11111111111111* 11111111111111* แบ่งให้บูชาพระเครื่องหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(ฤาษีลิงดำ)

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย พรแม่ศรี, 13 พฤษภาคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174
    ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เอิ๊กๆๆๆๆ ถึงกับไร้สติไปชั่วขณะเลย... คริ คริ
     
  2. panchita

    panchita เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    15,692
    ค่าพลัง:
    +49,188
    ...555....

    ตกลงไม่มีใครตอบเลยหรอ...รอๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2009
  3. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174
    ถึงว่าอ่ะดิ...ครับท่านพี่....
     
  4. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174
    ยังพอมีคนแหะ..... ขอประกาศขณะนี้คุณทศพล ของเราได้โกนผมเรียบร้อยแล้วครับพี่น้อง โมทนาบุญพร้อมกันจ้า....

    [​IMG] [​IMG] 1*1*1*1*1 แบ่งให้บูชาพระเครื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำและพระเกจิอาจารย์ ต่าง ๆ มากมาย *1*1*1*1*1 (5 คน กำลังดูอยู่) ([​IMG] 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ... หน้าสุดท้าย)
    [​IMG] พรแม่ศรี
     
  5. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174
    ในสมัยนั้น ผกค. มีอิทธิพลสูงมาก ได้ยึดเทือกเขาภูพานเป็นฐานใหญ่ของเขา และยังท้าทายฝ่ายทหารว่า หากจะตีเขาได้ จะต้องใช้กำลังหลายกองพล และใช้เวลาหลายเดือนจึงจะสำเร็จ ในขณะนั้น พล.ท............ จึงได้นำเรื่องนี้มากราบเรียนหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านเป็นพระ จะไปรบกับเขาก็ไม่สมควร แต่ท่านก็มีวิธีการให้กำลังให้กับทหารได้ ดังนี้

    ๑. ท่านเดินทางไป พร้อมกับคณะเพื่อทำพิธีบวงสรวงก่อน ที่ฐานทัพของทหาร

    ๒. แจกผ้ายันต์ ธงพิชัยสงคราม ให้กับทหารในหน่วยนั้น ทุกคน (ผ้ายันต์สีแดง)

    ๓. ให้ฤกษ์แก่ฝ่ายทหาร ทั้งนี้หมายถึงให้ฤกษ์ดีว่าเป็นมงคล ไม่ได้ระบุให้เข้าไปตีรบกัน เพราะไม่ใชกิจของสงฆ์ ส่วนเขาจะไปทำอะไรนั้น พระต้องวางอุเบกขา


    หลังพิธีแล้ว ฝ่ายทหารก็นำหลวงพ่อ หลวงปู่ธรรมชัย และคณะเข้าห้องยุทธการ เพื่อฟังบรรยายสรุปของฝ่ายทหาร เมื่อบรรยายจบ ปรากฏว่ามีนายทหารที่ฉลาดถาม ได้ถามหลวงพ่อกับหลวงปู่ว่า ขณะนี้พวก ผกค. เขาอยู่ที่ไหนบ้าง โดยให้ท่านเอาไม้เท้าช่วยชี้ไปที่แผนที่ทหาร ปรากฏว่าท่าน ชี้จุดให้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องคิดหรือต้องเสียเวลา เหล่าทหารต่างร้องฮือ พร้อมๆ กันหลายคน และบอกว่าตรงจุดเป๋งเลยครับหลวงพ่อ บางท่านไม่ฉลาดถาม ก็ถามวิธีเข้าโจมตี หลวงพ่อท่านก็ปฏิเสธ เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ส่วนวิธีถามที่ฉลาดผมขอสงวนไว้ก่อนครับ...

    หลังจากหลวงพ่อและคณะได้เยี่ยมให้กำลังใจกับทหาร ตามหน่วยต่างๆ แล้ว ก็กลับไป กทม. และจากนั้นอีกไม่กี่วัน จึงส่งทหารแค่ ๑ กองร้อยเข้าโจมตีที่มั่นของ ผกค. เป็นการหยั่งเชิง โดยมีตัวท่านเป็นผู้สั่งการอยู่บนเครื่องบิน ผลปรากฏว่าได้ผลดีเกินคาดหมาย แต่มีรายงานทางวิทยุว่ามีทหารเสียชีวิต ๑ นาย ท่านเกิดสงสัยว่ามันตายได้อย่างไร เพราะท่านมั่นใจว่าทหารของท่านต้องไม่มีใครตาย ท่านให้แค่บาดเจ็บเท่านั้น จึงสั่งลงมาจากเครื่องบินให้ค้นตัวทหารที่ตายว่า พบอะไรติดตัวบ้าง โดยเฉพาะผ้ายันต์แดง ธงพิชัยสงคราม ทหารก็รายงานว่า ไม่พบผ้ายันต์แดงเลยในตัว ท่านรู้สึกผิดหวังมาก ที่เขาไม่พกผ้ายันต์แดงไปด้วย ทั้งๆ ที่สั่งแล้ว เมื่อถอนตัวจากฐานทัพ ก็สอบข้อเท็จจริงเรื่องพลทหารที่ตายว่าชื่ออะไร อยู่หน่วยไหน ทำไมจึงไม่มีผ้ายันต์แดง ก็พบว่าเป็นทหารที่เพิ่งย้ายกลับมาเมื่อวานนี้เอง จากหน่วยทหารราชบุรี (อ. ปากท่อ) ท่านจึงถึงบางอ้อ

    วันที่ ๒ ท่านเพิ่มหน่วยจู่โจมเป็น ๒ กองร้อย ผลปรากฏว่ามีตาย ๒ คน และก็มีสาเหตุ จากไม่มีผ้ายัน์แดงติดตัวเช่นกัน เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาจากหน่วยอื่น ความลับไม่มีในโลก ทั่วทั้งกองทัพรู้ข่าว รู้อิทธิปาฏิหาริย์ของผ้ายันต์ธงพิชัยสงครามกันหมด ผลก็คือ ทหารทุกคนที่ไม่มีผ้ายันต์แดงจะไม่ยอมออกโจมตีในวันต่อไป จึงเดือดร้อนถึงท่านรองแม่ทัพ ดังนั้น เพื่อขัวญและกำลังใจของลูกน้อง ท่านรองจึงต้องบินมาหาหลวงพ่อในคืนนั้น เพื่อขอผ้ายันต์แดงไปแจกลูกน้องให้ครบทุกคน....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2009
  6. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174
    วันที่ ๓ ทุกคนมีขัวญกำลังใจเต็ม ๑๐๐ % ใช้กำลังเป็น ๓ กองร้อย ปรากฏผลว่า สามารถยึดฐานใหญ่ และฐานย่อยของภูพานได้ทั้งหมด ชนิดที่ ผกค. ขัวญกระเจิงไม่ยอมสู้ด้วย เพราะวันที่ ๓ นี่ ทหาร ทุกคนถือปืนวิ่งเข้ายึดฐานโดยไม่มีใครยอมหมอบ หรือวิ่งเข้าหาที่กำบังเหมือน ๒ วันแรก ทุกคนดาหน้าเข้ายึดเอาดื้อๆ โดยไม่กลัว ไม่ยอมหลบลูกปืนสักคน จึงยึดได้ด้วยช่วงเวลาอันสั้น และไม่มีใครเสียชีวิตเลย ผมนึกภาพเอาเองนะครับว่า หากผมเป็น ผกค. ผมก็คงต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด เพราะยิงเท่าใดก็ไม่โดนตัว หรือโดนก็ไม่เข้า คงดาหน้าเข้ามาเต็มไปหมด เหมือนกับยิงทหารที่มาจากหุ่น (เหมือนในสมัยขุนแผน ท่านเป็นแม่ทัพ เสกหุ่นให้เป็นทหารรบที่ไหนก็ชนะหมด) พอหลวงพ่อทราบข่าวจากท่านรองแม่ทัพ ท่านพร้อมคณะก็ไปเยี่ยมทหารหน่วยนั้นในวันต่อมา

    พอสรุปย่อๆ ได้ดังนี้

    ๑. ขณะที่ฝ่าย ผกค. ยิงปืนเข้าใส่พวกเรานั้น ส่วนใหญ่บอกว่าไม่โดน แต่เฉี่ยว หรือเฉียดตัวไป รู้สึกว่าลูกปืนมันวิ่งมาเต็มไปหมด แต่ไม่ยักโดนตัว

    ๒. บางคนบอกว่า บางครั้งก็โดน แต่ไม่เข้า ไม่รู้สึกเจ็บ มีความรู้สึกคล้ายๆ มีแมลงหรือผึ้งบินเข้ามาชนตัวเท่านั้น

    . มีอยู่ ๑ ราย ที่เล่ว่า ขณะที่ดินไปบ้าง วิ่งไปบ้าง ยิงปืนใส่ข้าศึกบ้าง รู้สึกหิวจึงเอามือล้วงมาม่า (เส้นหมี่) กินไปด้วย แต่ แปลกใจว่า ทำไมมาม่ามันถึงแข็งและเหนียวนัก เลยคลายออกมาจากปากดู ปากฏว่ามันไม่ใช่มาม่า แต่เป็นลูกปืนที่ข้าศึกยิงมาโดนตัวต่ไม่เข้า ลูกกระสุนแบนเหมือนถูกบี้ แล้วจึงหล่นลงไปในกกระเป๋าเสื้อที่มีมาม่าอยู่

    ๔. บางคนเล่าว่า ขณะวิ่งไปยิงไปนั้นบางครั้ง ก็มองเห็นข้าศึก ที่ซุ่มอยู่ข้างทาง แต่มันไม่ยักยิง เห็นมันตาค้างคล้ายกับหุ่นหรือคนตกใจ ข้อนี้ขออนุญาตวิจารณ์ว่า คงเป็นเพราะอานุภาพของผ้ายันต์แดง ทำให้เกิดอาการ "นะ จัง งัง" ขึ้น หรือเพราะมันตกใจจริงๆ ที่ไม่เคยเห็นคนที่ไม่หลบลูกปืน จึงมีสภาพคล้ายเห็นผี แล้วตกใจตาค้าง

    ๕. เรายึดได้ฐานใหญ่มาก จนไม่น่าเชื่อ เพราะฐานนี้ มีโรงพยาบาลแลเวชภัณฑ์มากมาย มีโรงพลศึกษา สนามบาส โรงรัวขนาดใหญ่ พร้อมเสบียงกินได้เป็นปี อาวุธมากมาย เครื่องปั่นไฟและน้ำมัน โดยเฉพาะราวตากผ้า ท่านรองบอกว่า ต้องใช้รถ ๑๐ ล้อทั้งคันอาจจะขนไม่หมด แสดงว่ามันมีกำลังพลไม่ใช่น้อยเกินกว่าที่เราคาดคะเนไว้อีก และมีการทดน้ำไว้ใช้ด้วย แสดงว่าเขาอยู่มานานหลายปี

    ๖. เนื่องจากเราใช้กำลังพลน้อยแค่ ๓ กองร้อย หากยึดพื้นที่ไว้ ก็เสี่ยงเกินไป เพราะตอนกลางคืน มันอาจหวนกลับมาใหม่ก็ได้ จึงสั่งทำลายและเผาให้หมด สำหรับผมคิดเอาเองว่าหากผมเป็น ผกค. ก็ไม่ขอยอมหันหลังกลับมาตียึดคืนแน่ๆ เพราะเข็ดไปจนตาย จะไม่ขอพบทหารผี (ทหารหุ่น) เหล่านี้อีก

    ๗. เป็นจริงตามคาดหมาย เพราะตั้งแต่รั้งนั้นเป็นต้นมา ผกค. ก็หายซ่าไปเลย...
     
  7. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174
    เรื่องของหลวงพ่อท่าน ยังมีอีกมากยากที่ผมจะเล่าให้ฟังทั้งหมดได้ และโดยธรรมแล้ว อะไรก็ตามที่มันมากเกินไป ผลมันแทนที่จะมากตามส่วน กลับไม่ได้ผล หรือกลับเป็นผลเสีย เช่น ยาทุกชนิดหากใช้เกินขนาดล้วนเป็นโทษแก่ผู้ใช้ทั้งสิ้น ร่างกายของคนก็เช่นกัน หากส่วนใดเจริญมากไปก็กลายเป็นมะเร็ง สมจริงตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ตรัสไว้ใน "ปฐมเทศนา" ความว่าอย่าตึงไป (เครียดเกินไป) อย่าหย่อนเกินไป (อยากมากเกินไป ขี้เกียจมากเกินไป) จะไม่มีผลให้เดินสายกลาง ผมจึงขอจบเรื่องไว้อีกตอนหนึ่งเพียงแค่นี้ แต่ก่อนจะจบขอสรุป เรื่องผ้ายันต์แดง ธงมหาพิชัยสงคราม ไว้เพื่อเตือนความจำดังนี้

    ๑. ความศักดิ์สิทธิ์ ของธงมหาพิชัยสงครามมีมากมาย เขียนอีก ๒-๓ ตอนก็ไม่จบ ที่เล่าให้ฟังนี้ เป็นเพียงตัวอย่างบางเรื่องเท่านั้น

    ๒. ผู้นำไปใช้ หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น เป็นโจร - ปล้น - ฆ่าเขา - ขโมยเขา ธงนี้จะไม่คุ้มครอง ซ้ำยังให้ผลร้ายกับผู้นั้นด้วย หากถูกยิง ลูกปืนจะเข้าแสกหน้าทะลุท้ายทอยทุกราย

    ๓. ธงมหาพิชัยสงคราม ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ แต่เป็นพุทธศาสตร์ จึงไม่เสื่อม (หากใช้ในทางที่ดี)

    . เวลาทำ พิธีพุทธาภิเษกนั้น ธงแดงมหาพิชัยสงคราม กับผ้ายันต์เกราะเพชรซึ่งมีรูปหลวงพ่อปาน และรูปยันต์เกราะเพชรนั้นทำเหมือนกัน มีคุณภาพ (อานุภาพ) เหมือนกันทุกประการใช้แทนกันได้

    ๕. เรื่องป้องกันหรือบรรเทาอุบัติเหตุ ไฟไหม้บ้าน พายุใหญ่หรือวาตภัย มีผู้เล่าเสมอว่ามีผลดีอย่างอัศจรรย์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องอธิษฐานขอ และผลขึ้นอยู่ที่ความมั่นคงของจิตแต่ละคนด้วย
     
  8. panchita

    panchita เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    15,692
    ค่าพลัง:
    +49,188
    สาธุ เป็นพ่อนาคแล้ว ปีติๆจัง _/\_

    นั่นๆ รูปน๊อตหรออ...อืมมม จะทักถูกคนมั๊ยเนี่ย :d
     
  9. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174
    ถือว่าให้ดูรูปแล้วนะเผื่อไปขอข้าวกินจะได้ทักได้ อิอิ.... แต่ไม่เจอก็ไม่เป็นไรนะ จิตจะได้เป็นกังวลตอนปฏิบัติ....
     
  10. กิตติกรณ์_ต่าย

    กิตติกรณ์_ต่าย เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    5,218
    ค่าพลัง:
    +14,686
    ไหนบอกกลับบ้าน แอบมากระทู้นี้นี่เอง...
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>กิตติกรณ์_ต่าย, ณ แปดริ้ว+ </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. baimin

    baimin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,933
    ค่าพลัง:
    +14,580
    ผมไปวันที่ 11-12 ครับ แต่ไปแบบนินจา (พลางตัว) 5555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2009
  12. GROLY

    GROLY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    2,019
    ค่าพลัง:
    +8,001
    ไม่ดุครับ ผิวเข้ม ตาคม ผมเคยไปจีบๆอยู่ (ไม่ใช่น้องพันซ์นะ) ฮ่ะฮ่ะ
     
  13. GROLY

    GROLY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    2,019
    ค่าพลัง:
    +8,001
    อนุโมทนาครับ อยากไปมั่งจัง
     
  14. baimin

    baimin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,933
    ค่าพลัง:
    +14,580
    ถึงตัวไม่ได้ไป แต่จิตส่งไป ก็เหมือนได้ไปเหมือนกัน อนุโมทนาครับ
    ขอบพระคุณครับ...baimin
     
  15. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174

    หง่ะแย่แล้ว โดนจับได้ 5555.........
     
  16. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174
    โมทนาครับท่านพี่.....
     
  17. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174
    เอ้า สมาชิก แก็งค์หมีแพนด้าหายไปไหนหมดครับ รายงานตัวกันหน่อยเดี๋ยว บ้านเงียบครับ........

    <table class="tborder" width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> <center"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </center"></td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> ณ แปดริ้ว, wara43, พุทธนิรันดร์</td></tr></tbody></table>
     
  18. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174
    ดันกระทู้จ้า....

    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> <center"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </center"></td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> ณ แปดริ้ว, Panda Master, ศิษย์ปลายแถว</td></tr></tbody></table>
     
  19. JYR

    JYR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,223
    ค่าพลัง:
    +4,508

    อูย.. ให้เกียรติพี่เกินไปแล้วน้อง ยังไงขอเปลี่ยนชื่อแก๊งค์เป็น "แกงค์พงศ์กฤต" จะดีกว่ามั๊ย พี่ว่าเหมาะมากเลย
     
  20. baimin

    baimin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,933
    ค่าพลัง:
    +14,580
    ขออนุญาติแทรกธรรมะช่วงเช้าครับ (หลวงพี่ทศพล)
    ขอขอบพระคุณทุกท่านที่อ่านครับ
    (ขออภัยหากเป็นการรบกวน)
    ขออนุโมทนาด้วยครับ กับงานบุญในครั้งนี้
    ขอบพระคุณครับ...baimin

    อานิสงส์การบวชในพุทธศาสนา...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    อานิสงส์การบวช ต่อแต่นี้ไป จะนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธ เจ้า ว่าด้วยเรื่อง อานิสงส์การบรรพชา มาคุยกับบรรดาท่านพุทธบริษัท ความมีว่า องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์เมื่อทรงพระชนม์อยู่ องค์สมเด็จพระบรมปรารถเรื่องการอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสว่า การอุปสมบทบรรพชานี้มีอานิสงส์พิเศษ อานิสงส์อย่างอื่น มีการสร้างวิหารทานก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี ทอดกฐินผ้าป่าก็ดี จัดว่าเป็นอานิสงส์สำคัญ แต่อานิสงส์นี้นั้น บุคคลที่จะพึ่งได้ต้องโมทนาก่อน หมายความว่า ถ้าบุตรธิดาของตนบำเพ็ญกุศล บิดามารดาไม่โมทนาย่อมไม่ได้

    แต่ว่าการอุปสมบมบรรพชานี้แปลกกว่านั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า สมมุติว่า บุตรชายของท่านผู้ใดออกจากครรภ์มารดาวันนั้น บิดามารดาก็จากกัน ลูกกับพ่อ ลูกกับแม่ย่อมไม่รู้จักกัน เวลาที่บรรพชานั้น บิดามารดาก็ไม่ทราบ แต่ทว่า ถึงอย่างก็ดี องค์สมเด็จพระชินศรีตรัสว่า บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์โดยสมบูรณ์ นี่เป็นอันว่า อานิสงส์แห่งการการอุปสมบทบรรพชานี้แปลกจากบุญกุศลอย่างอื่น เป็นอันว่าขอพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า บุญอย่างอื่นลูกทำไปแล้ว พ่อแม่ไม่โมทนาย่อมไม่ได้อานิสงส์นั้น แต่ว่าการอุปสมบทและบรรพชา บิดามารดาซึ่งคลอดบุตรมาแล้ว ต่างคนต่างจากกันไป พ่อแม่ไม่ทราบว่าบุตรมีรูปร่างหน้าตาเป็นประการใด เพราะจากกันไปตั้งแต่คลอดใหม่ๆ สำหรับลูกชายก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า บิดารมารดาเป็นใคร แต่ว่าอุปสมบรรพชาเมื่อไร บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์สมบูรณ์
    เหตุนี้การอุปสมบทบรรพชาจึงจัดว่า เป็นกุศลพิเศษ ที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ทรงบัญญัติไว้ ทีนี้จะว่ากันไปถึงอานิสงส์แห่งการอุปสมบทบรรพชา คำว่า บรรพชา นี้หมายความว่า บวชเป็นเณร คำว่า อุปสมบท นี้หมายความว่า บวชเป็นพระ สำหรับท่านที่บรรพชาในพุทะศาสนาเป็นสามเณร อันนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ท่านผู้บรรพชาเองคือเณร ถ้าประพฤติปฏิบัติดี นี่เอากันถึงด้านการประพฤติปฏิบัติดี ถ้าปฏิบัติเลวการการบวชเณรก็ถือว่าเป็นการซื้อนรก ถ้าปฏิบัติดีนั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า ท่านที่บวชเข้ามาเป็นเณรในพุทธศาสนาแล้วปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามระบอบพระธรรมวินัย สำหรับเณรผู้นั้น ย่อมมีอานิสงส์คือ ถ้าตายจากความเป็นคน ถ้าจิตของตนมีกุศลธรรมดา ไม่สามารถจะทรงจิตเป็นฌาน องค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสว่า ท่านผู้นั้นจะเสวยความสุขบนโลกมนุษย์ได้ถึง 30 กัป เช่นเดียวกัน

    การนับกัปหนึ่ง... คำว่ากัปหนึ่งนั้น มีปริมาณนับปีไม่ได้ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงเปรียบเทียบไว้อย่างนี้ว่า มีภูเขาลูกหนึ่ง เป็นหินล้วนไม่มีดินเจือปน ถึงเวลา 100 ปี เทวดาเอาผ้ามีเนื้ออ่อนเหมือนสำลีมาปัดยอดเขานั้นครั้งหนึ่ง ทำอย่างนี้ 100 ปีปัด 1 ครั้ง 100 ปีปัด 1 ครั้ง จนกระทั่งหินนั้นหมดไป หาหินไม่ได้ เหลือแต่ดินล้วน นั่นจึงจะมีอายุได้ครบ 1 กัป และอีกประการ หนึ่ง ท่านพรรณนาไว้ในพระวิสุทธิมรรคว่า มีอุปมาเหมือนกับว่ามีถังใหญ่ลูกหนึ่งมีความสูง 1 โยชน์ กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์เหมือนกัน มีคนเอาเมล็ดพันธุ์ผัดกาดมาใส่ในถังนั้นจนเต็ม ถึงเวลา 100 ปีก็เอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดนั้นออก 1 เมล็ด ทำอย่างนี้จนกว่าเมล็ดพันธุ์ผัดกาดนั้นจะหมดไป เป็นการเปรียบเทียบกันได้กับระยะเวลา 1 กัป นี่เป็นอันว่า กัปหนึ่งเราจะนับเวลาประมาณไม่ได้ เช่นกัปหนึ่งเราจะนับเวลาประมาณไม่ได้ เช่นกัปในปัจจุบันนี้สามารถจะทรงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ถึง 10 พระองค์ เป็นระยะยาวนานมาก

    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า ท่านที่บวชเป็นเณรเอง และมีความประพฤติปฏิบัติดี ต้อง เป็นเทวดาหรือพรหมอยู่ถึง 30 กัป นั่นก็หมายความว่า อายุเทวดาหรือพรหมย่อมีกำหนดไม่ถึง 30 กัป และเมื่อหมดอายุแล้วจะเกิดเป็นพรหมใหม่ อยู่บนนั้นไปจนกว่าจะถึง 30 กัป หรือมิฉะนั้นก็ต้องเข้านิพพานก่อน สำหรับ บิดามารดา ของบุคคลผู้บวชเป็น สามเณร ย่อมได้อานิสงส์คนละ 15กัป คือครึ่งหนึ่งของเณร หมายความว่าบิดารมีอานิสงส์ 15 กัป มารดามีอานิสงส์เสวยความสุขบนสวรรค์หรือพรหมโลก 15 กัป เช่นเดียวกัน เป็นอันว่า บรรพชากุลบุตรของตนไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นสามเณรมีอานิสงส์อย่างนี้

    องค์สมเด็จพระมหามุนีตรัสต่อไปว่า บุคคล ผู้ใดมีวาสนาบารมีคือมีศรัทธาแก่กล้า ตั้งใจอุปสมบทในพุทธศาสนาเป็นพระสงฆ์ แต่ว่าเมื่อบวชแล้วก็ต้องปฏิบัติชอบ ประกอบไปด้วยคุณธรรม คือมีพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ อันนี้องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า ท่านที่ บวชเป็นพระด้วยตนเองจะมีอานิสงส์พิเศษที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ตรัสไว้ แต่ทว่า ภิกษุสามเณรท่านใดผิดบทบัญญัติในพระพุทธศาสนาก็พึงทราบว่า เมื่อเวลาตายก็มีอเวจีเป็นที่ไปเหมือนกัน อานิสงส์ที่พึงได้ใหญ่เพียงใด โทษก็มีใหญ่เพียงนั้น

    สำหรับบรรดาท่านผู้ไม่ใช่บิดามารดาของ บุตรกุลธิดาที่อุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา เป็นผู้ช่วยในการบวช นี่หมายความว่า เวลาเขาจะบวชพระครั้งหนึ่ง เราทราบเข้าก็ไปบำเพ็ญกุศลร่วมกับเข้าด้วยจตุปัจจัยมากบ้างน้อยบ้าง ให้สิ่งของบ้าง ช่วยขวยขวายในกิจการงานในการที่จะอุปสมบทบ้าง หมายความว่า เขาจะบวชลูกบวชหลานของเขา เราไม่มีลูกหลานจะบวช เขามาบอกบุญมาหรือไม่บอกบุญก็ตาม เอาจตุปัจจัยบ้าง เอาของที่จะพึ่งจะใช้ในงานบ้าง ไปช่วยในงานด้วยความเลื่อมใส ถ้าไม่มีจตุปัจจัย ไม่มีของ ก็เอากายไปช่วย ช่วยขวนขวายในกิจการงาน อย่างนี้องค์ สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดากล่าวว่าท่านผู้นั้นจะมีอานิสงส์เสวยความสุขอยู่ บนสวรรค์ หรือในพรหมโลก คนละ 8 กัป แต่ถ้าหากเป็นคนฉลาด อย่างเช่นเขาบวชพระกัน 42 องค์ เราก็ช่วยกันบำเพ็ญกุศลช่วยในการบวชพระ ไม่เจาะจงท่านผู้ใดผู้หนึ่ง เรียกว่าช่วยหมดทั้ง 42 องค์ ก็ต้องเอา 42 ตั้งเอา 8 คูณ นี่เป็นอันว่า...อานิสงส์ที่ที่จะพึงได้ในการอุปสมบทบรรพาชากุลบุตรกุลธิดาในพระพุทะศาสนาสำหรับผู้ช่วยงาน แต่สำหรับท่านผู้เป็น เจ้าภาพ ในฐานะ คนที่บวชไม่ได้เป็นบุตรของเรา แต่ว่าเป็นผู้จัดการขวยขวายในการอุปสมบทบรรพชาให้ อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า ท่านผู้จัดการบวชจะ ได้อานิสงส์ 12 กัป จะมีผลหลั่นซึ่งกันและกัน

    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ธรรมปฏิบัติเล่ม 1หน้า 29-35

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2009
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...