ใครที่คิดว่า ปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า มาทางนี้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 3 พฤษภาคม 2009.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ใครที่ปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า แล้วก็พลอยทำให้ไม่ศรัทธาในหนทางของตัวเอง

    เปลี่ยนทิศทางไปเรื่อยๆ
    ความก้าวหน้า นี้ เราไม่ต้องไปคิดก้าวหน้าในเรื่องอื่นๆ นอกจาก

    ศีล สมาธิ ปัญญา

    ศีล คือ ใจที่ปกติ สงบ มากขึ้น

    สมาธิ คือ จิตใจที่แนบขึ้นละเอียดขึ้น

    ปัญญาที่ สว่างขึ้น กระจ่างขึ้น

    วิธีการที่ง่ายที่สุด ที่จะทำให้นักปฏิบัติธรรม มีความสุขไป มีธรรมคุ้มครองให้ตลอดไป โดยไม่ต้องกังวลกับอะไรคือ ศีลและสมาธิ ที่ดี ซึ่งปฏิบัติได้ดังนี้

    หัดไปสวดมนต์ก่อนนอน และตอนตื่นเช้า หาบทสวดที่ตนเองถนัด จำให้ได้
    แล้ว พอก่อนนอน ให้สวดมนต์บทที่เราจำได้ เวลาก่อนและขณะสวดให้ตั้งจิตให้ดี แล้วเอาจิตตามบทสวดให้ได้ทุกคำ คือ จิตนี้จะจ่อกับบทสวดได้ทุกคำ ถ้าจิตไหลไปที่อื่น เมื่อมีสติ ให้ตั้งบทสวดใหม่ ทำจนกว่าจะตั้งจิตแนบไปกับบทสวดได้ตลอดต้นจนจบ

    ความยาวของบทสวดนั้นจะเป็นเครื่องหมายว่าเราจรดจ่อกับสมาธิได้นานแค่ไหน

    บทที่เหมาะสม คือ อิติิปิโสภควาบทยาว พาหุง ชิณบัญชร
    บทที่สั้นหน่อย ก็ อิติปิโสบทสั้น

    เลือกเอาทีชอบ

    เช้าตื่นขึ้นมา บริกรรมเช่น อิ ติ ปิ โส ภ ค วา นี่เอาใจจ่อได้ทุกคำโดยใจไม่ไปที่อื่น เอาสติตามไปทุกขณะจิต ถ้าสติไม่ดีพอ จิตมันจะไหลไปที่อื่น พอไหลไปให้ เริ่มต้นใหม่ เอาให้จบให้ได้โดยที่มีสติแนบไปให้ตลอด นี่คือ ความเพียรและสัจจะ

    ทำให้ได้ทั้งเช้า และ ก่อนนอน ถ้ากลางวันได้ด้วยก็ดี

    ก็จะเป็น ศีล สมาธิ พละ และ เป็น การเจริญ สติ และ วิริยะ รวมไปในตัว
    ทำให้ได้ ให้เป็น

    ตั้งจิตให้ได้ทุกวัน แล้ว จะทำให้ใจเป็นสุข จะทำให้มารไม่มากวนได้

    อย่าเอาแต่ ท่องโดยไม่ลืมหูลืมตา แต่ให้ท่องบทสวดอย่างที่ผมบอก

    สวดมนต์นี่ เป็นกุศล เป็นคุณมาก

    โดยเฉพาะตอนเช้า ตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นจากที่นอนปั็๊๊บ สวดเลย ตั้งจิตให้เป็นปกติทันที

    แล้วจะมีภูมิธรรมก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับลำดา
     
  2. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    แล้วจะมีภูมิธรรมก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับลำดา

    เรียนถามท่านขันธ์
    ภูมิธรรมที่ก้าวหน้ามีลักษณะอย่างไรครับท่าน
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ภูมิธรรม ที่ก้าวหน้า ก็คือ ศีลก้าวหน้า มีชีวิตอยู่อย่างไม่วุ่นวาย
    สมาธิก้าวหน้า ความคิดไม่ฟุ้งซ่าน จิตใจไม่สอดส่าย ไม่สงสัย ไม่ง่วงขี้เกียจ ไม่พยาบาทขุ่นข้องหมองใจ ไม่อยากนั่นอยากนี่

    ปัญญาก้าวหน้า คือ มีปัญญามองเห็นธรรมมากขึ้น มองเห็นว่าวิถีชีวิต ความคิดจะต้องดำเนินไปอย่างไร

    แล้วจะพัฒนามากขึ้นๆไป

    อ้อ

    ไปทำแบบที่บอกก่อน แล้วค่อยถาม ถ้าไม่ทำยังไม่เห็นผล ไปทำให้เป็นทำให้ได้ อย่าขี้เกียจ จะได้ทั้งความเพียร จะได้ทั้งสมาธิ นั่นแหละ ทำแล้วได้ผลแล้ว ก็เรียกว่าภูมิธรรมก้าวหน้า ขึ้น แล้วจะไม่สงสัย จะเห็นผลตามลำดับไป
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ใครที่ว่ามีสมาธิ และสติแน่จริง ลองไปทำอย่างที่ผมบอกดูว่า จรดจ่อได้ตลอดไหม

    ตั้งแล้วล้มไหม จ่อไปเลย แต่ละคำ เช่น พา หุง สะ หัส สะม ภิ นิม ใจนี่จ่อไปทุกคำเลย

    เอาให้ได้ สติเผลอนิดเดียว ปากมันจะท่องไป แต่ใจมันไม่จ่อ เรียกว่า ใจไม่มีกำลัง

    มันจะตั้งไม่ได้เลย

    หัดทำกันอย่างนี้ให้ได้ แล้วจะเห็นผล ตามลำดับ ทำให้เป็นกิจวัตรให้ทุกวัน
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ใครทำอย่างที่บอกแล้ว จิตตั้งมั่นแล้ว ค่อยฝึก ฌาณ

    จะได้ฌาณอย่างแท้จริง เพราะจิตเคยสงบเป็นแล้ว

    แล้วพอฌาณได้ จึงค่อยๆ ดูรูปนาม แต่พอได้ฌาณตรงนี้แหละ มันจะสบายแล้วจิตมันเลยขี้เกียจจะออกพิจารณาธรรม เมื่อถึงตอนนั้นแล้วค่อยว่ากัน
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ในขณะใช้ชีวิตประจำวัน นอกจาก ฝึกตามที่ผมบอกแล้ว คือ ก่อนนอน และตอนเช้า

    ในระหว่างชีวิตประจำวัน ให้คอยมีสติระลึกรู้ตัวเป็นระยะ ว่ามี อารมณ์ เกิดขึ้น เวทนาเกิดขึ้นอะไร ให้คอยสังเกตุเป็นระยะ

    แล้ว ถ้ามันเริ่มจะเสียสมดุลทางใจ ก็ให้ข่ม ให้ละ ก่อนที่มันจะไปไกล

    นี่แหละ ใครทำได้แบบนี้ทุกวัน ครองวัตรแบบนี้ทุกวัน แล้วไม่เข้าถึงโลกุตระธรรมให้มันรู้ไป

    ลองไปปฏิบัติดู
     
  7. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    จะได้ฌาณอย่างแท้จริง เพราะจิตเคยสงบเป็นแล้ว แล้วพอฌาณได้ จึงค่อยๆ ดูรูปนาม
    .
    .
    .
    กรุณาช่วยอธิบายคำนี้ตรงๆบ้านๆได้ไหมครับ มีอาการ สภาวะอย่างไร มีสีไหม
    ยังจับลมได้ไหม

    ผมเข้าใจว่าก่อนมาตรงนี้สติเราจับลม สงบมาเรื่อยๆ จนถึงลมหายใจหายไปเป็นว่าง
    จนว่างจะมีสีน้ำเงิน รวมสีน้ำเงินที่กระจายก่อเป็นลูกแก้ว สีน้ำเงินเปลี่ยนเป็นสีขาว

    หรือต้องเข้าลึกไปกว่านี้ ค่อยพิจารณารูปนาม ไตรลักษณ์ ครับท่าน

    เด๊วนี้ทุกวันที่ไปทำงานฟัง103.25 ตลอดเลยครับ
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ทำ แบบที่ผมพูดได้หรือยัง เมื่อทำได้ ทำเป็นกิจวัตรแล้ว จิตเริ่มทรงตัวเป็น ขณิกะ หรือ อุปจาระสมาธิแล้ว

    ก็จะใช้ อานาปานสติ หรือ บริกรรมพุทโธก็ได้ คอยดูใจนี้ ที่มันแตกออกเป็น อายตนะทางกาย ทางใจ ทางสังขาร คือ ความคิดปรุง รวมเข้ามาเหลือแค่ลมหายใจ
    เข้าออก ด้วยฐานของจิต ที่มีสมาธิดีเป็นปกติ นั้นจะทำให้จิตนี้ สงบตัวลงอย่างเร็ว

    จิตนี้ จะมีวิตก วิจารณ์ คือ การแนบติดไปกับคำบริกรรม หรือ ลมหายใจนั่นแหละ

    มันจะลงสู่ สมาธิ ที่สงบและตั้งมั่น แม้ว่า จะยังมีคำบริกรรม หรือลมหายใจอยู่ แต่ปีติและสุข และ เอกคตาจิตจะปรากฎให้เรารู้สึกได้

    การที่จิตติดแนบไปกับคำบริกรรม หรือ ลมหายใจ โดยไม่สะท้านกับสิ่งภายนอก หรือไม่วอกแวก ไปกับอาการใดๆ ทั้งปวง และ จิตไม่สงสัยไม่แตกออกไปในความคิดอื่น นอกจาก พุทโธ หรือ เข้า ออก ประกอบกับ อารมณ์ ปีติ สุข และ เอกคตา จะเกิดขึ้นในภาวะนั้น

    เรียกว่า ปฐมฌาณ


    ส่วนเรื่อง ลูกกง ลูกแก้ว ต้องทิ้ง เห็นภาพอะไรทิ้งไปก่อน มันเป็นกสิณโทษ ในอุปจาระสมาธิที่เปลี่ยนแปลง

    ยึดกรรมฐานใดๆ เอาแต่อย่างเดียวก่อน ไปสวดมนต์ให้เป็นวัตร ตามที่ผมบอกให้ได้ทุกวัน
    แล้วค่อยมาทำฌาณ


    สำหรับ เรื่องรูปนาม ให้หมั่นเจริญ สติ ในวิถีชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ ก่อน

    จำไว้นะ คอยเตือนตนว่า ผลที่คุณต้องทำได้ คืออะไรบ้าง ( เป้าหมาย ให้กำหนดให้มีให้ได้ ) เพียรทำไปเรื่อยๆ
     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    การพิจารณาไตรลักษณ์

    เมื่อ เจริญสติ ในชีวิตประจำวันดีแล้ว สมาธิเป็นฐานดีแล้ว

    ค่อย เจริญ ไตรลักษณ์ ดังนั้น ตอนนี้ทำให้เป็นขั้นเป็นตอน แล้วเอาผลในขั้นตอนที่เราฝึกในระดับต้นให้ดี แล้วเจริญสติ คอยพิจารณา ละสิ่งที่ทำให้ใจขุ่นมัว

    เอาเท่านี้ก่อน ทำให้ได้ แล้วให้สังเกตุผล ที่ตัวเองได้ให้ดี จดจำผลอันนั้นเอาไว้
    เรียกว่า รู้ตัว รู้ผลในการกระทำของตนเอง
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    การปฏิบัติธรรมนี้เหมือน เบรคห้ามล้อ ดังนั้น อย่าเบรคมันทีเดียวแรงๆ มันจะหัวทิ่ม

    ให้ค่อยๆ เกลาวัตร นิสัยต่างๆ ให้ดี แล้ว ให้เจริญ สติ กับคำบริกรรม หรือบทสวดมนต์ที่บอกไป ในช่วงที่มี ฉันทะ หรือ ความพอใจ

    จำเอาไว้นะครับ ขัดเกลา กิจวัตรของเรา กิจวัตรแห่งความคิดและการดำรงชีวิต ให้ค่อยๆ เรียบลงสู่ความสงบ พูดง่ายๆว่า สำรวมใจ สำรวมความคิด สำรวมวาจา ให้ดีก่อน

    แล้ว ลงสู่บทสวดมนต์ แล้ว ค่อยๆ ไปทำสมาธิให้ดี แล้วค่อยๆ พัฒนาปัญญา จากง่ายๆ ไปสู่ละเอียด

    แล้วสังเกตุผล ของตนเป็นระยะ เรียกว่า ผลนั้นจะต้องเกิด ตามลำดับลำดา

    นี่สำคัญนะครับ อย่าไปทางอื่น อย่าไปวิ่งทางนั้นทางนี้

    นั่งลงปฏิบัติตน ด้วยตัวเองอย่างจริงจัง แต่ไม่เคร่งเครียด หา หนทางที่เหมาะสมกับตนในขณะนั้น แล้ว ขัดเกลามันให้ดี

    สมดุล จะต้องไปด้วยกัน คือ ศีล สมาธิ ปัญญา สำรวจตนว่าพร่องส่วนไหน ปรับส่วนนั้นศึกษา และ พัฒนาในสามส่วนให้พยุงกันไป
     
  11. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    นี่แหละ ใครทำได้แบบนี้ทุกวัน ครองวัตรแบบนี้ทุกวัน แล้วไม่เข้าถึงโลกุตระธรรมให้มันรู้ไป
    .
    .
    .
    ท่านขันธ์ ยังไม่ได้โลกุตระธรรมหรือขอรับ
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สำคัญ นะ ให้ดูผล ของตัวเอง ถ้าก้าวไปสูงกว่าเดิมไม่ได้ ขอให้นึกถึงผลที่เราผ่านมาแล้วเป็นตัวยึด เป็นตัวหลัก คอยพยุงเรา เปรียบเหมือนว่า เราเดินป่า แล้วเรากากบาทไว้ที่ต้นไม้นั่น มันจะได้ไม่หลง จะได้รู้ว่า จิตที่สงบตัวขึ้นตามลำดับนั้น เป็นอย่างไร

    และ ขันติเป็นบรมธรรม นี่ต้องมี อย่าไขว้เขว อย่าว่า นี่เราปฏิบัติไม่เห็นได้ผล เลย
    เพราะว่า เราปฏิบัติไม่ตรง ไม่จริง กระโดดไปทางนั้นทีทางนี้ที ไปอยู่ที่ความคิดเสียมากมันก็เลยไม่ได้ผล เพราะเวลา ที่มันมีทุกข์มา บางตัวก็แก่งกล้าเกินกว่ากำลังใจของเราจะทานได้ ก็ต้องอดทน เมื่ออดทนผ่านไปแล้ว กำลังใจเราจะแก่กล้าขึ้นเป็นลำดับ

    ความอดทน และ ทุกข์นั้นแหละ จะเป็นเหมือนกับ เมล็ดพันธ์กับปุ๋ย ที่เมื่อมันมาคู่กันแล้ว ต้นไม้จะเติบโต แต่อย่าไปหนีทุกข์
    จะแก้ปัญหา ด้วยการพิจารณาก็ได้ แต่ต้องอย่านอกเขตขอบแห่ง ศีล สมาธิ ปัญญา ไปสู่หนทางที่เป็นสีลพตรปรามาส


    ผลอยู่ตรงใจ ทำใจให้เป็นสมาธิให้ได้ ทำใจให้ปกติให้ได้ แล้วสังเกตุใจที่เป็นปกตินั้น

    จะเป็นคนที่มีภูมิต้านทานที่ดี ไม่ป่วยไข้ คนไม่ป่วยไข้ก็ทำงานได้ดี
    คนป่วยไข้ ทำอะไรก็ไม่ได้ดี
     
  13. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    กระผมนั่งสมาธิมาได้ 4เดือนแล้ว สำรวมอารมณ์เดียวทั้งวัน ผมได้ผลตามนั้นจริง
    หรือ สงบ ปกติ กระเพื่อมก็ระงับได้

    นโมตัสสะ คือ นอบน้อม การเข้าไปศึกษา
    ไม่นอบน้อมย่อมถือตัว ย่อมไม่สำเร็จ
    เพราะใจกำเริบแน่แท้ กระผมขัดเกลาข้อนี้แล้ว

    เมื่อสำรวม เป็นว่าง เข้าสมาธิ สติจับแต่ลม ตามดูสิ่งที่เกิดดับแล้ว
    แล้วก้าวหน้าต่อไปคืออะไร กระผมถามข้อนี้ครับท่าน

    รับรู้เข้ามาในจิตว่า คุณขันธ์ สว่าง เย็น เป็นคนดีมาก ขนลุกเลย สั่นสะเทือนเกือบนาที
    ทำไมต้องไปถกเถียงทะเลาะรุนแรงพี่นิวรณ์ด้วยนะครับ

     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เพราะอะไรคนถึงติดรู้ไหม เพราะว่า เราไม่สามารถทะลวงความละเอียดไปมากกว่านี้
    เนื่องจาก สักกายทิฎฐิ นั้นบัง ให้คนไม่เห็นจิต ให้คนไม่เห็นความว่าง บังไม่ให้คนเห็นอายตนะที่ละเอียดลงไป จนถึง นามธรรมที่ไม่มีอะไร จนถึงขั้นวางนามธรรมนั้นได้ทั้งหมด

    การมองการเกิดดับ ดูกาย ให้ชำนาญ ดูเวทนาให้ชำนาญ ดูจิตให้ชำนาญ แล้วมองการเกิดดับ

    ที่คุณ ยังติดคือ การดับนามธรรมในใจ อะไรที่เป็นนามธรรม ทั้งความรู้ ความเข้าใจ
    ความคิด ความปรุงต่างๆ ให้ดับสิ่งเหล่านี้ให้ได้

    ใจที่ลงเป็นสมาธิ แล้ว ให้ฝึกให้ดิ่งลงไปอีก ให้ดับนามธรรม อันเป็น ปีติ และสุขให้ได้

    ค่อยศึกษาเรื่องนามในใจให้มากก่อน มองให้เห็นมันเกิดดับให้ได้ เช่น นึกขึ้นมา จำได้ พอเปลี่ยนเรื่องคิด เรื่องเดิมดับไป แสดงว่าเรื่องราวต่างๆ ตัวรู้ต่างๆ พอรู้พอคิดแล้วดับลงได้

    ตัวนี้ให้ค่อยๆ ดูไปก่อน เรียกว่า จิตตภาวนา ให้ดูที่ความคิดตน ให้ชำนาญ และละเอียดขึ้นมากกว่านี้

    หน้าที่ตอนนี้คือ เจริญสติ และ ปัญญาเกี่ยวกับรูปนาม ให้มากกว่านี้ ทำสลับกับความสงบ
    ต้องดูแม้กระทั่งความร้อนรน ความอยาก มันก็เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นกับใจแล้วดับลงไป
    ลองไปพิจารณาดูก่อน
     
  15. ศิษย์เซียน

    ศิษย์เซียน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2009
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +9
    ไม่ทราบว่าสวดมนต์ท่าไหนได้บ้างครับ ผมมีปัญหาทางนิ้วเท้านิดหน่อยเลยคุกเข่าสวดไม่ค่อยได้เลยครับ
     
  16. mainoi

    mainoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +133
    โมทนาสาธุค่ะ แล้วจะนำไปลองปฏิบัติดูค่ะ ขอเจริญในธรรม
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    นั่งขัดสมาธิสวด นอนสวด ยืนสวด ตามสบายเลยครับ

    แต่นอนสวดนี่ อาจจะทำให้ใจไหลไปได้ง่าย ก็หาอริยาบทที่ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป

    แล้วสวดมนต์ ไม่ต้องพิธีรีตรองมากมาย เอาก่อนนอนนั่นแหละ บนที่นอนก็ได้ แ่ต่ สติให้ติดไปกับคำสวดให้ได้ ให้นาน แล้วจะเห็นผลตรงนั้น
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สำคัญ คือ อย่าขี้เกียจ ตั้งสัจจะเอาไว้แล้วทำให้ได้

    ได้ตลอดรอดฝั่งบ้างไม่ได้บ้าง ก็ไม่เป็นไร ยังดีกว่าไม่ได้ทำ

    ทำไปเรื่อยๆ คอยสังเกตุ ผลที่ได้ ว่าดีขึ้นหรือไม่
     
  19. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    เรียน ท่านสมาชิกขันธ์
    อนุโมทนา และขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ที่ให้ความกระจ่างเป็นลำดับขั้นตอน ดิฉันกำลังฝึกหัด ทั้งๆที่เข้าวัด ปฏิบัติสวดมนต์ตั้งแต่ยังเล็กเด็กอนุบาล เพราะครอบครัวใฝ่ธรรมะ แต่พอเราจะปฏิบัติจริง ก็รู้สึกว่าสับสน และคิดว่าคงจะทำไม่ถูกวิธี และเราก็ไม่มีอาจารย์ฝึกให้ (คือตอนนี้อยู่ต่างประเทศด้วย เพื่อนบ้านก็เป็นคนต่างด้าวทั้งนั้น) ก็จึงขวนขวายหาความรู้ทางเนท ก็มาได้เวบนี้ และเจอบทความของท่านที่ให้ความกระจ่าง จะพยายามอ่านทำความเข้าใจ และจะตั้งใจปฏิบัติให้ได้ ก็คิดอยู่ว่าเหมือนเราไม่ได้อะไรเพิ่มเข้ามาเลย ได้แต่สวดมนต์ ทุกวัน และกรวดน้ำ แผ่เมตตาตามบทสวด ก็คิดอยู่ว่า ท่านๆทั้งหลายที่เรากรวดน้ำให้ จะได้รับหรือเปล่า เรามีบุญพอที่จะแผ่ให้หรือเปล่า อะไรอย่างนี้
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    การสวดมนต์ เมื่อเอาใจจ่อลงไป เมื่อจิตแนบสนิทไปเรื่อยๆ เราจะเห็น จิตที่วิ่งออก
    พอเห็นออกบ่อยๆ และละเอียดขึ้น ก็จะได้ มหาสติในตัวนั้นแหละ เช่น พอสวดไปได้ระยะหนึ่ง กายเมื่อย จิตแว็บออกมาที่กายเมื่อย ก็จะหลุดจากคำภาวนา เป็น กายานุปัสนนามหาสติปัฎฐาน

    พอสวดไปหน่อย เวทนาเกิด จิตหลุดจาก คำบริกรรม ก็จะเป็น เวทนานุปัสสนามหาสติปัฎฐาน

    พอสวดไปหน่อย จิตไหลไปคิดเรื่องอื่น จิตหลุดจากคำบริกรรม ก็จะเป็น จิตตนุปัสสนามหาสติปัฎฐาน

    พอสวดไปหน่อย จิตตั้งมั่น ธรรมเกิดได้ผลตรงนั้น จิตไม่หลุดคำบริกรรม ก็จะเป็น ธรรมานุสปัสนามหาสติปัฎฐาน

    ได้ทั้งความเพียรในตัว ได้ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา

    ความละเอียด ความอัศจรรย์จะเกิดตามลำดับ ในบทสวดมนต์นั้นแหละ เวลาใจมีสติแนบเข้าไปละเอียดขึ้นๆ ทั้งฌาณ ทั้งปัญญาเกิดในบทสวดมนต์นั้น

    ฝึกสวดกันให้ดีเถอะครับ พระอาจารย์มั่นท่านสวดทุกคืน ทุกวัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...