ความลับฟ้าเรื่องการสร้างจักรวาลและสรรพสิ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย arinrum, 30 มกราคม 2010.

  1. arinrum

    arinrum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +179
    ตำนานหรือนิยายสมัยใหม่หรือความลับฟ้าเรื่องการสร้างจักรวาลและสรรพสิ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง
    [​IMG]
    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในตอนนั้นสรรพสิ่งในจักรวาลไม่มีอะไรอยู่เลย มีแต่ความมืดมิด และองค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง พระองค์เป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่มีอยู่จริงในจักรวาล
    แต่พระองค์ไม่ใช่สสาร พระองค์เป็นจิตและพลังงาน พลังงานของพระองค์เป็นสิ่งมหัศจรรยือย่างยิ่ง พลานุภาพและอำนาจของพระองค์ก็มหาศาลสุดพรรณนา
    ดังกล่าวในจักรวาลนี้ไม่มีอะไรอยู่เลยในจักรวาล ยกเว้นองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริงเป็นจิตที่แท้และบริสุทธิ์ แต่มีใจเป็นหนึ่งเดียว
    พระเจ้าแท้จริงมีความเป้นอมตะและมีความเป็นนิรันดร สภาวะของพระเจ้าแท้จริง เป็นสภาวะธรรมชาติที่รุ้แจ้ง และเป็นสภาวะที่แจ่มใส พระองค์เป็นอยู่อย่างเป็นสุขหมดจนชั่วกัลปาวสาน
    พระองค์ไม่มีจุดเกิด จุดเริ่ม ไม่มีความเสื่อม ไม่มีความโศก ไม่มีการเจ็บ ไม่มีการตาย และไม่มีที่สิ้นสุด ซ้ำยังมีเสถียรภาพสถาพรอีกด้วย
    การที่พระองค์อยุ่ตามลำพังในจักรวาล พร้อมกับฤทธานุภาพและพลานุภาพอันมหาศาล และก็หามีประโยชน์อันใดไม่ ถ้าพระองค์ไม่ใช้มัน
    วันหนึ่ง...พระองค์เกิดความคิดดีๆขึ้นมาอย่างหนึ่ง พระองค์เลยต้องทำอะไรบ้างหรือใครจะใช้คำพูดว่าพระองคืเกิดนึกสนุกขึ้นมา
    และแล้วพระองค์ทรงนึกถึงเกมส์ปริศนาซ่อนหาเกมหนึ่ง พระองค์ทรงรู้ว่าทุกสิ่งไม่มีอยู่ มีเพียงกายและใจของพระองคืเท่านั้นที่มีอยู่จริง ดังนั้นพระองค์จึงตัดสินใจจะเล่นเกมที่มีชื่อว่า เกมส์อัตตา-อนัตตา
    กติกาง่ายๆ ใครหาเจอและปฏิบัติได้จริงว่า แท้จริง อัตตาทั้งมวลคือ อนัตตา ผู้นั้นก็เป็นผู้ชนะ
    แต่เอ๊! แล้วพระองค์จะเล่นเกมนี้กับใครดีเพราะในจักรวาลมีแต่ความมืดมิดของพระองค์เอง แต่ก็ยังโชคดี ที่อณูหรือกายของพระองค์ซึ่งเป็นอนัตตาสามารถแผ่ไปได้โดยไม่มีขอบเขตจำกัด จากอณูของพระองค์นับไม่ถ้วน
    พระองค์ทรงสั่งพวกมันว่า
    "จงมีขึ้น และจงเกิดขึ้น" ทันใดนั้นด้วยอำนาจแห่งใจของพระองค์ ได้ถูกพระองคืทำให้เป็นพลังงานที่แข็งเสมือนมันถูกแช่แข็ง(FROZEN ENEGY)พวกมันจึงก่อเป็นรุปขึ้นมีลักษณะเสมือนเป็นอัตตาหรือสสาร กำเนิดเป็นจักรวาล
    รูปแบบใหม่ซึ่งไม่ใช่มีแต่ความมืดมิด แต่มีสภาพเป็นของแข็งของเหลว และก๊าซ ทุกสรรพสิ่งเหมือนเป็นสิ่งมีอยู่จริง และมีอัตตา ทั้งๆที่ มันเป็นเพียงพลังงานเท่านั้น
    กลุ่มพลังงานนี้แท้จริงคือกลุ่มกายหรือกลุ่มอณูของพระองค์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่เล้กที่สุด กระจายอยู่ทั่วทั้งจักรวาล เรียกว่า "ควาร์ค" หรือ "กายธรรมชาติ" กลุ่มพลังงานนี้เมื่อมันถูกพระองค์ทำให้แข็ง ทุกสรรพสิ่งที่เคยมีสภาพเป็นอนัตตาอย่างชัดเจนคือ
    ไม่มีตัวตนและไม่มีอยู่ ตอนนี้พวกมันได้เปลี่ยนแปลงรุป และแปลงโฉมใหม่มีสภาพเหมือนว่า พวกมันทั้งหมดเป็นอัตตา ทั้งๆที่อัตตาไม่เคยมีอยู่เลย
    สสารนั้นมองดูเหมือนเป็นอัตตา แต่ถ้าเข้าไปถึงขั้นอณูที่เล้กที่สุดแล้วปรากฎว่ามันเป็นแค่พลังงาน ที่เป้นเพียงอนัตตา
    หลังจากพระเจ้าแท้จริงสร้างทุกสรรพสิ่งแล้ว พระองค์ก็ได้ว่างกฎเกณฑ์นั้น โดยพระองค์แอบคุมอยู่อย่างเงียบๆ โดยผ่านกายธรรมชาติทั้งหมดซึ่งเป็นตัวรู้ที่มีใจเป็นหนึ่งเดียวและเป็นสัพพัญญู กายธรรมชาติเหล่านี้ ครอบคลุมทั่วจักรวาลและเป้นกายทุกสรรพสิ่ง
    พระเจ้าแท้จริงแบ่งฝ่าย ก่อนเริ่มเล่นเกม
    เมื่อพระองค์สร้างจักรวาลและสรรพสิ่งทั้งมวลขึ้นมาเป็นสนามในการเล่นเกมส์ของพระองคืแล้ว พระองค์ก็ได้สร้างกาลเวลาขึ้นมาด้วย พร้อมๆกับจักรวาล โดยพระองค์กำหนดให้เสื่อมและสลายไปตามกาลเวลา
    พระองคืยังติดปัญหาอยุ่เพราะว่าพระองคืทรงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างทุกเรื่อง พระองค์คิดว่าถ้าจะให้สนุก พระองคืจำเป้นต้องปิดบังความลับของเกมส์นี้เอาไว้ มิให้ส่วนหนึ่งของพระองคืรุ้ความจริง ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงสร้างวิญญานขึ้นมาเพื่อห่อหุ้มจิตใจส่วนใหญ่ของพระองค์เอาไว้
    หลังจากนั้นก้แบ่งวิญญานทั้งหมดออกเป็น 4 กลุ่ม

    [​IMG]
    1 วิญญาณกลุ่มที่ 1 คือ ตัวผุ้เล่น พระองค์ไม่ให้รุ้ความจริงอะไรเลย นอกจากนี้ พระองค์ทรงรับสั่งให้พวกเขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างด้วย พวกเขาจึงจำไม่ได้ว่า ตัวของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าแท้จริง
    วิญญาณเหล่านี้จึงเล่นเกมส์ปริศนากับพระองค์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้และปฏิบัติจริง โดยทำให้วิญญาณตัวเองบริสุทธฺ์ จนถึงขั้นไม่มีกิเลส ตัณหาและอุปทานเหลืออยุ่เลย ตัวเขาจึงได้กลับเป็นพระเจ้าแท้จริง และกลับเข้าไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าแท้จริงอีกครั้งหนึ่ง

    [​IMG]

    2 วิญญาณกลุ่มที่สอง มีชื่อว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือพระเจ้าฝ่ายขาว หรือ พระเจ้าของอัตตา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะรู้ความลับบางส่วนของจักรวาล ความบริสุทธิ์ของพระเจ้าฝ่ายขาว ยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งรุ้ความลับจักรวาลมากขึ้นเท่านั้น
    วิญญาณใดฝึกจิตได้ถึงขั้น ใตมีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา จิตนั้นก็เข้าขั้นพระเจ้าฝ่ายขาว หรือพระเจ้าอัตตา ที่เรียกว่า "จิตของรุปพรหม" แต่เดิมพระเจ้าฝ่ายขาวเป้นผู้เล่นแต่ถูกพระเจ้าแท้จริงสั่งให้ลืมทุกสิ่ง ท่านเลยตกภูมิลงมา จากภพภูมิแห่งนิพพาน กลายมาเป็นภพภูมิแห่งพรหม
    หลังจากนั้นท่าก็ได้ฝึกจิตของตนเอง ให้มีแต่เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ทำให้จิตของท่านสามารถดำรงอยู่ได้ในภพภูมิของชั้นรุปพรหมนี้เรื่อยมา
    ความเมตตากรุราของพระเจ้าฝ่ายขาวนั้น ถือเป็นสุดยอดแห่งความเมตตา เพราะสุดท้าย ท่านได้รุ้ความลับของเกมส์อัตตา-อนัตตาของพระเจ้าแท้จริง และท่านจะทำจิตของท่านให้หลุดพ้นไปรวมหนึง่เดียวกับพระเจ้าแท้จริงเมื่อไร ท่านก็ทำได้ แต่ท่านกลับไม่ทำ
    เพราะท่านเห็นว่าการทำจิตให้ถึงขั้นนั้น เป็นสิ่งที่ไปถึงได้ยากมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สำหรับสรรพสิ่งวิญญาณทั้งหมด ท่านจึงยอมสละตนเอง ขอดำรงตนอยู่ในชั้นรุปพรหมนี้เป็นเวลานานโดยไม่มีกำหนด พูดง่ายๆ ท่านขอเป็นจิตสุดท้าย ที่จะไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าแท้จริง
    พระเจ้าฝ่ายขาวจะทำหน้าที่ เป้นผู้สอนชี้แนะให้วิญญาณกลุ่มแรก ให้ทำความดีและทำแต่บุญกุศล

    [​IMG]
    3วิญญาณกลุ่มที่3ทำหน้าที่ตรงกันข้ามกลับกลุ่มที่2 เรียกว่าพระเจ้าฝ่ายดำ วิญญาณกลุ่มนี้เรียกว่ามาร วิยญาณชั้นหัวหน้าเรียกว่า พญษมาร หรือ ซาตาน
    พญามารจะคอยทำหน้าที่เอากิเลสตัณหาและการยึดมั่นต่างๆ มาหลอกล่อผู้เล่นกลุ่มแรกให้หลงทาง ทำแต่สิ่งที่บาปและอกุศลจิตของพระเจ้าฝ่ายดำจะคอยสอนผู้เล่นต่างๆให้ทำแต่อกุศล

    [​IMG]
    4 กลุ่มที่4 และเป็นกลุ่มสุดท้าย กลุ่มนี้เป็นกลุ่มจิตของพระเจ้าแท้จริง พระองคืไม่จำเป็นต้องมีวิญญาณห่อหุ้ม จิตของพระเจ้าเหล่านี้สามารถสื่อกับจิตของผู้เล่นโดยตรง และทำหน้าที่ชี้นำจิตของผู้เล่นให้รุ้ทางกลับเข้าไปและรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าแท้จริง
    อย่างไรก็ดี จิตของพระเจ้าแท้จริง จะอยุ่แต่ในจิตของผู้มีแววเห็นความจริงขั้นปรมัตถ์สัจจะหรือขั้นโลกุตรธรรม เราเรียกจิตของพระเจ้าแท้จริงนี้ว่า พระจิตหรือพระธรรม
    จิตของพระเจ้าฝ่ายขาว และดำ และจิตของพระเจ้าแท้จริงหรือพระธรรมทั้งหมดเป็นผู้ชี้ทางให้กับเหล่าผู้เล่นเพื่อจะโน้มน้าวให้ผู้เล่นเหล่านั้น เดิมไปตามทางที่พระเจ้าเหล่านี้ชี้แต่จะไปบังคับเหล่าผู้เล่นไม่ได้
    สิทธิในการเดินหมากทางจิตและวิญญาณ ของเหล่าผู้เล่นแต่ละคนเองว่า พวกเขาจะตัดสินใจเดินไปทางไหน
    เริ่มเล่นเกมส์อัตตา แท้จริงเป็นอนัตตากับพระเจ้าแท้จริงได้แล้ว

    [​IMG]
    เมื่อพระเจ้าแท้จริงได้กำหนดกติกาเล่นเรียบร้อย พระองค์ก็สั่งให้ควาร์คหรือกายธรรมชาติส่วนหนึ่งนำธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟเข้าผสมกัน และก่อขึ้นเป็นรูปร่างกาย หลังจากนั้นพระเจ้าแท้จริงก็สั่งให้วิญญาณแต่ละดวงเข้าไปอยู่ในร่างหรือกายนั้น พระองค์ทรงเรียกร่างบรรจุวิญญาณเหล่านั้นว่า มนุษย์ มนุษย์จำต้องอยู่ในจักรวาล
    ซึ่งเป็นสนามการเล่นของพระเจ้าแท้จริง พร้อมกับสิ่งลวงต่างๆ เพื่อให้เกมส์มีรสชาติจึง สร้างพรหมโลก สวรรค์-นรก และกฏแห่งกรรมขึ้น สวรรค์ทำหน้าที่ให้ร่างวัลล่อใจผู้ทำความดี โดยพระเจ้าฝ่ายขาวหรือพระเจ้าฝ่ายอัตตเป็นผู้ดูแล พระเจ้าฝ่ายอัตตาจะทำหน้าที่ดึงผู้ที่หลงในรางวัลสวรรค์ เข้ามาเป็นพวกให้มากที่สุด
    ส่วนนรกทำตรงกันข้ามคือลงโทษมนุษย์ที่กระทำชั่ว พระเจ้าฝ่ายดำหรือซาตานต้องพยายามดึงผู้เล่นเข้ามาเป็นพวกให้มากที่สุด
    พูดง่ายๆ สวรรค์-นรกและกฏแห่งกรรม แม้แต่พรหมโลกทั้งหมดทำหน้าที่เป็นตัวหลอกล่อใจ และเป็นตัวกับดักให้มนุษยืคิดและวนเวียนอยุ่กับ การทำความดี ความชั่วและการสงบพักชั่วคราว โดยพักอยุ่ในภพภูมิแห่งสมาธิหรือฌานซึ่งอยู่ในพรหมโลก
    ด้วยเหตุนี้มนุษย์ผู้ได้ที่สามารถฝ่าออกจากเกมส์อัตตา-อนัตตาไปได้ต้องถือว่ามนุษย์ผู้นั้นเป็นสุดยอดมนุษย์จริงๆ ซึ่งไม่มีฝ่ายขาวฝ่ายดำ
    [​IMG]
    ส่วนใหญ่มนุษย์ คงจะติดอยุ่ที่ด่านพรหมโลก ด่านสวรรค์นรกและกฏแห่งกรรมแน่นไปหมด เพราะด่านเหล่านี้ถือเป็นสิ่งลวงสำคัยที่สุดในเกมส์อัตตา-อนัตตาของพระองค์พระผุ้เป็นเจ้าแท้จริง
    ดังกล่าวมามนุษยืจำต้องฝ่าไปให้ได้ตราบใดที่มนุษย์ไม่สามารถละทิ้งทั้งความดีและความชั่ว พระองคืก็ห้ามเขา ไม่ให้เขาสามรถถอดร่างกายและวิญญาณของเขา ออกจากเกมส์อัตตา-อนัตตา เพื่อไปรวมกับพระองค์โดยเด็ดขาด ต้องเวียนว่ายตายเกิด เล่นเกมสืนี้กับพระเจ้าแท้จริงต่อไปเรื่อยๆจนชั่วกัลปาวสาน
    อย่างไรก็ตามพระเจ้าแท้จริงได้ให้สิทธิวิญญาณแต่ละดวงให้เปลี่ยนร่างกายตนเองได้ จะเป็นเทวดา เป็นสัตว์เดรัตฉาน เป็นเปรตอสุรกาย เป็นพรหม หรือกลับเป็นมนุษย์อีกครั้งก็ได้ แต่ดวงวิญญาณนั้นจะยังเป็นดวงเดิมและร่างกายของเขาต้องเปลี่ยนสภาพไปตามการกระทำของเขาภายใต้กฏแห่งกรรม
    ถ้าวิญญาณถูกครอบงำด้วยกิเลสความชั่วและทำปาบมหันต์ โทษในนรกจะมีความรุนแรงเท่ากับจิตใจของเขาไม่มีการลงโทษ หรือการทารุณกับวิญาณใดๆ ที่รุนแรงเกินกว่าจิตใจของเขาแม้แต่น้อย
    ต้องย้ำว่าเมื่อจิตทั้งหมดยังเป็นพระเจ้าที่แท้จริงอยู่ พวกเขาได้ใช้พลังของพวกเขาร่วมกันเนรมิตนรกสวรรค์และพรหมโลกขึ้นมา เพิ่อทำการลงโทษและให้รางวัลตัวเองตามสภาวะจิตใจ และการกระทำของตัวเองเมื่อจิตเหล่านี้ ซึ่งเป็นผู้เล่น ถูกยุแหย่โดยพระเจ้าฝ่ายดำและขาว จิตเหล่านี้ค่อยๆเสื่อมทรามลง สุดท้ายเลยตกชั้นลงมาเรื่อยๆจนถึงชั้นสวรรค์และนรก
    โทษในนรกมีไว้สั่งสอนจิตไม่ให้ทำและผู้หลงทาวให้พวกเขาได้หลาบจำ จะหาทางเดินใหม่ เดินในทิศทางตรงกันข้ามกันคือทำความดีมากขึ้นแหละค่อยๆละความดีออก เพื่อทำลายทางสายกลางที่บริสุทธิกว่า โดยจิตจะต้องไม่ไปติด และยึดมั่นในสิ่งใดๆวิญญาณแต่ละดวง หลังจากได้รับโทษในนรกแล้วถ้าพอมีความดีอยู่บ้างก็จะถูกส่งไปสวรรค์เพื่อรับรางวัลในสวรรค์ต่อ
    ก่อนที่วิญญาณดวงนั้นจะถูกส่งตัว เดินทางกลับไปจุติในภพมนุษย์และสัตว์เดรัตฉานอีกครั้งหนึ่ง
    [​IMG]
    วิญญาณบางดวงที่ถูกไฟนรกที่ร้อนแรงแผดเผา พวกเขาคิดว่า ไม่เป็นธรรมและรุนแรงเกินไป แต่ความจิงแล้ว ไฟนรกที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากไฟแห่งกิเลส ราคะ และความชั่วที่ตัวเขาสร้างขึ้นมาเอง ไฟนั้นจะดับมอดลงทันที เมือเขามีจิตใจที่เป็นกุศลเกิดขึ้น หักล้างกับจิตใจที่อกุศล แต่ถ้าวิญญาณดวงนั้นไม่มีกุศลเลย เขาต้องตกนรกอยุ่อย่างนั้นจนกว่าจะได้รับผลกรรมชั่วหรือวิบากกรรม ที่ตนเองทำไว้จนหมดสิ้น
    วิญญาณแต่ละดวงจะเก็บข้อมูลการกระทำดีชั่วใจบุญหรือโหดร้ายไว้ในใจของตนเองไม่มีวันลืมเลือน
    เกมส์อัตตา-อนัตตาของพระเจ้าแท้จริง พระองค์หรือจิตบริสุทธิ์ที่อยู่ในสภาวะนิพพานได้ร่วมกันสร้างขึ้นไว้เมื่อในอดีตอันไกลแสนไกล หาระยะเริ่มไม่ได้ รู้แต่เพียงว่าซากศพของสรรพชีวิตที่วิญญาณดวงนั้นเคยไปจุติ มากองซ้อนกันสุงกว่าภูเขาเสียอีก ยังไม่นับรวมกับระยะเวลาที่วิญญาณแต่ละดวงรับโทษในนรกและเสวยสุขในสวรรค์ด้วยเหตุนี้ การหาจุดเริ่มต้นของเกมสืนี้จึงหาได้ยากมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆจนแทบเป็นไปไม่ได้
    อย่างไรก็ดี ก็ยังมีผู้หาจุดเริ่มของเกมส์อัตตา-อนัตตาเจอจนได้ ยังมีต่อแต่ไว้วันหลัง





    [music]http://palungjit.org/attachments/a.1041917/[/music]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2010
  2. ปรม

    ปรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +325
    โอ้ มาย ก็อด
     
  3. hi5

    hi5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +701
    มั่ว ที่ สุด
     
  4. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    เจ้าของกระทู้เป็นพระเจ้ามาโพสกระทู้เหรอ ถ้าไม่ใช่พระเจ้ามาโพสเองทำไมรู้ดีจัง แล้วใครสร้างพระเจ้าหละ พระเจ้าเกิดขึ้นเองเหรอ
    แล้วพระเจ้าของเจ้าของกระทู้ชอบเล่นเกมส์เหมือนเด็กๆหละ
    สร้างโน่น สร้างนั่นไปทำไมเพื่อวัตถุประสงค์ไรเหรอ เพื่อประโยชน์ไรเหรอ เพื่อเล่นสนุกเหรอ
    พระเจ้าช่วยตอบหน่อยสิ
     
  5. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    พระเจ้าของเจ้าของกระทู้เป็นซาดิสต์เหรอ เลยสร้างโน่นสร้างนี้มาทรมานเล่น
    ขอประทานโทษนะที่ผมคิดว่าพระเจ้าของเจ้าของกระทู้หาสาระไม่ได้เลยนิเอาแต่เล่นไปวันๆเนอะ
     
  6. access

    access เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +175
    แล้วคุณรู้ได้ไงค่ะว่าพระเจ้ามีจริง แล้วยังรู้ด้วยว่าพระเจ้าใจดี คุณรู้อะไรรึค่ะ ยังไงมาเล่าให้ฟังด้วยดูน่าสนใจค่ะ แม้แต่เรื่องที่เล่ามา ก็ดูสนุดดีค่ะ เหมือนพระเจ้าสร้างสิ่งเหล่านี้ออกมาเพียงเพราะเล่นเกมงั้นเราๆก็อเป็นแค่หมากเดิน รึหุ่น ยังไงยังงั้นเลยนะค่ะ
     
  7. อีโต้

    อีโต้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +256
    วันหนึ่ง...พระองค์เกิดความคิดดีๆขึ้นมาอย่างหนึ่ง พระองค์เลยต้องทำอะไรบ้างหรือใครจะใช้คำพูดว่าพระองคืเกิดนึกสนุกขึ้นมา


    แม้แต่พระเจ้า....ก็ยังมีการปรุงแต่ง

    .....................................

    แล้วนับประสาอะไรกับ....ตัวku
     
  8. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    มาร่วมแสดงความคิดเห็นครับ (ของ จขกท สนุกดีนะครับ ^^)

    ธรรมชาติ >>> ธมฺม + ชาติ เกิดแต่ธรรม มีธรรมเป็นผู้ปกครอง
    ธรรม ๓ >>> ๑.กุสลา ๒.อกุสลา ๓.อพฺยาตกา มีธรรม ๓ ฝ่ายนี้เป็นผู้ปกครองโดยแท้
    แม้แต่อวิชชาก็เป็นภาคปกครองของฝ่ายอกุสลา แยกออกเป็นโลกียะและโลกุตตระ
    กล่าวคือ แม้ในจักรวาลหรือเหนือจักรวาลก็มีธรรมปกครอง
    อกุสลามีอวิชชาเป็นเครื่องมือให้คนหลง
    อัพยาตกามีความไม่รับรู้เป็นเครื่องมือ ไม่ค่อยมีบทบาท
    กุสลามีวิชชาเป็นเครื่องมือให้คนรู้ และหยุดการปรุงแต่งได้
    เมื่อหยุดกระบวนการปรุงแต่งของจิตและสิ้นอวิชชาได้เสียที
    คราวนี้ก็เข้าขั้นโลกุตตระแล้ว บรรลุมรรคผลแล้ว พอถึงอรหัตตผล
    ก็หยุดการปรุงโดยสมบูรณ์ ไม่ถูกมายาลวงหลอกแล้ว
    ก็ถึงฝั่งนิพพาน เหนือปรุงแต่ง ไม่ใช่จิตแล้ว เพราะหมดความเป็นจิต
    กล่าวคือกระบวนการของจิตมันหมดไปแล้ว ละเอียดมากๆๆ วิสุทธิ์ไปแล้ว
    แต่ถ้าเป็นฝ่ายอกุสลาจะพาให้มีมิจฉาทิฏฐิมากขึ้นเรื่อยๆ
    กระบวนการสุดยอดของฝ่ายนี้คือปรุงแต่งอย่างเต็มที่ (ประมาณโลกันตร์)
    ธาตุธรรมฝ่ายกุสลากับอกุสลาจะเป็นปฏิปักษ์ต่อกันโดยแท้
    มีภาคดำ มีอวิชชา กรรมส่งผล เพราะยังคงภาชนะให้รองรับ
    มีภาคขาว พยายามล้างอวิชชา พอถึงสัมมาวิมุตติ กรรมไม่ส่งผล กระบสนการปรุงแต่งสิ้นไป ไม่เหลือความเป็นจิต(ไม่ใช่จิต) ไม่มีภาชนะไว้รองรับ รอดพ้นแล้ว

    ที่ยังมีการปรุงแต่งอยู่อย่างนี้ เพราะภาคดำยังร่วมปกครองอยู่
    ถ้าพ้นแล้ว เป็นโลกุตตระ ไม่มีการปรุงแต่ง ไม่มีสร้าง (ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุ)

    จิตของเราเปรียบดั่งผู้สร้าง (มีอวิชชายังให้เกิดการปรุง)
    รับรู้อะไรต่างๆที่เป็นมายานี้ ก็เนื่องจากปรุง ยังไม่รู้อยู่
    ดังนั้นจะตัดปัญหาเรื่องการสร้าง ต้องตัดที่อวิชชา ให้ไม่เหลือความเป็นจิต

    ฝากไว้ครับ "ภายในธรรมญาณย่อมมีองค์ตถาคตแห่งความตรัสรู้ซึ่งสามารถส่องแสงอันแรงกล้า
    ออกมาทำความสว่างที่ประตูภายนอกทั้งหกประตูและควบคุมมันให้บริสุทธิ์"

    น่าจะใช่นะครับ ที่ธรรมญาณคือพระเจ้า ก็มีอยู่ในพวกเราแหละครับ "อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในตัวคุณ" อิอิ แต่เมื่อตรัสรู้ก็เป็นธรรมญาณที่บริสุทธิ์แล้ว พ้นแล้วซึ่งอาสวะ ไม่สร้างอีกต่อไปแล้ว นี่คือการหยุดสร้างโดยสมบูรณ์ --- ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2010
  9. vera_p

    vera_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2009
    โพสต์:
    260
    ค่าพลัง:
    +588
    หลักปัจจัยการ ปฏิจจสมุปบาท 12 นั่นแล พระเจ้า

    สื่อสารแบบรูปลัีกษณะก็ได้ สื่อสารแบบภาวะลักษณะ(นาม)ก็ได้

    หลักนี้

    ถ้าถูกเห็นโดยปุถุชน เรียกว่า ตรรกศาสตร์
    ถ้าถูกเห็นโดยอริยชน เรียกว่า พุทธศาสตร์ๆนี้ ไม่ใช่ศาสนา ไม่ใช่ลัทธิ ไม่ใช่ความเชื่อ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่เขต เป็นเพียงแต่ ศาสตร์ของผู้รู้ เป็นศาสตร์ของสากล
     
  10. โดเรม้อน

    โดเรม้อน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    848
    ค่าพลัง:
    +75
    อธิบายยังใงก็ยาก ที่ คนจะเข้าใจ รู้เองเห็นเองดีกว่า
    ศีล สมาธิ .....ญา
     
  11. arinrum

    arinrum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +179
    [​IMG]
    ก่อนจะเริ่มต่อ

    ผมจะขอเริ่มเรื่องโดย การย้อนรอยไปถึงเทพนิยายหรือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ในอดีตก่อน คัมภีรืเหล่านี้ล้วนไม่ถูกยอมรับโดยพระพุทธเจ้าสาเหตุหน้ามาจากประการเดียวคือ บรรดาคัมภีร์และเทพนิยายเหล่านี้ได้ให้จำกัดความคำว่า "พระเจ้า"ผิดพลาด โดยระบุว่า พระเจ้าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งที่เป็นอัตตา หรือสสารบังเกิดขึ้น

    คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และนิยายในอดีต
    ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาและลัทธิต่างๆทั่วโลก ต่างพากันเชื่อว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้มีฤทธานุภาพและพลานุภาพยิ่งใหญ่สุด พระองค์ได้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่ง รวมทั้งมนุษย์ด้วย โดยการสร้างทั้งหมด อยุ่ในรุปแบบที่เป้นกายภาพหรือมีอัตตา
    เมื่อศาสนาไปสอนเขาว่า อัตตาแท้จริงเป็นอนัตตา ผู้คนต่างพากันงงและไม่เข้าใจเพราะมันไปขัดกับสิ่งที่มนุษยืทั้งโลกรับรุ้ บ้านก็เป็นอัตตาจานชามก็เป็นอัตตา แม้แต่ตัวเขาเองก้เป้นอัตตา และถ้าเราผ่าอัตตาชิ้นใหญ่ออกเป็นชิ้นเล็กๆ จนถึงเล็กที่สุด เราก็ยังเห้นเป้นอัตตาอีก พอโลกมีความเจริญทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น

    [​IMG]
    [​IMG]
    นักวิทยาศาสตร์สามารถค้นพบอะตอม และเห็นสิ่งเล็กกว่านั้นคือ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน ทั้งหมดก็เป็นอัตตาเหมือนเดิม
    ดังนั้น ข้อเท็จจริงเรื่องเกี่ยวกับการสร้างจักรวาลและสรรพสิ่งของพระองค์พระผู้เป็นเจ้า จึงล้วนชี้ว่า ทุกสรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้นมาเป้นอัตตา หรือเป้นสสารทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ เทพนิยายเรื่องการสร้างสรรพสิ่งที่เป้นอัตตาของพระเจ้าจึงเป็นความจริงอยุ่ในศาสนาต่างๆมานานแสนนาน ยกเว้นศาสนาพุทธที่ปฏิเสธพระเจ้า ในฐานะที่เป็นผู้จักรวาลและสรรพสิ่งที่เป็นอัตตา




    ความเจริญสุดขีดของมนุษย์ย้อนมาเล่นตลกกับมนุษย์
    เมื่อวิทยาศาสตร์ได้เจริญสุดขีด ความเจริญสุดขีดของมนุษย์ ได้กลับมาเล่นตลกกับมนุษย์เอง เพราะในที่สุดนักวิทยาศาสตร์สามารถหาอนุภาคที่เล็กที่สุดได้ เรียกว่า "ควาร์ค" แต่อนุภาคนี้กลับแสดงว่ามันเป็นพลังงานที่อัดแน่นเหมือนถูกแช่แข็ง(FROZEN ENERGY) พูดง่ายๆคือ อณูที่เล็กที่สุดของสสารหรือควาร์ค สิ่งนี้เป็นองค์ประกอบของทุกสรรพสิ่ง แต่ทว่ามันไม่ได้เป็นอัตตาหรือสสาร มันกลับกลายเป็นพลังงาน
    หรือเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตนแต่อย่างใด
    การเจอควาร์คครั้งนี้ ผมเชื่อว่า มนุษย์ได้เจอสิ่งที่ก่อเป้นรุป เพื่อลวงจิตมนุษย์แล้ว สิ่งนั้นคือควาร์คนี้เอง เพราะควาร์คเป็นพลังงาน ไม่มีตัว ไม่มีตน เป็นอนัตตา ด้วยเหตุนี้ทุกอย่างในจักรวาล ซึ่งมีควาร์คเป็นองค์ประกอบ จึงไม่มีอะไรเลย ที่มีตัวตนอยู่จริง ควาร์คเพียงแต่รวมตัวอัดแน่นกันเหมือนแช่แข็ง ก่อเป็นรุปขึ้นมาเป็นสรรพสิ่งในจักรวาลทำให้มนุษย์เห็น และรับรุ้เสมือนว่า ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลมีตัวตนมีกายภาพและเป็นอัตตา ทั้งที่ความจริงแล้ว พวกมันไม่มีตัวตนอยุ่เลยพวกมันเป็นอนัตตาทั้งสิ้น
    การเป็นอยุ่ของควาร์คนั้นก็มีวิถี อัศจรรย์อย่างยิ่ง คล้ายมันมีจิตใจ และมีความรุ้ที่เป็นสัพพัญญูซ่อนอยู่เบื้องหลังสิ่งที่เรียกว่าสสาร ความรุ้เหล่านี้ถือได้ว่าเป็นปัญญาสากล ครอบคลุมอยุ่ทั่วจักรวาลด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์จึงเชื่อว่าเขาหาพระเจ้าจนเจอแล้ว
    แต่ในทัศนะคติของผม พวกนักวิทยาศาสตร์ได้เจอธรรมชาติของสรรพสิ่งแล้ว สิ่งนั้นคือควาร์คนั้นเอง แต่พวกเขาเจอแต่กายของพระองค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขายังไม่เจอใจของพระเจ้าจริงๆจะๆ พวกเขาเพียงแต่รู้ว่า มีบางอย่างที่เป็นเสมือนใจของควาร์ค คอยควมคุมควาร์คอยู่ และทำให้ควาร์คทำหน้าที่ เหมือนเป็นตัวรุ้ที่มีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ในใจของผม ผมคิดว่า พระเจ้าที่แท้จริง ก็คือใจของจักรวาล
    และใจของจักรวาล ก็อาจเป็นจิตของสรรพสัตว์ และวิญญาณทั้งปวง รวมทั้งจิตใจของพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้วทุกพระองค์หรือไม่ก็ใจของจักรวาล อาจจะเป็นใจของพระเจ้าแท้จริง ซึ่งแต่เดิมพระองค์เป็นสิ่งบริสุทธิ์ พระองค์อาจจะเป็นผู้สร้างจักรวาลขึ้นมา เพื่อเป็นสนามทดสอบตัวของพระองค์เอง ซึง่มีจำนวนเป็นอนันต์ โดยพระองค์เองได้สั่งให้ตัวเองลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ก่อนจะเข้าไปเล่นในจักรวาลถ้าจิตในพระองค์ดวงใดในจักรวาล ที่สามารถละกิเลส ตัณหาและอุปทานได้หมดไม่มีเหลือ จิตดวงนั้นอาจเป้นพระเจ้าที่แท้จริงและกลับไปรวมเป็นหนึ่ง
    เดียวกับจิตของพระองค์พระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง ที่อยุ่มาก่อนหน้านี้
    ถ้าจิตทุกดวงได้กลับไปเป็นพระเจ้าที่แท้จริงแล้ว และรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตของพระผู้เป็นเจ้าแท้จริงทั้งหมดแล้ว เมื่อนั้น ความมีตัวตนของจักรวาลอาจสลายหายไปทันที เหลือเพียงแต่ตัวผู้รุ้แจ้งที่เป็นจิตบริสุทธิ์เท่านั้น
    นักวิทยาศาสตร์หาจักรวาลจากภายนอก แต่เป็นไปได้มากกว่า สุดท้ายพวกเขาอาจจะเจอจักรวาลภายในใจของตัวเอง
    ในอนาคตถ้านักวิทยาศาสตร์ยังคงก้าวหน้าต่อไปอีกอย่างไม่หยุดยั้งตำนานหรือคำภีร์ศักสิทธิ์ของศาสนาใดๆ ที่เล่าเรื่องการสร้างจักรวาลและสรรพสิ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต ในบทนี้ผมจะขอเสนอตำนานหรือนิยายสมัยใหม่ ซึ่งผมเชื่อว่าอาจเป็นความลับฟ้า เรื่องการสร้างจักรวาลและสรรพสิ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริงตำนานหรือนิยายสมัยใหม่เรื่องนี้ อิงกับพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์ควอนตั้มฟิสิกซ์



     
  12. arinrum

    arinrum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +179
    [​IMG]
    ผู้ได้ชัยชนะในเกมส์อัตตา-อนัตตา
    ตอนนี้พระเจ้าแท้จริงก็ได้จัดทุกสิ่งทุกอย่างลงตัวหมดแล้วสรรพสิ่งที่ไม่มีอยุ่ ได้กลับมีสภาพเหมือนมีอยู่จริง อนัตตาได้มีสภาพเหมือนเป็นอัตตาเต็มตัว และก็มีสิ่งลวงและกับดักและกติกาการเล่นอยู่พร้อมสรรพนอกจากนี้พระเจ้าแท้จริง ก็ยังทิ้งร่องรอยและหลักฐานเอาไว้ด้วย คือพระองค์ได้กำหนดให้ ทุกสรรพสิ่งเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ทั้งนี้เพื่อให้มนุษย์เริ่มสืบค้นหาความจริงเรื่องเกมส์อัตตาแท้จริงเป็นอนัตตา ได้จากหลักฐานชิ้นแรกนี้
    มนุษย์ผู้หลุดพ้น หรือที่รุ้ความจริงทั้งในทฤษฎีและทางปฏิบัติว่า ทุกอย่างเป็นอนัตตา และไม่มีกิเลสตัณหาและอุปทานเหลืออยู่ เรียกว่า "พระอรหันต์" พระอรหันต์เป็นผู้ที่จะถอดเปลือกนอก ที่เป็นร่างกายและวิญญาณออกไปเมื่อตายลง เพื่อเข้าสุ่นิพพาน คือไปเป็นพระเจ้าแท้จริง และรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าแท้จริง (คือจิตบริสุทธิ์ที่อยู่ในภาวะนิพพาน) ซึ่งถือว่ามนุษย์ท่านนี้ชนะเกมส์อัตตา-อนัตตา
    แต่ท่านไม่ยอมถอดเปลือกวิญญาณออก แม้ว่าท่านจะตายไปแล้ว แต่อยู่ในภาวะที่พร้อมจะเข้าไปนิพพานได้ทุกเมื่อ ท่านผู้นั้นก็จะเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เช่นนี้ไปเรื่อยๆ แต่สถานะของท่านจะเปลี่ยนไปโดยปริยาย จากผู้เล่นกลายเป็นผู้สั่งสอนทางให้มนุษย์และสรรพสิ่งทั้งปวง ไม่ยึดติดไม่ยึดมั่นในตัวเอง และให้ละกิเลส ตัณหา และอุปทานให้ได้ ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะไปเป็นพระเจ้าที่แท้จริง และรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าแท้จริง
    ท่านเป็นผู้รู้ความจริงเรื่องเกมส์อัตตา-อนัตตา และรุ้คำเฉลยการออกจากเกมส์แล้ว บางท่านเรียกพระวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านี้ว่า พระโพธิสัตว์ แต่จริงๆแล้ว ควรจะเรียกพระมหาโพธิสัตว์จะสมกว่า ดังเช่น พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม เป็นต้น

    [​IMG]
    เจ้าแม่กวนอิมท่านบรรลุอรหัตผล ตรัสรู้สัมโพธิญาณ พร้อมจะกลับเข้าไปเป็นพระเจ้าแท้จริง หรือรวมเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริงแต่ท่านปณิธานอันแรงกล้าว่า จะไม่ยอมนิพพานเด็ดขาด จนกว่าจะช่วยมนุษย์และสรรพสัตว์ให้เข้านิพพานได้หมด
    เป็นที่หน้ารุ้ว่า สุดท้ายแล้ว พระเจ้าฝ่ายขาวหรือเจ้าแม่กวนอิมใครจะเข้านิพพานก่อน เผลอๆ พวกท่านจะเข้านิพพานไม่ได้เสียด้วย อย่าลืมว่าพญามารนั้นต่อต้านพระเจ้าแท้จริงถึงที่สุด แล้วพญามารก็เป้นสุดยอดแห่งการลอกลวงจิตและวิญญาณ จึงเป็นไปไม่ได้ว่า จิตและวิญญาณที่เต้มไปด้วยความยึดมั่น และไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จะยอมเข้านิพพานท้ายที่สุด จะพลอยดึงจิตของพระเจ้าฝ่ายขาวและเจ้าแม่กวนอิมให้เข้านิพพานไม่ได้ด้วย
    มนุษย์เมื่อเริ่มเล่นเกมส์แล้ว วิญญาณและจิตบางส่วนก็เจอทางกลับไปหาพระเจ้าได้ช้า บางส่วนยังหลงทางอยุ่ ไม่เจอทางกลับไปหาพระเจ้าแต่บางส่วนก็เจอทางไปหาพระองค์ได้เร็ว
    จักรวาลและโลกนี้เกิดและดับมาหลายครั้ง ครั้งแรกมนุษย์ผู้มีนามว่าพระวิปัสสี เป็นผู้ชนะเลิศคนแรกในเกมส์ ท่านได้ไขความลับของเกมส์อัตตาเป็นอนัตตาได้สำเร็จ ได้กลับไปหาและกลับไปเป็นพระเจ้าแท้จริงตามเดิม ผู้คนในยุคนั้นขนานนามท่านว่า พระวิปัสสีพุทธเจ้า ดังนั้นคำว่าพระพุทธเจ้า จึงมีความหมายว่า มนุษย์ผู้ตรัสรู้ธรรมะสูงสุดด้วยตนเอง พระองค์ได้หลุดพ้น และได้เป้นพระอรหันต์แล้ว แต่พระองค์ยังได้เที่ยวสอน และบอกทางไปเป็นพระอรหันต์ ให้ผู้คนได้รับรู้ด้วย
    เมื่อพระองค์นิพพานไป พระองคืได้กลายเป้นพระเจ้าที่แท้จริง หรือเป้นส่วนหนึ่งของพระเจ้าแท้จริง เป็นจิตบริสุทธิ์อยุ่ในนิพพาน
    ดังกล่าวมาแล้วว่าจักรวาลเกิดและดับ ดับแล้วเกิดอีก เป็นเวลาหลายครั้ง ในช่วงเวลานั้น มีพระพุทธเจ้ามาแล้ว 7 องค์ ใน 32กัปป์ มนุษยืสุดท้ายที่ไขความลับเรื่องเกมส์อัตตา-อนัตตาของพระเจ้าแท้จริงได้ในกัปป์ปัจจุบันคือ โคตมะพุทธเจ้า หรือ สัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระองค์ได้กลายเป้นพระเจ้าแท้จริง และส่วนหนึ่งของพระเจ้าแท้จริง อย่างไรก็ตาม สานุศิษย์ของพระองคืยังหลงทางอยุ่ ไม่สามารถตีความลับที่พระพุทธองค์ทิ้งไว้ออกว่า นิพพานคือการเข้าไปรวมเป้นหนึ่งเดียวกับพระองคืผู้เป้นเจ้าแท้จริง และกลับกลายเป้นจิตเดียวกับพระเจ้าแท้จริง ทั้งๆที่พระพุทะองค์ได้ทรงตรัสเปิดเผยความลับนี้ออกมาอย่างชัดเจน
    ในความเป็นจริงถ้ามนุายืไม่ยึดติดความคิดความเห็นของตนเองอย่างเหนียวแน่น และไม่แบ่งแยกศาสนา พวกเขาจะพบทางกลับไปหาพระเจ้าแท้จริง ได้ง่านและเร้วที่สุด เพราะพระองค์อยุ่ในจิตของผู้เห็นธรรมและพระองค์ยังให้เหล่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ คอยชี้นำทุกศาสนารวมทั้งอยู่ในศาสนาที่มนุษย์ถือว่าพัฒนาสูงสุด คือ "วิทยาศาสตร์ควอนตั้มฟิสิกส์"ด้วย
    ขอเพียงมนุษย์รวมกันค่อยๆสืบเอาร่อยรอยต่างๆ รวมทั้งศึกษาหาความรุ้วิทยาศาสตร์ไปเรื่อยๆ เชื่อว่าคงหาทางกลับเขาไปรวมกับพระเจ้าแท้จริงในไม่ช้า แต่เมื่อมนุษย์แยกฝ่ายแยกพวกกันทำให้พวกเขาหาทางกลับไปหาพระเจ้าแท้จริงไม่เจอ

     
  13. arinrum

    arinrum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +179
    [​IMG]
    พระเจ้าฝ่ายอัตตาได้รับสิทธิในการทำลายสนามลวงตาทิ้ง ถ้ามนุษย์ไม่พบทางกลับไปหาพระเจ้าแท้จริงอีก
    สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตำนานนิยายเรื่องนี้ ก็คือตอนจบ เพราะว่ารางวัลและการลงโทษ ที่พระเจ้าแท้จริงได้ให้พรเจ้าฝ่ายอัตตาและพระเจ้าฝ่ายดำ ร่วมกันดุแล แต่มนุษย์ยิ่งเจริญขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็ยิ่งถอยหนีจากการทำความดี ส่วนใหญ่จะเชื่อว่าพระเจ้าฝ่ายอัตตาไม่มีจริงแล้วไปเชื่อว่า พระเจ้าแท้จริงมีได้อย่างไร ยิ่งเรื่องนรก พวกเขายิ่งไม่เชื่อใหญ่
    ด้วยเหตุนี้มนุษย์บางพวกเลยหลงระเริงในความชั่ว โดยไม่เกรงกลัวต่อบาปเพราะไม่เห็นผลกรรมความชั่ว โดยไม่ให้สวรรค์มาประทานรางวัลแต่อย่างใด
    ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้ามนุษย์ยิ่งไม่รู้ตัวเองว่า ถ้าตนเองได้สามารถลดละกิเลส ตัณหาและอุปทานได้ ตนเองนั้นแหละคือพระเจ้าแท้จริงและจะได้รวมกับพระองค์ ขืนพวกเขาพูนความชั่วเพิ่มไปเรื่อยๆพวกเขาจะกลายเป้นสัตว์นรกไปหมด
    มนุษย์พวกนี้ แทนที่จะหาทางกลับไปรวมอยุ่กลับพระเจ้าแท้จริง หรืออย่างน้อยทำความดีเพื่อขึ้นสวรรค์ก่อน พวกเขากลับไม่ยอมทำ และกำลังหลงทางอยุ่คือ พวกเขากำลังหลงระเริงอยุ่กับการทำชั่วเช่นนี้หนักขึ้นเรื่อยๆ หนักเข้าๆ และพระเจ้าฝ่ายขาวเห็นว่า ไม่มีมนุษย์ผู้ใดสามารถเป็นพระอรหันต์ได้อีก เพระาว่าพวกเขายังไม่มีความสามารถ แม้กระทั่งขึ้นสวรรค์ได้เลย
    ด้วยเหตุนี้ องค์พระพุทธเจ้าแท้จริง พระองค์เลยให้สิทธิในการทำลายโลกนี้แก่พระเจ้าฝ่ายอัตตา ถ้าจำเป็นต้องล่มกระดานการเล่นของพระเจ้าแท้จริง ก็ล้มได้ โดยทำให้มวลสรรพสัตว์และสรรพสิ่งในโลก ตายและพินาศลง แล้วค่อยเริ่มเล่นเกมสืใหม่อีกครั้งหนึ่ง เราเรียกวันนั้นว่า "วันสิ้นโลก"
    พระเจ้าแท้จริงให้สิทธิการทำลายมนุษย์กับพระเจ้าฝ่ายอัตตาเพราะมนุษย์เป็นเพียงเปลือกนอกของพระเจ้าแท้จริง ไม่ได้เป้นเนื้อแท้ของพระองค์แต่อย่างใด ในอดีตพระเจ้าฝ่ายขาวก็เคยใช้สิทธินั้น ทำลายและใช้สิทธิสร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่แล้ว ทั้งนี้เพื่อเล่นเกมของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง
    เมื่อวันสิ้นโลกมาถึง ดวงวิญญาณมนุษย์และสรรพสัตวืที่ยังไม่ได้นิพพาน จะวนเวียนในโลกวิญญาณไปเรื่อยๆ ดวงวิญญาณแต่ละดวงจะขอเลิกเล่น และขอกลับไปรวมกับพระเจ้าแท้จริงอีกไม่ได้เพราะพระองค์เป็นจิตบริสุทธิ์ เหล่าวิญญาณที่ต้องการกลับเข้าไปรวมกับพระเจ้าแท้จริง กระทำได้ด้วยวิธีเดียวเท่านั้นคือ พวกเขาต้องละวางกิเลส ตัณหาและอุปทานให้ได้
    ถ้าพวกเขาละวางไม่ได้ ในอนาคตโลกใหม่ และชีวิตใหม่บังเกิดขึ้น วิญญาณเหล่านี้ พวกเขาก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดในร่างใหม่ๆ ไปเรื่อยๆอีก อย่าลืมว่าพระเจ้าแท้จริงเป็นอยุ่อย่างสุขชั่วนิรันดร์ เวลาไม่ได้มีความหมายกับพระองค์ พระองค์รอเล่นเกมส์อัตตา-อนัตตากับส่วนหนึ่งของพระองค์ ซึง่เป็นสรรพสัตว์ต่างๆได้เสมอ จะเป็นเวลานานแสนนานหรือเป็นล้านๆปี หรือชั่วนิรันดร พระองค์ก็รอได้ ไม่มีปัญหาใดๆเลยสำหรับพระองค์เลย เพราะพระเจ้าแท้จริง พระองค์ทรงอยู่ในจักรวาลนี้ตามลำพัง
    ชั่วกัลปาวสาน
    ตอนนี้พวกท่านรุ้รึยังว่า พระเจ้าแท้จริงหรือใจของจักรวาลนอกจากเป้นจิตบุริสุทธิ์แล้ว พระองคืยังเป็น "มโนธาตุหรือใจที่รู้แจ้งด้วย"หรือถ้าจะให้พูดอีกนัยหนึ่ง องค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริงคือ "ธรรมชาติที่รุ้แจ้งนั้นเอง"
    นักวิทยาศาสตร์หาความจริงเกี่ยวกับจักรวาลภายนอก ผมเชื่อว่าสุดท้ายจะพบว่า ความจริง ใจของจักรวาลหรือใจของพระเจ้าแท้จริง ทั้งหมดอาจอยุ่ในใจของสรรพจิตทั้งหลาย แต่ตอนนี้ใจเหล่านี้ยังไม่บริสุทธิ์พอ ที่จะรุ้แจ้งเรื่องความจริงของจักรวาล
    ส่วนสรรพสิ่งทั้งปวงในจักรวาล อาจเป็นกายของพระเจ้า หรือ ควาร์คหรือเรียกว่ากายธรรมชาติก็ได้
     
  14. arinrum

    arinrum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +179
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    พระพุทธเจ้าเห็นการเวียนว่านตายเกิดของมนุษย์มาจากไหน
    พระไตรปิฏกได้บันทึกว่า พระพุทธองค์ซึ่งเป็นผู้เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์ พระองค์ตรัสว่า ก่อนหน้ายุคของพระองค์ก็มีพระพุทธเจ้ามาแล้ว 7 องค์ในเวลา 32กัปป์รวมพระองค์ด้วย
    พวกท่านก็รุ้ประวัติศาสตร์โลกดีว่า มีพระพุทธเจ้าในโลกนี้เพียงคนเดียว แต่พระพุทธองค์ไม่มีทางตรัสเท็จแน่นอน แล้วบันทึกกานเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์ก่อนหน้านั้น พระพุทธองค์ไปเห็นหรือไปเอามาจากไหน
    คำตอบคือ มันอยุ่ในเหล่าวิญญาณของมนุษย์นั้นเองวิญญาณเป็นตัวรู้เป็นตัวเก็บสะสมแฟ้มสะสมเหตุการณ์ที่เราเคยทำความดีความชั่วของมนุษย์วิญญาณไม่เคยตาย มีแต่นิพพาน วิญญาณได้เก็บสะสมการกระทำของมนุษย์ไว้ไม่มีการลืม พระพุทธองค์ตรัสรุ้ได้ ก็เนื่องจากเห็นการเวียนว่ายตายเกิดจากแฟ้มวิญญาณเหล่านี้ พระพุทธองค์ดุย้อนไปในอดีตไม่จบสิ้น จึงเห็นว่าโลกนี้หรือจักรวาลนี้ได้เกิดแล้วดับมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน
    ลองดูตอนที่พระพุทธองค์ได้บุพเพนิวาสานุสติญาณดู พระองค์ทรงตรัสว่า
    "เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส....เราย่อมละลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือละลึกชาติได้หนึ่งชาติบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง..ร่อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏฏวิวักัลป์เป็นอันมากบ้าง ว่าในภพโน้น เราได้มีชื่ออย่างนั้น...ครั้นจุติจากภพนั้น แล้วได้เกิดไปในภพโน้น...ครั้นจุติจาก
    ภพโน้น แล้วมาเกิดในภพนี้ เราย่อมละลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก
    คำตรัสสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องการไปจุติในภพนั้นบ้าง ภาพนี้บ้าง ทำให้ผมคิดเรื่องมนุษย์ต่างดาว หรือภพที่เป็นดาวเคราะห์ดวงอื่น
     
  15. kamoochi

    kamoochi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +326
    ชิชะ แก๊งนี้ฮาดีนะ 555:cool:
     
  16. thaiboy74

    thaiboy74 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +207
    ถ้าสุนัขสามารถสร้างพระเจ้าและสร้างศาสนาของตนเองได้
    ผมขอถามจริง ๆ เหอะ ว่า พระเจ้าของสุนัขนั้น จะมีรูปร่างลักษณะเหมือนกับสุนัข หรือเหมือนกับมนุษย์ แล้วสวรรค์และนรกของสุนัขจะเป็นอย่างไร จากความคิดของมัน

    บางครั้งสิ่งที่เรารู้และเข้าใจอาจไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่มันเป็นจริง ๆ ก็ได้
    ตราบใดที่เรายังมองพระเจ้าในเชิงรูปแบบ โดยเฉพาะในแง่ของบุคลาทิศฐานในแบบที่เรามองและเข้าใจ

    ซึ่งต่อเนื่องจากคำถามแรก แล้วถ้าเราเข้าใจว่าพระเจ้ามีรูปแบบและบุคลิกของมนุษย์ โดยสรุปแล้ว ตกลงเราสร้างพระเจ้าหรือพระเจ้าสร้างเราขึ้นมากันแน่

    ทุกข์ของมนุษย์คือ ร้อน หนาว หิว ความเจ็บปวด ป่วยไข้ สิ่งเหล่านี้เราจะเห็นปรากฏอยู่โดยส่วนใหญ่ในวิธีคิดเรื่องนรกในเกือบทุกศาสนา
    แล้วสุข คงเป็นเรื่องของ ความมั่งมี อากาศที่อบอุ่นหรือเย็นสบาย ชีวิตอันสมบูรณ์ ซึ่งก็ปรากฏในรูปแบบของสวรรค์อีกนั่นเอง

    เพียงแต่รูปแบบอาจต่างกัน ซึ่งในความเป็นจริงจะมีหรือไม่มี หรือเป็นอย่างไร เหมือนต่างกันแค่ใหนคงไม่อาจพูดได้ เพราะโดยส่วนตัวผู้เขียนเองก็ไม่เคยเห็นด้วยตาเหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2010
  17. Peak_14

    Peak_14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +465
    ต้องขอชื่นชม ช่างเป็นรูปหลุดที่ดูเท่ห์มาก ทรงผมนี่ล้ำสุดๆของชาติไหนเหรอ (ตามไม่ทัน)...มองในแง่ศิลปะดูเหมือนจะละทุกอย่าง แต่ยังมีหลงๆมัวๆอยู่เป็นสีชมพูกระหยอมกระแหยม ฮิ ฮิ

    แล้วเพลงน่ะ จะหาฟังหรือโหลดจากไหนไหนบ้างเอ่ย บอกหน่อยนะ
     
  18. Hikikomori

    Hikikomori เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +326
    อ่านๆไปชักกลายเป็นนิยายเทพซะแล้ว เกมของพระเจ้าเองรึทำให้เราเป็นดั่งทุกวันนี้
    ขอเปลี่ยนเกมไม่ได้เหรอ ไม่มีเกมอื่นที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ พระเจ้าใจร้ายจัง
     
  19. mib8gdviNz

    mib8gdviNz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ใครเคยเล่นเกมส์ The Sims มั่ง

    ตัวละครใน เดอะซิมส์ อาจจะเป็นเราก็ได้

    แล้วก็จะมีผู้เล่น คอยคุมเราอยู่

    หึหึ..
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,934
    *** หลักสัจจะธรรม ****

    หลักเดียวที่มั่นคง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...