พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระผู้เพียรบำเพ็ญเป็นตบะบารมีสู่ภูมิพระโพธิสัตว์

เป็นส่วนหนึ่งของบทความที่ลงใน เวบ.thaipost.net/ วันที่ 6 พฤษภาคม 2552 คอลัมน์ของคุณเปลว สีเงิน เห็นว่าเป็นบทความที่ดี จึงขออนุญาตนำมาบอกกล่าวแก่ทุกคนครับ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช องค์เอกอัครพระมหากษัตริย์แห่งสยามผู้ทรงคุณเลิศล้ำด้วยทศพิธราชธรรม พระผู้เพียรบำเพ็ญเป็นตบะบารมีสู่ภูมิพระโพธิสัตว์ อันประจักษ์ชัดแล้วว่า ทั้งหลาย-ทั้งปวง พระองค์ทรงอุทิศสุขเพื่อสุขแห่งมหาชนชาวสยามโดยแท้

"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" คือองค์จอมทัพไทย

แม้กระทั่ง "สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชโอรส และพระราชธิดา" ทุกพระองค์ "ล้วนทรงยศ-ทรงเป็นนายทหารทุกพระองค์"

นับจากนี้อีกแค่ ๒ ปี คือถึง พ.ศ.๒๕๕๔ เราก็จะได้เฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ในงานของชาติอีกครั้งหนึ่ง เพราะวาระนั้น คือวโรกาสเวียนบรรจบครบรอบ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ทรงเจริญพระชนพรรษาครบ ๗ รอบ คือ ๘๔ พรรษา

อานิสงส์เป็นใบบุญสู่พสกจากที่ทรงปฏิบัติ "ทศพิธราชธรรม" ครบถ้วนเป็นที่ประจักษ์แจ้ง ประเทศไทย สังคมชาติไทย จะรุ่มร้อน ปานแหลกลาญ ด้วยร้าวฉานกันเองสักปานใด นั่นก็เป็นไปตามวิบากกรรมแผ่นดิน แต่ด้วยทศพิธราชธรรมแห่งองค์พระประมุขชาตินั่นแหละ ก่อเกิดเป็นฉัตรแก้วปัดป้องผองภัย สลายร้ายให้ค่อยกลับกลายคืนดี

อย่างช้า-ต้นปีหน้าท้องฟ้าก็จะสดใส!

เรา-พี่น้องไทยด้วยกันทุกคน อย่าทำบาป อย่าสร้างกรรมวิบัติให้ตัวเองและวงศ์ตระกูลด้วยการอสัตย์ คือไม่ซื่อต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้สร้างแผ่นดินให้เราอยู่เป็นอันขาด เพราะพวกเราควรเข้าใจด้วยว่า อันทศพิธราชธรรม คือพระจริยวัตร ๑๐ ประการที่พระเจ้าแผ่นดินทรงประพฤติปฏิบัติเป็นหลักธรรมประจำพระองค์ นั้น

นั่นคือสู่ชั้น-สู่เส้นทาง "บารมี ๓๐ ทัศ" คือธรรมสมบัติที่ทำให้ยิ่งใหญ่ เกื้อกูลให้ผู้ปฏิบัติได้ถึงซึ่งเส้นทางโพธิญาณในอนาคต และท่านควรทราบไว้ด้วยว่า จริยธรรม ๑๐ ประการ ของผู้เข้าสู่ภาวะ "พระโพธิสัตว์" นั้น คือประการใดบ้าง?

และถ้าทราบแล้ว ผมเชื่อว่า "ทุกคน" จะต้องเข้าใจ และเข้าถึงด้วยซาบซึ้งในพระจริยวัตรของ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" พระผู้อุทิศพระองค์ทรงเป็น "พ่อของแผ่นดิน" และของเราทุกคน ดังนี้ครับ

๑.พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาเลยว่า ร่างกายจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ

๒.พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาเลยว่า ครองชีพโดยไม่ปรารถนาว่าจะไม่มีภัยอันตราย

๓.พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาเลยว่า จะไม่มีอุปสรรคในการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์

๔.พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาเลยว่า จะไม่มีมารขัดขวางการปฏิบัติภารกิจ

๕.พระโพธิสัตว์ ถือว่าทำงานให้นานที่สุด โดยไม่ปรารถนาจะให้สำเร็จผลโดยเร็ว

๖.พระโพธิสัตว์ คบเพื่อน โดยไม่ปรารถนาจะได้รับผลประโยชน์จากเพื่อน

๗.พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาว่า จะให้คนอื่นต้องตามใจตนเองเสมอไปทุกอย่าง

๘.พระโพธิสัตว์ ทำความดีกับคนอื่น โดยไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทน

๙.พระโพธิสัตว์ เห็นลาภแล้ว ไม่ปรารถนาว่าจะได้รับ

๑๐.พระโพธิสัตว์ เมื่อถูกใส่ร้ายป้ายสี ติเตียนนินทาแล้ว ไม่ปรารถนาที่จะตอบโต้

ครับ..หวังว่าเข้าใจในสาระหลักที่ควรต้องเข้าใจกันแล้วในฐานะคนไทย "ข้าใต้เบื้องพระบาท" ของพระองค์ พระจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พวกเราลองหลับตาทบทวนกันดู นับแต่ พ.ศ.๒๔๘๙ ที่ทรงได้รับอัญเชิญให้ขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ ๙ และได้มีพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกเป็น "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" สมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี ในปี พ.ศ.๒๔๙๓ ณ ๕ พฤษภาคม

ในกาล ๖๐-๖๓ ปีที่ผ่านมานี้ มีสิ่งไหนที่พระหน่อแก้ว-หน่อสวรรค์ทรงปฏิบัติแล้วไม่เป็นไปเพื่อเส้นทางแห่งพระโพธิสัตว์บ้าง?

บุญนักแล้วที่พวกเรา-เหล่าพสกนิกรไทย และผู้ได้เข้ามาอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร เกิดมา-ได้มีชาติวาสนามาอยู่ใต้พระบารมีแห่งองค์พระมหากษัตริย์ "ภูมิพลภัทรมหาราชเจ้า" พระผู้ซึ่งทรงบำเพ็ญเพียรเพียบพร้อมด้วยธรรมสู่เส้นทางพระโพธิญาณ อันจะหาจากที่แผ่นดินไหนเสมอเหมือนมิได้ จงเทิดทูน พิทักษ์ รักษา ด้วยการทำหน้าที่เป็นพสกนิกรของพระองค์ดำรงด้วยเส้นทาง "สัมมาทิฐิ" เถิด แล้วความประเสริฐจะเกิดกับแผ่นดินไทย และคนไทยทุกคน.

 

พ่อของแผ่นดิน

 

อ่านแล้วปลื้ม....ปิติมากค่ะที่ได้เกิดมาในชาตินี้
ได้พบพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงทศพิธราชธรรม มีพระเมตตากรุณา
ต่อปวงชนชาวไทยและได้เจอพระพุทธศาสนา

 

"ข้าใต้เบื้องพระบาท ขอเดชะ

 

"ข้าใต้เบื้องพระบาท" ขอเดชะ ข้าพเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระราชวงศ์จักกรี ตราบชั่วชีวิต

 

Long Live The King

 

หน่อ พุทธภูมิ