เหตุที่ทำให้คนมีองค์เทพ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 24 มีนาคม 2009.

แท็ก: แก้ไข
  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    ดิฉันเป็นคนหนึ่ง ที่เคยสงสัยว่า พวกที่อ้างตนว่ามีองค์เทพนั้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่
    ทั้งที่เราก็มีคำสอนของพระพุทธเจ้า อยู่แล้ว
    แล้วพวกร่างทรง องค์เทพ มากันทำไมมากมาย ???

    พอดีได้ไปเจอเวปไซด์หนึ่ง เขียนอธิบายได้ดีมาก
    เลยขออนุญาติ นำมาโพสต์ไว้ เผื่อคนที่ถูกทักว่ามีองค์ หรือคิดว่าตนเองมีนั้น แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร

    จะรู้ได้ยังไงว่ามีองค์เทพ ???

    เมื่อพูดถึงคำว่าร่างทรง คนหลายคนคงนึกถึงภาพคนยืนตัวสั่น พูดจาทำนายทายทัก พูดกันด้วยภาษาแปลกแปลก บ้างก็เปิดเป็นสำนักกัน บ้างเก็บเงินหรือบอกหวยกัน ทำสิ่งที่ลึกลับมีพิธีกรรมแปลกๆซึ่งมักมีทั้งทรงจริง และของปลอมหลอกกัน เพื่อหาผลประโยชน์จากการหลอกให้หลงเชื่องมงายโดยขาดสติปัญญา เรื่องของสวรรค์ นรก เรื่องแปลกๆ เรื่องเหลือเชื่อ อันที่เราสามารถพินิจเห็นอยู่บ่อยๆตามสื่อรายการต่างๆ ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์อันทันสมัย โลกแห่งการแข่งขันทางเศรษฐกิจกันอย่างดุเดือดรุนแรงวุ่นวายจนเราไม่เคยใส่ใจคำว่าคนมีองค์ ไม่เคยคิดแม้แต่ว่ามันจะจริงหรือไม่คิดเพียงว่าเป็นเรื่องไกลตัว ไม่ควรไปใส่ใจให้เสียเวลา เป็นเรื่องเหลวไหล แท้จริงมันเป็นเรื่องใกล้ตัวเราที่สุด จนแทบจะพูดได้เลยว่าเป็นเรื่องของเราเองทีเดียว แต่น้อยคนที่จะสนใจเรื่องเหล่านี้ว่าแท้จริงคือสิ่งใดเกิดขึ้นได้อย่าง เหตุผลใดทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ เรื่องใดเป็นเรื่องจริง เรื่องใดเป็นของปลอม หาได้แต่โทษโชคชะตา หรือไปโทษตัวเองว่า ถ้าเราไม่ทำเช่นนั้นก็คงจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องลี้ลับยากที่จะพิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ มันเป็นเรื่องปัจจัตตังคือรู้และพิสูจน์ได้เฉพาะตน จะว่าไปแล้วคนทุกคนล้วนมีบุญเก่ากรรมเก่าติดตัวมาตั้งแต่เราเกิด ตั้งแต่ปฏิสนธิ มันเป็นเครื่องกำหนดกฏแห่งกรรมของทุกชีวิตที่เกิดมาในโลก ในแง่สิ่งเหนือสามัญวิสัย คนที่มีความซับซ้อนของภพชาติยิ่งมาก ย่อมเคยมีปฏิสัมพันธ์กับคน สัตว์ สิ่งมีชีวิต จิตวิญญาณ ตลอดจนสิ่งศักย์สิทธิ์มามากด้วยเราคงเคยไปก่อกรรมกับใครต่อใครไว้ทั้งดีและชั่วก็มาก ชาตินี้เรามาเกิด แต่คนที่เกี่ยวข้องกับเราบางคนในอดีตชาติ บางดวงจิตอาจมาเกิดร่วมชาติกับเราเพื่อมาชดใช้กรรมซึ่งกันและกันในชาตินี้ ซึ่งเราไม่ทราบว่าเป็นใครบ้าง บางคนยังไม่ได้พบกัน แต่บางคนก็อาจยังไม่ได้มาเกิดอาจยังเป็นเทวดาในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นฟ้า หรือในนรก หรือติดอยู่ในภพภูมิใดตามสัญญากรรม หรือบางคนสามารถพัฒนาจิตหนีเราไปเกิดเป็นพรหม เป็นมหาพรหม มหาเทพไปแล้ว ท่านก็ถือว่าท่านมีกรรมสัมพันธ์กับเรา จึงมีสิทธิที่จะมากำกับชีวิต ช่วยเหลือ ต่ออายุ ให้โอกาสเราหากเราเข้าถึงพระพุทธศาสนา คนเราหลายๆคน เรียกว่ามากมายนักที่มีสัญญากรรมกับเทพที่เกี่ยวข้องกับตนทั้งกรรมเก่าเกี่ยวเก่า กรรมใหม่เกี่ยวใหม่ตามบุคคลาธิษฐาน ท่านจึงคอยมากำกับชีวิตเราตามพื้นฐานของกฏแห่งกรรม แต่ก็ให้โอกาสเราทำกิจกรรมตามที่เคยสัญญากันไว้ก่อนมาเกิด หากใครทำได้ครบ ก็จะส่งบุญเก่าให้บุญเก่าของเราแสดงผลออกมาเป็นรางวัลชีวิต หากถึงเวลาที่กำหนดแล้วทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำเพราะส่วนใหญ่ไม่มีตัวรู้ หลงในเทคโนโลยี แสง สี เสียงสมัยใหม่ จนลืมสัญญากรรม ท่านก็จะอุเบกขาวางเฉยปล่อยให้กรรมเล่นงานเราตามกฏแห่งกรรม คนเหล่านี้จึงมีคลื่นพลังส่งมาจากโลกเหนือสามัญวิสัย แฝงมามาก ส่งมาดลใจ ลองใจเราอยู่ตลอดเวลา คงมีทั้งเจ้ากรรมนายเวร เจ้าบุญนายคุณ และเมื่อถึงกาลที่เหมาะสมเทพท่านจะมาใช้ร่างเราเพื่อให้เราสร้างบารมีคือท่านมาโปรดมนุษย์ ให้เข้าถึงธรรม มาจรรโลงพระพุทธศาสนา มารักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ มาสอนเราโดยส่งญาณอันเป็นรังสีมาสู่ตัวเรา เข้าสู่ระบบสมอง สู่ระบบประสาทจนเกิดแสดงเป็นอาการต่างๆให้เป็นร่างทรง ที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป เพื่อที่เราจะได้สร้างบารมีสามารถฟันฝ่าวิบากกรรมไปได้ คนบางคนที่เขาเรียกว่ามีสัมผัสที่ ๖ ล่วงรู้หรือเห็นชาติภพของตนมาก่อน ชอบเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนที่มีชะตาชีวิตรุนแรงประเภทขึ้นสูงก็สูงไปเลย พอลงต่ำก็ต่ำไปเลย คนบางคนมีความสามารถทางโลกโดดเด่นมาก บ้างก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นในชีวิต บ้างก็มีตำแหน่งในสังคม คนพวกนี้ส่วนใหญ่เกิดจากทางในส่งผลเป็นปัจจัยทั้งสิ้น เรียกว่าคนมีองค์ การที่คนเก่ง ด้วยหน้าที่การงาน มีฐานะตำแหน่งเป็นที่ยอมรับนับถือในสังคม หากคนเหล่านี้จะต้องมาตัวสั่น หรือมาเปิดสำนักคงยากที่คนเหล่านั้นจะยอมรับได้ แต่แท้จริงการพัฒนาร่างทรงต่างหากที่สำคัญ เพราะเมื่อเริ่มแรกเราจะตัวสั่น พูดจาภาษาเทพเร็วๆ ฟังไม่ออก เป็นเพราะเรายังมีตัวรู้ในองค์ญาณ ที่ยังไม่สัมพันธ์กับองค์ฌาน ละเอียดไม่เท่ากับรังสีที่ส่งลงมา เทพท่านส่งมา สิบคำรับได้แค่คำเดียวจึงเกิดเป็นอาการตัวสั่น พูดจาฟังไม่รู้เรื่องที่เรามักเรียกกันว่าพูดภาษาเทพ แท้จริงหากพัฒนาจิตให้ละเอียดจนสามารถรับคลื่นรังสีที่ส่งมาได้ครบถ้วน การพูดก็คือการพูดภาษาปกติมนุษย์นั่นเอง การตัวสั่นยังเป็นเรื่องของอิทธิฤทธิ์ เทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เราจึงยังไม่สามารควบคุมอาการได้ ซึ่งอิทธิฤทธิ์ เทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์นั้นพระพุทธเจ้าทรงยอม รับแต่ทรงรังเกียจ เพราะส่วนใหญ่ง่ายในการนำไปใช้ผิดวิธี ผู้พบเห็นมักศรัทธาด้วยฤทธ์ไม่ใช่เข้าใจด้วยปัญญา หากเราฝึกฝนพัฒนาจิต พัฒนาทักษะ พัฒนาตัวรู้จนละเอียดใกล้เคียงกับรังสีเทพที่ส่งมาหาเรา เราก็จะเริ่มควบคุมตัวเองได้ จะแสดงอาการที่ปรกติมากขึ้นที่เรียกว่าอิทธิฤทธิ์ หรือเทวฤทธิ์อยู่ในขั้น ฤทธานุภาพ และเทวานุภาพ หรือสูงขึ้นจนทายใจคนได้อย่างอัศจรรย์เรียกว่า อาเทศนาปาฏิหาริย์ ซึ่งขั้นนี้พระองค์ก็ยังคงทรงรังเกียจ จนกระทั่งสามารถพัฒนาจิตสู่ขั้นมาตรฐาน คือขั้นจิตตานุภาพ นั่นคือเป็นองค์แฝงไม่พบอาการผิดปกติให้เห็นได้แต่อย่างใด แต่ขณะที่พูดสามารถปล่อยให้ญาณหรือรังสีเทพผ่าน แสดงออกมาหรือพูดออกมาในลักษณะที่ผู้อื่นคิดว่าเป็นการแสดงออกของตัวเราเอง โดยไม่มีใครทราบนอกจากตัวเรา สามารถอธิบายธรรมให้เข้าใจโดยใช้หลักธรรมให้เห็นเด่นชัดด้วยปัญญา มีความสมดุลอย่างสูงในองค์ฌาน และองค์ญาณ คนกลุ่มนี้ชีวิตจะยิ่งโดดเด่นยิ่งขึ้นโดยปาฏิหาริย์ เรียกว่าเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือคำสอนมีผลจริงเป็นมหัศจรรย์ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงสนับสนุนถือว่าดีเยี่ยมเป็นประเสริฐ ทั้งนี้คนที่พบกับวิบากกรรมก็สามารถที่จะดีขึ้นจนสามารถหลุดพ้นจากวิบากกรรมได้ หากเราสามารถทำตามสัญญากรรมข้ออื่นๆได้ครบ การพัฒนาร่างทรงสู่ญาณแฝง และสามารถถ่ายทอดธรรมได้อย่างมหัศจรรย์ จึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำสังคมก้าวไกล มองดูเป็นปกติธรรมดาธรรมชาติ และสังคมยอมรับกันได้ในปัจจุบัน

    ข้อมูลโดย อ. ธวัช คณิตกุล
    http://www.ongtep.com
     
  2. mintt

    mintt Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +50
    เทพท่านมีความละเอียดของจิตมาก แล้วมนุษย์ล่ะ ? สติๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2012
  3. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    คนทุกคน มี ทั่งนั่น เพราะ"กรรม"
     
  4. Pandhaka

    Pandhaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +458
    ขอบคุณครับ
     
  5. pitanad

    pitanad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2006
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +597
    ถูกต้องคะ เพราะว่าเห็นแบบนั้นเหมือนกัน ตอนนี้กำลังอยู่ช่วงพัฒนาให้เข้าสู่จิตตานุภาพ เหนื่อยมาก บางครั้งก็ร้องไห้ ทรมาน ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย แต่ก็ช่างมัน เพราะเคยสร้างไว้ กรรมเก่า และมันก็เป็นธรรมที่ต้องเรียนรู้ อยู่ในมรรคแล้ว รอผลอยู่ สอนคนบ้างแล้ว เฉพาะคนใกล้ตัว ไม่พร้อมที่จะสอนคนอื่น ต้องการเวลาเพื่อพัฒนาก่อน เมื่อสำเร็จพร้อมด้วยดี แล้วก็จะสอนให้ สอนให้ช่วยตัวเองเท่านั้น เคยเขียนกระทู้ไว้ช่วงแรกตอนเป็นใหม่ๆ ทรมานสุด เรื่อง เทพ มารผ่านร่าง เป็นความรู้นะคะ เป็นธรรม ไม่มีอะไรมากกว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้ว ชีวิตนี้ มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนั้น เจริญในธรรมกันทุกคนนะคะ
     
  6. เฒ่าหนังเหนียว

    เฒ่าหนังเหนียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +102
    แหะแหะ โมทนาครับ สัตว์โลกยอมเป็นไปตามกัน ตาใความคิดผม ถ้าเราไม่ไประบขันต์ก็ไม่เห็นเป็นไร สันบ่าง บางเวลา
     
  7. Arithut

    Arithut สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +13
    ..เป็นอย่างนี้นี่เอง...แล้วจะพัฒนาด้วยวิธีใดบ้างล่ะครับ.
     
  8. HS4OFL

    HS4OFL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +1,382
    อนุโมทนาครับ รุ่งน้องผมเข้าก็เป็นร่ายทรง ผมเลยบอกว่าทำไมดีจังเลยได้เป็นร่ายทรง
    น้องเลยบอกผมว่าเป็นเพราะกรรมเก่าครับถึงเกิดมาได้เป็นร่างทรงต้องช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์
     
  9. dalink

    dalink เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +2,436
    ตามสัญญาเก่าที่เคยทำร่วมกันมาค่ะ
     
  10. Tofzz

    Tofzz สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +2
    อย่าลืมนะครับ พวกที่มีฤิทธิ์ จำพวกหนึ่ง ก็คือ อสูรกาย

    อสูรกาย บางตนแปลงกายได้ แปลงกายเป็นเทพ มาให้เราเห็นมาบอกว่าเราเป็นร่างทรง ของเขา ทำนู่นทำนี่ให้เขา

    ต้องคนที่จิต เหนือกว่าอสูรกายจึงจะมองเห็นอสูรกายเป็นอสูรกาย

    อยากให้ลองพิจารณาดู
    กลิ่นสาปของมนุษย์นั้นเป็นของเหม็น เทวดา จะไม่ลงมาเกลือกกลั้ว นอกจากจะลงมาฟังธรรมอันประเสริฐ เท่านั้น เปรียบ ได้กับ ให้มนุษย์ลงไปแช่ใน บ่ออาจม คงไม่มีใครลงไปแช่แน่ๆ
     
  11. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,884
    มีกรรมร่วมกันไว้น่ะ เรื่องบังเอิญไม่มีในโลกนี้
     
  12. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ขันธุ์ห้าเป็นทุกข์ พึงใช้โยโสมนัสสิการพิจารณาแยกแยะอยู่เป็นนิจ จะเห็นกองทุกข์ชัดเจน และเกิดความเบื่อหน่าย นิพพาทา ในที่สุด มิใช่ไม่เชื่อ แต่ควรใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นความจริง

    ปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรม มีความเกรงกลัวและละอายต่อบาปกรรม ไม่ต้องมีองค์ที่ไหนรักษาก็มิเป็นไร หากแต่มีสิ่งที่วิเศษมากกว่านั้นที่พร้อมจะรักษาตน ดังคำกล่าว ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม

    อำนาจแห่งพูทธานุภาพ ธรรมมานุภาพ สังฆานุภาพ เป็นใหญ่ที่สุดในสามโลก ในการปฏิบัติธรรมนั้นเพื่อลด ละ เลิก มิใช่เพื่อให้ได้มา เมื่อใดที่เราดีพอ สิ่งที่เราควรได้จักมาหาเราเอง ถึงแม้ไม่ต้องการก็ต้องได้ เสมือนเป็นโบนัสในการประพฤติดี ปฏิบัติชอบ
     
  13. ขุนไพรีพินาศ

    ขุนไพรีพินาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +218
    ผู้ที่เป็นร่างทรงคุณจะต้องเจอวิบากกรรมเยอะกว่าผู้อื่น การบอกเล่าเรื่องกรรมของผู้อื่นที่มองไม่เห็นแล้วเมื่อเค้าดีขึ้นจะส่งผลสะท้อนกลับมาถึงคุณแต่ถ้าคุณตั้งจิตแน่วแน่ที่จะช่วยเหลือผู้อื่นคุณก็ต้องยอมที่จะเจออุปสรรคต่างๆๆที่จะเข้ามา บ้างคนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นจนวันนึงเมื่อถึงเวลาก็จะรู้ด้วยตัวเอง อนุโมทนาสาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...