จาริกบุญ-จาริกธรรม2

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 14 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.9)

    -สำหรับภิกษุ ให้ใช้สันโดษกับปัจจัย ๔ ฉะนั้น

    -สำหรับชาวบ้าน สันโดษต้องมากับตัวต่อว่า สันโดษในวัตถุบำรุงบำเรอ หรือในการหาความสุขส่วนตัว

    ทีนี้ ยังมีกรณีที่พระพุทธเจ้าไม่ให้สันโดษ คือ ความไม่สันโดษในกุศลธรรมทั้งหลาย ถ้าเป็นกุศลธรรมแล้วพระพุทธเจ้าไม่เคยให้สันโดษเลย

    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ที่เราได้ตรัสรู้นี้ได้เห็นคุณค่าของธรรม ๒ ประการ คือ

    ๑.ความไม่สันโดษในกุศลธรรมทั้งหลาย

    ๒.ความไม่ระย่อในการบำเพ็ญเพียร

    สองข้อนี้เรียกว่า อุปัญญาตธรรม แปลว่า ธรรมที่พระพุทธเจ้าเห็นคุณ ธรรม ๒ ข้อชุดนี้เป็นหลักทั้งในพระสูตรและอภิธรรม ในพระอภิธรรม มีในมาติกา ชุด ๒ (องฺ.ทุก.๒๐/๒๕๑; อภิ.สํ.๓๔/๑๕)

    เพราะฉะนั้นชาวพุทธถ้าใครมาถามว่าพระพุทธเจ้าสอนให้สันโดษใช่ไหม อย่าเพิ่งรีบตอบ ต้องตอบเขาว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนให้สันโดษในวัตถุบำเรอความสุข แต่ให้ไม่สันโดษในกุศลธรรม

    ต้องเน้นว่า ในสิ่งที่ดีงาม ในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์แล้ว ท่านไม่ยอมให้สันโดษเป็นอันขาด

    เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย เราไม่สรรเสริญ แม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมจากกุศลธรรมทั้งหลาย เราสรรเสริญเพียงอย่างเดียว คือ ความก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปในกุศลธรรมทั้งหลาย" (องฺ.ทสก.๒๔/๕๓)

    พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญอย่างเดียว คือ การไม่ยอมหยุดในการเจริญหรือพัฒนากุศลธรรม และมีคาถาในธรรมบทมาอ้างด้วย คือ พระพุทธเจ้าตรัสพระคาถาที่ลงท้ายว่า "วิสฺสาสมาปาทิ อปฺปตฺโต อาสวกฺขยํ" (ขุ.ธ.๒๕/๒๙) ภิกษุจะมีศีลวัตรดี จะได้เป็นพหูสูต จะได้ฌานได้สมาธิ จะได้บรรลุความสุขจากเนกขัมมะ คือเป็นอนาคามี หรือจะอะไรก็ตาม ตราบใดยังไม่สิ้นอาสวะอย่าได้ถึงความวางใจ

    พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนั้น ขนาดเป็นอนาคามีแล้ว บรรลุธรรมเบื้องสูงแล้ว ตราบใดยังไม่สิ้นอาสวะ อย่าหยุด อย่าวางใจ

    เพราะฉะนั้นอาตมาจึงได้เล่าเรื่องพระสูตรหนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระอริยบุคคลที่เป็นโสดาบัน เป็นต้น ได้บรรลุธรรมเบื้องสูงแล้ว เกิดความสันโดษ คือเกิดความพอใจในธรรมที่บรรลุแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่าพระอริยบุคคลนั้นเป็นปมาทวิหารี คือเป็นผู้อยู่ด้วยความประมาท

    ให้สังเกตว่า ขนาดพระอริยบุคคล บรรลุธรรมเบื้องสูงแล้ว เกิดสันโดษขึ้นมา ยังถูกตำหนิว่าเป็นผู้อยู่ด้วยความประมาท (ขุ.ม.๑๙/๑๖๐๑)

     

แชร์หน้านี้

Loading...