เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เมื่อวานตอนค่ำไปร้านหนังสือว่าจะไปซื้อหนังสือ "เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว" เล่มสุดท้ายในชุดนี้ ปรากฏว่าขณะที่กำลังหยิบหนังสือ เกิดปวดขาเลยต้องย่อตัวลงนั่งยอง ๆ ปรากฏว่าในระดับสายตาเห็นตัวหนังสือ "SHAMBHALA" บนสันปกหนังสือเล่มหนึ่ง จินตวดีหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาทันทีพร้อมกับได้ตัดสินใจซื้อโดยไม่สนใจที่จะอ่านเนื้อหาด้านในก่อน เพียงแค่ดูหน้าปกที่มี คำว่า SHAMBHALA หนทางอันศักดิ์สิทธิ์ของนักรบ กับภาพเสือ เพราะชอบเสือมาก โดยเฉพาะในฝัน หลายครั้งฝันที่เกี่ยวข้องกับเสือ โดยไม่รุ้ความหมายที่แท้จริงของมัน ในหนังสือเขียนอธิบายว่า "ชัมบาลา" คือการเดินทางของจิตวิญญาณ จำได้ว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับคำนี้ถึง สอง ครั้ง ครั้งแรกจากคุณนักเขียนที่เอ่ยเกี่ยวกับคำว่า ชะบาล่า ที่ท่านได้สื่อมาจากท่านอาจารย์อนาลัย ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดคุณนักเขียนพูดเกี่ยวกับต้นไม้จิตวิญญาณด้วย และครั้งที่สองคือจากคุณอวตารบอย ที่พูดถึงคำนี้ว่า เป็น WARRIOR PATH (วิถีแห่งนักรบ ซึ่งเปรียบได้กับการเดินทางของจิตวิญญาณ) พอกลับมาบ้านเมื่อได้เปิดดู ก็ไม่รู้สึกผิดหวังเพราะมันรุ้สึกเหมือนกับว่า "นี่แหละคือข้อมูลที่ฉันกำลังต้องการ" เช่นเดียวกัน หนังสือเล่มนี้อ่านพบว่ามีการพิมพ์มาถึงห้าครั้ง จินตเพิ่งเจอครั้งที่ห้านี่เอง หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มสุดท้ายของ ผู้นำจิตวิญญาณชาวธิเบตนามว่า "เชอเกียม ตรุงปะ" อ้อ ตอนที่หยิบหนังสือเล่มนี้เพียงแค่เห็นชื่อบนสันปกและตัดสินใจซื้อทันที และเมื่อดูหน้าปกก็สะดุดตากับภาพเสือ มันทำให้คิดถึงอดีตตอนซื้อหนังสือของคุณนักเขียนและท่านอาจารย์อนาลัย "ธรรมชาติชาติภพ" เล่มเล็กแรกสุด เพราะเป็นเหตุการณ์คล้ายกันเลย คือ สะดุดชื่อบนสันปกและตั้งใจซื้อทันที พอดูหน้าปกก็สะดุดตากับตัวหนังสือ "A" ทันทีเลยเหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2009
  2. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เมื่อคืนก่อน (ก่อนเมื่อคืน) ฝันว่าพบกับหญิงต่างชาติ ผมหยิกหยักศก สวยดี จำได้ว่าเคยเจอกันในฝันหลายครั้ง ครั้งนี้พบว่าเธอเป็นจิตรกรวาดภาพสีน้ำ จินตสนใจนั่งคุยกับเธอ พอเธอเดินไปก็นึกขึ้นได้ว่า "ถ้าเจอครั้งหน้าจะถามว่าขอเรียนกับเธอได้ไหม" แต่พอตื่นขึ้นมานึกได้ว่า ทำไมต้องรอคราวหน้า จริง ๆคราวนี้เราสามารถขอรับความรู้นี้ผ่านทางจิตวิญญาณได้เลยในฝัน เสียดาย น่าเขกหัวตัวเองจริง ๆ

    ป.ล. ขอซักสามช๊อตนะ พอหายคิดถึง ฮิ ๆๆ
     
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    หนังสือ SHAMBHALA ที่ว่าเป็นไงครับคุณจินต์ฯ จะพูดถึง ศัมภาลาในธิเบต หรือวิหารสีขาว the White Temple อะไรพวกนี้รึเปล่านะ? เห็นคำนี้ผ่านตาบ่อยๆ เรื่องเป็นยังไงก็เอามาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ สงสัยหนังสือเค้าเลือกคนอ่านครับ อิอิ

    พี่นักเขียนก็ได้รับคำแปลกๆมาจากความฝันเหมือนกันครับ
    เช่น ชะ-บา-ล่า หรือ Shabala หรือ Cabala หรือ Kabalah
    http://palungjit.org/showpost.php?p=652607&postcount=307
     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    เห็นคุณเดรดพาเพื่อนๆไปลอยโคมยี่เป็งที่เชียงใหม่แล้ว น่าสนุกดี
    ขอชวนพวกเรามาเที่ยวอุทัยฯกันบ้างล่ะ*-*
    พาหลานไปเที่ยวหุบป่าตาด-เขาปลาร้าครับ (อ.ลานสัก) เป็นโพรงหุบเขาธรรมชาติที่ยุบตัวลงไปจนเกิดเป็นแอ่งกะทะขนาดใหญ่ ที่นี่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเลียงผาซึ่งตอนนี้ก็สูญพันธ์ไปหมดแล้ว และใกล้ๆกันก็มีรูปเขียนของมนุษย์ถ้ำในก่อนยุคประวัติศาสตร์ด้วย อีกที่คือวัดถ้ำเขาวง (อ.บ้านไร่) ก็เป็นวัดไม้สักที่สวยงามอีกแห่งนึง เจ้าอาวาสท่านเคยเป็นช่างไม้มาก่อน วัดนี้สร้างอิงกับภูเขาจนเกิดภูมิทัศน์ที่สวยงามกลมกลืนเป็นอย่างมากครับ มีโอกาสก็แวะไปได้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2009
  5. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    หนังสือ ชัมบาลา เป็นหนังสือที่ให้แง่คิด มุมมอง ความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตด้านลึกของจิตวิญญาณได้มากเลย จากมุมมองของผม

    ถ้ำและวัด ที่คุณ mead พาไปเที่ยว สวยจริงๆครับ

    อยู่ในถ้ำ แล้วมองผ่านโพรงออกไป เป็นมุมที่งดงามจริงๆ ไว้มีโอกาส จะไปทั้งลอยโคม และก็มุดถ้ำครับ อิอิ
     
  6. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    สวยจังเลยคะ






    .................................................................................
    ขอเชิญชวน ลงนะเงินล้านครูบาคำเป็ง 1 กพ. 52
    http://palungjit.org/showthread.php?t=166617
     
  7. heng-heng

    heng-heng Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +38
    HAPPY NEW YEAR 2009



    ได้แต่แอบอ่าน ไม่เคยโพสต์คะ
     
  8. Tru Calling

    Tru Calling เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +125
    Happy N e W Year 2009

    เข้ามาอ่านไม่บ่อย.. มีหนังสือของท่านโนวา อนาลัย ทุกเล่ม ตั้งแต่เล่มเล็ก จนเล่มใหญ่ครบทุกเล่ม.. ยังอ่านไม่จบ... แต่จะพยายามอ่านให้จบในเร็ววัน.......

    ขอบคุณคุณ mead สำหรับกระทู้นี้ที่เห็นตั้งแต่วันแรกๆ ที่คุณ mead เข้ามาโพส.. จนอ่านไม่ทัน.. ขอบคุณคุณ mead อีกด้วยสำหรับการทำให้ได้คุยทางโทรศัพท์กับท่านอาจารย์นักเขียนตอนที่มาเมืองไทยด้วย... ขอให้คุณ mead มีความสุขในวันเกิดเดือนมกราคมนี้ล่วงหน้าด้วย.....

    ขอบคุณทุกๆ คนที่นี่...ที่รวมตัวกันเป็นกันชุมชนที่อบอุ่น เกื้อกูลกัน...

    สุดท้ายขอบคุณท่านอาจารย์นักเขียนกับความเมตตาทางด้านความรู้จิตวิญญาณทางหนังสือ และที่นี้..
     
  9. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    รักษาโรคด้วยสมาธิ

    จุดที่พี่นักเขียนแนะนำให้เราทั้งหลายกำหนดเป็นศูนย์กลางกาย คือ จุดเหนือสะดือประมาณสองนิ้ว จุดนี้ในนัยของศาสตร์แห่งจักระ เป็นจุดที่เรียกว่า Solar Plexus
    Solar หมายถึงพลังงานที่ถ่ายทอดมาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสุริยะจักรวาล
    Plexus หมายถึงระบบเครือข่ายของเส้นประสาทในร่างกายมนุษย์
    [​IMG]
    Solar Plexus จึงหมายถึงศูนย์กลางของระบบเครือข่ายของสุริยะจักรวาล และ ศูนย์กลางของระบบเครือข่ายของมวลมนุษย์ จักระจุดนี้จึงเป็นศูนย์รวมพลังแห่งชีวิตของจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง

    เมื่อเราสัมผัสได้ถึงความเป็นศูนย์กลางดังกล่าวตามธรรมชาติ เราจะพบว่า เราไม่เพียงแต่จะเป็นศููููนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลเท่านั้น แต่เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่าง ตามธรรมชาติความเป็นไปของแก่นแท้ของจิตวิญญาณ และเป็นศูนย์กลางที่ได้รับ และถ่ายทอดพลังให้กับสรรพสิ่งทั้งปวง

    เมื่อพี่นักเขียนได้รับข้อมูลและวิธีการนั่งสมาธิแบบนี้มาจากท่านอาจารย์อนาลัยในความฝัน พี่นักเขียนได้ทดลองให้นักเรียนชาวอเมริกัน 60 คน นั่งสมาธิพร้อมกับกล่าวนำตามข้อมูลที่ได้รับมาเป็นครั้งแรก เมื่อปลายปี 2001 ปรากฏว่า ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น สัมผัสถึงพลังงานที่เป็นเสมือนกระแสอันอบอุ่น แต่รุนแรงและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาที่ไหลผ่านร่างกายของเขา ทำให้หลายคนถึงกับน้ำตาชึม เป็นการทำสมาธิแบบธรรมชาติที่ปราศจากศาสนาหรือความเชื่อใดๆ แต่ได้ผลสำหรับทุกชนชาติภาษาและทุกศาสนา

    พี่นักเขียนได้มีโอกาสนำบทฝึกฝนที่ได้รับจากความฝันไปทดลองใช้กับนักเรียนสมาธิชาวอเมริกันอยู่เสมอๆ ทำให้เกิดความมั่นใจว่า บทฝึกฝนที่ได้รับมาเหล่านั้น นอกจากจะมีประโยชน์ มีความหมายมากกว่าเพียงแค่ความฝันแล้ว ยังเป็นเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้อีกด้วยว่า เป็นวิธีการที่ได้ผล

    พี่นักเขียนได้รวบรวมข้อมูลและวิธีการนั่งสมาธิแบบนี้ไว้ในหนังสือ อมตะแห่งจิตวิญญาณภาคต้น หน้า 97

    __________

    ......ให้เธอนั่งหลับตาผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ให้เธอจิตนาการถึงต้นกำเนิดของพลังแห่งลมหายใจและพลังแห่งชีวิตซึ่งอยู่ ณ ศูนย์กลางตัวตนของเธอ

    เธอบางคนจะค้นพบและสัมผัสกับธรรมชาติความเป็นจริงนี้ได้ทันที และบางคนอาจต้องใช้เวลาฝึกฝนพอสมควร เมื่อเธอรู้สึกสัมผัสได้ถึงต้นกำเนิดของพลัง ให้เธอจิตนาการว่า มันพุ่งออกไปจากศูนย์กลางของร่างกายตัวตนของเธอ-ทุกทิศทาง ผ่านปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า ผ่านรูขุมขน ผ่านทุกอณูของร่างกาย แผ่รัศมีออกไปทุกทิศทาง-จากศูนย์กลางกายของเธอ จินตนาการให้รัศมีของพลังงานแผ่กระจายออกไปอย่างไม่ลดละ มันแผ่ซึมไปทุกหย่อมหญ้า ซึมซาบลงไปสู่ศูนย์กลางของโลก และในขณะเดียวกันก็แผ่ซึมไปสู่กลุ่มเมฆและแผ่รัศมีต่อไปกว้างไกลทุกทิศทางสุดจักรวาล

    แม้ฉันจะบอกให้เธอจินตนาการ แต่ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ แม้ว่าเธอจะเริ่มต้นฝึกฝนด้วยการใช้จินตนาการก็ตาม แต่ภาวะดังกล่าวเป็นธรรมชาติความเป็นจริงที่จิตวิญาญาณของเธอส่งพลังงานซึ่งแผ่รัศมีออกไปทุกทิศทางเช่นนั้น การสร้างสรรค์ของจิตวิญญาณถูกส่งกระแสออกไปในลักษณะดังกล่างอย่างแท้จริง

    บทฝึกฝนนี้จะช่วยให้เธอสัมผัสกับธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณ สัมผัสกับการสร้างสรรค์และชีวิตชีวาของจิตวิญญาณที่หลั่งไหลมาจากต้นกำเนิดอย่างท่วมท้นไม่มีวันหมดสิ้น เธอทั้งหลายต่างก็เป็นบุคคลตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของต้นกำเนิดนี้

    บทฝึกฝนและสาระที่ฉันถ่ายทอดให้เธอ ไม่ได้เป็นสาระที่เธอเพียงบางคนเท่านั้นจะเข้าใจได้ ไม่ว่าเธอจะสามารถอธิบายสิ่งที่เธอสัมผัสได้หรือไม่ก็ตาม บทฝึกฝนและสาระเหล่านี้มีผลในทางปฏิบัติต่อชีวิตประจำวันของเธอทุกคน

    ________________

    พี่นักเขียนได้แนะนำว่า หากเราเจ็บไข้ได้ป่วย และทราบดีว่าปัญหาสุขภาพของเราอยู่ในส่วนใดของร่างกาย ให้เรากำหนดศูนย์กลางกายโดยใช้จักระจุดนั้นๆที่ครอบคลุมไปถึงอวัยวะหรือส่วนของร่างกายที่มีปัญหา เช่น หากมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับปอด ก็ให้ใช้จุดกึ่งกลางอกเป็นจุดจดจ่อเพืิ่อรักษาโรคปอด หากมีปัญหาสุขภาพเพี่ยวกับไต ก็ให้ใช้จุดใต้สะดือเป็นจุดจดจ่อเพื่อรักษาโรคไต เพราะจักระแต่ละจุดจะครอบคลุมสุขภาพร่างกายเป็นส่วนๆไป แต่ถ้าหากว่าเราไม่ทราบแน่ว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ตำแหน่งใด ก็ให้ใช้วิธีนอนสมาธิ และนับจากปลายเท้าขึ้นไปทีละช่วงจนครอบคลุมตลอดถึงกระหม่อม เพราะวิธีการดังกล่าวเป็นวิธีการรักษาแบบครอบจักรวาล เสมือนการให้ antibiotic
    [​IMG]

    พี่นักเขียนไม่ได้แนะนำให้จินตนาการให้อวัยวะส่วนที่มีปัญหาเป็นหลุมบ่อหรือจุดดำหรอกนะคะ แต่ตามปกติแล้ว เมื่อเรานั่งสมาธิและกำหนดจิตเพื่อรักษาโรคให้ตนเองหรือผู้อื่น หากเราจดจ่อกับความรู้สึกเจ็บปวด หรือส่วนต่างๆของร่างกายที่มีปัญหาได้นานพอ จินตภาพทั้งหลายที่เป็นสัญลักษณ์เกี่ยวพันกับโรคภัยไข้เจ็บจะปรากฏขึ้นอย่างเป็นอัตโนมัติ

    หากจดจ่อต่อไปได้อย่างคมชัดเป็นสมาธิ ไม่ว้อกแว้ก ตัวรู้จะเกิดขึ้น และทำให้เราตระหนักว่า เราจะสลายโรคภัยไข้เจ็​บที่ปรากฏเป็นสัญลักษณ์เช่นหลุมบ่อ โคลนตม จุดดำ หรือภูมิประเทศที่รกรุงรังเต็มไปด้วยวัชพืช หรือ บ้านเรือนที่สกปรกเต็มไปด้วยขยะมูลฝอย ฯลฯ ได้อย่างไร เช่น เราจะเกิดความปรารถนาที่จะทำให้หลุมบ่อโคลนตมเหล่านั้นแห้งเหือด ปรารถนาที่จะกำจัดหรือสลายจุดดำ กำจัดวัชพืช หรือขยะมูลฝอยที่ปรากฏในจินตภาพเหล่านั้น

    การจดจ่อต่อไปได้อย่างคมชัดเป็นสมาธิ จะทำให้เราตระหนักว่า คือพลังที่จะสลายหรือกำจัดทุกส่ิงทุกอย่างได้ดังปรารถนาด้วยการจดจ่อ

    บางคนสามารถสลายหรือกำจัดสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยการนั่งสมาธิเพียงครั้งเดียว หรือ session เดียว เป็นเวลาหลายชั่วโมงติดต่อกัน ดังเช่นที่พี่นักเขียนเล่าประสบการณ์ให้พวกเราฟังว่าได้รักษาโรค sinus ให้ตนเอง ​โดยใช้เวลานั่งสมาธิติดต่อกัน 6 ชั่วโมง โดยไม่รู้ตัวเพราะว่าปวดจนนอนไม่ได้

    แต่บางครั้งหรือบางโรคก็อาจต้องนั่งหลายครั้ง หลาย sessions และครั้งละเพียง 30-40 นาที แล้วแต่จริตของแต่ละคน ตัวรู้ของเราแต่ละคนจะเป็นตัวกำหนดว่า เราควรจะนั่งสมาธินานเพียงใดจึงจะได้ผล เช่นเดียวกับการกำหนด dose หรือขนาดของยาที่ใช้ในแต่ละคราว และระยะเวลาที่ควรใช้ เป็นต้น

    สิ่งสำคัญที่เราต้องนำมาใช้ในการทำสมาธิเพื่อรักษาโรคให้ตนเอง หรือผู้อื่น คือ สติสัมปชัญญะอันคมชัด ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก และเป็นปัจจัยเดียวที่เรานำมาใช้ในการทำสมาธิสำหรับทุกเป้าหมาย

    หากเราต้องการรักษาโรคให้ตนเอง อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราทำสมาธิเพื่อรักษาโรค มักเป็นอารมณ์ปรารถนาอย่างแรงกล้า มุ่งมั่น และแน่วแน่ที่จะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ

    จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นจะเป็นไปอย่างเป็นอัตโนมัติ และสัมพันธ์กับเป้าหมาย ซึ่งคือการรักษาโรค สำคัญว่า เมื่อเกิดจินตภาพใดๆขึ้นแล้ว ขอให้จดจ่อต่อไปโดยไม่ใช้ความคิดปรุงแต่งด้วยวิตกวิจารณ์ เพราะจะทำให้เราจดจ่อไม่ได้อย่างมั่นคง ว้อกแว้ก และทำให้การรักษาไม่ได้ผล อย่าปล่อยให้อารมณ์และจินตนาการคล้อยตามความรู้สึกนึกคิด แต่ควบคุมให้ตั้งอยู่ในอารมณ์เดียว คือ จดจ่อกับความปรารถนาที่จะรักษาโรค เพราะหากปล่อยให้อารมณ์และจินตนาการคล้อยตามความรู้สึกนึกคิด เราก็จะตกกลับไปสู่ภาวะเดิม คือ ภาวะที่อารมณ์และจินตนาการคล้อยตามความรู้สึกนึกคิดถูกครอบคลุมด้วยความเชื่อเดิม อันเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรค

    การทำสมาธิ เพื่อรักษาโรคให้ตนเอง จึงเป็นช่วงสั้นๆที่เราใช้สติสัมปชัญญะของเราเพื่อควบคุมอารมณ์และจินตนาการและความรู้สึกนึกคิดให้หยุดคล้อยตามความเชื่อเดิมๆที่ก่อให้เกิดโรค

    แม้ว่าบางคนจะไม่เกิดจินตภาพที่ทำให้กำจัดโรคภัยได้อย่างทันตาเห็น แต่ช่วงสั้นๆที่เราทำสมาธิเป็นประจำ ก็สามารถเปลี่ยนหรือหยุดอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดให้หยุดคล้อยตามความเชื่อเดิมๆที่ก่อให้เกิดโรคได้ไม่มากก็น้อย

    เมื่อทำสมาธิบ่อยๆเข้า ภาวะของอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เคยคล้อยตามความเชื่อเดิมๆที่ก่อให้เกิดโรคจะสลายตัว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เคยคล้อยตามความเชื่อเดิมๆจนเป็นนิสัยที่ก่อให้เกิดโรคจะเปลี่ยนไป หยุดก่อให้เกิดโรค หยุดซ้ำเติมตนเอง ทำให้ร่างกายมีช่วงเวลาที่สามารถซ่อมแซมตนเองได้บ่อยขึ้น เมื่อทำสมาธิบ่อยๆ ก็มีโอกาสหยุดก่อโรคเพิ่มเติม และมีโอกาสซ่อมแซมร่างกายได้บ่อยขึ้น จนในที่สุดก็หายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ค่ะ (rose)



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2009
  10. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    สวัสดีปีใหม่ค่ะ...พี่นักเขียนที่รัก
    และ เพื่อนๆทุกท่าน...

    มีประเด็นหนึ่งที่เดรดลืมเล่าให้ฟัง ในวันงาน Meeting บ้านพี่นักเขียน
    ในวันนั้น มีผู้ถามคำถามเกี่ยวกับการมองเห็น ภาพต่างๆในจินตภาพ ว่าหมายถึงอะไรบ้าง
    แต่สิ่งที่เดรดสงสัย คือ ภาพเหล่านั้น มันเกิดขึ้นจริง หรือ เราคิดไปเอง เดรดเลยถาม พี่นักเขียน

    ...พี่นักเขียน ถามกลับมาว่า มันสำคัญอย่างไร จะเห็นอะไร หรือไม่เห็นอะไร
    และ มันสำคัญตรงไหน ?? ทุกอย่างเกิดจาก ความเชื่อส่วนตัว ของแต่ละบุคคล
    ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าจะเห็น หรือไม่เห็น แล้วจะเห็นอะไร ก็ไม่สำคัญ

    สิ่งสำคัญ อยุ่ที่อารมณ์ จินตนาการ และความรู้สึกของเราต่างหาก ที่เกิดขึ้น
    เมื่อเห็นสัญญลักษณ์ เหล่านี้ ว่ามันมีความหมายกับเราเช่นไร มันให้อะไรกับเราบ้าง

    เดรดเข้าใจถูกมั๊ยคะ??

    ทำให้เดรดมาคิดว่า ใครจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะไปวิเคราะห์ วิจารณ์
    ทุกคนต่างมีความเชื่อ ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ทั้งสิ้น
    การที่เราไม่เหมือนเขา หรือเขาไม่เหมือนเรา ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด พิศดาร
    อะไรก็เกิดขึ้นได้ การตัดสินจากประสบการณ์ และความเชื่อของตัวเอง
    ทำให้เรา แคบไปเปล่าๆ มันไม่มีอะไรที่ใช่ หรือ ไม่ใช่ จริงแท้เลย
    ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามอารมณ์ความรู้สึกของเราตลอด

    พี่นักเขียนบอกว่า อารมณ์ ความรู้สึกเหล่านี้
    เป็นอารมณ์ เพียงตื้นๆ ผิวเผิน มันหยาบเกินกว่าจะนำมาตัดสินอะไรได้
    จริงๆ แล้วจิตวิญญาณ มีเพียงอารมณ์เดียวที่แท้จริง
    คือ อารมณ์ แห่งความรัก ถ้าเราเข้าถึงอารมณ์นี้ ได้เมื่อไหร่
    ทุกสิ่งทุกอย่างเราจะคิด และทำ จะไม่มีวันแปลกแยก มันจะกลมกลืน ลื่นไหล
    และมีแต่ความสุข
    เพราะเราต่างมาจากต้นกำเหนิดเดียวกัน ที่เป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งมีเพียงแต่เรา เท่านั้น ไม่มีอื่นใดอีก

    เดรดคิดถูกมั๊ยคะ??
     
  11. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    กราบสวัสดีพี่นักเขียนค่ะ มหัศจรรย์มากๆที่หลายวันมานี้ สงบระงับ จิตจดจ่อรอฟังข้อมูลสาระสรุปสั้นๆที่เกี่ยวกับการใช้พลังจิตรักษาโรค และวันนี้ สงบก็ได้พบกับสิ่งนั้นจริงๆ จากพี่นักเขียนในวันนี้ สงบขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ อนาลัยและพี่นักเขียนมากๆ ที่ทำให้ความหวังของสงบเป็นจริงขึ้นมาได้ หลายวันมานี้ สงบโดนที่บ้านติงว่า หมกมุ่นกับเครื่องคอมฯเกินไป เขาว่า"มันไร้สาระหรือเปล่า " สงบกำลังศึกษาเรื่องนี้และมั่นใจอยู่เสมอว่าต้องนำมาใช้ได้จริงๆ และหลายครั้งหลายเรื่องที่บางคนคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระพอถึงเวลาเข้าจริงเรื่องไร้สาระของสงบ กลับนำไปช่วยเหลือและแก้ไขชีวิตของพวกเขาอยู่เสมอ เมื่อนั้นเขาถึงยอมรับ เรื่องไร้สาระของสงบว่า "มีสาระ"
    วันก่อนเป็นหวัดมีน้ำมูกหายใจติดขัดและคันระคายคอมาก จนนอนไม่หลับ สงบได้กำหนดจิต(นั่งสมาธิ)ตามวิธีที่พี่นักเขียนแนะนำ ซึ่งคุณเดรดได้นำมาสรุปสาระสำคัญ(มากๆ)ไว้ ใช้เวลาพอสมควร อาการหายไป 90% สงบ ก็เลยคิดว่าถ้าได้ทำอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี ร่างกายของเรานอกจากจะไม่เป็นแหล่งสะสมของโรคต่างๆแล้ว ร่างกายของเราก็จะแข็งแรงมีพลังมากๆ สามารถไปช่วยเหลือ คนป่วยคนอื่นได้อีกแน่นอน ค่ะ
     
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    สวัสดีปีใหม่ครับพี่นักเขียนและเพื่อนๆที่รัก *-*

    ที่คุณเดรดพูดถึงภาพที่เห็นหรือความรู้สึกที่เราสัมผัสนั้นแต่ละคนก็ต่างกันไปจริงๆครับ
    เคยสงสัยอยู่เหมือนกัน ทำให้เราต้องคอยเช็คดูว่ามันจริงหรือเราจินตนาการไปเอง
    ฟังจากคนอื่นๆก็เห็นกันสารพัดรูปแบบ เอ..แล้วที่เราน่ะเห็นมันใช่รึเปล่านะ?

    พอได้ฟังจากพี่นักเขียนวันนั้นแล้ว..เชื่อว่าหลายคนเข้าใจและวางเรื่องนี้ไปได้เยอะนะครับ พี่นักเขียนฯกล่าวว่าจินตนาการที่เราฝึกฝนกันนั้นเป็นภาวะที่เป็นธรรมชาติ เป็นการสร้างสรรค์ของจิตวิญญาณที่ส่งกระแสออกไปจริงๆ ตามความเชื่อ ไม่ว่าเราจะสัมผัสกับพลังงานใดๆ รู้สึกอย่างไร ก็ไปสร้างกระบวนการในมิติทางพลังงานให้เกิดขึ้นจริงๆ และไม่สำคัญหรอกว่าเราจะจินตนาการไปเห็นหรือรู้สึกกับสิ่งนั้นอย่างไร ถ้าหากเราเข้าใจความหมายและเลือกสิ่งนั้นเข้ามาสู่ความเป็นจริงที่เราสร้างขึ้นด้วยความมีชีวิตชีวา-ด้วยความรู้สึกที่ดีและมีความสุข ที่สำคัญน่าจะอยู่สติสัมปชัญญะอันคมชัดจะช่วยเราค้นความหมายในเรื่องต่างๆได้เป็นอย่างดี หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการตีความหมายด้วยตัวเองนะครับ

    ------------------------------------------------------------------------
    คุณ Falkman เล่าให้ฟังว่าไปฝึกนอนไล่จักระทั้ง 11 จุดที่ชัยภูมิ ซึ่งอากาศเย็นมากๆ
    ตอนฝึกใหม่ๆนับเลขไปก็หลับซะก่อน ไม่ทันถึงเอว..อิอิ
    แต่พอทำได้ร่างกายก็อบอุ่นจนร้อนไปหมดทั้งตัว ผ้าห่มไม่ต้องใช่เลยครับ..
    ร่างกายคงได้รับพลังจากต้นกำเนิดและเผาผลานอุณหภูมิได้อย่างทั่วถึงจริงๆครับ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2009
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ตอนนี้คุณเดรดกำลังช่วยรวบรวมสาระจากในกระทู้นี้ไปลงไว้ที่ชมรมฯ
    ไว้ให้พวกเราและผู้ที่สนใจไปค้นหาและทบทวนเรื่องต่างๆได้ง่ายขึ้น
    แต่ต้องสมัครเป็นสมาชิกเวปพลังจิตซะก่อนถึงจะเข้าไปอ่านได้
    รู้สึกว่าได้อ่านทบทวนแล้วจะเข้าใจเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมากครับ
    http://palungjit.org/group.php?do=discuss&group=&discussionid=295

    คุณสงบก็เหมือนผมล่ะครับติดคอม แต่ติดกับสาระความรู้ที่มีประโยชน์ก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ
    ตอนนี้แต่ละคนเก่งๆกันจนผมตามแทบไม่ทันซะแล้วครับ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2009
  14. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    พี่นักเขียนครับ นอกจากจุด solar plexus ที่เป็นจุดรวมพลังงานแล้ว

    อยากให้พี่นักเขียนช่วยแนะนำ จุดต่างๆที่สัมพันธ์กับมิติทางกายภาพ และมิติของจิตใจให้ฟังด้วยครับ

    เห็นด้วยกับคุณเดรด คุณหงบ นะครับ ว่าไม่สำคัญว่าเราเห็นอะไร แต่สิ่งสำคัญคือความหมายที่อยู่ภายในสัญลักษณ์นั้นๆต่างหาก


    ทุกวันนี้ ก็ยังฝึกสติให้คมชัด และก็หาความหมายที่ซ่อนอยู่ในความฝันอยู่เสมอครับ เห็นเพื่อนๆตีความ และนำการฝึกฝนมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และผู้อื่น ก็รู้สึกชื่นชมครับ สิ่งที่ต้องการทราบ ต้องการรู้ ทุกเรื่อง ล้วนอยู่ในหนังสือที่พี่นักเขียน ได้รับการถ่ายทอดมาจาก อ.อนาลัย ทั้งนั้นครับ มาอ่านสรุปที่หัวหน้าห้อง และคุณเดรด รวบรวมมาให้ ก็เหมือนว่า บางอย่าง เราได้อ่านมาแล้วเหรอ อย่างนี้แสดงว่า ความรู้เหล่านี้ยังไม่กลายเป็นส่วนหนึ่งของสติสัมปชัญญะภายใน ยังต้องทำความเข้าใจ และปฎิบัติอีกเยอะ เพื่อให้กลายเป็นส่วนหนึ่งไปเรื่อยๆครับ

    อย่างข้อมูลในฝัน ที่มีหัวหน้าห้องเรา อยู่ในเมืองน้ำแข็งบ้าง ลานน้ำแข็งใหญ่ๆบ้าง ก็ยังเป็นปริศนาทุกวันนี้ ที่รอวันกระจ่างครับ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2009
  15. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    พอดี ไปเจอ บทความที่พี่นักเขียนเคยอธิบายไว้ น่าจะเข้ากับเรื่องที่กำลังคุยกันแต่อันนี้เป็นจินตภาพ ในความฝัน ลองดูนะค่ะ...


    <TABLE class=tborder id=post1000297 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>nova_analai<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1000297", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2007
    สถานที่: Lawrence, Kansas, USA
    ข้อความ: 783
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 773 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]






    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1000297 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title --><CENTER>รูปกาย สัญญลักษณ์อันเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมาย

    </CENTER>
    รูปกายทางกายภาพในความฝัน เป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงถึงบุคลิกภาพซึ่งเป็นสิ่งที่จะคงอยู่กับจิตวิญญาณตลอดไปไม่มีวันสูญสลาย การปรากฎของรูปกายในความฝันสื่อให้เราเข้าถึงบุคลิกภาพของจิตวิญญาณ ตัวอย่างเช่น หากรูปกายในความฝันปรากฎเป็นครู เป็นบุคคลที่มีความรู้สูง การปรากฏนั้นๆเป็นสัญญลักษณ์ที่ทำให้เราตระหนักได้ถึงคุณสมบัติอันเป็นแก่นแท้ของบุคลิกภาพส่วนนั้นของจิตวิญญาณ ณ ขณะปัจจุบันนั้นที่เกิดการสื่อสารขึ้นในสถานการณ์จำเพาะนั้นๆ


    เราทั้งหลายคุ้นเคยกับโลกสามมิติยามตื่น ที่เรารู้เห็นบุคคลตัวตนจากการมองเห็นรูปกาย มองเห็นบุคลิกภาพท่าทีของเขา มองเห็นว่าเขาเป็นใคร แล้วเราก็ตัดสินจากการรู้เห็นนั้นๆว่า เขาเป็นอะไร เช่น ตัดสินว่าเขาเป็นครูที่น่าเคารพนับถือ เขาเป็นแพทย์ที่น่าเชื่อถือ เป็นต้น

    เราทั้งหลายนำความคุ้นเคยจากโลกสามมิติยามตื่นไปแปลงข้อมูลที่เราได้รับจากโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติในความฝันเสมอๆ แม้ว่าในโลกแห่งความฝันเราอาจเผชิญกับจิตวิญญาณที่ปราศจากรูปกาย และมีแต่บุคลิกภาพที่เราสัมผัสได้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดหรือรับรู้ได้โดยตรงด้วยจิตวิญญาณ แต่เราก็ต้องแปลงข้อมูลเหล่านั้นเป็นข้อมูลทางกายภาพ คือแปลงเป็นรูปกายเพื่อที่เราจะสามารถนำข้อมูลความรู้เหล่านั้นกลับมายังโลกยามตื่นได้ หากปราศจากการแปลงสภาพข้อมูล เราแทบจะไม่สามารถถ่ายทอดข้อมูลความรู้จากความฝันเป็นคำพูดได้เลย

    รูปกายในความฝันจึงไม่ได้เป็นเพียงรูปกายสมมุติ หากแต่เป็นรูปกายที่เป็นสัญญลักษณ์ที่บรรจุความหมายมากมาย เรียกได้ว่าเป็นสัญญลักษณ์ที่มีข้อมูลความรู้ที่อัดแน่น การปรากฏของรูปกายหนึ่งรูปกายทดแทนข้อมูลความรู้-ทดแทนอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดมากมายมหาศาล

    ในสถานการณ์ที่พี่นักเขียนต้องการความช่วยเหลือ ต้องการคำแนะนำหรือการอบรมจากผู้รู้ ท่านอาจารย์อนาลัยหรือองค์ความรู้มักจะปรากฏพร้อมด้วยรูปกายที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่พี่นักเขียนรู้จักในชีวิตยามตื่น ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่เจ้าของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองไทย ท่านเป็นสตรีที่มีเมตตา มีอารมณ์ขัน พี่นักเขียนรักและเคารพท่านเสมือนพี่และท่านก็ให้ความเอ็นดูและเมตตาพี่นักเขียนเสมือนน้องของท่าน

    บุคลิกภาพของจิตวิญญาณที่ปรากฎด้วยรูปกายทั้งหลายในความฝันจึงไม่ได้เป็นเพียงสิ่งสมมุติ หากแต่เป็นสัญญลักษณ์ที่สื่อความหมาย สื่อความสำคัญ และสื่อความสัมพันธ์ได้อย่างฉับพลันลุ่มลึก

    การรู้จักท่านอาจารย์อนาลัย หรือ การรู้จักภาวะของจิตวิญญาณที่ปราศจากร่างกายแต่เต็มไปด้วยความรู้ ทำให้พี่นักเขียนเรียนรู้ว่า รูปกายทั้งหลายที่ปรากฏในความฝัน เป็นสัญญลักษณ์ที่เป็นอารมณ์หนึ่งของจิตวิญญาณพร้อมด้วยบุคลิกภาพอันเต็มไปด้วยคุณค่า เต็มไปด้วยคุณสมบัติอันเป็นอมตะ

    บางครั้งท่านอาจารย์อนาลัยก็ปรากฏเป็นชายชราผู้เต็มไปด้วยความเมตตาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ความชราของท่านเป็นสัญญลักษณ์ที่ทำให้ตระหนักได้ถึงการมีชีวิตยืนยาวและการสะสมประสบการณ์มามากมายหลายชาติภพ และการมีมุมมองกว้างไกลจากประสบการณ์เหล่านั้น

    บางครั้งที่ท่านอาจารย์อนาลัยปรากฏเป็นสมเด็จโต พี่นักเขียนตระหนักว่าเป็นการปรากฏอีกอารมณ์หนึ่งของจิตวิญญาณที่คล้องจองกับความเชื่อของพี่นักเขียน และสะท้อนให้พี่นักเขียนเห็นถึงสัมพันธภาพและความเชื่อของตนเองในทิศทางต่างๆที่พี่นักเขียนเข้าไม่ถึงในยามตื่น

    ไม่ว่าท่านอาจารย์อนาลัยจะปรากฏด้วยรูปกายใดๆหรือปราศจากรูปกายตัวตน บทเรียนสำคัญที่สุดที่พี่นักเขียนได้รับจากรูปกายทั้งหลายในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติในความฝันคือ รูปกายทั้งหลายคือภาพสะท้อนของอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า รูปกายทั้งหลายคือภาพสะท้อนของจิตวิญญาณ ของบุคลิกภาพและคุณสมบัติอันเป็นอมตะ

    เรามักจะตำหนิหรือให้เครดิตตัวเองติดลบกันบ้างไม่มากก็น้อยเสมอๆ บ่อยครั้งเราเกรงว่าการแสดงออกในส่วนที่ดีเด่นของตนเองจะทำให้เราไม่เป็นที่รัก ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า ความเข้าใจในทิศทางดังกล่าวมักสร้างความขัดแย้งในตนเองเสมอ เพราะโดยธรรมชาติแล้ว จิตวิญญาณของเราทุกคนมาถือกำเนิดเพื่อแสดงออกซึ่งความรู้ความสามารถและสร้างสรรค์ในทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์ของเราอย่างดีที่สุด พร้อมด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไขที่เราควรจะมีให้ตนเอง

    หากเรารู้จักเทิดทูนและให้เครดิตความสามารถในตนเอง เราจะรู้จักเทิดทูนและให้เครดิตในความสามารถของผู้อื่นไม่น้อยไปกว่า เราจะรู้จักรักผู้อื่นอย่างปราศจากเงื่อนไขไม่น้อยไปกว่าที่เรารักตนเอง เพราะเราจะตระหนักได้ในคุณค่าของการสร้างสรรค์ทั้งปวง ไม่ว่าการสร้างสรรค์นั้นๆจะเป็นของเราหรือของผู้ใดก็ตาม

    คุณสมบัติอันเป็นอมตะของจิตวิญญาณ เป็นสิ่งที่เราพบเห็นและสัมผัสได้ในบุคคลทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา รักของเราที่มีต่อบุคคลในโลกแต่ละคนแตกต่างกัน แม้แต่รักที่เรามีให้คุณพ่อคุณแม่ หรือลูกของเราทั้งชายหญิงก็แตกต่างกัน และในทางกลับกัน รักที่แต่ละบุคคลในโลกมีให้เราก็แตกต่างกัน ความรักอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล ตลอดจนความรักที่เรามีให้แตกต่างกันสำหรับแต่ละบุคคล ล้วนเป็นคุณสมบัติอันเป็นอมตะที่สะท้อนให้เห็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณ ณ อารมณ์นั้นๆ เมื่อรูปกายทั้งหลายปรากฎในความฝัน รูปกายเหล่านั้นปรากฏเป็นสัญญลักษณ์ที่คล้องจองกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสัญญลักษณ์ที่คล้องจองกับความรักและความเชื่อของเรา

    ณ วันนี้หากเรามองเห็นรูปกายของตนเองในกระจกและเรารู้สึกไม่พอใจตนเอง ไม่รักตนเอง ไม่ศรัทธา ไม่เชื่อถือ ไม่เชื่อมั่น หรือขาดความมั่นใจ เราควรจะตระหนักว่าเรายังมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของเราหรือแก่นแท้ของตนเอง ซึ่งเป็นจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยข้อมูลความรู้ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่สร้างสรรค์ และมีพลังอำนาจที่จะมีได้-เป็นได้-ทำได้อย่างดีที่สุดในร่างกายเนื้อหนังนี้

    คุณภาพของความรักจึงเป็นปัจจัยที่สร้างภาพสะท้อนของรูปกายทั้งหลายที่ปรากฏในโลกแห่งความเป็นจริงของเราทุกโลก ณ วันนี้หากเราพบรูปกายที่เรามองเห็นว่า ไม่น่ารัก เราสามารถแก้ไขรูปกายนั้นๆให้น่ารักได้ไม่ยาก ด้วยการแก้ไข-เงื่อนไขของความรัก-ที่เรามีให้กับรูปกายนั้นๆ

    พี่นักเขียนขอให้พวกเราจับประเด็นของรูปกายที่คล้องจองกับความรักและความเชื่อไว้ในใจเสมอๆ เพราะเมื่อเราตระหนักได้ในธรรมชาติความเป็นจริงข้อที่ว่านี้ ต่อไปเมื่อเราเผชิญกับรูปกายในความฝัน พร้อมด้วยความรู้นี้ในระดับสติสัมปชัญญะ เราจะพบว่า เราเข้าถึงความหมายและคุณสมบัติอันเป็นอมตะของรูปกายในความฝันได้อีกระดับหนึ่ง และทำให้เราเข้าใจความฝันของเราได้ลุ่มลึกกว่าเดิมเป็นอันมาก(rose)

    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
    เชิญอ่านeBooks http://www.novaanalai.com/novaanalai/index.html
    เชิญ Download eBooks1. โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ 2. ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ
    3. จิตวิญญาณประสานกาย 4.ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ5. อิสระแห่งความปรารถนา
    6. ชีวิตนอกเหนือชาติภพ7. อมตะแห่งจิตวิญญาณ-ภาคต้น 8. อมตะแห่งจิตวิญญาณ-ภาคปลาย
    9. โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-ภาคต้น 10. โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-ภาคปลาย
    Download Free Audiobook
    <!-- / sig --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>


    http://palungjit.org/showthread.php?t=86527&page=198


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2009
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]

    ขอต้อนรับสมาชิกเก่าและใหม่สู่ห้องวิทย์ฯด้วยครับ *-*
    คุณ Tru Calling คุณ heng-heng และคุณ deejaimark
    คุณ Tru Calling อวยพรวันเกิดล่วงหน้าให้อีกด้วย ขอบคุณนะครับ
    เห็นติดตามอ่านมานานแล้ว ก็ขอเอาใจช่วยให้อ่านหนังสือจบโดยเร็วนะครับ
    ต้องขอบคุณทุกท่านด้วย ถ้าไม่มีคนอ่านก็คงไม่มีกระทู้ห้องวิทย์ฯขึ้นมาครับ
    พวกเราก็ล้วนช่วยกันเป็นระบบเครือข่ายน่ะครับ
    ห้องวิทย์นี้จะเป็น Never Ending Story ที่อยู่ในใจของพวกเราทุกคนตลอดไป
    (รวมทั้งเมืองปริศนา Crytal land ของคุณเซลล์ด้วยครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2009
  17. nicspirit

    nicspirit สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +4
    (เห็นพี่นักเขียนกลับมาที่บอร์ดเหมือนเดิมแล้วขอนำข้อความเดิมกลับมาโพสท์เพื่อถามพี่นักเขียนอีกครั้งนะครับ)
    สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับคุณพี่นักเขียน ผมชื่อนิก ก็เป็นอีกคนก็ชอบหนังสือแนวอานุภาพจิตวิญญาณ จะอ่านแนวนี้หลายเล่มมาก แต่ยังไม่ได้อ่านของพี่นักเขียนก็ซื้อมาอ่านแล้วคือเล่มที่ชื่อว่าธรรมชาติของชาติภพ
    แต่พอผมได้มาอ่านหนังสือเล่มนึงซึ่ง conceptตื่นเต้นและเร้นลับมาก ชื่อโชค ดวงความบังเอิญ คุณกำหนดได้ ของดีพัค
    โชปราเนื้อหาเป็นอย่างนี้คือ ดีพัคบอกว่ามนุษย์ทุกคนมีธรรมชาติเดิมแท้หรือจิตวิญญาณบริสุทธิ์พร้อมให้เราไปติดต่อ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับจิตสากลหรือพระเจ้าแล้วแต่จะเรียก ซึ่งจะบอกใบ้ชะตาชีวิตที่แท้จริงของเราโดยผ่านเหตุบังเอิญอย่างเช่น เมื่อ 3ปีก่อน ผมเรียนปวช.แผนกคหกรรมแต่มีความฝันอยากผลิตละครโทรทัศน์ แต่บังเอิญไปคุญกับผู้หญิงคนนึงทางรายการวิทยุของจังหวัด(บ้านผมอยู่จ.ปราจีนบุรี)เลยรู้ว่าอีกวิทยาลัยแห่งหนึ่งเขาเปิดแผนกการท่องเที่ยว ผมสนใจเลยออกจากคหกรรมมาสมัครการท่องเที่ยวแล้วเริ่มรู้สึกมีความสุขกว่าเดิมเยอะมากเลย ตัวอย่างนี้หมายความว่าชะตาชีวิตที่แท้มันจะค่อยๆคลี่ตัวออกมาให้เราเห็น แต่ถ้าเราอยากเห็นมากกว่านั้น อยากเห็นชะตาชีวิต(Destiny)ทั้งหมดของเราและดำเนินการไปอย่างถูกต้องตามนั้นได้จนทำให้ความปรารถนาของเรานั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะถ้าจิตวิญญาณหรือจิตสากลกำหนดให้ มันจะพาเราไปสู่สภาวะจิตสำนึกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จากต้องการอะไรที่เกี่ยวกับวัตถุอย่างเดียวก็สูงขึ้นมาเป็นต้องการทำงานที่มีความหมายเพื่อตัวเองจนสูงขึ้นมาเป็นต้องการทำงานที่มีความหมายเพื่อสังคม เพื่อประเทศ เพื่อโลก จนสูงขึ้นเป็นเพื่อสภาวะธรรมหรือการดำรงอยู่ในตัวมันเอง(being) หรืออยู่ในสภาวะจิตรู้แจ้ง หรือนิพพานนั่นเอง ซึ่งอยากจะขอความเห็น คุณโนวาว่ามันจะเป็นตามนี้หรือไม่อย่างไร เพราะเรื่องมันก็ค่อนข้างลึกซึ้งพอสมควร เกินกว่าที่สภาวะจิตพื้นๆของผมจะเข้าใจได้ แต่ผมสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้และเล่มนี้จริงๆ และคิดว่าจะฝึกปฏิบัติตามนี้ เลยมาขอคำแนะนำและความคิดเห็นในที่นี้ด้วยครับ

    ส่วนเนื้อหาในหนังสือแบ่งออกเป็น2 ภาค ครับคือ
    ภาคแรกอธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของวิญญาณ ตัวตนแท้ เจตนารมณ์ของเราที่ต้องโคกับเจตนารมณ์ของจักรวาล บทบาทของเหตุบังเอิญที่บอกใบ้ชะตาชีวิตที่แท้จริงของเรา ต้นแบบและความปรารถนาที่บ่งบอกถึงจุดมุ่งหมายในชีวิต ภาค2 เกี่ยวกับวิธีฝึกปฏิบัติเพื่อลิขิตชีวิตอย่างประจวบเหมาะหรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่าsynchrodestiny โชคชะตาที่เกิดขึ้นอย่างสอดประสานกัน มีให้ทำสมาธิกำหนดลมหายใจแล้วใส่มนตราโซ-ฮัมระหว่างหายใจเข้า-ออก เพื่อให้จิตนิ่งสงบปราศจากความคิดและใส่เจตนารมณ์ซึ่งเป็นพระสูตรหรือหลักการลิขิตชีวิตอย่างประจวบเหมาะ 7หลักการเข้าไประหว่างนั้น เห็นดีพัคบอกถ้าทำตามแนวทางนี้แล้วจักรวาลจะพาเราไปสู่ชะตาชีวิตที่ทำให้สภาวะจิตเราสูงขึ้นเรื่อยๆจนรู้แจ้งในที่สุด นี่คือธีมหรือประเด็นหลักๆของหนังสือเล่มนี้ซึ่งผมอยากจะปฏิบัติตามเอามากๆเพราะอยากได้อยู่ในความตื่เต้นเร้นลับที่เหตุบังเอิญและคำบอกใบ้ที่ไม่สิ้นสุดเผยตัวออกมาเพื่อบอกชะตาชีวิตที่แท้จริงของผม จึงอยากให้พี่นักเขียนช่วยอธิบายให้ผมกระจ่างมากขึ้นเกี่ยวกับประเด็นนี้ด้วยครับ ว่ามันเป็นการฝึกทางจิตวิญญาณแนวไหนและสอดคล้องกับของพี่นักเขียนหรือเปล่า และมันจะมีผลกับจิตวิญญาณหรือชะตาชีวิตยังไงบ้าง
    สุดท้ายนี้ก็อวยพรสุขสันต์วันเกิดให้พี่นักเขียนมีความสุขเสมอไปนะครับ แล้วปีหน้าถ้ามีโอกาสคงได้พบกัน และแสดงความยินดียิ่งที่ได้ข่าวมาว่าอาการคุณแม่ของพี่นักเขียนดีขึ้นมากแล้วขอบคุณครับ

    <!-- / message --><!-- / message -->
     
  18. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ก่อนอื่นต้องขอกล่าว"สวัสดีปีใหม่"กับคุณพี่นักเขียน คุณมี๊ด(หัวหน้าห้อง) และเพื่อนๆทั้งเก่าและใหม่ทุกๆท่านด้วยครับ หวังว่าทุกท่านคงตักตวงความสุขในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่กันอย่างเต็มที่แล้วนะครับ

    ขอแสดงความยินดีกับคุณพี่นักเขียนด้วยครับที่คุณแม่ของคุณพี่นักเขียนมีอาการดีขึ้นและทราบว่าออกจากโรงพยาบาลแล้ว...ขอให้ท่านมีสุขภาพดีขึ้นโดยลำดับนะครับ

    ถึงเศษฐกิจจะตกสะเก็ดก็หวังว่าทุกท่านจะสามารถรับมือและปรับตัวเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปได้ด้วยดีนะครับ...ขอเพียงอย่ายอมแพ้เท่านั้นเป็นพอ
     
  19. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,945
    ค่าพลัง:
    +4,262
    Happy Birthday

    สวัสดีปีใหม่ทุกท่านนะครับ

    คุณ Mead เกิดวันไหนนะครับ
    ส่วนผมวันที่ 15 มกราคมนี้ครับ
    เผื่อยังไงจะได้ฉลองด้วยกัน เหอๆ
     
  20. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เอาข้อความมาฝากครับ อยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ :)

    มหาสมุทรอินเดียกับอันดามันต่างกันตรงไหน
    มหาสมุทรแปซิฟิกต่างกับอ่าวไทยตรงไหน
    อะไรเป็นเส้นคั่นแบ่งแยกระหว่างกันทั้งๆ ที่ก็เป็นผืนน้ำเดียวกัน

    สิ่งที่ต่างก็คงจะเป็นสิ่งที่อยู่ใต้ผืนน้ำนั้น แต่ละแห่งแต่ละที่อาจมีปลาไม่เหมือนกัน มีปะการังคนละแบบ แต่มันก็คือสิ่งที่อยู่ในผืนน้ำผืนเดียวกัน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ที่ไหน

    ความรู้ในหนังสือก็เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะเขียนคนละคน เขียนคนละอย่าง ใช้ศัพท์กันคนละแบบ แต่มันก็คือองค์ความรู้เดียวกัน


    ในมหาสมุทรอินเดียกับอ่าวไทย ก็คงมีปลาคนละแบบ มีปะการังคนละชนิด แต่คนที่ดำลงไปแต่ละคน ก็สังเกตเห็นสิ่งต่างๆ ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนตั้งใจมองหาอะไร

    คนที่มาดูปลาก็จะเห็นปลาคนละชนิด แต่ก็คงไม่ทันสังเกตว่ามีกุ้งต่างชนิดกันไหม
    คนที่มาดูกุ้งก็จะเจอกุ้งกันคนละชนิด แต่ก็คงไม่ทันสังเกตว่ามีปลาต่างชนิดกันไหม

    ความรู้ที่เราได้ในหนังสือแต่ละเล่ม ก็ขึ้นกับว่าเราต้องการหาความรู้ทางไหน บางทีในหนังสือเล่มที่เราอ่าน เราไม่เจอสิ่งที่เราต้องการ ก็จะมองว่าเล่มนั้นไม่มีอะไร แต่อาจจะมีความรู้แบบอื่นอยู่ก็ได้

    ความรู้ในหนังสือจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าในหนังสือเขียนอะไรอย่างเดียว แต่ขึ้นกับว่าเรามีมุมมองอย่างไร เมื่อมุมมองเราเปลี่ยนเราก็จะเห็นความรู้ต่างกันไป เช่นเดียวกับว่า ทำไมเมื่อเวลาผ่านไปแล้วอ่านหนังสือเล่มเดิม สิ่งที่เราได้จึงเปลี่ยนไป

    เช่นว่าแต่ก่อนเราอาจจะดำน้ำไปมองหาแต่กุ้ง แต่เมื่อเรารู้เพิ่มขึ้นว่ากุ้งอาศัยอยู่ในปะการังคนละแบบ เมื่อเราดำน้ำครั้งต่อไป เราก็สังเกตปะการังมากขึ้น เราก็จะเห็นอะไรในโลกใต้น้ำมากขึ้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...