ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    อ้อยได้เพ่งของจริงแล้วค่ะพี่ ^_^ ถัดจากพี่แค่วันเดียวเองค่ะ แหะ แหะ

    แหม นี่ขนาดในฝันจริงของพี่ ยังดึงอ้อยไปด้วยนะเนี่ย มิน่า อีกวันอ้อยเลยได้เพ่งแบบเต็มรูปแบบอ่ะ คราวนี้ได้ดึงพี่มาช่วยจริงๆ ฮ่าๆๆ
     
  2. โครตภู

    โครตภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +3,631
    การส่งผลของกรรมเป็นของน่ากลัว<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-2576485761337625";/* 300x250, created 21/07/09 */google_ad_slot = "6922411748";google_ad_width = 300;google_ad_height = 250;//--> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 300px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 300px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"></INS></INS>
    [​IMG]

    กรรมเป็นของน่ากลัว การส่งผลของกรรมเป็นของน่ากลัว พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า ขึ้นชื่อว่ากรรมแล้วอย่าประมาท ความชั่วแม้เพียงเล็กน้อยแล้วไปทำ อย่าประมาทว่าความดีเล็กน้อยแล้วไม่ทำ กรรมนั้นจะดีหรือชั่วก็ตาม เล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม เมื่อถึงวาระเมื่อถึงเวลาล้วนแล้วแต่ส่งผลให้ทั้งนั้น

    ดูตัวอย่างของท่านตอนที่เป็นเด็กลูกชาวนา พ่อไถนามาทั้งวัน ถึงเวลาเห็นวัวควายมันเหนื่อยอ่อนเต็มที ปลดจากคันไถได้ก็ให้ลูกจูงไปกินน้ำ ไอ้วัวควายมันเหนื่อยมาทั้งวัน น่าจะให้มันกินน้ำใส ก็ดึงไปอีกหน่อยเดียวให้มันกินน้ำใสเท่านั้น ชาติปัจจุบันขนาดเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จะปรินิพพานอยู่แล้ว กรรมตัวนี้ยังตามทัน เสด็จจากปาวาลเจดีย์ไปกุสินารา พอข้ามแม่น้ำก็บอกพระอานนท์ให้หาน้ำให้หน่อย ตถาคตเหนื่อยเหลือเกิน พระอานนท์ย้อนกลับไปถึงแม่น้ำปรากฏว่าเกวียน ๕๐๐ เล่มลุยข้ามไปพอดี เละเป็นโจ๊กเลย พระอานนท์ก็หน้าแห้งกลับมาทูลว่าน้ำไม่มี พระพุทธเจ้าบอกว่าไปเถอะน้ำมีอยู่ พระอานนท์ก็เชื่อย้อนกลับไป ไม่น่าเชื่อว่า เกวียน ๕๐๐ เล่มลุยผ่านไปขุ่นคลั่กเลย มันใสแจ๋วรออยู่ แล้วพระพุทธเจ้าท่านเสวยน้ำ แล้วก็ตรัสบุรพกรรมให้ฟังว่า มันเป็นเพราะอย่างนี้ นั่นน่ะทำด้วยเจตนาดีแท้ๆ ยังอดน้ำสักพักหนึ่ง แล้วบารมีขนาดพระพุทธเจ้ายังโดนกรรมเล็กกรรมน้อยตามเสวยซะขนาดนั้น แล้วเราจะเหลือเหรอ

    เพราะฉะนั้นยิ่งคิดเราจะยิ่งเห็นความน่ากลัวของกรรม การส่งผลของกรรมดี มันก็ไม่ใช่จะดีตลอด เราอาจจะเพลิดเพลินเจริญใจจนลืมทำความดีตกนรกไปเลยก็ได้ ขณะเดียวกันการส่งผลของความชั่วก็ย่อมเป็นวิบากให้เราต้องทนทุกขเวทนาอยู่ตลอดเวลาที่ดำรงชีวิตอยู่แล้ว มันก็เลยกลายเป็นว่าดีก็อาจจะพาเราห่างความดีออกไป ชั่วก็พาให้เราทุกข์ทนเดือนร้อน ตราบใดที่ยังเกิดอยู่ ไม่ว่าผลดีผลชั่วที่ส่งผลให้ ก็อาจจะพาเราลงต่ำได้อยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอย่าเกิดได้ดีที่สุด

    ถาม : ทำอย่างไรจะอยู่ในสิ่งที่ดีตลอด ?

    ตอบ: กำลังใจต้องดี กำลังใจในที่นี้หมายถึงสมาธิ ถ้าสมาธิทรงตัวนะ กำลังใจจะมั่นคงเข้มแข็ง จะไม่เปลี่ยนแปลงไปง่ายๆ ตลอดระยะเวลาที่เราทำความดีจะมีสิ่งที่มายั่วยุ มาเบี่ยงเบน มาดึงเราไปจากจุดมุ่งหมายของเรา เราต้องระมัดระวัง มีสติกำกับอยู่ตลอดเวลา มีกำลังใจที่เข้มแข็งที่จะต่อสู้ฟันฝ่า เพื่อจุดหมายของเราเอง สติ สมาธิ ปัญญา ๓ ตัวทิ้งไม่ได้เด็ดขาด ทิ้งเมื่อไหร่เจ๊งเมื่อนั้น กำลังใจเข้มแข็งแต่ขาดสติ ก็อาจจะสู้เขาไม่ได้ มีสติมั่นคง มีกำลังใจเข้มเข็งแต่ปัญญาไม่พอ ก็อาจจะรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา เสร็จเขาอีก มีปัญญา มีสติแต่สมาธิไม่พอ ก็เจ๊งอีกเหมือนกัน ตกลง ๓ ตัวทิ้งไม่ได้ซักอย่างเดียว





    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมกราคม ๒๕๔๕ (ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


    โดย<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->tamsak<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2256532", true); </SCRIPT>
    ทีม พระไตรปิฏก

    [​IMG]
     
  3. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    ถือได้ว่าเป็นบทเรียนที่ได้เรียนรู้ไปอีกบทหนึ่งละค่ะน้อง จะได้รู้ไว้จำไว้ การช่วยเหลือผู้อื่นมันก็เป็นการดี แต่ใช่ว่าเราจะสามารถช่วยเหลือได้ทุกคนทุกวิญญาน ขึ้นอยู่กับวาระกรรมของเขาและของเราด้วย บางส่วนก็รับได้บางส่วนก็รับไม่ได้ บุญที่เราอุทิศไปก็ไม่ได้หมด อุทิศได้เรื่อยๆแต่ถ้าเล่นแห่กันมาไม่หยุด คนที่เหนื่อยก็คือเรา เพราะต้องใช้กำลังใจและสมาธิมาก

    การที่เราไม่เปิดจิตพร่ำเพรื่อก็ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากช่วยเหลือพวกสัมภเวสีนะ เพราะถ้าพวกที่มีกรรมเกี่ยวเนื่องกับเราจริงๆแล้วอยู่ในข่ายที่จะรับบุญกุศลได้ ยังไงๆก็มีหนทางที่ทำให้เราช่วยเหลือได้อยู่แล้ว อีกส่วนก็คือพวกเจ้ากรรมนายเวรของเรา อันนี้ยังไงๆก็มีผลกับเราโดยตรง หลบไม่ได้แม้จะปิดจิต แต่ก็มีเหตุให้รับรู้ได้

    ดังนั้นจึงควรสงวนกำลังจิตกำลังใจไว้เมื่อถึงคราวจำเป็น หากเปิดตลอดเวลาก็ต้องมีเรื่องให้ปวดหัวตลอดเวลาเหมือนกัน แล้วโดยเฉพาะถ้าจิตเราไม่แข็งพอเรายิ่งจะเหนื่อยล้าจนหมดแรงได้ เพราะฉะนั้นกรุณาทำสวิทช์ปิดเปิดให้พร้อมใช้ได้ในทุกสถานการณ์จะเป็นการดีแก่ตัวเอง

    บางท่านที่เขาบอกว่าเขาเห็นผีตลอดเวลา ไม่รู้เขาทนได้ยังไง เพราะดิฉันคนนึงละที่ไม่เอาด้วย เคยมีประสบการณ์แล้วมันเสี่ยงต่อการเป็นบ้ามากที่สุด ขออยู่แบบคนปกติที่สามารถบังคับว่าจะเห็นหรือไม่เห็นก็ได้ดีกว่าค่ะ
     
  4. konkangwad

    konkangwad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +5,910
    คุณอ้อยครับผมนึกภาพพี่เบิร์ดตอนโดนแฟนๆรุมเลยละครับบอกแล้วคนบุญเยอะใครๆก็ต้องการเป็นกุศลใหญ่ครับสาธุ
     
  5. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    ค่ะพี่ จำจริงๆค่ะ ต่อไปนู๋จะปิดสนิทเลยค่ะ (ลิงแผลงฤทธิ์ไม่ค่อยจะออก)
    เป็นบทเรียนที่ไม่อยากเจออีกแล้วอ่ะค่ะ ^_^
    ดีนะคะที่ก่อนหน้านั้นพระศาสดาให้ฝึกเพ่งอสุภะมาก่อน ไม่งั้นคงช๊อคซีนีม่าระหว่างทางแน่ค่ะ งือ
     
  6. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    เริ่มแรกก็หาข้อมูลดูก่อนนะคะว่าสนใจไปทางด้านไหน ชอบทางไหนก็ฝึกทางนั้นเลยค่ะ ทุกคนสามารถปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือตัวเองและเพื่อนๆได้นะคะ พลังจิต การอธิฐานจิตเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่นะคะ รวมกันหลายๆคนอธิฐานในสิ่งเดียวกันก็ช่วยเหลือกันได้ค่ะ อนุโมทนานะคะ
     
  7. prayut.r

    prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,707
    รบกวนถามพี่ Me, my self หรือพี่อ้อยก็ได้ครับ คือสงสัยเรื่องการปฏิบัติในส่วนของการเดินจงกรมน่ะครับ

    เพราะโดยปกติผมเป็นพวกพยายามรู้ลมหายใจตลอดเวลาและจะชอบนั่งสมาธิเป็นหลักนะครับ พอดีเมื่อวานเกิดนึกครึมๆ ใจอยากเดินจงกรมดู (เคยเดินที่วัดอัมพวันท่านให้เดินช้าๆ กำหนดที่ภาวนา"หนอ")

    แต่คราวนี้ด้วยความเคยชินในการกำหนดรู้ลมหายใจพอเดินปุ๊บมันก็จะรู้ลมหายใจอย่างเดียวเลย ขาเขอก้าวนี่ก็ไม่ได้สนใจเลย ว่าขวาหรือซ้าย เดินเร็วหรือช้า พอเดินไปได้ซักพักรู้สึกว่าเอ๊ะทำแบบนี้มันจะมีผลรึป่าว จิตมันเป็นกังวลตรงนี้เลยเลิก กับมานั่งสมาธิต่อ

    เลยอยากถามเรื่องนี้แหละครับว่าการเดินจงกรมจริงๆ แล้วไม่ต้องกำหนดรู้สภาวะการเดินก็ได้รึป่าวครับ (ไปรู้ลมหายใจแทน) เพราะเคยได้ยินหลวงพ่อชา ก็เคยบอกว่าเดินแล้วภาวนาพุทธโธไปกับการก้าวเท้าก็ได้ แต่ของผมมันจะรู้ลมหายใจอย่างเดียว (เพราะความเคยชิน) โดยไม่สนใจการก้าวเท้าได้ไหมครับ?
     
  8. laecheln

    laecheln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +175
    อยากทราบด้วยค่ะ มีอาการแบบนี้เหมือนกัน เลยไม่เคยเดินจงกรมอีกเลย :eek:
     
  9. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    การเดินจงกลมนี่ถือเป็นการปฏิบัติตามแบบสติปัฏฐาน4 คือเน้นการรับรู้ทุกอิริยาบทค่ะ
    การเดินจงกลม เป็นการเอาจิตไปอยู่ที่การกระทำ ณ ขณะนั้นๆ
    เช่น

    ขณะที่ยืนอยู่ เราก็รู้ว่ายืน ก็กำหนด ยืนหนอ ยืนหนอ ยืนหนอ
    พอเริ่มก้าวด้วยเท้าขวา เราก็กำหนด ขวาย่างหนอ
    ก้าวเท้าซ้าย เราก็กำหนด ซ้ายย่างหนอ
    ทีนี้ ให้ละเอียดอีกก็
    พอยกส้นเท้าก็กำหนด ยกส้นหนอ
    พอยกเท้าก็กำหนด ยกหนอ
    พอย่าง ก็กำหนด ย่างหนอ (เหยียดเท้าไปข้างหน้าแต่อย่าเพิ่งวาง)
    พอวางเท้าลงก็กำหนด ลงหนอ (เอาเท้าลงนิดหนึ่งค้างไว้กลางอากาศอย่าเพิ่งเหยียบลงพื้น)
    พอปลายเท้าแตะพื้น ก็กำหนด ถูกหนอ
    พอเท้ากดลง ก็กำหนด กดหนอ (ยังไม่เหยียบเต็มเท้า)
    พอเหยียบเท้า ก็กำหนด เหยียบหนอ (กดเต็มเท้า)

    คือถ้าทำแบบนี้ จิตของเราจะรู้ทุกขณะว่า กายกำลังทำอะไรอยู่
    ตอนนี้จิตเราตามติดการกระทำทุกย่างก้าวอยู่

    แต่ถ้าถนัดแบบอานาปานุสสติคือการจับลมหายใจ ลองนั่งสมาธิจะดีกว่ามั๊ยคะ
    ^_^
    ลองทำหลายๆวิธีดูก่อนนะคะ เลือกการปฏิบัติที่ถูกกับจริตของเรา คือปฏิบัติแล้วกายและจิตไม่รู้สึกฝืน
    เอาเป็นแบบสบายๆดีกว่านะคะ ทดลองหลายแบบได้ ไม่ผิดค่ะ หรือจะเอามาผสมกันก็ได้อีกเช่นกันค่ะ
    เพราะลองแล้วเราจะรับรู้ได้ด้วยตัวของเราเองว่า เราเหมาะกับการปฏิบัติรูปแบบไหน
    ส่วนที่คุณprayutถามว่า จะกำหนดพุทโธตอนที่เดินไปด้วยจะได้ไหม
    ก็ทำได้ค่ะ ก้าวเท้าซ้ายภาวนา พุธ ก้าวเท้าขวาภาวนา โธ ก็ไม่ผิดค่ะ ถ้าทำแล้วรู้สึกสบายๆลมหายใจไม่ขัดกับก้าวย่างของเท้า
    แสดงว่าของเก่าเรามาแบบนั้นค่ะ ^_^
    เป็นกำลังใจให้นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2009
  10. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    จริงๆการเดินจงกรมนี่ดีนะคะ เพราะสมาธิที่เกิดจะอยู่ได้นานกว่าอย่างอื่น ข้อดีของการเดินจงกรมมี

    1. เป็นผู้อดทนต่อการเดินทางไกล
    2. เป็นผู้อดทนต่อการทำความเพียร
    3. เป็นผู้มีอาพาธน้อย
    4. อาหารที่บริโภคเข้าไปย่อยง่าย
    5. สมาธิที่ได้ในขณะเดินจงกรมอยู่ได้นาน
    การเดินจงกรมแบบของวัดอัมพวันดิฉันก็เคยไปฝึกมาเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าอย่างหลวงพ่อชาว่า นั่นคือการกำหนดพุทโธ พร้อมกับกำหนดรู้กับการก้าวเท้าไปด้วย อย่างท่องพุทเมื่อก้าวเท้าขวา ท่องโธเมื่อก้าวเท้าซ้าย

    เรื่องที่ถามไม่อยากด่วนสรุป แต่จะเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังดีกว่า คือว่าดิฉันเคยไปเดินออกกำลังกายทุกเย็น เวลาเดินๆแล้วมันไม่มีอะไรให้คิด รู้สึกว่ามันไม่ค่อยอยากเดินนะคะ ก็คือขี้เกียจนั่นแหละค่ะ วิธีแก้ของดิฉันก็คือการใช้มโนคุยสอบถามสนทนากับผู้อื่นไปด้วย นั่นทำให้ดิฉันเดินได้ระยะทางไกลๆและนานๆ แล้วก็ไม่รู้สึกเหนื่อย เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รับรู้หรอกค่ะ เพราะว่าจิตไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ไม่ได้สนใจด้วยว่าตัวเองเดินเร็วเดินช้า แต่จะว่าไปตัวเองก็จะเดินอยู่ในระยะก้าวแล้วก็ความเร็วที่เท่ากันทุกก้าว กว่าจะรู้ว่าเวลามันเนิ่นนานแล้วก็คือ มันมืดนั่นเองถึงได้หยุดเดิน

    ก็แค่เอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟังค่ะ ยังไงรอผู้รู้ท่านอื่นมาเพิ่มเติมอีกก็ดีนะคะ
     
  11. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    น้องอ้อยค่ะ อานาปานสติ ก็มีฝึกทั้ง 4 อิริยาบทเหมือนกันนะคะ คือ นั่ง ยืน เดิน และ นอนค่ะ
     
  12. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386

    อ่ะค่ะ ลืมไปค่ะ อิอิ นอนภาวนาอยู่ทุกคืน ^^
    ขอบพระคุณมากๆค่ะ กราบงามๆ อิอิ
     
  13. prayut.r

    prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,707
    ขอบคุณพี่ทั้งสองมากครับ

    แต่แบบพี่อ้อยบอกผมไม่ค่อยถนัดอ่ะครับ (เดินก้าวช้าๆ นี่ใจผมมันฟุ้งซ่านจริงๆครับ)

    แบบพี่ Me,my self ก็เออ...เกินวิสัยผมจริงๆครับ (กว่าจะเข้าขั้นพี่คงอีกหลายชาติอยู่ 555)

    ผมกำหนดรู้ลมหายใจแบบอาณาปานุสติ ต่อไปล่ะกันน่าจะถนัดสุดแล้ว
     
  14. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    โห...พี่ก็ไม่ได้บอกให้น้องมาเอาแบบพี่ แต่แค่เปรียบเทียบให้ดูว่าน้องอาจจะกำหนดรู้ลมหายใจไปได้โดยที่ไม่ต้องไปกำหนดเรื่องการก้าวเท้าน่ะค่ะ เข้าใจบ่
     
  15. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    อ่ะนะ
    ที่พี่บอกไปนั้นก็เพราะขยายความขอการเดินจงกลมอ่ะค่ะ
    ซึ่งพี่ก็เคยปฏิบัติมาเหมือนกัน แต่ว่า มิถนัดเช่นกันค่ะ ^^

    เพราะจริงๆแล้วที่พี่ปฏิบัติอยู่คือ การจับลมหายใจ โดยภาวนาพุทโธน่ะค่ะ
    จะเดิน จะนั่ง จะนอน จะยืน ทำได้หมดค่ะเหมือนที่พี่me,myselfบอกน่ะค่ะ
    ช่วงนี้นึกถึงแต่การนั่งสมาธิ จิตเลยปักอยู่ตรงนั้น
    ลืมไปว่า นั่ง นอน ยืน เดิน ได้หมด ทั้งๆที่ตัวเองก็ทำอยู่แท้ๆ
    บางทีเส้นผมมันก็บังตาจริงจริง ^_^ต้องให้พี่me,myselfเคาะความโง่ให้บ่อยๆ นู๋รักพี่ที่สุดเล๊ยยยยยยยยยยยยยย [​IMG]
     
  16. prayut.r

    prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,707
    555 เข้าใจครับพี่ผมก็แค่เปรยๆ ความน้อยวาสนาของตัวเองอ่ะครับพี่ Me, my self

    เหมือนกันเลยครับพี่อ้อย รู้สึกเหมือนไม่ถนัดหรือฝืนๆ ตัวเองอยู่เลยไม่ชอบวิธีนี้เท่าไหร่อ่ะครับ

    ยังไงก็กราบขอบคุณพี่ทั้งสองอย่างสูงครับ
     
  17. Pikzy

    Pikzy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +619
    ขอแจมหน่อยครับ ^^

    การเดินจงกรม แบบสติปัฏฐาน ถ้าผู้ปฏิบัติใหม่ ผมว่ายากทีเดียว

    มีบางช่วงของเทปบรรยายธรรม ของหลวงพ่อ ท่านกล่าวว่า

    กรรมฐานกองใด ถ้าถึงที่สุดด้วยอิริยาบทเดิน กรรมฐานกองนั้นจะไม่เสื่อม

    ทั้งนี้เพราะมันยากยังไงล่ะครับ

    เหมือนนักเรียนต้องเรียนตามขั้น ข้ามขั้นมันจะฝืนแล้วทำไม่ได้

    ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับกำลังใจด้วยนะครับ

    ถ้าเป็นคนประเภทเกินบาทนี่ล่ะก็น่าลุ้น
     
  18. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ขอบพระคุณ คุณ Me,Myself ที่กรุณาให้คำแนะนำมาค่ะ

    และขออนุญาตทุกท่าน ขอคัดลอกข้อความและคำแนะนำต่างๆ ในกระทู้นี้ ไป save เป็น world document เพื่อพิมพ์ไปให้แม่อ่านนะคะ

    ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ
     
  19. พรพิสุทธิ์

    พรพิสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +3,811
    อนุโมทนากับคุณอ้อยด้วยค่ะ อ่านแล้วขนลุกเลย สาธุ..
    เห็นพี่ Me, myself เล่าเรื่องความฝันแล้วนึกขำ พี่เราก็กลัวด้วยนิ อิอิ
    อยากเล่าความฝันของตัวเองเหมือนกัน 3-4 คืนได้ ฝันว่าได้ไปอยู่ในสถานที้แห่งหนึ่ง
    เห็นนกสีดำตัวนึงนอนตายอยู่ แล้วก็มีคนบอกว่า นกตัวนี้ตายเพราะโดนสะเก็ดระเบิด
    เราก็สงสาร เลยกำหนดลมหายใจทำสมาธิอุทิศส่วนกุศลไปให้ ปรากฏว่านกตัวนั้นกลาย
    เป็นนกสีทองได้ครึ่งตัว ไอ้เราก็เอาใหม่อุทิศอีกครั้งนึง ทีนี้เป็นนกสีทองทั้งตัวแล้วก็พุ่ง
    วูบขึ้นเป็นแสงสีทองไปบนท้องฟ้า ในฝันดีใจมาก เราก็ทำได้เหมือนกันแฮะ (ในฝัน..)
    .................
    เมื่อวานได้ซื้อปลาดุกมาปล่อยประมาณ 10 กว่าตัวได้ ปล่อยที่คลองข้างบ้านค่ะ
    เมื่อคืนเลยฝันว่า ตัวเองได้มายืนตรงคลองที่ปล่อยปลาดุกนั้น มองไปในน้ำเห็นปลา
    เยอะมากๆ ทั้งปลาเล็กปลาน้อย ปลาตัวใหญ่ก็มี มีกุ้งด้วย แล้วเห็นเด็กคนนึงเอาสวิง
    จะมาช้อนปลา ก็พูดไปว่า แหมน้อง ทำบาปตั้งแต่เล็กแต่น้อยเลยน๊า และก็เห็นเพื่อน
    เก่าข้างบ้านกำลังยกยอตรงคลองนั้นด้วยในใจก็ได้แต่นึกว่า ทำไมมีแต่คนทำบาปกันนะ
    ...................
    เมื่อคืนได้ฝันอีกเรื่องนึง ฝันว่าได้ฉายพระรูปในหลวงด้วยค่ะ สาธุ ถึงแม้ในความจริง
    จะไม่มีบุญแบบนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นฝันดีล้นเกล้าแล้ว
    ...................
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วยค่ะ สาธุ
     
  20. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    วันนี้ได้มีโอกาสปล่อยปลานิลจำนวน 100 ตัว
    เอาบุญมาฝากท่านกัลยาณมิตรทุกท่านด้วยค่ะ

    ^_^
     

แชร์หน้านี้

Loading...