รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    รู้ว่าพี่ไม่ค่อยมีเวลาพี่ก็สละเวลามาตอบและเข้ามาแก้ข้อสงสัยให้ขออนุโมทนาค่ะพี่ขอบคุณมากค่ะที่แนะนำให้แล้วดิฉันจะจดจำและนำไปปฏิบัติทุกอย่างที่ดิฉันถามพี่มาตลอดและพี่ก็แนะนำดิฉันได้นำมาแก้ไขก็ดีขึ้นค่ะบุญกุศลที่พี่แนะนำธรรมทานในครั้งนี้ดิฉันขอให้พี่คิดและหวังสิ่งใดในชาตินี้ก็ขอให้สำเร็จได้ทันทีในชาตินี้...สาธุ(ด้วยความจริงใจเป็นที่สุด)...จากเมตตาบารมี..ลูกหลวงพ่อ
     
  2. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    พอดีอยากถามพี่xorceค่ะว่าวันที่12-13ธันวาคมนี้จะไปฝึกเต็มกำลังค่ะอยากให้พี่แนะนำด้วยค่ะว่าควรปฏิบัติอย่างไรเวลาเข้าไปฝึกหนะค่ะ...ขอบคุณค่ะ
     
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ทางกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ จะจัดรถสำหรับไปฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังด้วยครับ
    ถ้าใครสนใจก็เชิญไปด้วยกันก็ได้ครับ
    ค่ารถจะได้ถูกลงด้วยครับ

    คำแนะนำนะครับ
    1.นั่งให้สบายครับ ถ้าหาจุดพิงได้ก็พิง นอนได้โดยที่เท้าไม่หันไปทางพระได้ ก็นอนเลยครับ
    พอใจสบายแล้วมันจะออกง่าย ไม่อย่างนั้นบางครั้งตอนจะออก ตัวเราจะล้มลงไป
    แล้วเราจะพะวง ถ้าเราหาจุดพิงดีๆแล้ว ก็จะไม่ล้ม ใจเราก็จะไม่พะวงครับ

    2.ถ้าได้มโนมยิทธิอยู่แล้ว ให้ขึ้นไปข้างบนเลยครับ แล้วประคองอารมณ์สบายๆเอาไว้ข้างบน
    ตั้งจิตขอบารมีพระ หลวงปู่ หลวงพ่อ ให้ท่านเมตตาสงเคราะห์ เดี้ยวจะออกไปเองครับ

    3.ถ้าเมื่อย มีอาการปวดขาขยับ เปลี่ยนท่าเลยครับ เอาให้สบาย ถ้าเมื่อยๆมากๆ เดี้ยวมันจะไม่ไปไหนครับ

    4.ที่ให้เน้นนั่งให้กายสบาย ก็เพราะว่า ถ้าจะให้จิตของเราออกไป จิตจะต้องไม่พะวงร่างกาย
    ไม่เกาะกายลยก็ว่าได้ ถ้าเกิดเมื่อยขึ้นมา หรือกลัวจะล้มหรืออะไรขึ้นมา แล้วจิตไปเกาะนิดเดียว
    จะออกไปไหนไม่ได้เลยครับ เลยต้องจัดท่าให้สบายหน่อย
    แต่ถ้าใครได้คล่องๆแล้ว จะออกท่าไหนก็ได้ครับ
    ครั้งแรกก็ต้องใช้ตัวช่วยเยอะหน่อย เสื่อมีปูก็ปูครับ เบาะนุ่มๆเตรียมมาก็ปูได้เลย

    5.มโนมยิทธิเต็มกำลังหนึ่งครั้ง มาเป็นหมื่นคน แต่ว่าออกกันไปได้จริงๆ ไม่ค่อยถึงพันคน ร้อยคน
    ที่ทำกันได้น้อยก็เพราะว่า ถ้าจะออกได้โดยคล่อง
    เราจะต้องเจริญวิปัสสนา ตัดสังโยชน์ จนอารมณ์คล้ายพระอรหันต์ชั่วขณะได้
    คือต้องไม่เกาะกายเลย มุ่งพระนิพพานจุดเดียว ถึงจะออกไปได้
    จึงเรียกว่าเป็นเครื่องวัดเลยก็ได้ว่า เราเจริญวิปัสสนาญาณมาละเอียดแค่ไหน
    กับอีกวิธีก็คือ ให้ใจมีความสุข ความสบาย ความเบาจากสมาธิมาก
    จนลืมนึกถึงกายชั่วขณะ ก็จะออกไปได้เช่นกัน

    6. ให้ทำตามนี้ครับ
    -จับลมหายใจ จนจิตเกิดความเบาสบาย ลมหายใจช้าลง
    เบาลง จนเข้าถึงอารมณ์สบาย ลมหายใจดับไป หรือใกล้จะดับไปให้ได้ก่อน
    -แผ่เมตตาจากสมาธิ เป็นคลื่นความเย็น ความอิ่มใจ ความชุ่มเย็น ความสุข
    แผ่ออกไปยังทุกๆคนที่มาฝึก ไปยังทั้งจักรวาล เพื่อให้ทุกๆคนฝึกได้โดยง่าย
    และให้อานิสงค์นี้ช่วยให้เราไม่ถูกเจ้ากรรมนายเวรมาขวางตอนฝึก
    -ทรงภาพพระให้เห็นท่าน ทรงแย้มพระโอษฐ์ชัดเจนแจ่มใส
    ใครได้มโนก็ขึ้นไปกราบท่านข้างบนเลยครับ
    -ถ้าใครได้อรูป ก็ไล่ขึ้นอรูปให้ครบก่อน แล้วค่อยขึ้นไปข้างบน
    -พิจารณาตัดสังโยชน์10 ไล่ทีละข้อ ช้าๆ สบายๆ จนครบ10ข้อ
    -คราวนี้ เป็นช่วงที่ต้องทำให้ใจสบายที่สุด เบาที่สุด สุขที่สุด
    ใครจะภาวนานะมะพะธะไปเรื่อยๆก็ได้ จับลมสบายไปก็ได้
    แผ่เมตตาก็ได้ ทรงอารมณ์ข้างบนเอาไว้ก็ได้
    ถ้าวางอารมณ์ถูกใจสบายเรื่อยๆ เดี้ยวจะออกได้เองครับ

    7.ออกได้แล้วให้ปักหมุดทุกครั้ง เพราะมโนเต็มกำลังทำได้กันไม่บ่อยนัก จะได้คล่องยิ่งๆขึ้นไป

    8.เสร็จแล้ว ก็ไปตามที่พระท่านพาไปครับ

    ทุกอย่างรวมอยู่ที่ทำใจให้สบายให้ได้ครับ ถ้าใจสบายได้ ก็ได้หมดทุกอย่างครับ

    ขอให้สามารถเข้าถึงซึ่งมโนมยิทธิ ครึ่งกำลัง และเต็มกำลัง ได้ทุกๆคน
    ได้โดยฉับพลันทันใด ได้ด้วยพุทธบารมีแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2009
  4. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    อยากไปเต็มกำลังเช่นกันตอนนี้เก็บ ชั่วโมงบินอยู่คับ
     
  5. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    อนุโมทนาสาธุค่ะพี่พี่ค่ะสนใจมากเลยค่ะอยากทราบรายละเอียดว่าไป2วันหรือวันเดียวค่ะถ้าไปจะนัดเจอที่ไหนค่ะและรถออกกึ่โมงค่ะพี่
     
  6. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ไปฝึกวันที่12 แล้วค้างหนึ่งคืน ฝึกวันที่13 จึงค่อยกลับครับ
    วันที่12 เวลา2ทุ่ม จะมีงานหล่อพระเจ้าองค์แสน ที่วัดท่าซุงครับ

    เดี้ยวถ้ากำหนดการณ์ของรถรับส่ง แน่นอนแล้ว จะนำมาลงให้ครับ
    คงอีกซักระยะนึงครับ แต่มีจัดไปแน่นอนครับ
    อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม บางอันก็ลองหาล่วงหน้าเลยก็ได้ครับ
    อุปกรณ์ที่ใช้ในการนอน ได้แก่ เต๊นท์ ถุงนอน ผ้าปูรองนอน
    อุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว ได้แก่ สบู่ ยาสระผม ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ยากันยุง ยารักษาโรค
    เสื้อผ้า พอสำหรับสองวัน
    ถ้ามีเสื้อเว็บพลังจิตก็ใส่ไปด้วยครับ ถ้าท่านใดจะนุ่งขาวห่มขาวก็เชิญเลยครับ

    อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด คือ เตรียมจิตของเราให้เกิดความสุข เบาสบายเอาไว้เสมอๆครับ
     
  7. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    เรื่องการนอนตัวดิฉันไม่สนใจและไม่มีปัญหาเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะหลวงพ่อเคยสอนทุกอย่างอยู่ที่จิตใจแต่เพื่อนรุ่นพี่เค้าติดการนอนในห้องสรุปเค้ากลัวค่ะอยากทราบจากพี่ว่าถ้าเค้าไปในวันนั้นเค้าสามารถที่จะไปติดต่อนอนที่ห้องจะได้ไหมค่ะจะมีที่ให้เค้านอนไหมค่ะ...อนุโมทนานะค่ะขอบคุณค่ะ
     
  8. จัมโบ้

    จัมโบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    228
    ค่าพลัง:
    +334
    ขออนุโมทนาบุญค่ะ คำแนะนำจะนำไปปฎิบัติค่ะ ติดขัดตรงไหนจะขอคำแนะนำอีกนะคะ<!-- google_ad_section_end -->
     
  9. silverraion

    silverraion Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +49
    สวัสดีครับคุณ Xorce

    ผมขออนุโมทาบุญ ที่คุณได้ให้ธรรมมะแกุ่ทุกคนด้วยครับ
    ผมเองก้อพึ่้งปฎิบัติได้ไม่นานเองครับ ตอนวัยรุ่นประมาณ 14 หรือ 15 นี่แหละครับผมเคยนั่งสมาธิที่วัดร่วมกับกลุ่มพวกที่ไปถือศีลที่วัด นั่งไปได้ซักพักปรากฏว่าในใจเห็นเป็นที่ว่างเปล่าไกลสุดลูกหูลูกตาเลยครับเหมือนอยู่ในห้องเงียบคนเดียว
    แต่ว่าเห็นแค่แปบเดียวแล้วก้อไม่ได้อีกเลยครับ ตอนช่วงประมาณอายุ 19 พอดีมีคนพาทำสมาธิเขาสอนผม ผมลองทำตามเขาที่ผมรับรู้ไ้ด้นะครับผมรู้สึกว่าข้างในผมเริ่มหมุนแล้วเหมือนกับความรู้สึกทั้งหมดจะค่อยๆขี้นไปทางศรีษะแล้วไปหยุดเหนือศรีษะประมาณ 1 ฝ่ามือแล้วหายไปเลยครับผม แล้วพอรู้สึกตัวอีกทีผมมีคำเดียวเลยครับที่รับรู้ได้เลยครับ สุขใดไหนเล่าจะเท่าสุขจากการหลุดพ้น ทุกวันนี้ผมเริ่มกลับมาปฏิบัติอีกรอบแล้วครับ ที่ผมได้อ่านหัวข้อทีุ่คุณตอบช่วยได้มากเลยครับ
    ผมเองบางวันผมทำแล้วความรู้สึกหายไปหมดเลยครับ พอรู้ตัวว่าหายแล้วจะฟุ้งเลยครับ ผมรู้ว่าไม่ใช่หลับครับ ต้องถอนสมาธิออกจากสมาธิครับเพราะว่าฟุ้งซ่านแล้วครับ กว่าจะได้แบบนี้อีกก้อหลายวันครับ
    ตอนผมบวชผมฝันแปลกๆครับ (อันนี้ไม่รู้ว่าถามได้หรือเปล่า ถ้าผิดห้องขออภัยครับ)
    1.ผมฝันว่าผมจะข้ามน้ำแต่ว่าผมข้ามไม่ได้ครับ น้ำเชีี่ยวมากมีเรือใ้ห้โดยสารอยู่ลำเดียวครับ เห็นมีคนเต็มเรือเลยครับ มีตั้งแต่เด็กยันคนแก่และมีทั้งหนุ่มสาว แต่เขาไม่ให้ผมขี้นเรือครับ ผมเลยย้อนกลับมา คราวนี้เห็นเป็นต้นโพธิ์ทางซ้ายมือผมต้นใหญ่ร่มเย็นมากครับ ขวามือผมเป็นเมรุเผาศพมีโลงตั้งอยู่ด้วย และผมได้ยินเสียงในฝันบอกผมว่าให้ดูไว้นี่คืออนาคตของผมต้องเป็นต้นโพธิ์ต้นใหญ่ในภายภาคหน้า
    2.ฝันคราวต่อมาของผม ผมเดินลงน้ำเลยครับ คราวนี้ก้าวแรกก้อแค่ตาตุ่ม ก้าวสองหัวเข่า ก้าวสามเอว ก้าวสี่อก ก้าวที่ 5 จมเลยครับ แต่ในฝันผมเห็นแม่ผมลอยมาหิ้วผมขี้นจากน้ำครับ บอกผมว่ายังไม่ถึงเวลา
    ผมเข้าใจถูกไหมครับว่าผมเองก้อเป็นโพธิื์์์ต้นหนึ่งในภายภาคหน้า ตอนอายุ 19 เหมือนผมจะได้ฤทธิืมานิดหน่อยครับ เช่น สั่งฟ้าสั่งฝนให้ตกหรือหยุดได้ หรืออ่านใจคนได้ แล้วก้อตาทิพย์ครับ และก้ออดีตชาติอีกนิดหน่อยครับ

    ข้อความทั้งหมดนี้ผมไม่ได้มีเจตนาอวดอ้างตัวผมนะครับ เพียงแต่ว่าทำแล้วมันเกิดผลเลยเอามาให้อ่านกันเล่นๆครับ ถ้าข้อความไม่ถูกใจท่านใดขออภัยด้วยครับ
     
  10. กิ่งขวัญ

    กิ่งขวัญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +701
    เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรก (ไม่รู้ไปอยู่หลังเขาที่ไหน) รู้สึกดีใจมาก ได้ความรู้มากมาย และผู้ตอบปัญหาก็สละเวลา และมีเมตตาอย่างมาก ดิฉันขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ แต่ละคนที่เข้ามาถามก็นั่งสมาธิเก่ง ๆ ทั้งนั้น แต่ดิฉันเพิ่งเริ่มต้นงู ๆ ปลา ๆอยากถามว่าถ้านั่งสมาธิแบบกำหนดคำบริกรรมว่าพุทโธวางไว้ที่เหนือสะดือขึ้นมานิดนึง ไม่ได้กำหนดดูลมหายใจ จะรู้สึกนิ่งๆ สบาย ๆ เวทนาไม่ค่อยมี เลยกำหนดรู้เวทนาไม่ได้ มีฟุ้งซ่านมากบ้างน้อยบ้าง แต่เคยรู้สึกเหมือนตัวมันพองขึ้น ๆ และรู้สึกตกใจ เลยกำหนดว่าตกใจหนอ มีสติหนอ และก็กลับมาเหมือนเดิม อยากถามว่าควรจะเปลี่ยนมากำหนดจับลมหายใจแบบที่คุณสอนดีหรือไม่ จะต่อกันติดไหม หรือทำแบบเดิมไปเรื่อย ๆ แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป รบกวนช่วยชี้แนะเป็นแนวทางด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
     
  11. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ เมตตาบารมี ครับ

    นอนนะครับ มี3แบบ
    1.นอนในเขตธุดง ปักกลดกันเองเลย
    2.นอนในห้องโถงใหญ่ ซึ่งทุกๆคนจะมานอนที่นี่ รวมถึงผมด้วย
    3.นอนในกุฏิ อันนี้ต้องไปติดต่อจองครับ

    หากอยากจะหาห้องนอน ควรจะไปติดต่อตั้งแต่ตอนนี้เลยครับ
    จะมีให้เป็นกุฏิครับ
    เพราะไม่งั้นถูกจองเต็มหมดแน่นอนครับ หรือเต็มหมดไปแล้ว

    จริงๆผมว่านอนรวมกันทุกคน ในห้องโถงใหญ่ จะน่ากลัวน้อยกว่าไปนอนคนเดียวเยอะเลยครับ

    กลัวต้องนอนรวมกันหลายคน กับกลัวต้องนอนคนเดียว กลัวอันไหนมากกว่ากัน
    อันนี้ต้องให้เขาเลือกเอาเองครับ

    ถ้าท่านใดจะจองก็โทรไปที่วัด ตั้งแต่วันนี้เลยครับ
     
  12. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ silverraion ครับ

    ผมขออนุโมทาบุญ ที่คุณได้ให้ธรรมมะแกุ่ทุกคนด้วยครับ
    ผมเองก้อพึ่้งปฎิบัติได้ไม่นานเองครับ ตอนวัยรุ่นประมาณ 14 หรือ 15 นี่แหละครับผมเคยนั่งสมาธิที่วัดร่วมกับกลุ่มพวกที่ไปถือศีลที่วัด นั่งไปได้ซักพักปรากฏว่าในใจเห็นเป็นที่ว่างเปล่าไกลสุดลูกหูลูกตาเลยครับเหมือนอยู่ในห้องเงียบคนเดียว

    อันนี้เป็นอรูปฌาณครับ พอได้อันนี้ก็จะเปิดญาณขึ้นมาเยอะแล้วครับ

    แต่ว่าเห็นแค่แปบเดียวแล้วก้อไม่ได้อีกเลยครับ ตอนช่วงประมาณอายุ 19 พอดีมีคนพาทำสมาธิเขาสอนผม ผมลองทำตามเขาที่ผมรับรู้ไ้ด้นะครับผมรู้สึกว่าข้างในผมเริ่มหมุนแล้วเหมือนกับความรู้สึกทั้งหมดจะค่อยๆขี้นไปทางศรีษะแล้วไปหยุดเหนือศรีษะประมาณ 1 ฝ่ามือแล้วหายไปเลยครับผม แล้วพอรู้สึกตัวอีกทีผมมีคำเดียวเลยครับที่รับรู้ได้เลยครับ สุขใดไหนเล่าจะเท่าสุขจากการหลุดพ้น ทุกวันนี้ผมเริ่มกลับมาปฏิบัติอีกรอบแล้วครับ ที่ผมได้อ่านหัวข้อทีุ่คุณตอบช่วยได้มากเลยครับ

    จิตรวมลอยขึ้นไป แล้วก็หายเข้าฌาณละเอียด อันนี้เป็นฌาณละเอียด โดยสมบูรณ์ครับ

    ผมเองบางวันผมทำแล้วความรู้สึกหายไปหมดเลยครับ พอรู้ตัวว่าหายแล้วจะฟุ้งเลยครับ ผมรู้ว่าไม่ใช่หลับครับ ต้องถอนสมาธิออกจากสมาธิครับเพราะว่าฟุ้งซ่านแล้วครับ กว่าจะได้แบบนี้อีกก้อหลายวันครับ

    พอรู้ตัวว่าหาย จิตมันมีอาการกระเพื่อมครับ พอกระเพื่อมก็เลยถอนออกจากสมาธิ
    ความฟุ้งซ่านก็เลยเข้ามา
    อันนี้เป็นเรื่องของการฝึกประคองอารมณ์ครับ
    ต้องค่อยๆฝึกลากอารมณ์ให้อยู่ได้นานๆ แล้วก็อย่าให้กระเพื่อมแรง

    ต้องให้จิตค่อยๆถอนออกมาช้าๆ
    ที่ใช้เวลาหลายวันกว่าจะทำได้อีก ก็เพราะว่าตอนถอนออกจากสมาธิรุนแรงไปครับ
    จิตเลยกระเทือน ใช้เวลากว่าจะรวมได้อีกครั้ง

    ถ้าแบบนี้จะต้องอธิษฐานปักหมุดเอาไว้ แล้วพยายามให้จิตถอนออก นุ่มนวลกว่านี้ครับ

    ไม่งั้นมันจะเหมือนเราอยู่บนตึกร้อยชั้น แล้วก็กระโดดลงมาที่พื้นดินเลย
    รับรองเจ็บขาไปหลายวัน กว่าจะมีแรงเดินกลับขึ้นไปที่ชั้นที่ร้อย ก็ต้องพักฟื้นครับ
    พอจะเห็นภาพนะครับ ดังนั้นเวลาจะลงจากตึก ก็ต้องค่อยๆเดินลงบรรได

    วิธีที่ผมแนะนำให้ใช้ก็คือ หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ สามครั้ง หรือไปเรื่อยๆจนกว่าจะถอนออกมาได้

    เราหายใจเข้า พุท หายใจออก โธ
    หายใจเข้า ธัม หายใจออก โม
    หายใจเข้า สัง หายใจออก โฆ

    แล้วให้จิตค่อยๆถอนออกมาช้าๆ แล้วแย้มกลีบเบ่งบานเหมือนกับดอกไม้
    พอจิตของเราแย้มบานถึงที่สุด จึงค่อยลืมตาขึ้นครับ

    ตอนผมบวชผมฝันแปลกๆครับ (อันนี้ไม่รู้ว่าถามได้หรือเปล่า ถ้าผิดห้องขออภัยครับ)
    1.ผมฝันว่าผมจะข้ามน้ำแต่ว่าผมข้ามไม่ได้ครับ
    น้ำเชีี่ยวมากมีเรือใ้ห้โดยสารอยู่ลำเดียวครับ
    เห็นมีคนเต็มเรือเลยครับ มีตั้งแต่เด็กยันคนแก่และมีทั้งหนุ่มสาว แต่เขาไม่ให้ผมขี้นเรือครับ ผมเลยย้อนกลับมา คราวนี้เห็นเป็นต้นโพธิ์ทางซ้ายมือผมต้นใหญ่ร่มเย็นมากครับ ขวามือผมเป็นเมรุเผาศพมีโลงตั้งอยู่ด้วย และผมได้ยินเสียงในฝันบอกผมว่าให้ดูไว้นี่คืออนาคตของผมต้องเป็นต้นโพธิ์ต้นใหญ่ในภายภาคหน้า

    ว่ายน้ำข้ามทะเล คือ วัฏฏะสงสาร
    เรือลำเดียว ก็คือ ธรรมะของพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ช่วยให้ข้ามทะเลไปได้
    คนแก่และเด็ก ไม่ให้ขึ้นเรือ เพราะว่าเรายังมีคำอธิษฐานที่ต้องลุยต่อไป
    จะได้เป็นร่มโพธิ์ ก็คือการปรารถนาพระโพธิญาณ
    เมรุเผาศพนั้นคือ ให้เราพิจารณาวิปัสสนาญาณ ในข้อความตาย ความไม่เที่ยงของชีวิต
    ให้เร่งรีบสร้างบารมี ให้คุ้มกับที่เกิดมา ทำตัวเองให้เป็นร่มโพธิ์ให้ได้โดยเร็ว

    สรุปว่า เราจะไปพระนิพพาน แต่ไปไม่ได้ เพราะเป็นพุทธภูมิ ควรจะเร่งสร้างบารมีโดยเร็ว เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งของผู้อื่นในอนาคตต่อไป สู้ๆครับ เพื่อความสุขของผู้อื่น

    2.ฝันคราวต่อมาของผม ผมเดินลงน้ำเลยครับ คราวนี้ก้าวแรกก้อแค่ตาตุ่ม ก้าวสองหัวเข่า ก้าวสามเอว ก้าวสี่อก ก้าวที่ 5 จมเลยครับ แต่ในฝันผมเห็นแม่ผมลอยมาหิ้วผมขี้นจากน้ำครับ บอกผมว่ายังไม่ถึงเวลา

    ความหมาย ก็เหมือนกันครับ ยังบรรลุธรรมไม่ได้ ต้องลุยต่อไป

    ผมเข้าใจถูกไหมครับว่าผมเองก้อเป็นโพธิื์์์ต้นหนึ่งในภายภาคหน้า

    ถูกครับ ต้นโพธิ์นะครับ ไม่ใช่ต้นสน
    ต้นสนโตอยู่โดดๆ ไม่แผ่กิ่งก้านสาขาไปปกคลุมใคร
    ต้นโพธิ์ตองแผ่กิ่งก้านสาขา มอบความร่มเย็น ให้กับทุกสรรพสิ่งโดยรอบ
    ทั้งมนุษย์ อมนุษย์ สัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย พึงได้รับความร่มเย็นจากร้มโพธิ์เสมอกัน

    ตอนอายุ 19 เหมือนผมจะได้ฤทธิืมานิดหน่อยครับ เช่น สั่งฟ้าสั่งฝนให้ตกหรือหยุดได้ หรืออ่านใจคนได้ แล้วก้อตาทิพย์ครับ และก้ออดีตชาติอีกนิดหน่อยครับ

    ข้อความทั้งหมดนี้ผมไม่ได้มีเจตนาอวดอ้างตัวผมนะครับ เพียงแต่ว่าทำแล้วมันเกิดผลเลยเอามาให้อ่านกันเล่นๆครับ ถ้าข้อความไม่ถูกใจท่านใดขออภัยด้วยครับ

    <!-- google_ad_section_end -->ถ้าเราเป็นพุทธภูมิ ขึ้นชื่อว่ากรรมฐาน 40กอง ต้องทำให้ได้ครบทุกกอง
    ฌาณ ญาณ มโนมยิทธิ อภิญญา อรูป ต้องทำให้ได้ทั้งหมด

    ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้หาเวลาไปฝึกมโนมยิทธิครับ งานเต็มกำลังไปกับพวกเราด้วยก็ได้ครับ
    พอได้แล้วเราจะไปได้เร็วกว่าเดิมอีกเยอะเลยครับ

    หรือถ้าหาเวลามาฝึกที่สวนลุมได้ก็ดีครับ แต่กว่าจะมีอีกรอบคงเดือนมกราคมเลยครับ

    ขอให้สามารถเข้าถึงซึ่งกรรมฐานทั้ง40กอง ได้โดยง่ายดาย ได้โดยฉับพลันทันใด
    ตื่นขึ้นสู่ความเมตตา ความงดงามจากภายในจิตใจ เป็นผู้มีจิตปรารถนาเพื่อความสุขของส่วนรวมอย่างแท้จริง
    และสามารถช่วยเหลือสรพสัตว์จำนวนมากมายไม่มีที่สิ้นสุด
    ให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ได้ในอนาคตกาลเบื้องหน้านี้โดยเร็ว
    ด้วยพระพุทธบารมีอันไม่มีที่สิ้นสุดแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเทอญ
     
  13. เด็กหัวจุก

    เด็กหัวจุก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +1,436
    สอบถามต่อค่ะ เราทำตามที่อาจารย์บอกแล้วทำไมเราเห็นนิมิตรพระแก้วของเราเล็กใหญ่ไม่เท่ากันล่ะคะ บางครั้งเล็กบางครั้งใหญ่มาก ช่วยแนะนำต่อด้วยค่ะ
     
  14. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    อนุโมทนาค่ะพี่ขอบคุณมากค่ะนอนรวมกันดีกว่านอนคนเดียวค่ะงั้นเวลาที่เรานอนในห้องโถงเราต้องเตรียมหมอนหรือเสื่อหรือผ้าห่มไปไหมค่ะ คือไม่ทราบจริงๆค่ะไม่เคยไปเลยค่ะพี่ พี่ช่วยตอบหน่อยเถอะค่ะ
     
  15. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    อนุโมทนาค่ะพี่xorceอยากสอบถามเรื่องของกสินสีขาวค่ะคือพอดีว่าซื้อสดึงมาเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ3คืบกว่าและตัดกระดาษสีขาวเป็นวงกลมประมาณ1คืบตัดแปะทากาวเอาไว้จะนำมาทำกสินอยากทราบว่าเราใช้จ้องประมาณ5นาทีแล้วหลับตาจำภาพสีขาวไว้หรือเราจ้องไม่หลับตาจนเป็นสีขาวประกายพรึกโดยไม่ต้องหลับตาค่ะอยากรู้ค่ะว่าทำอย่างไรพี่ช่วยสอนดิฉันหน่อยซิค่ะขอบคุณมากค่ะพี่ดิฉันไม่เข้าใจวิธีค่ะกลัวว่าจะทำผิดค่ะ
     
  16. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ กิ่งขวัญ ครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    สวัสดีครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรก (ไม่รู้ไปอยู่หลังเขาที่ไหน) รู้สึกดีใจมาก ได้ความรู้มากมาย และผู้ตอบปัญหาก็สละเวลา และมีเมตตาอย่างมาก ดิฉันขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ แต่ละคนที่เข้ามาถามก็นั่งสมาธิเก่ง ๆ ทั้งนั้น แต่ดิฉันเพิ่งเริ่มต้นงู ๆ ปลา ๆอยากถามว่าถ้านั่งสมาธิแบบกำหนดคำบริกรรมว่าพุทโธวางไว้ที่เหนือสะดือขึ้นมานิดนึง ไม่ได้กำหนดดูลมหายใจ จะรู้สึกนิ่งๆ สบาย ๆ เวทนาไม่ค่อยมี เลยกำหนดรู้เวทนาไม่ได้<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    กำหนดได้ครับ รู้สึกนิ่งๆ สบายๆ ก็ถือเป็นเวทนาครับ จริงไหม<o:p></o:p>
    แถมยังเป็นอารมณ์เวทนาที่เราต้องการ จากการทำสมาธิด้วยครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ลองคิดดูครับ เราหาทุกขเวทนาไม่เจอ เจอแต่สุขเวทนา เจอแต่อารมณ์สบาย <o:p></o:p>
    หาความทุกข์ ไม่เจอเลย เจอแต่ความสบาย ดีไหมครับ<o:p></o:p>
    หรือเราอยากจะเจอแต่ทุกเวทนา หาความสบายไม่เจอเลย<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    เราก็กำหนดไปแบบนี้ก็ได้ครับ สุขหนอๆ สบายหนอๆ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จริงๆ แล้วควรจะอนุโมทนากับคุณกิ่งขวัญด้วยครับ<o:p></o:p>
    เพราะว่า เจออารมณ์เบาสบาย ไม่ปวดไม่เมื่อย<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ที่ท่านสอนให้เจอทุกขเวทนาแล้วกำหนดรู้ ก็เพื่อที่ใจจะไม่ไปติดกับมัน<o:p></o:p>
    แล้วพอไม่ติด ก็มาเจออารมณ์ที่สบาย<o:p></o:p>
    แต่นี่เราไม่ต้องไปเจออารมณ์ทุกขเวทนา มาเจออารมณ์สบายเลย<o:p></o:p>
    ก็ถือว่าเราลัดขั้นตอน ข้ามเลยมาแล้วครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    มีฟุ้งซ่านมากบ้างน้อยบ้าง แต่เคยรู้สึกเหมือนตัวมันพองขึ้น ๆ และรู้สึกตกใจ เลยกำหนดว่าตกใจหนอ มีสติหนอ และก็กลับมาเหมือนเดิม<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    อันนี้เป็นปีติครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    อยากถามว่าควรจะเปลี่ยนมากำหนดจับลมหายใจแบบที่คุณสอนดีหรือไม่ จะต่อกันติดไหม หรือทำแบบเดิมไปเรื่อย ๆ แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป รบกวนช่วยชี้แนะเป็นแนวทางด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    เราภาวนา เพื่ออารมณ์เบา สบาย สุข นิ่งๆ แบบที่คุณได้สัมผัสแล้ว จำอารมณ์นั้นไว้ครับ<o:p></o:p>
    คราวนี้ต้องเข้าใจว่า การทำสมาธิทั้งหมด ก็เพื่อให้เข้าถึงอารมณ์นี้<o:p></o:p>
    ภาวนาพุทโธ ก็อารมณ์นี้ ยุบหนอพองหนอ ก็อารมณ์นี้ จับลมหายใจก็เพื่ออารมณ์นี้<o:p></o:p>
    ทรงภาพพระก็เพื่ออารมณ์นี้<o:p></o:p>
    ถ้าจะถามว่าต่อกันติดไหม ก็ติดแน่นอนครับ<o:p></o:p>
    จำอารมณ์สบายเอาไว้ให้ได้ แล้วเวลาจับลมหายใจก็ ให้ใจของเราสบายเหมือนตอนพุทโธครับ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ลำดับขั้นของสมาธิ จะเรียงตามนี้นะครับ<o:p></o:p>
    - จับคำภาวนา พุทโธ เป็นต้น จนใจสบาย<o:p></o:p>
    - คำภาวนาหายเหลือแต่ จับลมหายใจเข้าออก ด้วยใจสบายเหมือนเดิม<o:p></o:p>
    - รู้ลมหายใจตลอดทั้งสาย ลมหายใจลื่นไหล เบาสบายมาก<o:p></o:p>
    - ลมหายใจค่อยๆเบาลงๆ ช้าลงๆ ลมหายใจช้าลงจนหยุดไป คล้ายกับไม่หายใจ เหลือแต่อารมณ์สบาย จิตประคองอยู่ในความสบาย เบาสบาย จนนิ่ง ไม่คิด มีแต่ความสบายเพียงอย่างเดียว<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    อารมณ์ก็จับที่ตัวสบาย ตัวเย็น ตัวนิ่ง เหมือนกันครับ<o:p></o:p>
    เพียงแต่ความสบาย ความเย็น จะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงสบายที่สุด ก็จะไม่มีลมหายใจ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ดังนั้นจะจับลมหายใจ หรือพุทโธ สุดท้ายก็มาอารมณ์สบายเหมือนกันครับ<o:p></o:p>
    เพียงแต่การจับลมหายใจเลย จะเป็นการลัดขั้นตอน ข้ามขั้นพุทโธ<o:p></o:p>
    ทำให้เราเข้าสมาธิได้เร็วขึ้นครับ<o:p></o:p>
    แต่เราอาจจะพุทโธ ซักระยะหนึ่ง เพื่อเป็นการอาราธนาบารมีของพระพุทธองค์ จนใจเริ่มสบาย แล้วค่อยจับลมหายใจก็ได้ครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    เอาแบบนี้นะครับ อย่าพึ่งทิ้งพุทโธในทีเดียวเลย เดี้ยวจะจับอารมณ์ไม่ถูกครับ<o:p></o:p>
    พุทโธ จนใจสบายก่อน แล้วค่อยเริ่มจับลมหายใจ ด้วยอารมณ์สบาย อารมณ์เดียวกันกับพุทโธครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ขอให้สามารถเข้าถึงซึ่งอารมณ์สบายอันบังเกิดจากสมาธิ ด้วยบารมีของพระพุทธเจ้า ได้ตลอดไป ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
     
  17. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ เด็กหัวจุก ครับ

    สอบถามต่อค่ะ เราทำตามที่อาจารย์บอกแล้วทำไมเราเห็นนิมิตรพระแก้วของเราเล็กใหญ่ไม่เท่ากันล่ะคะ บางครั้งเล็กบางครั้งใหญ่มาก ช่วยแนะนำต่อด้วยค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

    เป็นเรื่องความคล่องในการย่อขยาย ภาพนิมิตครับ
    ย่อเล็ก ขยายใหญ่ ทำได้ดั่งใจ เป็นวสี หรือความคล่องในสมาธิประเภทหนึ่ง

    แต่เวลาเราจะประคองภาพพระเอาไว้
    ถ้าจะให้เล็ก ก็ต้องเล็ก ให้ใหญ่ก็ต้องใหญ่
    อันนี้เป็นวสีอีกตัวต้องประคองให้ภาพนิ่ง ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

    ถ้าเราทรงภาพพระให้ใหญ่ แล้วอยู่ดีๆ ภาพพระกลายเป็นภาพเล็ก
    อันนี้เรียกว่านิมิตจรครับ เป็นอุปสรรคขัดขวางสมาธิ ทำให้จิตไม่เบา ไม่สบาย
    ให้เราอย่าไปสนใจ ต้องดึงภาพกลับมาให้ใหญ่ให้ได้

    ถ้าภาพพระยังขึ้นๆ ลงๆ ไม่หยุดนิ่ง ขนาดใดก็ขนาดหนึ่ง
    อันนี้เกิดจากใจของเรายังสบายไม่พอด้วยครับ
    ต้องปรับอารมณ์ให้สบายกว่านี้
    ยิ่งใจสบาย ภาพพระยิ่งนิ่ง ยิ่งใส ยิ่งสว่าง ยิ่งชัด ยิ่งแย้มยิ้มครับ

    แล้วก็ให้เราประคองภาพพระให้แย้มยิ้มให้ได้ตลอดเวลา
    แล้วต้องให้ใจของเราเบิกบาน แย้มยิ้มตามภาพพระท่านด้วยครับ

    ถ้าใจของเราแย้มยิ้มตามภาพพระที่เห็นได้ตลอดเวลา
    เราจะมีความสุข ความอิ่มใจ ความพอใจเวลาที่เห็นภาพพระ
    เป็นธรรมฉันทะ ความพึงพอใจในธรรมะของพระพุทธเจ้า
    แล้วจะยิ่งทำให้เราอยากที่จะทรงภาพพระให้ได้ดี ยิ่งๆขึ้นไปครับ

    ต้องเน้นให้ใจของเราแย้มยิ้ม ตามภาพพระให้ได้ครับ ตรงนี้ขอเน้นมากๆครับ

    ลองไปปฏิบัติดูครับ

    ขอให้สามารถทรงภาพพระ พร้อมกับจิตใจที่แย้มยิ้มเบิกบานใจ ได้ตลอดไป ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  18. เด็กหัวจุก

    เด็กหัวจุก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +1,436

    สาธุค่ะ กำลังคิดอยู่ค่ะว่าสงสัยอารมณ์ไม่นิ่งพอ ก็จริง ๆ ด้วยค่ะ ตอนนี้ บังคับได้แล้วค่ะ ยิ้มแล้วด้วย แหะ ๆๆ เข้าใจแล้วค่ะ พยายามต่อไป อนุโมทนาค่ะ

    _________________________________________________

    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถทรงภาพพระ พร้อมกับจิตใจที่แย้มยิ้มเบิกบานใจ ได้ตลอดไป ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  19. กิ่งขวัญ

    กิ่งขวัญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +701
    ขอบพระคุณค่ะ ที่ช่วยแนะนะให้อย่างละเอียด จะปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างตั้งใจ
    (ตั้งใจว่าจะค่อย ๆ อ่าน comment ตั้งแต่หน้าแรกไปเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มพูลความรู้ค่ะ)
    ขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ
     
  20. suwinpupagare

    suwinpupagare Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +84
    เมื่อเรารู้หรือคิดว่าตนเองมีฌาน

    เราจะใช้หรือจะมีวิธีการเรียกใช้ อย่างไรบ้างหรือไม่....
    ขอสอบถามด้วยความไม่รู้นะครับ


    ขอบพระคุณครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...