รวมภาพ การเข้านิโรธกรรมครั้งที่ 7 ของครูบาเจ้าอริยชาติ อริยจิตฺโต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธัชกร, 9 มกราคม 2010.

  1. ธัชกร

    ธัชกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    267
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,040
    [​IMG]




    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]


    พิธีเข้านิโรธกรรม ครั้งที่ 7 ครูบาเจ้าอริยชาติ อริยจิตฺโต
    ระหว่างวันที่ 2-9 มกราคม 2551

    พิธีเข้านิโรธกรรมของครูบาเจ้าอริยชาติ อริยจิตฺโต วัดแสงแก้วโพธิญาณ ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงรายครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 2-9 มกราคม 2551 โดยการนั่งตั้งจิตอธิษฐาน ภายในหลุมที่ลึกเพียงหนึ่งศอกและสูงเพียงท่วมหัว ม่สามารถมองเห็นภายนอก และไม่ฉันข้าว ไม่ถ่ายหนัก ถ่ายเบา เป็นเวลา 7 วัน ฉันเพียงน้ำที่มีอยู่ในบาตรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center><TBODY><TR><TD class=text-white>[SIZE=+1]ความหมายของนิโรธกรรม[/SIZE]</TD></TR><TR><TD class=text-white>
    27/12/2552 14:56:21

    สมาบัติ แปลว่า ถึงพร้อม แปลเหมือนคำว่า สมบัติ ศัพท์เดิมว่า สัมปัตติ แปลว่า ถึงพร้อม หมายถึงการเข้าถึงจุดของอารมณ์ที่เป็นสมาธิ หรือที่เรียกว่า ฌาน เมื่ออารมณ์ของสมาธิยังไม่เข้าระดับฌาน ท่านยังไม่เรียกว่าสมาบัติ เช่น ฌาน 1 เรียกปฐมสมาบัติ ฌาน 2 ท่านเรียก ทุติยสมาบัติ ฌาน 3 ท่านเรียก ตติยสมาบัติ ฌาน 4 ท่านเรียก จตุตถสมาบัติ ฌาน 8 ท่านเรียก อัฏฐสมาบัติ ผลสมาบัติ หมายถึงการเข้าสมาบัติตามผลที่ได้ ผลสมาบัตินี้จะเข้าได้ต้องเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป ท่านที่เป็นพระอริยเจ้าที่ไม่ได้สมาบัติแปดมาก่อน ท่านเข้านิโรธสมาบัติไม่ได้ ท่านก็เข้าผลสมาบัติ คือท่านเข้าฌานนั่นเอง ท่านได้ฌานระดับใด ท่านก็เข้าฌานระดับนั้น แต่ไม่ถึงสมาบัติแปด เมื่อพระอริยเจ้าทุกระดับเข้าฌาน ท่านเรียกว่า เข้าผลสมาบัติ ส่วนท่านที่ไม่เป็นพระอริยเจ้าเข้าฌาน ท่านเรียกว่าเข้าฌาน เพราะไม่มีมรรคผล นิโรธสมาบัติ ท่านที่จะเข้านิโรธสมาบัติได้ ต้องเป็นพระอริยะขั้นต่ำตั้งแต่พระอนาคามี และพระอรหันต์เท่านั้น และท่านต้องได้สมาบัติแปดก่อนตั้งแต่ท่านเป็นโลกียฌาน ท่านที่ได้สมาบัติแปดเป็นพระอริยะต่ำกว่าพระอนาคามีก็เข้านิโรธสมาบัติไม่ได้ ต้องได้มรรคผลถึงอนาคามีเป็นอย่างต่ำจึงเข้าได้ ผลของสมาบัติ สมาบัตินี้ นอกจากจะให้ผลแก่ท่านที่ได้แล้ว ยังให้ผลแก่ท่านที่บำเพ็ญกุศลต่อท่านที่ได้สมาบัติด้วย ท่านสอนว่า พระก่อนบิณฑบาต ตอนเช้ามืดที่ท่านสอนให้เคาะระฆังก็เพื่อให้พระวิจัยวิปัสสนาญาน และเข้าฌานสมาบัติ เพื่อเป็นการสนองความดีของทายกทายิกาผู้สงเคราะห์ในตอนเช้า พระที่บวชใหม่ก็ทบทวนวิชาความรู้และซักซ้อมสมาธิเท่าที่ทำได้ ผลของสมาบัติมีอย่างนี้ 1. นิโรธสมาบัติ สมาบัตินี้เข้ายาก ต้องหาเวลาว่างจริง ๆ เพราะเข้าคราวหนึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 7 วัน อย่างสูงไม่เกิน 15 วัน ใครได้ทำบุญแก่ท่านที่ออกจากนิโรธสมาบัตินี้ จะได้ผลในวันนั้น 2. ผลสมาบัติ เป็นสมาบัติเฉพาะพระอริยเจ้า ท่านสามารถเข้าออกจากผลสมาบัตินี้ได้ทุกวันและทุกเวลา ท่านที่ทำบุญแด่ท่านที่ออกจากผลสมาบัติ ท่านผู้นั้นจะมีผลไพบูลย์ในความเป็นอยู่ คือมีฐานะไม่ฝืดเคือง 3. ฌานสมาบัติ ท่านที่บำเพ็ญกุศลแก่ท่านที่ออกจากฌานสมาบัติ จะทรงฐานะไว้ด้วยดี ไม่ยากจนกว่าเดิม มีวันแต่จะเจริญงอกงามขึ้นเป็นลำดับ การเข้านิโรกรรมของพระครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโตนี้เป็นการปฏิบัติตามแบบโบราณจารย์ในสายของ ครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาโดยเน้นธุดงควัตร ๑๓ เข้านิโรธกรรมที่ไม่เหมือนผู้ใดคือเป็นการทำแบบลำบากซึ่งครูบาได้ตั้งสัจจะอธิฐานเอาไว้ว่า ในชาตินี้จะขอกระทำนิโรธกรรมเพียง ๙ครั้งและจะกระทำโดยไม่ซ้ำที่ และไม่กำหนดว่าจะทำติดต่อกันหรือไม่โดยการทำนิโรธกรรมตามแบบฉบับของ ครูบาเจ้าศรีวิชัยนี้ท่านให้ขุดหลุมลึก ๑ ศอกกว้าง ๒ ศอก พอดีเข่า แล้วสร้างซุ้มฟางครอบให้มีความสูง แค่เลยหัว ๑ ศอก โดยจะยืนไม่ได้ ไม่ถ่ายหนักไม่ถ่ายเบา ฉันแต่น้ำ ๑ บาตร ที่นำเข้าไปด้วย มีผ้าขาวปู ๔ ผืนรองนั่งแทนความหมายคืออริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มีเสาซุ้ม ๘ ต้น แทนความหมาย มรรค ๘ยอดซุ้มปักธงฉับพรรณรังสี อันมีความหมายถึงปัญญา ราชวัตรล้อมซุ้ม มี ๙ ชั้น แทนความหมายของ โลกุตรธรรม๙ คือ มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ รวมเป็น ๙ ซึ่งการทำ นิโรธกรรมของครูบาจะเข้าในสถานที่ สัปปายะห่างไกลผู้คน โดยมีชาวบ้านจัดเวรยามรักษาในรัศมี ๑๐๐เมตรเพื่อป้องกันการรบกวนซึ่งก่อนที่จะทำการนิโรธกรรมนั้นจะต้องมีพระสงฆ์ ๕รูปรับรองความบริสุทธิ์ ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีในหมู่ศิษยานุศิษอยู่แล้วว่าการได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับพระผู้ซึ่ง ออกจากนิโรธกรรมนั้นจะได้รับอานิสงส์ใหญ่หลวงโดยฉับพลันโดยทันทีเทียบเท่าระดับจักรพรรดิสมบัติ มีสวรรค์ และพระนิพพานเป็นเบื้องหน้าช่วยให้ หมดทุกข์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย มีโชคมีลาภและหากแม้ตั้งจิตอธิษฐานในสิ่งที่เป็นกุศลกรรมแล้วก็จักสำเร็จสมหวังสมดังปรารถนาทุกสิ่งทุกประการ



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2010
  2. ธัชกร

    ธัชกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    267
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,040
    ประวัติครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต วัดแสงแก้วโพธิญาณ จ.เชียงราย

    ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๙ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๔ ที่บ้านปิงน้อย อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรคนสุดท้องของโยมพ่อสุข โยมแม่จำนงค์ อุ่นต๊ะ

    ในวัยเยาว์ท่านมีผิวพรรณผุดผ่องมีสติแญยาเฉลียวฉลาดกว่าเด็กใน วัยเดียวกัน เรียนหนังสือเก่งมีผลการเรียนอยู่ในระดับดีเด่นและมีนิสัยสงบรักสันโดษไม่เบียดเบียนสัตว์และมักจะนำดินเหนียวมาปั้นเป็นพระพุทธรูป องค์ใหญ่ องค์เล็กอยู่เสมอจนเพื่อนท่านล้อท่านเล่นว่าเป็นตุ๊เจ้าบ้างก็มี ท่านชอบไปวัดฟังธรรม การชอบไปวัดนี่เองทำให้ ครูบาจันทร์ติ๊บ ญาณวิลาโส อดีตเจ้าอาวาส วัดชัยชนะ ตำบลประตูป่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูนได้มองเห็นแววของเด็กชายอริยชาติ ว่าเป็นผู้มีบุญบารมีวาสนาดี สมควรสืบสานต่ออายุพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองสถาพร ในวันข้างหน้า ท่านจึงถ่ายทอดวิชาความรู้ต่าง ๆ ให้ โดยเฉพาะอักษรล้านนาและเด็กชายอริยชาติ ท่านก็สามารถเรียน อ่านเขียนได้อย่างรวดเร็วเพียง 1-2 วันเท่านั้นสร้างความดใจยิ่งนัก ครูบาจัทร์ติ๊บซึ่งเป็นผู้สืบทอดวิชาเวทย์มนต์ คาถาอาคม อยู่ยงคงกระพันต่าง ๆ จากครูบาชุ่ม โพธิโก อดีตเจ้าอาวาสวัดชัยมงคล (วังมุย) ตำบลประตูป่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน จึงถ่ายทอดวิชาเวทย์มนต์อาคมต่าง ๆ ให้ เด็กชายอริยชาติ ก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วสามารถ จารอักขระเลขยันต์แทน ครูบาจันทร์ติ๊บได้ ในระยะเวลาต่อมาเมื่อครูบาจันทร์ติ๊บ ชราภาพลงมากการทำตะกรุด วัตถุมงคลต่าง ๆ เด็กชายอริยชาติได้ เป็นผู้ที่ทำเองปรากฏว่าเกิดประสบการณ์ต่าง ๆ ในความแคล้วคลาด ปลอดภัย เป็นที่อัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง

    เมื่อท่านอายุได้ 17 ปี ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 4 ท่านก็ได้ตั้งแรงปรารถนาที่แรงกล้าหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสวพัตร ์ในพระพุทธศาสนา พอดีท่านได้มีโอกาสไปกราบนมัสการครูบาวัดบ้านเด่น ครูบาวัดบ้านเด่นได้แนะนำให้บวชมองดูแล้ว คล้ายคนมีบุญวาสนาบารมี ในพระพุทธศาสนาไม่ช้าก็เร็วจะได้บวชแน่นอน ครูบาอริยชาติก็ตอบรับทันที และนำเอาคำพูดของ ครูบาวัดบ้านเด่นมาปรึกษา กับพ่อแม่ ทางพ่อแม่ของท่านก็อยากให้ท่านเรียนหนังสือต่อไป เพื่อเรียนจบออกมาจะได้ทำงาน ทำคุณประโยชน์ให้กับโลกให้กับสังคมต่อไปอย่างไรก็ตาม ดังความปรารถนาที่ท่านมีอยู่จึงตัดสินใจครั้งสุดท้ายเข้าไปกราบเท้าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด พร่ำพรรณนาว่าบุญคุณของแม่นั้น ใหญ่กว่าฟ้าล้นเลิศกว่ามหาสมุทรอันคุณพ่อนั้นเล่ามีคุณมากว่าพื้นพสุธา เป็นผู้ให้กำเนิดเกิดมาให้เลือดเนื้อ และชีวิต แต่ตามแนวความคิด ของตนเองปรารถนาความสงบสุขอยู่ในร่มเงาของพระพุทธศาสนา เมื่อพ่อและแม่ไม่อาจทัดทานได ้จึงอนุญาตบวช ตามความปรารถนาของลูกทำให้ท่านเกิด เป็นปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งหาที่แล้วก็จะขอเอาผ้ากาสวพัตร์เป็นเรือนตายที่จะห่อหุ้มกายไปตลอดชีวิต จะขอศึกษาพระธรรมวินัยขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าจนเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ลึกซึ้งจนกว่าจะ หมดลมหายใจ สมกับที่ได้เกิดมาเป็นพุทธบุตรแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคตมะผู้ประเสริฐ จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรกับ ครูบาเทือง นาถสีโล วัดเด่นสลีเมืองแกน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นครูบาอาจารย์ที่เคารพเป็นอย่างยิ่งจนมี ความเข้าใจถ่องแท้เมื่อศึกษาอยู่กับ ครูบาเทืองเป็นเวลานานพอสมควรจึงแสวงหาความรู้ในด้านอื่นเช่น ด้านเวทย์มนต์คาถาอาคมต่าง ๆ เพิ่มเติมจากเคยร่ำเรียนมาจาก ครูบาจันทร์ติ๊บ ในสมัยยังไม่ได้บรรพชา จนถือได้ว่าในเรื่อง วิชาอาคมมิได้เป็นรองใคร แต่ครูบาท่านยังไม่ย้อท้อในการเรียนรู้ยังหาความรู้ ทางด้าน วิชาคาถาอาคมอีกพระอาจารย์ ที่ครูบาอริยชาติให้ความเคารพนับถือ คือครูบาอินตา วัดห้วยไทร อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน ครูบาอินตา วัดวังทอง จังหวัดลำพูน โดยเฉพาะครูบาอินตา วัดวังทอง ท่านมีเมตตาสูงและเก่งในเรื่องโภคทรัพย์ โชคลาภ ท่านมักจะบอกญาติโยมเสมอว่าให้มา นมัสการครูบาอริยชาติถือว่าท่านมี วิชาคาถาอาคมที่แก่กล้าไม่เป็นรองจนกระทั่งชื่อเสียงของท่าน ดังกระฉ่อนไปทั่วภาคเหนือ จึงมีศิษยานุศิษย์จากจังหวัดน่านมานิมนต์ ให้ท่านไปโปรดญาติโยมทางจังหวัดน่านและที่จังหวัดน่านนี่เอง ได้สร้างเกียรติคุณ ให้ท่านเป็นอย่างมากในการใช้สรรพวิชาทั่งหลาย์แก่บรรดาญาติโยมผู้ได้รับความทุกข์ร้อนหลายสิบรายจนชื่อเสียง กว้างไกล มีผุ้ยกย่องขนานนามว่า หลวงพ่อเณร วัตถุมงคลที่ท่านสร้างและมีชื่อเสียงมากเช่น ปรอท ดาบ เป็นต้น โดยเฉพาะตะกรุดและปรอท มีผุ้ประสบเกตุแล้วทะเลาะกัน ผู้เป็นพ่อบันดาลโทสะจึงเอามีดฟันตรงหลังลูกชายปรากฏว่าฟันถึง 3 ที ไม่เข้าสืบไปสืบมาพบว่ามี ปรอทศักดิ์สิทธิ์ของครูบาอริยชาติที่ท่านสร้างรุ่นแรกอยู่ มีชื่อเสียงทางด้านคงกระพันดังขจรไกลทั่วไป

    ต่อมาเมื่ออายุครบ 20 ปีจึงได้ อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดพัทธสีมาชัยมงคล (วังมุย) ตำบลประตูป่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มีพระครูภัทรปัญญาธร วัดศรีสุพรรณ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูนอุปัชฌาย์ ได้รับฉายานามว่า อริยจิตฺโต ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ได้จำพรรษาอยู่วัดพัทธสีมาชัยมงคล(วังมุย) ตำบลประตูป่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน หลังจากที่ท่านได้ ้อุปสมบทแล้วท่านได้มุ่งเน้น ในการปฏิบัติธรรมเป็นหลักสำคัญ แต่ญาติโยมผู้ที่ได้รับประสบการณ์ในวิชาคาถาอาคม ความแคล้วคลาด ปลอดภัยเมตตามหานิยมก็หลั่งไหล มาเป็นลูกศิษย์ไม่ขาดสาย จึงมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ต่อมาท่านได้รับอาราธนาจากญาติโยม อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย มาจำพรรษา ณ วัดพระธาตุดงสีมา ดำบลแม่พริก อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เมื่อครูบาอริยชาติ ได้มาจำพรรษาอยู่ท่านก็ได้นำการบูรณะก่อสร้างอย่างรุดหน้า อย่างไรก็ตามถาวรวัตถุอื่น ๆเช่น องค์พระธาตุซึ่งเก่าแก่ ทรุกโทรมเอียงลงมาก และพระอุโบสถิหารกำลังเริ่มลงรากฐานในการก่อสร้าง ต้องใช้ทุนทรัพย์ เป็นจำนวนมากในการก่อสร้าง บูรณปฏิสังขรณ์ แต่ครูบาอริยชาติท่านได้ยึดหลักการตามปฏิบัติตามเจโตปฏิธานที่ได้ตั้งไว้ในการ มอบกายถวายชีวิตให้กับพระพุทธศาสนา ท่านก็จะพยายามนำญาติโยมศรัทธาผู้ใจบุญบูรณะก่อสร้างตามกำลังแห่งศรัทธา พร้อมทั้ง ได้นำในการประพฤติปฏิบัติธรรมของศรัทธาสาธุชน โดยทั่วไปจึงมีผู้คนทุกทิศานุทิศต่างหลั่งไหลมาไม่ขาด ในแต่ละวันจะมีเข้ามา กราบนมัสการไม่น้อยกว่า 10 คณะ ส่วนใหญ่ครูบาอริยชาติ จะอบรมสั่งสอนญาติโยมที่มากราบนมัสการตามพระธรรมคำสอนของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก อย่างไรก็ตามชื่อเสียงในด้านเวทย์มนต์คาถา เครื่องรางของขลังในสมัยที่เป็นสามเณรยังลือเรื่องโดยเฉพาะการทายทัก บางครั้งหากญาติโยมมีความทุกข์ร้อนใจในเรื่องราวปัญหาต่าง ๆ ครูบาอริยชาติท่านก็จะช่วยทำนายทายทักสงเคราะห์ เป็นการช่วยขจัดปัดเป่าแก้ไขให้ผ่อนคลายสบายใจจากหนักเป็นเบาลงซึ่งส่วนใหญ่ เป็นนักการเมือง คหบดี นักธุรกิจ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนต่าง ๆ ทราบข่าวและเลื่อมใสศรัทธาท่านมาจำพรรษาอยู่วัดพระธาตุดงสีมา ตำบลแม่พริก อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงรายนี้ชาวแม่สรวยต่างมีประสบการณ์ทางด้านแคล้วคลาดมาแล้วมีคนขับมอเตอร์ไซด์ถูกรถเฉี่ยวชน ปรากฏว่าไม่บาดเจ็บอะไรมีสายสิญจน์ที่ท่านผูกที่ข้อมือให้ มีครั้งหนึ่งเกิดอุบัติเกตุหมู่รถสิบล้อชนรถตู้รับส่งนักเรียนซึ่งมีนักเรียน นั่งโดยสารมามาณสิบกว่าคน ปรากฏว่ามีนักเรียนจำนวนหนึ่ง ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเพราะมีสายสิญจน์ และมีตะกรุดของครูบา และนักเรียนบางคน บาดเจ็บหนักมากต้องนำส่งโรงพยาบาลจังหวัดตาทุกคนกลับรอดทั้งหมด ผู้คนที่พบเห็นสภาพรถที่ถูกชนแล้ว บอกตรงกันว่ารอดยาก ตอนนี้เองทำให้ ผู้คนหลั่งไหลมาขอบูชาตะกรุดและสายสิญจน ์ของครูบาจำนวนมาก และมีฐาติโยมท่านหนึ่ง ได้เล่าให้ฟังว่าท่านไปพบท่านครูบาอริยชาติในงานบุญ วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน ท่านกำลังแจกวัตถุมงคลพอดีโยมท่านอื่ได้มา โยมท่านนั้นก็อยากได้แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปก็นึกในใจอยากได้พอสักพักหนึ่งครูบาอริยชาติท่านก็เรียกโยมท่านนี้ซึ่งนั่งไกลพอสมควร เมื่อเรียกเข้าไปท่านก็มอบวัตถุมงคลให้โดยไม่ต้องขอหรือถามใด ๆ โยมท่านนี้เกิดเป็นปีติเป็นอันมาก ประสบการณ์ทางด้านโชคลาภ บางคนมาทำบุญขอให้ครูบาช่วยแผ่เมตตาจิตอธิษฐาน ขอให้กิจการรุ่งเรืองก้าวหน้า ปรากฏว่าทำมาค้าขายดีเศรษฐกิจรุ่งเรืองเป็นทวีคูณ ข่าวคราวแพร่หลายออกไป จึงมีผู้คนเข้ามากราบนมัสการตลอด

    นอกจากนี้ครูบาอริยชาติท่านเป็น ผู้อนุรักษ์โบราณวัตถุทางพระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนสืบต่อดังที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายได้กระทำมา ท่านจึงได้บูรธพระธาตุเจดีย์ โดยเฉพาะพระธาตุปางบวกแก้ว ตำบลแม่พริก อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพระธาตุท ี่ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่มากปูนเก่ามากเสื่อมสภาพหมดท่านบูรณะใหม่ โบกฉาบ เรียบร้อยทาสีขาว หุ้มทองจังโก้ปิดทองคำเปลวจนถึงคอระฆังเปลี่ยนยอดฉัตรใหม่ให้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเศษ การบูรณะก็สำเร็จลุล่วง ทั้งนี้ก็เพราะบารมีของบวกแก้ว และครูบาอริยชาติรวมทั้งแรงศรัทธาของบรรดาญาติโยม ที่มาร่วมทำบุญที่พระธาตุปางบวกแก้ว นี่เอง ครั้งแรกที่ผู้เขียนได้ไป ส่งท่าน กราบองค์พระธาตุพร้อมกับญาติโยมอีกจำนวนหนึ่ง ท่านก็จะอธิษฐานในการบูรณะก่อสร้าง และกรวดน้ำแผ่เมตตา ให้เทพยดา ครูอาจารย์และสรรพสัตว์อยู่ ปรากฏว่ามีสายฝนโปรยปราย ลงมาพอประมาณเป็นที่อัศจรรย์ แก่ผู้ที่อยู่ในพิธียิ่งนัก ครูบาอริยชาติท่านเป็นผู้ที่มีเมตตาสูง ชาวเขาต่างก็ให้ความเคราพเลื่อมใส ท่านได้ไปช่วยสงเคราะห์แจกจ่ายผ้าห่ม เครื่องกันหนาว และของใช้รวมั้งช่วยเหลือในการก่อสร้างพระวิหารที่วัดป่าม่วง ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ท่านก็บอกว่า เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้กับชาวเขา

    นอกจากนั้นท่านยังได้ส่งเสริม ด้านการศึกษา โดยให้ทุนการศึกษาแก่เด็กเยาวชน เพื่อช่วยเหลือสร้างสรรค์การศึกษาแก่เด็กที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์การปฏิบัติ ิเช่นนี้ก็เพราะว่าครูบาอริยชาติท่านยึดถือจารีตปฏิบัติตามครูบาอาจารย์อีกด้วย นอกจากนี้จะเห็น ได้จากประเพณีใน การทำบุญต่าง ๆ ท่านจะอนุรักษ์ประเพณีอันดีงาม การจัดไทยทานก็ดี การจัดงานต่าง ๆ ก็ดีเป็นระเบียบแบบแผน มีความเรียบร้อยตามพื้นบ้าน ล้านนาไทย แต่โบราณ ในกุฏิท่านมีแต่ สิ่งจำเป็นของสมณะบริโภคสมถะเรียบร้อย น่ากราบไหว้บูชา การขบฉันของท่านก็จะฉันไม่มาก เน้นแต่ผักผลไม้ เป็นหลักเท่านั้น ท่านเคยฉันมังสาวิรัติ มาตลอดเมื่อมา จำพรรษา ที่ วัดพระธาตุดงสีมา ท่านก็ฉันตามแต่ที่ญาติโยมนำมาถวายจาะจงฉันมังสาวิรัติอย่างเดียวก็สงสารญาติโยม ที่จะต้องขวานขวายหามาถวาย ด้วยความมีเมตตาท่านจึงฉัน ตามสิ่งที่มีอยู่ที่ คณะศรัทธานำมาถวายท่านจึงไม่ยึดติดอยู่กับสิ่ง ๆ ใด

    ปัจจุบันท่านได้มาสร้างวัดแห่งใหม่ ชื่อว่าวัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ บนพื้นที่เนินเขาที่สวยงามที่บ้านป่าตึง ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นเนินเขาที่สามารถมองเห็น ตัวอำเภอแม่สรวย เกือบ 180 องศา ห่างจากถนนสายเชียงใหม่ ? เชียงรายประมาณ 2 กิโลเมตร เหมาะสำหรับเป็นที่ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญภาวนาตามความตั้งใจ ของครูบาอริยชาติ โดยวางศิลาฤกษ์และเริ่มก่อสร้างเมื่อ วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ตรงกับ เดือนแปดเป็งของล้านนา ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา วันเพ็ญเดือนหก

    ครูบาอริยชาติ นักบุญแห่งแดนล้านนา ปัจจุบันท่านพำนักสร้างวัดแสงแก้วโพธิญาณ อยู่ที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย รวมมูลค่าวัดที่ท่านจะสร้างทั้งหมด เป็นเงิน 300 ล้านบาท ท่านตั้งใจให้เป็นแดนธรรม แดนทิพย์แห่งเมืองเหนือ วัดแสงแก้วโพธิญาณ ตั้งอยู่บนเขาไม่สูงนัก ตามหลักหวงจุ้ย ถือว่าวัดท่านมีภูมิประเทศตั้งบนหลังเต่าสวรรค์ (คือใครได้มาเที่ยว มาอยู่ มากราบ มาไหว้ จะร่ำรวยเงินทอง อายุยืนนาน และไม่มีโรคภัย) วันท่าน สวยงามมาก อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศดีมาก

    ครูบาอริยชาติ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ในเหตุที่ท่านอยู่กรรม เข้านิโรธสมาบัติเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน การเข้านิโรธสมาบัตินี้ ตามคัมภีร์ของพุทธศาสนาฝ่ายล้านนา เชื่อว่า พระอริยบุคคลระดับพระอนาคามี ขึ้นไปเท่านั้น ที่ทำได้ เพราะถ้าเข้านิโรธเต็มกำลัง ไม่ฉันไม่ถ่าย ไม่พูดไม่จา นั่งภาวนาตลอดเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน เหนือเวทนาทั่วไปที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้ แต่สำหรับครูบาอริยชาติ ท่านเรียกการเข้านิโรธของท่านว่า ?การอยู่กรรม? ซึ่งจะกระทำในวันเข้าพรรษา โดยให้ปลูกกระโจมมุงด้วยหญ้าแฝก บริเวณด้านนอกโดยรอบกระโจม ทั้ง 4 ทิศ ปักไม้มงคล เป็นเขตสังฆาวาส เพื่อป้องกันสัตว์ร้าย ภูมิผี ปีศาจทั้งหลาย อมนุษย์ทั้งหลาย มิให้เข้ามาในบริเวณกระโจมนิโรธได้ ภายในกระโจม ให้ขุดหลุมลึก 50 ซม. ปูรองด้วยหญ้าคาแห้ง เพื่อให้ครูบาเข้าไปนั่งภาวนาอยู่กรรม โดยท่านจะนั่งภาวนาในกระโจมนี้ นาน 7 วัน 7 คืน ไม่พูด ไม่คุย ไม่ฉันอาหารหนัก ฉันแต่เพียงน้ำสะอาด ที่กรองผ้าขาวบางเนื้อละเอียด 7 ชั้นเท่านั้น การอยู่กรรมทุกปี จะมีชาวบ้าน และพระสงฆ์จากวัดต่าง ๆ ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าดูแล ด้านนอกกระโจม และรอที่จะใส่บาตรครูบา ฯ ในวันออกจากนิโรธ เมื่อครบ 7 วัน เพราะเชื่อกันว่า ใครได้ใส่บาตรครูบา ฯ ในวันแรก ที่ออกจากนิโรธ อธิฐานสิ่งใด จะได้สิ่งนั้นตามที่ปรารถนาเลยทีเดียว นับว่า เป็นอานิสงส์ ผลบุญแรงมาก

    ครูบาอริยชาติ ท่านเป็นนักบุญ แห่งแดนล้านนาในยุคปัจจุบัน ในฝ่ายล้านนาเชื่อกันว่า ท่านเป็นขวัญหน้าของครูบาศรีวิชัย ( ซึ่งบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลนี้ )ลงมาเกิดเพื่อเร่งสร้างบารมี ดังจะเห็นได้จากตลอดชีวิตของท่าน แม้ยังเป็นครูบาหนุ่มน้อย รูปงาม ก็ไม่ยึดติดในลาภ สักการะทั้งปวง ท่านขลังตั้งแต่ยังเป็นเณรน้อย เสกตะกรุด เสกดาบ มีอานุภาพมาก ท่านมีลาภสักการะดุจพระสิวลี ดังจะเห็นได้จากท่านหาปัจจัยเพื่อสร้างวัด สร้างสาธาณกุศลต่าง ๆ นับตั้งแต่บวชมา จนถึงปัจจุบัน เป็นเงิน ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ครูบา ฯท่านเคยอธิฐานก้อนพลอยดิบที่ศิษย์นำมาถวายท่าน ให้มีพระธาตุเสด็จ ปรากฏว่า วันรุ่งขึ้นก้อนพลอยดิบก้อนนั้น แตกออก กลายเป็นพลอยเม็ดละเอียด มีสัณฐาน สีแตกต่างกัน เป็นแก้วใสสีขาวบ้าง, สีแดงบ้าง, สีเหลืองนวลบ้าง,สีดำนิลบ้าง ผู้รู้บอกว่านั่นคือ พระบรมธาตุ และพระธาตุ ที่เทวดานำมามอบถวายให้ท่าน


    <TABLE border=0 cellSpacing=10 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD>
    ฟังธรรม
    เสียงธรรมออนไลน์ (mp3)
    เสียงเพลง...แห่งธรรม
    </TD></TR><TR><TD>
    </TD></TR><TR><TD>
    <EMBED height=70 name=objMediaPlayer type=application/x-mplayer2 pluginspage=http://www.microsoft.com/Windows/MediaPlayer/ width=300 src=http://www.fungdham.com/download/song/allhits/29.mp3 autosize="false" showdisplay="false" displaysize="0" center="true"> </EMBED>​
    </TD></TR><TR><TD>
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]29 มหาอุบาสิกานามสุชาดา (เพลงบรรเลง​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. ราศีสิงห์

    ราศีสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    815
    ค่าพลัง:
    +2,118

แชร์หน้านี้

Loading...