วันสุดท้ายในปฏิทินมายัน กับคำของผู้เฒ่าที่เราเพิ่งรู้จัก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย zipper, 8 ธันวาคม 2008.

  1. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ที่มา : Green Planet section
    คอลัมน์เปลี่ยนเป็นเย็น
    เรื่องและภาพลายเส้น : หอยทากตัวนั้น
    นิตยสารสารคดี ปีที่ 24 ฉบับที่ 281 กรกฎาคม 2551 หน้า 36-38

    ------------------------------------------------

    คุณผู้อ่านที่รัก

    โลกร้อนและความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศธาตุสี่ทำให้ใครหลายคนบนโลกนึกไปถึงเรืองปฏิทินโบราณของชาวมายันขึ้น มาอย่างช่วยไม่ได้

    กล่าวขานกันว่าปฏิทินมายันเป็นปฏิทินแม่นยำและถูกต้องนัก เพราะเหตุนี้เมื่อปฏิทินมายันหยุดอยู่แค่วันที่ 21 ธันวาคม 2012 หลายคนจึงคิดว่ามันอาจเป็นวันสุดท้ายของโลก หรือเป็นวันที่แผ่นน้ำ แผ่นดิน แผ่นฟ้า เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ชนิดสุดจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นอะไรแน่ ทั้งหมดนั้นก็น่าจะส่งผลต่อมนุษย์ที่ยังไงก็ต้องอาศัยอยู่บนโลก

    เราคนไทยอยู่ไกลโพ้นจากอเมริกาใต้ทั้งทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม แถมต้องพัวพันอยู่กับความวุ่นวายหลายมิตินัก จึงอาจมีไม่กี่คนที่ใส่ใจปฏิทินที่ว่าหรือแม้แต่จะรับรู้ถึงการปรากฏอยู่ของข่าวสารที่ส่งมาจากโบราณกาลชนิดนี้

    แต่นักข่าวอิสระชาวอังกฤษอย่างนิโคลา เกรย์ดอน สงสัยเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย เขาจึงพยายามหาคำตอบเรื่อง “ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่” ที่มีคนทำนายกันไปต่างๆนานา

    หนึ่งในบุคคลที่นิโคลาอยากถามคำถามเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของอินเดียนเผ่าโตลเตกา-ชิชิเมกาแห่งทวีปอเมริกาใต้ นาม มาเอสโตรคล็อกอิเอลเอล (Maestro Tlakaelel มาเอสโตรหมายถึงครูหรืออาจารย์) วัย 88 ปี

    เมื่อปีที่แล้ว นิโคลาแล่นไปถึงแอริโซนาเพื่อขอสัมภาษณ์อย่างน้อยสองหน หลังจากที่ท่านผู้เฒ่าเพิ่งหายจากโรคมะเร็งไม่นาน และเสร็จการเดินทางแสดงปาฐกถารอบโลก

    ผู้เฒ่าผู้นี้เป็นใครกัน นักข่าวสายสิ่งแวดล้อมจากโลกที่หนึ่งจึงต้องตามหา...


    ภาพจาก http://www.timeofthesixthsun.com

    [​IMG]


    ชื่อเดิม ฟรานซิสโก ฆิเมเนซ ซานเชซ เกิดที่หมู่บ้านเล็กๆ ใกล้เม็กซิโกซิตี้ เมืองหลวงของประเทศโลกที่สามอย่างเม็กซิโก ในสายตระกูลที่สืบทอดประเพณีมุขปาฐะ (ที่บางคนถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่แท้จริง) ปราชญ์ชนเผ่าและหมอพื้นบ้านคนนี้ไม่ได้เข้าเรียนตามระบบการศึกษาแผนใหม่ แต่เรียนรู้ภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดจากผู้เฒ่ารุ่นก่อนๆ

    ปัจจุบันท่านเป็นผู้นำสูงสุดทางจิตวิญญาณในศาสนาของชาวเม็กซิกันพื้นเมืองเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรฟื้นฟูวัฒนธรรมดั้งเดิมและองค์กรที่ทำงานเพื่อสันติภาพหลายแห่ง เป็นนักเขียน เคยรับเชิญไปบรรยายที่เอ็มไอที ฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ร่วมกับหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงในอเมริกาเพื่อการรวมชนพื้นเมืองของทวีปอเมริกาเหนือและใต้ให้เป็นหนึ่งเดียว เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจในการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสัน ติภาพและการพิทักษ์รักษา “แม่โลก”

    เกียรติคุณมากมายขนาดนี้ นิโคลาจึงหวังให้ท่านผู้เฒ่าตอบคำถามว่าอะไรจะเกิดขึ้นในปลายปี 2012 บ้าง หรืออย่างน้อยก็บอกหน่อยว่าเขาจะต้องหนีไปอยู่ไหนดี แต่คำตอบที่ผู้เฒ่าให้ ดูจะไม่เป็นคำตอบชนิดที่เขาอยากได้นัก

    “เราไม่ได้ต่างอะไรจากดวงวิญญาณ เราคือดวงวิญญาณ ฉันไม่ได้เป็นสิ่งที่เธอเห็น ฉันไม่ใช่ร่างกายนี้ ฉันเป็นดวงวิญญาณภายในร่างกายนี้ ในไม่ช้าฉันจะเป็นอิสระและไปรวมตัวเองกับดวงวิญญาณอันยิ่งใหญ่ ฉันจะถูกปลดปล่อยจากคุก”


    “ไม่มีสิ่งใดถูกทำลายไป ความตายไม่ได้มีอยู่ ทุกสิ่งคือการแปรเปลี่ยน แน่นอนว่ามันเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ยากลำบาก”

    “อะไรคือชะตากรรมของเผ่าพันธุ์ของมนุษย์? เราไม่เคยถามคำถามนี้เลย เราถามกันอยู่เรื่อยเกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง—ว่าเรา เป็นใคร เราจะไปที่ไหน แต่น้อยนักที่เราจะถามถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสปีชีส์ของเรา”


    “บรรพบุรุษของเรารู้คำตอบนี้แล้ว พวกเขารู้ว่ามนุษยชาติมาสู่โลกเพื่อเสาะหาความสมบูรณ์ด้วยการพัฒนาตนเอง ความสมบูรณ์นั้นจะมาถึงก็เมื่อมนุษย์มีความสามารถที่ จะสร้างทุกสิ่งที่เขาคิดขึ้นในใจได้”

    “เราคือขุมทรัพย์ทางพันธุกรรมขณะปฏิสนธิเราก็นำประสบการณ์ทั้งหมดรวมกันของบรรพบุรุษมาสู่โลกนี้ เราจะส่งผ่านขุมทรัพย์นี้ต่อไปยังลูกหลานของเรา พวกเขาจะดีกว่าที่เราเป็นและจะเป็นอย่างนี้ต่อไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า”

    “เราจำเป็นต้องเข้าใจว่าเราเป็นข้อต่อหนึ่งในสายโซ่แห่งวิวัฒนาการที่จะนำไปสู่สิ่งมีชีวิตแห่งอนาคตที่ดี ยิ่งขึ้นไปกว่านี้”

    นั่นคือการสนทนาครั้งแรกของชายต่างวัย นิโคลานึกในใจว่าตัวเองกำลังนั่งฟังท่านผู้เฒ่าพูดถึงศักยภาพของมนุษย์มากกว่าหายนะของสิ่งแวดล้อม เขาจึงขอนัดหมายอีกเพื่อให้มาเอสโตรตอบคำถามเดิมให้ได้ แต่นัดครั้งถัดมาทุกอย่างก็เป็นไปเหมือนเดิม

    “ฉันคิดว่านี่เป็นอนาคตของมนุษยชาติ ผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ จะตระหนักว่าเราคือพลเมืองของจักรวาล โลกใบนี้เป็นบ้านสำหรับทุกคน ไม่ใช่สำหรับคนส่วนน้อย แต่สำหรับทุกสีผิว”

    “พวกเขาจะตระหนักว่าโลกนี้เป็นแม่ของเรา ไม่ใช่เฉพาะในด้านกายภาพ หรือในด้านความรู้สึก หรืออารมณ์เท่านั้น แต่เป็นในทางจิตวิญญาณและความสมบูรณ์ เรามีชีวิตอยู่เพื่อขอบคุณโลก เรากำลังจะไปสู่ช่วงเวลาของการตื่นรู้ ช่วงเวลาที่เราจำเป็นต้องตระหนักถึงชะตากรรมของตัวเองในฐานะที่เป็นสปีชีส์หนึ่ง...”


    “เราเป็นเผ่าเดียวกันทั้งหมด-เผ่าพันธุ์มนุษยชาติ-และโลกนี้คือบ้านของเรา เราทุกคนก็เป็นชนพื้นเมืองเหมือนกันหมด เราจึงมีชะตากรรมร่วมกัน”

    อีกครั้งที่นิโคลาหยอดคำถามเกี่ยวกับวิกฤตด้านนิเวศแต่ปราชญ์ชรากลับตอบด้วยคำพูดที่ “หัวหน้าซีแอตเทิล” ตอบคนผิวขาวเมื่อพวกเขาขอให้อินเดียนแดงขายที่ดินให้

    “คำพูดของหัวหน้าซีแอตเทิลเป็นดังเพลงสวดสำหรับคนของเรา ท่านพูดว่า ‘ขอโทษที แต่ข้าไม่เข้าใจว่าใครจะขายแผ่นดินนี้ได้ แผ่นดินไม่ได้เป็นของมนุษย์ มนุษย์ต่างหากที่เป็นของแผ่นดิน ใครกันจะขายเสียงพึมพำของนานาแมลง น้ำในแม่น้ำ หรือกลิ่นของไม้สนได้ โลกนี้เป็นแม่ของเรา ใครจะขายแม่ของตัวเองได้’”

    “พวกคุณอยู่กันอย่างทับถมในสิ่งที่คุณเรียกว่าเมือง สักวันหนึ่งคุณจะจมอยู่ในของเสียของตัวเอง”

    แล้วคนอย่างพวกเราต้องทำอะไรบ้างหรือ

    “ทั้งหมดที่เราจำเป็นต้องทำ” ท่านผู้เฒ่าตอบ “คือเชื่อมโยงตัวเองกับโลกอีกครั้ง กับชีวิตสัตว์ กับชีวิตพืช กับชีวิตของแร่ธาตุ และผู้คนทั้งหมด ทั้ง 4 สีผิว-ผิวแดง ผิวขาว ผิวเหลือง ผิวดำ...มันเป็นเรื่องธรรมดามากและเราจะตระหนักว่าเราถูกสร้างขึ้นโดยผู้สร้างเดียวกัน

    “เราจำเป็นต้องเข้าใจว่าขณะที่เราเดินบนโลก เราได้เดินบนเถ้ากระดูกของบิดามารดารุ่นก่อนๆ ในปฐมกาลมีแผ่นดินเกิดขึ้น แล้วมีพืชและสัตว์ซึ่งล้มตาย ทุกครั้งที่พืชและสัตว์ตายลงก็จะกลับเป็นผงธุลี จากนั้นมนุษย์ก็เริ่มเดินบนแผ่นดิน มนุษย์ได้ตายและกลับคืนสู่โลกเหมือนกัน พื้นผิวอันอุดมทับถมเจริญขึ้นเรื่อยๆ ก็จากความตายเหล่านี้เอง ดังนั้นเราจึงอาศัยอยู่บนชั้นผิวของเถ้ากระดูกบรรพบุรุษของเรา...”


    “โลกสร้างเราและรับเรากลับไป โลกเป็นแม่ของเราและเป็นบรรพบุรุษของเรา”

    “นี้เป็นความรักสูงสุดที่ปรากฏอยู่ในทุกสิ่ง : ทางกายภาพ ทางเคมี ทางอารมณ์ ทางจิตวิญญาณ และเราทั้งหมดก็กำลังเดินอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ”

    นิโคลายังไม่ยอมแพ้ “แล้วเรื่องวันสิ้นสุดของโลกล่ะ แล้วเรื่องคำทำนายของปี 2012 ล่ะ”

    “อย่ากลัวไปเลย” ผู้เฒ่าเอ่ย “โลกนี้ไม่ได้กำลังจะสิ้นสุดลงหรอก แต่การเปลี่ยนครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง เรากำลังอยู่ในกระบวนการของการแปรเปลี่ยน เรากำลังจะได้เห็นความเคลื่อนไหวครั้งยิ่งใหญ่ของโลก ใบนี้ และเมื่อดวงอาทิตย์ดับลง ปฏิทินก็จะสิ้นสุด”


    เมื่อโลกร้อนและความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศธาตุสี่ปรากฏให้เห็นถี่ขึ้น ผู้คนพยายามหาคำตอบ- ไม่เพียงแต่จากวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าคำตอบของท่านผู้เฒ่าจะเป็นที่พอใจของนิโคลาและคุณผู้อ่านหรือไม่ โลกร้อนจะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายจริงหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีก 4 ปีข้างหน้า แต่คำของผู้เฒ่าที่เราเพิ่งรู้จักชื่อคนนี้ ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าคิดน่าเข้าใจ

    เพราะคำพูดที่ดวงตาไม่อาจเห็นได้นี้ อาจกลายเป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมาที่สุดก็ได้

    ---------------------------------------

    ไปเจอมาจาก http://www.ohmygodbooks.com/index.p...ategory=ohmygodbookscom&thispage=1&No=1195325 เห็นว่าน่าสนใจดี

    บทความเรื่องนี้ในเวปสารคดี http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=870
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2008
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    “อย่ากลัวไปเลย” ผู้เฒ่าเอ่ย “โลกนี้ไม่ได้กำลังจะสิ้นสุดลงหรอก
    แต่การเปลี่ยนครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง
    เรากำลังอยู่ในกระบวนการของการแปรเปลี่ยน
    เรากำลังจะได้เห็นความเคลื่อนไหวครั้งยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้
    และเมื่อดวงอาทิตย์ดับลง ปฏิทินก็จะสิ้นสุด”


    สมเป็นคำพูดของผู้นำทางด้านจิตวิญญาณจริงๆเลยครับ
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** สัจจธรรมนั้น ท่านต้องทำเอง ****

    ท่านอย่าเป็นเชลยของกรรม การกระทำจะล่าช้า
    สัจจะทำ...ประหัตประหารกิเลสทั้งปวง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. พระจิตวิณญาณ

    พระจิตวิณญาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +82
    สุดยอดมากเลยค่ะ ชื่นชมในความดีที่มีต่อโลงใบนี้ มาก ๆ ค่ะ คุณผู้เฒ่า อยากให้ทุกคนในโลกนี้คิดอย่างนี้บ้างจังเลย โลกเราคงหน้าอยู่เยอะ
     
  5. หล่อลำน้ำ

    หล่อลำน้ำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +40
    ไม่เชื่อครับ
     
  6. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    “เราไม่ได้ต่างอะไรจากดวงวิญญาณ เราคือดวงวิญญาณ ฉันไม่ได้เป็นสิ่งที่เธอเห็น ฉันไม่ใช่ร่างกายนี้ ฉันเป็นดวงวิญญาณภายในร่างกายนี้ ในไม่ช้าฉันจะเป็นอิสระและไปรวมตัวเองกับดวงวิญญาณอันยิ่งใหญ่ ฉันจะถูกปลดปล่อยจากคุก”
    “ไม่มีสิ่งใดถูกทำลายไป ความตายไม่ได้มีอยู่ ทุกสิ่งคือการแปรเปลี่ยน แน่นอนว่ามันเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ยากลำบาก”

    แสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจในสัจจธรรมอย่างลึกซึ้ง
    กายไม่ใช่สาระสำคัญ จิตวิญญาณคือแก่นแท้
    ดวงวิญญาณอันยิ่งใหญ่คือ พลังสูงสุด
    คุกคือ โลก,วัฏฏะสังสาร

    “บรรพบุรุษของเรารู้คำตอบนี้แล้ว พวกเขารู้ว่ามนุษยชาติมาสู่โลกเพื่อเสาะหาความสมบูรณ์ด้วยการพัฒนาตนเอง ความสมบูรณ์นั้นจะมาถึงก็เมื่อมนุษย์มีความสามารถที่ จะสร้างทุกสิ่งที่เขาคิดขึ้นในใจได้”

    ดาวเคราะห์โลกคือ สถาบันการศึกษาแห่งการพัฒนาจิตวิญญาณ
    จิตวิญญาณของมนุษยชาติเข้าสู่โลกเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณของตนให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงระดับสูงสุด
    ดร.อาจองกล่าวว่า ไม่มีอะไรที่พวกเราไม่สามารถสร้างได้ ถ้าพวกเราคิดได้
    นั่นหมายถึง หากพวกเรามีปัญญาญาณ พวกเราก็สามารถสร้างได้ทุกสิ่ง
    หากจิตวิญญาณสามารถพัฒนาไปถึงระดับสูงสุดได้ ก็ย่อมเกิดปัญญาญาณได้

    “เราคือขุมทรัพย์ทางพันธุกรรมขณะปฏิสนธิเราก็นำประสบการณ์ทั้งหมดรวมกันของบรรพบุรุษมาสู่โลกนี้ เราจะส่งผ่านขุมทรัพย์นี้ต่อไปยังลูกหลานของเรา พวกเขาจะดีกว่าที่เราเป็นและจะเป็นอย่างนี้ต่อไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า”

    มนุษย์ที่จะเกิดในอนาคตจะมีสมองก้อนเดียว มิใช่สมองสองซีกเหมือนมนุษย์ปัจจุบัน
    มนุษย์ปัจจุบันสามารถนำความสามารถของสมองมาใช้ได้เพียง3-6%เท่านั้น
    ทั้งนี้เพราะสมองแบ่งออกเป็นสองซีก และมีสมองน้อย(พัฒนามาจากสมองของสัตว์เลื้อยคลาน)เป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานร่วมกันของสมองสองซีก
    พวกเขาจะสามารถนำความสามารถของสมองมาใช้ได้90-100%

    “เราจำเป็นต้องเข้าใจว่าเราเป็นข้อต่อหนึ่งในสายโซ่แห่งวิวัฒนาการที่จะนำไปสู่สิ่งมีชีวิตแห่งอนาคตที่ดี ยิ่งขึ้นไปกว่านี้”

    มนุษย์ยุคที่4คือชาวแอตแลนติส
    พวกเราคือมนุษย์ยุคที่5 และพวกเราบางส่วนทำหน้าที่เป็น"รอยต่อของการเปลี่ยนผ่าน"ไปสู่มนษย์ยุคที่6ที่มีสมองก้อนเดียว ซึ่งพวกเขาจะสามารถรู้แจ้งได้โดยง่าย
    ยุคที่6ของมนุษยชาติคือ"ยุคแห่งความรู้แจ้ง"
    ชนเผ่ามายาในอดีต(อาศัยอยู่ในดินแดนซึ่งเป็นประเทศเม็กซิโกในปัจจุบัน)คือชาวแอตแลนติสที่อพยพมา ก่อนที่ทวีปแอตแลนติสจะล่มสลายจมมหาสมุทรแอตแลนติก
    ดังนั้นผู้นำทางจิตวิญญาณท่านนี้น่าจะเป็นจิตวิญญาณของคูรูชาวแอตแลนติสในอดีตกลับชาติมาเกิด

    “ฉันคิดว่านี่เป็นอนาคตของมนุษยชาติ ผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ จะตระหนักว่าเราคือพลเมืองของจักรวาล โลกใบนี้เป็นบ้านสำหรับทุกคน ไม่ใช่สำหรับคนส่วนน้อย แต่สำหรับทุกสีผิว”
    “เราเป็นเผ่าเดียวกันทั้งหมด-เผ่าพันธุ์มนุษยชาติ-และโลกนี้คือบ้านของเรา เราทุกคนก็เป็นชนพื้นเมืองเหมือนกันหมด เราจึงมีชะตากรรมร่วมกัน”
    “คำพูดของหัวหน้าซีแอตเทิลเป็นดังเพลงสวดสำหรับคนของเรา ท่านพูดว่า ‘ขอโทษที แต่ข้าไม่เข้าใจว่าใครจะขายแผ่นดินนี้ได้ แผ่นดินไม่ได้เป็นของมนุษย์ มนุษย์ต่างหากที่เป็นของแผ่นดิน ใครกันจะขายเสียงพึมพำของนานาแมลง น้ำในแม่น้ำ หรือกลิ่นของไม้สนได้ โลกนี้เป็นแม่ของเรา ใครจะขายแม่ของตัวเองได้’”


    โลกใบนี้เป็นของจักรวาล จิตวิญญาณของพวกเราเป็นเพียงผู้อาศัยพักพิง เพื่อศึกษาเล่าเรียนบทเรียนแห่งการพัฒนาจิตวิญญาณ พวกเราจึงไม่มีกรรมสิทธิ์ใด ๆ

    “พวกเขาจะตระหนักว่าโลกนี้เป็นแม่ของเรา ไม่ใช่เฉพาะในด้านกายภาพ หรือในด้านความรู้สึก หรืออารมณ์เท่านั้น แต่เป็นในทางจิตวิญญาณและความสมบูรณ์ เรามีชีวิตอยู่เพื่อขอบคุณโลก เรากำลังจะไปสู่ช่วงเวลาของการตื่นรู้ ช่วงเวลาที่เราจำเป็นต้องตระหนักถึงชะตากรรมของตัวเองในฐานะที่เป็นสปีชีส์หนึ่ง...”

    โลกก็ต้องการพลังงานจากพวกเราเช่นกัน โดยเฉพาะพลังงานด้านบวกของจิตวิญญาณ
    ดังนั้นพวกเราจึงควรร่วมกันทำสมาธิเพื่อให้พลังงานที่ดีแก่โลกอยู่เสมอ ๆ เพื่อเป็นการขอบคุณและตอบแทนคุณให้แก่โลก
    ช่วงเวลาของการตื่นรู้ ก็คือช่วงเวลาของการมีสติ มีสมาธิ และความรู้แจ้ง
     
  7. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    “ทั้งหมดที่เราจำเป็นต้องทำ” ท่านผู้เฒ่าตอบ “คือเชื่อมโยงตัวเองกับโลกอีกครั้ง กับชีวิตสัตว์ กับชีวิตพืช กับชีวิตของแร่ธาตุ และผู้คนทั้งหมด ทั้ง 4 สีผิว-ผิวแดง ผิวขาว ผิวเหลือง ผิวดำ...มันเป็นเรื่องธรรมดามากและเราจะตระหนักว่าเราถูกสร้างขึ้นโดยผู้สร้างเดียวกัน

    เชื่อมโยงความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่ง ไม่แบ่งแยกเพราะภาพมายาของสิ่งสมมุต
    ร่างกายของมนุษย์และสัตว์เป็นตรรกะที่ซับซ้อนมาก
    จะมีใครกล้ายืนยันว่า ตนเป็นผู้ออกแบบร่างกายที่ซับซ้อนพิสดารนี้เองก่อนการปฏิสนธิ แม้แต่แพทย์เองยังรู้ไม่หมดทุกอย่างเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์
    จิตวิญญาณของพวกเราจึงเป็นเพียงผู้ครอบครองและผู้ขับขี่รถยนต์ แต่ไม่ใช่ผู้สร้าง
    เมื่อใดที่รถเก่าชำรุดทรุดโทรมหมดอายุขัย พวกเราก็ต้องทิ้งรถเก่า แล้วหาซื้อรถใหม่ใช้ต่อไป

    “โลกสร้างเราและรับเรากลับไป โลกเป็นแม่ของเราและเป็นบรรพบุรุษของเรา”

    ร่างกายของพวกเราใช้วัตถุดิบจากโลก


    “นี้เป็นความรักสูงสุดที่ปรากฏอยู่ในทุกสิ่ง : ทางกายภาพ ทางเคมี ทางอารมณ์ ทางจิตวิญญาณ และเราทั้งหมดก็กำลังเดินอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ”

    ...ความรักสูงสุดคือความรักความเมตตาที่ปราศจากเงื่อนไข...
     
  8. kwamawauyo

    kwamawauyo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +64
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...