมาช่วยเหลือตน ยืนยันว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หมดไปเพราะทำงานช่วยเหลือเด็กๆ จนต้องเป็นหนี้นอกระบบ ไม่ใช่หมดไปเพราะทำธุรกิจส่วนตัวหรือครอบครัว และตนมีหลักฐานสามารถตรวจสอบได้ทุกอย่าง และตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ตนไม่เคยรับเงินจากเด็กเลย มีเพียงแค่ปี 2528 ปีเดียว ที่เก็บเงินจากเด็กคนละ 3 บาท เพื่อมาซื้อสมุดกับดินสอ แต่หลังจากนั้นไม่เคยทำงานในลักษณะที่เป็นธุรกิจเลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ที่เจ้าหนี้บางรายอาจตามมาคุกคามภายหลัง ครูน้อยกล่าวว่า มีกังวลอยู่บ้าง

เพราะมีข่าวหลายกระแสออกมาว่ารับเงินเสร็จจะเก็บครูแน่ๆ ก็แล้วแต่เจ้าหนี้ เพราะทุกคนเกิดแล้วก็ต้องตาย แต่ตนจะทำงานเพื่อเด็กๆ ต่อไป เพราะเด็กๆ เป็นสิ่งที่ตนรักและห่วงใย ขอกราบขอบคุณสื่อมวลชน และผู้มีจิตเมตตาทุกท่าน รวมทั้งพล.ต.ท.พงศพัศที่ได้ช่วยเหลือปลดหนี้ให้กับครู เหมือนเป็นการซื้อชีวิตให้ครู

จากนั้นตัวแทนนักเรียนที่อยู่ในการดูแลของบ้านครูน้อยมานานกว่า 13 ปี ได้อ่านกลอนและร้องเพลงขอบคุณพล.ต.ท.พงศพัศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ช่วยเหลือเจรจากับเจ้าหนี้และเปิดบัญชีรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือปลดหนี้ให้กับครูน้อย

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

มนุษย์ เพียงต่างขั้วความเชื่อ ก็ถือเป็นเหตุ ให้ก่อการบาป


<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทหารไนจีเรีย ตรวจเข้มหมู่บ้าน หลังเหตุสังหารหมู่ 500 ศพ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 มีนาคม 2553 </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=426><TBODY><TR><TD vAlign=top width=426 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>


ชาวบ้านในหมู่บ้านโดโกนาฮาวา เมืองจอส ประเทศไนจีเรีย มุงดูร่างผู้เสียชีวิต ที่ถูกพบบริเวณหลุมศพแห่งหนึ่ง นอกหมู่บ้านเมื่อวันจันทร์ (8 มีค.)

โดยเหตุเกิดจาก ความขัดแย้งทางศาสนา ระหว่างสองชนเผ่าในพื้นที่ ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์และอิสลาม ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 500 คน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี – ทหารไนจีเรีย ออกลาดตระเวน ตรวจตราตามหมู่บ้านต่างๆ ในเมืองจอส เมืองหลวงของรัฐแพลโท ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ

หลังเกิดเหตุสังหารหมู่ชาวคริสต์ กว่า 500 คน จนทำให้นานาชาติ พากันช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนผู้รอดชีวิต ต่างพากันประณามรัฐบาลว่า ไม่สามารถเข้ามาระงับเหตุรุนแรง ได้ทันเวลา

บรรดาญาติพี่น้องของเหยื่อในเหตุการณ์สังหารโหด ได้เข้าร่วมในพิธีศพ เมื่อวันจันทร์ (8 มีค.) โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ เป็นผู้หญิงและเด็ก ที่ถูกฟันด้วยมีดดาบ หรือเผาทั้งเป็น ในบ้านของตนเอง

ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวโทษว่า ผู้ลงมือสังหารโหดในหมู่บ้านชาวคริสต์คราวนี้ ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมเผ่าฟูลานี

และสื่อในท้องถิ่นรายงานว่า ชาวบ้านที่เป็นมุสลิม ได้รับคำเตือนว่า จะมีการโจมตีก่อนเกิดเหตุสองวัน โดยพวกเขา ได้รับข้อความเตือน ส่งมาทางโทรศัพท์

หน่วยรักษาความปลอดภัยกล่าวว่า ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยไว้ 95 คน

“ชาวบ้านกว่า 500 คนใน 3 หมู่บ้าน ถูกสังหาร ตอนนี้ผู้รอดชีวิต กำลังวุ่นอยู่กับการฝังศพ” เกรกอรี เยนลอง กรรมาธิการฝ่ายแถลงข่าวของรัฐแพลโทระบุ

“เหยื่อถูกทำร้ายด้วยขวาน กริช และดาบสั้น ส่วนใหญ่เป็นเด็กๆ หญิงชรา และหญิงที่กำลังตั้งครรภ์”

ขณะที่กระทรวงแถลงข่าวของรัฐ ระบุว่า มีผู้บาดเจ็บอีกราว 200 คน เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

แต่องค์กรที่ปรึกษาอาวุโสชาวคริสต์แห่งรัฐแพลโท ร้องเรียนว่า หลังจากที่มีผู้โทรศัพท์แจ้งเหตุร้ายแล้ว ทหารได้ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำกำลัง เข้ามาระงับสถานการณ์ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น “พวกคนร้ายก็เสร็จสิ้นงานของพวกมัน และหนีหายไปหมดแล้ว”

ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคม เพิ่งเกิดเหตุปะทะกัน ระหว่างชนต่างเผ่าต่างศาสนา ในเมืองจอส จนมีผู้เสียชีวิตไปถึง 326 คน ตามข้อมูลของทางการ ทว่า กลุ่มรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนอ้างว่ ามีผู้เสียชีวิตกว่า 550 คน

ด้านจอห์น โอไนเยกัน อาร์กบิช็อปแห่งกรุงอาบูจา กล่าวกับวิทยุวาติกันว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีต้นตอมาจากความขัดแย้งทางศาสนา หากเป็นความแตกต่างทางสังคม เศรษฐกิจ และความแตกต่างกันระหว่างชนเผ่า

“นี่เป็นตัวอย่างความขัดแย้งคลาสสิก ระหว่างพวกเลี้ยงปศุสัตว์กับพวกชาวนา จะมีข้อยกเว้นก็เพียงแค่ว่า เผ่าฟูลานีเป็นมุสลิมทั้งหมด และเผ่าเบรอมเป็นคริสต์ทั้งหมด”

ทั้งนี้ชนเผ่าฟูลานีส่วนใหญ่ เป็นพวกเลี้ยงสัตว์เร่ร่อน ในขณะที่เผ่าเบรอมเป็นชาวนาดั้งเดิม

ชาวบ้านกล่าวว่า เหตุโจมตีเมื่อวันอาทิตย์ (7มีค.) เกิดขึ้นเพราะความโกรธแค้นที่มีการขโมยสัตว์ จนบานปลายเป็นการแก้แค้นกันถึงตาย

ส่วนกลุ่มรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนมองว่า การสังหารหมู่ครั้งนี้ ดูเหมือนเป็นการแก้แค้นการโจมตี เมื่อเดือนมกราคม ซึ่งในครั้งนั้น เหยื่อส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ข้าวจะยากหมากจะแพง แผ่นดินจะแล้ง คนจะจราจล เงินไม่เข้าประเทศ เงินออกนอกอย่างเดียว เฮ้อไทยแลน

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“แม่ชีมโนรา” เตือนผู้จ้องทำลายสถาบันตายไปจะเกิดเป็นเดรัจฉาน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 มีนาคม 2553 17:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

แม่ชีมโนรา เขตภูเขียว จากสำนักปฏิบัติธรรมแม่ชีมโนรา จ.นครราชสีมา

​

นครราชสีมา - “แม่ชีมโนรา” ขอบิณฑบาตผู้คิดร้ายต่อบ้านเมือง บอกมีแต่จะสร้างกรรมให้กับตัวเอง ตายไปเป็นสัตว์เดรัจฉานหาความเจริญไม่เจอ ฟันธงบ้านเมืองไปได้ เพราะมีบารมีของพระเจ้าอยู่หัว ใครคิดทำลายสถาบันเท่ากับทำลายพ่อแม่ของพี่น้องชาวไทยทุกคน ส่วนรัฐบาลผ่านเดือนมีนาคมได้ แต่ชนะแบบสะบักสะบอม

แม่ชีมโนรา เขตภูเขียว จากสำนักปฏิบัติธรรมแม่ชีมโนรา จ.นครราชสีมา เจ้าของหนังสือย้อนรอยกรรม ระลึกชาติ สื่อวิญญาณ กล่าวระหว่างเป็นประธานพิธีปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ณ วัดด่านขุนศรีอินทราทิตย์ จ.สุโขทัย ถึงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ ว่า แม้จะปรากฏข่าวการสร้างความวุ่นวายจากบางกลุ่มบางพวก แต่จะไม่มีใครทำอะไรได้ เนื่องจากประเทศไทยมีบารมีของพระเจ้าอยู่หัว และดวงวิญญาณของบูรพกษัตริย์ไทยทุกๆ พระองค์ รวมถึงวิญญาณทหารกล้าที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตปกป้องรักษาบ้านเมืองไว้หลายยุคหลายสมัย คนที่คิดจะทำลายบ้านเมือง ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็เหมือนกับทำลายตัวเอง ทำลายบ้านของตัวเอง อกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด อกตัญญูต่อพ่อแม่ ต่อพระอรหันต์ของบ้านเมืองคือพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี ของพี่น้องชาวไทย

“อาจารย์แม่อยากขอบิณฑบาตผู้ที่กำลังคิดในสิ่งที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง เพื่อดวงจิตจะได้สว่างไสว ไม่มืดบอด เห็นผิดเป็นชอบ คนเรามีอายุไม่ถึง 100 ปี ควรมุ่งสร้างแต่ความดี ต้องนิ่งต่อสิ่งเร้าที่จะสร้างความวุ่นวายและจะทำลายความสงบสุขของบ้านเมือง เพราะถ้าเราสนับสนุนเท่ากับเป็นการเติมเชื้อให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใครเลย ตรงกันข้ามคนที่คิดไม่ดีกับบ้านกับเมือง จะอยู่ไม่เป็นสุข ผวาตลอดเวลากลัวคนมาทำร้าย เวลาหลับก็จะฝันร้ายตลอด หน้าตาไม่สดใส ดูหม่นหมอง เงินทองจะไหลออกตลอดเวลา จึงอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน หยุดทะเลาะเบาะแวง ร่วมกันปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ” แม่ชีมโนรา กล่าว

แม่ชีมโนรา ได้ยกตัวอย่างถึงยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาที่ต้องเสียเมืองให้กับพม่า ก็เพราะมีไส้ศึก ขายชาติ ขายแผ่นดิน แต่สุดท้ายคนพวกนี้ก็ถูกฆ่าตายจนสิ้น และเมื่อตายไปแล้วสิ่งที่แม่ชีได้เห็นภาพในอดีตชาติของเขา คือ ต้องตกนรกชั้นอเวจี และเวียนว่ายตายเกิดเป็น ไส้เดือน กิ้งกือ สัตว์เดรัจฉาน บางรายมาเกิดเป็นคนก็พิกลพิการแขนขา ไม่มีเงินใช้ ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสหลายภพหลายชาติ และในฐานะที่เป็นนักบวชสิ่งที่จะช่วยบ้านเมืองได้คือแผ่เมตตา สร้างความดี วันที่ 29 มีนาคม - 4 เมษายนนี้ แม่ชีก็จะเข้านิโรธกรรมฐาน อดข้าว 7 วัน เป็นพุทธบูชา และเพื่ออธิษฐานจิตให้บ้านเมืองสงบสุข “จิตตัง ธันตัง สุขาวหัง” จิตของเราเมื่อฝึกฝนดีแล้ว ย่อมจะนำความสุขมาให้ เมื่อรู้สึกเครียดให้ตั้งจิตนิ่ง จิตมั่น ภาวนา พุทธัง สรณัง คัจฉามิ และให้คิดดี ทำดี และทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

แม่ชีมโนรา ยังได้ฝากข้อคิดด้วยว่า ตั้งแต่เกิด จนเข้าร่ำเรียน พ่อแม่ครูบาอาจารย์มักจะสอน ปลูกฝังให้รัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และทุกเช้าเย็น ก็ช่วยกันร้องเพลงชาติ ให้ระลึกอยู่ตลอดเวลาว่า เรายังคงมีชาติไทย ทุกคนเริ่มจากหัดเขียนอ่านจาก ก-ฮ ให้เราพูดและเขียนคำว่ารักชาติ แม่ชีอยากให้ทุกคนคิดดีทำดี เพราะถ้าคิดไม่ดี สิ่งไม่ดีก็จะไหลเข้าตัว เหมือนกับการปลูกพืช เลือกปลูกสิ่งที่ดีผลก็จะดี ปลูกข้าว ก็จะได้ข้าว แต่ถ้าเราปลูกหมามุ่ย ก็จะแพร่กระจายความเดือดร้อนไปได้อย่างรวดเร็ว จงเลือกเอาว่าจะปลูกข้าวที่สร้างคุณประโยชน์ได้หลายประการ หรือจะปลูกหมามุ่ยที่มีแต่จะสร้างความเดือดร้อน

แม่ชีมโนรา ยังได้พยากรณ์ ถึงสถานการณ์ในช่วงนี้ ว่า แม้เดือนมีนาคม จะมีความกระเพื่อมทางการเมือง แต่ก็จะผ่านพ้นไปได้ ตั้งแต่เดือนเมษายน ทุกอย่างจะดีขึ้น รัฐบาลก็อยู่ได้ เพราะมีผุ้บารมีอยู่หลายท่าน แต่ก็ถือว่าแม้จะได้รับชัยชนะก็จริงแต่ก็สะบักสบอมพอดู ผู้นำจะต้องตั้งจิตนิ่ง ไม่หวั่นไหวไปกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้มากนัก และอยากฝากถึงข้าราชการที่เป็นข้าฯ ของแผ่นดิน ขอให้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000032733​

 

กลุ่มที่มีพลังจิตสูง
ลองนั่งทำสมาธิให้นิ่งแล้วดูว่า
ก่อนสงกรานต์ ปีนี้..ชายทะเล คลองด่าน/บางปะกง/ชลบุรี
อาจจะเกิด ปรากฏการณ์ แผ่นดินโคลนขยับ เลื่อน..
ทำให้ เกิด ความเสียหายบ้าง...ถ้า เทียบเท่าแผ่นดินไหว..
ก็ประมาณ 4 ริกเตอร์ นับว่า น้อย..
แต่โคลนเวลามันแกว่ง ก็เหมือน นั่งอยู่ บนชิงช้า
ตอนนี้ ก็ นั่ง แผ่เมตตาให้ มันลดลงไป...ลดลงไป..จนเงียบ.
............................................................................

อ้างอิง จาก อาจารย์สามตา ในหน้าจิตวิทยาและสุขภาพ โพสวันนี้ีคับ...

 

แผ่นดินนี้ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์

เมื่อผู้เตรียมการ เริ่มเคลื่อน จากหลายทิศ สู่ใจเมือง

ลม ฝนรุนแรง บังเกิด

ดังหลายคราว ที่เป็นมา เมื่อมีการรวมพล

 

ได้ยินแต่ข่าวลือไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง

มีแผนให้คนมาชุมนุมแล้วให้ดูแลกันเอง และเตรียมมือระเบิดปาหรือยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมเพื่อให้ผู้ชุมนุมโกรธแค้นว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลแล้วก็ปล่อยให้ผูชุมนุมก่อการจาราจลทั่วกรุงเทพมหานครหวังให้รัฐบาลประกาศกฏอัยการศึกยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ซึ่งฝ่ายเบื้องหลังผู้ชุมนุมมั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้ง เรื่องทหารปฏิวัติไมน่ามี หลังเลือกตั้งใหม่แก้กฏหมายใหม่คนคนนั้นจะพ้นผิดไมต้องโดนยึดทรัพย์

แค่ข่าวลือครับ แต่ถ้าจริงก็ถือว่าสุดยอดเลวเลยละครับ

 

ขอเข้ามาแจ้งเตือนจุดเสี่ยงให้สมาชิกรับทราบครับ (ในบริเวณกทม)