การกินเนื้อสัตว์...บาปมั้ย???

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย yutkanlaya, 11 ตุลาคม 2007.

  1. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ละเนื้อสัตว์ได้บ้างก็ดีค่ะ แต่ทำได้เป็นบางมื้อ พยายามกินผักให้เยอะๆ
    ตอนนี้เข้าเทศกาลกินเจก็เลยกินอยู่ หาซื้อของกินง่ายหน่อย
    ถ้าหมดเทศกาลเจ แล้วแถวบ้านขายอาหารเจก็คงจะดี จะได้ซื้อกินทุกวัน
    บางทีมันก็แล้วแต่ความสะดวกนะคะ อยากกินแต่ไม่มีร้านขาย ทำเองก็ไม่อร่อยอีก
     
  2. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    กินเจดีครับ และระวังเรื่องไปฆ่าสัตว์ตามชีวิตประจำวันด้วยนะครับ สำหรับความคิดของผมนะครับ ชีวิตมด ชีวิตไก่ ชีวิตเป็ด ชีวิตหมู ชีวิตช้าง ชีวิตคน คือหนึ่งชีวิตเหมือนกันครับ แต่พลังกรรมคงขึ้นอยู่กับผลบุญของแต่ละชีวิตครับ
     
  3. crazybmw

    crazybmw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +331
    ผมชอบกินนะครับ อาหารเจ หลากหลายดี สนุกดีกับการเลือกซื้อเลือกกิน อาหารแปลกๆที่มีตามเทศกาล ไม่ชอบเหรอครับ ของอร่อยๆทั้งนั้นเลย

    ผมยังรู้สึกว่า น่าจะทำอย่างนี้ทุกวันตลอดไปด้วย
    อาหารเจเดี๋ยวนี้พัฒนาเยอะ อร่อยๆเยอะครับ และหากเราสามารถทำรสชาติให้ใกล้เคียงหรือเทียบเท่าเนื้อสัตว์ได้ ก็สามารถกินแทนกันได้เลย โดยที่เราไม่ต้องฆ่าสัตว์ผมว่าโอเคนะ

    บางคนบอกว่า ทำไมกินเจแล้วต้องมีหมูเทียม ไก่เทียม ปลาเทียม จะกินเจก็ละสิ ทำไมต้องทำรูปให้เหมือนด้วย ผมว่าใจแคบไปนิดนึง ยังไง มันก็ทำให้อร่อยไม่ใช่รึแถมไม่ต้องไปเบียดเบียนชีวิตใคร ไม่ใช่ฝืนกินผักธรรมดา ผมว่าเป็นศิลปะอย่างนึงของการทำอาหารด้วยซ้ำ มันท้าทายนะคับที่จะทำให้อร่อยอย่างเนื้อสัตว์ได้ ถ้าแทนกันได้ ก็สามารถแทนกันได้ตลอดเลยจะดีมากๆ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยครับ

    ถ้ามีคนทำขาย และหากินได้ง่ายๆ ทุกหนแห่งนะ
    ผมคนนึงที่จะสนับสนุน อุดหนุนตลอดเลยจริงๆ
     
  4. อาหลี_99

    อาหลี_99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    744
    ค่าพลัง:
    +2,992
    อ่า สงใสมานาน ใครฝากถามหลวงพ่อ หลวงพี่ให้ โหน่ยนะจ๊ะ ว่าแล้วคนเลี้ยงสัตว์เพื่อให้เขาเอาไปเป็นอาหารให้มนุษย์อะครับ บาปไหม เพราะไม่ได้ฆ่าเอง????? เห็นบอกว่าคนซื้อเนื้อสัตว์ไม่บาปแต่การฆ่าให้คนมาซื้อบาปแล้วคนเลี้ยงบาปป่าวหว่า ขอคนรู้จริงมาตอบนะจะมีป่าวหว่าสงใส่ต้องเป็นยมธุดมาตอบ คือผมจะสรุปคร่าวๆตั้งแต่วงค์จรตั้งแต่เป็นสัตว์มาเป็นอาหารที่เรากินกันนะครับ เริ่มตั้งแต่ 1. คนเลี้ยงสัตว์-------->2.พ่อค้าซื้อสัตว์ยังมีชีวิต--------->3.โรคฆ่าสัตว์-------------->4.คนปริโภค อันไหมบาปครับ....

    จะมีใครบ้างเกิดมาไร้ซึ้งความหิว และความหยากเป็น หิวข้าว หิวน้ำ หิวขนม หยากเป็นโน้นหยากเป็นนี้เป็นได้แล้วก็หยากใหม่ อิ่มแล้วหิวใหม่ เป็นกันอยู่ใช้ไหมล้า อิอิ
     
  5. rnuir

    rnuir เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +218
    [FONT='Tahoma','sans-serif']สรุป[/FONT][FONT='Verdana','sans-serif'] [/FONT][FONT='Tahoma','sans-serif']เหตุผลของการกินเจในแง่ของจิตใจก็คือ เป็นเครื่องมือหรือเป็นอุบายที่ทำให้เราได้รู้จักการไม่เบียดเบียนผู้อื่นทำจิตใจให้มีแต่เมตตา แต่เดี๋ยวนี้เป็นการกินแบบตามกัน ไม่ได้คิดถึงจุดประสงค์ของการกินเจ แค่อยากได้บุญจากการกินเจ กินเป็นพิธี แต่จิตใจยังคงมีแต่การเบียดเบียน เช่น พอมดมาขึ้นอาหารเจของเรา ก็บี้ กลัวมดมาแย่งบุญ(อันนี้ล้อเล่น) ก็ยังฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอยู่ พอใครมาว่าเราก็ยังโกรธอยู่ มีความคิดอยากทำร้าย หรือเอาคืน [/FONT][FONT='Verdana','sans-serif']<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT='Verdana','sans-serif']<o:p> </o:p>[/FONT]
    [FONT='Tahoma','sans-serif']การกินเจที่ได้ผลมากที่สุดคือ กินควบคู่กับการรักษาศีลห้า การรักษาศีลที่ดีคือ ทั้งการกระทำและจิตใจ ถ้าทำได้แต่จิตใจไม่สงบก็ไม่มีความสุข เหมือนกับ เราอยากบี้มดสักตัว แต่เราทำไม่ได้ เพราะว่าเราไม่อยากผิดศีล แต่ในใจคิดอยู่ว่าอยากบี้ แต่ทำไม่ได้ หรือ เราอยากกินเหล้า แต่กินไม่ได้เพราะผิดศีล แต่ในใจคิดตลอดว่าอยากกิน แต่กินไม่ได้ อย่าง่นี้ก้ไม่มีประโยชน์ เสียเวลาเปล่า เราควรคิดว่า มดมันก้มีชีวิตเหมือนกับเรา มันก็มีครอบครัวเหมือนกับเรา ที่มันมาขึ้นอาหารก็เพราะว่ามันจะเอาไปเลี้ยงครอบครัวมัน เลี้ยงรังมัน ก้คิดว่าแบ่งๆกันกิน เราก้ไม่เดือดร้อนมาก คิดว่าถ้าเราทำงานอยู่แล้วมีใครมาฆ่าเราครอบครัวเราจะทุกข์แค่ไหน แบ่งกันกิน เมตตาต่อกัน มีความสุขทั้งสองฝ่าย ถ้าเราจิตใจสงบเป้นสุข แล้วมีความคิดอย่างนี้โดยอัตโนมัติ เราก้ไม่ต้องกินเจก้ได้ เพราะจิตใจเราดีแล้ว เหมือนคนขาหักต้องใช้ไม้เท้าเพื่อเดิน แต่ถ้าเราหายแล้วเราก็ไม่ต้องใช้ไม่เท้าอีก [/FONT][FONT='Verdana','sans-serif']<o:p></o:p>[/FONT]
     
  6. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ๑.ไม่ได้เห็นเขาฆ่า

    ๒.ไม่ได้ยินเขาฆ่าเพื่อถวายพระ

    ๓.ไม่ได้รังเกียจคิดว่าเนื้อสัตว์ที่น่ากลัวเขาฆ่าเพื่อเราเช่นเขาฆ่าเจาะจงเพื่อจะให้ภิกษุบริโภค"

    ถ้าครบองค์ประกอบทั้ง ๓ = "ไม่บาป"
     
  7. แท้จริง

    แท้จริง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2008
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +989
    ปัญหาการกินเนื้อสัตว์
     
  8. สติรู้

    สติรู้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +47
    กินเนื้อสัตว์บาปหรือไม่

    ปัญหา มีพุทธศาสนิกชนบางพวกเห็นว่า การกินเนื้อสัตว์เป็นบาปเพราะเป็นการส่งเสริมให้คนอื่นฆ่า ในเรื่องนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไร ?

    พุทธดำรัส ตอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2008
  9. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    จะเรียกว่าไม่บาปนะครับ เพียงแต่มีกรรมกับเนื้อที่เรากินเท่านั้นเอง
    เรียกว่าความอาฆาตพยาบาทของเจ้าของสัตว์ก่อนจะถูกฆ่านั้น
    มันยังอยู่ในเนื้อที่เรากิน ถ้าจะให้ดีก่อนกินก็อุทศบุญกุศลให้เขา
    จะดีมาก หรือจะมาสวดมนต์ไว้พระแล้วอุทิศให้ตอนนั้นก็ได้
    อย่างน้อยๆ ก็จะลดแรงอาฆาตพยาบาทลงได้ โรคภัยจะไม่ถามหา

    แต่ต้องมีบุญนะครับถึงจะอุทิศให้เขาได้ ถ้าไม่มีแล้วไปแผ่เขาก็ไม่ได้นะ

    ส่วนที่ว่าเลี้ยงแล้วบาปไหม อันนี้อยู่ที่เจตนานะครับ เจตนาเลี้ยงไว้ขาย
    ก็ไม่บาปนะแต่มีกรรมกับสัตว์ตัวนั้น หรือจะเลี้ยงไว้แล้วอยู่ๆ มีคนมาขอซื้อ
    รู้ทั้งรู้ว่าขายไปให้เขาฆ่า ก็ยังขาย ก็แน่นอนครับ มีกรรมกับสัตว์ตัวนั้น
    บาปไหมหรือ ไม่น่าจะบาปนะ ไมผิดศีล 5 แต่กรรมร่วมกันหน่ะมีแน่ๆ

    ปล.จะทำอะไรก็แล้วแต่ อย่าไปเคร่งครับ สบายๆ อยุ่ที่เจตนาขณะที่เราทำ
    จะทำอะไรก็แล้วแต่ มัวแต่เคร่งกลัวผิดศีล กลัวบาป เครียดกันแย่เลย
    ธรรมะ คือธรรมชาตินะครับ อย่าลืม ไม่ใช่กฏหรือระเบียบ
     
  10. hengymaru

    hengymaru Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +93
    เคยถามพระเหมือนกัน (เหมือนจะถาม เพียงแค่คิดในใจ)
    แต่พระท่านก็ตอบมา (งง)

    ท่านบอกว่า การกินเนื้อสัตว์นี้ก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าทานไม่ได้ แต่ทานแล้วต้องรู้สำนึกถึงชีวิตต่างๆ อย่างพระเมื่อทานเสร็จก็จะมีการแผ่เมตตา สัตว์ต่างๆ เกิดมาใช้กรรมแล้วก็ตาย แต่ทางเดียวก็จะได้บุญคือ มีคนแผ่เมตตาให้

    อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวว่า
    ถ้าเราละเว้นได้ก็จะเป็นการดี เพราะเป็นการฝึกใจให้เมตตา แต่เราก็ต้องเดินสายกลาง คนไม่ทานก็อย่าไป ทับถมคนที่ทานว่าทำตัวมีปัญหา ทำตัวเรื่องมาก ทำตัวนอกคอก จงคิดว่าใจเขาใจเรา เขาเลือกทางของเขาแล้ว และต้องเคารพการตัดสินใจของเขาด้วย พระ หลายๆ ท่านยังเลือกจะทานมังสวิรัติเลย

    หากท่านใดไม่ทาน ก็จงเลือกชีวิตของท่านต่อไป เราไม่เคยก้าวก่ายว่าพวกท่านเป็นคนใจบาปหยาบช้า

    ขออนุโมทนาบุญถึงท่านทียังทานมังสวิรัติอยู่มา ณ ที่นี้ด้วย
     
  11. napaporn_jeab

    napaporn_jeab สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +15
    นานาจิตตัง ต่างคนต่างมุมมอง
    ทุกกระทู้ที่ตั้งคำถามเรื่องกินเจ กินเนื้อสัตว์ ถกเถียงกันกี่กัปก็ไม่มีวันจบ

    ไม่ต้องถามพระ ถามใครหรอก เพราะ พระก็คนเหมือนเรา คนเราสามารถแยกแยะอะไรๆกันได้
    ถามใจตนเองดีที่สุด ขึ้นอยู่กับสภาวะจิตใจของตนเอง และสภาวะความเข้าใจธรรม

    ใจ คือ ประธาน

    เรื่องเจ หรือ มังสวิรัติ เป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ในต่างประเทศทุกศาสนา เรื่องการทานเจ vegetarianism เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้แปลกพิศดารอะไร ส่วนมาก ทานเพื่อสุขภาพมากกว่า กินแบบไม่มีโทษภัย ผักผลไม้ สมุนไพร เป็นของดีอยู่แล้ว

    แต่ศีลเจ คือ ศีลพระพุทธะ พระโพธิสัตว์ที่มีปณิธานที่จะโปรดเวไนยสัตว์ทั้ง 3 ภพ ซึ่ง สัตว์เดรัจฉานก็ต้องได้รับการโปรดด้วยเช่นกัน พวกเขาก็รวมอยู่ในวัฎสงสาร พระโพธิสัตว์
    จะโปรดสัตว์ ก็ต้อง มี กาย วาจา ใจที่บริสุทธิ์ คือ บริสุทธิ์ทั้งภายนอกและใน ต้องยุติธรรมต่อเวไนยทั้ง 3 ภูมิ มิใช่โปรดแต่มนุษย์เท่านั้น เหมือนกับเราตรงที่ เรารักสัตว์เลี้ยงของเรา เราจะเอาเขามาฆ่ากินเสียเองหรือ

    คนที่กินเจและบำเพ็ญจิตใจได้ดี ก็ถือว่า กำลังเจริญรอยตามวิถีโพธิสัตว์ ปลูกเมล็ดพุทธะแห่งความเมตตา เมล็ดพุทธะแห่งพระเมตตรัยยะ

    บางคนไม่เข้าใจความหมายของศีลเจ ก็เลยกินแต่ผัก โดยที่ไม่รู้จักขัดเกลาจิตใจตนเอง สร้างกรรมปาก ก็ถือว่า ไม่ใช่เป็นการทานเจที่แท้จริง ก็กลายเป็นการกินเพื่อสุขภาพไป ศีลเจ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก

    คนกินเจและคนกินเนื้อสัตว์ ต่างคนก็ต่างเข้าข้างตนเองว่า ตนเองไม่บาป เพราะฉะนั้น ถกเถียงหัวข้อนี้ ไม่มีวันจบ ไปถามพระทั้งๆที่ตัวท่านเองก็ทานเนื้อสัตว์อยู่แล้ว ยังไงคำตอบก็เหมือนเข้าข้างตนเองอยู่ดี ใครเล่าจะว่าตนเองว่า "บาป"

    คนกินเจก็อย่าได้ไปตอกย้ำคนทานเนื้อสัตว์ว่าเป็นคนเลว คนบาป เลย มันเป็นวจีกรรม และ เป็นการไม่สำรวม เพราะคนทานเนื้อสัตว์จิตใจดีงาม มีคุณธรรมก็เยอะแยะไปในสังคม และอย่าลืมว่า ส่วนมาก คนที่ทานเจ เมื่อก่อน ก็เคยทานเนื้อสัตว์มาแล้ว มิใช่หรือ

    กินเนื้อสัตว์ไม่บาปหากมิได้ลงมือฆ่าเอง แต่เกี่ยว กรรม กับเวไนยสัตว์ที่เรากินแน่นอน เพราะในเนิ้อสัตว์ ทุกชิ้น ยังมีวิญญาณสัตว์ (เจ้ากรรมนายเวร) ที่อาฆาตแค้นอยู่ คือ ตายโหง นั่นแล

    บาปอยู่ที่คนทำ กรรมอยู่ที่คนกิน ตกลงรับกรรมกันทั้งคู่ โทษกรรมหนักเบา อยู่ที่เจตนาภายใน

    คนกินเนื้อสัตว์ก็ต้องเคร่งครัดมากหน่อย ในเรื่อง ศีล 5 และสร้างบุญกุศลให้มากๆ เพราะเขาจะมาทวงหนี้กับเราเมื่อใดก็ไม่รู้ กินเนื้อเขาแล้วก็ต้องขอบพระคุณเขามากๆทุกวัน สำนึกผิดต่อวิญญาณเขาด้วย อย่าลืมว่า เราก็เติบโตมาจากเนื้อสัตว์ เวลาทำบุญกุศลแล้ว ก็ต้องสวดมนต์ และขอขมาพระรัตนตรัยด้วยแล้ว ทำการกล่าวขอขมาต่อสัตว์เหล่านั้น เพราะยังไงวิญญาณพวกเขาก็คือ วิญญาณตายโหง คือ วิญญาณที่ตายแบบไม่ดีนั่นแหละ ตายด้วยความโกรธ

    แต่ในความเห็นส่วนตัว หากกินเจเพื่อสุขภาพ ก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะหากศึกษาด้าน Food Science ดูแล้ว กินพืชผัก สมุนไพร ผลไม้ ทำให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี

    ข้าพเจ้ากินผักไม้และสมุนไพรมาตลอด 36 ปี เนื้อสัตว์ใหญ่ไม่ทานเลย สัตว์ทะเลบ้างบางครั้ง ก็เลยไม่เคยป่วย ไม่เคยเข้าโรงพยาบาลเลยสักครั้ง มีแต่ไปตรวจสุขภาพ หมอก็บอกว่า เลือดสะอาด ส่วนพี่น้องข้าพเจ้าอีก 5 คน กินเนื้อสัตว์มากกว่ากินผักผลไม้ ไม่ค่อยออกกำลังกาย ส่วนมากก็เข้าโรงพยาบาลบ่อย ป่วยหนัก ภูมิต้านทานต่ำ

    คนที่กินเนื้อสัตว์มากๆ ก็ควรออกกำลังกาย จะได้ไม่ล้มป่วยง่ายตอนวัยทอง

    งดเนื้อสัตว์บ้างก็ดีเพราะโรคร้ายในเนื้อสัตว์ก็มาก ทำไมเนื้อสัตว์ถึงไม่ดี เพราะว่า มีไขมันอิ่มตัว ไม่เหมือนในพืช มีไขมันไม่อิ่มตัว ไม่ค่อยอันตราย

    อาหารพวก Macrobiotics และชีวจิต หรือ อาหารมังสวิรัติ เจ ก็ดีนะ เป็นการ detox ด้วย
     
  12. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>อันตรายอาหารเนื้อสัตว์ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งร้ายหลาย ๆ ชนิด
    ----ยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญ และ ทีมคณะแพทย์ชื่อดังระดับโลกที่ ทำการศึกษาวิจัยจากผู้ ป่วยกว่า 500000 คนท่วโลก ใช้เวลากว่า 7 ปี โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ กว่า 12000 คน

    น่ากลัวคาดว่าจะมีผู้ป่ วยรายใหม่ ๆ เพิ่มอีกกว่า
    เนื้อสัตว์ เป็นบ่อเกิด ต้นตอของนานาโรคร้ายหลากหลายชนิ ด
    เช่นโรคมะเร็ง เต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
    และจากการวิจัยล่าสุดโดยมหาวิ ทยาลัยแพทย์ ฮาวาด์ แห่งสหรัฐ และ
    มหาลัยแพทย์ ลีด แห่ง ประเทศอังกฤษ เนื้อสัตว์ ยังเป็นต้นเหตุหลัก ๆ ของ
    มะเร็งต่อมลูกหมาก และ มะเร็งรังไข่

    ข้อมูลโดยมหาลัยแพทย์ชื่อดั งระดับโลก
    มหาลัยเทกซัส สหรัฐ
    มหาลัยชิคาโก สหรัฐ
    มหาลัยฮาวาย สหรัฐ
    มหาลัยฮาววาด สหรัฐ
    มหาลัยแพทย์ แห่งออสเตอเรีย
    มหาลัยคิวเบค แห่งแคนาดา
    มหาลัยออกฟอร์ด แห่งอังกฤษ
    มหาลัยลีด แห่งอังกฤษ
    มหาลัยแฟงค์เฟิต แห่งเยอรมัน

    โดยการสนับสนุนสถาบันวิจัย โรคมะเร็ง แห่งสหรัฐ
    National Cancer Research Institue - USA
    สถาบันโรคมะเร็ง แห่ง WHO
    The World Cancer Research Fund ( WCRF )
    และวารสารสุขภาพชื่อดังระดั บโลกกว่า 100 ฉบับรวมถึง
    เอกสารทางการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังก้ องโลก

    ไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วเราจะตายหรือไม่ (พุทธศาสตร์+วิทยาศาสตร์

    มุมมองความเห็นจากพระสงฆ์ไทย

    และจากพระ อาจารย์ บัญฑิต พระฝรั่งชาวอังกฤษ

    อดีตผู้อุปถาฐพระอาจารย์ สุเมโท พระฝรั่งตะวันตกพระลูกศิษย์ รุ่นบุกเบิก
    พระอาจารย์ ชา แห่งวัดป่านานาชาติ
    ขณะนี้จำพรรษาอยู่ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

    ได้ให้ข้อมูลว่าขณะนี้ประเทศอั งกฤษ ประชากรกว่า40% หรือเกือบ 30 ล้านคน
    ได้ละเลิกการบริโภคเนื้อสัตว์ มาเป็นอาหารมังสะวิรัติ
    ปลอดเนื้อสัตว์ เพื่อสุขภาพ และ หวั่นเกรงมหันตภัยโรคร้าย
    จากเนื้อสัตว์ ที่เคยคุกคามฆ่าชีวิตชาวอั งกฤษเป็นจำนวนมากจากโรคมะเ ร็ง ไขมันอุดตัน โรคหัวใจ ปีละจำนวนมาก ๆ ต่อเนื่องด้วยโรควัวบ้าระบาด เมื่อ 6 ปีก่อน และอีก 3 ปีถัดมาโรคไข้หวัดนกระบาด ทำให้ชาวอังกฤษหวาดผวาภัยจากเนื ้อสัตว์

    ข้อมูลที่น่าสนใจในเวปข้างล่าง

    http://www.watisan.<WBR>com/ wizContent.as.<WBR>..&txtmMenu_ID=<WBR>7

    http://www.watisan.<WBR>com/ showdetail.asp?<WBR>boardid=1080


    ************<WBR>*********<WBR>********* ************<WBR>****

    ยังมีข้อมูลอีกมากมายนับไม่ถ้วน อาจมากกว่า 100 บทความ
    ที่มีการศึกษาวิจัยอย่างกว้ างขวางทั้งในยุโรป อเมริกา แคนาดา และออสเตอเรีย
    ถึงผลร้ายของการบริโภคเนื้อสั ตว์ในเชิง สุขภาพ และการระบาดของโรคมะเร็งร้าย นอกจากโรคไขมันอุดตัน โรคหัวใจ อันเป็นผลจากเนื้อสัตว์

    แต่ไทยเรากลับปิดปากเงียบ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูล อันน่ารู้นี้ มีแต่เฉพาะ
    วงการแพทย์ ที่หันหลังการบริโภคเนื้อสัตว์ มาเป็นอาหารปลอดเนื้อสัตว์

    ที่แน่ ๆ การบริโภคเนื้อสัตว์ นอกจากผลดีต่อสุขภาพ ยังเป็นการละบ่วงเวรกรรม
    จากการร่วมทำลายล้าง สัตว์อื่น ๆ

    โรคมะเร็ง ต้นเหตหลักที่แท้จริงจากงานศึ กษา วิจัยโรคมะเร็ง สาเหตุหลัก ของการก่อตัวของโรคร้ายต่อมนุ ษย์

    จากงานศึกษา วิจัยโรคมะเร็ง สาเหตุหลัก ของการก่อตัวของโรคร้ายต่อมนุ ษย์
    โดยคณะนักวิทยาศาสตร์ ทีมคณะแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดั บโลก จากหลายหลาย
    มหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังก้องโลก โดยทุนสนับสนุนจาก สถาบันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งโลก (The World Cancer Research Fund (WCRF)

    รายละเอียดหาอ่านได้จากข้อมู ลในเวป

    http://www.dhammaja<WBR>k.net:80/ board/viewtopic.<WBR>php?t=14583

    http://www.dhammaja<WBR>k.net/ board/viewtopic.<WBR>php?t=17241




    http://board.<WBR>palungjit.<WBR>com/ showthread.php?<WBR>t=145201




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2009
  13. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    อันตรายอาหารเนื้อสัตว์ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งร้ายหลาย ๆ ชนิด

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>อันตรายอาหารเนื้อสัตว์ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งร้ายหลาย ๆ ชนิด

    โดยการสนับสนุนสถาบันวิจัย โรคมะเร็ง แห่งสหรัฐ
    National Cancer Research Institue - USA
    สถาบันโรคมะเร็ง แห่ง WHO
    The World Cancer Research Fund ( WCRF )
    และวารสารสุขภาพชื่อดังระดั บโลกกว่า 100 ฉบับรวมถึง
    เอกสารทางการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังก้ องโลก

    ไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วเราจะตายหรือไม่ (พุทธศาสตร์+วิทยาศาสตร์

    มุมมองความเห็นจากพระสงฆ์ไทย

    และจากพระ อาจารย์ บัญฑิต พระฝรั่งชาวอังกฤษ

    อดีตผู้อุปถาฐพระอาจารย์ สุเมโท พระฝรั่งตะวันตกพระลูกศิษย์ รุ่นบุกเบิก
    พระอาจารย์ ชา แห่งวัดป่านานาชาติ
    ขณะนี้จำพรรษาอยู่ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

    ได้ให้ข้อมูลว่าขณะนี้ประเทศอั งกฤษ ประชากรกว่า40% หรือเกือบ 30 ล้านคน
    ได้ละเลิกการบริโภคเนื้อสัตว์ มาเป็นอาหารมังสะวิรัติ
    ปลอดเนื้อสัตว์ เพื่อสุขภาพ และ หวั่นเกรงมหันตภัยโรคร้าย
    จากเนื้อสัตว์ ที่เคยคุกคามฆ่าชีวิตชาวอั งกฤษเป็นจำนวนมากจากโรคมะเ ร็ง ไขมันอุดตัน โรคหัวใจ ปีละจำนวนมาก ๆ ต่อเนื่องด้วยโรควัวบ้าระบาด เมื่อ 6 ปีก่อน และอีก 3 ปีถัดมาโรคไข้หวัดนกระบาด ทำให้ชาวอังกฤษหวาดผวาภัยจากเนื ้อสัตว์

    ข้อมูลที่น่าสนใจในเวปข้างล่าง

    http://www.watisan.<WBR>com/ wizContent.as.<WBR>..&txtmMenu_ID=<WBR>7

    http://www.watisan.<WBR>com/ showdetail.asp?<WBR>boardid=1080


    ************<WBR>*********<WBR>********* ************<WBR>****

    ยังมีข้อมูลอีกมากมายนับไม่ถ้วน อาจมากกว่า 100 บทความ
    ที่มีการศึกษาวิจัยอย่างกว้ างขวางทั้งในยุโรป อเมริกา แคนาดา และออสเตอเรีย
    ถึงผลร้ายของการบริโภคเนื้อสั ตว์ในเชิง สุขภาพ และการระบาดของโรคมะเร็งร้าย นอกจากโรคไขมันอุดตัน โรคหัวใจ อันเป็นผลจากเนื้อสัตว์

    แต่ไทยเรากลับปิดปากเงียบ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูล อันน่ารู้นี้ มีแต่เฉพาะ
    วงการแพทย์ ที่หันหลังการบริโภคเนื้อสัตว์ มาเป็นอาหารปลอดเนื้อสัตว์

    ที่แน่ ๆ การบริโภคเนื้อสัตว์ นอกจากผลดีต่อสุขภาพ ยังเป็นการละบ่วงเวรกรรม
    จากการร่วมทำลายล้าง สัตว์อื่น ๆ

    โรคมะเร็ง ต้นเหตหลักที่แท้จริงจากงานศึ กษา วิจัยโรคมะเร็ง สาเหตุหลัก ของการก่อตัวของโรคร้ายต่อมนุ ษย์

    จากงานศึกษา วิจัยโรคมะเร็ง สาเหตุหลัก ของการก่อตัวของโรคร้ายต่อมนุ ษย์
    โดยคณะนักวิทยาศาสตร์ ทีมคณะแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดั บโลก จากหลายหลาย
    มหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังก้องโลก โดยทุนสนับสนุนจาก สถาบันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งโลก (The World Cancer Research Fund (WCRF)

    รายละเอียดหาอ่านได้จากข้อมู ลในเวป

    http://www.dhammaja<WBR>k.net:80/ board/viewtopic.<WBR>php?t=14583

    http://www.dhammaja<WBR>k.net/ board/viewtopic.<WBR>php?t=17241




    http://board.<WBR>palungjit.<WBR>com/ showthread.php?<WBR>t=145201




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dd3.jpg
      dd3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.7 KB
      เปิดดู:
      37
    • c8x.jpg
      c8x.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.2 KB
      เปิดดู:
      37
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2009
  14. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    ชีวิตในวฎสงสาร

    ชีวิตในวฎสงสาร ต่างเวียนว่าย วัฏฏะชาติ อนาถภพ " <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=5 width="90%" align=center bgColor=#efffef border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]แด่ชีวิตเพื่อนร่วมโลก ต่างเวียนว่าย วัฏฏะชาติ อนาถภพ
    บ้างประสบ ถูกเขาฆ่า บ้างฆ่าเขา
    ยุติธรรม คือกรรม ที่ตามเรา
    วิบากเก่า ไม่ลืมชาติ ไม่ขาดอายุความ



    ชีวิต ในวฎสงสาร


    ต่างเวียนว่าย วัฏฏะชาติ อนาถภพ
    บ้างประสบ ถูกเขาฆ่า บ้างฆ่าเขา
    ยุติธรรม คือกรรม ที่ตามเรา
    วิบากเก่า ไม่ลืมชาติ ไม่ขาดอายุความ อ่านจากเวปข้างล่าง น่าสนใจ


    http://www.watsai.net/webb/<WBR>view.php?No=126&visitOK=


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    กลอนสะกิดใจ

    กลอนสะกิดใจ

    สัพเพ สัตตา เสียงร้องขอ ชีวิตจิตหวั่นไหว

    เสียงห่ำหั่น เข่นฆ่า น่าสยอง

    เสียงซวบซาบ ดาบคมเชือด เลือดไหลนอง

    เสียงกรีดร้อง สะท้านจิต สะกิดใจ

    เสียงสัพเพ สัตตา พาให้คิดว่าชีวิตนี้ มีค่า กว่าสิ่งไหน

    อเวรา อย่ามีเวร อย่ามีภัย
    ชีวิตใคร ใครก็หวง อย่าล่วงเกิน

    ท่องสัพเพ สัตตา มาแต่ไหน ยังเข้าใจ ในเนื้อแท้ ้แค่ผิวเผิน

    ยังฆ่าบ้าง กินบ้าง อย่างเพลิดเพลิน ยังใช้เงิน ซื้อชีวิต อนิจจา

    สัตว์เกิดกาย มาใช้กรรม ที่ทำไว้ เป็นเป็ดไก่ กุ้งปลา ูและหมูหมา

    ตามเหตุต้น ผลกรรม ที่ทำมา มิใช่ฟ้า ประทานมา ให้คนกิน

    มีปัญญา แต่ไฉน จึงไม่คิด
    มองชีวิต กลับเห็น เป็นทรัพย์สิน

    เสียงกรีดร้อง ก่อนตาย ใครได้ยิน น้ำตาริน เมื่อถูกเฉือด เลือดกระเซ็น

    พูดว่าเขา เกิดมา เป็นอาหาร เขาลนลาน หนีตาย ใครมองเห็น

    เขาจนใจ พูดไม่ได ้เถียงไม่เป็น ช่างเลือดเย็น เข่นฆ่า ไม่ปราณี

    มีพืชผัก มากมาย นับไม่ถ้วน ทุกกลิ่นรส สดใส หลายหลากสี

    ธรรมชาติ วางไว้ อย่างดิบดี สัตว์วิ่งหนี พืชเต็มใจ ให้กินมัน

    เพราะเรากิน เขาจึงฆ่า เอามาขาย เราสบาย แต่สัตว์โลก ต้องโศกศัลย์

    ท่องสัพเพ สัตตา มาทุกวัน
    เมตตากัน โปรดอย่าฆ่า และอย่ากิน



    ประพันธ์โดย
    คุณประวิทย์ ชัยศิริสัมพันธ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    ;aa37 ก็ดีแล้วนี้ค่ะ ถ้าพี่ทานเจได้ โดยไม่ลำบากตัวเอง ไม่เดือดร้อนใคร ก็ทำได้ หนูว่าการทำดี ทำแล้วตัวเองต้องสุขใจ ก็ใช่เลย แต่ถ้าทำแล้วเกิดความลังเล ความไม่แน่ใจ ก็ลองคิดดูว่า ทางนี้ ดีจริงๆเหรอ
    หนูเป็นคนหนึ่ง ที่เคยตั้งใจ จะทานเจ ทุกวันพระ แต่คงจะยาก จึงเปลี่ยนเป็นทานมังฯแทน เพราะอย่างน้อยๆ ยังมีข้าวไข่เจียวหาซื้อง่ายในมหาลัย แถมราคาถูก กินกับเพื่อนได้ ไม่ดูแปลก เพราะไม่ได้บอกใคร ทุกอย่างปกติ เหมือนทุกวัน แต่ในใจเรา รู้ตัวดีว่า วันนี้ เราถือศีล5 ครบ เกิดสุขใจ catt2 แต่ ต่อมาหนู รีบศีล8 ไปวัดตอนเช้า พระท่านฉันเสร็จ ก็จะให้นิสิตที่ไปวัด และชาวบ้าน ทานข้าว หนูก็ทาน เลือกไข่ มาก่อน แต่ไม่เหมือนเดิมเพราะไข่ พะโล้ ไข่เจียวอาจจะใส่น้ำปลา ถ้าหนูไปยึดติดก็ทำให้ตัวเอง มัวหมอง ไม่สุข หนูก็บอกตัวเอง กินเพื่อความอยู่รอดไม่ได้กินเพราะติดใจรสอาหาร หนูก็ยังคงสงบ สุขได้ เหมือนครั้งที่ทานมังฯ
    หนูเข้าใจความรู้สึกของพี่นะคะ ที่อยากทานเจ อนุโมทนากับทุกๆท่านที่ทานเจด้วยค่ะ
    สำหรับหนูถ้าวันไหนทำงานพิเศษได้เงินมาก หนูจะเลือกซื้อผลไม้มาทาน เพราะเบื่อข้าว และอีกอย่างต้องยอมรับความจริงคือ อาหารเจ หาซื้อถ้าอยู่ในกรุงเทพฯคงหาง่าย แต่ต่างจังหวัดหาซื้อยาก ราคาก็แพง ที่สำคัญไม่อยู่ท้อง ทำให้ทานบ่อยๆ หนู ไม่ได้ขอเงินทางบ้าน ทั้งยังเรียน ทำได้ดีก็แค่ทานมังฯเท่านั้น แต่เทศกาลกินเจ หนูก็ทานนะคะ แล้วยัง ซื้อมาทำให้แม่ทานด้วย ช่วงกินเจ หนูจึงกระเป๋าตังแบนสุดๆในรอบปี แฮ่ๆ
    ;k02อิจิโกะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2009
  17. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    ไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วเราจะตายหรือไม่ (พุทธศาสตร์+วิทยาศาสตร์+แพทย์ศาสตร์)

    ไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วเราจะตายหรือไม่ (พุทธศาสตร์+วิทยาศาสตร์+แพทย์ศาสตร์)
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=16 height=15>[​IMG]</TD><TD background=cfcadmin/images/box-top-bg.jpg></TD><TD width=15 height=15>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=cfcadmin/images/box-left-bg.jpg></TD><TD bgColor=#fcfcfc>[​IMG] <TD background=cfcadmin/images/box-right-bg.jpg></TD></TR><TR><TD width=16 height=14>[​IMG]</TD><TD background=cfcadmin/images/box-bottom-bg.jpg></TD><TD width=15 height=14>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <CENTER></CENTER>
    <TABLE class=MsoNormalTable style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-COLLAPSE: collapse; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-insideh: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-insidev: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-insideh-themecolor: accent3; mso-border-insideh-themetint: 153; mso-border-insidev-themecolor: accent3; mso-border-insidev-themetint: 153" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=1><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #c2d69b 1pt dashed; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153" vAlign=top width=361>
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> “ปลาที่ยังไม่ตาย ต้องว่ายทวนน้ำ เหมือนกับผู้[​IMG]ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ คือผู้ที่พยายามว่ายทวนกระแสกรรม ผู้ที่อยู่เฉยๆ ไม่คิดหรือพยายามที่จะว่าย จึงต้องไหลไปตามกระแสกรรม ไหลไปจนถึงจุดจบของชีวิต เมื่อถึงตอนนั้นหากคิดจะว่ายทวนน้ำ คงจะสายเกินไปแล้ว”</o:p>​
    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p>[​IMG] ในครั้งที่ 7 นี้ อาตมาจะขอเน้นเรื่อง “การกิน” เป็นพิเศษ หัวข้ออื่นๆจะตามมาในครั้งหน้า (ถ้าโยมยังไม่เบื่อซะก่อน ไม่เกลียดอาตมาซะก่อน เพราะอาตมาใช้คำพูดแรงและตรงไม่อ้อมค้อมนะ เพราะอาตมามีธรรมเป็นอาวุธ ไว้สู้กับกิเลส ก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อาตมาจะตัดถางป่าดงดิบรกทึบที่อยู่ในใจ ตัดมันจนกว่าโยมจะได้เห็นแสงสว่าง เอาแค่รำไรก็ยังดี) หากใครรู้สึกว่าเจ็บจี๊ดๆที่หัวใจ นั้นแสดงว่า อาตมากำลังเฉือนเนื้อร้ายออกไปจากหัวใจโยมทีละนิดๆ แล้วใช้เวลาซักพัก อาการจะค่อยๆดีขึ้นเอง </o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> ว่าไปแล้วหลายคนไม่รู้ หลายคนอาจจะมองข้ามไม่ได้ฉุกคิด เพราะเราทำตามมาตั้งแต่ ปู่ ย่า ตา ยาย ทำมาเป็นร้อยๆ พันๆ ปีหรือมากกว่านั้น เห็นตัวอย่างแบบนี้มาตั้งแต่เกิด ความเคยชินต่างๆ จึงครอบงำผูกติดเอาไว้ นานวันเข้าก็ยิ่งแน่นๆ หลุดหนีไปไม่ได้ จึงเกิดเป็นวัฎจักร วนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด ที่พุทธองค์เรียก “วัฏสงสาร” cycle of life คือ เห็นแล้วสงสารมากที่จะต้องตายแล้วเกิดวนเวียนไม่จบสิ้น ความเคยชินต่างๆ นี่แหละคือกรรม ทำให้เรามองเห็นแสงธรรมที่จะส่องลงมากลางใจได้ยากยิ่ง เหมือนกับเราอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบสูงชัน แสงอาทิตย์ไม่สามารถสาดส่องลงมาจนถึงพื้นได้ ไม่รู้กลางวันไม่รู้กลางคืน มองทิศทางเดินไม่เห็น ไปไม่เป็น อาศัยแต่คลำทางไปเรื่อยๆ หลงทิศ ฉันใดก็ฉันนั้น แต่ถ้ารู้จักตัดถางริบใบออกซะบ้าง แสงอาทิตย์ แสงแดด จะสาดส่องลงมาจนถึงพื้น โยมจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างว่ามันสว่างไสว ยิ่งตัดถางริบใบมากเท่าไหร่ แสงแดดก็ส่องลงมาได้มากขึ้น มองอะไรก็เห็นทะลุปรุโปร่งชัดเจนไม่ผิดเพี้ยน แถมยังฆ่าเชื้อโรคได้อีกแม่นบ่ แต่ถ้าเราปิดกั้นกับสิ่งใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ เหตุผลใหม่ๆ เราก็จะหมดโอกาสที่จะได้พบกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คุณค่าความยิ่งใหญ่จะมีมากน้อยก็อยู่ตามแต่เหตุปัจจัยนั้นๆ เมื่อเรารู้ว่าสิ่งนี้ดีมากๆโอ้ประเสริฐไร้ที่ติ “โอ้ววว!! มันยอดมาก!! ซาร่า ว้าว!! มันเยี่ยมยอดจริงๆ ค่ะจร๊อชช” แต่เราอ่านแล้วก็ปล่อยผ่านไป ฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไปอีก สิ่งไหนเป็นประโยชน์ โยมก็ไม่รีบทำ ไม่รีบปฏิบัติ มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับตัวเอง ถ้าปล่อยไว้นานโยมเองก็จะถูกปกคลุมด้วยความมืด จวนๆ จะเจอแสงสว่างอยู่แล้ว มันก็ไม่เจอสักที แต่ถ้าโยมรับสิ่งใหม่ๆ ตลอดแทบทุกอย่าง มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี ต้องมีสติตั้งมั่นคิดตามให้มากๆ </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> ใช้เหตุผลตามให้มากๆ มองให้เห็นทะลุทั้ง 6 มิติ (มองโดยรอบ) มีความเป็นกลางไม่โอนเอียงไปข้างหนึ่งข้างใด แล้วโยมก็จะกลายเป็นคนที่มีจิตใจเปิด มองอะไรก็เห็นแจ้งแทงตลอด จริงมั้ย ....ไปๆมาๆก็น่าน้อยใจนะ พระบวช พระเรียน พระคิดหาวิธีต่างๆ เพื่อมาใช้ในการเทศนา ใช้ในการสอน อยากให้โยมเชื่อ ให้โยมบรรลุ ผลักดันให้โยมถึงฝั่ง ใช้ปากไม่พอ ใช้มือก็ยังไม่พอ ต่อไปจะใช้อะไรดีนะ?? แต่โยมก็ไม่เชื่อ ยังไม่ทำตาม โยมก็รู้ว่ามันดี๊ดี แต่ก็ไม่ลงมือทำซะที มันติดที่อะไรเน้อ ช่วยบอกอาตมาที...</o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-left-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-left-themecolor: accent3; mso-border-left-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> อาตมาบวชมาระยะเวลาหนึ่งประมาณ 9 เดือนเห็นจะได้ ตอนแรกตั้งใจว่าจะบวชแค่เดือนเดียวเท่านั้นก็จะกลับไปทำงานต่อ เพราะงานทุกอย่างตอนนี้อาตมาฝากโยมเพื่อนดูแลไว้คนเดียว ป่านนี้คงเดี้ยงไปเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้อาตมาเริ่มมีปัญหาแล้วเพราะงานบางอย่างโยมเพื่อนทำแทนไม่ได้ อาตมาทำได้คนเดียว เงินหลุดไปหลายแล้ว แต่อาตมาจะหาวิธีช่วยทำงานบางอย่างจากที่นี่ เพื่อจะช่วยโยมเพื่อนได้บ้าง ทั้งนี้อาตมาช่วยโยมเพื่อนเท่ากับช่วยตัวอาตมาเอง ภาระโยมเพื่อนก็จะเบาลง อาตมาก็จะได้ยืดระยะเวลาสึกออกไป บวชต่อไปอีกได้นานขึ้น อาตมาก็ได้แต่บอกโยมเพื่อนว่าทนๆ หน่อยนะ ขอบวชอีกสักหน่อย ผลัดไปอีกขอให้เห็นบั้งไฟ ผลัดไปอีกหน่อยขอให้ได้เข้าพรรษา ผลัดไปอีกสักหน่อยขอให้ได้รับกฐิน ผลัดไปอีกขอให้ได้ครบองค์ประกอบของการบวชพระ ผลัดโยมเพื่อนเค้าไปเรื่อยๆ เกรงใจเค้าเหมือนกัน อาตมาก็ไม่แน่ใจว่าจะยืดระยะเวลาแบบนี้ได้นานแค่ไหน จนกระทั่งตอนนี้ผลัดไปจนจะครบรอบฮีตสิบสองแล้ว จนอาตมาแน่ใจอะไรบางอย่าง จึงสินใจอีเมลบอกกับโยมเพื่อนว่า ปล่อยงานของอาตมาที่กรุงเทพฯเลย จะได้ไม่เหนื่อย เพราะตอนนี้อาตมาตัดสินใจ จะอยู่ช่วยคนที่ภาคอีสานจนกว่าเราจะหมดแรง ดูเป็นสุภาพบุรษจังเลยเนอะ แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่อาตมาจะทำจริงๆ</o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> แต่จะพยายามทำเท่าที่ทำได้นะ ชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เพราะชีวิตคล้ายกับเปลวเทียนที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง ลมพัดมาแรงๆ ก็พร้อมที่จะดับได้ทุกเมื่อ และโยมก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะดับด้วยเช่นกัน แต่มีข้อแม้ต้อง ดับอย่างมีสติ นะ เข้าใจบ่ ..ตอนที่อาตมาบวชพระวันแรกๆ ยังจำตอนฉันอาหารครั้งแรกได้ กังวลมาก จะฉันยังไงดี ตัวเราเองก็ไม่กินเนื้อสัตว์ กรุงเทพก็หาร้านเจยากแล้ว ตอนแรกๆ โยมยังไม่รู้ เห็นอาตมาไม่ค่อยฉันอะไร ก็ตะโกนบอกอาตมาว่าฉันไปเถอะ อาหารอีสานก็มีแต่แบบนี้แหละ ตามมีตามเกิด อาตมาก็ไม่ได้ตอบอะไรเดี๋ยวก็คงจะรู้เองล่ะนะ จะไม่ให้จ้องแต่กับข้าวได้อย่างไร ก็อาหารอีสาน มีแต่เนื้อสัตว์ล้วนๆ เลย แถมยังแปลกๆ ด้วย ตายแน่ๆ งานนี้จึงต้องลำบากโยมป้าฝึกทำอาหารมังสวิรัติมาใส่บาตร แรกๆ ก็ทำไม่คล่องอาตมาจึงจดสูตรอาหารไปให้ ตอนนี้ทำเก่งแล้ว เปิดร้านอาหารเจได้สบายเลย ก็ขอให้ได้บุญเยอะๆ นะโยม</o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> อาตมาได้ฉันอาหารมาระยะเวลานึงก็เริ่มเห็นอะไรอยู่ตัว [​IMG]สังเกตมานานแล้ว โยมจับทุกอย่างมาทำเป็นอาหารได้หมด กิ้งก่าเอย แมงต่างๆเอย ล่าสุดไข่กบ กินได้ไง? ไข่มดแดงนี่มีทุกวัน อาตมาจะบอกโยมว่า มันบาปนะรู้มั้ย โยมตัดวงจรชีวิตของมันตั้งแต่ยังเป็นไข่ ธรรมชาติสร้างเครื่องป้องกันตัวให้มดแดงมีพิษกัดแล้วแสบคัน สร้างสัญชาติญาณเอาไว้สอนให้มดมันกลัวคน จึงสร้างรังไว้ในที่สูงๆ เพราะมันคิดว่าเป็นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับไข่และลูกน้อยของมัน มันหวงและสู้สุดชีวิตขนาดอยู่ในถ้วยแล้วมันยังเดินรอบไข่เลย สัญชาติญาณสร้างให้มันมีความรักความเป็นห่วงลูก เหมือนกับคนไม่มีผิดเพี้ยน แต่ความพยายามของคนก็ยังปีนขึ้นไปจับมัน ไปสอยมันมาทำเป็นอาหารจนได้ กินกันอย่างอร่อยลิ้น แบบนี้เค้าเรียกว่าฆ่าล้างโคตร สัตว์พวกนี้น่าสงสารมากนะโยม เป็นเพราะบาปกรรมของเค้าที่ทำให้จะต้องเกิดมาเป็นสัตว์ชั้นต่ำ กว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์อีกเค้าต้องใช้บาปกรรมไม่รู้จักกี่ภพกี่ชาติ และยิ่งเกิดเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ อีก ก่อนจะมาเกิดหรือจุติเป็นสัตว์ ดวงจิตเค้าจะต้องถูกตีจนแตกละเอียดกระจัดกระจาย รังมด 1 รังใหญ่ ดวงจิต 1 ดวงนะโยม เค้ายังใช้กรรมที่สร้างไว้ไม่ทันหมด โยมก็ไปเร่งให้เค้าไปเกิดเป็นนั่นเป็นนี้ต่อไปอีก ก็ยิ่งทำให้เค้าใช้กรรมไม่รู้จักจบ จะต้องตาย แล้วก็เกิด ไม่เสร็จไม่สิ้นซะที แค่นี้เค้าก็รับกรรมแย่แล้วนะโยมน่าเห็นใจเค้านะ อย่าทำร้ายเค้าอีกเลย อย่าเห็นแก่ความแซ่ป ไม่กินสักวันเราก็ไม่ตายหรอก คิดแบบนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หายอยาก นี่อาจจะเป็นความเห็นเป็นมุมมองของคนเมืองนะ แต่ที่นี่อาจจะเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราเคยชินกันแล้วมาตั้งแต่ปู่ ย่า ตายาย เป็นอย่างนั้นรึเปล่า</o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    <TABLE class=MsoNormalTable style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-COLLAPSE: collapse; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-insideh: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-insidev: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-insideh-themecolor: accent3; mso-border-insideh-themetint: 153; mso-border-insidev-themecolor: accent3; mso-border-insidev-themetint: 153" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=1><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #c2d69b 1pt dashed; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> [​IMG]อาตมาเห็นญาติโยมเกาะติดสถานการณ์ที่วัด มาทำบุญแต่เช้า เตรียมอาหารแต่เช้า ไม่เคยขาดเลย รู้สึกเป็นภาพที่น่าดีใจมาก จึงถ่ายรูปเก็บ เห็นแล้วชื่นใจจริงๆ ภาพแบบนี้ ความตั้งใจแบบนี้ ในเมืองหลวงไม่มี เพราะกรรมกระมัง ที่ต้องทำงาน ที่ต้องออกจากบ้านกันแต่เช้า บ้านแต่ละคนก็ไม่ได้ใกล้ที่ทำงาน ส่วนใหญ่จะอยู่รอบๆ เมือง จึงทำให้หมดโอกาสเข้าวัดในเวลาเช้าๆ แบบนี้ อาจจะได้เข้ากันอีกทีก็โน่น งานของตัวเอง คราวนี้อยู่กับวัดนานเลย อยู่กันเป็นคอนโดเลยนะ มีตั้งหลายชั้นน่าอยู่ทีเดียว แต่อาตมาก็ไม่อยากไปอยู่หรอก อยู่แบบนี้ดีแล้ว มีเวลาก็พิมพ์หนังสือ ทำเว็บไซต์ เตรียมสอนเด็กๆ ได้เจอญาติโยมได้พูดได้คุย ได้ฟังเสียงอีสาน ฝึกไปวันละคำ สองคำ เดี๋ยวก็เข้าใจได้ เดี๋ยวก็พูดได้ คำไหนไม่เข้าใจอาตมาก็ถามพระด้วยกัน พระก็สงเคราะห์บอกให้เข้าใจ …แล้วอาตมาได้ยินได้ฟังมาจากไหนล่ะ? ก็ตอนฉันจังหัน กับฉันเพลนี่แหละ พ่อออก แม่ออก เค้าก็จะแลกเปลี่ยนข่าวสารในหมู่บ้านมาพูดคุย มาเล่าสู่กันฟัง นั่งคุยกันเป็นกลุ่มๆ ฟังไปฟังมา เหมือนรายการของโยมสรยุทธ์เลย ถึงลูกถึงคนจริงๆ</o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> อาตมาอาจจะมีความโชคดีเล็กน้อย คือ ได้มีโอกาสเห็นสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับการเกิด เจ็บ ตาย และได้มีโอกาส ศึกษาธรรมมาบ้างพอควร สองสิ่งนี้ เมื่อมารวมกัน ก็จะเกิดเป็นปัญญา ให้ฉุกคิด ทำให้เราคิดที่จะลงมือทำ ให้รู้จักสร้างเหตุ อุดรูรั่วต่างๆให้หมด ให้รู้จักตัวตนจริงๆของตัวเอง ให้รู้จักสภาวธรรมจริงแท้ ให้รู้จักพุทธจิตธรรมญาณเดิมของตัวเองว่าเป็นเช่นไร ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะเป็นเกราะป้องกันภัย ให้กับตัวเอง ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ..ขอพูดถึงพุทธจิตธรรมญาณสักหน่อย จริงๆ แล้วแต่เดิมนานมาแล้วไม่รู้ว่ากี่หมื่นกี่แสนปี ก่อนที่เราจะได้มาจุติเป็นมนุษย์ เรามีดวงจิตเดิมแท้ ซึ่งมาจากที่เดียวกันเป็นดินแดนที่สุขสงบ เป็นดวงจิตที่บริสุทธิ์ใสสะอาดดุจเพชรที่เจียระไนและขัดถูอย่างประณีต แต่เมื่อมาจุติเป็นมนุษย์แล้ว นานวันนานปีเข้าก็ถูกกระแสแห่งกิเลส มี ความรัก โลภ โกรธ หลง เป็นพลังร้าย สิ่งเหล่านี้ทำให้ดวงจิตมัวหมองลง และยิ่งถ้าไม่มีโอกาสพบเจอพุทธศาสนา ขาดการขัดเกลา เมื่อมันเกาะกับดวงจิตแน่นเข้าๆ ดวงจิตเหล่านั้นก็มัวหมองลงไปเรื่อยๆ แสงสว่างแห่งปัญญาก็หมดลงตามไปด้วย เมื่อหมดปัญญาก็ไม่รู้จักการสร้างบุญ เมื่อไม่รู้วิธีก็ไม่สามารถที่จะกลับขึ้นไปจุติยังภพภูมิของตัวเองที่เคยอยู่มาแต่เดิม และด้วยแรงกรรมที่ได้ทำไว้ ก็ได้ไปจุติเป็นสิ่งต่างๆ ตามที่กรรมกำหนด ถ้าทำกรรมไว้มากๆ ก็ไม่รู้จักกี่ชาติจึงจะได้กลับมาเป็นมนุษย์อีก และก็ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสได้พบกับกระแสธรรมของพุทธองค์หรือไม่ เมื่อหมดบุญก็จะต้องกลับไปเวียนวนอยู่อย่างนั้นต่อไป แต่ถ้ามีโอกาสพบกับกระแสธรรมของพุทธองค์ และน้อมนำสิ่งที่พุทธองค์พร่ำสอนมาใส่ตน จะทำให้มีการฉุกคิด จนเป็น</o:p>
    <o:p> ผู้ตื่น จากอาสวะกิเลสทั้งหลาย ก็จะทำให้เราได้เป็นผู้รู้ รู้แล้วไม่ใช่รู้เฉยๆ ต้องเป็นผู้ตื่นด้วย คือเป็นผู้ที่ลงมือปฏิบัติ เราจึงจะเป็นผู้ที่เบิกบานคือ เบิกบานชื่นมื่นจากผลของการปฏิบัติ เมื่อได้มีโอกาสเดินตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็เท่ากับเราได้เดินตามรอยเท้าพ่อ พ่อคิดอย่างไร เราคิดอย่างนั้น พ่อทำอย่างไร เราทำอย่างนั้น พ่อได้ผลอย่างไร เราก็จักได้ผลอย่างนั้นเช่นกัน เมื่อนั้นเราก็จะมีโอกาสกลับขึ้นไปดินแดนเดิมที่เราเคยลงมา และถ้าปัจจุบันโยมทำได้อย่างที่อาตมาพูดดังนี้ ตัวโยมเองก็ไม่ต่างอะไรกับ “พุทธะตัวจริง” จริงมั้ยโยม</o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-left-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-left-themecolor: accent3; mso-border-left-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> มีเหตุผลเข้าข้างตัวเองมากมายซะเหลือเกินที่เราจะหยุดการเบียดเบียนสัตว์มากินเป็นอาหารไม่ได้ เช่น “มันบ่แซ่บ ถ้าไม่ได้ใส่มันลงไป” นอกเรื่องนิดนึง มีอยู่คราวนึง โยมป้าของอาตมาไม่ได้ทำอาหารเอง ก็ไปสั่งที่ร้านอาหารตามสั่ง ก่อนหน้านี้อาตมาได้เขียนรายอาหารว่า อันนี้ฉันได้ อันนี้ฉันไม่ได้ เขียนเป็นรายการไว้ ออเดอร์อาหารไว้ล่วงหน้า (อาบัติมั้ยเนี่ย) วันแรก เป็นราดหน้า ก็ใส่หมูสับมา อาตมาก็เขี่ยออก มันเขี่ยยากนะ หลุดเข้าปากอาตมาก็คายออก (ปากอาตมามีคุณสมบัติพิเศษในการคัดแยก ผัก เส้น เนื้อสัตว์ออกจากกันโดยอัตโนมัติ) วันที่สอง ผัดซีอิ้วใส่หมูสับอีกแล้ว คราวนี้มันยากหน่อย ตรงที่ ไข่กับหมู เวลามันโดนซีอิ้ว มันจะคล้ายกัน อาตมาก็ต้องใช้ช้อนสับๆดู ไข่ก็นิ่มหน่อย หมูก็เหนียวหน่อย ก็เขี่ยมันออกซะ ถ้าหลุดเข้าปากก็คายมันออก เป็นอย่างนี้อยู่ 4-5 ครั้ง จนอาตมาเริ่มสงสัยว่าโยมป้าจะเข้าใจที่บอกมั้ยเนี่ย เลยเรียกถามดู โยมป้าก็บอกว่า “สั่งตามที่อาตมาออเดอร์ ไม่ให้เค้าใส่เนื้อสัตว์เลย” โยมป้าก็กลับไปถามกับร้านอาหารตามสั่งว่ายังไงกัน กลับกลายเป็นว่าเค้ากลัวว่าอาตมาจะฉันไม่อร่อย เลยใส่เนื้อสัตว์ให้ตามปกติ อืมม ขอบใจนะโยม ...จบ </o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> ว่ากันต่อ เหตุผลสุดฮิตเลยที่ทำให้คนเราไม่หยุดกินเนื้อสัตว์ เพราะว่า คนเราถือว่าสัตว์เป็นอาหาร แทบทุกคนยอมรับในสภาพที่เป็นจริงของโลกนี้ว่า ต้องมีการกิน อยู่ หลับนอน สืบพันธุ์ สัตว์ก็คือ อาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เป็นอาหารที่ธรรมชาติมอบเอาไว้ให้เค้ากินนี่หว่า เค้าก็กินมันน่ะซิ ถ้าไม่ได้กินเนื้อสัตว์จะไม่มีแรงทำงาน หิวง่าย ต้องกินข้าวบ่อยๆ กลัวจะเป็นลม สารพัด แต่ประเด็นหลักๆ เลยก็คือ “กลัว” กลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวที่จะเป็นคนดี กลัวที่จะทำความดี กลัวที่จะยืนอยู่บนความถูกต้องของความเป็นมนุษย์ กลัวที่จะถูกสภาวธรรมจริงแท้เข้าปกครอง กลัวการสำนึกในสิ่งที่ทำผิด ที่ผ่านมา อาตมาไม่อยากจะว่านะ แม้แต่สัตว์ต่างๆ ยังรู้จักที่จะทำตามสภาวธรรมของตัวเองเลย ทำตามกรอบตามขอบเขตของมัน มันรู้ว่ามันควรจะกินอะไร หรือไม่ควรกินอะไร ไม่ต้องให้มีใครคอยบอกคอยสอน โยมสังเกตบ้างหรือไม่ เอ้า!! จะยกตัวอย่าง ลูกเหยี่ยว ของใกล้ตัวเลย โยมเค้ายิงพ่อมัน แล้วพระขอมาเลี้ยง 1 ตัว พระก็ต้องหาอ[​IMG]าหารให้มัน มันกินแต่เนื้อสัตว์เท่านั้น สดๆ ยิ่งชอบ คาวๆ ยิ่งชอบ แต่ถ้าเนื้อสัตว์มีกลิ่นเครื่องปรุง มันจะคายอาหารทิ้งเลย ถ้าเป็นผักไม่กิน เป็นข้าวไม่กิน มันรู้จักเลือกนะตัวแค่เนี้ย แบบนี้แหละที่เรียกว่าสัญชาติญาณ ใครเคยเห็นเหยี่ยวกินข้าวสาร กินผักบ้างมั้ย?? ..ไม่มี (ถามเองตอบเอง) วัวควายก็เหมือนกัน กินแต่หญ้า ใครเคยเห็นมันไล่จับ ไก่ จับกิ้งก่า กินเป็นอาหารบ้างมั้ย?? ..ไม่มี เอ้าลิงมั่ง ลิงกินอะไร กินหมู กินปลา มั้ย?? ..ไม่กิน ลิงกินกล้วย และผลไม้ ช้างมั่ง ช้างกินอะไร?? ..ช้างก็กินแต่ยอดไม้ ผลไม้ แตงกวา อ้อย สับปะรด แตงโมฯลฯ เท่าที่เคยเห็นนะ ไม่เห็นมันจะไล่กินวัว กินเสือ กินหมูเลย สัตว์เดรัจฉานแท้ๆ มันยังรู้ว่ามันควรที่จะกินอะไรเลย แต่มนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ฉลาด รู้มาก หัวสูง ผู้มีปัญญาเยอะ ผู้มีความรู้ ผู้เป็นสัตว์ประเสริฐ สูงส่งกว่าสัตว์ทั้งปวง แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องกินอะไรมันน่าอายแทนสัตว์เดรัจฉานนะโยม อาตมาจะผสานหลักธรรมของพุทธองค์ กับ วิทยาศาสตร์ให้โยมดู ตั้งใจอ่านให้ดีนะ เข้าใจบ่ เออ เออ </o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <TABLE class=MsoNormalTable style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-COLLAPSE: collapse; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-insideh: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-insidev: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-insideh-themecolor: accent3; mso-border-insideh-themetint: 153; mso-border-insidev-themecolor: accent3; mso-border-insidev-themetint: 153" cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=1><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #c2d69b 1pt dashed; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> มองในแง่ของบุญบาปกันก่อนนะ[​IMG]มื่อเราได้ลงมือฆ่าถือว่าเราเป็นผู้ทำบาปอย่างแน่นอนถูกต้องมั้ย?? สิ่งนี้ทุกคนยอมรับ พระพุทธเจ้าให้ความสำคัญไว้เป็นอันดับ1เลย ทั้งนี้ก็ด้วยความเมตตาอย่างหาประมาณมิได้ และด้วยพระปัญญาที่เฉียบคมแยบคาย ทรงกำหนดศีลขั้นน้อยสุดแค่ 5 ข้อ แต่ครอบคลุมได้ทั้งจักรวาลเลย คิดตามให้ดีๆนะ ถ้าโลกนี้ทั้งโลกนับถือศาสนาพุทธ ทุกคนปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แค่ข้อที่ 1 ห้ามฆ่าสัตว์ เมื่อไม่มีซึ่งการฆ่าสัตว์ มนุษย์จะได้มีโอกาสกินสัตว์มั้ย?? เอ้า!! ตอบดังๆ ในใจ แล้วที่โยมกินกันอยู่ทุกวันนี้มันถูกหรือมันผิด ตอบ... แล้วเรายอมรับด้วยใช่หรือไม่ว่าทำบาปกรรมไปแล้วจะต้องตกนรก ไปเกิดเป็นโน่นนี่ ไปเกิดเป็นสัตว์ก็เยอะ แล้วเรารู้มั้ยว่า พ่อ แม่ ญาติ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตายาย เราที่ตายไปแล้ว จะไปเกิดเป็นอะไร มีใครสามารถรับประกันได้มั้ยว่าเค้าเหล่านั้นทำบุญมาเพียงพอ ไม่ต้องมาเกิดอีก ด้วยแรงกรรมผลักดันจิตไปเกิดเป็นสิ่งต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน สัตว์ก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วโยมคิดว่าในชีวิตนี้ ที่เกิดมาไม่รู้จักกี่ปี กินไปรู้จักกี่ตัวเข้าไปแล้ว คิดคิดหรือว่าโยมจะไม่เคยกิน พ่อ แม่ ญาติ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตายาย เป็นบาปหนักหรือไม่ แล้วเค้าจะเสียใจมั้ย..?? </o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ เทวดาเทพารักษ์ที่ปกครองรักษาโยม แต่ละองค์จะจดบุญบาปไว้อย่างละเอียดถี่ยิบเชียว ไอ้นี่ฆ่าหมา ไอ้นี่แอบไปกินแมว ไอ้นี่แอบไปได้เสียกับเมียคนอื่น ไอ้นี่ตบพ่อแตะแม่ ไอ้นี้ขโมยของที่เซเว่น ฯลฯ เพื่อเตรียมส่งรายงานให้เทวดาชั้นสูงต่อไป มันก็คล้ายๆ กับผู้ใหญ่บ้านดูแลลูกบ้าน เมื่อจะขอเงินพัฒนาหมู่บ้านก็ทำเรื่องส่งรายงานให้กำนัน กำนันก็จะส่งรายงานต่อกันไปเป็นทอดๆ นี่แหละ และเมื่อโยมหมดบุญจะได้รับการพิจารณาทันทีตามรายงานบุญบาปที่ได้รับไว้ก่อนหน้านี้แล้วทุกคน นรกจึงทำงานได้อย่างไม่ผิดพลาดไง แต่ถ้าโยมยังจะเถียงท่านยมฯ ข้าไม่ได้ทำ โยมก็จะถูกกระจกส่องกรรมแสดงให้เห็นจะๆ ตรงนั้นเลย คราวนี้โยมก็หมดทางเถียงเพราะภาพมันฟ้อง โยมบางคนบอกว่า “ฉันไม่เคยฆ่าสัตว์เลยนะครูบา ฉันจะบาปได้ยังไง ไก่ เป็ด ฉันก็ไม่ได้เลี้ยง ฉันไม่ได้ฆ่ามันนี่ ฉันไปตลาด ฉันเสียเงินซื้อมันมากิน ฉันหาความผิดบ่ได้ คนอื่นฆ่า มันตายด้วยน้ำมือคนอื่น ยืนยันว่าข้าน้อยบ่ผิด บ่บาป!!” ตอบแบบนี้มันก็จริงของโยม แต่อาตมาจะยกตัวอย่างให้โยมดูซัก 1 ตัวอย่าง [​IMG]"โยมเกลียดไอ้ชาติลิงนั้นมาก ไม่ถูกชะตาซะเหลือเกิน เกลียดเข้าไส้กันเลย แถมมันยังโกงเงินเราไปล้านนึงหน้าตาเฉย ทวงเท่าไหร่ก็หน้าด้านไม่คืนซักที วันนี้เราจะต้องฆ่ามันให้ได้ โยมก็ไปจ้างมือปืนชั้นเยี่ยมชื่อว่าไอ้ชาติแมว บอกที่อยู่เรียบร้อย ไอ้ชาติแมวก็ไปดักรอยิงไอ้ชาติลิง ในขณะที่ไอ้ชาติลิงกำลังจะขับรถออกจากบ้าน ไอ้ชาติแมวก็ยิงทะลุกระจก ตัดขั้วหัวใจไอ้ชาติลิงอย่างแม่นยำ ผ่านไป 2 ชั่วโมง เมื่องานสำเร็จ มือปืนไอ้ชาติแมวโทรบอกโยม เรียบร้อยแล้วครับเจ้านาย ..จบ.” พิจารณาดูซิ ใครจะได้รับบาป?? ....ให้เวลาคิด 2 นาที เฉลย โยมบาปตั้งแต่คิดที่จะสั่งฆ่าเค้าแล้ว และยังสั่งให้มือปืนลงมือกระทำอีกบาปก็เป็นรูปธรรมชัดเจน ได้รับบาปเท่ากันทั้งคนฆ่าและคนสั่งฆ่า งานนี้ก็รับไปคนละ 50/50 นะโยม ไม่ใช่ว่าเป็นคนสั่งให้ฆ่าจะไม่มีความผิดนะ ถ้าโยมไม่สั่งไอ้คนฆ่าจะรู้มั้ยว่าให้ฆ่าใคร </o:p>
    <o:p>แล้วถ้าเป็นเรื่องจริง โยมคิดว่าตำรวจจะจับใคร จับแค่คนยิง หรือจับแต่คนจ้างวาน เอาตามจริงนะ ตำรวจจับเข้าคุกทั้งคู่ ฉะนั้นคนละครึ่ง ฉันใดก็ฉันนั้น โยมซื้อเนื้อสัตว์จากพ่อค้ามากินก็บาป แต่โยมยังจะเถียงอีก “ฮ่วย!! ครูบาพูดบ่เข้าใจ๋ บ่บาปแน่นอนข้าน้อย ฉันไม่ได้ไปสั่งให้ฆ่าไก่นะครูบา มันตายรอให้คนมาซื้ออยู่แล้ว มันจะบาปยังไง ตังก็ต้องเสียยังจะบาปอีกหรอ ไม่ได้ไปขโมยไก่เค้ามากินนะ ก็ต้องปลอดภัยจากบาป ไม่บาปแน่ๆ ยืนยันฟันธง!!เลยข้าน้อยบ่ผิด บ่บาป!!” แต่อาตมาก็ยังว่าบาปอยู่ดี บาปเพราะโยมเป็นตัวการทำให้เกิดการฆ่า เข้าใจบ่ (ยังทำหน้างงอยู่อีก) ถ้ายังไม่เข้าใจอีกจะอธิบายเพิ่ม อาตมาจะโยง ให้เห็นถึงวัฎจักรและสาเหตุที่สัตว์มันต้องถูกฆ่าให้ดู ในหลักการของพ่อค้าเมื่อจะหาสินค้าซักอย่างนึงมาขาย ต้องทำยังไงบ้างโยมคิดซิ ....ให้เวลาคิด 1 นาที ไม่รอหรอก เฉลย</o:p>
    <o:p>1. ต้องดูความต้องการของตลาด
    2. ดูแหล่งวัตถุดิบ
    3. ดูความคุ้มค่าในการผลิต
    </o:p>
    <o:p> ถ้าเค้าผลิตออกมาแล้วไม่มีคนกิน ก็แย่นะ เจ้งแน่ ยกตัวอย่างไก่ย่าง 5 ดาว ขายดีเชียวในเมืองหลวง ตอนนี้ล่าสุดทำไก่จ้อออกมาอีก เป็นเพราะเค้าทำการตลาดถูกทาง คือมีการโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ มีการวางจุดขาย กระจายอยู่ทั่วประเทศ รูปแบบร้านและสินค้า ดูแล้วน่าสนใจ น่ากิน มีความอร่อยด้วย คนถึงได้กินอย่างต่อเนื่อง มาเป็นเวลากว่า 20 ปีนะ นี่แหละคือวัฎจักร เมื่อมีคนกินไก่ มันก็มีการฆ่าไก่ ยิ่งกินไก่กันมาก ไก่ก็จะถูกฆ่ามาก เมื่อต้องฆ่าไก่มากๆ ก็ต้องทำเป็นระบบ ก็ต้องทำเป็นโรงเลี้ยงไก่เอง ทำเป็นโรงงานฆ่าไก่ และแปรรูปไก่เอง ทำเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ คราวนี้ก็กระจายจุดขายสินค้าให้ทั่วถึง ทั่วทั้งประเทศ และยังผลิตเผื่อออกไปทั่วโลกอีก ถ้ายังผลิตไม่ทันขายอีกต้องใช้สารเร่งให้ไก่โตเร็วๆ จะได้ขายได้ทัน เมื่อไก่ถูกเร่งให้โตเร็วๆ ซึ่งเป็นการโตแบบผิดปกติ ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ภูมิต้านทานในตัวไก่ก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ จนไก่เป็นโรคต่างๆ มากมาย มีไข้หวัดนกเป็นต้น ทีนี้ก็ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไก่สารพัดมากมาย คราวนี้คนที่กินเข้าไปได้รับผลโดยตรงเป็น 3 เท่าเลย คือ 1. สารเร่งให้สัตว์โตเร็วๆ 2. วัคซีนตกค้างต่างๆ 3. และสารพิษที่สัตว์หลั่งไว้ก่อนตาย มองเห็นภาพมั้ย </o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-left-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-left-themecolor: accent3; mso-border-left-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> </o:p><o:p> แต่ถ้ามีคนจำนวนหนึ่งที่รักษาศีลของพุทธองค์ไ[​IMG]ด้อย่างเยี่ยมยอด เชื่อในคำสอนของพุทธองค์และพยายามที่จะสร้างบุญ โดยพยายามหยุด วัฎจักรการฆ่า ด้วยการที่ไม่กิน ไม่สนับสนุนสินค้าที่ทำจากหนังสัตว์ฯลฯ สัตว์เหล่านั้นก็จะตายน้อยลง ที่จะต้องเป็นเช่นนั้นเพราะพ่อค้าทำสินค้าออกมา แล้วขายไม่ได้ มันก็เหลือ ของสดเก็บไว้นานก็บูดเสีย เค้าก็จะต้องลดปริมาณการผลิตลง ยิ่งมีคนแบบนี้มากขึ้นๆ จนไม่มีคนบริโภคไก่ เค้าก็ต้องหยุดการผลิตไก่ หยุดการฆ่าไก่ นั่นเอง เข้าใจแล้วบ่ เออ เออ เข้าใจง่ายๆโตไวๆ </o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> โยมอาจจะสงสัยว่า สารพิษ?? อะไรคือสารพิษ?? ไก่มีสารพิษด้วยหรอ ไม่ใช่งู จะมีพิษได้ไง?? ..ตอบ ไม่ว่าสัตว์หรือคน เมื่อเวลาเครียด วิตกกังวล กลัว หรือตกใจมากๆ จะหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมา เรียกว่า อะดรีนาลิน adrenalin สารนี้เป็นสารที่มีตามธรรมชาติอยู่ในคน อยู่ในสัตว์ อยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เป็นสารที่หลั่งออกจากต่อมหมวกไต หรืออาจจะเรียกว่า epinephrine มันเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่กระตุ้นการเต้นของหัวใจ ให้สูบฉีดโลหิตมากขึ้น เป็นกลไกใช้สำหรับการเปลี่ยนแปลงโคเจนเป็นกลูโคส ซึ่งทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ทันที ทำให้มีเรี่ยวแรงมหาศาลขึ้นมาในทันทีนั้นเอง สารตัวนี้เมื่อหลั่งมากๆ ในเวลาที่เราตกใจ จะทำให้คนเรากระโดดข้ามกำแพงสูง 5 เมตรได้สบายๆ หรือแบกโอ่งมังกรที่มีน้ำอยู่เต็มได้อย่างสบายๆ ถ้าอยู่ในประเทศจีน การกระโดด เหาะบนยอดไม้ วิชาตัวเบาฯลฯ คือการเรียนรู้วิธีการดึงสารอะดรีนาลิน ผสานกับพลังจิต เค้าสามารถดึงพลังแบบนี้มาใช้เรียกว่า “กำลังภายใน” มาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์นั่นเอง ทีนี้สารเหล่านี้มีประโยชน์เมื่อใช้ในร่างกายเมื่อใช้แล้วหมดไป แต่มันจะมีโทษถ้าหลั่งมาแล้วไม่ได้ใช้ มันจะกลายเป็นสารพิษ สะสมตามกล้ามเนื้อระบบเลือดอยู่ในทุกส่วนของร่างกาย สารนี้จะมีน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับขนาดความใหญ่</o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p>ต่อหน้า 2</o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  18. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    สาระน่ารู้ น่าพิจารณา

    <TABLE class=MsoNormalTable style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-COLLAPSE: collapse; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-insideh: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-insidev: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-insideh-themecolor: accent3; mso-border-insideh-themetint: 153; mso-border-insidev-themecolor: accent3; mso-border-insidev-themetint: 153" cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=1><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #c2d69b 1pt dashed; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153" vAlign=top width=361><?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p>สามารถรับประกันได้มั้ยว่าเค้าเหล่านั้นทำบุญมาเพียงพอ ไม่ต้องมาเกิดอีก ด้วยแรงกรรมผลักดันจิตไปเกิดเป็นสิ่งต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน สัตว์ก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วโยมคิดว่าในชีวิตนี้ ที่เกิดมาไม่รู้จักกี่ปี กินไปรู้จักกี่ตัวเข้าไปแล้ว คิดคิดหรือว่าโยมจะไม่เคยกิน พ่อ แม่ ญาติ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตายาย เป็นบาปหนักหรือไม่ แล้วเค้าจะเสียใจมั้ย..?? </o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ เทวดาเทพารักษ์ที่ปกครองรักษาโยม แต่ละองค์จะจดบุญบาปไว้อย่างละเอียดถี่ยิบเชียว ไอ้นี่ฆ่าหมา ไอ้นี่แอบไปกินแมว ไอ้นี่แอบไปได้เสียกับเมียคนอื่น ไอ้นี่ตบพ่อแตะแม่ ไอ้นี้ขโมยของที่เซเว่น ฯลฯ เพื่อเตรียมส่งรายงานให้เทวดาชั้นสูงต่อไป มันก็คล้ายๆ กับผู้ใหญ่บ้านดูแลลูกบ้าน เมื่อจะขอเงินพัฒนาหมู่บ้านก็ทำเรื่องส่งรายงานให้กำนัน กำนันก็จะส่งรายงานต่อกันไปเป็นทอดๆ นี่แหละ และเมื่อโยมหมดบุญจะได้รับการพิจารณาทันทีตามรายงานบุญบาปที่ได้รับไว้ก่อนหน้านี้แล้วทุกคน นรกจึงทำงานได้อย่างไม่ผิดพลาดไง แต่ถ้าโยมยังจะเถียงท่านยมฯ ข้าไม่ได้ทำ โยมก็จะถูกกระจกส่องกรรมแสดงให้เห็นจะๆ ตรงนั้นเลย คราวนี้โยมก็หมดทางเถียงเพราะภาพมันฟ้อง โยมบางคนบอกว่า “ฉันไม่เคยฆ่าสัตว์เลยนะครูบา ฉันจะบาปได้ยังไง ไก่ เป็ด ฉันก็ไม่ได้เลี้ยง ฉันไม่ได้ฆ่ามันนี่ ฉันไปตลาด ฉันเสียเงินซื้อมันมากิน ฉันหาความผิดบ่ได้ คนอื่นฆ่า มันตายด้วยน้ำมือคนอื่น ยืนยันว่าข้าน้อยบ่ผิด บ่บาป!!” ตอบแบบนี้มันก็จริงของโยม แต่อาตมาจะยกตัวอย่างให้โยมดูซัก 1 ตัวอย่าง [​IMG]"โยมเกลียดไอ้ชาติลิงนั้นมาก ไม่ถูกชะตาซะเหลือเกิน เกลียดเข้าไส้กันเลย แถมมันยังโกงเงินเราไปล้านนึงหน้าตาเฉย ทวงเท่าไหร่ก็หน้าด้านไม่คืนซักที วันนี้เราจะต้องฆ่ามันให้ได้ โยมก็ไปจ้างมือปืนชั้นเยี่ยมชื่อว่าไอ้ชาติแมว บอกที่อยู่เรียบร้อย ไอ้ชาติแมวก็ไปดักรอยิงไอ้ชาติลิง ในขณะที่ไอ้ชาติลิงกำลังจะขับรถออกจากบ้าน ไอ้ชาติแมวก็ยิงทะลุกระจก ตัดขั้วหัวใจไอ้ชาติลิงอย่างแม่นยำ ผ่านไป 2 ชั่วโมง เมื่องานสำเร็จ มือปืนไอ้ชาติแมวโทรบอกโยม เรียบร้อยแล้วครับเจ้านาย ..จบ.” พิจารณาดูซิ ใครจะได้รับบาป?? ....ให้เวลาคิด 2 นาที เฉลย โยมบาปตั้งแต่คิดที่จะสั่งฆ่าเค้าแล้ว และยังสั่งให้มือปืนลงมือกระทำอีกบาปก็เป็นรูปธรรมชัดเจน ได้รับบาปเท่ากันทั้งคนฆ่าและคนสั่งฆ่า งานนี้ก็รับไปคนละ 50/50 นะโยม ไม่ใช่ว่าเป็นคนสั่งให้ฆ่าจะไม่มีความผิดนะ ถ้าโยมไม่สั่งไอ้คนฆ่าจะรู้มั้ยว่าให้ฆ่าใคร </o:p>
    <o:p>แล้วถ้าเป็นเรื่องจริง โยมคิดว่าตำรวจจะจับใคร จับแค่คนยิง หรือจับแต่คนจ้างวาน เอาตามจริงนะ ตำรวจจับเข้าคุกทั้งคู่ ฉะนั้นคนละครึ่ง ฉันใดก็ฉันนั้น โยมซื้อเนื้อสัตว์จากพ่อค้ามากินก็บาป แต่โยมยังจะเถียงอีก “ฮ่วย!! ครูบาพูดบ่เข้าใจ๋ บ่บาปแน่นอนข้าน้อย ฉันไม่ได้ไปสั่งให้ฆ่าไก่นะครูบา มันตายรอให้คนมาซื้ออยู่แล้ว มันจะบาปยังไง ตังก็ต้องเสียยังจะบาปอีกหรอ ไม่ได้ไปขโมยไก่เค้ามากินนะ ก็ต้องปลอดภัยจากบาป ไม่บาปแน่ๆ ยืนยันฟันธง!!เลยข้าน้อยบ่ผิด บ่บาป!!” แต่อาตมาก็ยังว่าบาปอยู่ดี บาปเพราะโยมเป็นตัวการทำให้เกิดการฆ่า เข้าใจบ่ (ยังทำหน้างงอยู่อีก) ถ้ายังไม่เข้าใจอีกจะอธิบายเพิ่ม อาตมาจะโยง ให้เห็นถึงวัฎจักรและสาเหตุที่สัตว์มันต้องถูกฆ่าให้ดู ในหลักการของพ่อค้าเมื่อจะหาสินค้าซักอย่างนึงมาขาย ต้องทำยังไงบ้างโยมคิดซิ ....ให้เวลาคิด 1 นาที ไม่รอหรอก เฉลย</o:p>
    <o:p>1. ต้องดูความต้องการของตลาด
    2. ดูแหล่งวัตถุดิบ
    3. ดูความคุ้มค่าในการผลิต
    </o:p>
    <o:p> ถ้าเค้าผลิตออกมาแล้วไม่มีคนกิน ก็แย่นะ เจ้งแน่ ยกตัวอย่างไก่ย่าง 5 ดาว ขายดีเชียวในเมืองหลวง ตอนนี้ล่าสุดทำไก่จ้อออกมาอีก เป็นเพราะเค้าทำการตลาดถูกทาง คือมีการโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ มีการวางจุดขาย กระจายอยู่ทั่วประเทศ รูปแบบร้านและสินค้า ดูแล้วน่าสนใจ น่ากิน มีความอร่อยด้วย คนถึงได้กินอย่างต่อเนื่อง มาเป็นเวลากว่า 20 ปีนะ นี่แหละคือวัฎจักร เมื่อมีคนกินไก่ มันก็มีการฆ่าไก่ ยิ่งกินไก่กันมาก ไก่ก็จะถูกฆ่ามาก เมื่อต้องฆ่าไก่มากๆ ก็ต้องทำเป็นระบบ ก็ต้องทำเป็นโรงเลี้ยงไก่เอง ทำเป็นโรงงานฆ่าไก่ และแปรรูปไก่เอง ทำเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ คราวนี้ก็กระจายจุดขายสินค้าให้ทั่วถึง ทั่วทั้งประเทศ และยังผลิตเผื่อออกไปทั่วโลกอีก ถ้ายังผลิตไม่ทันขายอีกต้องใช้สารเร่งให้ไก่โตเร็วๆ จะได้ขายได้ทัน เมื่อไก่ถูกเร่งให้โตเร็วๆ ซึ่งเป็นการโตแบบผิดปกติ ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ภูมิต้านทานในตัวไก่ก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ จนไก่เป็นโรคต่างๆ มากมาย มีไข้หวัดนกเป็นต้น ทีนี้ก็ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไก่สารพัดมากมาย คราวนี้คนที่กินเข้าไปได้รับผลโดยตรงเป็น 3 เท่าเลย คือ 1. สารเร่งให้สัตว์โตเร็วๆ 2. วัคซีนตกค้างต่างๆ 3. และสารพิษที่สัตว์หลั่งไว้ก่อนตาย มองเห็นภาพมั้ย </o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-left-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-left-themecolor: accent3; mso-border-left-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> </o:p><o:p> แต่ถ้ามีคนจำนวนหนึ่งที่รักษาศีลของพุทธองค์ไ[​IMG]ด้อย่างเยี่ยมยอด เชื่อในคำสอนของพุทธองค์และพยายามที่จะสร้างบุญ โดยพยายามหยุด วัฎจักรการฆ่า ด้วยการที่ไม่กิน ไม่สนับสนุนสินค้าที่ทำจากหนังสัตว์ฯลฯ สัตว์เหล่านั้นก็จะตายน้อยลง ที่จะต้องเป็นเช่นนั้นเพราะพ่อค้าทำสินค้าออกมา แล้วขายไม่ได้ มันก็เหลือ ของสดเก็บไว้นานก็บูดเสีย เค้าก็จะต้องลดปริมาณการผลิตลง ยิ่งมีคนแบบนี้มากขึ้นๆ จนไม่มีคนบริโภคไก่ เค้าก็ต้องหยุดการผลิตไก่ หยุดการฆ่าไก่ นั่นเอง เข้าใจแล้วบ่ เออ เออ เข้าใจง่ายๆโตไวๆ </o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> โยมอาจจะสงสัยว่า สารพิษ?? อะไรคือสารพิษ?? ไก่มีสารพิษด้วยหรอ ไม่ใช่งู จะมีพิษได้ไง?? ..ตอบ ไม่ว่าสัตว์หรือคน เมื่อเวลาเครียด วิตกกังวล กลัว หรือตกใจมากๆ จะหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมา เรียกว่า อะดรีนาลิน adrenalin สารนี้เป็นสารที่มีตามธรรมชาติอยู่ในคน อยู่ในสัตว์ อยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เป็นสารที่หลั่งออกจากต่อมหมวกไต หรืออาจจะเรียกว่า epinephrine มันเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่กระตุ้นการเต้นของหัวใจ ให้สูบฉีดโลหิตมากขึ้น เป็นกลไกใช้สำหรับการเปลี่ยนแปลงโคเจนเป็นกลูโคส ซึ่งทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ทันที ทำให้มีเรี่ยวแรงมหาศาลขึ้นมาในทันทีนั้นเอง สารตัวนี้เมื่อหลั่งมากๆ ในเวลาที่เราตกใจ จะทำให้คนเรากระโดดข้ามกำแพงสูง 5 เมตรได้สบายๆ หรือแบกโอ่งมังกรที่มีน้ำอยู่เต็มได้อย่างสบายๆ ถ้าอยู่ในประเทศจีน การกระโดด เหาะบนยอดไม้ วิชาตัวเบาฯลฯ คือการเรียนรู้วิธีการดึงสารอะดรีนาลิน ผสานกับพลังจิต เค้าสามารถดึงพลังแบบนี้มาใช้เรียกว่า “กำลังภายใน” มาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์นั่นเอง ทีนี้สารเหล่านี้มีประโยชน์เมื่อใช้ในร่างกายเมื่อใช้แล้วหมดไป แต่มันจะมีโทษถ้าหลั่งมาแล้วไม่ได้ใช้ มันจะกลายเป็นสารพิษ สะสมตามกล้ามเนื้อระบบเลือดอยู่ในทุกส่วนของร่างกาย สารนี้จะมีน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับขนาดความใหญ่ของตัว สัตว์ตัวใหญ่ๆ จะมีสารอะดรีนาลิน มากกว่าสัตว์ตัวเล็กๆ อาตมาขอรับรองว่า สัตว์ทุกชนิดมีสารอะดรีนาลิน รวมทั้งคนด้วย ฉะนั้นเมื่อสัตว์ต่างๆ เมื่อรู้ตัวว่าจะถูกฆ่า มันจะต้องตายแน่ๆ มันเครียด มันกังวล มันกลัว มันตกใจ มันเสียใจ จนแสดงออกให้เห็นได้ทางน้ำตา เมื่อสัตว์ตัวไหนจะถูกฆ่าแล้วเห็นน้ำตา แสดงว่าได้ผ่านกระบวนการ เครียด กังวล กลัว ตกใจ เสียใจ มาเรียบร้อยแล้ว สารอะดรีนาลิน ก็ได้ถูกฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายผ่านทางระบบโลหิตเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เมื่อเราบริโภคเลือดเนื้อของสัตว์ตัวนั้นจะอร่อยเ[​IMG]ป็นพิเศษ เพราะสารอะดรีนาลินเป็นสารที่ทำให้เนื้อมีรสชาติอร่อยขึ้น สังเกตได้จาก เวลาที่เสือมันจะกินเหยื่อ มันจะไม่กัดให้ตายในคราวเดียวมันจะล่าไปเรื่อยๆ มันจะปล่อยให้เหยื่อกลัวจนลนลาน ให้หนี ให้วิ่ง เพื่อให้สารอะดรีนาลินหลั่งให้หมดจนทั่วทั้งร่างกาย มันจะได้อร่อยกับสัตว์ตัวนั้นอย่างเต็มที่นั่นเอง และเมื่อคนบริโภคเนื้อสัตว์เหล่านี้ อะไรจะเกิดอะไรขึ้น โยมรู้มั้ย?? โยมจะกลายเป็นผู้รับสารก่อมะเร็งโดยตรง จะค่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ ทำลายร่ายกายของโยมไปทีละน้อยๆ และยิ่งถ้าโยม เป็นคนขี้โกรธ ขี้กังวล เครียด ขี้ริษยา โยมก็จะเป็นมะเร็ง และโรคร้ายแรงอย่างอื่น เร็วเข้าไปอีก งานนี้โยมรับ 2 ทางเลยคือจากการกิน และจากตัวเอง พุทธองค์ ทรงรู้ในข้อนี้ จึงให้ใช้จิตในการบำบัดรักษา จำไว้ว่าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว พุทธองค์ทรงพยายามสอนให้เราเป็นคนมีเมตตานะ กรุณานะ มุทิตานะ อุเบกขานะ ทั้งหมดนี้จะทำให้เราเป็นคนใจเย็นนะ วางเฉยนะ ไม่ยินดียินร้ายนะ แล้วไอ้เจ้าสารอะดรีนาลีนมันจะหลั่งมาทำร้ายโยมได้ยังไงนะ ใช่หรือไม่</o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> [​IMG] อาตมายอมรับในส่วนนึงว่าเนื้อสัตว์มีประโยชน์ แต่มันก็มีโทษแฝงอยู่เช่นกัน มันเป็นคำสาปที่สัตว์ตัวที่ตายได้สาปแช่งไว้ และเมื่อกรรมของโยมมาบรรจบกันพอดี (กรรมเดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอกันนานเห็นได้ในชาตินี้แหละ) โยมก็หนีไปไม่พ้นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มะเร็ง โรคเส้นเลือดอุดตัน โรคหัวใจ โรคอ้วน ความดันโลหิต ฯลฯ สารพัดมากมาย จริงมั้ยโยม หลักฐานคือผล ผลคือตัวอย่าง มันมีให้เห็นมาตั้งนานแล้ว อยากให้โยมลองมองย้อนไปถึงสาเหตุของคนเสียไปส่วนใหญ่ อาตมาไม่ต้องการขุดคุ้ยความเสียใจของญาติโยมถึงผู้ที่จากไปนะ แต่ต้องพูดเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นประจักษ์หลักฐานของจริงที่เห็นได้ ไม่ต้องมองไกลถึงไหน ให้มองในหมู่บ้านเรานี่แหละ ให้สังเกตดังนี้
    1. ส่วนใหญ่ผู้ที่เสียไป จากไปด้วยอุบัติเหตุหรือโรคภัยไข้เจ็บ อย่างไหนมีมากกว่ากัน และเป็นโรคภัยไข้เจ็บอะไร เกิดขึ้นที่ส่วนใดของร่างกาย
    2. พฤติกรรมการกินของคนนั้น ชอบกินอะไร เหล้า บุหรี่ กัญชา ยาเสพติด เนื้อวัว เนื้อสัตว์ชนิดไหน ชอบอะไรเป็นพิเศษ
    3. การนอนหลับพักผ่อน การดูแลรักษาร่างกาย ออกกำลังกายบ้างมั้ย หรือเอาแต่กินกับนอน

    </o:p></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=MsoNormalTable style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-COLLAPSE: collapse; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-insideh: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-insidev: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-insideh-themecolor: accent3; mso-border-insideh-themetint: 153; mso-border-insidev-themecolor: accent3; mso-border-insidev-themetint: 153" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=1><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #c2d69b 1pt dashed; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> เมื่อโยมพิจารณาวิเคราะห์ให้ดีๆ อย่างลึกซึ้งและไม่โอนเอียง ตัดรายที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุออกไป คนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรง เรื้อรัง รักษาไม่หาย ส่วนน้อยมากที่จะเป็นผู้ไปด้วยดี คือนอนหลับยาวไปเฉยๆ โรคส่วนใหญ่ที่เป็นคือ มะเร็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิต เบาหวาน เจ็บอ่อดๆแอดๆ ภูมิแพ้ อัมพฤต อัมพาตฯลฯ ซึ่งผลวิจัยส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากการกินอาหารที่ผิดวิธี กินไม่ตรงกับที่ร่างกายต้องการ ยกตัวอย่างในต่างประเทศ เป็นโรคอ้วนกันมาก เพราะส่วนใหญ่อาหารของฝรั่งจะหนีไม่พ้น ชีสต์ ขนมปัง เนย ไขมันสัตว์ เบียร์ฯลฯ ที่ต้องกินเช่นนี้เพราะเค้าเป็นเมืองหนาวจะทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่อาหารเหล่านี้ ล้วนแต่ทำให้เกิดปัญหาโรคอ้วนทั้งสิ้น โรคอ้วนนี้ไม่ได้ทำให้ร่างกายอ้วนแค่นั้น มันยังทำให้ระบบร่างกายผิดปกติตั้งแต่ภายในแทบทุกส่วน ไขมันที่อยู่ในเลือดมากเกินไปเป็นสาเหตุให้เส้นเลือดตีบแคบ[​IMG]ลง ทางเดินเลือดไม่สะดวก ให้โยมนึกถึงท่อประปา เวลาที่โยมปั้มน้ำใส่ท่อที่ใหญ่ เครื่องปั้มจะทำงานไม่หนัก แต่พอเปลี่ยนท่อให้เป็นท่อที่เล็กๆ เครื่องจะทำงานหนักทันที ไม่นานเครื่องปั้มก็ต้องพังไป ต้องเปลี่ยนอะไหล่ตัวใหม่ แต่พอกลายเป็นหัวใจที่ต้องทำหน้าที่ปั้มเลือด พอเจอกับเส้นเลือดที่มันเล็กลง มันก็ต้องปั้มแรงขึ้น ทำงานหนักขึ้น แต่ที่แย่คือหัวใจไม่มีอะไหล่เปลี่ยน พังแล้วก็ตายอย่างเดียว ยิ่งเวลาที่เราออกแรงด้วยแล้ว จะทำให้เราเหนื่อยง่าย ลองเริ่มสังเกตตัวเองนะ โยมออกจากบ้านเดินยังไม่ทันพ้นปากซอยเลย ก็เหนื่อยแล้ว เดินถือตะกร้าอาหารจากบ้านมาวัดก็เหนื่อยแล้ว แบบนี้แสดงว่าร่างกายของเราเริ่มผิดปกติ ให้เตรียมตัวเตรียมใจเตรียมเงินไว้บ้างจะเป็นการดี โรคอ้วนยังเป็นสาเหตุของไขข้อต่างๆ ในร่างกายเสื่อมเร็วกว่าปกติอีก ทำให้เราปวดแข่งปวดขา ปวดตามข้อต่างๆ จะลุกก็โอย จะนั่งก็โอย เหมือนดอกไม้โรย ไม่มีเกสร นั่นแหละ โรคอ้วนอาจเป็นสาเหตุของอัมพาตซึ่งเกิดจากการขยายตัว การพอกของไขมันตามส่วนต่างๆ ในร่างกายและไปกดทับเส้นประสาทต่างๆ สาเหตุใหญ่ๆ มาจากการ บริโภคเนื้อสัตว์และ</o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-left-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-left-themecolor: accent3; mso-border-left-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p>ไขมันสัตว์ที่ร่างกายย่อยสลายไม่ได้ มันจะอุดตันและขวางทางเดินเลือดสะสมตามส่วนต่างๆ ที่เค้าเรียกว่า คอเรสเตอร[​IMG]อล นั่นแหละ ซึ่งทำให้เกิดโทษมากมาย ซึ่งในขณะนี้ทั่วโลกเริ่มที่จะนิยมหันมากินอาหารมังสวิรัติ vegetarian food กันมากขึ้น ทั้งนี้เป็นเป็นที่ประจักษ์ในวงการแพทย์แล้วว่า ผู้ที่รับประทานอาหารเจ อาหารมังสวิรัติ ชีวจิต แม็คโคไบโอติก อย่างถูกหลัก และออกกำลังกายร่วมด้วย จะไม่เป็นโรคเจ็บป่วย ร้ายแรง เช่น มะเร็ง ความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคไขข้อกระดูกเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ ฯลฯ ส่วนโรคกระจิ๊บ กระจ้อย ไม่ต้องพูดถึง บางรายหายขาดจากการเป็นโรคภูมิแพ้ โรคเลือด และโรคเรื้อรังต่างๆ ก็หายเพราะการกินอาหารที่ถูกหลัก ผู้ป่วยบางรายที่เป็นโรคเบาหวาน มีแผลเน่าเต็มเท้าและขา และเปลี่ยนพฤติกรรมการกินมาเป็นอาหารชีวจิต แผลที่เรื้อรังต่างๆ ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์ ภายใน 3 เดือนเท่านั้น ยาหมอไม่ต้องพูดถึง แทบไม่ต้องกินเลย ความดันก็เข้าสู่ระดับปกติเหมือนคนเป็นปกติทุกอย่าง ทั้งนี้ก็ต้องควบคุมน้ำตาลด้วย เจ้าน้ำตาลนี่ตัวร้ายเลยโยม มันเป็นอาหารของแบคทีเรีย ทำให้แผลเรื้อรังต่างๆ ไม่หายซักที ก็เพราะเรากินน้ำตาลเข้าไปเลี้ยงไว้ เชื้อโรคต่างๆ ในร่างกาย แบคทีเรียจึงมีอาหารที่ใช้สำหรับการเจริญเติบโต ถ้าโยมกินอาหารที่ไม่ใส่น้ำตาลได้ยิ่งดีและเป็นผลดีกับตัวโยม พูดถึงอาหารแม็คโคไบโตติก จะคล้ายกับมังสวิรัติ แต่จะแตกต่างกันตรงที่ มีการคัดเลือกวัตถุดิบในการทำอาหาร คือจะต้องจับคู่วัตถุดิบในการปรุงอาหารที่เข้ากัน เช่น ในอาหาร 1 จาน วัตถุดิบตัวนี้อยู่ในหมวดร้อนต้องคู่กับวัตถุดิบหมวดเย็น เลือกให้เข้ากับหลักสมดุลหยินหยางนั้นเอง เพราะถือว่า ถ้าเราจะปรับสมดุลร่างกาย เราก็ต้องปรับสมดุลตั้งแต่อาหารที่จะกินเข้าไปซะก่อน นั่นเอง สอดคล้องกับที่พุทธองค์ตรัสไว้ว่า “ทำอะไร ก็จะได้อย่างนั้น” คือกินอะไร ก็จะได้อย่างนั้นเช่นกัน อาหารเจ มังสวิรัติ ชีวจิต แม็คโคไบโอติก คือการใช้อาหารเป็นยาอายุวัฒนะ นั้นเอง เข้าใจแล้วบ่ เออ เออ เข้าใจง่ายๆ โตไวไว</o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    บทความโดย ธรรมสาทโร ภิกขุ เทศนาออกอากาศ วิทยุชุมชนเทพนิมิตมงคล 98.25 Mhz
    วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2551
    <TABLE class=MsoNormalTable style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-COLLAPSE: collapse; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-insideh: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-insidev: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-insideh-themecolor: accent3; mso-border-insideh-themetint: 153; mso-border-insidev-themecolor: accent3; mso-border-insidev-themetint: 153" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=1><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #c2d69b 1pt dashed; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> ครั้งที่ 8 ทีนี้พูดถึงโรคที่เป็นเหตุให้คนส่วนใหญ่เสียไ[​IMG]ป ไม่ใช่เฉพาะที่หมู่บ้านนี่นะ ทั่วประเทศทั่วโลกก็เป็นกัน หนีไม่พ้นเรื่องการกินสัตว์ ยิ่งชอบกินสัตว์ใหญ่ก็ไม่พ้นมะเร็งขั้นรุนแรง เป็นในตำแหน่งที่ยากแก่การรักษา การบำบัดรักษาด้วยคีโม ฉายแสงก็ทำไปยังงั้นแหละ เอาเงินเข้ากระเป๋าหมอ ประวิงเวลาผลาญเงินตัวเองเล่นๆ เผาผลาญเงินลูกหลานเล่นๆ หายก็ไม่หาย ถึงหายแล้วก็เป็นอีก คราวนี้เปลี่ยนจุดไปอีกเรื่อยๆ อุตสาห์หาเก็บเงินมาตั้งนาน แก่งแย่งชิงดีกันแทบตาย เหนื่อยแทบตาย ก็เอาเงินมาใช้รักษาตัวเอง เอามาใช้งานศพตัวเอง ใช่มั้ย ผู้ที่ชอบกินขาหมู เนื้อตุ๋น กินมันทุกวัน แน่นอนเลย หนี้ไม่พ้นจะต้องเป็นโรคเส้นเลือดอุดตัน ความดันโลหิต โรคหัวใจ ฯลฯ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะเราไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุของโรค คนเราจะมีอายุยืนนานมีสุขภาพดีก็อยู่ที่การกิน อยู่ที่ว่าเรานำอะไรใส่ปากนี่แหละ ไม่ต้องไปกินยาสมุนไพรวิเศษอะไรที่ไหนเลย กินให้ถูกวิธีกินอย่างที่มนุษย์ กินตามสภาวธรรมของมนุษย์ เพียงโยมต้องนำสภาวธรรม มาปกครองการกินเท่านั้น โยมจะพ้นจากคำสาปของสัตว์ และก็โรคภัยไข้เจ็บร้ายแรงได้อย่างแน่นอน </o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> [​IMG] อาตมาจะเปรียบเทียบโยมแต่ละคนตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับ “สุสานคนเป็น” ขณะนี้โยมเป็นอย่างนี้จริงๆ ท้องของโยม ร่างกายโยม เป็นสุสานของสัตว์ต่างๆ ที่โยมกินเข้าไป ตั้งแต่เด็กจนโตไม่รู้เท่าไหร่ เทวดาที่ไหนจะปกปักษ์รักษาตัวโยมได้อย่างเต็มที่ จะพูดจะอธิฐานอะไรต่อเทวดา ก็เหม็นคละคลุ้งไปหมด เหม็นไปด้วยซากสัตว์ที่ตายไปแล้วไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนตัว ดวงจิตของสัตว์เหล่านี้แหละที่เป็นตัวเกาะพุทธจิตธรรมญาณ ให้มีความหมองหม่น มีผลให้เป็นคนโกรธง่าย โมโหง่าย เป็นคนขี้ริษยา ชอบใช้กำลังมากกว่าเหตุผล ยากแก่การควบคุม ยากแก่การเห็นธรรม ยากแก่การชำระให้ขาวสะอาด ยากแก่การไปสู่ภพภูมิที่ดี ยากแก่การหลุดพ้น ถึงตอนนี้โยมบางคนอาจจะแย้งในใจว่า “แล้วทำไมพระที่ฉันอาหารที่มีเนื้อสัตว์ยังหลุดพ้นเป็นพระอรหันต์ตั้งเยอะแยะ จะกินหรือไม่กินก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” (หัวหมออีกแล้ว) อาตมาขอตอบแทนพระเหล่านั้นว่า พระย่อมฉันอาหารที่ญาติโยมนำมาถวายเลือกไม่ได้ ที่พระต้องฉันเนื้อสัตว์ ก็เป็นการฉันเพื่อให้ร่างกายหรือขันธ์คงอยู่ ฉันเนื้อสัตว์ลงไปโดยไม่ได้ติดใจในรสอร่อย ไม่มีอุปทานว่ากำลังฉันเนื้อสัตว์ที่มีรสเลิศหรูโอชา หากแต่ถือเอาว่า อาหารเหล่านี้คือปฏิกูลสำหรับร่ายกายที่ต้องเน่าอยู่เป็นนิจอยู่แล้ว เพื่อให้ดำรงอยู่ได้เพื่อปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นเท่านั่นเอง เข้าใจบ่ แต่ถ้าโยมอยากจะให้พระอายุยืนยาวอยู่แสดงธรรมให้โยมได้นานๆ ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน โยมก็ต้องทำอาหารมังสวิรัติถวายพระ ไม่ต้องกลัวว่าพระจะไม่ฉัน เพราะพระต้องฉันอาหารตามที่โยมนำมาถวาย เพราะพระไม่มีสิทธิ์เลือกฉัน จริงมั้ยพระ แต่อาตมาเลือกฉันเฉพาะที่พอจะฉันได้ ถึงตรงนี้พระบางรูปอาจจะโกรธอาตมา ฉันคนเดียวไม่พอ ยังจะมาบังคับให้ฉันแบบเดียวกันอีก เอ้า!! อาตมาไม่ได้ไปบังคับโยมนะ โยมเค้าคิดได้เอง โยมเค้ารักพระจริงเค้าถึงทำแบบนี้ เดี๋ยวนี้โยมเค้า คิดจริง ทำจริง ใช่หรือไม่</o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-left-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-left-themecolor: accent3; mso-border-left-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> <o:p>เราลองมาดูในแง่ของศีล 5 กันบ้าง ที่โยมรับศีลไปทุกๆวันพระ โยมแน่ใจแล้วหรือว่าถือได้ครบทุกข้อบริบูรณ์ ตอบดังๆในใจ... ทบทวนกันซะหน่อย ศีล 5 มีอะไรบ้าง
    1. ห้ามฆ่าสัตว์
    2. ห้ามลักทรัพย์
    3. ห้ามประพฤติผิดในกาม
    4. ห้ามพูดโกหก
    5. ห้ามดื่มสุรา
    แต่บางคนท่องแบบนี้
    1. ห้ามฆ่าสัตว์ถ้ายุงกัดเราก็ตบ
    2. ห้ามลักทรัพย์ ถ้าเค้าเผลอเราก็หยิบ
    3. ห้ามบ้ากาม ถ้าเค้าตามเราก็เอา
    4. ห้ามพูดปด ถ้าเราตดบอกว่าเปล่า
    5. ห้ามดื่มเหล้า ถ้าจะเมา เอาให้เละ ใช่หรือไม่
    </o:p>

    กับการที่โยมกินเนื้อสัตว์เพียงตัวเดียว โยมรักษาศีลได้ไม่ครบแล้วนะรู้ตัวมั้ย และไม่ได้ผิดธรรมดา ผิดรวดเดียว 4 ข้อเลย ทำหน้างงอีก เอ้า!!อธิบายให้ฟังต่อ เราถือเอาวิสาสะคิดว่าสัตว์เหล่านั้นกินได้ เหล่านี้กินได้ เราแย่งชิงมาโดยที่เจ้าของเค้าไม่ได้ให้ เราไม่ได้เอาเปล่าเราเอาทั้งตัวเค้า เอาทั้งชีวิตของเค้ามาเลย แล้วเคยมีมั้ยที่สัตว์มันจะบอ[​IMG]กว่า “เอาไปเลยลูกพี่ เอาชีวิต เอาเนื้อผม เอาเลือดผม ไปทำอาหารให้อร่อยเหาะไปเล้ย!! เอ้าถ้ายังไม่พอกิน เอาลูกผม เมียผม ไปกินด้วยเลย เพื่อลูกพี่ผมเต็มใจถวายชีวิตนี้ให้ครับ” แบบนี้มีมั้ย?? หรือสัตว์มันเห็นโยมถือมีดกับเขียง มันก็รีบวิ่งเอาคอมานอนรอบนเขียงบอก “ลูกพี่รีบๆ สับคอผมเลยเร็วๆ ผมเมื่อยแล้วนะ” มีมั้ย?? มีแต่มันจะวิ่งหนี มันร้องขอชีวิตมันพูดเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ มันก็ร้องเป็นเสียงสัตว์แต่เราฟังไม่เข้าใจ แต่มีผู้รู้แปลออกมามีเนื้อหาใจความเดียวกันคือ “ไว้ชีวิตฉันเถอะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันต้องมีภาระเลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย/เลี้ยงผัว อย่ากินฉันเลยนะ ขอร้องล่ะ” ถึงตรงนี้ โยมรู้ตัวรึยังว่าผิดศีลข้ออะไรบ้าง

    1. ขโมยชีวิต ฆ่าสัตว์ + ลักทรัพย์ เอาชีวิตเค้ามาโดยที่เค้าไม่ยินดีที่จะให้
    2. โยมทำลายชีวิตครอบครัวเค้าให้พินาศแตกแยก อาจจะขาดพ่อ ขาดแม่ ขาดลูก ไม่ต่างอะไรกับ การประพฤติผิดในกาม ซึ่งท้ายที่สุดก็ทำให้ครอบครัวต้องแตกแยกเช่นกัน
    3. โยม พูดโกหก ปากบอกว่าถือศีลๆ แต่จริงๆแล้วยังไม่ได้ถือแบบนี้เข้าข่าย “มือถือมีด ปากถือศีล”


    พอล่ะขี้เกียจจับผิด ปวดหัว โยมฆ่าสัตว์ตัวเดียวแต่ทำผิดศีลถึง 4 ข้อ รักษาศีลได้ข้อเดียว คือ เรื่องเหล้า แล้วแบบนี้จะได้บุญเต็มเม็ดเต็มหน่วยกันได้อย่างไร ใช่หรือไม่



    </o:p></TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <TABLE class=MsoNormalTable style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-COLLAPSE: collapse; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-insideh: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-insidev: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-insideh-themecolor: accent3; mso-border-insideh-themetint: 153; mso-border-insidev-themecolor: accent3; mso-border-insidev-themetint: 153" cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=1><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #c2d69b 1pt dashed; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> [​IMG] มาดูในแง่ของวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องไปดูที่ไหน ดูที่ร่างกายโยมนั่นล่ะ เคยส่องกระจกดูตัวเองบ้างมั้ย พิจารณาตัวเองในกระจกทุกเช้าบ้างรึเปล่า ผิวหนังเหี่ยวย่น หน้าตา รูปร่าง เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่แล้ว เหลือเวลาอีกเท่าไหร่ โยมมีเวลาที่จะต้องทำความดีมีน้อยลงไปทุกวันๆนะพูดถึงส่องกระจกต่อ จะส่องกระจกก็ได้แต่ภายนอก โยมต้องส่องลงไปให้ถึงใจด้วย พิจารณามันทุกเช้า ใจโยมเป็นพรหมเป็นพุทธะแล้วรึยัง หรือใจเรายังเป็นยักษ์เป็นมารอยู่ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เลย ส่องกระจกทุกครั้งให้ส่องลงไปให้ลึก ถึงจิต ถึงใจ มองดูว่าเรามีความเมตตารักใคร่ผู้อื่นแล้วรึยัง ถ้าโยมยังไม่สามารถรักเพื่อนบ้าน เหมือนญาติสนิทเหมือนพี่น้องของเราเอง ยังรักพ่อแม่คนอื่น เหมือนพ่อแม่ของเราเอง ยังรักผู้ที่เราไม่รู้จัก เหมือนญาติสนิทของเรา ถ้ายังทำไม่ได้โยมต้องเริ่มฝึกนะ เพียงแค่ยิ้มให้หน่อย ทักทายนิดๆ ผู้ที่เห็นจิตใจก็ชุ่มฉ่ำแล้ว แต่ไม่ต้องไปรักแฟนคนอื่นเหมือนแฟนของเราเองนะ มันจะผิดศีลข้อ 3 ทันที ถ้าทำได้แบบนี้ เท่ากับโยมน้อมนำสภาวธรรมเข้ามาใส่ตัวนะ ผู้ที่หน้าตาไม่สวย ไม่หล่อ รูปร่างไม่ดี แต่แสดงออกโดยการยิ้มอย่างจริงใจ อ่อนน้อม สุภาพ คนนั้นเค้ากำลังปฏิบัติธรรมอยู่นะโยม และธรรมก็กำลังปกปักษ์รักษาเค้าอยู่เช่นกัน มีร้านขายข้าวแกงอยู่ 2 ร้านติดๆกัน ร้านแรกหรูหรา สะอาดสะอ้าน ถูกสุขลักษณะ แต่เจ้าของร้านหน้าหงิกหน้างอพูดจาก็ไม่ไพเพราะ “เอ้ย!! เอาอะไร!! นึกนานจัง เห็นมั้ยคนต่อคิวเป็นกิโลแล้ว เร็วๆหน่อย จะสั่งอะไรก็หัดนึกล่วงหน้าไว้ก่อนด้วยนะ” ส่วนอีกร้านนึง ร้านก็ไม่สวย ไม่ค่อยถูกสุขลักษณะ แต่คนขายสีหน้ายิ้มแย้ม อ่อนน้อม พูดจาก็ไพเราะน่าฟัง “เชิญค้าาา วันนี้ทานอะไรดีค้า เรามีอาหารพิเศษเป็นอาหารมังสะวีรัติรสเด็ดด้วยนะค้ะะะ จะรับสักที่มั้ยค้ะะะคุณ” แหมพูดเพราะแบบนี้ คนไม่เคยกินมังสวิรัติก็ยังอยากจะลองกินดูสักจาน ใช่หรือไม่ ถ้าเป็นโยมจะเลือกเข้าร้านไหน ร้านที่มีธรรมะปกครอง กับร้านที่ไม่มีธรรมะปกครอง?? อ่ะต่อ เรื่องกระจกเมื่อโยมส่องกระจกมองเห็นแต่เพียงผิวหนังร่างกายภายนอกเท่านั้น แต่อาตมาจะส่องให้เห็นชิ้นส่วนภายในของโยมแต่ละคนเลยนะ เอาตั้งแต่ปากเลย ว่ามันต้องการอาหารอะไรและเหมาะสมกับอะไร ควรจะเอาอะไรใส่เข้าไปในปาก </o:p>
    <o:p> ฟัน ฟันของโยมถ้าอยู่ครบจะมีทั้งหมดกี่ซี่ ไปนับดู [​IMG]ไหนยิงฟันดูหน่อยซิ มีใครมีเขี้ยวงอกออกมาเหมือนเสือบ้างมั้ย ถ้าตอบว่ามี อาตมาจะไปถ่ายรูปฟันโยม โพสต์รูปลงอินเตอร์เน็ตให้คนดูทั้งโลกเลยคอยดู ฟันของคนไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับฉีกกัดเนื้อสัตว์ ถึงจะมีเขี้ยวก็มีนิดเดียวเท่านั้นเอาไว้ใช้ด้านสวยงาม ใช้ประโยชน์อะไรจริงจังไม่ได้ ฉีกกัดเนื้อสดๆ ให้ขาดออกจากกันไม่ได้ส่วนใหญ่เราจะใช้ฟันกรามในการเคี้ยวบดอาหาร เราเคี้ยวอะไรละเอียดก่อน ข้าว/ผัก/หมู? ข้าวกับผัก ใช่มั้ย ส่วนหมูเนื้อสัตว์ก็ต้องเคี้ยวนานหน่อย ใช่หรือไม่ กระดูกเคี้ยวได้มั้ย จะ[​IMG]เคี้ยวกระดูกดังกรั๊วปๆ เหมือนหมาได้มั้ย จริงๆ แล้ว อาตมาไม่อยากจะเอาสัตว์มาเปรียบเทียบกับคนนะ เพราะมันต่างกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนกับสัตว์มีส่วนคล้ายกันมากๆ มันต่างกันที่ขนาดรูปร่างแค่นั้นเอง แต่องค์ประกอบภายในเหมือนกันแทบจะทุกส่วน ฟันมนุษย์ คล้ายกับสัตว์กินพืชแทบทุกชนิด หรือฟันสัตว์กินพืชแทบทุกชนิดคล้ายฟันมนุษย์ สัตว์ที่มีลักษณะฟันคล้ายมนุษย์ที่สุด คือ ลิง วัว ควาย แพะ แกะ ลา ม้า กวาง เลียงผา ย้อนไปกระทั่งไดโนเสาร์พันธุ์คอยาว มีสัตว์ตัวไหนบ้างไหมที่อุตริกินเนื้อสัตว์ด้วยกัน ฟันลักษณะแบบนี้ มันถูกออกแบบมาให้เหมาะที่จะบดเคี้ยวหญ้า ผลไม้ พืชผัก เท่านั้น เนื้อสัตว์กินไม่ได้ ขนาดน้ำลายที่ปล่อยออกมาย่อยอาหารด่านแรก ทั้งของคนและสัตว์เหล่านี้ มีฤทธิ์เป็นด่าง ย่อยได้แต่ผัก และแป้งได้ดีมาก สังเกตยิ่งเคี้ยวข้าวนานก็ยิ่งหวานอร่อย เพราะน้ำลายเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล น้ำลายมนุษย์ไม่ได้มีฤทธิ์เป็นกรดไม่เหมาะสมที่จะย่อยเนื้อสัตว์ เหมือนกับพวกสัตว์กินเนื้อเหล่านั้น
    </o:p></TD><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-left-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-left-themecolor: accent3; mso-border-left-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> [​IMG]กระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารเป็นระบบย่อยด่านที่ 2 ที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารละเอียดขึ้นไปอีก ลักษณะการทำงานคือจะบีบตัวบิดไปบิดมา และขณะที่บิดตัวคลุกเค้าอาหารก็จะปล่อยน้ำย่อยออกมาด้วย เมื่ออาหารคลุกเค้ากับน้ำย่อย ก็จะทำให้ย่อยสลายอาหารได้เร็วขึ้นและก็พร้อมที่จะนำไปใช้ดูดซึมต่อไป ลิง วัว ควาย แพะ แกะ ลา ม้า เลียงผา รวมถึงคน น้ำย่อยของสัตว์กินพืชทุกชนิดจะมีฤทธิ์เป็นด่าง ย่อยได้ดีเฉพาะผักผลไม้ข้าวธัญพืชทุกชนิด ย่อยได้ไม่ดีคือเนื้อสัตว์ ส่วนสัตว์ที่กินเนื้อ น้ำย่อยของมันมีฤทธิ์เป็นกรด ย่อยได้ดีเฉพาะเนื้อ วิธีพิสูจน์กับตัวเองง่ายๆ ให้โยมกินแต่เนื้อสัตว์ล้วนๆ ห้ามปนด้วยข้าวและผัก 5-7 วัน เช้า กลางวัน เย็น กินจนอิ่ม แล้วรู้สึกอย่างไร มาบอกอาตมาเป็นการส่วนตัว แต่จะเฉลยแล้วกันขี้เกียจรอ โยมจะรู้สึกท้องอืดอาหารไม่ย่อย ท้องผูก ระบบขับถ่ายเริ่มมีปัญหา สิวขึ้น อึดอัดไม่กระฉับกระเฉง แต่ในทางกลับกัน ให้โยมกินแต่ผักผลไม้ธัญพืชห้ามปนด้วยข้าวและเนื้อ 5-7 วัน เช้า กลางวัน เย็น กินจนอิ่ม แถมให้กินตอนกลางคืนด้วยก็ได้ ไม่ต้องตอบ อาตมาตอบเอง คราวนี้ ท้องโยมจะรู้สึกเบาสบาย ตัวเบาๆ ถ่ายคล่อง ผิวพรรณดี รู้สึกชื่นสดใส สิวฝ้าเริ่มๆ จะลดลง หน้าใส ไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม น้ำหนักตัวเริ่มลดลง ฉะนั้น ถ้าเรากินสิ่งที่ถูกต้อง ร่างกายจะตอบรับและให้คำตอบกับตัวเราเองได้ดีที่สุด ว่ามันต้องการอะไร ฮู้บ่ เออ เออ
    </o:p>
    <o:p> [​IMG]ระบบลำไส้เล็กและใหญ่ ระบบลำไส้เป็นตัวที่จะดูดซึมสารอาหารที่ย่อยจากกระเพาะอาหารเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ลำไส้เล็กจะดูดซึมสารอาหารก่อน (ในภาพเป็นภาพตัดของลำใส้เล็กจะมีส่วนสำหรับดูดซึมอาหาร) อาหารส่วนที่เหลือลำไส้ใหญ่จะดูดซึมต่อและท้ายสุดจะเหลือเพียงกากอาหารก็จะถูกปล่อยสู่ชักโครกต่อไป เสียดายที่นี่ไม่มีอินเตอร์เน็ต จึงไม่มีภาพประกอบ และอาตมาจะลากไส้ออกมากองให้เห็นก็คงจะไม่ได้ จะบอกแต่เพียงว่า ระบบย่อยอาหารโดยรวมของคนมีความยาวประมาณ 26 เท่าของกระดูกสันหลัง หรือประมาณ 5 เท่าของความสูงร่างกาย มันยาวไม่ใช่เล่นนะโยม แต่ถ้าเป็นสัตว์กินเนื้อ ลำไส้ของมันสั้นๆ มีไม่กี่ขด กินแล้วย่อยอาหารและดูดซึมเล็กน้อยแล้วขี้ออกเลย ลำไส้ของมันถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับเนื้อสัตว์คือให้ย่อยเร็วถ่ายเร็ว แต่ของคนและสัตว์กินพืชออกแบบมาเฉพาะผักผลไม้ธัญพืช ให้โยมนึกสภาพของที่เน่า 2 อย่างนะ จานนึงใส่ผักธัญพืชต่างๆ แบบรวมมิตร อีกจานใส่เนื้อสัตว์รวมมิตรต่างๆ ทิ้งไว้ 3 วัน แล้วดมดู [​IMG]อันไหนเหม็นเน่ากว่ากัน พิจารณาดูว่า อันไหนหนอนขึ้นมากกว่ากัน แล้วจินตนาการถึงตอนที่มันอยู่ในลำไส้ของโยม ค่อยๆย่อย ค่อยๆไหลไปเรื่อยๆ กระดื๊บๆไปเรื่อยๆ บีบรัดไปเรื่อยๆ ลำไส้เวลาบีบรัดเหมือนงูที่กินหนูอ่ะนะ กว่ามันจะออกไปสู่ส้วมได้ ใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน ความยาวลำไส้ขนาดนี้ถ้ากินเนื้อสัตว์เข้าไปกว่ามันจะออกไปหมดไส้เน่ากันพอดี มะเร็งลำไส้ก็เกิดจากสาเหตุที่กินเนื้อสัตว์เป็นประจำนี่แหละ แต่ไม่มีรายงานผู้ที่เป็นมะเร็งลำไส้เพราะกินผักเป็นประจำ พอจะเห็นภาพมั้ย เอาล่ะเดี๋ยวจะกินข้าวไม่ลงกันซะก่อน เท่าที่ได้พิมพ์มายืดยาว นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแง่ทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เป็นเรื่องไกลตัวเลยเป็นสิ่งที่อยู่กับเรานี่แหละพิสูจน์และเห็นได้ด้วยตัวเอง อาตมาจะพูดถึง จุดสูงสุดของเบื้องบน เค้าก็มีมาตรฐานในการเลือกคนขึ้นไปบนนั้น ซึ่งเป็นไปตาม หลักธรรมชาติ กฎธรรมชาติ เกณฑ์ธรรมชาติ เพื่อที่จะให้ดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพพานได้ กฎเกณฑ์หนึ่งในนั้นคือความบริสุทธิ์ ของร่างกายและจิตใจ พลังเบื้องบนจะมีแรงดึงดูด เฉพาะที่สิ่งเบาและบริสุทธิ์เท่านั้น ส่วนนรกจะมีแรงดึงดูดเฉพาะพลังสกปรกและขุ่นมัวเท่านั้น ผู้ที่กินสัตว์ย่อมทำให้ดวงจิตขุ่นมัวหลีกเลี่ยงไม่ได้ และผู้ที่กินแต่ผักย่อมทำให้ดวงจิตสว่างใส หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้นอยู่ที่เราเองแล้วว่าตั้งใจจะไปที่ไหน
    </o:p></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    บทความโดย ธรรมสาทโร ภิกขุ เทศนาออกอากาศ วิทยุชุมชนเทพนิมิตมงคล 98.25 Mhz
    วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2551

    <TABLE class=MsoNormalTable style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-COLLAPSE: collapse; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-insideh: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-insidev: .5pt dashed #C2D69B; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-insideh-themecolor: accent3; mso-border-insideh-themetint: 153; mso-border-insidev-themecolor: accent3; mso-border-insidev-themetint: 153" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=1><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #c2d69b 1pt dashed; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> ขุ่นและใส อยู่ด้วยกันได้ แต่ไม่ปะปนกัน เบื้องบนมีวิธีการคัดแยกคนที่เป็นมาตรฐานเดียวกันคือ ต้องแยกคนสะอาดออกจากคนสกปรก วิธีการแยกก็ง่ายๆ เหมือนโยมตักกาแฟคนใส่แก้วใส ทิ้งไว้สักพัก สิ่งที่เป็นของสกปรกจะตกลงสู่ก้นแก้ว ส่วนข้างบนจะใสสะอาด เมื่อเป็นเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าอะไรควรตักขึ้น อะไรควรเททิ้ง คนที่กินแต่เนื้อสัตว์เลือดสกปรก ร่างกายสกปรก จิตใจก็ขุ่นมัว ก็ต้องตกลงไปอยู่แต่ข้างล่าง ส่วนผู้ที่ไม่กินเนื้อสัตว์เลือดสะอาด ร่างกายสะอาด จิตใจจะเบาสบาย ก็จะขึ้นข้างบน พิจารณาให้ถี่ถ้วนโยมจะเห็นได้ด้วยตนเอง</o:p>
    <o:p> ถึงตรงนี้โยมอาจจะเริ่มลังเล เพราะไม่มีตัวอย่างให้เห็น หรืออาจจะเคยได้ยินมานานแล้วว่ากินแต่ผักแล้วมันดี ดียังงั้น ดียังงี้ แต่ไม่เคยเห็นว่ามีใครที่ไหนกินสักที โยมอาจจะย้อนอาตมาว่า แล้วคนที่มานั่งเขียนให้อ่านเนี่ยลองกินดูแล้วหรอ นั่นเข้าทาง (อาตมาเขียนเองชงเอง) อาตมาเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินโดยที่ไม่แตะต้องเนื้อสัตว์เลย เมื่อ 28 เมษายน 2544 ปีนี้ย่างเข้าปีที่ 7 แล้ว แรกๆ แรงจูงใจของอาตมาที่ทำให้เลิกกินเนื้อสัตว์มาจากสาเหตุที่ว่า อาตมาอยากสร้างกุศลและอุทิศส่วนกุศลนี้ให้โยมแม่ของอาตมาพ้นจาก บาปกรรมเร็วๆ อาตมาช่วยเค้าในเรื่องเงินไม่ได้ เพราะได้ช่วยจนหมดแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น จึงหาวิธีอื่นช่วยแทน อาตมาก็ได้บอกกับเจ้าตัวโดยตรงนะ จำได้ว่าร้านผัดไท แถวหอนาฬิกาที่กระทุ่มแบน “แม่เต้ไม่กินเนื้อสัตว์แล้วนะ เอ้า??ทำไมล่ะ อยากได้บุญเอาไว้ให้แม่ใช้ไง เหอะๆๆ..บ้า(แม่หัวเราะ)” แหมมาว่าเราอีก ซึ่งผลที่ได้ก็คือยังไม่ดีขึ้นเหมือนเดิม อาตมาจึงมาพิจารณาได้ว่า บาปกรรมของใครก็ของมันต้องชดใช้กันเอง คนอื่นมาใช้แทนกันไม่ได้ แต่บุญกุศลที่อาตมาทำไว้ อาตมารับเองโดยตรงคือ รู้สึกดีขึ้นอย่างๆ มากๆ ใจเราเย็นลง สงบ เป็นสุข มองโลกเปลี่ยนไป เข้าใจโลกมากขึ้น ได้มีมิตรทางการงาน ไปไหนใครก็รักก็สงสาร ให้ความช่วยเหลือ ไปขายงานก็ได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดเยอะเลย อยู่เฉยๆ งานก็มาเอง เงินก็มาเอง นี่อาจจะเป็นอานิสงค์ที่อาตมาได้ปฏิบัติมาตลอด พูดธรรมะ ให้ธรรมะเป็นทาน ฯลฯ

    </o:p><o:p> หลักการกินของอาตมาเวลาอยู่บ้าน อาตมาจะทำถูกต้องตามหลักอาหารเจ ซื้อโน่นนี่มาเตรียมไว้ มีตำราทำอาหารเจ 3 เล่ม แต่ถ้าไปกินข้างนอก ก็จะลดความตึงลงแค่ มังสวิรัติ หรืออาจจะเข้าร้านอาหารตามสั่งทั่วๆ ไป สิ่งที่ชอบคือ เต้าหู้ไข่ผัดน้ำพริกเผาใส่พริกหยวกด้วย หรือไม่ก็คื่นไช่ขาวใส่เต้าหู้แผ่น หรืออีกทีก็แกงส้มชะอมไข่ใส่มาม่า ฯลฯ แต่ถ้าไปกินกับเพื่อนฝูงหรือต้องเข้าสังคมหมู่มาก อาตมาก็จะลดความเข้มงวดลงเป็น เจเขี่ย เค้าเรียกยังงี้นะ ก็คือเขี่ยเนื้อสัตว์ออกซะ อย่างเช่นผัดผักรวมมิตร อาตมาก็จะเลือกกินแต่ผักๆ กุ้งหอยปูปลาไม่เอา แต่หลังๆ โยมเพื่อนเริ่มคล้อยตามก็จะสั่งพวก ผักๆ มากินและก็เห็นลดเนื้อสัตว์กินแต่พวกปลา

    ความรู้สึกในครั้งแรกเมื่อเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน อาตมารู้สึกว่า หิวเร็วขึ้นเล็กน้อย กินบ่อยขึ้น แต่ประมาณอาทิตย์นึงก็อยู่ตัว สำหรับใครคิดจะเริ่มกินแบบนี้ต้องมีวิธีกิน ถ้าไม่รู้จักวิธีกิน อาจจะเป็นโทษแก่ร่างกายได้ อาจจะเป็นโรคขาดสารอาหารแทน คือมึนงง ตัวเหลืองไปเลย เวลาเปลี่ยนต้องค่อยๆ ลดปริมาณเนื้อสัตว์ลง จนกระทั่งไม่มี เพราะร่างกายโยมเคยชินกับเนื้อสัตว์มานานแล้วอย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า เข้าใจ๋
    </o:p>
    <o:p> บอกความหมายซะหน่อย มังสวิรัติ มาจากคำศัพท์ 2 คำ รวมกัน มังสะ แปลว่า อาหาร วิรัติ แปลว่า การละเว้น เมื่อมารวมกัน ก็จะเป็น “อาหารที่ละเว้นจากชีวิต” ความแตกต่างของ “มังสวิรัติ” กับ “เจ” มีความแตกต่างกันมาก ชื่อก็ไม่เหมือนกันแล้ว อาหารเจ เครื่องครัวประกอบอาหาร ต้องแยกต่างหากไม่ให้ปนกับของคาว คือต้องซื้อใหม่หมด ใช้เฉพาะเจเท่านั้น ส่วนมังสวิรัติ ยังไงก็ได้ แยกก็ดี หรือไม่แยกก็ไม่ว่ากัน เจ ไม่ใช้ผักมีกลิ่นฉุน 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม, หัวหอม, หลักเกียว (คือกระเทียมโทนจีน ลักษณะคล้ายหัวกระเทียม แต่มีขนาดเล็กและยาวกว่า), กุยช่าย (ใบคล้ายใบหอม แต่แบนและเล็กว่า) ใบยาสูบ เพราะเชื่อว่าพืชผักเหล่านี้จะเข้าไปเพิ่มความกำหนัดทำลายพลังธาตุในร่างกาย เป็นเหตุให้อวัยวะสำคัญภายในทั้งห้า อันได้แก่ หัวใจ ไต ตับ ม้าม และปอดทำงานไม่ปกติ อันนำมาซึ่งความเจ็บไข้ทางร่างกาย ส่วนมังสวิรัติ ได้ทุกผัก รวมถึงเครื่องเทศด้วย เจ กินไข่ นม ไม่ได้ ถือว่าเป็นเนื้อสัตว์ มังสวิรัติ กินไข่ นม ได้ ถือว่าผลผลิตของสัตว์ไหนที่ได้มาแล้วไม่ทำให้สัตว์ตัวนั้นตาย ถือว่าไม่เบียดเบียน เช่นนม รีดนมวัวเท่าไหร่ก็ไม่ตาย ไข่ไก่ ไม่ได้ไปบังคับให้มันออก มันออกเองตลอดและไก่ก็ไม่ตาย มีปัญหาถามเยอะมากเรื่องไข่ แค่ไข่กับไก่อะไรเกิดก่อนนี่ก็ปวดหัวพอแรงอยู่แล้ว ยังจะถามว่าไข่ทำไมกินได้ ไข่ที่กินได้เพราะว่ามันออกของมันเองไม่ได้ไปบีบคอไก่ ออกไข่นะ ออกไขนะ และไข่ส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสที่จะเป็นลูกไก่ เพราะแม่ไก่จะอยู่ในรางยาวๆๆ มีเฉพาะแม่ไก่เท่านั้น ตัวผู้ไม่มี โอกาสที่จะเป็นลูกไก่จึงไม่มีเช่นกัน จึงเท่ากับว่าไม่ได้ฆ่าสัตว์ แม่ออก พ่อออก ส่วนใหญ่ก็ซื้อไข่ที่ขายเป็นแพ็คๆใช่หรือเปล่า แต่ถ้าไข่ไก่ตามวัดตามบ้านก็ไม่แน่ สรุป ไข่กินได้ เพราะไม่ได้เบียดเบียนจนแม่ไก่ตาย นมก็เช่นกันไม่ได้เบียดเบียนแม่วัวจนตาย แต่กฎทุกอย่างก็มีข้อยกเว้น เนื้อสัตว์ชนิดเดียวที่ เจ กินได้ คือ “หอยนางรม” ของแพงซะด้วย อาตมาเคยลองฉันดูครั้งนึงนะ ครั้งเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อทดลอง ปรากฏว่า มันไม่ย่อย กินไปยังไง ก็ออกมายังงั้น เป็นเพราะระบบย่อยของอาตมามันไม่รับเนื้อสัตว์แล้วก็เป็นได้ เล่าถึงประวัติความเป็นมาหอยนางรมกินได้ยังไง มีใครอยากรู้บ้าง (ไม่มี) แต่จะบอกเลยแล้วกัน ใครรู้จักพระถังซัมจั๋งบ้าง ในไซอิ๋วนั่นแหละ มีอยู่ครั้งนึง พระถังซัมจั๋ง ระหว่างเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีป ไม่มีอาหารฉันใกล้จะหมดแรงแล้ว จึงอธิฐานต่อพระโพธิสัตว์กวนอิม ถ้าอาตมาเอาไม้เท้าแตะไปที่ใด แล้วมีสิ่งใดติดขึ้นมา ขอให้อาตมาฉันสิ่งนั้นได้ พระถังซัมจั๋ง ก็เอาไม้เท้าจุ่มไปในทะเล แล้วก็เป็นหอยนางรมที่ติดไม้เท้าขึ้นมา จบ </o:p>
    <o:p>อานิสงส์10 ประการของการละเว้นชีวิตสัตว์เป็นอาหาร
    1. เป็นที่รักใคร่ของบรรดาเทพ พรมตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
    2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
    3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเคียดแค้นในใจลงได้
    4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
    5. มีอายุมั่นขวัญยืน
    6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
    7. ยามหลับนิมิตเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นศิริมงคล
    8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
    9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ
    10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมุ่งสู่คติภพ

    สำหรับโยมที่คิดจะลองเปลี่ยนพฤติกรรมการกินดู อาตมาเสนอวิธีกินมังสวิรัติ คือ ต้องสลับผักที่มีสีสันต่างๆ หมุนเวียน ให้ได้มากที่สุด เพราะสีของผักแต่ละชนิด มีวิตามินที่แตกต่างกัน ถ้าเรารู้จักเวียน เราก็จะได้วิตามินเกลือแร่ที่ครบถ้วน แต่ต้องล้างผักดีๆนะ เดี๋ยวนี้คนปลูกมักง่ายใช้สารพิษเยอะมาก วิธีล้างผักให้ปลอดภัย
    • ล้างผักโดยให้น้ำไหลผ่าน คลี่ใบผัก ล้างนาน 2 นาที ลดปริมาณสารพิษได้ 54-63%
    • ใช้น้ำส้มสายชู 1 ขวด ละลายกับน้ำ 4 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้ 15 นาที ลดปริมาณสารพิษได้ 60-80 %
    • ล้างผักโดยใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำอุ่น 20 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 15 นาที ลดปริมาณสารพิษได้ 90-95 %
    • แช่ผักในน้ำสะอาดใช้เครื่องทำโอโซน พ่นเป็นฟองจากด้านล่าง ประมาณ 15 นาที ลดปริมาณสารพิษได้ 99%

    </o:p></TD><TD style="BORDER-RIGHT: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: #c2d69b 1pt dashed; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 270.9pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #c2d69b 1pt dashed; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-themecolor: accent3; mso-border-themetint: 153; mso-border-left-alt: dashed #C2D69B .5pt; mso-border-left-themecolor: accent3; mso-border-left-themetint: 153" vAlign=top width=361><o:p> นมถั่วเหลือง หรือน้ำเต้าหู้ ต้องกินทุกเช้า เพราะน้ำเต้าหู้มีส่วนช่วยทดแทนเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี อาตมาไม่มีฉันทุกวัน จะได้ฉันเฉพาะวันพระ เลยเอาไวตามิลล์กล่องเป็นสรณะแทน ถั่วต่างๆ มีประโยชน์มากๆ กินสลับกันเหมือนผัก สีของถั่วแต่ละชนิด ก็มีโปรตีนที่แตกต่างกัน กินหมุนเวียนกัน จะได้คุณค่าอาหารครบเอง อาตมาก็มีประมาณ 5 ถั่ว ถั่วลันเตา ถั่วลิสง ถั่วปากอ้า เม็ดมะม่วงหิมะพาน ถั่วซีก ที่ขาดไม่ได้คือ งาดำ จะใช้แบบไหนก็ได้แล้วแต่ความถนัด มีหลายแบบ แบบผงชงดื่ม แบบขนมขบเคี้ยวอัดเป็นแผ่นๆ แบบคั่วเป็นเม็ดๆ งาดำมีประโยชน์มากๆ มันมีกรดอะมิโนที่สำคัญสำหรับสมอง จะทำให้สมองปลอดโปร่งไม่มึนงง ทำให้แผลต่างๆ หายเร็วมากๆ ช่วยทำให้ผมดำ เคล็ดลับอาตมาฉันน้ำมันมะพร้าววันละ 1 ช้อนโต๊ะ กินก็ได้ทาตัวก็ได้ น้ำมันมะพร้าวหรือ virgin coconut oil จะมีผสมอยู่ในเครื่องสำอางยี่ห้อแพงสุดโต่งแทบทุกชนิด แต่ต้องเป็นน้ำมันมะพร้าวที่สกัดเย็นนะ แบบสกัดร้อนใช้ไม่ได้นะ น้ำมันมะพร้าวเป็นตัวเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดี และยังเป็นยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติขั้นรุนแรงอีกด้วย แรงกว่ายาแก้อักเสบที่ผลิตได้ในปัจจุบัน ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ลองกินดูประมาณ 1 เดือนจะเห็นผล น้ำมันมะพร้าวมีสารชนิดนึงคือ ภูมิดิน (ภู+มิ+ดิน) รายละเอียดไปค้นดูที่เว็บเอา เข้าไปที่ www.google.co.th และพิมพ์ “น้ำมันมะพร้าว ภูมิดิน” จะเจอรายละเอียดมากมายลองเข้าไปค้นคว้าด้วยตัวเองนะ และจะยิ่งสมบูรณ์ขึ้นด้วย คือ ต้องออกกำลังกายควบคู่ด้วย เดินเร็วๆ ไม่ต้องวิ่งเพราะการวิ่งจะทำให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายกระเทือน รวมถึงข้อต่อต่างๆ เสื่อมเร็วขึ้น ให้เดินแทน เดินเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด หัวใจสูบฉีดเลือดดีที่สุดเพียงพอกับร่างกาย อาตมาได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วใครบ้านอยู่ใกล้วัดจะเห็นตอนเช้าๆ อาตมาเดินรอบสนามโรงเรียนประมาณ 20 นาที หรือ ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วกลับมาขับถ่ายให้หมดก่อน 7 โมงเช้า ดื่มน้ำผลไม้ หรือน้ำเปล่าเยอะๆ ทุกๆ เช้าด้วยนะ ทำเป็นประจำทุกวัน ประมาณ 1-2 เดือน โยมก็จะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเป่า โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็จะค่อยๆ ลดลง ทำตามเพียงแค่นี้ก็ทำให้โยมมีสุขภาพกาย สุขภาพใจ ที่ดีแล้วมีชีวิตต่อได้อีกนาน จะได้มีเวลาสะสมบุญได้นานๆ เก็บบุญไว้ให้มากๆ จะได้ไม่ต้องเกิดมาอีก มันน่าเบื่อนะเราเกิดตายไม่รู้จักกี่ร้อยกี่พันชาติแล้ว ถ้าโยมย้อนมองกลับไปดูอดีตได้ โยมจะเซ็งมากๆ ไรว่ะเดี๋ยวก็ตายอีกล่ะ ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนอีกมั้ยเนี่ย ทีนี้โยมก็จะคิดหาทางทำทุกอย่างเพื่อให้ไม่ได้เกิดอีก อาตมายอมรับอยู่อย่างนึงเรื่องสังขาร จะดูแลรักษาดีอย่างไรมันก็ต้องตาย กินสัตว์ก็ต้องตาย ไม่กินสัตว์มันก็ต้องตายอยู่ดี ฉะนั้น ก็กินต่อไปเลยตายแบบแซ่ปๆ ดีกว่าตายแบบจืดชืดไร้รสชาติ จริงอยู่ คนเราทุกคนต้องตาย แต่จะตายแบบไหน ตายสบาย หรือตายแบบทรมาน ป่วยตายแบบเสียเงินทีเป็นแสน หรือ จะตายด้วยโรคชรา นอนหลับไปเลยสบายดี ไม่ต้องป่วย ไม่ต้องเสียเงินรักษา อาตมาเห็นมามากแล้ว พ่อแม่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ลูกรักษาเป็นปีๆไม่หาย หมดค่ารักษาไปหลายล้าน ในที่สุดก็ได้เสียชีวิตไป เงินที่เก็บไว้แทนที่จะทำประโยชน์อย่างอื่น (เอามาสร้างโบสถ์ได้เลยนะเงินเป็นล้านๆเนี่ย ได้บุญก่อนตายไม่รู้เท่าไหร่) กลับจะต้องเอามารักษาโรคซึ่งไม่มีทางรักษาหายได้ด้วยยา ที่เห็นจะรักษามะเร็งได้ก็ด้วย สมาธิ ด้วยการกินฉี่ เดี๋ยวมีโอกาสจะพูดเรื่องฉี่ให้ฟัง แล้วคนเราธรรมดา ป่วยอยู่ใกล้จะตายจะไปนั่งสมาธิถึงขั้นนั้นได้ซักกี่คนยากมาก เมื่อเทียบกับการป้องกัน ป้องกันในที่นี้คือ การกินอย่างมีสติเท่านั้น กินตามที่มนุษย์ควรจะกิน กินตามระบบของร่างกาย นำสภาวธรรมมาปกครองการกิน ใครที่ยังไม่แน่ใจอีกว่า จะทดลองกินดีหรือไม่กินดี อาตมาแนะนำให้ลองกินเฉพาะวันเกิดของตัวเอง อาทิตย์ละวัน เช่นโยม เกิดวันเสาร์ ก็กินเฉพาะวันเสาร์ทั้งวัน เมื่อรู้สึกดีแล้วค่อยๆ เพิ่มวัน สามวันกินที หรือถ้ากลัวนับวันพลาด ก็กินมันทุกวันไปเลย ไม่ต้องกลัว ถ้าเป็นไรไปอาตมาจะสวดให้เป็นพิเศษเลย
    จริงๆ แล้วการละเว้นเนื้อสัตว์ไม่ถือว่าจะได้บุญนะโยม แต่สิ่งที่ได้จะเป็นการหยุดการสะสมบาปกรรมที่จะพอกพูนขึ้นมาใหม่ และทำให้เราสร้างบุญใหม่เพื่อที่จะไปใช้หนี้กรรมเก่าให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายได้เร็วขึ้น การละเว้นเนื้อสัตว์เป็นการปิดตายประตูบาป ปิดรูรั่วของถังบุญโยมเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าคนที่กินเจ กินมังสวิรัติจะได้บุญมากมายเพิ่มเป็นทวีคูณ เลิศหรูกว่าคนที่ไม่ได้กิน กินแล้ววิเศษจนแทบจะเหาะได้ กินแล้วก็ทะนงตัวว่าข้าทำได้ เอ็งทำไม่ได้ข้าย่อมเหนือกว่าเอ็งฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ไม่ใช่เลย อย่าไปคิดอย่างนั้นนะ คนเค้าจะเกลียดเอานะ แค่นี้คนที่กินเนื้อสัตว์เค้าก็มองเราว่าเราเป็นตัวประหลาดแล้ว ไรว่ะของดีๆ มีไม่กินบ้าป่าว?? ตอนอาตมาฉันช่วงแรกๆ อยู่ด้วยกันกับโยมเพื่อนก็ชอบแกล้งเอาเนื้อสารพัด ตักใส่ช้อนแล้วร่อนผ่านหน้า ผ่านไปผ่านมา เอามั้ยๆ ไม่อยากกินหรอ อร่อยน้าาาาา พูดล้อต่างๆ ก็ใจมันไม่อยากกินจะบังคับให้กินก็ไม่ได้นี่ เราก็ได้แค่ยิ้มตอบ ได้แค่หัวเราะตอบ ไม่ได้พูดอะไร สุดท้ายเมื่อเค้าได้เรียนรู้อะไรดีขึ้นเค้าก็หันมากินเหมือนเรา คราวนี้ก็ไม่กล้าแกล้งอะไรแล้ว เมื่อเราได้อุดรูรั่วของถังบุญเราแล้ว ทีนี้โยมจะใส่บุญไปเท่าไหร่ มันก็ไม่รั่วออก บุญโยมก็จะเต็มไว เต็มเร็วขึ้น มีบุญทันพอที่จะใช้หนี้เค้าเร็วขึ้น วันไหนที่เจ้าหนี้มาทวง เราก็จะมีบุญสำรองเก็บไว้ เค้าทวงเมื่อไหร่ก็ เอ้า!!เอาไป หายกันแล้วนะ สบายใจได้เชื่ออาตมาแล้วจะโตไว

    โยมเพื่อนหลายคนโทรถามความเปลี่ยนแปลงอาตมาว่า เป็นอย่างไรบ้างหลวงพี่ ยังฉันเหมือนเดิมอยู่มั้ย อาตมาก็ตอบว่า เออเหมือนเดิม ไม่มีกำหนดว่าจะเลิกเมื่อไหร่ แต่คิดแค่ว่า ฉันทุกวันก็พอ ในเรื่องของความเปลี่ยนแปลงก็ไม่มี ไม่หนุ่มไม่แก่ เหมือนหน้าตารูปร่างถูกสต๊าฟไว้ ที่อายุ 22-23 ทั้งๆ ที่ย่าง 30 แล้ว (เกิดมาไม่เคยอายุเยอะขนาดนี้เลย) ถ้าโยมจะเปรียบเทียบอาตมากับคนที่นี่ ที่อายุ 30 มีความแตกต่างกันมั้ย มีแน่นอน ผิวพรรณก็สดใส ชุ่มชื้นดี ไม่เหี่ยวย่น ตีนกาอาตมายังไม่มีเลย ระบบภายในดีทุกอย่าง ระบบขับถ่าย ระบบไหลเวียนโลหิตดีเลิศ ไม่เคยเป็นโรคร้ายแรง ไม่เคยล้มหมอนนอนเสื่อมานานแล้ว ภูมิต้านทานดีมากๆ เพราะเลือดสะอาด ไข้หวัด โรคหยุมหยิมไม่ได้แอ้มอาตมาหรอก ไม่เคยเป็นร้อนในมานานมากแล้ว นานจนจำไม่ได้ว่าครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ปกติอาตมาจะเป็นร้อนในบ่อย ไอ้โน่นไอ้นี่ของอาตมาก็ทำงานได้ดีเลิศไร้ที่ติ ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวพูดมาก อาบัติ
    เขียนมาเนิ่นนาน พอจะมีใครสักคนมั้ยที่กล้าเปลี่ยนแปลง ที่จะเป็นปลาผู้กล้าหาญ ว่ายทวนน้ำ ว่ายทวนกระแสกรรม ว่ายไปจนถึงต้นกรรมแล้วกระโดดข้ามพ้นไป เป็นมนุษย์ผู้ที่อยู่เหนือมนุษย์ด้วยกัน เป็นมนุษย์ที่เทวดารักใคร่ไปไหนก็ปกปักษ์รักษา เป็นมนุษย์ที่สัตว์ต่างๆ รักและอยากอยู่ใกล้ๆ เป็นมนุษย์ที่รักษาศีลได้ครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่อง เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานของจริง เป็นผู้ที่อุดรูรั่วของถังบุญได้อย่างดีเยี่ยม เป็นมนุษย์ที่รู้หน้าที่ของตนและควบคุมสติควบคุมตนเองได้ดีเลิศ เป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตตามสภาวธรรมจริงแท้ของตัว เป็นผู้ที่เจ้ากรรมนายเวรยังให้อภัยและเห็นใจในความดี เป็นผู้ที่เดินอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบที่เห็นแสงสว่างส่องนำเป็นทางลัดให้เดินออกจากป่านั้น และเป็นผู้ที่อาตมาจะแผ่เมตตาให้เป็นพิเศษ


    </o:p></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    บทความโดย ธรรมสาทโร ภิกขุ เทศนาออกอากาศ วิทยุชุมชนเทพนิมิตมงคล 98.25 Mhz
    วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2551
    copy ข้อมูลมาจาก www.watisan.com วัดอีสานดอทคอม
     
  19. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    เนื้อสัตว์ อันตราย ก่อโรคมะเร็งร้ายนานาชนิด

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0 name="ListaBoard"><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><DD>hman</DD></TD><TD align=right>วัน/เวลา :20/3/2552 15:24:38</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#bc9e29 height=1><TD></TD></TR><TR><TD><CENTER> </CENTER>ฟันธงกิน"เนื้อแดง"มาก เพิ่มเสี่ยงป่วยมะเร็ง-โรคหัวใจ


    นักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานใหม่ยืนยันว่า การกินเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปในปริมาณที่มากเกินไปส่งผลเสียต่อสุขภาพ

    นักวิจัยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ศึกษาและเก็บข้อมูลจากผู้บริโภคกว่า 500,000 คน พบว่า ผู้ที่กินเนื้อแดง (เรดมีต) หรือเนื้อแปรรูปประมาณ 160 กรัมต่อวัน หรือเทียบเท่ากับสเต๊ก 6 ออนซ์ มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะโรคมะเร็งและโรคหัวใจ เมื่อเทียบกับผู้ที่กินเนื้อแดง หรือเนื้อแปรรูปแค่วันละ 25 กรัม หรือเทียบเท่ากับเบคอนชิ้นเล็กๆ บางๆ เพียงชิ้นเดียว

    ในทางตรงกันข้าม กลุ่มที่กินเนื้อขาว (ไวต์มีต) จำพวกเนื้อสัตว์ปีกและเนื้อปลา จะมีความเสี่ยงลดลงที่จะเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บดังกล่าว ผลการคำนวณยังพบว่า ร้อยละ 11 ของการเสียชีวิตในผู้ชาย และร้อยละ 16 ของการเสียชีวิตในผู้หญิงสามารถป้องกันได้ ถ้าพวกเขาหันมาบริโภคเนื้อแดงให้เหลือแค่วันละ 25 กรัม หรือเท่ากับเบคอนชิ้นบางๆ เล็กๆ 1 ชิ้น

    นักวิจัยระบุด้วยว่า สารก่อมะเร็งจะเกิดขึ้นในช่วงที่นำเนื้อแดงไปปรุงเป็นอาหารด้วยอุณหภูมิร้อนจัด เนื้อแดงประกอบไปด้วยไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีส่วนเชื่อมโยงกับมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ การบริโภคเนื้อแดงแต่น้อยจึงทำให้ความเสี่ยงเป็นมะเร็งน้อยลง และลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ เพราะการกินเนื้อแดงน้อย จะส่งผลให้ความดันเลือดและระดับคอเลสเตอรอลลดลง

    ข้อมูลจาก นสพ มติขน รายวัน

    1 เมษายน 2552

    ฟันธงกิน"เนื้อแดง"มาก เพิ่มเสี่ยงป่วยมะเร็ง-โรคหัวใจ - สาเหตุทำไมชาวอเมริกันมีผู้ป่วยโรคมะเร็ง และ หัวใจ สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

    เวปน่าสนใจ มีสาระ เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า เพื่อลด ความเสี่ยงจากโรคมะเร็งร้าย


    </TD></TR></TBODY>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • flesh.jpg
      flesh.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.2 KB
      เปิดดู:
      43
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2009
  20. nutt2522

    nutt2522 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +70
    เห็นสัตว์ตอนถูกฆ่าในคลิปวิดีโอ แล้วก็ถอดใจ ถ้าเป็นตัวเราเอง จะเจ็บปวดขนาดไหน

    เราทุกชีวิต ล้วนแล้วแต่มีกรรมเป็นของๆตน ใครทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่ว

    เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...