ΟΟ ระวัง การเปิดรับ พลังด้านลบ ที่ปลอมมาเป็นพระ -เทพ ΟΟ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ohogamez, 22 เมษายน 2006.

  1. ohogamez

    ohogamez เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +2,327
    มาบอกเล่าวิธีในการพิสูจน์ นิมิต ญาณ องค์เทพ พระ ครูอาจารย์

    พระโพธิสัตว์ ว่าเป็นท่านจริงหรือไม่ดีไหมครับ


    คำถามนี้สำคัญมาก

    จะป้องกันการครอบงำจากพลังด้านลบ และช่วยตน คนอื่นได้จริงๆ



    มาบอกเล่าเป็นธรรมทานกันเถิดครับ
     
  2. carlipso

    carlipso Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +46
    'งง
     
  3. carlipso

    carlipso Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +46
  4. oill

    oill Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2006
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +88
    งง มากกว่าค่ะ
    ถ้าจะให้ดี รายละเอียดด้วยค่ะ
    รอคำตอบอยู่นะคะ
     
  5. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    มาร มีหลายหน่วย ที่มีพลังจิตระดับเดียวกับเทพแต่เป็นพลังจิตทางลบ และอาจจะเข้ามาในนิมิตหรืออาจจะปรากฏตัวให้เห็นเป็นรูปพระบ้างเป็นรูปเทพเทวดาบ้างแล้วก็สอนหลักธรรมบางอย่างที่อาจจะดูดี แต่แฝงด้วยบางส่วนที่ผิดไปจากพรหมวิหารสี่ กุศลกรรมบทสิบ ศีลห้า และ หลักธรรม ของพระพุทธองค์ โดยอ้างว่าทำพลาดไปบ้างเล็กน้อยก็สามารถทำการสวดขอขมากรรมได้ไม่เป็นไรแต่ถ้าเราหลงเชื่อและปฏิบัติตามบ่อยๆเข้าตัวเราก็จะเพิ่มตัวมานะ(การถือตน คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ หลงตัวเอง) จนสุดท้ายเราก็กลายเป็นมารไปเรียบร้อยเอง ดังนั้นเพื่อป้องกันตัวเราไม่ให้หลงไปกับมารเราต้องหมั่นตรวจสอบดูว่าจิตแต่ละจิตที่เกิดทุกๆวินาทีมีจิตใดบ้างเป็นกุศลจิต จิตใดบ้างเป็นอกุศลจิต แล้วคัดแยกจิตที่ดีหรือกุศลจิตไว้ แล้วหยุดหรือเลิกสนใจในอกุศลจิต เท่านี้เราก็ห่างจากการถูกหลอกได้แล้วครับ หมั่นพิจารณา ไตรลักษณ์ มรรคองค์แปด สังโยชน์สิบ และ มรณานุสสติ ให้ดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 สิงหาคม 2006
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ในความเป็นมนุษย์ การแยกแยะญาณละเอียดทำได้ยากพอควร...
    ถ้าหากเป็น "การยืมร่าง" ส่วนมากผมจะดูการปฎิบัติกิจวัตรทั่วไปเพื่อดูว่าสอดคล้องกับหลักธรรมความเป็นพุทธะก่อน และผมจะวัดที่ระดับความปิติในจิตตัวเองด้วยความเป็นกลางที่สุด ดูสิ่งที่เกิดขึ้นดูปัจจัยของที่ถวายว่าเป็นประเภทไหนพอจะบ่งบอกได้..แต่อาจใข้เวลาพิสูจน์พอควรครับวิธีนี้...
    แต่ในที่สุดพิรุธต่างๆก็ต้องปรากฎแน่นอนไม่ช้าก็เร็วหากเป็นมารมาแฝงจริง
    เพื่อไม่ให้หลงทางคุณอาจลองไปรับวิถีธรรม กับญาณแห่งพระโพธิสัตว์ หรือปฎิบัติกับพระที่วางใจได้เสียก่อน เชื่อได้ว่าบางทีสิ่งที่เรียกว่ามนต์ดำจะมีอาการทันทีครับ..ไม่กล้ามากล้ำกราย
    คุณแม่ผมไปรับ"วิถีธรรม" แต่เผลอไปเจอร่างทรงอื่นเข้า (เพราะเพื่อนชวนไป) ขนาดนั่งอยู่ห่างๆ เขาดูลนลานตกใจแล้วถามว่า เฮ้ย!! เอ็งไปทำอะไรมา หน้าเอ็งมีแสง!!
     
  7. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    เรียนคุณมีดครับ ยุคนี้เป็นยุคสุดท้ายที่ปล่อยให้ผู้มีโทษทัณฑ์เบาบางจากแดนนรกให้ขึ้นมาแก้ตัวใหม่ซึ่งส่วนใหญ่แก้ไขตัวเองไม่ได้ก็จะแสดงพฤติกรรมที่รุนแรงเป็นอกุศลออกมาอย่างชัดเจน และหลายๆคนก็ยังมีความแค้นส่วนตัวกันมาจากอดีตชาติ(เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาก่อน)และก็มาจัดการกับคู่กรณีของพวกเขาเองทำให้สร้างบาปกรรมผูกพันกันไม่จบไม่สิ้นนับว่าเป็นตัวอวิชชาที่ร้ายแรงตัวหนึ่งที่ทำให้พวกเขาต้องเวียนว่ายกลับไปอยู่ในนรกภูมิใหม่ แต่ถ้าหากผู้ใดเข้าใจในเรื่องของกฏแห่งกรรมชัดเจนแล้วไซ้รเขาก็จะอโหสิกรรมให้กับคู่กรณีของเขาและไม่เอาความใดๆเลยเขาก็จะเป็นผู้โชคดีที่ได้เข้ามาเดินในเส้นทางธรรมของพระพุทธองค์ได้ทันที

    โดยส่วนตัวของผมเองผมได้ให้อโหสิกรรมกับคู่กรณีของผมทุกคนทุกองค์ทุกตนทุกตัวไปเรียบร้อยแล้ว และได้พยายามทำสมาธิทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวรของตัวผมทุกๆท่านมาตลอด โดยหวังให้ท่านเหล่านั้นอโหสิกรรมให้ผมเพื่อพวกเขาจะได้เข้าสู่เส้นทางธรรมของพระพุทธองค์กันได้ทุกท่านและก็จะได้กลับมาเป็นเพื่อนเป็นสหายธรรมกันใหม่ในยุคของพระศรีอาริยะเมตตรัยจนได้พระนิพพานกันทุกคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 สิงหาคม 2006
  8. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,166
    กระทู้เรื่องเด่น:
    25
    ค่าพลัง:
    +29,754
    คุณ OILL

    ผู้ตั้งกระทู้ตอบชัดเจนแล้ว ลองอ่านตรงนี้ดู

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=36216



    คุณ MEAD ครับ

    ผมได้รับการชักจูง ชักชวน เข้ารับ วิถีธรรม บ่อยมาก

    จนครั้งหนึ่ง เขาแย้งหรือ ตอบคำถามไม่ได้ จึงเชิญอาจารย์ที่เป็นร่างทรง
    ที่มาเผยแผ่วิถีธรรมมาคุยกับผม คุยไปคุยมา ก็มีอาการลงทรงนั่นแหละ

    คราวนี้ บอกว่าเป็นอรหันต์จี้กง และพระแม่ฯมาเอง
    เราก็อาราธนาคุณพระ ครูอาจารย์
    ระเบิดศูนย์กลางกายของเขาดู ก็ขอบอกว่า คล้ายๆกับที่คุณ OO เล่ามา
    นั่นแหละ

    ถ้ารู้จักประยุกต์ใช้วิชชาธรรมกาย หรือ มโนมยิทธิ

    อย่าใช้เพียงทัศนะของกายทิพย์ พรหม อรูปพรหมดูเขา บางครั้งที่มานั้นไม่ใช่ย่อยๆเลย

    ต้องวางอารมณ์ ตัดกิเลสให้ใจสะอาดแม้เพียงชั่วคราว ( ตามหลักที่หลวงพ่อฤาษี หรือ วิชามโนมยิทธิ ท่านสอนนั่นแหละ ) คราวนี้ใจจะผ่องใสรองรับ
    บารมีพระได้เต็มที่ ถ้าคล่องธรรมกายก็ใช้ญาณพระธรรมกายดู ถ้าคล่องมโนฯ ก็ต่อญาณกับพระท่านดู ก็เห็นตัวจริงของเขา


    ทำไมพระพุทธองค์ ท่านไม่ให้คนรับธรรมะ แบบวิถีธรรม มาตั้งแต่สมัยพุทธกาลเสียเลย สิ่งนี้ควรพิจารณาให้ดี

    ทางและผู้ชี้ทางยังมีอยู่ แต่สัตว์โลก ความเพียรน้อย มักจะหาทางลัด
    จึงเดินสู่กับดักแห่งมาร
     
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    สงสัยที่คุณ Tony Jaaa ไปคุยด้วยอาจมีจะมีอะไรแฝงครับ...
    ปกติไม่ใช่แบบนี้ครับ ท่านจะมาเฉพาะตอน"ประชุมธรรม"เท่านั้นซึ่งนานๆจะมีสักครั้ง ซึ่งผ่านร่างเด็กๆผู้หญิงพรมจรรย์เท่านั้น ไม่เคยผ่านร่างผู้ใหญ่เลย บางทีอาจมีมารหรือเจ้ากรรมนายเวรของเขามาแทรกเพราะมีอวิชาปิดกั้นอยู่ เป็นธรรมดาเพราะการบำเพ็ญธรรมเพื่อหลุดพ้น เจ้ากรรมนายเวรมักไม่ค่อยยอมให้เราง่ายๆแน่นอน อาจทำให้เราเกิดความไข้วเขวได้ บางทีเล่นกันดุเดือดถึงชีวิตเลยครับ..ผู้ที่จะมารับธรรมะบางคนมักถูกเจ้ากรรมนายเวรดึงเอาไว้ก่อน คล้ายๆจะหนีไปคนเดียวได้ไง..ยังไม่ได้ชำระความกันเลย ต้องสะสางกันก่อน..
    ฉะนั้นเราควรศึกษาให้ตรงจุดที่แก่นธรรมคำสอนดีกว่าครับ ? มีอะไรที่เป็นอวิชาแยกแยะเอาส่วนที่ดีเป็นประโยชน์มาปรับใช้ ให้เหมาะสม จะเกิดประโยชน์สูงสุดครับ..เรื่องที่เป็นเปลือกภายนอกไม่สำคัญเท่าเรื่องจิต เข้าหากระพี้แก่นธรรมไปเลยสนุกกว่าครับ
    ผมค่อนข้างเปิดใจกว้างในเรื่องความรู้ต่างๆนะครับ ไม่ได้มาชักชวนไปไหน เพราะทราบดีว่าจริตแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพียงแต่นำประสบการณ์ที่เคยสัมผัสแล้วมาเล่าใหฟัง เรียนรู้ด้วยกันแบบสนุกนะครับ...
    และอีกอย่างยุคนี้เป็นยุคขับขัน ภัยภิบัติกำลังลงเก็บกวาด พระพุทธเจ้าเองท่านสอนหมดแล้วเรื่องวิธีเข้าสู่พระนิพพาน เพียงแต่ผู้คนส่วนมากในปลายยุคนี้พากันหลงลืมหนทางกลับบ้าน เบื้องบนท่านก็ช่วยมาบอกกล่าว เตือนสติก่อนที่จะสายเกินแก้ เพราะผู้คนห่างธรรม ไม่ใส่ใจในความรู้ทางธรรม โลกถึงเป็นแบบทุกวันนี้ จริงไหมครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2006
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เห็นด้วยกับคุณทศพรครับ ถ้าเราไม่ยึดถืออัตตาตัวตนเป็นที่ตั้ง อวิชาก็ยากจะครอบงำ จะมีก็แต่เจ้ากรรมและนายเวรเท่านั้นที่ทำให้เราไข้วเขวได้ ซึ่งอันนี้แล้วแต่ใครผูกบุญ ผูกกรรม สัมพันธ์กันมาในอดีตชาติ ภพชาตินี้ก็เป็นโอกาสที่เขาจะแสดงตัวตนออกมาให้สัมผัส เพราะเป็นเสมือนภพชาติสุดท้ายของทุกๆคนที่มิติเปิดให้โอกาสให้ชำระความกันได้เต็มที่ ความแค้นที่ผ่านมาในรอบหกหมื่นปี ก็ต้องรับกันไปเต็มๆ ของใครก็ต้องรับผิดชอบกันเองนะครับ...

    ขอโมทนากับคุณทศพรด้วยครับ ที่พยายามให้อโหสิกรรมกับคู่กรณีทุกคนทุกองค์ทุกตน อย่างเต็มกำลัง นี่ละครับเป็นวิธีเดียวที่จะขจัดพลังงานกรรมทั้งหมดให้เป็นกลางได้ในภพชาตินี้ ค่อยๆเจรจาบอกกล่าวไปเรื่อยๆ วันนึงเขาก็จะค่อยๆยอมลดความโกรธแค้นลง เบาบางลงได้เอง..ถ้าไม่ได้จริงๆ ถึงกับต้องแลกด้วยชิวิตก็ต้องยอมครับ..ไม่ต่อสู้ ไม่ตอบโต้ ไม่ต่อต้าน และที่สำคัญไม่หลีกเลี่ยงด้วยครับ..
     
  11. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    สิ่งสำคัญอยู่ที่การทำในใจให้แยบคายหรือ "โยนิโสมนสิการ" ถ้าเราพิจารณาสิ่งต่างๆด้วยปัญญาแล้ว ถึงจะรับพลังดีหรือไม่ดี แต่เราก็สามารถเลือก คิด พูด ทำ แต่ในสิ่งที่ดีได้ อะไรที่ไม่ดีที่เป็นอกุศลเราก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่กระทำ ส่วนพลังที่ไม่ดีถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เมื่อเรารับมาเราก็สามารถใช้ปัญญาพิจารณาแปรสภาพให้พลังเหล่านั้นกลายเป็นพลังที่ดีไปได้ครับ
     
  12. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,589
    กรรมนั้นบริหารได้ครับ
    ผ่อนชำระได้ครับ
    สำคัญต้องรู้เหตุแห่งกรรม (กรรมฐาน)
    หรือ ศึกษาเรื่องความลี้ลับของกลไกกรรม
    เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
     
  13. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    ไม่จำเป็นต้องเป็นพลังด้านลบ พลังด้านบวกที่มีกำลังอ่อนก็สร้างปัญหาได้เช่นกัน การเอาชนะกิเลสตัณหาพญามารให้ได้ ใจจะต้องเป็นพระตลอดเวลาจึงสามารถสู้กับมารได้ แต่ถ้าใจยึดพระบ้าง เทพบ้าง พรหมบ้าง อย่างนี้ก็แพ้เด็ดขาด ดังนั้นจึงควรวางทุกสิ่งให้หมด ให้เหลือแต่พระในใจเพียงสิ่งเดียว ให้ใจเป็นพระ พระ พระ....บริสุทธ์ตลอดทุกอนุวินาทีไม่ให้มีอย่างอื่นแทรกได้
     
  14. champobb3

    champobb3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +42
    (i) (i) (i)

    ที่ถิ่นธรรมพูดก็ถูก แต่ ยังไม่หมดทุกสถานะการณ์เด้อ

    (i) (i)
     
  15. champobb3

    champobb3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +42
    เพราะว่า

    เวลาผ่านศูนย์กลางกาย ตั้งแต่กายมนุษย์ ต้องผ่านกายหลัก ตั้งแต่
    ทิพย์ พรหม อรูปฯ แล้วเข้ากายพระไปตามลำดับ

    บางสถานการณ์ เราต้องวางสภาวะที่ทิพย์ หรือ พรหม เพราะ จะได้สื่อกับเขาได้ แน่นอน กายสุดละเอียดหรือ ข้างในสุดต้องเป็นกายพระ
    ( ทางมโนฯ หรือ ผู้มีทิพย์ญาณ จะเห็นกลางดวงจิตเป็นแก้ว แต่ ออกๆมา
    เป็นสีอื่นๆ ตามภาวะปัจจุบัน)

    แต่ อย่าลืมว่า เทวะ หรือ พรหม ที่บางท่านพบ บางท่านก็ทรงภูมิอย่างน้อยก็โสดาฯแล้วก็มีนะ

    การที่สุดละเอียดของเราเป็นพระ แต่ภาวะจิตและกายส่วนหนึ่งอยู่ที่ทิพย์ หรือพรหม ทำให้เราเห็นได้ว่า เทวะ หรือ พรหมนั้น เป็นสิ่งใดจำแลงมาได้หรือไม่
    เพราะ พระท่านจะสื่อ หรือเชื่อมญาณกับกายพระของเราเข้ามาตลอดไง
     
  16. champobb3

    champobb3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +42
    เมื่อหมดภาระที่ต้องสื่อกับเขา

    เราก็รวมทุกจิต ทุกกาย เข้าสุดละเอียด ชำระสิ่งแปลกปลอมและอาสวะ
    อนุสัย อยู่แล้วเป็นการฟอกกาย ฟอกจิต ให้สะอาด จนตกสูญสู่อายตนะนิพพานลึกๆไปเรื่อยๆนั่นแล

    วันใด ฟอกกายและจิต หลายเที่ยว ก็ไม่อาจตกสูญสู่สภาวะละเอียดได้อย่างเดิม พึงสังวรไว้ว่า มีสิ่งผิดปกติแล้ว ซึ่งมีรายละเอียดมากนั้น กลัวยาวไป

    ทางที่ดี ก็ตรวจสอบ เข้าหาครูอาจารย์ เป็นประจำ จะได้ไม่พลาดมาก
     
  17. champobb3

    champobb3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +42
    สูงสุด ละเอียดสุด ย่อมเป็นพระ

    แต่ภาระ และบ่วงกรรม จึงต้องมีกายแห่งเทวะ และพรหม

    ความจริงมันเป็นเช่นนี้แล ท่านผู้เจริญ
     
  18. champobb3

    champobb3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +42
    (i) (i) (i) (i) (i) (i) (i) (i) (i) (i) (i)

    ถูกต้องละคราบ

    ม.....แต่ละระดับ ฯลฯ
    มันยาวขี้เกียจเล่า เดี๋ยวพูดไปก็มีเรื่องกับคุณ ม....อีก

    อะ อะ อย่างน้อยก็มารจิต ทิฐิมานะของตั๋วผู้ข้าเองแหละ ( กำลังว่าเราในใจแน่ๆ ) (f)
     
  19. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +1,148
    เราเคยเจอตำหนักทรง ที่อ้าง ว่าเป็น เทพ อ่ะ
    แต่ ที่เราสัมผัส มัน ไม่ใช่เทพ อ่ะคะ

    คนที่อ้างเทพ แต่กิเลศ ตัณหา ราคะ กับอัดแน่น เต็มพุง
    เราก็เคยเห็นมาแล้ว สยอง สยอง woi
     
  20. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +1,148
    มันเป็น อสุรกายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    มันปลอมตัวเป็น เทพ เป็น กษัตริย์ไทย สมัยก่อน

    ตอนนี้เรา เลิกไป ตำหนักทรงแล้ว

    เราเคยไป เจอร่างทรง มา 4 คน

    ใน 4 คน ( มีพวกอสุรกายแฝง ถึง 2 คน) ไม่ใช่เทพ ด้วยยยยยยยยยย พวกนี้ มักจะชอบอวดตัว
    อ้างตัว สารพัด แต่ กิเลศหนา ทำผิดศีล มากกว่าคนปรกติด้วยซ้าไป (สังเกตุเอาเอง)

    เราเลยเลิกเลย ถ้าไม่ใช่ตำหนักที่ คุ้นเคย ไม่เอาเลย

    โคตรกลัวเลย ขนลุก สยอง ผวา

    ยิ่งพวก ที่หลงว่าตัวเอง เป็นบริวาณเทพ แต่หัวงู นะ สยองมากๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2006

แชร์หน้านี้

Loading...