ติดตามกิจกรรมพระกรรมฐาน

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR align=right><TD></TD></TR><TR><TD>ผ้าป่า 84,000 กอง สร้างตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลอุดรธานี</TD></TR><TR><TD bgColor=#339900></TD></TR><TR align=right><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>


<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>

ผ้าป่า 84,000กอง​

สร้างตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลอุดรธานี<O​

<O​

 

<TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">วัชรธรรมสถาน </TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.duangkaew.org/index.php?option=com_content&task=view&id=18&Itemid=36

<TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2>

มูลนิธิดวงแก้วในพระสังฆราชูปถัมภ์​

เลขที่ 1/2 ซ.เทศบาล23(กันตะบุตร)
ถ.สุขุมวิท ต.ปากน้ำ อ.เมือง
จ.สมุทรปราการ 10270​

วัชรธรรมสถาน มูลนิธิดวงแก้ว ในพระสังฆราชูปถัมภ์


1. ตารางอบรมปฏิบัติธรรมประจำปี 2552
2. การสมัคร




<HR>

<ADDRESS>ติดตามข้อมูลมูลนิธิได้อีกที่ http://www.oknation.net/blog/duangkaew

http://duangkaew-dkf.blogspot.com/​

</ADDRESS>--------------------------------------------------------------------------------




</PRE>
1. ตารางอบรมปฏิบัติธรรมประจำปี 2552

(ตัวเลขหลังหลักสูตรแสดงจำนวนผู้สมัครสีแดงแสดงว่าเต็ม)



มกราคม
16-17-18 พระอจ.ประสงค์ 28



กุมภาพันธ์
13-14-15 พระอจ.คึกฤทธิ์ 20

20-21-22 พระอจ.บุญกู้




</PRE>

มีนาคม
13-14-15 พระอจ.มานพ

20-21-22 พระอจ.ปริญญา




</PRE>


เมษายน
17-18-19 พระอจ.มานพ

พฤษภาคม 8-9-10 สวนโมกข์

15-16-17 พระอจ.มหาธีระนาถ




</PRE>


มิถุนายน
12-13-14 พระอจ.จิรวัฒน์

19-20-21 พระอจ.คึกฤทธิ์




</PRE>


กรกฏาคม
10-11-12 พระอจ.อำนาจ

17-18-19 พระอจ.อุทัย

31-1-2 พระครูเกษมธรรมทัต




</PRE>

สิงหาคม
7-8-9 พระอจ.บุญกู้

14-15-16 พระอจ.คาเวสโก




</PRE>

กันยายน
11-12-13 พระอจ.มหาธีรนาถ

18-19-20 พระอจ.คาเวสโก




</PRE>

ตุลาคม
9-10-11 พระอจ.อำนาจ

23-24-25 กฐินประจำปี




</PRE>

30-31ตค.-1พย. อจ.พญ. อมรา



พฤศจิกายน
13-14-15 ท่านเจ้าคุณโพธิ์

20-21-22 พระอจ.คาเวสโก



Gr.หมายถึงหลักสูตรพิเศษที่รับเป็นกลุ่มเฉพาะและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองดูรายละเอียดที่ข้อ8(1.2)


* หมายถึงหลักสูตรพิเศษ *

กรุณาสอบถามรายละเอียดก่อนสมัคร


<HR align=center width="100%" SIZE=2>

การภาวนาที่สุสาน (ดูวันเวลาในตาราง * เริ่ม มิย.นี้ )


เป็นการเปิดโอกาสให้ตามดูจิตของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น โดยมีความกลัวเป็นเพื่อน

จิตจะได้ไม่ส่งออกนอกตามแนวทางของครูบาอาจารย์ ผู้จะเข้ารับการอบรมจะต้องผ่านการอบรมที่วัชรธรรมมาแล้ว สมัครใจ

+เตรียมตัว เตรียมใจให้พร้อม รวมทั้ง อุปกรณ์ส่วนตัวให้เรียบร้อย และต้องมีคุณสมบัติดังนี้


-ไม่นอนหลับในสุสาน -ไม่ทานหรือดื่มน้ำใดๆยกเว้นน้ำเปล่า

-รักษาศีล 8 เคร่งครัด ไม่ขาดศีล -ตั้งใจปฏิบัติให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมเสมอ

-สุขภาพแข็งแรงไม่เจ็ป่วย / ไม่สบายในขณะปฏิบัติที่สุสาน


รับเฉพาะผู้เคยเข้ารับการอบรม ณ วัชรธรรมสถานมาแล้วเท่านั้น

การนำไปภาวนานอกสถานที่ตอนกลางคืนที่ สุสาน ระหว่าง17.00น.-05.00น

ควรเตรียม ผ้าอาสนะลองนั่ง+ ผ้ากันหนาว/กันฝน และ / มุ้ง ไฟฉาย

ยา ส่วนตัวไปด้วยนะครับ เฉพาะ.เต้นนอนต้องเอาไปเองนะครับ

(ผู้ที่เคยเข้าอบรมที่สุสานมีประสบการณ์อย่างไรเขียนมาบอกกันในwebboard ด้วยนะครับ)




ครูบาอาจารย์ได้บอกไว้ว่าผีมี เทพมี ทั้งดีและไม่ดี จะให้ปลอดภัยแก่


ตนเองได้จะต้องทำดี มีศีล ธรรม คุ้มครอง ต้องมี พระพุทธ พระธรรม

พระสงฆ์เป็นสรณะไม่ปล่อยตัวเองให้ขาดสติ ไม่เคลิ้มหรือหลับไหล

หมดสติเพราะจะเป็นอันตรายได้ ถ้าทำได้ก็จะปลอดภัย ไม่มีเหตุร้าย

เกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องพิจารณาตนเองให้ดีๆเสียก่อนไม่ทำเล่นๆ


ผู้สนใจติดต่อขอเข้าอบรม ขอรายละเอียดเพิ่มเติม

ที่โทร/โทรสาร 02-876-5399,

2.การสมัคร

ทีมธรรมบริกร จากชมรมพุทธ AIA


กรุณาส่ง ชื่อ นามสกุล อายุ โรคประจำตัว ที่อยู่ เบอร์โทร/โทรสาร

และผู้แนะนำ ทางโทรสารที่ 02 876 5399 ระบุหลักสูตรและเวลา

ที่ต้องการเข้าอบรม ลงลายมือชื่อด้วยตนเอง กรุณาแจ้งด้วยว่าเคย

อบรมที่วัชรธรรมมาก่อนหรือไม่ เมื่อไร? เป็นสมาชิกหมายเลข?

ไม่รับการสมัครแทนกัน และ ต้อง ศึกษาระเบียบปฏิบัติให้เข้าใจ

และแน่ใจว่าสามารถกระทำได้ตลอดการอบรมจึงสมัครเข้าอบรม



รับอบรมครั้งละ 50-60 ท่าน รับเข้าอบรมไม่เกิน 50 คน/หลักสูตร



โดยสมัครก่อนวันอบรมอย่างน้อย 1 เดือนแต่ไม่นานกว่า 4 เดือน

เมื่อสมัครมาแล้ว จนท.จะส่งใบตอบรับไปให้ก่อนอบรมประมาณ1เดือน

เมื่อได้รับแล้วกรุณาส่งFAXเฉพาะส่วนที่1 (เพราะมีคนส่งกลัมมาทั้ง

แผ่นมากซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองและแสดงถึงความไม่ใส่ใจ) ผู้สมัครต้อง

ตอบรับว่า ยืนยันหรือสละสิทธิ์ มายังมูลนิธิฯเพื่อจะได้จัดให้ผู้อื่นที่

รอสำรองอยู่เข้าอบรมได้ ผู้ที่ไม่ตอบรับ ทางมูลนิธิจะขอตัดสิทธิ์ใน

การอบรมให้ผู้ที่รอสำรองอยู่ได้เข้าแทนผู้ที่ตอบรับแล้วแต่ไม่เข้าอบรม

ทางมูลนิธิจะขอตัดสิทธิ์ในการอบรมในครั้งต่อๆไป

กรุณาโทรสอบถาม 1 สัปดาห์ก่อนการอบรม

เพื่อเข้าแทนผู้ที่สละสิทธิ์ หรือ ในกรณีไม่ได้ใบตอบรับ

ลงทะเบียน 08.00 น. วันศุกร์ เลิก16.00 น.วันอาทิตย์







;aa14

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

โยนิโสมนสิการเท่าที่พบในบาลี พอประมวลเป็นแบบใหญ่ๆได้ ดังนี้

1. วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย
2. วิธีคิดแบบแยกแยะส่วนประกอบ
3. วิธีคิดแบบสามัญลักษณ์ หรือ วิธีคิดแบบรู้เท่าทันธรรมดา
4. วิธีคิดแบบอริยสัจจ์ หรือ คิดแบบแก้ปัญหา
5. วิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์
6. วิธีคิดแบบคุณโทษและทางออก
7. วิธีคิดแบบคุณค่าแท้-คุณค่าเทียม
8.วิธีคิดแบบอุบายปลุกเร้าคุณธรรม
9. วิธีคิดแบบเป็นอยู่ในขณะปัจจุบัน
10. วิธีคิดแบบวิภัชชวาทะ

<!--emo&:02:--><!--endemo--> <!--emo&:09:--><!--endemo--> <!--emo&:09:--><!--endemo--> <!--emo&:09:--><!--endemo-->

สมาธิสร้างหรือปิดกั้นปํญญา
http://larndham.net/index.php?showtopic=33722&st=0

____________________________________
"ส่งเสริมเขาไป เดินทางก้าวไม่หยุด ก็ถึงจุดหมายได้" ล.ป.เลี่ยม ฐิตธัมโม วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี มอบให้ ณ ชมรมพุทธ ทีโอที ในมหามงคลวโรกาส ครบรอบ79-80พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ธันวาคม2549

"พุทโธ โพเธยยัง มุตโต โมเจยยัง ติณโณ ตาเรยยัง"
"เมื่อรู้แล้ว จักช่วยผู้อื่นรู้ด้วย เมื่อพ้นทุกข์แล้ว จักช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วย เมื่อข้ามโอฆะแล้ว จักช่วยผู้อื่นข้ามโอฆะด้วย"

"เมื่อได้พุทธภูมิ อภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จักช่วยให้ผู้อื่นได้พุทธภูมิ อภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณด้วย"
​

 

โปรดทราบ ขณะนี้ หลวงตายังไม่มีกำหนดเดินทางมาที่สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ เนื่องจากธาตุยังไม่ค่อยปรกติ คอยติดตามข่าวต่อไป(source:www.luangta.com 16:50 10/12/08)
http://palungjit.org/showthread.php?t=163498<!-- / message -->

 

เว็บไซต์บ้านเรือนไทย หลวงปู่สอ พันธุโล กับหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์
http://www.baanruenthai.com/news.php

 

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยชมรมพุทธศาสน์
ขอเชิญทุกท่านร่วมทำบุญปีใหม่ ถวายภัตตาหาร
และถวายสังฆทานแด่ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น
ภูริทัตโต ประมาณ 40 รูป โดยมีหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก
เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในวันอังคารที่ 23 ธันวาคม 2551
ณ อาคารนันทนาการ ห้องเฟื่องฟ้า 1
รายละเอียด
เวลา 07.15 น.ไหว้พระ รับศีลพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
ตักบาตร
เวลา 08.00 น.ถวายภัตตาหาร และสังฆทาน
พระสงฆ์อนุโมทนา
พ่อแม่ครูอาจารย์ที่นิมนต์มาในวันทำบุญปีใหม่
วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2551
1.หลวงปู่บุญญฤทธิ์ ปัณฑิโต ที่พักสงฆ์สวนทิพย์
อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
2.หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม
ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
3.หลวงปู่ประสาร สุมโน วัดป่าหนองไคร้ ตำบลหนองหิน
อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
4.หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม วัดป่าสีห์พนม
บ้านหนองกุง ตำบลบงใต้ อำเภอสว่างแดนดิน
จังหวัดสกลนคร
5.ท่านพระอาจารย์คำบ่อ ฐิตปัญโญ วัดใหม่บ้านตาล
ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
6.ท่านพระอาจารย์เจริญ ญาณวุฑโฒ วัดถ้ำปากเปียง
ตำบลบ้านถ้ำ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
7.ท่านพระอาจารย์แปลง สุนทโร วัดป่าอุดมสมพร
บ้านหัวนา ตำบลพรรณนา อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร
8.ท่านพระอาจารย์ทองพูล สิริกาโม วัดสามัคคีอุปถัมภ์
บ้านภูกระแต ตำบลวิศิษฐ์ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย
9.ท่านพระอาจารย์สรวง สิริปุญโญ วัดศรีฐานใน
ตำบลศรีฐาน อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร
10.ท่านพระอาจารย์สนธ์ อนาลโย วัดพุทธบูชา แขวงบางมด
เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร
11.ท่านพระอาจารย์แผง สุจิตโต วัดป่าโนนสว่าง
ตำบลนายูง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี
12.ท่านพระอาจารย์คำพอง ปัญญาวุโธ วัดป่านานาชาติ
รัฐเวอจิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
13.ท่านพระอาจารย์อุทัย สิริธโร
วัดเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน ตำบลโป่งตาลอง
อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
14.ท่านพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก
ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
15.ท่านพระอาจารย์ทองคำ กาญจนวัณโณ วัดถ้ำบูชา
ตำบลบ้านต้อง อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย
16.ท่านพระอาจารย์วงศ์ สุภาจาโร วัดโคกอุดม (
คำพะองศ์ ) บลอุดมพร อำเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย
17.ท่านพระอาจารย์อุทัย ธัมมวโร วัดภูย่าอู่
ตำบลคำด้วง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
18.ท่านพระอาจารย์หลอ นาถกโร วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (
ถ้ำพวง ) ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร
19.ท่านพระอาจารย์ขันตี ญาณวโร วัดป่าม่วงไข่
ตำบลสานตรม อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย
20.ท่านพระอาจารย์สาคร ธัมมาวุโธ วัดเวฬุวัน
ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
21.ท่านพระอาจารย์คูณ สุเมโธ วัดป่าภูทอง
ตำบลบ้านผือ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
22.ท่านพระอาจารย์ไม อินทสิริ วัดป่าหนองช้างคาว
ตำบลคอนสาย อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี
23.ท่านพระอาจารย์บุญเลิศ สุจิตโต วัดอรัญวาสี
ตำบลท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
24.ท่านพระอาจารย์แยง สุขกาโม วัดเจติยาคิรีวิหาร (
ภูทอก ) ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดหนองคาย
25.ท่านพระอาจารย์สมบูรณ์ กันตสีโล
วัดป่าสมบูรณ์ธรรม ตำบลป่าแดง อำเภอชาติตระการ
จังหวัดพิษณุโลก
26.ท่านพระอาจารย์เยื้อน ขันติพโล
วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด
จังหวัดสุรินทร์
27.ท่านพระอาจารย์จิรวัฒน์ อัตตรักโข วัดป่าไชยชุมพล
บ้านเสลี่ยงแห้ง1 หมู่3 ตำบลสะเดาะพง อำเภอเขาค้อ
จังหวัดเพชรบูรณ์
28.ท่านพระอาจารย์อุทัย ฌานุตตโม วัดป่าห้วยลาด
ตำบลสานตม อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย
29.พระอาจารย์โกวิญ กันตธัมโม วัดสิงหนาทบรรพต (
ภูสิงห์ ) หมู่5 บ้านภูงาม ตำบลชัยพร อำเภอบึงกาฬ
จังหวัดหนองคาย
30.ท่านพระอาจารย์นิสัย วัดป่าบ้านบง อำเภอภูเรือ
จังหวัดเลย
31.ท่านพระอาจารย์สนอง ชินวังโส วัดป่าดอนบ้านเทือน
ตำบลบ้านผือ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
32.ท่านพระอาจารย์ประพันธ์ อนาวิโล วัดป่าภูหายหลง
บ้านซับสำราญ ตำบลวังกระทะ อำเภอปากช่อง
จังหวัดนครราชสีมา
33.ท่านพระอาจารย์สมบูรณ์ ปุญญกาโม วัดป่าเพิ่มบุญ
หมู่8 บ้านหนองเครือคต ตำบลกลางดง อำเภอกลางดง
จังหวัดนครราชสีมา
34.ท่านพระมหาบุญธัม คุตตปุญโญ วัดพุทธบูชา
แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร
35.ท่านพระครูสมุห์ถาวร สุถาวโร วัดพุทธบูชา
แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร
36.ท่านพระอาจารย์ภัลลภ อภิปาโล วัดป่าเชิงเลน
แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
37.ท่านพระอาจารย์ประพันธ์ ปภัสสโร
วัดมกุฏกษัตริยาราม แขวงบางขุนพรม เขตพระนคร
กรุงเทพมหานคร
38.ท่านพระอาจารย์ดำเกิง วรวุฑโฒ วัดป่าดงชมภูพาน
กิ่งอำเภอชมพูพาน จังหวัดสกลนคร
39.ท่านพระอาจารย์ไชยา สิริธัมโม วัดถ้ำพระสบาย
ตำบลนาครัว อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง
40.ท่านพระอาจารย์สมชาย สุขุมาโร วัดอรัญญบรรพต
ตำบลบ้านหม้อ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย

 

<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1> <!-- / icon and title --><!-- message -->
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">
ขออนุญาตบอกบุญจ้า

เนื่องจากญาติธรรมของอบเป็นเจ้าภาพในการหล่อพระพุทธโสธร ๓ องค์

โดยหล่อสำริดด้วยแบบดินไทยโบราณ สามฤทธิ์

โดยจะถวายไปที่วัดป่าหนองนาโท (พระอาจารย์รวม โอภาโส) ๑ องค์ จ.อุดรธานี (สายหลวงปู่มั่น) เป็นพระประธานประจำหอสรงน้ำ เพื่อออกแห่สรงน้ำเทศกาลสรงกรานต์ให้เป็นประเพณีทุกปีไป

ส่วนอีกหนึ่งองค์จะถวายไปที่วัดแม่อายหลวง ต.แม่อายหลวง จ.เชียงใหม่

และองค์ที่สาม จะถวายไปที่ศูนย์พัฒนาจิตและจริยธรรมจ.กาญจนบุรี(อจ.ยุคลธรณ์ ธรรมบุตร )

ทั้งนี้ เพื่อให้พระพุทธคุณบารมีของพระพุทธโสธร แผ่ปกคลุมไปทุกภาคของประเทศ

การหล่อพระ จะนำเศษโลหะสัมฤทธิ์ที่เหลือมาหล่อ"พระกริ่งแม่สอนลูก" และ"พระชัยพ่อสอนลูก"เก็บไว้เป็นระยะๆทุกครั้งที่มีการหล่อพระประธานต่างๆ เพื่อรอสมโภชน์ฉลองในภายหลัง

ทั้งนี้ จะทำพิธีหล่อในวันมาฆบูชา คือวันจันทร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ นี้ ซึ่งถือว่าเป็นวันมงคล ๑๐๘

โดยจะไปหล่อที่กาญจนบุรี ซึ่งจะมีรถตู้ออกจากสนามหลวงค่ารถประมาณ ๑๕๐ บาท สามารถไปร่วมพิธีได้

ขอเชิญเพื่อนๆร่วมอนุโมทนาบุญร่วมกัน


หากจะร่วมบุญติดต่ออบหลังไมค์

ถ้าจะบริจาคเครื่องเงิน หรือทองคำ กรุณาติดต่ออบหรือคุณมุ่งเต็มใจที่


http://palungjit.org/member.php?u=77439


กระทู้ติดตามกิจกรรมพระพุทธรูป
http://larndham.net/index.php?showtopic=34360&st=83




</TD></TR></TBODY></TABLE>

ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่ามหากุศลสามัคคีซื้อที่ดินถวายสงฆ์และ

ขอเชิญร่วมเททองหล่อ“พระพุทธโสธร”สัมฤทธิ์ หน้าตัก ๑๙ นิ้ว ๓ องค์ พร้อมทั้งร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์“วิชามหารัตนประทีป”อันสืบทอดกันมาแต่โบราณกาล กระทำได้เฉพาะวันจันทร์ตรี (วันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓) เท่านั้น ที่ได้สาบสูญหายไป เพื่อเสริมชะตาชีวิตขจัดอุปสรรคและปกปักรักษา ต่อดวงชะตาและเป็นประทีปห้ามธาตุ อีกทั้งจุดถวายเป็นพุทธบูชา สามารถร่วมกุศลพิธีได้ ณ สถานปฏิบัติธรรม ของ ศูนย์พัฒนาจิตและจริยธรรม “ธรรมบุตร” จ.กาญจนบุรี และเททองหล่อพระฯ

ณ วัดป่าเลไลย์ ตรงข้ามเขาชนไก่ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี



<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD style="BORDER-LEFT-COLOR: #ece9d8; BACKGROUND: white; BORDER-BOTTOM-COLOR: #ece9d8; VERTICAL-ALIGN: top; BORDER-TOP-COLOR: #ece9d8; BORDER-RIGHT-COLOR: #ece9d8" width=123 bgColor=white height=50><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-LEFT-COLOR: #ece9d8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #ece9d8; BORDER-TOP-COLOR: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #ece9d8">มหารัตนประทีป<O








</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
กำหนดการ

วันที่ ๘ ก.พ. ๒๕๕๒ เวลา ๙.๐๐ น. ร่วมทอดผ้าป่าฯ ณ.สถานปฏิบัติธรรมฯ

วันที่ ๙ ก.พ. ๒๕๕๒ เวลา ๘.๐๐ น. เริ่มพิธีบวงสรวง ณ.วัดป่าเลไลย์

เวลา ๘.๓๐ น. กระทำการพิธี “วิชามหารัตนประทีป”

เวลา ๑๓.๓๐ น. เริ่มพิธีเททองหล่อพระฯ<O


หมายเหตุ : หากท่านผู้ใดสนใจร่วมพิธีในครั้งนี้ขอให้เตรียมตะเกียงน้ำมันพืชมาร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วย


หรือติดต่อสอบถามได้ที่ ๐๘๑-๓๓๖-๐๘๕๒, ๐๘๗-๐๒๔-๙๙๙๕<O​

;aa37

สวัสดีครับเพื่อนๆ
ขออนุญาตให้ข้อมูลบอกบุญเพิ่มเติม ครับ
โลหะสัมฤทธิ์ที่เหลือจะนำมาหล่อพระกริ่งแม่สอนลูก พระชัยพ่อสอนลูกที่จะหล่อในงานนี้ด้วยครับ
(เคยหล่อองค์ใหญ่30นิ้วในวันประมาณ25มกราคม)
ขอเชิญอนุโมทนาบุญกันด้วยนะครับ
มุ่งเต็มใจ
สอบถามรายละเอียด
โทร. 0893006902 ได้นะครับ

;aa10
<!-- / message --><!-- sig -->
<!-- / message --><!-- sig -->

 

<TABLE class=tablebg cellSpacing=1 width="100%"><TBODY><TR></TR><TR><TD align=middle>
23491ไไไไ.JPG [ 27.14 KiB | เปิดดู 122 ครั้ง ]

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ขอเชิญร่วมงานบุญอายุวัฒนะหลวงปู่คูณ สุเมโธ
ณ วัดป่าภูทอง บ้านภูทอง ต.ภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2552

วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552
เวลา 07.00 น. ทำบุญตักรบาตร
เวลา 19.00 น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
ในวาระ 66 ปี 43 พรรษาหลวงพ่อคูณ สุเมโธ/แสดงพระธรรมเทศนา

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2552
เวลา 07.00 น. พระสงฆ์บิณฑบาต
เวลา 08.00 น. ถวายจังหันแด่พระสงฆ์-สามเณร
เวลา 10.00 น. สรงน้ำหลวงพ่อคูณ สุเมโธ

จึงขอเรียนเชิญผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในหลวงปู่พระครูวิมลภาวนาคุณ
(หลวงปู่คูณ สุเมโธ) เพื่อแสดงมุทิตาจิตสักการะ และสรงน้ำโดยพร้อมเพียงกัน

ประมวลภาพงานทำบุญครบรอบอายุวัฒนะมงคล 65 ปี
<!-- m -->http://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=1998

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=10&t=20591

 

มหาธรรมะทานด่วนมาก เชิญร่วมถวายธรรมทานด้วยการถวายคอมฯ เพื่อใช้เปิดธรรมะวิทยุชุมชนเพื่อพระพุทธศาสนาวัดเทียบศิลาราม FM 103.75 Mhz

เนื่องจากวัดเทียบศิลาราม หมู่ที่ 18 บ.หลักหินใหม่ ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ได้จัดทำวิทยุชุมชนเพื่อพระพุทธศาสนาวัดเทียบศิลาราม FM 103.75 Mhz ขึ้นด้วยจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา พระธรรมคำสอนของครูบาอาจารย์ต่างๆ ไม่จำกัด โดยไม่มีผู้อุปถัมภ์ใดๆทั้งสิ้นจากวันนั้นถึงวันนี้ 2 ปีกว่าเข้ามาแล้วเครื่องคอมฯ ถึง ณ วันนี้ได้ชำหรุดจนไม่สามารถใช้งานได้เลย ณ ห้องส่งมีคอมฯ เครื่องเดียว จึงบอกบุญมายังท่านผู้ใจบุญทั้งหลายได้ร่วมบุญโดยด่วนที่สุดได้ตามกำลังทรัพย์ของท่าน


อุปกรณ์คอมฯ

จอ 19 " samsung ราคา 3,940 บาท

cpu intel p4 core 2 duo 3 g ราคา 6,190 บาท

เมนบอร์ด Asus p5-kpl / 1600 ราคา 2280 บาท

H/p 250 / 7200 seag9tesata ราคา 1550 บาท

dvd samsung ราคา 900 บาท

การ์ดจอ 256/ gf gigabyte ราคา 1390 บาท

ram 4g/800 ราคา 1790 บาท

case ราคา 1050 บาท

kr/ m ราคา 300 บาท

ทุกท่านสามารถร่วมถวายมหาธรรมะทานได้ที่พระสุพิน อัตตสันโต
ธนาคารกรุงไทย สาขาขุนหาญ หมายเลข 326-0-16077-9

หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร 0856578676

<!-- e -->pharasupinattasanto@gmail.com

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=10&t=20545<!-- e -->

 

<CENTER>เหตุที่ทำให้สีกายและรัศมีของเทวดาต่างกัน

</CENTER>
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><!-- ads code --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-2576485761337625";/* 250x250, created 31/01/09 */google_ad_slot = "7252767143";google_ad_width = 250;google_ad_height = 250;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/+sfgRmluamFuX1R5cGU9amF2YV9zY3JpcHQmRmluamFuX0xhbmc9dGV4dC9qYXZhc2NyaXB0+/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 250px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 250px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><IFRAME id=google_ads_frame1 style="LEFT: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px" name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-2576485761337625&dt=1235478790906&lmt=1235478790&output=html&slotname=7252767143&correlator=1235478790906&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Fshowthread.php%3Ft%3D163478&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Fsearch.php%3Fsearchid%3D2491704&frm=0&ga_vid=1554496464.1223058946&ga_sid=1235464718&ga_hid=249997603&ga_fc=true&flash=9.0.124.0&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_his=15&u_java=true&dtd=31&w=250&h=250&xpc=m1dtXCzvFH&p=http%3A//palungjit.org" frameBorder=0 width=250 scrolling=no height=250 allowTransparency></IFRAME></INS></INS>
<CENTER></CENTER>

จากพระไตรปิฎก

พระอนุรุทธะ กล่าวว่า เวลาเทวดาประชุมกันย่อมมีสีกายต่างกัน แต่รัศมีเหมือนกัน เปรียบเหมือนจุดคบเพลิงมารวมกันหลายดวง จะมีเปลวต่างกันแต่แสงสว่างไม่ต่างกัน แต่ถ้าเทวดาแยกกันอยู่จะมีสีกายและรัศมีต่างกัน เหมือนคบเพลิงที่จุดแยกกัน ย่อมมีเปลวและแสงสว่างต่างกัน

ณ ที่เดียวกันนั้น พระอภิยะ พระกัจจานะ ซึ่งเดินทางไปด้วยได้ถามว่า เทวดาบางพวกมีรัศมีน้อย บางพวกรัศมีมาก อะไรเป็นสาเหตุให้เป็นเช่นนั้น

ท่านอนุรุทธะกล่าวว่า ที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะการเจริญเจโตวิมุตติอันเป็นมหัคคตะ (แผ่เมตตา มุทิตา อุเบกขา ไปในพื้นที่ที่ถือว่ามีอารมณ์ยิ่งใหญ่) อันมีจุดขอบเขตแตกต่างกัน คือ บางคนยึดจุดบริเวณโคนต้นไม้ ๒ - ๓ ต้น บางคนยึดบริเวณขอบเขตบ้าน บางคนขยายขอบเขตออกไปเป็น ๒ - ๓ หมู่บ้าน

บางคนขยายขอบเขตออกไปถึงมหาอาณาจักรหนึ่งหรือมากกว่า และยังมียิ่งกว่านั้นอีก คือขยายออกไปถึงตลอดพื้นแผ่นดินและมหาสมุทร เมื่อขอบเขตการเจริญเจโตวิมุตติกว้างและแคบแตกต่างกันเช่นนี้ หลังจากสิ้นชีวิตเกิดเป็นเทวดา รัศมีจึงแตกต่างกัน บางคนมีรัศมีมาก บางคนมีรัศมีน้อย

ส่วนเทวดาที่มีรัศมีบริสุทธิ์ และรัศมีเศร้าหมองนั้น ขึ้นอยู่กับขณะเจริญภาวนา ถ้าสามารถข่มความง่วงนอนและความฟุ้งซ่านได้ เมื่อเกิดเป็นเทวดาก็จะมีรัศมีบริสุทธิ์ แต่ถ้าไม่สามารถทำให้จิตผ่องใสได้ เมื่อเกิดเป็นเทวดาก็จะมีรัศมีเศร้าหมองได้



ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...oup=1&gblog=15

http://palungjit.org/showthread.php?t=163478​

<!-- / message --><!-- sig -->

 

รางวัลที่ ๑ โดย สุชีพ ปุญญานุภาพ

ขอแนะนำให้อ่านโดยทันที เป็นคำอธิษฐานที่ ไพเราะ และประทับใจมากๆ เพื่อจิตที่เป็นสุขสงบอย่างบริสุทธิ์ ขออนุโมทนา

สมาคมพระพุทธศาสนาแห่งหนึ่งประกาศชักชวนประชาชนให้ส่งข้อเขียนเรื่อง " ถ้าข้าพเจ้าจะเปิดเผยความปรารถนาหรือคำอธิษฐาน" ไปที่สมาคม ฉบับของใครดีที่สุดจะได้ีรับรางวัล

แต่รางวัลนั้นก็แปลกอยู่ คือแทนที่จะเป็นเงินเป็นทองหรือของที่ระลึก กลับเป็นว่าข้อเขียนของผู้นั้นจะได้รับการพิจารณาจัดพิมพ์ในวารสารของสมาคม ที่ออกเป็นประจำนั้นส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งจะจัดพิมพ์เป็นใบปลิวหรือจุลสารสำหรับแจกแก่ประชาชน เพราะฉะนั้นรางวัลดังกล่าวนี้ ก็คือการได้มีส่วนช่วยกันบำเพ็ญประโยชน์แก่คนทั่วไป ซึ่งทางสมาคมถือว่าสูงกว่าการได้เงินทองหรือสิ่งของ

ข้อกำหนดนั้นมีอยู่ว่า ถ้าท่านจะตั้งความปรารถนาใดๆ หรืออธิษฐานจิตเพื่ออะไรในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน และถ้าท่านจะเปิดเผยความปรารถนาหรือคำอธิษฐานนั้นให้คนอื่นได้ทราบบ้าง ก็ขอให้เขียนมาเป็นข้อ ๆ ไม่เกิน ๑๐ ข้อ และจะอธิบายคลุมทั้งหมดก็ได้ แต่คำอธิบายทั้งหมดนั้นจะต้องไม่ยาวเกิน ๑ หน้ากระดาษ

คนที่ได้ทราบประกาศนี้พากันสนใจ ที่เห็นว่าเป็นการประกวดไม่ซ้ำแบบใคร และมีทีท่าว่าเป็นคำสอนไปในตัวของสมาคมพระพุทธศาสนาแห่งนั้น ตั้งแต่เริ่มประกาศให้ประชาชนรู้ คือเป็นคำสอนแบบให้คิดเอาเอง ใครคิดเป็นก็ได้รับคำสอนมาก ใครคิดไม่เป็นหรือคิดไม่ออก ประกาศนั้นไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไร แต่กลับให้สติที่จะช่วยกันบำเพ็ญประโยชน์สาธษรณะ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนด้วยซ้ำ

กรรมการสมาคมปรึกษากันว่า ผู้ส่งข้อความเข้าประกวดถ้ามีถึง ๑๐ คน ก็นับว่าน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งแล้ว แต่กลับปรากฎว่า มีผู้ส่งข้อความเข้าประกวดอย่างมากมายเกินที่คาดคิดไว้

คณะกรรมการของสมาคมต้องตรวจข้อเขียนที่ส่งมาประกวดนั้นอย่างเคร่งเครียด ในจำนวนข้อเขียนหลายร้อยฉบับ มีอยู่ฉบับหนึ่งที่เขียนส่งมาเฉพาะคำแสดงความปรารถนาหรือคำอธิษฐาน รวม ๑๐ ข้อ ไม่มีคำอธิบายประกอบ ในการนี้ผู้ส่งมากล่าวว่าเห็นว่าคำอธิษฐานเหล่านี้ชัดเจนในตัวแล้วจึงไม่จำเป็นต้องเขียนอธิบายเพิ่มเติมอีก เว้นไว้แต่ตอนท้ายคำอธิษฐาน ได้กล่าวสรุปไว้เพื่อให้เห็นว่า ตัวผู้เขียนยังไม่ดีพอ จึงต้องมีหลักฐานไว้เตือนตัวเอง และที่แปลกก็คือ เป็นคำอธิษฐานเพื่อคุณธรรม มากกว่าการขอทรัพย์สมบัติใด ๆ คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ตัดสินให้ข้อเขียนของผู้นั้นได้รางวัลที่ 1 แต่ก็ไม่สามารถทราบได้ว่าผู้นั้นเป็นใคร เพราะมิได้ให้ชื่อที่อยู่กำกับไว้ด้วย

ข้อเขียนที่แสดงถึงความปรารถนาหรือ คำอธิษฐาน ๑๐ ประการนั้น มีดังต่อไปนี้

๑. ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนคิดจะได้ดีอะไรอย่างลอย ๆ นั่งนอนคอยแต่โชควาสนา โดยไม่ลงมือทำความดี หรือไม่เพียรพยายาม สร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ตน ถ้าข้าพเจ้าจะได้ดีอะไรก็ขอให้ได้เพราะทำได้ทำความดีอย่างสมเหตุผลเถิด

๒. ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนลืมตนดูหมิ่นเหยียดหยามใคร ๆ ซึ่งอาจด้อยกว่าในทางตำแหน่ง ฐานะการเงิน หรือในทางวิชาความรู้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ให้เกียรติแก่เขาตามความเหมาะสมในการติดต่อเกี่ยวข้องกันเถิด อย่าแสดงอาการข่มขู่เยาะเย้ยใครๆ ด้วยประการใดๆเลย ก็ขอให้มีความอ่อนโยน นุ่มนวล สุภาพเรียบร้อยเถิด

๓. ถ้าใครพลาดพลั้งลงในการครองชีวิตหรือต้องประสบความทุกข์ ความเดือดร้อนเพราะเหตุใดๆก็ตาม ขออย่าให้ข้าพเจ้าเหยียบย่ำซ้ำเติมคนเหล่านั้น แต่จงมีความกรุณาหาทางช่วยเขาลุกขึ้น ช่วยผ่อนคลายความทุกข์ร้อนแก่เขาเท่าที่จะสามารถทำได้

๔. ใครก็ตามที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมาเท่าเทียมหรือเกือบเท่าเทียมข้าพเจ้าก็ดี มีความรู้ความสามารถหรือมีผลงานอันปรากฏดีเด่น สูงส่งอย่างน่านิยมยกย่องยิ่งกว่าข้าพเจ้า ขออย่าให้ข้าพเจ้ารู้สึกริษยาหรือกังวลใจในความเจริญของผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย ข้อให้ข้าพเจ้าพลอยยินดีในความดี ความรู้ความสามารถของบุคคลเหล่านั้นด้วยใจจริง ช่วยส่งเสริมสนับสนุนและให้กำลังใจแก่คนเหล่านั้น อันเข้าลักษณะการมีมุทิตาจิตในพระพุทธศาสนา ซึ่งตรงกันข้ามกับความริษยา ขออย่าให้เป็นอย่างบางคน ที่เกรงนักหนาว่าคนอื่นจะดีเท่าเทียมหรือดียิ่งกว่าตน คอยหาทางพูดจาติเตียน ใส่ไคล้ให้คนทั้งหลายเห็นว่าผู้นั้นยังบกพร่องอย่างนั้นอย่างนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีน้ำใจสะอาด พูดส่งเสริมยกย่องผู้อื่นที่ควรยกย่องเถิด

๕. ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีน้ำใจเข็มแข็งอดทน อย่าเป็นคนขี้บ่น ในเมื่อมีความยากลำบากอะไรเกิดขึ้น ขอให้มีกำลังใจต่อสู้กับความยากลำบากนั้น ๆ โดยไม่ต้องอ้อนวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วย ขออย่าเป็นคนอ่อนแอเหลียวหาที่พึ่ง เพราะไม่รู้จักทำตนให้เป็นที่พึ่งของตนเลย ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนชอบได้อภิสิทธิ์ คือ สิทธิเหนือคนอื่น เช่น ไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็ขอให้พอใจนั่งคอยตามลำดับ อย่าวุ่นวายจะเข้าตรวจก่อน ทั้งที่ตนไปถึงทีหลัง ในการสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกใด ๆ ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดหาวิธีลัดหรือวิธีทุจริตใดๆ รวมทั้งขออย่าได้วิ่งเต้นเข้าหาคนนั้นคนนี้ เพื่อให้เขาช่วยให้ได้ผลดีกว่าคนอื่น ทั้งๆที่ข้าพเจ้าอาจมีคะแนนสู้คนอื่นไม่ได้เถิด

๖. ข้าพเจ้าทำงานที่ใด ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดเอาเปรียบหรือคิดเอาแต่ได้ในทางส่วนตัว เช่น เถลไถลไม่ทำงาน รีบเลิกงานก่อนกำหนดเวลา ขอจงมีความขยันหมั่นเพียร พอใจในการทำงานให้ได้ผลดี ด้วยความตั้งใจและเต็มใจ เพื่อประโยชน์ของตนเอง ฉะนั้นเถิด อันเนื่องมาแต่ความไม่คิดเอาเปรียบในข้อนี้ ถ้าข้าพเจ้าบังเอิญก้ำเกินข้าวของ ของที่ทำงานไปในทางส่วนตัวได้บ้าง เช่น กระดาษ ซอง หรือ เครื่องใช้ใด ๆ ขอให้ข้าพเจ้าระลึกอยู่เสมอว่าเป็นหนี้อยู่ และพยายามใช้หนี้คืนด้วยการซื้อใช้ หรือทำงานให้มากกว่าที่กำหนด เพื่อเป็นการชดเชยความก้ำเกินนั้น ข้อนี้รวมทั้ง ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเอาเปรียบชาติบ้านเมือง เช่น ในเรื่องการเสียภาษีอากร ถ้ารู้ว่ายังเสียน้อยไปกว่าที่ควร หรือตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะชดใช้แก่ชาติบ้านเมืองอยู่เสมอ เมื่อมีโอกาสตอบแทนเมื่อไร ขอให้รีบตอบแทนโดยทันที เช่น ในรูปแห่งการบริจาคบำรุงโรงพยาบาล บำรุงการศึกษาหรือบริจาคเพื่อสาธารณะประโยชน์อื่น ๆ แบบบริจาคให้มากกว่าที่รู้สึกว่ายังเป็นหนี้ชาติบ้านเมืองอยู่เสมอ และในข้อนี้ขอให้ข้าพเจ้าปฏิบัติแม้ต่อเอกชนใด ๆ ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดเอาเปรียบหรือโกงใครเลยแม้แต่น้อย แม้แต่จะซื้อของ ถ้าเขาถอนเงินเกินมา ก็ขอให้ข้าพเจ้ายินดีคืนให้เขากลับไปเถิด อย่ายินดีว่ามีลาภ เพราะเขาทอนเงินเกินมาให้เลย

๗. ขออย่าให้ข้าพเจ้ามักใหญ่ใฝ่สูง อยากมีหน้ามีตา อยากมีอำนาจ อยากเป็นใหญ่เป็นโต ขอให้ข้าพเจ้าใฝ่สงบ มีความเป็นอยู่อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องเดือดร้อนในเรื่องการแข่งดีกับใคร ๆ ทั้งนี้เพราะข้าพเจ้าพอจะเดาได้ว่า ความมักใหญ่ใฝ่สูง ความอยากมีหน้ามีตา ความอยากมีอำนาจ และอยากเป็นใหญ่เป็นโตนั้น มันเผาให้เร่าร้อน ยิ่งต้องแข่งดีกับใคร ๆ ด้วยก็ยิ่งทำให้เกิดความคิดริษยา คิดให้ร้ายคู่แข่งขัน ถ้าอยู่อย่างใฝ่สงบมีความเป็นอยู่อย่างง่าย ๆ ก็จะเย็นอกเย็นใจ ไม่ต้องนอนก่ายหน้าผากถอนใจเพราะเกรงคู่แข่งจะชนะ ไม่ต้องทอดถอนใจเพราะไม่สมหวัง ขอให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจซาบซึ้งในพระพุทธภาษิตว่า "ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ละความชนะความแพ้เสียได้ ย่อมอยู่เป็นสุข" ดังนี้เถิด แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่า เมื่อใฝ่สงบแล้ว ข้าพเจ้าจะต้องอยู่อย่างเกียจคร้านไม่สร้างความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ข้าพเจ้าทราบดีว่าพระพุทธศาสนามิได้สอนให้คนเกียจคร้านงอมืองอเท้า แต่สอนให้มีความบากบั่นก้าวหน้าในทางที่ดีไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม และความบากบั่นก้าวหน้าดังกล่าวนั้น ไม่จำเป็นต้องผูกพันอยู่กับความทะยานอยาก หรือความมักใหญ่ใฝ่สูงใด ๆ คงทำงานไปตามหน้าที่ให้ดีที่สุด ผลดีก็จะเกิดตามมาเอง

๘. ขอให้ข้าพเจ้าหมั่นปลูกฝั่งความรู้สึกมีเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่น และมีกรุณาคิดจะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ซึ่งพระพุทธเจ้าแนะนำให้ปูพื้นจิตใจด้วยเมตตากรุณาดังกล่าวนี้อยู่เสมอ จนกระทั่งไม่รู้สึกว่ามีใครเป็นศัตรูที่จะต้องคิดกำจัดตัดรอนเข้าให้ถึงความพินาศ ใครไม่ดี ใครทำชั่วทำผิดขอให้เขาคิดได้กลับตัวได้เสียเถิด อย่าทำผิดทำชั่วอีกเลย ถ้ายังขืนทำต่อไปก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เขาจะต้องรับผลแห่งกรรมชั่วของเขาเอง เราไม่ต้องคิดแช่งชักให้เขาพินาศ เขาก็จะต้องถึงความพินาศของเขาอยู่แล้ว จะต้องแช่งให้ใจเราเดือดร้อนทำไม ขอให้ความเมตตาคิดจะให้เป็นสุข และกรุณาคิดจะช่วยให้พ้นทุกข์ซึ่งข้าพเจ้าปลูกฝังขึ้นในจิตใจนั้น จงอย่าเป็นไปในวงแคบและวงจำกัด ขอจงเป็นไปทั้งในมนุษย์และสัตว์ทุกประเภท รวมทั้งสัตว์ดิรัจฉานด้วย เพราะไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์เหล่านั้น ต่างก็รักสุขเกลียดทุกข์ รู้จักรักตนเองปรารถนาดีต่อตนเองด้วยดันทั้งสิ้น

๙. ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนโกรธง่าย ต่างว่าจะโกรธบ้าง ก็ขอให้มีสติรู้ตัวโดยเร็วว่ากำลังโกรธ จะได้สอนใจตนเองให้บรรเทาความโกรธลง หรือถ้าห้ามใจให้โกรธไม่ได้ ก็ขออย่าให้ถึงกับคิดประทุษร้ายผู้อื่น หรือคิดอยากให้เขาถึงความพินาศ ซึ่งนับเป็นมโนทุจริตเลย ขอจงสามารถควบคุมจิตใจให้เป็นปรกติได้โดยรวดเร็ว เมื่อมีความไม่พอใจหรือความโกรธเกิดขึ้นเถิด และเนื่องมาจากความปรารถนาข้อนี้ ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนผูกโกรธ ให้รู้จักให้อภัย ทำใจให้ปลอดโปร่งจากการผูกอาฆาตจองเวร ขอให้มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น โดยรู้จักเปรียบเทียบกับตัวข้าพเจ้าเองว่าข้าพเจ้าเองก็อาจทำผิด พูดผิด คิดผิด หรือ อาจล่วงเกินผู้อื่นได้ ทั้งโดยมีเจตนาและไม่เจตนา ก็ข้าพเจ้าเองยังทำผิดได้ เมื่อผู้อื่นทำอะไรผิดพลาดล่วงเกินไปบ้าง ก็จงให้อภัยแก่เขาเสียเถิด อย่าผูกใจเจ็บหรือเก็บความรู้สึกไม่พอใจนั้นมาขังอยู่ในจิตใจ ให้เป็นพิษเป็นภัยแก่ตัวเองเลย

๑๐. ขอให้ข้าพเจ้ามีความรู้ความเข้าใจและสอนใจตัวเองได้เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธศาสนา ทั้งทางโลกและทางธรรม กล่าวคือ พระพุทธศาสนาสอนให้รู้จักสร้างความเจริญแก่ตนในทางโลก และสอนให้ประพฤติปฏิบัติยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ให้มีปัญญาเข้าใจปัญหาแห่งชีวิต เพื่อจะได้ไม่ติดไม่ยึดถือ มีจิตใจเบาสบายอันเป็นความเจริญในทางธรรม ซึ่งรวมความแล้วสอนให้เข้ากับโลกได้ดี ไม่เป็นภัยอันตรายแก่ใคร ๆ แต่กลับเป็นประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ แต่ก็ได้สอนไปในทางธรรมให้เข้ากับธรรมได้ดี คือให้รู้จักโลก รู้เท่าโลกและขัดเกลานิสัยใจคอให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อบรรลุความดับทุกข์ ความพ้นทุกข์ ขอให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจทั้งทางโลกทางธรรม และปฏิบัติตนให้ถูกต้องได้ทั้งสองทาง รวมทั้งสามารถหาความสงบใจได้เองและสามารถแนะนำชักชวนเพื่อนร่วมชาติร่วมโลก ให้ได้ประสบความสุขสงบได้ตามสมควรเถิด

ความปรารถนาหรือคำอธิษฐานรวม ๑๐ ประการของข้าพเจ้านี้ ข้าพเจ้าตั้งไว้เพื่อเป็นแนวทางเตือนใจหรือสั่งสอนตัวเอง เพราะปรากฏว่าตัวข้าพเจ้าเองยังมีข้อบกพร่อง ซึ่งจะต้องว่ากล่าวตักเตือนคอยตำหนิตัวเองเสมอ ข้าพเจ้าจึงคิดว่าถ้าได้วางแนวสอนตัวเองขึ้นไว้เช่นนี้ เมื่อประพฤติผิดพลาดก็อาจระลึกได้ หรือ มีหลักเตือนตนได้ง่ายกว่าการที่จะนึกว่าข้าพเจ้าดีพร้อมแล้ว หรือเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แล้ว ซึ่งนับเป็นความประมาทหรือลืมตัวอย่างยิ่ง

http://palungjit.org/showthread.php?t=164726&page=35
<!-- / message --><!-- sig -->

 

ขอเชิญเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าในงานยกช่อฟ้า ณ วัดเทียบศิลาราม

บ.หลักหินใหม่ ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ 33150

ท่านสามารถร่วมได้ตาม กำลังครับที่ธนาคารกรุงเทพฯ

สาขากันทรลักษ์ หมายเลขบัญชี 351-0-80890-4

ชื่อบัญชีพระสุพิน อัตตสันโต โทร 085.657.8676



ขอรับบริจาคเพื่อถวายพระสงฆ์ 70 รูป ในงานดั่งนี้

1. สื่อธรรมะทุกชนิด 2. ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัว 70 ผื้น

3. กาปั้นน้ำชา 70 ตัวๆละ 290 บาท

ในวันที่ 13-15 มีนาคม 2552


กำหนดการ

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2552 แรม 3 ค่ำ เดือน 4
- แห่ผะเหวด จากวงกลม อำเภอขุนหาญ มายังวัดเทียบศิลาราม
วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม 2552 แรม 4 ค่ำ เดือน 4
- ร่วมฟังเทศน์มหาชาติ
- จัดตั้งองค์ผ้าป่า สมโภชน์ตลอดคืน ( สวดอิติปิโส )
วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2552 แรม 5 ค่ำ เดือน 4
- พิธียกช่อฟ้าศาลาสมฐม
- พิธีทอดถวายองค์ผ้าป่าสามัคคี

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=10&t=20722

 

โดย เรือนธรรม


อบรมพุทธธรรม

ประจำเดือน มีนาคม ๒๕๕๒ ณ ห้องหนังสือเรือนธรรม

โทรศัพท์ ๐-๒๒๔๔๘๒๙๒ : http://www.ruendham.com/

วันพฤหัสบดี - วันอาทิตย์ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๕.๐๐ น.: ฟังธรรมบรรยาย วันพฤหัสบดี : พระอภิธรรม

โดย พระอาจารย์ทวี เกตุธมฺโม

วันศุกร์ : พระอภิธรรม

โดย พระอาจารย์มหาบุญช่วย ปัญญาวชิโร วัดบางยี่ขัน

วันเสาร์ เวลา ๐๙.๓๐-๑๕.๐๐ น.

: เช้า จิตปรมัตถ์

: บ่าย เจตสิกปรมัตถ์

โดย อาจารย์บุญณัฐศักดิ์ ทวิพัฒน์

วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๕.๓๐ น.

:เช้า จิตปรมัตถ์

:บ่าย เจตสิกปรมัตถ์

โดย อาจารย์บุญณัฐศักดิ์ ทวิพัฒน์

กิจกรรมประจำเดือน

๒๗ - ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๒ : อบรมสมาธิเบื้องต้น ระดับ ๒

๒๔- ๒๖ เมษายน ๒๕๕๒ : อบรมสมาธิเบื้องต้น ระดับ ๑

(เข้าวันศุกร์ เวลา ๑๙.๐๐ น. ออกวันอาทิตย์ เวลา ๑๖.๐๐ น.)

อบรมสมาธิเบื้องต้น เป็นคอร์สเหมาะสำหรับผู้เริ่มใหม่ในการปฏิบัติที่ถูกต้อง

กรุณาสำรองที่ล่วงหน้า (ไม่มีค่าใช้จ่าย) โทร. ๐-๒๒๔๔-๘๒๙๒

หมายเหตุ อบรมสมาธิระดับ ๒ จะมีทุกสามเดือน

อบรมคอร์สธรรมภาษาอังกฤษ

เริ่ม วันเสาร์-อาทิตย์ แรกของทุกเดือน

เวลา ๙.๐๐-๑๗.๐๐ น. มาเช้าเย็นกลับ

โดย อาจารย์กัญญา วรเนตร

สนใจติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ ๐๘-๑๔๐๒-๗๙๙๖

ทุกวันเสาร์ เวลา ๑๐.๐๐- ๑๒.๐๐ น.

เชิญร่วมกิจกรรมหัวเราะเพื่อสุขภาพ

โดย อาจารย์กสานติ์ วณิชชานนท์

(ยกเว้นเสาร์แรกของเดือนไม่มีนะค่ะ)

http://ruendham.com/news_post.php?id=291&room=1
<!-- End Comment 30-->

 

แผ่นประกาศประชาสัมพันธ์ที่อาจารย์ยุวดี ฝากแจ้งครับ

ขอเชิญทุกท่านร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพสร้างตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ร.พ.สมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จ.สกลนคร



ด้วยท่านพระอาจารย์ทองปาน จารุวัณโณ เจ้าอาวาสวัดป่าสันตินิมิต ต.เป๊าะ อ.บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ ( ศิษย์ในหลวงปู่บุญจันทร์ กมโล พระกรรมฐาน ในสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) ท่านเกิดที่ อ.สว่างแดนดิน จ. สกลนคร ได้รับการปรารภเหตุผลจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จ พระยุพราชสว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

ขอให้ท่านเมตตาเป็นผู้นำศรัทธาประชาชนร่วมบริจาคสร้างตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉินใหม่ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ป่วยมารับการรักษาที่ ตึกอุบัติเหตุ และฉุกเฉินมากขึ้น เฉลี่ยไม่น้อยกว่าวันละ 80 คน เนื่องจากโรงพยาบาลอยู่ในแหล่งชุมชนหนาแน่น ส่วนตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉินเก่าอยู่ห่างไกลจากตึกผู้ป่วยนอกถึง 350 เมตร ทำให้ลำบากต่อการส่งผู้ป่วยไปใช้บริการระหว่างสองตึกนี้ และยามฉุกเฉินอาจจะช่วยเหลือผู้ป่วยไม่ทันการ เพราะโดยทั่วไปโรงพยาบาลเกือบทุกแห่งในประเทศไทย จะสร้างตึกผู้ป่วยนอกและตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉินให้อยู่ใกล้กัน

ท่านผู้อำนวยการจึงคิดจะสร้างตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉินใหม่ โดยสร้างให้อยู่ใกล้กับตึกผู้ป่วยนอก ลักษณะเป็นอาคาร 1 ชั้นพื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,200 ตารางเมตรสำหรับตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉินเก่า จะปรับปรุงเป็นตึก ไอซียู ต่อไป การแบ่งพื้นที่ใช้สอยสำหรับอาคารหลังนี้ ประกอบด้วยห้องต่างๆรวม 18 ห้องได้แก่ ห้องช่วยชีวิต ห้องรักษาพยาบาล ห้องตรวจโรคภายใน ห้องฉีดยา ห้องทำแผล ห้องทำงานพยาบาล ห้องผ่าตัดเล็ก ห้องพักรอดูอาการ ห้องศูนย์บริการฉุกเฉิน(EMS) ห้องล้างตัว ห้องทำบัตร ห้องจ่ายยา ห้องเก็บเงิน ห้องแพทย์เวร ห้องพักพยาบาล ห้องสุขาและห้องสุขาสำหรับผู้พิการ เป็นต้น

งบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างทั้งสิ้น 19,000,000 บาท ( สิบเก้าล้านบาท ) เนื่องจากยังของบประมาณจากรัฐบาลไม่ได้ จึงขอรับบริจาคจากท่านผู้มีจิตศรัทธา ผ่านท่านพระอาจารย์ทองปาน จารุวัณโณ ซึ่งเท่ากับว่าทุกท่านได้ร่วมทำบุญสร้างตึกอุบัติเหตุถวายเป็นสังฆทาน เมื่อสร้างเสร็จแล้วพระสงฆ์จึงบริจาคให้กับโรงพยาบาลต่อไป ทำให้ได้บุญหลายต่อและโครงการนี้ยังได้รับเกียรติจาก ท่านเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร (ธรรมยุต) เป็นประธานที่ปรึกษา ท่านได้นำคณะสงฆ์ในจังหวัดสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง และพุทธศาสนิกชน ทอดผ้าป่าสมทบทุนสร้างอาคารหลังนี้ พร้อมทั้งวางศิลาฤกษ์อาคาร เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2551 ปัจจุบันยังขาดปัจจัยอีกประมาณ 11 ล้านบาท นอกจากนี้ ศาสตราจารย์นายแพทย์สุชาย สุนทราภา รองคณบดีฝ่ายจริยธรรมและคุณธรรม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ให้เกียรติเป็นกรรมการจัดหาทุนสร้างอาคารหลังนี้ด้วย สำหรับการควบคุมและดำเนินการสร้าง

นำโดยท่านพระอาจารย์ทองปาน จารุวัณโณ โดยมีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญฝ่ายต่างๆเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้วิศวกรทุกท่านมาช่วยงานโดยไม่คิดค่าตอบแทน นอกจากนี้ยังมีผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเป็นค่าเหล็กเส้น ค่าไม้เสาเข็ม ค่าไม้แบบ เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า การสร้างอาคารหลังนี้พยามใช้งบประมาณอย่างประหยัด และมีคุณภาพอย่างที่สุด ขณะนี้กำลังดำเนินการทำฐานรากและตามด้วยงานด้านโครงสร้างอาคาร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 ต่อจากนั้นจะเป็นงานด้านสถาปัตยกรรม การวางระบบท่อต่างๆ เช่นประปา ไฟฟ้า แอร์ ท่อออกซิเจนทั่วอาคาร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมีนาคม พ.ศ. 2553 ถ้าสามารถหาปัจจัยมาได้ทันตามที่ตั้งงบประมาณไว้ สำหรับอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆที่จะต้องจัดหามาใช้ในอาคารหลังนี้ ไม่รวมอยู่ในงบประมาณที่กล่าวมาข้างต้น

ดังนั้น จึงขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมบุญมหากุศล อานิสงส์นั้นมีมากมายเพราะท่านได้ช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินให้มีชีวิตอยู่ต่อไป กุศลผลบุญจะช่วยให้ท่านและครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากภยันตรายใดๆทั้งปวง จะทำสิ่งใดก็ขอให้มีผู้คอยให้ความช่วยเหลือ มีโอกาสสร้างบุญบารมีได้สูงส่งยิ่งๆขึ้นไป และส่งผลให้สำเร็จมรรคผลนิพพานโดยเร็วพลันเทอญ หรือท่านจะเป็นผู้เผยแพร่ข่าวบุญกุศลนี้ไปยังผู้มีจิตศรัทธาที่รู้จักกัน โดยรวบรวมปัจจัยเป็นเจ้าภาพสร้างห้องแต่ละห้อง ซึ่งทางโรงพยาบาลจะจารึกชื่อของท่านไว้ที่หน้าห้อง หรือช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อๆไปก็จะเป็นบุญใหญ่ที่น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง สำหรับท่านที่ร่วมบริจาคตั้งแต่ 1 หมื่นบาทเป็นต้นไป จะจารึกชื่อของท่านไว้ที่บอร์ดผู้บริจาคสร้างตึกหลังนี้เช่นเดียวกัน และถ้าท่านต้องการรับใบอนุโมทนาบัตรเพื่อไปลดหย่อนภาษี โปรดส่งสลิปการโอนเงินพร้อม ชื่อ ที่อยู่ ของท่านกลับมาที่หมายเลขแฟกซ์ 02-412-8415

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่...

พระอาจารย์ทองปาน จารุวัณโณ 081-290-0519
ผศ.ยุวดี ชาติไทย (ร.พ.ศิริราช) 089-816-4343

ร่วมทำบุญได้โดยโอนเงินเข้า

- บัญชีบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
สาขาย่อยมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์
ชื่อบัญชี พระทองปาน จารุวัณโณ
เลขที่ 428-1-10285-2

- บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศิริราช
ชื่อบัญชี กองทุนทำบุญถวายพระกรรมฐาน เลขที่ 016-4-07801-8

http://palungjit.org/showthread.php?t=173438<!-- / message --><!-- sig -->

 

แจ้งข้อมูลล่าสุดครับ

ขอส่งข้อความในแผ่นพับการขอรับบริจาคสร้างตึกอุบัติเหตุร.พ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร สำหรับปัจจัยที่ทุกท่านร่วมทำบุญใส่บาตรพระกรรมฐาน และทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างตึกอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2552 นั้น รวมเป็นเงินประมาณ 1,090,000 บาท โปรด ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบโดยทั่วกันและอนุโมทนาด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
ยุวดี ชาติไทย

<CENTER>

http://palungjit.org/showthread.php?t=156833<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1></H2></CENTER>

 

ขอเชิญร่วมในพิธี สวดพระปริตร และ เจริญจิตภาวนา
นำโดยหลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโส
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ
ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
วันอาทิตย์ที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๒
เวลา ๐๗.๓๐ - ๐๙.๐๐ น.

 

<OBJECT id=WMP7 height=180 width=330 classid=CLSID:6BF52A52-394A-11d3-B153-00C04F79FAA6>
























</OBJECT>

http://palungjit.org/showthread.php?t=179094

๕. คังคมาลชาดก
กามทั้งหลายเกิดจากความดำริ
[๑๑๕๕] แผ่นดินร้อนเหมือนถ่านไฟ ดาดาษไปด้วยทรายอันร้อนเหมือนเถ้ารึง เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ายังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ขับเพลงอยู่ได้ แดดไม่เผาเจ้าดอกหรือ? เบื้องบนก็ร้อน เบื้องล่างก็ร้อน เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ายังทำ
เป็นทองไม่รู้ร้อน ขับเพลงอยู่ได้ แดดไม่เผาเจ้าดอกหรือ?
[๑๑๕๖] ข้าแต่พระราชา แดดหาเผาข้าพระองค์ไม่ แต่ว่าวัตถุกาม และกิเลสกามย่อมเผาข้าพระองค์ เพราะว่าความประสงค์หลายๆ อย่าง มีอยู่ ความประสงค์เหล่านั้นย่อมเผาข้าพระองค์ แดดหาได้เผาข้าพระองค์ไม่.
[๑๑๕๗] ดูกรกาม เราได้เห็นมูลรากของเจ้าแล้ว เจ้าเกิดจากความดำริ เราจักไม่ ดำริถึงเจ้าอีกละ เจ้าจักไม่เกิดด้วยอาการอย่างนี้.
[๑๑๕๘] กามแม้น้อยก็ไม่พอแก่มหาชน มหาชนย่อมไม่อิ่มด้วยกามแม้มาก น่า สลดใจที่พวกคนพาลพากันบ่นว่า รูป เสียง เหล่านี้จงมีแก่เรา กุลบุตร ผู้ประกอบความเพียร พึงเว้นให้ขาดเถิด.
[๑๑๕๙] การที่พระเจ้าอุทัยได้ถึงความเป็นใหญ่เป็นโตนี้ เป็นแผลแห่งกรรมมี ประมาณน้อยของเรา มาณพใดละกามราคะออกบวชแล้ว มาณพนั้นชื่อ ว่าได้ลาภดีแล้ว.
[๑๑๖๐] สัตว์ทั้งหลายย่อมละกรรมชั่วด้วยตบะ แต่สัตว์เหล่านั้น จะละความเป็น คน เอาหม้อตักน้ำให้เขาอาบด้วยตบะได้หรือ แน่ะคังคมาละ การที่ท่าน ข่มขี่ด้วยตบะ แล้วร้องเรียกโอรสของเราโดยชื่อว่าพรหมทัตต์วันนี้นั้น ไม่เป็นการสมควรเลย.
[๑๑๖๑] เสด็จแม่ เราทั้งหลายพร้อมทั้งพระราชา และอำมาตย์ พากันไหว้ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น เป็นผู้อันชนทั้งปวงไหว้แล้ว เชิญเสด็จแม่ ทอดพระเนตรดูผลแห่งขันติและโสรัจจะในปัจจุบันเถิด.
[๑๑๖๒] ท่านทั้งหลายอย่าได้กล่าวอะไรๆ กะท่านคังคมาละผู้เป็นปัจเจกมุนี ศึกษา อยู่ในคลองมุนี ความจริง พระปัจเจกมุนีคังคมาละนี้ ข้ามห้วงน้ำที่ พระปัจเจกมุนีทั้งหลายข้ามแล้ว หมดความเศร้าโศกเที่ยวไป.


จบ คังคมาลชาดกที่ ๕.


<!-- / message --><!-- attachments -->