พุทธศาสนาในอินโดนีเซีย

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 31 สิงหาคม 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    <TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    คมชัดลึก : ในสมัยโบราณ ชาวพุทธในอินโดนีเซียมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าพุทธศาสนาจะเสื่อมสูญจากประเทศนี้ไประยะหนึ่ง และจะกลับคืนมาใหม่หลังจากที่เวลาผ่านไป 500 ปี
    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1044823792492543";/* Kom-newdesign338x280story */google_ad_slot = "7614892621";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>


    พุทธศาสนาได้เข้ามาสู่อาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งมีดินแดนส่วนหนึ่งอยู่ในประเทศอินโดนีเซียปัจจุบันนี้ ต่อเนื่องมาถึงคาบสมุทรมลายู และตอนใต้ของประเทศไทย ซึ่งขณะนั้นจัดว่าเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองท่าปาเลมบัง ศาสนาพุทธที่เข้ามาในครั้งนั้นเกิดจากอิทธิพลจาก ราชวงศ์โจฬะ ของอินเดียตอนใต้ และ ราชวงศ์ปาละ ของเบงกอล ซึ่งทั้งสองสายล้วนเป็นพุทธศาสนา นิกายวัชระยาน หรือ ตันตระ อาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 600 ปี จากปี พ.ศ. 1200-1800 หลังจากนั้นสิงหัสสาหรี และอาณาจักรมัชปาหิต ซึ่งนับถือศาสนาฮินดู และมีศูนย์กลางอยู่ที่เกาะชวาก็ขึ้นมามีอำนาจแทน

    จนถึง พ.ศ. 1930 พ่อค้าชาวอาหรับผู้หนึ่งได้นำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแพร่ และพยายามชักจูงให้ พระเจ้าองควิชัย กษัตริย์ของมัชปาหิตเข้ารีต แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ จึงหันไปเกลี้ยกล่อม ระเด่นปาตา ราชโอรสของพระเจ้าองควิชัยแทน ต่อมาระเด่นปาตาได้ปลงพระชนม์พระเจ้าองควิชัย แล้วประกาศตนเป็นสุลต่าน กับให้ประชาชนในอาณาจักรของพระองค์นับถือศาสนาอิสลามแทนศาสนาฮินดู ซึ่งตรงนี้มีบางตำรากล่าวว่าระเด่นปาตามีชายาเป็นมุสลิม จึงได้เข้ารีตตาม เมื่อเปลี่ยนศาสนาแล้วได้บังคับให้เจ้านายและราษฎรนับถือศาสนาอิสลามด้วย แต่โอรสองค์หนึ่งซึ่งนับถือพุทธศาสนาไม่ยินยอม ได้เดินทางหนีออกจากอาณาจักร และประกาศว่าอีก 500 ปี พุทธศาสนาจะกลับคืนมาใหม่

    ศาสนาพุทธได้สูญหายไปจากอินโดนีเซียเป็นเวลานาน จนกระทั่งพุทธสถานบูโรพุทโธ อันเก่าแก่และใหญ่โตซึ่งเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของอาณาจักรศรีวิชัย เหลือเพียงซากปรักหักพังที่จมอยู่ใต้ดินทราย จนถึง พ.ศ. 2497 จึงมีชาวอินโดนีเซียผู้หนึ่งอุปสมบทเป็นพระภิกษุองค์แรก โดยมีพระพม่าเป็นอุปัชฌาย์ พระองค์นี้ได้รับฉายาว่า พระชินรักขิต ซึ่งในเวลาต่อมาท่านได้แต่งกายและไว้หนวดเคราแบบหลวงจีน ทำให้ได้รับความสนับสนุนจากกลุ่มชาวจีนในอินโดนีเซียในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ในปี 2511 พระชินรักขิตได้มีโอกาสเฝ้า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์เป็น พระสาสนโสภณ ซึ่งเดินทางไปดูกิจการพระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซีย พระชินรักขิตจึงทูลขอให้คณะสงฆ์ไทยส่งพระธรรมทูตไปเผยแพร่ศาสนา

    ในปี 2512 สมเด็จพระญาณสังวร ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการฝึกอบรมพระธรรมทูตฯ มหาเถรสมาคม จึงได้จัดส่งพระธรรมทูต จำนวน 4 รูป มี พระราชวราจารย์ (วิญญ์วิชาโน) ขณะนั้นเป็นพระครูปลัดอรรถจริยานุกิจ เป็นหัวหน้า เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาและนำคณะสงฆ์สยามวงศ์ไปสู่อินโดนีเซีย

    พระราชวราจารย์ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับหมอบหมายจากสมเด็จพระญาณสังวรเป็นอย่างดียิ่ง โดยอุทิศตัวเพื่อการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศนั้นเป็นเวลาถึง 30 ปี จนได้รับความศรัทธาเลื่อมใสจากพุทธศาสนิกชนอินโดนีเซียเป็นอย่างมาก จนท่านถึงแก่มรณภาพ ในพ.ศ. 2549 ขณะอายุได้ 83 ปี และร่างของท่านก็ได้รับพระราชทานเพลิงศพที่บริเวณบูโรพุทโธ

    ปัจจุบันนี้มีวัดพุทธศาสนาในอินโดนีเซีย ประมาณ 150 วัด โดยเป็นวัดในนิกายมหายาน 100 วัด และวัดในนิกายหินยาน 50 วัด อย่างไรก็ตาม พระภิกษุยังมีจำนวนน้อย วัดส่วนใหญ่จึงมีชาวบ้านเป็นผู้ดูแล ทั้งนี้ องค์การวาลูบี ซึ่งเป็นองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์ของอินโดนีเซีย ประมาณว่ามีผู้ที่นับถือพุทธศาสนาในประเทศนี้ ประมาณ 12-15 ล้านคน

    พระอาจารย์ปญฺญาธโร พระธรรมทูต และเจ้าอาวาสวัดไทยที่บูโรพุทโธ เล่าให้ผมฟังว่าวัดที่ท่านจำพรรษาอยู่ในเวลานี้ เป็นวัดที่สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของชาวพุทธในอินโดนีเซีย ประกอบด้วยโบสถ์ และเสนาสนะ แต่มีพระเพียง 2 รูป คือท่านกับพระภิกษุชาวอินโดนีเซีย อีก 1 รูป และมีภารกิจที่จะต้องเดินทางไปเยี่ยมญาติโยมตามวัดซึ่งอยู่ห่างไกลเข้าไปในป่าอีก 2-3 วัด ซึ่งวัดเหล่านั้นไม่มีพระภิกษุจำพรรษา และบางวัดก็อยู่ไม่ห่างจากที่ตั้งของ กลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ (เจไอ) มากนัก เมื่อเวลาที่มีพระภิกษุไปเยี่ยมเยียนชาวพุทธก็จะพากันมาฟังธรรมและสอบถามปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับศาสนา และบางครั้งก็จะมีสมาชิกของ เจไอแฝงตัวเข้ามาด้วย ซึ่งพระอาจารย์ก็บอกว่า ทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยสันติ และพุทธศาสนาก็มิได้เป็นอันตรายกับใคร

    นับถึงปีนี้ พระธรรมทูตไทยก็ได้เดินทางไปฟื้นฟูพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซียมาเป็นเวลาถึง 40 ปีแล้ว ซึ่งทั้งนี้ก็ด้วยพระเมตตาของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช โดยแท้
     
  2. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโทนาสาธุบุญ

    การเข้าอยู่ภายใต้ " ร่มธรรม " เป็นความปลอดภัยของชีวิต ,สังคมและโลก

    ทำให้ชีวิตชื่นสุข สงบร่มเย็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า

    " จงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด...อย่าพึงมีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย "
     
  3. altis

    altis สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +16
    ขออนุโมทนาสาธุขอให้ศาสนาพุทธเจริญในประเทศอินโดนีเซียโดยเร็วไว
     
  4. พรปู่

    พรปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +277
    อยากให้ ศาสนาพุทธกลับมาเจริญในอินโดนีเซียใหม่อีกจังเลย
     
  5. Phuket

    Phuket เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +877
    ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นคนศาสนาพุทธ
     
  6. klang601

    klang601 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +84
    อ่านแล้วรู้สึกดีครับ
     
  7. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,667
    ค่าพลัง:
    +9,239
    มงคลที่ 4 การอยู่ในถิ่นอันสมควร
    เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
    ทางมา-ไป ครบครัน ธัญญาหาร
    มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
    ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล

    ขอทุกท่านพึงเจริญในพระศาสนาของพระศาสดา
    ขออนุโมทนาค่ะ

     
  8. คมศักดิ์

    คมศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +886
    อนุโมทนา สาธุ อยากให้พุทธศาสนารุ่งเรืองเผยแผ่ไปทั่วทุกเขตคาม มีผู้นับถือมากขึ้นเรื่อย ๆ สาธุ
     
  9. Nutthawut

    Nutthawut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +479
    ขอกราบอนุโมทนาในพระเมตตาของสมเด็จพระสังฆราชฯ และพระธรรมทูฑทุกองค์ครับ ขอบพระคุณกับความรู้และข้อมูลอันเป็นกุศลครับ
     
  10. mahanamayan

    mahanamayan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +35
    ขอร่วมอนุโมทนา

    ผมได้อ่านและได้คิดต่อถึงทางด้านของหลักการดำเนินชีวิตสายกลาง ต่อบทความนี้เพราะว่าบทความนี้ส่งผลสะท้อนถึงการอยู่กันแบบไม่เบียดเบียนอีกทั้งยังช่วยเหลือในทางด้านที่ถูกต้องอีก ขอบคุณมากครับที่ให้ข้อมูลที่ดีๆที่ทำให้จิตใจเบิกบาน ศาสนาใดก็ตามนิพพานอยู่ในใจ
     
  11. SOMDEJ

    SOMDEJ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    611
    ค่าพลัง:
    +353
    อนุโมทนา ความรู้ใหม่
    ไว้ถ่ายทอดญาติธรรมในโอกาสข้างหน้า สาธุ
     
  12. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    โมทนาสาธุ
    เชิญทำบุญซื้อ อิฐ หิน ดิน ทราย เหล็ก ปูน สร้างศาลาแก้วถวายสมเด็จองค์ปฐม

    เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระประธานสมเด็จองค์ปฐมและศาลาแก้วพระจุฬามณี ที่ จ.นครศรีธรรมราช (สำนักสงฆ์ธรรมเจริญ)

    [​IMG]

    [​IMG]

    " บุญกุศลใดที่พึงจะได้รับ ก็ขอให้ทุกท่านได้รับเช่นเดียวกันถ้วนหน้าสถาพร ทั้งโลกนี้และโลกหน้า ที่สุดถึงซึ่งพระนิพพานด้วยกันเทอญฯ สาธุ"
     

แชร์หน้านี้

Loading...