รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ของจริงครับ
    แต่สติยังไม่สมบูรณ์ มันยังไม่คล่องไงครับ
    อันนี้ นี่ออกจริงๆครับ แต่พอจะเข้าใจอารมณ์ใช่ไหมครับ ต้องจำอารมณ์กับวิธีออกให้ได้ครับ
    ที่เป็นชุดบ้านก็เพราะว่าจิตของเรามันชินกับสภาพนี้ครับ
    ถ้าจิตมันชินกับความเป็นเทวดา พรหม หรือพระนิพพาน ชุดมันก็จะต่างกันครับ

    ถ้าได้อีกรอบให้เราอธิษฐานว่าขอให้ทำได้ทุดครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ต้องการครับ
    แล้วมันจะออกได้ถี่ขึ้น
    ขอบารมีพระคุ้มครองทุกๆครั้งด้วยครับ
    พอออกมาได้แล้ว จะไปไหนก็ขอให้พระท่าน เมตตาสงเคราะห์พาเราไปครับ ถ้าเริ่มคล่องแล้ว มันจะไปได้เองครับ แนะนำว่าให้ขึ้นไปสวรรค์ พรหม นิพพานก่อน แล้วมันจะลอยขึ้นไปเอง
    ลองดูครับ ขอให้ทำได้คล่องแคล่วกันทุกคนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2008
  2. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    ขอบคุณศิษย์พี่มากครับ ผมก็ปฏิบัติเช่นศิษย์พี่บอกครับ คือ คิดเสมอว่าเรายังไม่ดีพอเรายังเลวอยู่ ถึงแม้จิตผู้รู้จะบอกว่าถึงขั้นนั้นขั้นนี้ มรรคผลขั้นนั้นขั้นนี้ แต่ผมก็เตือนตัวเองเสมอ ครับ ขอบคุณครับ และ ขอให้ท่านพี่ช่วยดูแล น้องๆ พี่ๆ ทางบ้าน ที่ยังไม่เข้าใจ ในการเจริญสมถะ และ วิปัสสนาด้วยนะครับ อย่าท้อแท้ถ้าคิดจะทำดี ในสิ่งที่ตนเองตั้งเป้าหมายครับ เพราะเหล่ามารมากันหลายรูปแบบ ทั้งหยาบและละเอียด อนุโมทนาอย่างสูงครับ

     
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ผมได้เคยไปกราบพระอริยเจ้าแถววัดท่าซุงมาท่านนึงครับ
    ท่านบอกว่าศีลน่ะท่านรู้อย่างเดียว คือไม่กินข้าวเย็น
    สมาธิท่านก็รู้อย่างเดียว ตายเมื่อไหร่ไปพระนิพพาน
    แล้วท่านก็ได้มโนมยิทธิครึ่งกำลัง เต็มกำลัง
    แล้วท่านก็จะไม่เคยสนว่าท่านเป็นพระอริยเจ้าหรือเปล่า ไม่เคยสนจริงๆครับ
    สนอย่างเดียวว่าตายเมื่อไหร่ไปพระนิพพานเท่านั้
    ถ้าคนอื่นมองจากภายนอก ก็จะเห็นว่าท่านเป็นชาวบ้านธรรมดาๆนี่เอง
    แต่ถ้ามองที่อารมณ์ใจของท่าน ก็จะพบว่าท่านไม่ได้ธรรมดาๆอย่างที่เห็นครับ
    ทุกคนที่ไปฝึกเต็มกำลังที่วัดท่าซุงน่าจะได้ เคยพบท่านมาแล้วครับ
    ส่วนมากจะเคยเดินผ่านท่านมาแล้วครับ แต่ขอไม่บอกว่าเป็นท่านไหนก็แล้วกันครับ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
  5. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    T_T พึ่งอ่าน เจอ ว่าของผม เข้าข่ายเต็มกำลัง เล่นสะพลิก ตำราใหม่เลย

    ขอบคุณครับ
    หลังจากที่ได้ อ่านผมเริ่มสงสัยว่า ณาณ 4 มันง่ายจัง
    คือ ขอสารภาพ ตามตรง ผมแยก ลักษณะ อาการของ ณาณ ไม่ค่อยจะได้
    เพราะ ผมจะไม่เหมือนชาวบ้าน เขาเท่าไหร่ เคยฟังจากหลวงพ่อ ท่านเคยบอกว่า แต่ะละคนจะไม่เหมือนกัน ของผมนี้ แถบจะฉีกตำรา ทิ้งไปเลยครับ(เวอร์ไปเปล่าเนี่ย)

    ฌาณ4 ถ้าเอาแค่ฌาณ4หยาบล่ะก็
    แค่จับภาพพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน หรือจับภาพพระพุทธรูปเป็นเพชร ก็เป็นฌาณ4หยาบแล้วครับ


    ถ้าเป็น แบบที่กล่าวด้าน บนผมสามารถทำได้ ตลอดเวลาเลยครับ จะให้พระพุทธรูปใน จิต ตั้งบนโต๊ะทำงาน ลอยบนอากาศ ได้ทุกที่ครับ จะให้เป็น เพชรเป็นประกาย สว่างขนาดไหน ทำได้หมด แต่ผมเข้าใจว่า ผมจิตตนาการเอา ไม่ใช้ ณาณ เหอะ ๆ รบกวนชี้แนะด้วยครับ
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็ลองพิจารณาดูสิครับว่า มีความสุขหรือเปล่าเวลาที่ทำได้

    ถ้ามีความสุข มันจะหล่นลงมาเสพสุข แล้วขึ้นสมาธิไปเห็นภาพอีก

    ถ้าความสุขไม่ดับ ภาพก็จะปรากฏอยู่อย่างนั้น เป็นอุคหนิมิตน้อมไปทางไหน
    วางตรงไหนก็ได้

    ถ้าความสุขไม่ดับ ก็แปลว่า มีองค์ธรรม สุข เกิดอยู่ในจิตสลับตลอดเวลา

    สภาวะธรรมที่จิต มีสุข ติดอยู่ สมควรเรียกฌาณ 4 หรือเปล่า เพราฌาณ4
    นั้นจะต้องมี อุเบกขา+เอกัคคตา คือ สุขต้องสนิท ไม่กระเพื่อม ไม่โชย ไม่
    จับจิตอยู่
     
  7. noonei789

    noonei789 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +6,958
    ขอเรียนถามค่ะ

    คือ ของข้าพเจ้าต้องปรับปรุงตรงไหนคะ คือ ขึ้นไปได้ประมาณ1นาทีก็หล่นลงมา
     
  8. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    ขอบคุณ มาก ๆ ครับ
    แต่ ขอเป็นศัพท์ ธรรมดาได้หรือเปล่า เหอะ ๆ ประมาณว่าผมยังโง่ อยู่มาก จริง ๆ ครับ
     
  9. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ choosake ครับ

    จริงๆแล้วฌาณมันไม่ใช่เรื่องยากไงครับ แค่เราคิดไปเองว่าเป็นเรื่องยาก
    แล้วมันก็มีค่านิยมที่ทำให้เราคิดว่าเป็นเรื่องยาก
    เพราะจริงๆภาพพระพุทธรูปเป็นเพชรก็เป็นฌาณ4แล้ว
    ในสมัยพุทธกาลถึงมีคนบรรลุธรรมเยอะไงครับ
    เพราะบอกวิธีที่ถูกต้อง สั้น ง่ายแค่แปปเดียว ก็ทำได้กันหมดแล้ว

    ถ้าลองไปอ่านประวัติของหลวงพ่อฤาษี จะพบว่าท่านเขียนว่า
    ท่านทรงฌาณ4ตลอดเวลา ด้วยการจับภาพพระพุทธรูปเป็นเพชร หรือจับลมหายใจตลอดครับ ท่านมักจะบอกว่าตอนท่านเป็นเด็กๆ ท่านจะเห็นภาพหลวงพระพุทธรูปอมยิ้มตลอดเวลา
    การใช้จินตภาพหรือการจินตนาการถึงภาพต่างๆเนี่ย ก็คือกสิณครับ
    การที่เขาบอกว่าให้เพ่งกสิณน่ะ
    ในสมัยก่อนเพ่ง แปลว่าการนึกถึงภาพ หรือการคิดถึงภาพ
    ไม่ใช่การเอาตาเราไปเพ่งจ้องวัตถุ เนื่องจากยุคสมัยเปลี่ยน ภาษาเปลี่ยน
    ทำให้คนสมัยใหม่เข้าใจคำว่าเพ่งคลาดเคลือนไป จึงปฏิบัติแบบทรมานตัวเองซะเยอะ

    อีกเรื่องก็คือการปฏิบัติจริงๆ มันอยู่เหนือภาษาพูด ภาษาปริยัติ
    เพราะปริยัติเปรียบเหมือนการอธิบายว่า ส้มมีรสชาติยังไง
    แต่ถ้าเราอยากรู้จริงๆว่าส้มรสชาติอย่างไร เราก็ต้องชิมเองใช่ไหมครับ
    จะอ่านว่าส้มมันเปรี้ยวๆ หวานๆ แต่ถ้าเราไม่เคยกินจะรู้ได้อย่างไรว่า เปรี้ยวมันเปรี้ยวยังไง
    หวานมันหวานยังไง
    การปฏิบัตินั้นจึงมีอารมณ์ใจที่ลุ่มลึกละเอียดกว่า ปริยัติอย่างเทียบกันไม่ติด
    และแท้ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากด้วย
    หลวงพ่อท่านเมตตา สอนให้อย่างง่ายถึงที่สุดแล้ว ไม่รู้ว่าจะง่ายได้ยังไงอีก
    หลวงพ่อท่านพูดเอาไว้ชัดเจนครับ ว่าภาพพระพุทธรูปเป็นเพชรนี่เป็นฌาณ4
    ลองอ่านจากหมวดพุทธานุสติกรรมฐาน ในกรรมฐาน40ก็ได้ครับ ท่านบอกไว้ชัดเจน

    ส่วนอาการที่ติดสมาธินี้
    ไม่ต้องกลัวเลยครับว่าเราจะติดสมาธิ ถ้าเกิดว่าทำตามที่หลวงพ่อพูดทุกอย่าง
    คือการที่คิดว่ารูปฌาณ ความเป็นพรหม เป็นพระนิพพาน
    อรูปฌาณ ความเวิ้งว้างว่างเปล่าเป็นพระนิพพาน
    ซึ่งแท้จริงแล้วพระนิพพานคือเมืองแก้ว ไม่ใช่ทั้งรุปพรหม อรูปพรหม

    หลวงพ่อฤาษีท่านสอนให้ทรงสมาธิเป็นอารมณ์พระนิพพาน คือเกาะพระนิพพานเป็นอารมณ์
    ผมขอถามทุกๆท่านที่ได้มโนมยิทธิแล้วว่าท่านได้เห็นพระนิพพานอันเป็นเมืองแก้วแล้ว
    และท่านก็ได้เกาะพระนิพพาน ทรงอารมณ์พระนิพพานอยู่ตลอดเวลา ด้วยการนึกถึงภาพพระพุทธเจ้าเป็นเพชร บนพระนิพพาน
    หากท่านตายตอนนี้ถามว่าท่านต้องการจะไปอยู่พรหม หรือไปอยู่บนพระนิพพานกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า
    การติดในสมาธินั้น จะเกิดกับผู้ที่ไม่เคยเห็นพระนิพพาน หรือหลงว่าฌาณเป็นพระนิพพาน
    ถ้าท่านเคยเห็นแล้วว่ารูปฌาณ อรูปฌาณ ยังไม่ใช่พระนิพพาน แล้วท่านจะมัวพอใจอยู่ในที่ๆมีความสุขไม่ถึงที่สุดทำไม
    เมื่อตายแล้วท่านก็เกาะพระพุทธองค์เข้าพระนิพพาน
    กลับกันอาการของผู้ที่ไม่เคยเห็นเมืองแก้วพระนิพพาน แล้วไปปรามาสว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน ไม่ใช่เรื่องจริง อาการแบบนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งน่ากลัวเสียกว่าการติดในสมาธิเสียอีก

    ดังนั้นขอให้ทุกๆคน ปฏิบัติสบายๆ ทำใจสบายๆ หมั่นทรงภาพพระ ทรงสมาธิ ทรงลมหายใจสบายๆเอาไว้ตลอดเวลา แล้วคิดอยู่เสมอว่าถ้าตายเมื่อไหร่เราขอไปพระนิพพานเท่านั้น เพียงเท่านี้ขึ้นชื่อว่าเราจะไม่คลาดจากพระนิพพานเมื่อยามตายอย่างแน่นอน อันนี้ว่าตามหลวงพ่อนะครับ ไม่ได้คิดเอง
    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2008
  10. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ของข้าพเจ้าต้องปรับปรุงตรงไหนคะ คือ ขึ้นไปได้ประมาณ1นาทีก็หล่นลงมา <!-- / message --><!-- sig -->

    ระยะเวลานี่อยู่ที่ความชินครับ ก็จะต้องทำให้อารมณ์จิตมันชินในการไม่เกาะร่างกาย

    เพราะจิตมันยังไม่ชินเดี้ยวก็กลับมาเกาะกาย มันถึงทรงได้ไม่นานครับ

    ต้องตัดขันธ์5 เรื่อยๆไปครับ ทำใจสบายๆ ตัดไปเรื่อยๆครับ

    แต่ถ้าได้แล้วครั้งนึงมันจะสิ้นสงสัยครับ

    จะทำให้ตัดร่างกายได้ง่ายขึ้นครับ

    อนุโมทนาด้วยครับ
     
  11. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    ผมถามเยอะไปเปล่า ไว้เป็น ธรรมวิทยา สำหรับผู้ติดตาม
    จะถามต่อ เหอะ ๆ

    หลังจากไปพลิก ตำรา ใหม่ที่โดนทักไปว่า ยังไม่ได้ เต็มกำลังแต่เป็นการดีเช่นกัน
    ขอลำดับ ขั้นตอนในการฝึกทุกวันของผมดังนี้ครับ

    - สวดมนต์ อิติปีโส เริ่มต้น ยาว ๆ ๆ ๆ ๆ (หลายบทอยู่) มาสุดท้ายที่ สมาทานพระกรรมฐาน
    - เริ่มพิจารณา กาย ตั้งแต่หัวจรด เท้า ก็ ยาว ๆ ๆ ๆ ๆ ไป (ตรงนี้ ผมก็ไม่แน่ใจว่า เป็นวิปัสนา หรือเปล่า เนื่องจาก เคยอ่านบางตำราว่าต้อง ณาณ4 ก่อนแล้วค่อย วิปัสนา ไม่งั่นจะเป็น วิปัสนึก รบกวน ชี้แนะ)
    - ภาวนา สัมปติฉามิ และ นะมะพะธะ (ไม่สนลมหายใจ และเป็นความถนัดส่วนตัว) เพราะช่วงนี้กำลังฝึกเต็มกำลังให้คล่องเท่านั้นครับ
    แต่ถ้า ครึ่งกำลัง หรือ สมาธิ ปกติ ก็จะ ภาวนา นะมะพะธะ ตามลมหายใจ
    สักระยะ ก็จับภาพพระสว่างใสเป็นประกาย(พึ่งรู้ว่าเป็น ณาณ4)ส่วนคำภาวนา กับลมหายใจ หายไปบาง บ้างที่ก็กลับมาใหม่ เหมือน นับ 1 ใหม่ ก็ชังมัน ไปของฉันแบบนี้เรื่อย ๆ และ
    -คำถาม พอมาขั้นนี้แล้ว ผมก็จะขอบารมียกจิต ไปพระจุฬามณี ในจังหวะ ของ ณาณ4 ได้เลยหรือเปล่า (เพราะปกติ ทำอยู่แบบนี้ ซึ่งความชัดเจนแต่ละวันจะไม่เท่ากัน แต่ก็ไม่สน ขอแค่ไป กราบพระพุทธเจ้าและไปนิพพานได้ ครับ หรือเป็นภาพจากสัญญาหรืออุปทานก็ไม่สน และเป็น แบบเต็มกำลังหรือครึ่งกำลังละเอียด ครับทุกวันนี้ก็ไม่สนเช่นกัน สนแค่ ไปกราบได้เป็นพอ)

    รบกวนชี้แนะปรับปรุง ส่วนที่ บกพร่อง ด้วยครับ
    คือผมไม่สามารถแยกแยะอะไรได้ เหมือนกับลำดับณาณ ว่านี้คือครึ่งนี้คือเต็ม และอี่นอีกมากมาย
    ที่กล่าวไปว่า ผมบุญเก่าก็น้อย โง่แสนโง่ รบกวนชี้แนะเช่นเคยครับ

    ขอบคุณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2008
  12. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    - สวดมนต์ อิติปีโส เริ่มต้น ยาว ๆ ๆ ๆ ๆ (หลายบทอยู่) มาสุดท้ายที่ สมาทานพระกรรมฐาน
    - เริ่มพิจารณา กาย ตั้งแต่หัวจรด เท้า ก็ ยาว ๆ ๆ ๆ ๆ ไป (ตรงนี้ ผมก็ไม่แน่ใจว่า เป็นวิปัสนา หรือเปล่า เนื่องจาก เคยอ่านบางตำราว่าต้อง ณาณ4 ก่อนแล้วค่อย วิปัสนา ไม่งั่นจะเป็น วิปัสนึก รบกวน ชี้แนะ)
    อารมณ์ใจที่ประคองให้เราพิจารณาอยู่นั้น ก็คือฌาณครับ
    ถ้าไม่มีฌาณเราก็จะพิจารณาไปฟุ้งซ่านไป ถ้าพิจารณาแล้วใจไม่ฟุ้งซ่านถือว่าเราประคองฌาณไปด้วยพิจารณาไปด้วย
    แต่ถ้าเราต้องการจะตัดสังโยชน์จริงๆหลังจากที่เราขึ้นไปบนพระนิพพาน หรือพระจุฬามณีแล้ว ให้เราพิจารณาซ้ำอีกรอบอารมณ์จะพิจารณาได้ดีกว่าตอนที่ยังไม่ได้ขึ้น
    - ภาวนา สัมปติฉามิ และ นะมะพะธะ (ไม่สนลมหายใจ และเป็นความถนัดส่วนตัว) เพราะช่วงนี้กำลังฝึกเต็มกำลังให้คล่องเท่านั้นครับ
    แต่ถ้า ครึ่งกำลัง หรือ สมาธิ ปกติ ก็จะ ภาวนา นะมะพะธะ ตามลมหายใจ
    สักระยะ ก็จับภาพพระสว่างใสเป็นประกาย(พึ่งรู้ว่าเป็น ณาณ4)ส่วนคำภาวนา กับลมหายใจ หายไปบาง บ้างที่ก็กลับมาใหม่ เหมือน นับ 1 ใหม่ ก็ชังมัน ไปของฉันแบบนี้เรื่อย ๆ และ
    -ในกรณีที่ไม่อาจจะทรงลมหายใจให้นิ่งได้ พอเราจับภาพพระจนใจสบาย และลมหายใจนิ่งได้แล้วให้เรา อธิษฐานจิตว่าขอให้ข้าพเจ้าสามารถจับลมหายใจ จนลมหายใจหยุดนิ่งได้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
    จะช่วยให้คล่องขึ้น
    ผมอธิษฐานทุกครั้งที่ทำอะไรใหม่ๆได้ เช่นได้เต็มกำลังครั้งแรก ทั้งแบบจิตหลุดและไม่หลุด
    ได้ภาพพระเป็นเพชรครั้ง ลมหยุดครั้งแรก ผมอธิษฐานตลอด เพื่อความคล่องตัว
    -คำถาม พอมาขั้นนี้แล้ว ผมก็จะขอบารมียกจิต ไปพระจุฬามณี ในจังหวะ ของ ณาณ4 ได้เลยหรือเปล่า (เพราะปกติ ทำอยู่แบบนี้ ซึ่งความชัดเจนแต่ละวันจะไม่เท่ากัน แต่ก็ไม่สน ขอแค่ไป กราบพระพุทธเจ้าและไปนิพพานได้ ครับ หรือเป็นภาพจากสัญญาหรืออุปทานก็ไม่สน และเป็น แบบเต็มกำลังหรือครึ่งกำลังละเอียด ครับทุกวันนี้ก็ไม่สนเช่นกัน สนแค่ ไปกราบได้เป็นพอ)

    เขาไม่เรียกว่าสัญญาครับ แบบนี้เขาเรียกว่าความคล่องตัว เป็นนวสี เป็นความดี
    ไม่อย่างนั้นทุกครั้งที่เราเข้าฌาณ เขาก็เรียกว่าสัญญาสิครับ
    แล้วก็เป็นขั้นไหนไม่สำคัญ ขอแค่ขึ้นได้ก็พอแล้ว คิดแบบนี้ถูกครับ เพราะอารมณ์ใจจะไม่กลุ้ม ถ้าไม่เครียด ก็ก้าวหน้าเร็ว
    คราวนี้เราจะมาข้ามเสต็ปไปอีกระดับหนึ่งเพื่อความคล่องตัว
    คือตอนเริ่มต้นนั้น ไม่ต้องพิจารณาขันธ์5 ไม่ต้องนะมะพะธะ
    แต่ให้ขึ้นไปบนพระนิพพาน บนพระจุฬามณีเลย โดยใช้ความคล่องตัวที่มี
    พอขึ้นไปแล้ว ให้เราไปพิจารณาร่างกายจากข้างบน
    คือให้ขึ้นไปก่อน แล้วค่อยทำให้ชัดจากข้างบน

    ถ้าเราเพิ่มระดับขึ้นไปอีก ก็คือให้เราจับภาพพระพุทธเจ้าบนพระนิพพานเอาไว้ตลอดทั้งวัน
    ทำอารมณ์ว่าเราอยู่บนพระนิพพานไว้ตลอดเวลา
    เนื่องจากว่าคุณ choosake มีความคล่องอยู่แล้ว
    จริงๆไม่ต้องพิจารณาก่อนก็ขึ้นได้อยู่แล้ว

    หลวงพ่อมักจะบอกว่าการที่เราขึ้นไปได้เลยนั้น ก็เพราะจิตจับอารมณ์พระนิพพานอยู่แล้ว
    จิตตัดร่างกายอยู่แล้ว ถ้าจิตมันเกาะร่างกาย มันก็ขึ้นไปบนพระนิพพานไม่ได้
    ดังนั้นหลังจากที่เราได้มโนมยิทธิครั้งแรกแล้ว ไม่จำเป็นต้องไล่พิจารณาอีกรอบก่อนขึ้นครับ
    ให้เราขึ้นไปก่อนแล้วพิจารณาทีหลัง แบบนี้จะหวังความเป็นพระอริยได้มากกว่า
    เพราะการพิจารณาก่อนนั้น ทำไปเพื่อทำให้จิตมีอารมณ์คล้ายพระอริยะชั่วคราวจึงขึ้นไปได้
    แต่การพิจารณาหลังจากขึ้นไปแล้ว มีความมุ่งหวังในการทำให้เป็นพระอริยอย่างถาวร
    อารมณ์มันจะสูงกว่าละเอียดกว่า

    ดังนั้นให้ลองไล่สเต็ปใหม่ดังนี้ครับ

    -สวดมนต์
    -จับภาพพระ ขึ้นไปบนพระนิพพานเลย คุณทำได้อยู่แล้ว
    -พิจารณาร่างกาย ภาวนานะมะพะธะ เพื่อความแจ่มใส และเพื่อทำให้เป็นเต็มกำลังจากข้างบน
    ถ้าไล่แบบนี้จะประหยัดเวลาช่วงก่อนขึ้นได้มากกว่า
    ให้เอาไปลองทำดูครับ
    แล้วลองเปรียบเทียบว่า พิจารณาก่อนขึ้น กับหลังขึ้น แบบไหนมีความละเอียดมากกว่ากัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2008
  13. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    เนื่องจากว่าคุณ นิวรณ์

    ไม่ได้ศึกษาพระกรรมฐาน มาทางสายหลวงพ่อฤาษีลิงดำโดยตรง
    แต่ฝึกมาทางสายอื่น

    ทำให้อาจจะมีความเข้าใจในการเจริญพระกรรมฐานที่ไม่ตรงกัน และอาจจะไม่มีอัธยาศัยมาทางสายวิชชา3 อภิญญา6 จึงอาจจะไม่เข้าใจอารมณ์ในการปฏิบัติของสายนี้

    ถ้าอย่างไรขอแนะนำให้ลองไปฝึก มโนมยิทธิที่ซอยสายลมหรือวัดท่าซุงดูนะครับ

    คิดว่าจะทำให้มีความรู้ในสายหลวงพ่อฤาษีลิงดำมากขึ้นครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2008
  14. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    ขอบคุณอย่างสูงกับท่านพี่ครับ ที่กรุณาชี้แนะครับ
     
  15. kurochang

    kurochang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +111
    ผมอยากทราบว่า สภาวะที่ลมหายใจหมดไป มันจะต้องผ่านกันทุกคนรึเปล่าคับ

    แล้วมันเป็นฌาณ รึยังคับ

    คือ เอาแบบง่ายๆนะคับว่า มันหายใจไม่ออก แล้วจะทำอย่างไรต่อ
     
  16. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถ้าเกิดว่าเราจับลมหายใจสบายๆ
    จากลมหายใจยาวๆ ก็ค่อยๆช้าลงๆ ช้าลงๆ
    ใจสบายๆ แล้วลมหายใจก็หยุด สบายๆ เบาๆ นิ่งๆ เบาๆ
    แบบนี้จะเป็นฌาณ4ครับ

    แต่ถ้าเกิดว่ามันอึดอัด หายใจไม่ออก หรือหาลมหายใจไม่เจอ
    แบบนี้เกิดจากอารมณ์หนักไปครับ

    วิธีก็คือจะต้องดูว่ามันอึดอัดหรือเปล่า
    ถ้าอึดอัดเกิดจากวางอารมณ์หนักไป เครียดไปครับ
    แต่ถ้าลมหายใจมันหยุดแบบ เบาๆ สบายๆ แบบนี้ถูกครับ เป็นฌาณ4

    ถ้าฌาณ4หยาบลมก็จะหยุดเฉยๆอารมณ์สบายๆ
    ถ้าฌาณ4ละเอียด จิตจะรวมตัวเป็นดวงแล้วลอยๆ เบาๆ สบายๆ จะรู้สึกว่าแขนขาหายไปตัวหายไปครับ ตัวเราจะเหมือนรวมเป็นดวงๆ

    ถ้าหายใจไม่ออก หาลมหายใจไม่เจอ อึดอัด หายใจไม่ได้
    แบบนี้ ให้หายใจเข้าลึกๆกลั้นเอาไว้10วิ แล้วหายใจออกช้าๆ ทำซ้ำ10ครั้ง
    จับลมหายใจอีกรอบ แล้วจะดีขึ้นครับ ลองดูครับ


    ส่วนถ้าเกิดว่าลมหายใจมันหยุดแบบเบาๆ สบายๆอยู่แล้ว
    ก็ให้เราประคองใจให้นิ่งๆ สบายๆ เอาไว้ครับ
    แล้วก็ฝึกทำให้ลมหายใจหยุดให้ได้ทุกครั้งที่ต้องการ
    ถ้าระดับสูงกว่าก็ทรงลมหายใจที่หยุด เบาๆ สบายๆเอาไว้ทั้งวัน
    ลองทำดูครับใจสบายๆ
     
  17. kurochang

    kurochang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +111
    เคยปล่อยให้มันอึดอัดไปเรื่อยๆแล้วก็ มันจุกที่ท้องขึ้นมาเรื่อยๆน่ะคับ
    จนสุดที่ขมับจากนั้นมันก็จะเหมือนมีอะไรมาบีบที่หัวจะระเบิด
    แบบนี้เรียกว่าวางอารมณ์เครียดไปรึเปล่าคับ



    การที่มองอะไรเพลินๆหรือเพ่งมองเล่นๆน่ะคับ (ใจก็สบายๆ) อยู่ๆลมหายใจมันหาย แต่พอเอาใจมารู้สึกว่าไม่หายใจ ลมหายใจก็กลับมาเหมือนเดิม
    ผมเคยเห็นเขาบอกว่าการที่จะถึงฌาณ4 ต้องผ่านปีติ ถ้าไม่ผ่านแสดงว่าไม่ใช่
    แต่พอไปอ่านเรื่อง วสี นวสี อะไรเนี่ยจะไม่ได้ เขาก็เขียนบอกจาก ฌาณ1ไป 4 เลย จาก 4 3 2 1 2 4 3 1 อะไรแบบนี้


    ผมไม่ค่อยได้นั่งสมาธิเท่าไหร่คับ บ้าเล่นแต่เกมส์
    อยู่ที่วันไหนรุ้สึกสบายๆใจหน่อยก็นั่งแล้วก็นั่งได้ดีด้วย
    แบบนี้ถ้าเคยถึงขั้นลมหายใจละเอียด ชานมันจะเสื่อมมากไหมคับ

    ขอเพิ่มเติมนะคับ
    จับลมหายใจ แล้วลมหาย ก็มันหายไปแล้ว -*-
    จะจับอะไรล่ะคราวนี้ ช่วยแนะนำด้วยนะคับ
    ผมไม่ได้ไปไหนซักที ได้แค่หยุดหายใจแล้วก็ หยุดจิงๆ (หยุดนั่งสมาธิเลย เข้าซอยแล้วเจอทางตัน )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2008
  18. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    แล้วจะนำผมมาแจ้งให้ทราบ เพื่อเป็น วิทยาธรรม ต่อไปครับ
     
  19. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    มารายงานความคืบ หน้าเล็กน้อย และสอบถามเพิ่มเติม
    เพื่อเป็น วิทยาธรรมครับ

    ดังนั้นให้ลองไล่สเต็ปใหม่ดังนี้ครับ
    -สวดมนต์
    -จับภาพพระ ขึ้นไปบนพระนิพพานเลย คุณทำได้อยู่แล้ว
    -พิจารณาร่างกาย ภาวนานะมะพะธะ เพื่อความแจ่มใส และเพื่อทำให้เป็นเต็มกำลังจากข้างบน

    ได้ลองปฏิบัติเมื่อเช้านี้ครับ
    จับภาพพระไป บนพระจุฬามณีก่อน แล้วค่อยไป นิพพาน วิมานของพระพุทธเจ้าครับ
    มันออกจะ งง ๆ เล็กน้อย แต่ไม่ได้คิดอะไร แบบประมาณว่า มันง่ายขนาดนี้เลยหรือ แต่ก็ไม่ชัดมากครับ
    ปัญหา ตอนเริ่มจะพิจารณาร่างกาย มัน มึน ๆ งง ๆ เหมือนเริ่มไม่ถูกเหมือนจำอะไรไม่ได้จะบอกยังไงดี บรรยายยาก ครับ ก็เลย ขอบารมีพระพุทธเจ้า อบรมให้ ผมก็ มองดูกายจากข้างบน ลงมา แล้วพิจาณา มันก็ ออก มึน ๆ งง ๆ อธิบายไม่ถูก เริ่ม ว่ากายเกิดจาก ธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ แต่ก็มีแวป ขึ้นมาว่า(เหมือนพระพุทธเจ้าท่านสอน) กายเกิดจาก ธาตุทั้ง 5 ปฐวี(ดิน) อาโป(น้ำ) วาโย(ลม) เตโช(ไฟ) และ วิญาญธาตุ เสื่อมได้ กายจึ่งเสื่อมได้ และเห็นภาพ คนเกิด ดูเราแก่ แต่ไม่ชัดมากนัก สักพัก ก็เอ่ ทำไมยังไม่ชัด ก็นึกได้อีกว่า ออ ต้อง ภาวนา ก็เริ่ม นั่งข้าง ๆ ทางด้าน พระพุทธเจ้ามององค์ท่านและภาวนา นะมะพะธะ รู้สึกไม่ถนัด ก็ เลย ไปนั่งข้างหน้าพระพุทธองค์ มองมันชัด ๆ นี้และ ก็ ภาวนา นะมะพะธะ ก็เริ่ม ชัด และสว่าง ๆ มาก ๆ ก็ แวป มาอีกว่า ครึ่งกำลัง หรือเต็มกำลังหว่า แต่จิตไม่หลุด ชั่งมันไม่สน ที่นี้ก็ยาวเลยครับ ไปพระจุฬา พระแท่น และมานิพพาน และถอนจากสมาธิและ อธิฐาน ขอให้ จิต จดจำ(ลืม) ครับ

    ประมาณนี้ รบกวน ชี้แนะเรื่อง การพิจารณาร่างกายด้วยครับ หรือแนะนำเพิ่มเติมอื่น ๆ ครับ

    ขอบคุณ
     
  20. noonei789

    noonei789 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +6,958
    วิธีลาพระพุทธภูมิ


    1. ต้องมีดอกไม้ธูป-เทียน และพานรอง

    2. ตั้ง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
    ลูกขอกราบขมาโทษต่อพระรัตนตรัย ขอได้โปรดยกโทษให้กับลูก ณ. กาละบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    แม้ครั้งที่ ๒ ลูกขอกราบขมาโทษต่อพระรัตนตรัย ขอได้โปรดยกโทษให้กับลูก ณ. กาละบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    แม้ครั้งที่ ๓ ลูกขอกราบขมาโทษต่อพระรัตนตรัย ขอได้โปรดยกโทษให้กับลูก ณ. กาละบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    3. ตั้ง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
    ลูกขอกราบลาจากพระพุทธภูมิ เพื่อเป็นพระอรหันตะสาวกในชาตินี้
    แม้ครั้งที่ ๒ ลูกขอกราบลาจากพระพุทธภูมิ เพื่อเป็นพระอรหันตะสาวกในชาตินี้
    แม้ครั้งที่ ๓ ลูกขอกราบลาจากพระพุทธภูมิ เพื่อเป็นพระอรหันตะสาวกในชาตินี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 020_8_b.jpg
      020_8_b.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.1 KB
      เปิดดู:
      82
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...