ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ไม่มีคำถาม ย่อมไม่มีคำตอบ แต่คำถามโง่ๆ กลับสร้างคำตอบอันชาญฉลาดได้

รูปหัวใจธรรมดา ส่งข้อความกลับชิดซ้ายจนดูไม่เป็นรูป เปรียบเหมือนความยึดมั่นที่มีมานาน กลับสร้างธรรมะอันลึกซึ้งขั้นปล่อยวางตัวตนได้ จากบนลงล่าง สุดท้ายเหลือเพียงหนึ่งเดียว แล้วต่อจากหนึ่งนั้น ก็ไม่มีอะไร

พระอาทิตย์ และพระจันทร์ มันก็เต็มดวงของมันอยู่เช่นนั้นทุกวัน แต่เราเองต่างหาก ที่เห็นมันผิดไปจากความเป็นจริง

อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น เพราะสิ่งนั้นอาจไม่ใช่ความจริง อย่าตัดสินคนที่คำพูด เพราะคำพูดนั้นอาจไม่ได้ออกมาจากใจจริงๆ

บางคนเห็นแค่เปลือก ก็คิดว่าเห็นความจริง บางคนเห็นถึงเนื้อใน ก็คิดว่าเห็นความจริง บางคนเห็นไปถึงแก่น ก็คิดว่าเห็นความจริง

แล้วเคยมีใครคิดมั๊ยว่า นอกจากแก่นที่ตามหากันแล้ว อะไรมันคือความจริง

ถ้าขุดแก่นออกมาตีให้แตกแล้ว ก็จะพบว่า ไม่มีอะไร ในความเป็นจริง

ไม่มีอะไรจริงๆ

ส่วนข้าพเจ้านั้น ก็ยังไม่เห็นอะไรทั้งนั้น อย่าคิดว่าเห็นกันล่ะ ยังไม่เห็น

ก็กำลังหาไปเรื่อยๆ ไม่รีบ แค่เล่นไปตามบท

ทุกอย่างเป็น WAVE นะ อย่าถือสา พิมพ์ไปตาม WAVE

 

มีเรื่องตลกของ WAVE มาเล่าให้ฟัง

หลายคนอาจจะคิดว่า ข้าพเจ้าหายไปไหน แต่ความจริง ข้าพเจ้าก็ไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่บนโลก อัตตาตัวตน ก็ยังมีให้ละวางอยู่อีกมาก ตัวยังหนักอยู่ ยังไม่ลอยไปไหน แล้วก็รอให้จานบินมารับ ก็ไม่มาซะด้วย

มีอยู่หลายวัน ข้าพเจ้าคิดอยากจะไปปล่อยปลามาก ไม่รู้ทำไม แต่ก็หาจังหวะไม่ได้ พอหาจังหวะได้ ก็หาซื้อปลาไปปล่อยไม่ได้ ตลาดวายตลอด จนเข้ามาในเวป ถึงได้รู้ว่า คนระบบมีการรวมตัวกันไปปล่อยปลากันแถวปทุมธานี ปล่อยกันเป็นตันๆ ข้าพเจ้าจึงถึงบางอ้อว่า ทำไมถึงได้รู้สึกอยากปล่อยปลานัก WAVE เล่นเราซะแล้ว หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ไปหาซื้อปลาในตลาดไปปล่อยจนได้ แถมปล่อยแล้วมันยังไม่ยอมไปอีกแนะ มาว่ายเล่นอยู่ตรงหน้า ข้าพเจ้าสามารถเอามือไปจับตัว ไปลูบหัวมันเล่นได้อีก แปลกมากสำหรับปลาดุก

อีกเรื่องนึง หลายวันอีกละ ที่ข้าพเจ้ารู้สึกไม่สะดวกในการกินเจ หรือมังสวิรัตน์ เพราะหาของกินยาก ถ้าไม่ใช่เทศกาล จนรู้สึกว่า จะกินอะไรก็คงไม่เป็นไร เราไม่ยึดติด และแล้วคืนนั้นเอง ก็เกิดเรื่อง มันเป็นความฝันนะ ไม่ใช่ความจริง ไม่ต้องตื่นเต้นไป ข้าพเจ้าฝันว่า พระศรีอาริย์ ปางพระจีนอ้วนๆ นั่งอยู่ คล้ายๆ พระสังกัจจาย ท่านอยู่ในฟองอากาศแก้ว ลอยมาจากบนท้องฟ้า พอมาถึงตรงหน้าข้าพเจ้า ท่านตัวเล็กนิดเดียว แล้วฟองอากาศนั้นก็แตก องค์ท่านหล่นมาอยู่ในมือข้าพเจ้า องค์เล็กแค่พระที่ข้าพเจ้าห้อยคอเท่านั้น เช้าวันนั้น ข้าพเจ้าก็รู้สึกไม่อยากกินเนื้อสัตว์อีกเลย มันรู้สึกเบื่อที่จะกิน เพราะกินมาตั้งแต่เกิด บวกกับความสงสาร เมื่อคิดไปว่า ก่อนที่จะมาให้เรากินตรงหน้า มันได้ถูกเลี้ยง ถูกขุน ถูกทารุณ และถูกฆ่ามาอย่างไร จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ร่วมเดือนกว่าแล้ว ที่ข้าพเจ้าไม่กินเนื้อสัตว์ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็เขี่ยๆ ออก กลับมาตรงกับพี่นีโม่ ที่บอกว่า ช่วงนี้กินเจ ( เขี่ย ) แสดงว่า WAVE เล่นข้าพเจ้าอีกแล้วหรือ อะไรกันเนี่ย

แล้วเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ โดน WAVE อะไรกันบ้าง เล่าสู่กันฟังมั่งนะ

 

ข้าพเจ้าไม่ได้หายไปไหน เล่นไปตามบท ไปตาม WAVE ที่เข้ามา คนระบบทำอะไร ข้าพเจ้าก็ทำเช่นกัน เพียงแต่ ต่างสถานที่ ต่างเวลา และต่างเหตุการณ์ ตามเหตุปัจจัยที่ระบบจัดสรร ต่อเมื่อถึงเวลาที่ระบบต้องการให้ข้าพเจ้าไปเข้าฉาก เดี๋ยวเค้าก็คงจะตามตัวเอง แต่ส่วนใหญ่จะตามแบบฉุกเฉินตลอด คงเห็นข้าพเจ้ามีรถมั๊ง คราวก่อนจากบางพลี ถึงรามคำแหง ใช้เวลาแค่ ครึ่ง ชม. แถมพอถอยรถออกตอนจะกลับ ดันไปเห็นฝาท่อที่เปิดอ้าอยู่ เลย งง ว่า แล้วล้อรถข้าพเจ้า มันลอยอยู่บนท่อ ที่ฝาไม่ได้ปิดได้อย่างไร

เกือบลืมถามคุณยูครินว่า แล้วพี่ลักษณ์ที่ฝากความคิดถึงมา เค้าคือใครหรือครับ ?

 

ขออนุโมทนากับจิตอันบริสุทธิ์ของคุณ Pasika ที่นำความรู้ในเรื่องของ มาร มาเล่าให้เพื่อนๆได้รับรู้ แม้นจะเป็นความรู้ที่ได้จากการอ่านหนังสือก็ตาม แต่ก็ยังมีเพื่อนๆอีกหลายคนกำลังรออ่านอยู่ ก็ขอให้นำมาเล่าให้เพื่อนๆได้รับรู้ต่อไป เพราะการให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง และขอให้นำความรู้ที่ได้นำไปปฎิบัติ น้อมนำเข้ามาใส่ตน เฝ้ามองดูตน ดูอารมณ์ของตนเอง อย่างรู้เท่าทัน เชื่อได้ว่าคุณ Pasika ก็สามารถเป็นนักปฎิบัติที่ดีได้คนหนึ่ง

 

ทำไม..จึงเรียกว่า จิตบริสุทธิ์

คลื่นความคิดของคนเราที่ก่อให้เกิดการกระทำ (หรือที่คนระบบเรียกว่าWAVE)นั้น ผู้ที่มีจิตที่ละเอียด เมื่อได้รู้ได้เห็นการกระทำ ก็สามารถที่จะรับรู้ได้ถึงคลื่นความคิดนั้นๆ ว่า ผู้กระทำมีเจตนาอะไร บางคน อยากดี อยากเด่น อยากดัง อยากทำให้คนยกย่องเหมือนคนอื่นเขาบ้าง ก็ประพฤติปฎิบัติ หรือแสดงออก หรือนำเสนอบทความหรือเล่าเรื่องที่มีนัยแอบแฝงในเรื่องดังกล่าวไว้ หากเราใช้ปัญญาในการพิจารณาและใช้จิตจับคลื่นความคิดนั้นได้ เราก็จะรู้ได้ทันทีว่า ผู้นั้นมี จิตที่ไม่บริสุทธิ์

มีนักปฎิบัติหลายท่าน อยากให้ผู้อื่นรับรู้ในเรื่องของตน ก็พยายามบอกกล่าวเล่าเรื่องให้ผู้อื่นได้รับรู้ บางครั้งก็อยากรับรู้ในเรื่องของผู้อื่น เพียงแค่นี้ จิตมาร ก็เข้าแทรกแล้ว ก็เพราะคำว่า " อยาก " ตัวเดียวเท่านั้น ลองมองเข้าไปในตนแล้วดูซิว่า เรายังเป็นเช่นนั้นอยู่อีกหรือไม่ หากมีต้องละให้หมด ความสุขความทุกข์ที่มีก็ต้องละ บางคนละทุกข์ได้แค่ลมปาก บางคนละทุกข์ได้แต่ติดสุข หรือบางคนละได้หมดเพราะ อยากไปนิพพาน สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเสียที ก็เพราะคำว่า " อยาก " นี้แล.....

 

อยากไปทัวร์เขากะลามั่ง ทำไงดีค่ะ และที่สำคัญได้สัญญากับตนเองว่าหากเกิดภัยพิบัติเมื่อใดจะขอช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทุกๆคนที่เดือดร้อน

 

คุณลักษณ์ คืออดีตคนไข้ของคุณหมอผมยาว (คุณนั่นแหละ) เดิมชื่อมล ที่ไปกับลูกชายตัวกลมๆ ซนๆ หน้าฝรั่งน่ะค่ะ ที่ปวดหัวเรื้อรังไม่หาย

ตอนนี้เขาปล่อยวางจริงๆ จากทุกข์ความเจ็บป่วยของสามี เลยได้อุปกรณ์มาหลายชิ้น โทรจิตเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ดังกล่าว

เลยมาหยอกกับยูครินผู้มีอุปกรณ์ตัวเดียวกันละมังคะ

rat_wting

 

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้กล่าวไว้ว่า

การตำหนิติเตียนผู้อื่น แม้เข้าจะผิดจริงหรือไม่ผิด ก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย และเป็นสาเหตุทำให้เกิดทุกข์ เพราะฉะนั้นควรพิจารณาตนเองจะดีกว่า

 

การที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนได้มาโพสในห้องนี้ ไม่ว่าจะเป็นธรรมะ หรือไม่เป็น จะด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์หรือไม่ จิตใจของผู้นั้นย่อมรู้อยู่แก่ใจ ความทุกข์ย่อมเป็นของผู้นั้น มิใช่ผู้อื่น แต่ถึงกระนั้น กิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนัดหมายรวมกลุ่ม ไปทำบุญ ไปสวดมนต์ พบปะสังสรรค์ หรือไปเที่ยว แล้วได้มาเล่ากันในห้องนี้ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ส่วนตัว หรือส่วนรวมที่ประสบกันหลายคนก็ตาม ก็เพื่อมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อมูลข่าวสาร และอัพเดทข้อมูลกันในกลุ่ม ถือเป็นประเพณีปฏิบัติไปแล้วกลายๆ ใครไปเจออะไรมา แปลกๆ ดีหรือไม่ดี อย่างไร สงสัยข้องใจ ก็มาโพสเล่าสู่กันฟัง ช่วยกันวิเคราะห์ วิจัย วิจารณ์กัน ภายในกลุ่ม

พวกเราก็ทำกันมาแบบนี้ตั้งแต่แรกจนถึงทุกวันนี้ ส่วนเพื่อนใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาอ่าน ก็อาจจะไม่เข้าใจ คิดว่าเป็นการอวดอุตริ หรือว่าอยากเด่นอยากดัง ก็ขอชี้แจงว่า มิได้เป็นเช่นนั้น แต่พวกเราคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันเท่านั้น ตามจุดประสงค์ของเวปบอร์ด ซึ่งมีไว้เพื่อติดตาม แลกเปลี่ยนข่าวสาร พูดคุยสนุกสนาน เฮฮาตามประสาพี่น้อง ไม่มีอะไรซีเรียส

ส่วนใครจะได้อะไรหรือไม่ อย่างไร ใครจะบริสุทธิ์หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับใจของแต่ละคน ไปบังคับ กะเกณฑ์ อะไรใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น

หลายๆ อย่างในห้องนี้ ก็เสี่ยงกับการถูกประนาม หยามเหยียด อยู่แล้ว ทั้งความคิด ความเชื่อ และการกระทำ ทั้งนี้ ก็แล้วแต่ประสบการณ์แต่ละคนที่จะได้เจอ ที่คุณจะได้เก็บเกี่ยวกลับไป

ปกติผมจะไม่ใช่คนที่มาโพสอะไรมากมายอยู่แล้ว ถ้าใครได้อ่านตั้งแต่หน้าแรก จนถึงหน้านี้ ก็คงจะทราบดี แต่ถ้าไม่ได้อ่าน ก็อยากจะขอให้กลับไปอ่านให้หมดก่อน ดีไหม ก่อนที่จะตัดสินใครว่า บริสุทธิ์หรือไม่

ต้องบอกว่า ตามความเห็นผม ธรรมะ กับ ศาสนา เป็นคนละเรื่องกัน การที่คนนับถือศาสนาใดนั้น ไม่เป็นอุปสรรคที่คนผู้นั้น จะมีประสบการณ์ต่อธรรมะ หรือจะปฏิบัติธรรม

ธรรมะ คือ สิ่งที่มีอยู่แล้ว เป็นสภาพของความเป็นจริง ส่วน
ศาสนา คือ กรอบความเชื่อ และแนวทางปฏิบัติ เพื่อเป็นบันไดขั้นต้นไปสู่ธรรมะเท่านั้น

ศาสนา สอนให้คนเป็นคนดี แต่ไม่ได้หมายความว่า คนผู้นั้นจะเข้าใจทุกสิ่งตามความเป็นจริง

ถ้าหากมีผู้ใดเข้าใจสิ่งนั้น หรือเริ่มเข้ากระแส ผู้นั้นก็ต้องย่อมรู้ดีว่า การที่คนมีจิตใจบริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของโลก และมันก็จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป ต่อให้โลกนี้แตกดับไป เกิดโลกใหม่ มนุษย์กลุ่มใหม่ เวปบอร์ดใหม่ ก็จะเป็นเช่นนี้

ฉะนั้น การตำหนิติเตียนผู้อื่น จึงไม่ควรทำ เพราะเขาก็เป็นของเขา เราก็เป็นของเรา สุดท้ายถ้าเข้าใจว่า ทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีแก่นสารใดๆ ก็ไม่ควรมาใส่ใจในความผิดของใครให้ทุกข์ใจ

ผมและเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในห้องนี้ สนิท รักใคร่ ช่วยเหลือ เกื้อกูลกันมา ผมได้พบตัวจริง ได้ร่วมทำกิจกรรม กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในห้องนี้ อยู่หลายครั้ง ถึงจะห่างหายไปบางช่วง ก็ด้วยเหตุปัจจัยไม่เอื้ออำนวย

ก็ขอยืนยันว่า เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน ก็ล้วนกำลังพยายามปฏิบัติให้ดีที่สุด ในแต่ละคน อาจจะมีสอบตก สอบซ่อมกันบ้าง ก็อย่าว่ากันเลยครับ

มาเป็นกำลังใจให้กันดีกว่า......

 

ขออภัย
มุมมองแต่ละมุมมองย่อมมีข้อแตกต่างกันบ้าง ไม่มีผู้ใดถูก...ผิด
การติติง...แท้จริงแล้วอาจเป็นการแนะนำด้วยหวังดี
การบอกเล่าประสบการณ์...อาจเป็นการคุยกันในหมู่มิตรเพื่อถ่ายถอดสิ่งที่ตนประสบมาหรืออย่างอื่นก็ได้

เจตนานั้นเจ้าตัวย่อมรู้ดีทึ่สุด
การแสดงเจตนาผ่านทางตัวอักษรนั้นดูได้ยาก แค่เปลี่ยนคำที่ใช้ หรือบริบทแวดล้อม ความหมายหรือเจตนาที่สื่อออกมาก็อาจเปลี่ยนได้
จึงไม่ควรเอาใจไปผูกติดกับข้อความ อย่ายึด อย่าถือมั่น อย่าปล่อยให้อารมย์ไปผูกติด

เมื่อมีของสิ่งหนึ่งวางอยู่ เราก็มักมองด้านที่อยู่ด้านเดียวกับเรา ทั้งนี้เพราะมันถูกจริตเรา ดังนั้นเราควรพิจารณาว่าควรมองด้านไหน และมองอย่างไร

และในแต่ละมุมมองก็ย่อมมีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปอีก หากเรามองให้ครอบคลุมทุกมุม และมองให้รอบด้าน โดยเฉพาะนำมุมมองของผู้อื่นมามองสิ่งนั้นบ้าง ก็จะทำให้เราเข้าใจ และปล่อยวางได้มากขึ้น

แม้ผู้อื่นจะเห็นตรงข้ามกับเราก็ตาม แต่การพิจารณาแบบนี้ย่อมทำให้ใจเราเปิดกว้าง ไม่คับแคบ ไม่ตื้นเขิน

เพราะแท้จริงแล้วไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลย

 

บางครั้งเรามักปล่อยให้มุมมองของเราหลอกเราเสียเอง

('-')('-')('-')

ปัญญาหนูนั้นยังอ่อนด้อยมากนัก ที่กล่าวไปด้านบนเป็นเพียงมุมมองอีกมุมหนึ่ง

ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ทุกๆท่านด้วยค่ะ

ด้วยความเคารพ...นรินทร

 

ขอขอบพระคุณน้ามองตน สำหรับท่อนนี้ค่ะ...

ก็เพราะคำว่า " อยาก " ตัวเดียวเท่านั้น ลองมองเข้าไปในตนแล้วดูซิว่า เรายังเป็นเช่นนั้นอยู่อีกหรือไม่ หากมีต้องละให้หมด ความสุขความทุกข์ที่มีก็ต้องละ บางคนละทุกข์ได้แค่ลมปาก บางคนละทุกข์ได้แต่ติดสุข หรือบางคนละได้หมดเพราะ อยากไปนิพพาน สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเสียที ก็เพราะคำว่า " อยาก " นี้แล.....<!-- google_ad_section_end -->

และขอบคุณน้าวิมานะ สำหรับท่อนนี้นะคะ...
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้กล่าวไว้ว่า

การตำหนิติเตียนผู้อื่น แม้เข้าจะผิดจริงหรือไม่ผิด ก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย และเป็นสาเหตุทำให้เกิดทุกข์ เพราะฉะนั้นควรพิจารณาตนเองจะดีกว่า<!-- google_ad_section_end -->

วันนี้ได้เห็นถึงมุมมอง และข้อธรรมหลายด้าน ขอขอบพระคุณน้าทั้งสองด้วยใจจริงค่ะ

ปล่อยวาง...แล้วเราจะเบาสบาย

 

ปีศาจมารน่ากลัวจริง กล้าแอบอิงอ้างพระศรีฯ สร้างศรัทธาช่วยเหลือคนให้พ้นทุกข์ พ้นทุกข์กายยังพอทำเนา แต่ทุกข์ใจนั้นยิ่งมากล้นพ้นทวี อยากหายทุกข์ใจ จงมาสร้างวัตถุธรรม ให้เจ้ากรรม ปลดปล่อยหายจากทุกข์ หากไม่ทำก็ช่างเธอ ฉันเป็นเพียงผู้บอก(บอกให้กลัว) เธอจะทำหรือไม่ก็ช่างเธอ ญาติพี่น้องตายแล้วยังเป็นทุกข์ เที่ยวเสาะถามว่าจะสุขทำอย่างไร ไปเข้าทางปีศาจมาร บอกให้ทำอย่างโน้นแล้วจะดี สร้างวัตถุเป็นธรรม จะหายเศร้า แก้ไขได้ราวปาฏิหาริย์ คนยังยึด ยังหลง ในตัวตนตนเอง ยังไม่พอ หลงยึดไปถึงญาติโกที่ตายแล้วยังห่วงหา น่าอนาจ จึงเป็นทาสปีศาจมาร สั่งการเอย

 

ตื่นเถิด ตัวตน อย่าหลงเขลา อย่ามัวเมา สร้างวิบาก ให้ยากแสน แม้นหลงทิศ ยังกลับทาง ให้บางเบา แล้วพินิจเอา ความจริง นิ่งในตน แม้ในตน ก็ไม่มีที่ให้มอง เพราะยิ่งมองยิ่งเห็นเป็นช่องว่าง ไม่เห็นมีอะไรในตัวเรา หลงยึดเอา มาเป็นตัว มัวเมาเอย

 

ในความมืด ก็ยังมีแสงสว่าง จุด จุด

 

การพิจารณามองตน มิใช่เป็นกล่าวว่าร้ายใคร หรือติเตียนใครว่า จิตไม่บริสุทธิ์ เพียงแต่ชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ จะโพสข้อความที่มีนัยแอบแฝงในการอวดตนเองให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่า ข้าดี ข้าเด่น ข้าเก่ง ข้าดัง ฯ.......ลองมองเข้าไปในตน ใช้ปัญญาในการพิจารณา อย่าใช้อารมณ์ แล้วพิจารณาว่า ท่านเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ให้ตามดูให้รู้เท่าทันและให้ปล่อยละวางเสีย แต่ถ้ามิได้เป็นเช่นนั้นก็ไม่ต้องทุกข์ร้อนใจ แต่ถ้าทุกข์ร้อนใจ ก็ต้องขอนำคำของคนระบบมาใช้ว่า ถูกWAVE กิน หรือ ถูกทิ่มแทง

ขอให้กลับไปอ่านธรรมะที่ผู้อาวุโสได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เริ่มแรก แล้วทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เสียใหม่ จะเห็นได้ว่า ผู้อาวุโสทั้งหลายเหล่านั้น มิได้มีการอวดตนแต่อย่างใด มิเคยมีใครว่าตนได้อย่างนั้น ได้อย่างนี้ มีแต่ใช้คำว่า แจ้งเพื่อทราบ เท่านั้น แม้แต่การเล่าเรื่องประสบการณ์ของอาจารย์ต่างๆ ก็มิได้มีการอวดตนว่าข้าเก่ง ข้าเป็นผู้วิเศษแต่อย่างใด มีเพียงบางท่านเท่านั้นที่พยายามอวดตนหลงความวิเศษ หลงWAVE ...

ขออย่าได้ท้อแท้และอย่าได้มีความทุกข์ใจกับเรื่องดังกล่าวเลย

 

แม้ มองตน จะไม่ใช่คนของระบบ ไม่เคยเชื่อมระบบ ไม่เคยร่วมกิจกรรม แต่ก็เฝ้าติดตามและปฎิบัติมาโดยตลอด.......น้องบางท่านเพิ่งจะร่วมเข้ากลุ่มกิจกรรมได้ไม่นาน ก็ขอให้ทำความเข้าใจว่า การเชื่อมระบบหรือการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆนั้น เป็นเพียงแค่รูปแบบพิธีกรรม หรือบทบาทการแสดง ที่เขาให้เราแสดงในช่วงเวลาหนึ่งๆเท่านั้น ขออย่าได้ไปยึดติดว่าใครจะได้เชื่อมระบบหรือไม่ เชื่อมระบบแล้วเป็นเช่นไร ไม่เชื่อมระบบแล้วเป็นเช่นไร....ยังมีคนอีกหลายคนทั่วโลกที่ทำงานให้กับระบบในเรื่องการเตือนภัยพิบัติอีกมากมาย โดยที่เขาเหล่านั้นไม่เคยเชื่อมระบบมาก่อน และไม่เคยร่วมกิจกรรมใดๆเลย แต่เขาเหล่านั้นหารู้ไม่ว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีเทคโนโลยี่ที่ล้ำลึก ไม่ต้องมีพิธีกรรมเชื่อมระบบ ไม่ต้องรวมกลุ่มทำกิจกรรม เพียงแค่ส่งคลื่นลงมาปรับจูนคลื่นสมอง บุคคลผู้นั้นก็ได้รับการเชื่อมระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...

 

ทั้งพระอาทิตย์และพระจันทร์นั้น เต็มดวงทุกวันอยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับเวลาที่"มนุษย์" มากกว่าที่จะมองว่า "มันเต็มดวงตอนไหน....."


ขอบคุณพี่สุดใจ พี่นีโม่ พี่เม้าท์ และพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนเลยนะครับ ยังระลึกถึงเสมอและขอบคุณระบบที่ให้พลัง.............(ถึงแม้ผมจะไม่ช่ายคนไหนระบบเต็มตัว) ก็ตาม

 

อ.สมจิตรเขากะลา ผู้อาวุโส เคยกล่าวไว้ว่า " พวกเขา (ระบบ ) ตั้งใจมาหลอกพวกแกโดยเฉพาะ พวกฉันน่ะโดนจนเข็ดแล้ว "

อ.Astro Neemo เคยกล่าวเอาไว้ว่า " ไม่ว่าจะเป็น Wave หรือระบบก็หลอกทั้งนั้นแหละ พวกแกจะได้ไม่ต้องยึดติด "

มิได้เป็น Wave หลอก แต่เป็น Wave จริงๆที่หลอกให้เรากระทำการใดๆ ดังนั้นเราจะต้องพิจารณาว่าจะกระทำตามหรือไม่ ไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำ ก็ถูกต้องหมด สำคัญอยู่ที่ว่า เรารู้เท่าทัน Wave นั้นหรือไม่.....หากรู้ไม่เท่าทันก็ทำให้เราเกิดทุกข์ นี่แหละที่เขาเรียกว่า ถูก Wave กิน หรือ Wave หลอกให้ไปยึดติด แต่ถ้าหากเรารู้เท่าทันไม่ทำตาม Wave เราก็จะไม่ทุกข์ ยกเว้นเสียแต่ว่า Wave จะให้เรากระทำ แต่เราไม่ยอมทำ Wave ก็จะหาเหตุและปัจจัย ผลักดันให้เรากระทำเอง โดยที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

นี่กระมังที่เป็นที่มาของคำว่า " เบรคขาครู๊ด "ที่ท่าน Ukrin ได้เคยกล่าวเอาไว้.....

 

เมื่อราวเดือนตุลาคม 2551
คุณมาติน ซึ่งเป็นแฟนของน้องสาวเพื่อนผม
อายุ60 กว่าๆ
ป่วยเป็นมะเร็งขึ้นก้านสมอง
รักษาตัวอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
จนหมอ บอกให้กลับไปพักรักษาที่บ้าน
เนื่องจาก หมดทางรักษา
ยิ่งรักษา มะเร็งก็ยิ่งลามไปตามจุดต่างๆทั่วตัว

ผมได้นำเรื่องการทำพิธีขอขมากรรม
ไปเล่าให้เพื่อนผมฟัง
เขาสนใจมาก จึงแจ้งไปยังน้องสาวของเขา
และให้น้องสาวแจ้งไปทางคุณมาติน ที่อยู่อังกฤษ

แต่เนื่องจากคุณมาติน มีอาการอ่อนเพลีย ลุกเดินไม่สะดวก
ไม่สามารถเดินทางมาเมืองไทย เพื่อร่วมพิธีขอขมากรรมได้
มีก็แต่เพียงเพื่อนของคุณมาติน เท่านั้น ที่อาสามาเมืองไทย
เพื่อเข้าพิธีขอขมากรรมแทนคุณมาติน
บรรยากาศคืนนั้นผมยังจำได้ติดตาติดใจ

จนกระทั่งวันนี้ ผมได้รับข่าวคราวเรื่องคุณมาติน
จากการสอบถามเพื่อนของผม ได้ความว่า....