ความจริงเกี่ยวกับองค์พระพิฆเณศที่หลายๆคนยังคลุมเครือ ขอให้ความกระจ่าง ความจริงขององค์ท่านคร่าวๆดังนี้ พระพิฆเณศ เป็นมหาเทพชั้นผู้ใหญ่ที่สถิตย์อยู่บนสวรรค์ชั้นที่ 2 คือดาวดึงส์ การที่ท่านอยู่ชั้นที่ 2 ไม่ใช่ท่านมีบารมีน้อยกว่าเทพอื่นๆที่อยู่สวรรค์ชั้น 3 4 5 หรือ 6 แต่เพราะท่านมาทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ จึงมาอยู่ชั้นนี้ เพราะสวรรค์ชั้นที่ 1 และ 2 จะสามารถ รับรู้ความเป็นไปของมนุษย์ได้สะดวกกว่า พระพิฆเณศ เป็นชื่อตำแหน่งหนึ่งบนสวรรค์ อันที่จริงท่านไม่ได้มีหัวเป็นช้าง ท่านเป็นชายหนุ่มรูปงามมาก วิมาณของท่านสวยงามตระการตา มีดาวระยิบระยับ และมีดอกดาวเรืองสีเหลืองรอบๆวิมาณ และพระพิฆเณศที่เป็นรูปปั้นปางค์ต่างๆ หรือที่ถือดาบ หรือ ถืออาวุธ จริงๆแล้วท่านไม่ได้ใช้ดาบเลย เพราะไม่รู้จะไปสู้รบกับใคร เพราะท่านมีจิตที่เมตตามาก การบูชาท่านนั้น ไม่จำเป็นต้องบูชาด้วยสิ่งมีค่ามากมายหรือ บูชาที่เคร่งครัดพิธีกรรมอะไรมาก เช่นไม่จำเป็นต้องซื้อรูปปั้น ท่านราคาแพงๆเพื่อมาบูชา เพียงมีรูปท่านไว้ หรือ สัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนองค์ท่านก็พอแล้ว ขอให้บูชาด้วยจิตที่ศรัทธา เพราะท่านรับรู้รับทราบวาระจิตของผู้คนได้ โดยเฉพาะผู้ที่ศรัทธาท่านอย่างแรงกล้า ท่านสามาถช่วยเหลือผู้นั้น ให้พบความสุข ความเจริญได้ และท่านก็มีบริวารมากมายคอยช่วยเหลือดูแลผู้บูชาท่านอีกทีหนึ่ง มีผู้คนมากมายที่บูชาและเป็นศิษย์ท่านพบการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิต การที่ท่านช่วยเหลือผู้นั้น ไม่ใช่ท่านไปเพิ่มบุญหรือไปตัดทอนกรรมของคนนั้น แต่ท่านสามารถยักย้ายถ่ายเท นำบุญที่คนนั้นได้สร้างไว้ในอดีตชาติแต่งยังไม่ให้ผล นำมาแทรกให้ผลในปัจจุบันได้ ดังนั้นสิ่งดีๆทีเกิดขึ้นเมื่อบูชาท่าน เกิดจากผลบุญของผู้บูชาเองที่ได้สร้างไว้ แต่องค์ท่านได้จัดสรรค์มาให้ในชาตินี้ และควรทำบุญเพิ่มเติมด้วย หากใครเคยมีบุญสัมพันธ์กับองค์ท่านมาก่อน เขาจะรับรู้ได้เมื่อถึงเวลา และองค์ท่านจะมาเตือนหรือส่งนิมิตมาให้รับรู้โดยวิธีการต่างๆ เช่นการดลใจ หรือการติดต่อผ่านผู้เป็นสื่อกลางระหว่างผู้คนกับองค์ท่าน แต่หากใครไม่มีบุญสัมพันธ์กับท่าน ก็สามารถเริ่มบูชาท่านเป็นอาจารย์ได้ตั้งแต่ภพชาตินี้ วิธ๊ขอฝากตัวเป็นศิษย์องค์พระพิฆเณศ ให้จัดหารูปเหมือนท่านจะเป็นรูปถ่าย รูปวาด หรือรูปปั้น มาเป็นรูปเคารพแทนองค์ท่าน ไม่ต้องสนใจเรื่องราคา หรือต้องปลุกเสกมาก่อนหรือไม่ หรือต้องถวายชนมให้องค์ท่านตามประเพณี นั่นไม่ใช่ประเด็นเลย รูปปั้นราคาเป็นแสนปลุกเสกด้วยพราหมณ์ผู้ทรงอภิญญากับรูปถ่ายท่านราคา 5 บาท คุณค่าเท่ากันเลย จากนั้นหาบายศรี เพื่อเป็นเครื่องสักการะบูชา จะเป็นบายศรีปากชาม บายศรีเทพ พรหมก็ได้ เสมือนเป็นการบูชาครู วันที่จะบูชาท่าน จะเป็นวันอะไรก็ได้ ขอให้วันนั้นเรามีจิตผ่องใส และเปี่ยมด้วยศรัทธาต่อท่าน แต่หากจะเอาฤกษ์เอาชัยกันจริงๆ ก็ควรเป็นพฤหัส เพราะเป็นวันครู เวลากราบท่านขอให้แบมือเหมือนกราบพระ และตั้งจิตอธิษฐาน ขอกล่าวฝากตัวเป็นศิษย์ท่านตั้งแต่บัดนี้ไป และขอให้ท่านได้มาช่วยเหลือ และชี้แนะทางดำเนินชีวิตที่ถูกต้องตามที่องค์ท่านเห็นสมควร เพียงเท่านี้ ก็ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์องค์พิเณศแล้วครับ และเวลาจะอธิษฐานถึงท่าน หรือจะถามอะไรหรือจะข้อร้องอะไร ไม่จำเป็นต้องสวดคาถาภาษาบาลี อะไรให้ยุ่งยากเลย เหมือนที่คนที่ชอบยึดติดพิธีกรรมมักทำกัน ขอให้เราพูดออกมาหมือนพูดกับญาติผู้ใหญ่ เป็นภาษาไทยๆ ธรรมดาๆที่แหละ ที่สำคัญ คือ การบูชาพระพิฆเณศ ไม่ใช่การเปลี่ยนศาสนา ตามความเชื่อของเราๆท่านที่เชื่อว่า พระพิฆเณศเป็นของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู ต้องนับถือฮินดูก่อน หรือทำให้เราถอยห่าง จากคำสอนพระพุทธศาสนา นี่คือความเชื่อที่ผิด ขอให้นับถือท่านเปรียบเหมือนญาติผู้ใหญ่ของเรา เราเคารพพ่อ แม่ ปู ย่า ญาติผู้ใหญ่ ของเราอย่างไร เราก็เคารพท่านเช่นนั้น การเคารพญาติผู้ใหญ่ ไม่ได้ทำให่เราเปลี่ยนศาสนาอย่างไร การเคารพท่านก็อย่างนั้นครับ หากเคารพท่านแล้วไม่จำเป็นต้องดำเนินชีวิตที่ต่างไปจากชีวิตประจำวันเดิมๆเลย เช่นไม่ต้องห่มขาวเหมือนพราหมณ์ หรือไปทำพิธีบูขาพระพิฆเณศต่างๆตามพิธีกรรมของฮินดู เพราะนั่นคือพิธีกรรมของทางฮินดูที่คิดค้นขึ้นมาเอง จากวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของเขา องค์ท่านเป็นเทวดาระดับมหาเทพ ท่านไม่ได้มายึดติดกับขนบธรรมเนียมพิธีกรรมมากมาย ท่านปารถนาจะช่วยเหลือเพื่อนมนุ๋ษย์ให้พ้นทุกข์ แต่ขอให้จิตผู้นั้นศรัทธาองค์ท่านอย่างแท้จริง ก็พอ พิธีกรรมเป็นเรื่องรองลงไป ต้องแยกแยะให้ออก เรามีวัฒนธรรมของเราอย่างไร เราก็ดำเนินไปตามนั้น เรายังมีพระรัตนไตรเป็นสรณคมน์ เรานับถือพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งสูงสุด เป็นศาสดาสูงสุด เป็นบรมครูผู้เลิศที่สุด และวิธีทางของพระพิฆเณศก็เป็นวิถีทางเดียวกับพระพุทธศาสนา คือ ทาน ศีล ภาวนา และเชื่อกฎแห่งกรรม เพียงแต่องค์ท่านเป็นเหมือนญาติผุ้ใหญ๋จะคอยชี้ทางเราได้เดินตามรอยทางแห่งพระพุทธศานา ได้ตรงทางขึ้น <!-- / message --><!-- sig -->__________________
เรานับถือองค์นารายณ์มาได้ซักระยะ หลังจากที่ได้เจอประสบการณ์กับตัวเองอย่างจัง เลยทำให้เชื่อและยึดมั่นบูชาท่านมาตลอด ไม่ว่าจะนับถือเทพองค์ใด ขอให้ทำความดีเป็นสำคัญ ตอนแรกเราก็สับสนเหมือนกันว่าจะหารูปปั้นมากจากที่ไหน เพราะที่เห็นก็แพงๆ ทั้งนั้น เราไม่มีเงิน แล้ววันนึงก็ไปเห็นรูปภาพของท่าน เห็นแล้วถูกชะตากับภาพนั้นมากเลยซื้อมาในราคาไม่ถึง200บาท เห็นด้วยนะ ที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องหารูปปั้นราคาแพง ขึ้นอยู่กับจิตใจของเราที่จะยึดมั่นในการทำความดีและมีท่านไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกทางหนึ่ง
อนุโมทนาคับ การบูชาเทพก็เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างหนุ่งเหมือนกันนะคับ ผมเองก็บูชาองค์ปู่คเณศและพ่อศิวะอยู่ ทุกอย่างจะเกิดได้ด้วยศรัทธาเป็นหลักเลยคับ
ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านรักไร้พ่ายกล่าวครับ และเชื่อมาตลอดว่าท่านไม่ได้มีศรีษะเป็นช้าง นี่แหละลงตัวที่สุดแล้วสำหรับความคิดผม
เรื่องรูปขององค์ท่าน ตอนนี้กำลังมีวางโครงการจะวาดรูปขององค์ท่านจริงๆ ที่เป็นเทพ ไม่ใช่หัวช้าง จะวาดด้วยสีน้ำมัน และตอนนี้กำลังเจรจาติดต่อ นักวาดระดับมืออาชีพของเมืองไทยอยู่ ซึ่งค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่ได้สานุศิษย์ของท่านได้ร่วมบริจาคกัน เมื่อเสร็จแล้วอาจได้เห็นกันครับ จะโพสในเวบไซด์ และเป็นครั้งแรกด้วยครับ ที่เปิดเผยองค์ท่านจริงๆ ท่านเป็นชายหนุ่มรูปงามมากๆ สวมชุดที่ไม่หมือนชุดของมนุษย์ที่ใส่กัน ออกจะคล้ายชุดทหารโบราณของไทย แต่จะเป็นประกายระยิบระยับ คล้ายๆเกร็ดปลา
เคยฝันเห็นท่านแล้วชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ซื้อดอกดาวเรืองกับนมสดไปถวายท่านของานขอเงินก็ได้ตลอด เคยเข้าไปทำพิธีที่วัดแขกตาซ้ายกระตุกตลอดทั้งวัน อนุโมทนาคะ
สวัสดีครับ ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีความศรัทธาในพระศรีคเณศพระองค์นี้มาตั้งแต่อายุหกขวบครับ ตอนนี้ก็หลายสิบปีกว่าแล้วที่ทุกคืนเอ่ยพระนามอันศักดิ์สิทธิ์แห่งพระองค์มาโดยตลอดว่า "โอม ศรี คเณศายะ นะมะห์" ทุกครั้งที่ระลึกถึงพระองค์และก้มลงกราบหน้าแท่นบูชา จะได้รับความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และการได้รับพรอันศักดิ์สิทธิ์จากสรวงสวรรค์ครับ ตามที่ศึกษามา เดิมนั้นพระศรีคเณศพระองค์นี้ มิได้มีพระเศียรเป็น"ช้าง"อย่างที่ทุกท่านเข้าใจจริงๆ หากแต่เป็นพระกุมารน้อยที่กำเนิดจากการอธิษฐานจิตของพระศรีมหาปารวตี(ปางอวตารแห่งพระแม่ศักติเป็นพระมเหสีแห่งพระอิศวรเจ้า)ต่อพระมหาปรมาตมัน โดยพระนางรักพระกุมารพระองค์นี้และสั่งสอนวิทยาคมพร้อมทั้งการสู้รบและศิลปศาสตร์ต่างๆด้วยพระองค์เอง พระศรีคเณศจึงจัดเป็นเทวะชั้นอาวุโสมากกว่าท้าวสักกเทวราชและเทวคณะทั้งหลาย ทางเทวปกรณ์พราหมณ์พระศรีคเณศยังเป็นตัวแทนแห่งความงดงาม กล้าหาญ ความเฉลียวฉลาด ผู้ใดที่เคารพบูชาพระองค์และถวายความดีแก่พระองค์นั้น พระองค์จะทรงประทานโอกาสที่เหมาะสมแก่การทำความดีให้กับคนผู้นั้นเสมอ พระองค์ทรงเป็นมหาเทพแห่งการเริ่มต้น มหาเทพแห่งศรัทธา มหาเทพผู้ทำลายสิ่งชั่วร้ายและประทานอุปสรรค ในคติของชาวอินโด พระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งภูติผีปีศาจ ด้วย อันว่าในคติของชาวพุทธเราได้รับคติมาจากทางพราหมณ์ฮินดูเช่นกันเนื่องจากมีแหล่งกำเนิดเดียวกันทั้งสิ้น(ชมพูทวีป) จึงรับเอาคติการบูชาเทพเข้ามา แต่ก็ไม่แปลกอะไร เพราะพระบรมศาสดาของเราได้ทรงตรัสไว้ว่า "เทวดามีจริง!!!" และเป็นผู้ทรงแก่ความดี ควรซึ่งการเคารพบูชา ส่วนในคัมภีร์ฝ่ายพุทธมหายานนั้นระบุ"ชัด"ว่า พระศรีคเณศ พระองค์นี้ มิใช่เทวะ หากแต่ทรงเป็น "พระมหาวิฆนาราชกิเตศวร" เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งที่สั่งสมบารมีไว้มาก และพร้อมที่จะตรัสรู้เป็นพระมหาศาสดาในกาลหน้า และยังมีพระมนต์บูชาพระองค์ในเทวฐานะของพระโพธิสัตว์ด้วย แต่ยังไงก็ตามชาวไทยก็ยังรักและเคารพเทวะองค์นี้เป็นจำนวนมากครับ เพราะถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ที่ประทานความสำเร็จในชีวิตให้(ถ้ามีการขวนขวาย)
พระศรีมหาอุมาเทวี(คำว่า"อุมา"นั้น มาจากคำว่า "อัมมา"ในภาษาฮินดี แปลว่า "แม่"ครับ) เป็นมหาเทวีสูงสุดในศักตินิกาย ซึ่งทางเทวปกรณ์ถือว่า พระนางทรงเป็นอวตารแห่งพระมหาเทวีศักติ (พระแม่ผู้กำเนิดโลกและจักรวาล พระเทวีองค์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ให้พลังอำนาจแก่ พระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์ ในศักตินิกายเชื่อว่า พระองค์จะทรงสถิตย์อยู่ในคำว่า "โอม"พร้อมกับพระตรีมูรติทั้งสาม) นอกจากพระอุมาจะทรงเป็นพระเทวีที่มีเทวฐานะสูงสุดแล้ว ยังมีพระเทวีอีกสองพระองค์ซึ่งเป็นอวตารแห่งพระแม่ศักติเหมือนกันคือ "พระศรีมหาลักษมี=พระเทวีแห่งความสิริมงคล" และ"พระศรีมหาสรัสวตี=เทวีแห่งพระเวทย์และปรีชาญาณ" นอกจากพระเทวีสามองค์นี้แล้ว เทวสตรีในคติพราหมณ์ยังมีอีกมากมาย แต่ทุกๆองค์ล้วนมาจากเทวกำเนิดเดียวกันหมดคือ พระแม่ศักติ ยกตัวอย่างพระเทวีที่สำคัญๆ เช่น "พระแม่กายตรี =พระเทวีแห่งมนตราแห่งสุริยเทพ เป็นอวตารแห่งพระอุมา พระลักษมี พระสรัสวตี พระวสุนทราเทวี(ธรณี) พระคงคา(กายตรีมนตรานี้แม้แต่พระบรมศาสดาของพุทธเรายังใช้สาธยายจนได้ตบะญาณ ตอนอยู่สำนัก พระอาฬารดาบส และอุทกกดาบส เป็นมนตราที่ศักดิ์สิทธิ์มาก)" "พระเทวีซันโตชี=พระเทวีผู้เป็นบุตรีแห่งพระศรีคเณศ (ทรงเป็นอวตารของพระศรีอุมาเทวีในงานผูกข้อมือของเทวบุตรพระคเณศ พระนางคือเทวีที่มีเทวอำนาจดูแลให้พระคงคาทั่วโลกยังคงไหลอยู่)" "พระเทวีกาลี=พระเทวีแห่งความสงบสุข เป็นอวตารหนึ่งแห่งพระศรีอุมาเทวี เมื่อคราวปราบอสูร(ชื่อว่าอะไรจำไม่ได้แล้ว อิอิ) เป็นปางที่ชาวไทยเราเอามาบูชามากที่สุด เพราะรูปลักษณ์ของพระองค์ทรงดุดัน รุนแรง แฝงด้วยความเข้มขลังและสำแดงพลังอำนาจแห่งการปกป้องของเพศแม่ที่มีต่อผู้เป็นลูก พระองค์ทรงมีพระฉวีสีดำสนิท แลบพระชิวหาเปื้อนเลือดอสูรสีแดงสด พระกรและพระบาทมากมาย เต็มไปด้วยกงเล็บเที่ยาวและแหลมคม ในพระหัตถ์กุมอาวุธร้ายแรงทั้งสิ้น พระเทวีองค์นี้หากบูชาจริงๆ ควรจะขอไปในเรื่อง ขอการคุ้มครองจากภัยมืดที่คุกคาม ขจัดคุณไสยและสิ่งอัปมงคล การขจัดศัตรู หรือการแข่งขันทางธุรกิจจะดีกว่า แต่ห้าลืมว่าพระนางยึดมั่นสัจจะและความดีงามมาก หากเรา(ผู้ขอ)ไปขอในเรื่องที่ไม่สมควร เช่น เราทำผิดแย่งผัวเมียชาวบ้าน แล้วไปขอพรท่านให้เขาหย่ากัน เราจะได้คลองรักกับผัวเมียเขา พระองค์จะทรงประทานพิบัติภัยและอันเป็นไปนานัปการให้แก่ผู้ขอผู้นั้นทันที และการขอทุกครั้งหากเป็นการ"บน"ต่อพระนางแล้วนั้น จะต้องกระทำสิ่งนั้นให้ท่านตามวันเวลาที่กำหนด" "พระเทวีมารีอัมมา= พระเทวีแห่งโรคระบาดและการบำบัดทุกขเวทนา (ทรงเป็นองค์ประธานในวัดแขกสีลม บ้างเชื่อว่าพระนางทรงเป็นปางย่อยของพระอุมา แต่จริงๆนั้นเป็นเทวีคนละองค์กัน คติการบูชาพระนางนั้นมีเฉพาะในแถบอินเดียใต้เท่านั้น พระนางทรงพระฉวีสีดำ ทรงเครื่องชุดนักรบสตรี ถือดาบเล่มใหญ่ยักษ์ คอยขจัดทุกข์ภัยแก่ผู้บูชา) " พิมพ์เมื่อยแล้ว เอาว่าเข้าเรื่องการบูชาพระแม่ศรีมหาอุมาเทวีดีกว่านะครับ ที่ผ่านมาเอาไว้ประดับศรัทธาแล้วกัน ทั่วไปเกี่ยวกับพระองค์= การบูชาพระแม่ศรีมหาอุมาเทวี หรือพระแม่ปราวตีเทวีนั้น จะใช้รูปเคารพเป็นรูปปั้นก็ได้ สัมฤทธิ์ก็ดี แต่ในอินเดียมักใช้เป็นรูปภาพแขวนผนัง(เพราะชาวอินเดียมีความศรัทธาจึงไม่worryกับเรื่องรูปเคารพสักเท่าไรนัก ไม่เหมือนคนไทยเราต้องเป็นเทวรูปทองคำ ฝังเพชร ห่มผ้าแพรปักทอง ประดับสังวาลย์อัญมณี ซึ่งส่วนตัวของผมคิดว่า "ท่านไม่ต้องการ"หรอกครับ) อาจเป็นรูปพระนางประทับบนหลังเสือหรือสิงโตก็ไม่ผิด หรืออาจเป็นรูปที่ประทับกับเทวะองค์อื่นก็ได้ แต่ควรเน้นรูปพระนางเป็นประธาน เทวลักษณะแห่งพระนาง= พระนางทรงเป็นพระเทวีที่เข้าถึงยาก ทรงมีความเงียบเชียบและเด็ดขาดพอสมควร ทรงรังเกียจความชั่วและความอ่อนแอน่าสมเพชไร้ศักดิ์ศรี หากผู้บูชาพระนางมีพฤติกรรมเช่นนี้พระนางจะทรงละทิ้งเขาไปทันที ในทางเดียวกันพระนางทรงโปรดคนที่กล้าหาญ กล้าที่จะเผชิญหน้ากับชีวิตและความจริง พระนางโปรดบุคคลที่ซื่อสัตย์ หากผู้บูชากระทำสิ่งเหล่านี้ได้ พระนางจะทรงประทานพลังอำนาจในการตัดสินใจ และความสำเร็จในยศตำแหน่งให้แก่บุคคลผู้นั้น ของที่ใช้สักการะบูชา = เป็นหารประเภทใดก็ได้ แต่ห้าเป็นเนื้อสัตว์เด็ดขาด หากยึดถือตามแบบแผนเก่าของชาวฮินดูจะใช้ นมโคสด(ไม่ต้องพร่องมันเนย) นมเปรี้ยว(ที่อินเดียหมายถึงโยเกิร์ตรสธรรมชาติครับ) น้ำผึ้งรวง ขนมที่มีรสหวานน้อยๆและมีกลิ่นหอมอ่อนๆไม่มีสีสันจัดจ้าเกินไป ในประเทศไทยแนะนำเป็น ขนมชั้น ขนมถ้วยฟู ขนมเค๊ก(ไม่แต่งหน้า) หรือใช้ผลไม้ที่มีรสหวาน กลิ่นไม่แรง ก็ได้ (ควรปลอกเปลือกด้วยนะครับ จริงๆไม่ว่าถวายเทพ หรือถวายพระพุทธรูปก็ควรจะปลอกเปลือกและจัดใส่จานหมด) การถวายบูชา= เดิมการไหว้บูชาของชาวฮินดูต้องมีการถวายไฟด้วยหรือที่เรียกว่า อารตี แต่เราไม่จำเป็นครับ ให้จุดเทียนสีแดงสองเล่มแทน ธูปที่ใช้อาจเป็นธูปแขกก็ได้หากไม่ชอบกลิ่นก็เอาธูปหอมแบบอโรมาติกก็ได้ พวกกลิ่นกุหลาบ กลิ่นมะลิ ทำนองนี้ แต่จะมีราคาค่อนข้างแพงครับ ส่วนจำนวนใช้9ดอกครับ หากไม่ใช้ธูปจะใช้เป็นกำยานตัวเล็กๆที่ขายในร้านอโรมาติกทั่วไปก็ได้ เลือกกลิ่นใดก็ได้ตามใจชอบ ไม่จำเป็นต้องใช้กำยานแขกที่ขายในร้านสังฆภัณฑ์ ซึ่งมีกลิ่นแรงมาก ส่วนจำนวนใช้1ตัวก็พอครับ จากนั้นถวายเครื่องสังเวยและเอ่ยมนตราของพระนางคือ "โอม เจ มาตากี " กี่จบก็ได้ แล้วเชิญท่านมารับเครื่องสังเวย จากนั้นก็เรียนขอในสิ่งที่ต้องการด้วยประสาทะที่แรงกล้า หลังธูปหมดก็อธิษฐานขอลาเครื่องสังเวยเพื่อความศิริมงคล โดยการยกจานหรือถาดที่ใส่เครื่องสังเวยจบหน้าผาก แล้วนำไปรับประทานเพื่อความเป็นศิริมงคล