ทริปออกพรรษา ทอดกฐิน วัดหินหมากเป้ง ชมบั้งไฟพญานาค 4-6 ตุลาคม 2552

​

บริจาคเงินช่วยอนุรักษ์ทรัพยกรป่าไม้ต้นน้ำและสัตว์ป่าฯ ร่วมกับกรมป่าไม้และอุทยานแห่งชาติลาว(ตาดกวางสี) ให้โลกร่มเย็นและสงบสุข ถวายเป็นพุทธบูชาฯ และร่วมโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนาฯ

​

คำอธิษฐาน นโมฯ 3 จบ ขอบารมีพระทุกพระองค์และบุญทั้งหมดที่ได้บำเพ็ญมา สรงน้ำพระธาตุแก้วมณีโชติ ให้น้ำสรงพระธาตุไหลรวมลงในแม่น้ำลำธารไปทุกหนแห่งทั่วสากลพิภพ เพื่อชำระสระสรงพระบรมธาตุ,รอยพระหัตถ์,รอยพระบาท,พระศรีมหาโพธิ์ฯ ให้สะอาดสว่างไสวเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพรรณฯ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ และร่วมโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนาฯ ขอพระทุกพระองค์ได้โปรดรับซึ่งเครื่องสักการะทั้งหลายเหล่านี้เพื่อประโยชน์ และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญฯ
อัปปมาโณ พุทโธ อัปปมาโณ ธัมโม อัปปมาโณ สังโฆ สิทธมัตถุ สิทธมัตถุ สิทธมัตถุ สัมปะสาทานะเจตะโส ด้วยจิตที่เลื่อมใสในคุณพระรัตนตรัยและผลบุญพุทธบูชาฯทั้งหมดนี้ ขอความปรารถนาของเราทั้งหลายที่จะยอยกพระศาสนาถวายเป็นพุทธบูชาฯ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ ตามความประสงค์จงทุกประการเทอญฯ
หมายเหตุ ตลอดทางยังมีนิมิตเรื่องพระเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ แต่ทุกครั้งก็จะเห็นพระสมเด็จองค์ปฐมด้วย จึงกราบอธิษฐานขอบารมีพระอาราธนาพระพุทธเจ้าทุกพระองค์อันมีสมเด็จองค์ปฐม เป็นต้น ขอทุกพระองค์ได้โปรดเมตตาสงเคราะห์เสด็จรับภัตตาหารในวันขึ้น 15 ค่ำของทุกปีด้วยครับ การถวายมหาทานครั้งนี้นับเป็นพุทธทานครั้งแรกและครั้งใหญ่สุดในพระพุทธศาสนา จริงๆครับ คณะเรากำหนดให้วัน 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันทำบุญใส่บาตรถวายพุทธทาน ถวายเป็นพุทธบูชาฯ และร่วมโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนาฯ เป็นงานประจำปีของคณะด้วยครับ

 

​

วัดนี้เป็นวัดเล็กๆในชนบทที่ไม่ธรรมดาอีกวัดครับ ได้แวะก็เพราะมีผุ้ร่วมเดินทางลืมของ เป็นโชคดีของเราท่านกำลังสร้างเรือไฟพอดีครับ เลยได้ร่วมทำบุญไปด้วย คุณลุงที่วัดท่านเล่าให้ฟังว่าวัดนี้เป็นวัดเก่ามีอายุหลายร้อยปี มีพระพุทธรูปทองคำศักกสิทธิ์มาก พวกเราสำรวจพบว่าในวัดมีพระบรมธาตุและรอยพระบาทด้วยนะครับ จึงนับเป็นเรื่องแปลกที่พวกเราอยากกราบรอยพระบาทก็ได้มากราบโดยบังเอิญ ถามคุณลุงต่อเรื่องเรือไฟ จะลอยในน้ำไหมเพราะข้างวัดเห็นมีแม่น้ำสายเล็กๆอยู่ท่านบอกว่าไม่ จะให้เทพยุดายกขึ้นไปถวายพระข้างบนเอง ออกมาจากวัดก็ได้ทำบุญร่วมกับชาวบ้านพอดีครับ ผู้เฒ่าผู้แก่พากันดีใจมากที่มีคนมาร่วมทำบุญ พวกเราก็ดีใจที่ชาวบ้านและทุกท่านมีความสุข สามัคคีให้พระศาสนาเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นตลอดไปกันนะครับ

 

​

พวกเรากลับมาค้างที่วังเวียงกันอีกคืน เพื่อสำรวจรอยพระบาท เนื่องจากคราวก่อนมาถึงดึกมากและต้องไปเช้าที่หลวงพระบางเพื่อใส่บาตร คืนนี้พวกเรานอนกันไม่ค่อยหลับ ปิติเยอะเกินไป นึกถึงแต่เรื่องภัตที่จะใส่บาตรในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ปีหน้า

EX ท่านตั้งใจใส่บาตรด้วยของเหมือนเดิมที่ได้ใส่ในวันนี้ โดยปรับปรุงนิดหน่อย เช่น เริ่มตั้งแต่การหาพันธุ์ข้าวเหนียว การปลูกในกระถางทองดินผสมทองและสารอาหารฯ ใช้น้ำนมหล่อเลี้ยง จนโตออกรวง คัดเมล็ดข้าวแล้วแกะเปลือกออกด้วยมือ คัดเมล็ดอีกรอบ นำเมล็ดข้าวไปแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ฯ แล้วหุงด้วยน้ำนมน้ำมะพร้าวหอมขมิ้นฯ อบด้วยดอกมะลิฯ เป็นอันเสร็จข้าวเหนียว อีกอย่างนะครับคือสาหร่าย ท่านจะเลี้ยงสาหร่ายในอ่างทองและน้ำบริสุทธิ์ผสมทองคำและสารอาหารฯ เสร็จแล้วนำมาอบและพับเป็นรูปดอกบัวเล็กๆถวายพระครับ ฯลฯ

 

​

วังเวียง สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของประเทศลาวที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่ง มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจมาท่องเที่ยวที่นี่กันมากตลอดทั้งปีครับ บรรยากาศจริงๆก็เงียบสงบเป็นธรรมชาติดีมากครับ
พวกเราได้ถวายปัจจัยสวดมนต์บูชาพระฯ ร่วมสร้างพระและมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปฯ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ มารู้กันทีหลังว่าพระเทพฯท่านเสด็จประพาสที่นี่ และได้ถวายพระพุทธรูปองค์นี้ ไว้ให้ประดิษฐานเป็นมิ่งขวัญของวังเวียงครับ ตามมากันครับค่อยๆเดินกันขึ้นมาเหนื่อยก็พักกันนิด ดูแล้วไม่สูงเท่าไหร่ สำรวจรอยพระบาทกันไปเรื่อยๆ จากสภาพแวดล้อมก็คิดว่าน่าจะมีรอยพระบาทนะครับ และก็มีจริงๆครับ ขอบารมีพระให้คุณพระคุ้มครองให้ได้พบแต่สิ่งที่ดีๆตลอดไปกันนะครับทุกท่าน (รูปขวาสุดด้านล่าง และด้านขวาล่างของรูป จะเห็นรอยพระบาทชัดหน่อยครับ ประทับบนหน้าผาเลย งานนี้ปิดทองไม่ถึง พระท่านก็ทรงสงเคราะห์ให้มีแสงสีทองส่องมากระทบพระบาทเป็นสีทองพอดีครับ)

 

​

บรรยากาศบนเขาด้านหน้าถ้ำ พักเหนื่อยกันแปปครับ โชคดีที่เจ้าหน้าที่ท่านอาสาเป็นไกด์นำทาง และช่วยอธิบายรายละเอียดต่างๆของถ้ำนี้ได้เป็นอย่างดีครับ ทั้งประวัติความเป็นมาและหินรูปร่างต่างๆว่ามีลักษณะคล้ายรูปอะไร พาพวกเราเดินไปมากันอย่างเพลิดเพลิน ระหว่างนี้มีก๊วนชาวต่างชาติเข้ามาในถ้ำเยอะเหมือนกันครับ ดูหินงอกหินย้อยแล้วก็หันมาดูคนทีเป็นที่ครึกครื้นดีครับ ที่เหลือนี้ก็ดูภาพประกอบกันไปก่อนนะครับ

 

​

อันนี้เป็นภาพรูที่เจ้าหน้าที่ท่านบอกว่า เมื่อคราวพระเทพฯเสด็จประพาสที่นี่ ท่านได้มีรับสั่งให้ทำปูนครอบไว้ พวกเราไปดูมาก็ว่าเป็นรอยพระบาทจึงไม่รอช้า สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย,รอยพระบาทฯ ถวายปัจจัยทองคำฯ เป็นพุทธบูชาฯกันอย่างทันทีทันควัน เจ้าหน้าที่ท่านเล่าต่อไปอีกว่า บางทีก็มีงูเหลือมใหญ่ขึ้นมาจากในรูนี้ครับ มีหลายท่านอยากรู้ว่าลงไปแล้วเป็นไงลึกแค่ไหนมีอะไรอยู่บ้างฯ ประชุมกันแล้วคิดว่า พระศรีอาริย์คงจักเสด็จมาที่นี่แน่ในอนาคต เพราะจะเสด็จตามประเพณีของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนเป็นส่วนใหญ่ ด้วยความไม่รอช้าพวกเราก็อธิษฐานกันต่อเลยครับ
คำอธิษฐาน นโมฯ 3 จบ ขอบารมีพระทุกพระองค์และบุญทั้งหมดที่ได้บำเพ็ญมา หากเมื่อใดพระศรีอาริย์ท่านได้เสด็จมาโปรดพุทธบริษัทยังสถานที่แห่งนี้ ขอให้ได้ตามเสด็จเพื่อไปอุปฐากพระ องค์ท่านและพระทุกพระองค์ ถวายเป็นพุทธบูชาฯกันตลอดไปครับ (ตอนนั้นคงไปนิพพานกันหมดแล้ว การมาตามคำอธิษฐานนี้คงมาแบบเดิมๆครับ)
ปล.ในทริปนี้มีคำอธิษฐานขอบารมีพระมากที่สุดแล้วครับ นับตั้งแต่มีการเดินทางมา ลืมบอกไปทองคำที่พวกเราปิดบูชารอยพระบาทลอยลงบนพระบาทพอดีด้วยครับ และก็ค้างอยู่ที่พระบาทเลยครับไม่ไปไหน เพราะบุญพวกเรามีที่ไปที่พระที่เดียว ที่อื่นไม่มี<!-- attachments -->

 

​

สักครู่ใหญ่เจ้าหน้าที่ก็พาเรามาถึงถ้ำพระ เป็นถ้ำพระจริงๆมีแท่นพระ มีพระพุทธรูป และดาดเพดานผ้าที่พระเทพฯทรงถวายไว้เป็นพุทธบูชาฯ (เจ้าหน้าที่ท่านบอกมา) พวกเราก็สวดมนต์บูชาพระและถวายปัจจัยร่วมทำบุญทุกอย่างกับท่านฯ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ และร่วมโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนาฯ เจ้าหน้าที่ท่านยังเล่าให้ฟังอีกว่าในถ้ำพระนี้มีพระพุทธรูปโบราณและมีความ ศักสิทธิ์มาก ปัจจุบันได้อัญเชิญไปไว้ที่วัดในหมู่บ้าน เพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา และสมัยก่อนที่นี่ก็มีพระธุดงค์มาพักบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ตลอดเวลาครับ ออกมาจากถ้ำพระก็จะมีศาลาชมวิวหลังเล็กๆสร้างได้พอดีครับ (ทางนี้ไม่ทางลงนะครับต้องกลับไปทางเก่า ทำให้ถ้ำพระนี่ถ้าไม่มีใครนำทางมาคงมาไม่ถูกแน่ เหมาะแก่การเจริญภาวนาดีครับ)
ปล.ต้องออกแรงกันอีกนิดหน่อย ได้เวลาออกจากถ้ำลงจากเขา พวกเราทริปและขอบคุณเจ้าหน้าที่มากที่อุสาห์นำทางและอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังให้ได้ความรู้กันครับ

 

​

ลงเขามาเดินอ้อมมาดูลำธารที่ผ่านลอดใต้ภูเขามา น้ำใสมาก พวกเราได้พบรอยพระบาทเป็นอ่างน้ำได้ทำความสะอาดสรงน้ำฯ และสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย,รอยพระบาทฯ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

​

บริเวณรอบๆ มีถ้ำเล็กๆอีกหลายถ้ำ ดูจากสถาพภูเขาน่าจะมีถ้ำทั้งภูเขาเลยครับ

​

พวกเราพบหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งมีลักษณะเหมือนพญานาคแผ่พังพาน จึงได้อธิษฐานสร้างพระสมเด็จองค์หน้าตัก 4 ศอกปิดทองคำแท้ประดับเพชร ชำระหนี้สงฆ์หนี้เวรหนี้กรรมให้กับทุกๆท่าน ถวายเป็นพุทธบูชาฯ และร่วมโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนาฯ ในคราวหน้าที่จะมากันครับ (คาดว่าน่าจะเป็นช่วง 15 ค่ำ เดือน 11 ปีหน้านี้ครับ)

 

​

วัดพระแก้ว ที่นี่เรารอใต้ร่มหน้าวิหารกันสักครู่ตามความรู้สึกให้รอมาพร้อมเพรียงกัน จึงเข้าไปไหว้พระด้วยกัน และก็มาพร้อมกันครับคณะเว็บพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ นำโดยคุณคณานันท์ ทักทายกันอย่างดีใจที่ได้มาพบกันโดยบังเอิญไม่ได้นัดหมาย ต่างก็บอกบุญที่ทำมาเล่าสู่กันและกันฟังอย่างตื่นเต้นและสนุกสนาน ท้ายสุดก็รับพระบรมธาตุและปัจจัยทำบุญกฐินในโครงการกฐินแสนกองมา และคณะเราส่งภาพพระหัตถ์พร้อมปัจจัยร่วมทำบุญฝากไป ฝากบุญกันไปกันมาบุญเลยเพิ่มเป็นทวีคูณเลยบ่ายนี้ เป็นเรื่องไม่น่าเชื่ออยู่เมืองไทยยังไม่ค่อยเจอกันเลย นี่มาตั้งต่างประเทศยังมาเจอกันอีก พวกเราปรารภถึงเรื่องการเชื่อมแผ่นดินพระพุทธศาสนาและการสานต่องานพุทธภูมิครับ (คณะพี่คณานันท์และชาวพลังจิต จะไปทอดกฐินวัดหินหมากเป้ง วันพรุ่งนี้ครับ)
ปล.ก่อนจะมาวัดพระแก้ว คนขับรถและญาติพี่หมึกที่เป็นคนลาว บอกว่าวันนี้มีการส่งเรือ(แข่งเรือประเพณี)เค้าปิดถนนและอาจปิดวัดด้วย เนื่องจากมีคนมารวมกันเป็นจำนวนมาก และก็เห็นทำแบบนี้กันทุกปีทำมาเป็นสิบๆปี ถ้าจะไปต้องจอดรถไว้อีกที่แล้วเดินไป แต่พวกเราก็ไม่ย่อท้อเดินก็เดินครับ เมื่อไปถึงปีนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะพระท่านสงเคราะห์ให้เรามาโดยสะดวกและมีที่จอดรถพร้อมด้วยครับ แถมมีรายการพบญาติด้วยเวลาบุญช่างเหมาะเจาะกันพอดีจริงๆ

(หลายเดือนก่อนก็ได้เล่าให้หัวหน้าคณะฯฟังว่า ทางกลุ่มพิชิตภัยฯ จะไปทริปลาวกันช่วงเดียวกับที่พวกเราไปกัน ซึ่งไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน ท่านก็บอกว่า "ดี จะได้เจอกัน" หลังจากนั้นก็เงียบๆไป จนมาเจอกันวันนี้ละครับ ธรรมะจัดสรร)

 

ถวายปัจจัยดอกไม้บายศรีประทีปเครื่องหอมฯ บูชาพระรัตนตรัย,พระบรมธาตุฯ ร่วมสร้างและบูรณพระพุทธรูป,พระบรมธาตุ,พระวิหารฯ ร่วมทำบุญทุกอย่างกับหลวงพ่อฯ และร่วมโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนาฯ
ปล.ด้านในพระวิหาร จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์พระพุทธรูปสมัยโบราณ และด้านในสุดมีพระประธานพร้อมเครื่องบูชาฯ ทุกวันนี้คนลาวยังมีความรู้สึกนึกถึงพระแก้วกันอยู่มากครับ หลายท่านคิดว่าประเทศไทยไปขโมยมาอยากได้กลับคืน พวกเราไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่ก็เข้าใจว่าพระแก้วท่านจะประดิษฐานในที่ที่มีพระอริยเจ้าและเป็นเมือง หลวงของพระพุทธศาสนาในเวลานั้นครับ ขอบารมีพระให้มีความเข้าใจอันดีและมีความสามัคคีกันตลอดไปครับ
​

 

​

ออกมาจากวิหารจะกลับไปขึ้นรถเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งดูสะดุดตา จึงให้นาคน้อยไปถามท่านว่าท่านจำพรรษาอยู่วัดใด หน้าตาท่านเหมือนแขกแต่พูดไทยได้ชัดมาก ท่านเป็นคนสยามที่อยู่ในรัฐเคดาห์(ไทรบุรี) พวกเราดีใจมากเรียบกทุกท่านมาไหว้ท่าน ท่านบอกว่าท่านอยู่วัดสีดำเป็นชื่อของมาเลเซีย ท่านพาคนไทยมาเลเซียมาทำบุญกันคณะใหญ่พอสมควรครับและพวกเราถามรายละเอียด เรื่องวัดไทย คนไทย ในรัฐเคดาห์ ในมาเลเซียว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร ท่านก็ตอบว่าสบายดี ถามท่านอีกว่าที่วัดมีความเกี่ยวพันกับหลวงพ่อทวดไหม ท่านก็ว่ามี มีเขื่อน(สถูปเจดีย์)ของหลวงพ่อทวดอยู่ที่วัดนี้ด้วยครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็ถวายพระบรมธาตุที่พี่คณานันท์พึ่งจะให้มาพร้อมปัจจัย ร่วมทอดกฐินสามัคคีที่วัดท่านด้วย และไม่ลืมถวายภาพพระหัตถ์ด้วย ท่านก็ถามเรื่องเกาะพระหัตถ์ พวกเราก็บอกรายละเอียดท่านไป พวกเราดีใจมากที่ได้พบกันอีกครั้ง ไกลมากไกลกันเหลือเกินแต่บุญก็พาพวกเรามาพบกันได้ทุกที่ครับ บอกท่านว่าวันหนึ่งข้างหน้าจะไปเยี่ยมท่านที่วัด คงได้พบกันอีกครั้งครับ วันนี้พบญาติไป 2 คณะอิ่มบุญกันถ้วนหน้า

 

วัดศรีษะเกษ ถวายปัจจัยดอกไม้ธูปเทียนเครื่อหอมฯ บุชาพระรัตนตรัย,พระบรมธาตุฯ ร่วมสร้างและบูรณพระพุทธรูป,พระบรมธาตุ,พระวิหารฯ ร่วมทำบุญทุกอย่างกับหลวงพ่อฯ ร่วมสร้างวัดศรีษะเกษ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ และร่วมโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนาฯ
ปล.หอพระไตรปิฏกที่วัดนี้งามมากครับ ได้ร่วมถวายกฐินพระราชทานในปีนี้ด้วยนะครับ ในใบประกาศพระราชพิธีกฐิน ท่านแจ้งว่าเป็นกฐินพระราชทานของเจ้ามหาชีวิตแห่งประเทศไทยครับ ขอบารมีพระให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญมีพระพลานามัยและพระชนมายุยิ่งยืนนาน ครับ
​

 

​

พระประธานในพระอุโบสถวัดสีสะเกดองค์นี้ เดิมเป็นพระพุทธรูปองค์เล็กทำด้วยทองสำริด พระเจ้าโพธิสารพระบิดาพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชอัญเชิญมาจากเมืองหลวงพระบาง เพื่อนำมาเป็นพระประธานในพระอุโบสถแห่งนี้ เมื่อครั้งสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่คือเมืองเวียงจันทน์ (พ.ศ.2094)​

ต่อ มาถึงรัชสมัยเจ้าอนุวงส์ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ล้านช้างเวียงจันทน์ พระองค์ได้ปฏิสังขรณ์ก่อครอบพระพุทธรูปองค์เดิมด้วยประทานเพชรฟอกด้วยน้ำปิว ทำให้องค์พระมีขนาดใหญ่กว่าเดิม ดุจหลวงพ่อโสธรของไทย เพื่อเป็นการรักษาองค์พระและป้องกันการโจรกรรม (พระองค์เล็กขโมยง่ายพระองค์ใหญ่ขโมยยาก)
พระพุทธรูปองค์นี้ มีลักษณะผิดแผกแตกต่างจากพระพุทธรูปทั่วไปในโลก มีองค์เดียวในโลก คือมีดวงตาที่โปนออกมา มองดูเหมือนกับดวงตาไม่สามัคคีกัน คล้ายกับเป็นความผิดพลาดของผู้สร้าง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น เป็นความตั้งใจของผู้สร้างเอง เพื่อให้ตรงกับ ชื่อว่า “พระพุทธวิปัสสี = พระผู้มีตาวิเศษ”
พระพุทธวิปัสสี เป็นพระพุทธเจ้าในลำดับที่ 19 ทรงอุบัติเมื่อกัปที่ 91 ที่ผ่านมา เหตุที่พระองค์ทรงได้นามว่าวิปัสสี (ตาวิเศษ) ก็ด้วยเหตุ 3 ประการ คือ
1. พระองค์ทรงได้ทิพยจักษุ(ตาทิพย์)แต่กำเนิด เห็นได้ไกล ๑ โยชน์โดยรอบ กลางวันหรือกลางคืนไม่มีผลสำหรับท่าน เพราะท่านเห็นได้หมด ดังนั้นท่านจึงได้นามว่า วิปัสสีราชกุมาร = เจ้าชายตาวิเศษ หรือเจ้าชายตาทิพย์
2. พระองค์ทรงแลดูใครโดยไม่กะพริบพระเนตร ดุจพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์, พวกเทวดาหรืออมนุษย์ผู้ที่มีกายเป็นทิพย์ เวลาเพ่งมองใครไม่ต้องกะพริบตา เพราะร่างกายเป็นทิพย์ ส่วนมนุษย์ผู้มีกายเนื้อ ต้องกะพริบตาทุก ๆ 6 วินาทีเพื่อให้ตามีน้ำมันหล่อลื่นหล่อเลี้ยงนัยน์ตาให้ชุ่มชื่นอยู่เสมอ ดังนั้นจึงได้สมญานามว่า วิปัสสีราชกุมาร = กุมารตาวิเศษ, เจ้าชายตาวิเศษ
3. เมื่อครั้งยังเป็นกุมาร นั่งบนตักพระราชบิดา ณ ศาลสำหรับพิพากษาคดี ฟังคำให้การของโจทก์และจำเลยแล้วก็ทรงทราบได้ทันทีด้วยพระญาณว่า “ใครผิด ใครถูก ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ” โดยไม่ต้องไปหาพยานหลักฐานมายืนยันอีก ดังนั้นจึงได้สมญานามว่า วิปัสสีราชกุมาร = เจ้าชายตาวิเศษ ในมหาปทานสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ 10 พระพุทธองค์ตรัสไว้อย่างนี้ว่า
๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทิพยจักษุอันเกิดแต่กรรมวิบาก อันเป็นเหตุให้เห็นได้ไกลโดยรอบโยชน์หนึ่งทั้งกลางวันและกลางคืน ได้ปรากฏแก่พระวิปัสสีราชกุมารผู้ประสูติแล้วแล ฯ
๒. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็พระวิปัสสีราชกุมารผู้ประสูติมาแล ไม่กะพริบพระเนตรเพ่งแลดู ภิกษุทั้งหลาย พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ ไม่กะพริบเนตรเพ่งแลดูแม้ฉันใด พระวิปัสสีราชกุมาร ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ไม่กะพริบพระเนตรเพ่งแลดู ฯ
๓. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมาประทับนั่งในศาลสำหรับพิพากษาคดี ให้พระวิปัสสีราชกุมารนั่งบนพระเพลาไต่สวนคดีอยู่ ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า พระวิปัสสีราชกุมารประทับนั่งบนพระเพลาของพระชนก ณ ศาลสำหรับพิพากษาคดีนั้น ทรงสอดส่องพิจารณาคดีแล้ว ทรงทราบได้ด้วยพระญาณ พระราชกุมารสอดส่องพิจารณาคดีแล้ว ย่อมทรงทราบได้ด้วยพระญาณ
ภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น สมญาว่า วิปัสสี (ตาวิเศษ, ตาทิพย์) ดังนี้แล ได้บังเกิดขึ้นแล้วแก่พระวิปัสสีราชกุมารนั้น.
ปล.พวกเราได้ร่วมทำบุญสร้างและบูรณถวายเป็นพุทธบูชาฯกันครบถ้วนทุกประการครับ

 

​

ถวายปัจจัยดอกไม้บายศรีธูปเทียนเครื่องหอมฯ บูชาพระรัตนตรัย,พระบรมธาตุฯ ร่วมสร้างและบูรณพระพุทธรูป,พระบรมธาตุ,เทวดา,พระวิหารฯ ร่วมทำบุญทุกอย่างกับหลวงพ่อฯและเจ้าแม่ศรีเมืองฯ ร่วมสร้างวัดศรีเมือง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ และร่วมโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนาฯ
ปล.เป็นวัดที่ประดิษฐานศาลหลักเมือง ที่เป็นเทวดาผู้หญิงที่เราได้พบเป็นแห่งแรกครับ ในวัดมีรูปเทวดาหลายองค์ครับ พวกเราก็ได้ร่วมสร้างและบูรณไปด้วยแล้วครับ

 

​

หลังจากนั้นเราก็ขึ้นรถ เพื่อมุ่งหน้าไปยังวัดสุดท้ายก่อนข้ามกลับฝั่งไทย พวกเราเริ่มรวบรวมภาพพระทำจากพลอยสี,ปัจจัย,ธงสะเดาะเคราะห์ 108,ข้าวของต่างๆที่จะถวายร่วมทอดกฐินสามัคคี ร่วมทำบุญทุกอย่างกับหลวงพ่อฯ ร่วมสร้างวัดกลางไชยาราม ต.ไชยาราม แขวงนครเวียงจันทน์ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ และร่วมโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนาฯ
ปล.ภาพพระเป็นของพี่อารีย์นำมาจากพม่า และวัดนี้เป็นวัดประจำหมู่บ้านของพี่ผง ญาติคุณหมึกที่ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อให้การเดินทางครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ อย่างดีครับ ขอขอบคุณและร่วมโมทนาบุญทุกอย่างด้วยนะครับ

 

​

ถวายปัจจัยธูปเทียนเครื่องหอมฯ บูชาพระรัตนตรัย,พระบรมธาตุฯ ร่วมสร้างพระพุทธรูป,พระบรมธาตุ,รูปปั้นชากดกพระเวสสันดร,พระวิหาร,หอระฆัง มหาพรหมฯ ร่วมทำบุญทุกอย่างกับหลวงพ่อฯ ร่วมสร้างวัดพระธาตุหอผ้าหอแพร ถวายเป็นพุทธบูชาฯ และร่วมโมทนาบุญทั้งหมดในพระพุทธศาสนาฯ
หมายเหตุ การสำรวจในครั้งนี้ไม่พบพระธาตุหอผ้าหอแพร ในตำนานพระอุรังคธาตุและตำนานพระเจ้าเลียบโลกนะครับ หายไปตามคำให้การของคุณเอกและคณะ แต่ท่านได้พบโบราณสถานทางพระพุทธศาสนาในบริเวณอันใกล้คาดว่าน่าจะเป็นพระธาตุหอผ้าหอแพร เพราะที่ตั้งไม่ไกลจากวัดพระธาตุหอผ้าหอแพรมากนักครับ

 

ระหว่างพวกเราเดินสำรวจและสอบถามพระเณรไม่มีพบและไม่มีใครรู้เรื่องพระธาตุ หอผ้าหอแพรกันเลยครับ พบรูปปั้นพระเวสสันดรชาดก นึกถึงพระอดสงสารท่านไม่ได้ ทุกอย่างมันเป็นธรรมดาของโลกจริงๆครับ

​

เทวดาเนรมิตกายเป็นเสือสิงห์เพื่อขวางพระนางมัทรีมิให้กลับมายังอาศรมที่พัก เพื่อป้องกันไม่ให้พระนางขัดขวางการบริจาคบุตรของพระเวสสันดร (ดูท่านพากันเนรมิตกายมานอนขวางทาง ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนกันเลย สงสารพระนางมัทรีมากตอนนี้ แต่ก็ต้องทำใจ เพราะทั้งหมดเป็นไปตามกรรม หากไม่ผ่านการทดสอบก็คงไม่สำเร็จตามคำอธิษฐานได้ ต้องมีกำลังใจมั่นคงมากจริงๆครับ)
​

​

ภาพที่กัณหาชาลีหนีลงไปซ่อนในสระบัว กัณหาท่านอธิษฐานไม่ขอเกิดเป็นลูกพระเวสสันดรอีก เนื่องจากความเข้าใจผิดนึกว่าพระเวสสันดรไม่รัก
​

​

ภาพชูชกถามทางไปหาพระเวสสันดรจากพระฤาษี
​

​

ภาพพระเวสสันดรพระนางมัทรีและกัณหาชาลี ถูกเนรเทศออกจากเมือง
​

​

ภาพชูชกกับนางอมิตาดา
​

​

ภาพพระอินทร์ให้พรนางผุสดี
ดาวดึงส์ พระนางผุสดีเทพธิดาได้ทูลขอพร10 ประการจากพระอินทร์ก่อนลงมาเกิดในโลกมนุษย์ว่า
1. ขอให้เกิดมาเป็นพระมเหสีของพระราชาแห่งแคว้นสีพีราษฏร์
2. ขอให้มีจักษุดำงามดุจนางเนื้อทรายที่เกิดได้เพียงปีเดียว
3. ขอให้ขนคิ้วโค้งงอนงาม ประหนึ่งพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวบนท้องฟ้าในทิศตะวันตก
4. ขอให้มีนามว่าผุสสดีเหมือนเดิม
5. ขอให้บุตรผู้เลิศด้วยคุณธรรม มีเกียรติยศปรากฏแก่ผู้ยากไร้
6. ยามทรงพระครรภ์ ขออย่าให้ปรากฏนูนโย้เหมือนสตรีทั่วไป
7. ขอให้ปทุมถัน(อก)ทั้งคู่มีสัณฐานงามสมส่วน งามเหมือนดอกบัวตูมอยู่ตลอดเวลา
8. ขออย่าให้มีผมหงอกแม้แต่เส้นเดียว
9. ขอให้ผิวพรรณละเอียดอย่ามีตำหนิแม้แต่น้อย
10. ขอให้มีอำนาจในการปล่อยนักโทษประหารชีวิต
เมื่อพระนางผุสดีเทพธิดาได้รับพรจากพระอินทร์แล้วก็จุติลงมาเกิดยังโลก มนูษย์เป็นราชธิดาของพระเจ้ามัทราช ต่อมาได้รับการอภิเษกให้เป็นพระมเหสีของเจ้าชายสญชัยแห่งสีพีรัฐนครได้สร้าง โรงทาน 6 แห่ง บริจาคทรัพย์วันละ 600,000 กหาปณะ ได้ประสูติพระโอรสองค์หนึ่งขณะเสด็จชมร้านตลาดจึงขนานนามว่า “พระเวสสันดร” เพราะประสูติในถนนพ่อค้า

​

ภาพหลังฝาผนังโบสถ์ พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์
​

 

​

คำอธิษฐาน นโมฯ 3 จบ ขอบารมีพระทุกพระองค์และบุญทั้งหมดที่ได้บำเพ็ญมา ให้สถานที่นี้เป็นที่ตั้งเป็นที่เจริญแห่งพระพุทธศาสนาฯ ให้พระธาตุหอผ้าหอแพรได้ปรากฏขึ้นให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาอาศัยพุทธบารมีแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าได้เข้าถึงบุญทั้งหมดของพระ และได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานตามความปรารถนาของทุกท่านทุกตนเทอญฯ
ปล.ถวายปัจจัยเครื่องหอมและทองคำแท้ปิดองค์พระเจ้าหลวงองค์ใหญ่ พวกเราสรุปกันว่าในบรรดาพญานาคทั้งหมด ประเทศลาวมาเป็นอันดับหนึ่งครับ หลังจากนั้นก็เข้ามาในมณฑปหลังนี้ก็เห็นพญานาคแบบที่เห็นนี่แหละครับ
ปล.ได้พบภาพพระพุทธเจ้าประทับบนสิบสองนักษัตรเป็นครั้งแรกด้วยครับ

 

ระหว่างทางนั่งรถไปที่ด่านเพื่อจะข้ากลับประเทศไทย พวกเราปรารภกันเรื่องพระแก้วมรกตกันอีกรอบ สงสารคนลาวและทุกๆท่านที่ต้องพลัดพรากจากพระฯ พวกเราจึงได้ตัดสินใจขอบารมีพระทุกพระองค์สงเคราะห์เหล่าพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธาในคุณพระรัตนตรัย ในองค์พระแก้วมรกตกันอีกครั้งครับ

คำอธิษฐาน นโมฯ 3 จบ ขอบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์อันมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นต้นฯ และบุญทั้งหมดที่ได้บำเพ็ญมา ขอพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ได้โปรดสงเคราะห์อธิษฐานให้พระแก้วประจำองค์พระ พุทธเจ้ามีหลายองค์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาและอย่าได้พลัดพรากจากบุญของพระตลอดไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญฯ ขอพระทุกพระองค์ได้โปรดสงเคราะห์ให้เป็นไปตามคำอธิษฐานพุทธบูชาฯนี้นับแต่ บัดนี้เป็นต้นไปด้วยเทอญฯ สวดมนต์บูชาคุณพระรัตนตรัยฯ อุทิศส่วนกุศล กราบพระ แผ่เมตตาฯ
ปล.นับเป็นครั้งแรกในประวัติพระศาสนาที่จะปรากฏพระแก้วพุทธนิมิตประจำ พระองค์มากกว่า 1 องค์ขึ้นไป หากเป็นไปตามคำอธิษฐานก็ขอให้ทุกท่านร่วมเดินทางไปถวายพระแก้วมรกตให้ ประดิษฐานในเมืองต่างๆที่ท่านได้เคยประดิษฐานอยู่ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นแห่งพระพุทธสาสนาตลอดกาลนานเทอญฯ จะถวายที่หอพระแก้ว เมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาวเป็นประเทศแรกครับ
​