การขโมยพลังจากผู้ที่ไม่หวังดี

คุณ the third eyesคับทำไมเวลายกชูขึ้นเหนือศรีษะถึงรู้สึกว่าฝ่ามือมันชาแล้วซักครู่หนึ่งก็หายไปอะคับ

 

แก้ไขข้อความ

 

เรื่องการดูดพลังขโมยพลังมีมานานแล้วครับ มาเตือนๆกันไว้ก็ดีและผู้ที่คิดดูดพลังคนอื่นจะได้เลิกคิดสะทีครับ การขโมยเป็นสิ่งไม่ดีแต่ถ้าขอยืมหรือขอกันดีๆก็ว่าไปอย่าง จะขอจากอะไรก็ขอไปเถอะถ้าได้รับการตอบรับแล้วอย่าลืมทดแทนให้เขาด้วยเช่นกัน
ผมเคยแชร์พลังกับคนต่อคนมาแล้วครับ เหมือนเล่นแชร์จริงๆ แต่ต้องไว้ใจกันมากด้วยเพราะอย่างที่ท่าน the thirnd eyes ได้บอกครับ ว่าพลังแต่ละคนไม่เหมือนกันดูดมาแบบไม่ดูจะเกิดผลร้ายต่อจิตและร่างกายตัวเอง การกรองจิตของคนอื่นก็สำคัญครับ จะยืมพลังกันถึงแม้ไว้ใจกันได้แต่ก็ต้องป้องกันสิ่งที่เราไม่อยากได้แทรกเข้ามา ถามว่าต้องทำยังไงเวลากรองจิตนั้นก่อนกรองก็ต้องอ่านก่อนครับ ดูดตัวอย่างเขามานิดแล้วพิจาณาว่าพลังที่ดูดมานั้นบริสุทธ์หรือมีอะไรแอบอยู่จากนั้นค่อยกำหนดจิตเอาแต่พลังที่อยากได้แล้วสิ่งที่ไม่ต้องการขอให้อย่าได้ผ่านเข้ามาครับ ส่วนลายละเอียดมากกว่านี้ไม่ขอบอกเพราะมันเป็นเหมือนดาบสองคมที่เรียนแล้วเอาไปใช้ในทางที่ไม่ดีได้ครับ
ยืมพลังกันมาทำไม? ผมบอกได้ดังนี้ครับเพราะเหตุผลในการยืมพลังกันนั้นแตกต่างกัน ผมนั้นยืมพลังมาเพื่อป้องกันตนจากสิ่งที่คุกคามที่ซ่อนเร้นไม่ยอมปรากฎกาย เวลายืมพลังกันนั้นต้องทำสัญญาต่อกัน เหมือนการเล่นแชร์ เพราะเป็นการสัญญาปากป่าวหรือบอกกันทางจิต แต่ถึงเวลาปฏิบัติจริงๆนั้นเกิดการเบี้ยวกันได้เหมือนการเบี้ยวแชร์มันเสี่ยงมากๆ ฉะนั้นไม่ไว้ใจจริงๆอย่าได้ลองครับ หาทางป้องกันพลังถูกดูดจะดีที่สุดของใครของมันดีที่สุดครับยืมพลังขอให้ยืมจากธรรมชาติที่ดี จะดีที่สุดครับ เพราะคนเราบางที่ยังมีทะเลาะกันครับเป็นมิตรกันก็เถอะปัญหาการทะทบกระทั้งย่อมมีบ้างบางทีผมขอยืมพลังคนขอยืมไม่ให้ก็กันพลังไว้ผมก็ไม่สามารถดูดทรัพเอามาใช้ได้หรือบางครั้งเขายืมพลังผมเห็นแล้วว่ามันไม่สมควรก็ไม่ให้ยืม ขนาดสนิทๆกันบางครั้งยังไม่ให้ยืมกันเป็นบางครั้งแล้วคนที่คุณไว้ใจไปขอแชร์พลังของคนที่มีพลังมากกว่าละก็ขอให้ระวังกันด้วยนะครับเพราะนอกจากขอยืมไม่ได้จะถูกดูดกลับอีกดีไม่ดีอาจปล่อยพลังบางอย่างที่จิตนั้นกรองไม่ได้เข้ามาจะเป็นผลร้ายครับ ผมเคยโดนแทรกมาครั้งหนึ่งเนี่องจากขอยืมแล้วเพื่อนก็ขอยืมพร้อมๆกันแต่มีพลังใครเข้ามาแทรกก็ไม่ทราบได้เหมือนโดนไฟดูดประมาณ3วิแล้วหลังจากนั้นผื่นขึ้นเต็มตัวครับ ผิวหนังพอง เป็นรอบสีชมพูเต็มแข็นเต็มขาเกาตรงไหนขึ้นตรงนั้นครับ ตอนแรกไม่คิดอะไรมากเพราะคิดว่ามันคนเป็นโรคผิวหนังธรรมดา แต่ไปโรงบาลเจอเพื่อนที่แชร์พลังเหมือนกันกลับเป็นเหมือนกันครับ แปลกมากเพราะไม่ได้เจอตัวกันเป็นๆเกือบเดือนแต่เป็นเหมือนกันได้และที่สำคัญเป็นกันทุกคนที่แชร์พลังกัน
จากนั้นเลยเริ่มระวังการแชร์พลังกันว่าต่อไปคงไม่จำเป็นจริงๆคงไม่แชร์พลังกันเพราะผลร้ายมีมากกว่าผลดี อ่อเกือบลืมครับใครโดนดูดพลังนั้นถ้าปล่อยให้ดูดมากๆบางครั้งเรี้ยวแรงจะหายและอ่อนเพลียนะครับ แนะนำคาถากำแพงแก้วเจ็ดชั้นครับถ้าใครกัวการขโมยพลังคาถานี้ใช้กันได้ดีมากๆครับ
ผมมาเล่าให้ฟังแต่ใครไม่เชื่อก็ไม่ว่ากันครับของอย่างงี้พิสูตรได้ยากครับแถมอันตรายพอๆกับการที่คุณไปลองดีกับผีเฮี้ยนๆแรงอาคาตมากๆครับ

 

ที่คุณZiplord เล่ามาเป็นเรื่องจริง
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีไปไกลแล้ว
และมี นาโนเทคนิค มาเสริมอีก

คนที่เป้นถ้ารู้เคล็ดวิชา
ไม่ต้อง ไปดูดใคร
มองใครพลังแยะ
มองแป๊ป แล้ว ก๊อปปี้ หรือ ซีร็อค ออกมาได้เลย

แต่ก้ยังบาปเช่นกัน คือ ขโมยเขามา โดยไม่ได้ขออนุญาติ
แต่ก็ยังดีหน่อยที่ไม่ได้ เอาต้นฉบับมา
บาปเพียวงรึ่งเดียว ก็ค่อยยังวั่ว ใช่ใหม
พ่อ หัวขโมยพลัง ทั้งหลาย

เอ้า.เฮ!!!!!!!!

 

คนที่เก่งและโกง และไม่กลัวบาป
บางคนมีความสามารถสูง
มองดูชื่อ ตามเวป (โดยเฉพาะเวบ พลังจิต)
ซึ่งย่อมมีแต่คนที่มีพลังสูงๆๆเข้ามาอ่าน
เขาก็จะรู้ว่า คนไหนมีพลังสูง เขาก็จะดูดจากเวบได้

ดังนั้นวิธีแก้ ผมกันไว้แล้ว
โดยแอบใส่ยาพิษลงไป ด้วย
ป่านนี้คนที่มาดูดผม คงจะ..โดนไปแล้ว

บนเวบนี้ อย่าคิดว่า ไม่มีอะไร
มีอันตรายเช่นกัน
เช่นตาข่ายดักวิญญาณ ที่ มีคนเอาขึ้นจอไว้
ถ้าใครไปจ้องมองดู ก้จะเข้าไปในตาข่ายนั้นด้วย
แต่เขาทำดักเฉพาะ วิญญาณ ที่ร้ายและเลว
กรองออกไป ก็แล้วไป
ถ้าดักหมดละ
ดังนั้น ต่อจากนี้ไป ถ้าใครจะดูเวบ
เห็นจะต้อง สวดอัญเชิญ พระอาจารย์ที่นับถือ
เช่น หลวงปู่ โต พรหมรังสี หลวงปู้ทวดแห่งวัดช้างให้ ฯลฯใ
ห้ ตามมาคุ้มครองก่อนเปิดเวบ
น่าจะดีที่สุด

 

ดูตูนมากไปเปล่า อิอิ แต่ผมไม่เข้าใจว่าเขาเอาไปแล้วได้อะไรแล้วเราเสียอะไร เราโดนขโมยไปแล้วเราจะเป็นยังไง

 

พูดถึง พวกด๊อกเตอร์เกโร่ หมายเลข 19 กับ 20 กันอยู่รึป่าวเนี่ย -*-
ดูดพลังทางเว็ป ... -*- สวดมนต์ก่อนดูเว็ป -*-
อะไรกันหว่าเนี่ย

 

ขณะนี้ ในร้านหนังสือใหญ่ๆๆ
มีหนังสือ พ๊อกเก็ตบุค เล่มใหม่ออกมา ขายดีมาก
ชื่อ เรื่อง " คนเห็นวิญญาณ" เขียนโดย ภัควัฒน์ เอกอุรุ
ลองอ่านดู แล้วคุณจะเห้นว่า เรื่องที่ผมเล่าไป
น้อยกว่ามาก

ผมเองก็เขียนในแนวเดียวกัน
ในเรื่อง "ตาที่สาม" ออกมาแล้วสามเล่ม
เล่มที่สี่กำลังจะออกปลายเดือน พค. 2549
ในนามปากกา "คนเห้นผี"
แล้วคนที่อ่านจะรู้ว่า ในโลกนี้ มีอะไร อีกมากมายที่คนไม่รู้
และอยู่ใกล้ชิดตัวมากที่สุด
แทบจะนั่งหายใจรดคอพวกเราเลย
ลองไปแอบอ่านดูครับ
"คนเห้น..วิญญาณ"
ของ ภัควัฒน์ เอกอุรุ

 

ผมซื้อมาแล้วครับ คนเห็น วิญญาณ
เหลือเล่มสุดท้ายพอดี ที่ ซีเอ็ด บุคส์
ยังไม่ได้เปิดอ่านเลย ว่าจะอ่านช่วงสงกรานต์
เพราะหยุดหลายวัน

 

ผมเคยคุยกับอาจารย์ภควัฒน์ทางโทรศัพท์ แกเป็นสถาปนิกจบจากเมืองนอก นั่งสมาธิมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อบังคับให้นั่ง เห็นผีมากว่า 17 ปี ด้วยตาเนื้อ บางวันแกไปเดินห้างเห็นคนเดินผ่านเป็นมดเป็นแมวเป็นยุงก็มี เข้าใจว่าเป็นอดีตชาติคนนั้นมาก่อนผมคิดเองนะ ผมเล่าถึงเรื่องอาจารย์อาชวินให้แกฟัง แกเคยได้ยินชื่ออาจารย์เหมือนกัน ตอนแรกแกจะใช้ชื่อหนังสือว่าคนเห็นผี แต่สำนักพิมพ์บอกชื่อนี้มีคนใช้แล้วเลยต้องเปลี่ยนชื่อ แกบอกว่าแกสื่อถึงอาจารย์ได้โดยผ่านผมเป็นตัวกลางขณะที่คุยโทรศัพท์มือถือตอนนั้น และแกก็อยากไปพบอาจารย์เหมือนกัน

แกบอกว่ามีคนโทรไปหาแกเยอะมาก วันละ 400-500 ครั้ง ไม่เว้นแม้แต่ตี 3 ตี 4 รบกวนแกมาก หลังๆแกไม่อยากจะรับโทรศัพท์แล้วรับไม่ไหว มีคนหลายประเภทโทรหาแก นานาจิตตัง เรื่องของเรื่องหนังสือนั้นแกเป็นคนให้สัมภาษณ์อยู่หนึ่งเดือน ไม่ได้เขียนเอง (ถ้าแกเขียนขนาดนั้นแกบอกสงสัยต้องเขียนถึงสามปีมั้ง และถ้าแกเขียนเองหนังสือต้องมีลายเซ็นต์แกในหนังสือ) ให้สำนักพิมพ์เอาไปพิมพ์ แล้วสำนักพิมพ์ไปเขียนท้าพิสูจน์ให้ใครที่อยากเปิดตาที่สามให้โทรหาแกได้ตลอด 24 ชม. เอาเบอร์แกไปลงไว้ จุดประสงค์แกไม่ใช่อย่างนั้นแกเดือดร้อนมากแกบอกผมว่า แกยังไม่เคยเห็นหนังสือด้วยซ้ำ ตอนคุยกะผมนั้นหนังสือเพิ่งออกมาได้สามวันเองครับ ถึงวันนี้เข้าใจว่าคนคงโทรหาแกเยอะมาก ๆ แกคงปิดเบอร์ไปแล้วทนรบกวนไม่ไหว แกเคยเปิดตาที่สามให้เพื่อนสนิทแก ปรากฎว่าเพื่อนแกเห็นผีได้ตลอดเวลาด้วยตาเนื้อไม่ใช่ตาทิพย์ และเพื่อน Control ไม่ได้ แต่แปลกแกบอกว่าแกเห็นเฉพาะผีเท่านั้นเทพไม่เคยเห็น แกถึงไม่อยากจะเปิดให้ใครอันตรายกลัวคนถูกเปิดเพี้ยนเนื่องจาก control ไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะเพื่อนแกไม่ได้ฝึกนั่งกรรมฐานมาก่อน เปิดแล้วปิดไม่ได้ เห็นตลอดด้วยตาเนื้อจนเกิดอาการ"ผวา" การเปิดตาที่สามต้องอัดพลังจากท้ายทอยแกว่าอย่างนั้นครับ แกบอกว่าแกไม่ใช่ผู้วิเศษอะไรตามที่หนังสือเขียนเป็นปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง ปกติแกเป็นซินแสดูฮวงจุ้ยซึ่งก็ศึกษาเอง ไม่ได้ยุ่งเรื่องดวงชะตาหรือเรื่องพวกนี้ แต่อภิญญามาเองจากทำสมาธิ

 

ผมก็สงสัยตั้งแต่แรกแล้วว่า
การเปิดตาที่สามให้คนอื่น
จะต้องมีเงือ่นไขบางอย่าง ๆแน่นอน
อย่างน้อยต้องนั่งสาธิเป้น ถ้าได้ถึง ฌาณ สามจะแน่นอนที่สุด
เวลาผมใช้ตาที่สามตรวจดูก็จะรู้ว่า คนไหนเปิดได้ หรือ ไม่ได้

การช่วยเปิด คือ เหมือน ไข่ไก่ที่ฟักแล้ว กำลังจะเป็นตัวลูกไก่
แล้วเราช่วยเร่งโดยการช่วยเจาะเปลือกไข่ให้เป็นรูได้เร็วขึ้น
ลูกไก่จะได้ออกมาได้สะดวกขึ้น
เราไม่สามารถเร่งไข่ให้เป็นลูกไก่ได้
การเป็นลูกไก่ นั้น เจ้าตัวต้องทำเอง
นั่นคือ ทำสมาธิ ครับ

ในเรื่องพลังจิตนั้น
ก็เป็นแนวทางหนึ่งคล้ายๆ กับ ยุทธจักร ของ บู๊ลิ้ม
ที่ เมื่อมีใครเก่ง มีอภิญญา
ก็มีคนอยากมาลอง ทดสอบ ท้าทาย ว่า จริง หรือ เก่งจริงใหม
คนที่เก่งจริง เขาจึงพยายามจะเก็บตัวไม่แสดงว่า ตัวเก่ง
เพราะ จะมีคนมาดู มาทดสอบตลอดเวลา

ผมนั้นไม่เคยพูดว่า ตัวเองเก่ง
มีแต่คนอื่นที่มาพบแล้วพูดไปเอง
ผมมีแนวทางที่จะช่วยคนแก้ปัญหาชีวิต ทั้งทางโลก และทางธรรม

เมื่อเปิดดูตู้จดหมายในเน็ตเวป ที่เขาให้ไว้
พบว่า ขณะนี้ มีคนส่งจดหมายมา มากกว่า 100 ฉบับ
ผมไม่ได้อ่านและตอบ เพียงแต่ผ่านตา เร็วๆๆ แต่ไม่ได้ตอบ
เพราะเป็นเรื่องปัญหา ส่วนตัวทั้งสิ้น
ผมไม่มีเวลาตอบจดหมายมากมายเหล่านั้น
ผมจะอ่านรวบๆๆแล้ว รวมคำถาม

ผมจะไม่ตอบ เรื่องที่เป็นการส่วนตัว
ครับ

 

อ่านแล้วค่ะ ก็สงสัยเหมือนกัน.....
ซินแสตู๋ น่าจะช่วยเกษตรกร ได้ดีที่สุด
....โครงการฝนหลวง ยังใช้งบมากกว่า
ใช้ซินแส่เรียกฝนซะอีก..เนาะ

 

ดูดอะไรกัน

1. ท่านที่คิดจะดูดพลังคนอื่น
2. ท่านที่คิดจะป้องกันไม่ให้คนอื่นมาดูดพลังตัวเอง

โปรดคิดสักนิดว่าเรากำลังสร้างพลังอะไรอยู่
ศากยบุตรพุทธชิโนรส เขาสร้างกันแค่ ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา
สร้างเสร็จเสริมอีกสองรอบ คืออุปบารมี และปรมัตถบารมี ให้ครบ สามสิบทัศ
ผมกล้าพูดว่า
1. ไม่มีใครมาดูดบุญบารมีทั้งสามสิบทัศของแต่ละคนได้ แต้ถ้ามีคนให้เรารับของเขาได้
2. ฌาน อภิญญา สมาบัติ ถ้าเป็นพระอริยเจ้าแล้ว ไม่มีใครมาดูดอะไรจากท่านได้ แต่ตั้งใจรับของท่านได้ ถ้าเป็นโลกิยอภิญญาไม่ต้องมีใครมาดูดเสื่อมเองได้ถ้าปฏิบัติตนไม่อยู่ในศีล
3. สมาธิในสมถะ สูงสุดคือ นิโรธ ใครอยากดูดพลังหรือทำการร้ายกับท่านที่เข้านิโรธนี่ ศรีษะจะแตกเจ็ดเสี่ยง

ที่พูดกันไปพูดกันมา พูดเรื่องพลังอะไร ?
พลังที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ทำหรือเปล่า ?
อะไรที่กำหนดจิตทำแล้วเหนื่อยจงรู้ไว้ว่าทำนอกหลักสูตรของพระพุทธเจ้าแล้ว
ฌาน สมาบัติ เหนื่อยแน่ถ้ายังไม่ทำให้ถึงพระโสดาบัน
ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปท่านไม่มาเหนื่อยกับเรื่องดูดพลัง ถูกดูดพลัง อะไรนี่

ที่ควรจะสนใจทำน่าจะกล้วถูกกิเลส ตัณหา ดูดเวลาในการสร้างความดีของเราไปมากกว่า

 

คุณ ปุถุชน
เป้นคนดีเกินไป อยู่สุงไป มองโลกในแง่ดีมากเกินไป
ในโลกทุกวันจะเห้นว่า มีทั้งคนดี คนเลว ปนๆๆ กันไป
บ้านเมืองและโลกทั้งมวลจึงมีแต่ความวุ่นวายก็เห้นๆๆกันอยู่

โลกในอีกมิติ ก็ยุ่งเหยิงพอๆๆ กัน
บางตรั้งก้ข้ามมิติ ทำให้มีเรื่อง ผีเข้า ผีหลอก การเข้าทรง
ทำให้มนุษย์ ยุ่งยากไปด้วย

ในโลกของมนุษย์ เป็นโลกแห่งสมบัติ และวัตถุ
ผู้คนจึงแสวงหาสมบัติและวัตถุ เพื่อสนองกิเลส
จึงใช้ทุกกระบวนการ ขโมย ยักยอก ปล้น โกง แอบเอา ฯลฯ

แต่ในโลกแห่งมิติวิญญาณ ของมีค่า คือพลัง
พลังคือ สาระสำคัญที่ทำให้มีการคงอยู่
จึงต้องมีการขโมยกัน
พลังที่ขโมยเป็นพลังที่สร้างขึ้นจากจิต
เช่น พลังจี้กง พลังจักรวาล พลังเรกิ พลังคอมิค และสารพัดชื่อ อื่นๆๆ

และที่ไม่สามารถขโมยได้ คือ พลังแห่งบุญ หรือบุญที่ทำไว้
พลังแห่งกรรมที่ทำไว้ เพราะ เป้นของเฉพาะตัว
กรมใครกรรมมัน

พลังที่ขโมยได้คือพลังจิตที่เราสร้างขึ้นมาเอง
ครับ

 

ขอเรียนถามอาจารย์ The Third Eyes ว่า ถ้าอาจารย์เปิดตาที่สามให้แล้ว โอกาสที่จะปิดมีหรือไม่ แต่ก็ฝึกนั่งสมาธิสม่ำเสมอตามแต่สภาพร่างกายและเวลาจะอำนวยให้ในสังคมที่แข็งขันในกรุงเทพฯ กลับบ้านบางวันนั่งได้นาน บางวันเพลียมากก็ผล็อยหลับไป แต่ก็พยายามรักษาศีลห้าครบให้ได้ทุกๆวัน จิตเริ่มนิ่งมากขึ้น กำหนดดวงกสิณได้นานขึ้น

 

ตอบคุณ ปุถุชน ด้วยคนครับ แต่คุณ ปุถุชนจะเข้าใจหรือป่าวผมคงไม่รู้ครับ เพราะคุณ ปุถุชนคงต้องแยกแยะก่อนว่าอะไรคือพลังจิต อะไรคือความสามารถจิต

พลังคืออะไร คุณ ปุถุชน ต้องแยกก่อนว่า พลังนั้นคือ"พลังงาน"ที่เอามาสร้างสิ่งต่างๆสิ่งที่สร้างเสร็จแล้วมันจะได้"ผล"

ผล คืออะไร ผลคือสิ่งที่เราทำเสร็จแล้ว ไม่ใช่พลัง เช่นผลบุญบรามี มันคือผลไม่ใช่พลัง ได้ผลชาญ ได้สมบัติ ฯลฯ เราสำมารถเพิ่มผลได้ด้วยการทำเลื่อยๆ

จิตคืออะไร คือความนึกคิด เราสงบจิตเผื่อให้จิตได้มีพลังงาน เมื่อมีพลังงานแล้วก็ย่อมนำไปสร้างผลได้ ความนึกคิดที่มีพลังย่อมจะสร้างสิ่งที่ดีกว่าความคิดที่ไม่มีพลัง คงเคยได้ยินคำว่า"คิดใตรตรองให้ดีก่อนที่จะลงมือทำ"เพราะอะไรหรือ เพราะมันจะได้ผลรับที่ดีกว่าการคิดแบบ"ฉาบฉวย"และพลาดง่ายๆไม่เหมือน"ความคิดที่ใตรตรองก่อนลงมือทำ" เพราะว่าใช้ความคิดนานและตรวจความคิดตัวเองก่อนว่าถูกต้องหรือไม่ ผลที่ได้ย่อมดีกว่าเสมอ และการคิดนานคิดทบทวนก่อนก็เป็นการฝึกสมาธิการฝึกจิตสงบจิตวิธีหนึ่งที่ง่ายๆโดยที่เราถามตัวเองและกลั่นกรองความคิดตัวเองก่อนแน่ใจลงมือทำ

สิ่งที่เป็นผล เช่นคำสอนหรือ ผลบุญ ความสามารถพิเศษต่างๆตาทิพหูทิพหรืออื่นๆฯลฯ ไม่อาจขโมยกันได้

แต่ที่ขโมยดูดพลังคือพลังจิตในการใช้ความสามารถพิเศษตะหากครับ เช่น จะใช้ตาทิพมองไปยังโลกอื่นๆหรือมองวิญญาณ ปรกติมองได้ใกลชัดมากมาก แต่มีคนขโมยดูดพลังงานโดยคุณไม่รู้ตัววันนั้น คุณเลยมองได้ไม่ใกลเท่าที่เคยดูได้ และรู้สึกเหนื่อยง่ายๆกว่าวันปรกติ ถ้าเป็นหูทิพก็อาจได้ยินค่อยลงหรือได้ยินไม่ไกล ฯลฯ

สิ่งที่ผมบอกมาให้คุณ ปุถุชน เข้าใจ ว่าดูดพลังนั้นคืออะไรและดูดไปทำไม และเอาไปใช้เพื่ออะไร แต่คุณ ปุถุชน จะเข้าใจหรือป่าวผมคงต้องมาดูคุณตอบอีกทีครับ ถ้าคุณอ่านดีๆทั้งหมดคุณอาจเข้าใจในเรื่องของพลังจิต นะครับ แยกแยะก่อนว่าอะไรคือ ผล อะไรคือพลัง อะไรคือความสามารถพิเศษ ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถไม่เท่ากัน พลังก็สามารถสร้างได้ไม่เท่ากันครับ ฉะนั้นมีคนที่โลบอยากได้อยากมีพลังมากๆเพื่อที่จะได้ใช้ความสามารถพิเศษของตัวเองได้มากๆ ย่อมขโมยกันเพื่อให้มีมากเหมือนคนอื่นเขาครับ แต่พอใช้ไปแล้วก็หมดไปเหมือน เงิน คนแต่ละคนมีรายได้ไม่เท่ากัน ย่อมมีเงินจับจ่ายใช้สอยไม่เท่ากันคนรายได้น้อยถ้าเกิดเขาอยากได้ตังของคนอื่นเขาอาจขโมยได้ แต่เมื่อใช้ไปก็หมดไป เขาหาเองไหม่ก้มีเท่าเดิมน้อยเหมือนเดิมส่วนคนที่มีรายได้มากก็มีมากเหมือนเดิมเพราะแต่ละคนหาตังเข้ากระเป๋าตังเองได้ไม่เท่ากันครับ
ถ้าไม่เข้าใจก็ขออภัยด้วยนะครับ เพราะผมเองก็สับสนนิดหน่อยในการตอบของผมเองเนี่องจากอยู่ในอาการง่วงนอนครับ

 

ช่ายแล้วครับผม _/\_

 

ผมก็ฝึกสมาธิแต่ส่วนใหญ่จะสนใจในลักษณะว่าเราไปอยู่ที่ไหนอยู่ใกล้ใครแล้วพลังเราเพิ่มรู้สึกสดชื่น กับอยู่ใกล้ใครหรือสถานที่ไหนแล้วพลังเราลดสูญเสียพลังไป(ทั้งๆที่ไม่ได้มีเจตนาแผ่เมตตา)

ถ้าที่ไหนหรืออยู่ใกล้ใครแล้วทำให้กุศลเราลดอกุศลเพิ่มจิตใจหดหู่ก็จะพยายามหลีกเลี่ยง แต่ที่ไหนหรือคนไหนที่อยู่ใกล้ๆแล้วกุศลเราเพิ่มอกุศลลดลงก็จะพยายามอยู่ใกล้บุคคลและสถานที่นั้นๆครับ _/\_

 

ขอสักหน่อย

เราคิดว่า การที่เราสวดมนต์ ชินบัญชร เรามีที่ๆดีถึงขนาดที่จะเชิญเหล่าเพทมาไหม ถ้าที่บ้านและ/หรือที่เราสวดไม่ดีพอ เราว่าอย่าไปเชิญเลยนี เพราะว่าวลาที่เราเรียกเข้ามามา เราไม่อายบ้างหรอ อย่างเราอ่ะเมื่อก่อนก็เคยสวดนี แต่ว่าเดี๋ยวนี้เราไม่แล้วหละ เพราะว่าเราเรากลัว กลัวว่าที่ทางเราจะไม่ดีพอ เลยขอบอกเพื่อนๆว่า คิดจะสวดอ่ะได้ แต่ต้องดูว่าสมเหตุ สมผลหรือไม่ ไม่ใช่ว่าสวดเพื่อตามกระแสหรือแฟร์ชั้น ของทุกอย่างมันอยู่ที่จิตใจ เรามีจิตใจที่ดีและบริสุทธุ์แล้ว พระ/เทพก็จะคุ้มครองเราเอง ไม่ต้องดิ้นรนมาใส่ตัวหรอ เหมือนที่เขาบอกว่า
คนดี ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
ไงก็ขอฝากเก็บไปคิดด้วยนี ทุกคน

 

ไม่เห็นจะเกียวกันเลยคับ ยิ่งสวดนะยิ่งดี เป็นคนดีอย่างเดียวแต่ไม่สวดมนไม่อยู่ในศีลอยู่ในธรรม ก็ไม่มีพระหรือเทวดาที่ไหนจะมาคุ้มครองหรอกคับ สวดกันเข้าไปเถอะคับขอบอกว่าดี ใครที่ไม่เชื่อก็ปล่อยเขาไปคับแล้วแต่บุญแต่กรรม ใครที่เชื่อแล้วก็ปฏิบัติ ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วยคับ