อาหาร ของ พระโพธิสัตว์!!

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Toniz, 24 ธันวาคม 2005.

  1. Toniz

    Toniz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +2,065
    อาหารของพระโพธิสัตว์



    …. ครั้นแล้วพระโพธิสัตว์กัชยาปาก็ถามขึ้นว่า“ข้าแต่ตถาคตผู้งดงามแลประเสริฐยิ่ง ท่านมิร่วมสังฆกรรมใดๆ เกี่ยวกับเนื้อสัตว์แลมิได้เสวยเนื้อ เนื้อจึงมิใช่แหล่งอาหารที่เหมาะสม แต่หากมีผู้ใดมาไต่ถามข้าพระองค์ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ข้าพระองค์จะตอบพวกเขาว่าผู้ที่ละเว้นจากการกินเนื้อ คือผู้ที่ประกอบด้วยคุณสมบัติอันแสนวิเศษแปดประการ”

    “นั่นเป็นคำตอบที่ประเสริฐยิ่ง” พุทธะทรงตรัสตอบ “นั่นแสดงว่าท่านรับฟังคำชี้แนะของตถาคตด้วยความตั้งใจ นี่เป็นสิ่งที่พระโพธิสัตว์ ผู้คุ้มครองดูแลหลักธรรมของตถาคต พึงเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ เพราะแม้ชราวากะผู้ใกล้ชิดกับตถาคตก็ยังกินเนื้อไม่ได้ แลแม้ในระหว่างบิณฑบาตจะมีผู้ถวายด้วยจิตศรัทธา ชราวากะยังหดหู่ใจราวกับแลเห็นเนื้อของบุตรหลาน”

    พระโพธิสัตว์กัชยาปาถามขึ้นอีก”แต่พระองค์ทรงมีเหตุผลประการใดจึงทรงห้ามมิให้กินเนื้อ?”
    “บุตรของตถาคตเอย!”พุทธะตรัสด้วยความปราณี “เพราะการกินเนื้อเป็นสาเหตุที่ทำลายความรักความเมตตาที่มีอยู่ในจิตวิญญาณของพวกเรา”
    “แต่ ตถาคตผู้งดงามแลประเสริฐยิ่ง”พระโพธิสัตว์ยังคงสงสัย”ก็พระองค์มิใช่หรือที่ทรงอนุญาตให้กินเนื้อภายใต้เงื่อนไขความบริสุทธิ์สามประการ?”
    “ถูกต้องแล้ว ตถาคตอนุญาติให้กินเนื้อตามการตรวจสอบด้วยความบริสุทธิ์สามประการโดยมีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อให้สามารถเอาชนะความปราถนาในการกินเนื้อได้ในบั้นปลายเท่านั้น”

    “ถ้าเช่นนั้น เหตุใดพระองค์จึงทรงกำหนดให้เนื้อสิบชนิดที่มิผ่านการตรวจสอบแลเนื้ออีกเก้าชนิดที่ผ่านการตรวจสอบแล้วเป็นเนื้อที่กินได้?”
    “ตถาคตทำเช่นนั้น” พุทธะทรงตรัสตอบ “ก็เพื่อช่วยให้ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาพุทธศาสนาสามารถเอาชนะความปราถนาในการกินเนื้อยุติลงในบั้นปลาย”
    “ถ้าเช่นนั้น เพราะเหตุใดท่านจึงทรงอนุญาตให้เนื้อปลาเป็นอาหารปกติได้?”
    “บุตรของตถาคตเอย”พุทธะทรงตรัสตอบด้วยพระสุรเสียงราบเรียบแต่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาปรานี”ตถาคตมิเคยอนุญาตเช่นนั้น! ตถาคตเพียงกำหนดเพื่อให้ตระหนักว่าอาหารชนิดใดเป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์เช่นเดียวกับที่ตถาคตชี้ให้เห็นว่าอาหารที่เหมาะสมต่อผู้ใฝ่ธรรมคืออาหารประเภท พืชผัก อาทิ น้ำตาลจากอ้อย ข้าวทุกชนิด รวมไปถึงอาหารอื่นๆ อาทิ นมโค เนยเหลว น้ำมันพืช และอื่นๆ ที่อยู่ในประเภทเดียวกัน ตถาคตทำเช่นนั้นก็เช่นเดียวกับที่อนุญาตให้กินเนื้อเพื่อการประทังชีพ แต่มิอนุญาตให้กินด้วยความพอใจ!”

    แต่พระโพธิสัตว์กัชยาปายังคงถามด้วยความแคลงใจ”แต่หากพระองค์อนุญาตให้กินเนื้อเช่นนี้แล้ว การกำหนดดังกล่าวมิใช่เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ต่อหลักคำสอนเรื่องรสชาติของประสาทสัมผัสทั้งห้า หรือ นม โยเกิร์ต เนยเหลว น้ำมันงา แลอาหารชนิดอื่นๆ ดอกหรือ? เพราะหากพระองค์มิทรงเห็นด้วยกับการกินเนื้อ พระองค์ก็ทรงชอบที่จะห้ามกินอาหารที่มีรสชาติอื่นๆเช่นเดียวกับที่ทรงห้ามมิให้ถือครองหรือใช้ประโยชน์จากเครื่องประดับนานาชนิด ซึ่งรวมถึงรองเท้าหนัง ทองแลภาชนะที่ผลิตจากเครื่องเงินด้วยจึงจะสมเหตุผล”

    พุทธะยังทรงกล่าวด้วยพระสุรเสียงที่ราบเรียบ”บุตรของตถาคตเอยคำสอนแลคำชี้แนะของตถาคตมิเหมือนกับหลักคำสอนของผู้ถือสันโดษอื่นๆดอกนะ หากแต่ตถาคตสอนแลชี้แนะกฎเกณฑ์โดยมองที่ความสัมพันธ์ของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือตถาคตยึดถือ ทางสายกลาง โดยมีจุดมุ่งหมายที่รออยู่ตรงปลายทางเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั่นคือ ความพ้นทุกข์ แลด้วยเหตุนี้ ตถาคตจึงอนุญาตให้กินเนื้อแลมองว่าเป็นอาหารที่เหมาะสมเฉพาะโนกรณีที่ผ่านการตรวจสอบภายใต้หลักการ ความบริสุทธิ์สามประการ ขณะเดียวกันตถาคตก็กำหนดอาหารสิบชนิดให้เป็นอาหารที่สามารถกินได้ก็ด้วยคำนึงถึงผู้อื่น มิใช่เพื่อตัวตถาคต หรือ ชราวากะแลพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ตถาคตยินดีแลพร้อมประกาศให้ทราบว่าการกินเนื้อทุกชนิดเป็นพฤติกรรมที่มิเหมาสมแลมิต้องด้วยหลักคุณธรรมแลจริยธรรม แม้นว่าเนื้อนั้นจะเป็นเนื้อของสัตว์ที่ละจากโลกนี้ด้วยเหตุธรรมชาติก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ตถาคตจึงใคล่ขอกล่าวย้ำ ณ ที่นี้ว่า ผู้ใดก็ตามที่ปรารถนาจะเดินตามรอยเส้นทางแห่งธรรมของตถาคตเขาหรือเธอต้องละเว้นการกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด เนื่องจากเนื้อสัตว์ทุกชนิดจะเป็นแหล่งบั่นทอนความสงบในจิตวิญญาณแลจะเป็นแหล่งของภาพที่น่ากลัว อันจะตามมาหลอกหลอนความรู้สึกของทุกผู้คน ทั้งในยามเดิน ยามนั่ง ยามยืน ยามเอนหลังพักผ่อน แม้กระทั่งในยามหลับเช่นเดียวกับที่มนุษย์รู้สึกกลัวเมื่อโชยกลิ่นสาบของสิงโตที่หิวกระหายเลือดเนื้อ ของพวกเขา บุตรแห่งตถาคตเอย ผู้ที่มิชอบกลิ่นเหม็นฉุนของกระเทียมจะหันหน้าหนีและเมินจากผู้ที่กินกระเทียม ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ที่นิยมกินเนื้อเพื่อตอบสนองความปราถรถนาแห่งตนย่อมเป็นสิ่งที่สัตว์ทีมีนิสัยอ่อนโยนต้องหวาดหวั่นเมื่อโชยกลิ่นสาบของมนุษย์ผู้นั้น เพราะในกลิ่นสาบของผู้ที่นิยมกินเนื้อจะแฝงไว้ด้วยกลิ่นคาวเลือดที่น่าสะอินสะเอียนและน่ากลัว พวกเขาหวาดกลัว ว่าชีวิตของตนจะถูกพราก เนื่องจากสัตว์เหล่านั้น มิว่าจะเป็นสัตว์ในท้องทุ่ง ในธารน้ำหรือโบยบินอยู่ในอากาศ หรือแม้แต่เห็บหมัดต่างก็เชื่อว่ากลิ่นสาบมนุษย์ที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นคาวเลือดเป็นศัตรูตัวฉกาจ นี่คือเหตุผลที่ว่าเพราะเหตุใดตถาคตจึงห้ามปรามมิให้พระโพธิสัตว์ทั้งหลายกินเนื้อ เพราะพระโพธิสัตว์ ทั้งหลายคือผู้สืบทอดการเผยแผ่หลักธรรม

    แต่หากมิมีสัตว์ชนิดใดเข้าใกล้เช่นนี้แล้วพระโพธิสัตว์จะเผยแผ่หลกธรรมได้อย่างไร? แม้นว่าในความเป็นจริง พระโพธิ์สัตว์จะสามารถใช้ประโยชน์จากการกินเนื้อเพื่อตรวจสอบแลทบทวนแลชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์เพื่อก้าวไปสู่มรรคผล ในบั้นปลายได้ แต่หากพระโพธิสัตว์ทั้งหลายเกิดความพึงพอใจในรสชาติของเนื้อเสียแล้ว นั่นก็เท่ากับว่าพระโพธิสัตว์ชักนำสิ่งแปดเปื้อนมาสู่จิตวิญญาณอันพิสุทธิ์เช่นนี้แล้ว ไฉนเลยที่พระโพธิสัตว์จะก้าวถึงมรรคผลได้? บุตรของตถาคตเอยพระโพธิสัตว์ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาธรรม เช่นนี้ พวกเขายิ่งต้องละเว้นจากการกินเนื้อสัตว์ทุกชนิดเพื่อมิให้จิตวิญญาณต้องแปดเปื้อนมลทินแลเป็นที่เทิดทูนของชาวโลกสืบไป”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 ตุลาคม 2006
  2. Toniz

    Toniz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +2,065
    ขอโทษทีนะครับปรับตัวอักษรsizeเล็กไปครับอ่านกันต่อนะครับ
     
  3. Toniz

    Toniz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +2,065
    ปรับตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้นแล้วยังเล็กอีก ขอโทษด้วยครับ
     
  4. Toniz

    Toniz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +2,065
    ปรับตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้นแล้วยังเล็กอีก ขอโทษด้วยครับ
     
  5. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +2,808
    ให้คะแนนเต็ม10เลย ขยันผิม มากตั้งแต่ดึก ยันเช้าเลย
     
  6. Toniz

    Toniz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +2,065
    มีพุทธศาสนิกชนบางพวกเห็นว่า การกินเนื้อสัตว์เป็นบาปเพราะเป็นการส่งเสริมเพื่อให้ผู้อื่นฆ่า ในเรื่องนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไร?

    พุทธดำรัสตอบ "...ดูก่อนชีวก เรากล่าวเนื้อว่าไม่ควรเป็นของบริโภคด้วยเหตุ๓ประการคือ

    เนื้อที่ตนเห็น(เนื้อที่ตนเป็นผู้ฆ่า ผู้ร่วมฆ่า ผู้ดูการฆ่าเพื่อรออาหาร)
    เนื้อที่ตนได้ยิน(เนื้อที่ตนเป็นผู้สั่งฆ่า เนื้อที่ตนได้ยินมาว่าสดเป็นยังไม่ตายถ้าฆ่ากินแล้วจะอร่อยแล้วตั้งใจรอ เนื้อที่ได้ยินมาว่าสัตว์ถูกฆ่ามาเพื่อตน)
    เนื้อที่ตนรักเกียจ (เนื้อที่เรารู้ว่าฆ่ามาเพื่อเราโดยเฉพาะ)
    เรากล่าวเนื้อว่าเป็นของไม่ควรบริโภคด้วยเหตุ๓ประการนี้แล
    ดูก่อนชีวก เรากล่าวว่าเนื้อเป็นของควรปริโภค ด้วยเหตุ๓ประการคือ
    เนื้อที่ตนไม่เห็น
    เนื้อที่ตนไม่ได้ยิน
    เนื้อที่ตนไม่ได้รักเกียจ(ไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่มาของเนื้อนั้น)
    ดูก่อนชีวกเรากล่าวเนื้อ เป็นของบริโภคด้วยเหตุ๓ประการนี้แล..."

    ชีวกสูตร ม.ม. [๕๗]
    ตบ.๑๓:๔๘-๔๙ ตท. ๑๓:๔๗
    ตอ. MLS. II :๓๓.

    ครับหากจะไปทานอาการที่สวนอาหารหรือร้านอาหารทะเลก็ระวังกันหน่อยนะครับระวังจะบาปกันไม่รู้ตัว เป็นเรื่องไม่สมควร "เพราะเพียงแค่กิเลศตัณหาของเราชั่วครั้งคราวจะเป็นเหตุให้หนึ่งหรือหลายชีวิตต้องเดือดร้อนเจ็บปวดทรมานและตายลง"
     
  7. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    834
    ค่าพลัง:
    +1,524
  8. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,168
    อาหารทางกาย เรากินทุกอย่างยกเว้นเนื้อที่เบียดเบียนเขาเราไม่กิน
    อาหารทางใจ เรากินพุทธานุสติและพรหมวิหาร4 เพราะพุทธานุสติเป็นอาจินตัย ประมารมิได้ผลของการเสพพุทธานุสติก็เป็นอาจินตัยประมารมิได้เช่นกันพระโพธิสัตว์ที่บารมีเป็นปรมัตแล้วไม่ฉลาดในการทรงบารมี30ทัศไม่มี
    ท้ายที่สุดนี้
    ขอแผ่กุศลพระโพธิญาณไปในแสนจักรวาล ด้วยเมตตาสรรพวิญญาณ ขจัดทุกข์-สุขสรรค์อยู่ในพระพุทธญาณ มรรคผลนิพานจงมีมั่นเทอญ
     
  9. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,168
    อาหารทางกาย เรากินทุกอย่างยกเว้นเนื้อที่เบียดเบียนเขาเราไม่กิน
    อาหารทางใจ เรากินพุทธานุสติและพรหมวิหาร4 เพราะพุทธานุสติเป็นอาจินตัย ประมารมิได้ผลของการเสพพุทธานุสติก็เป็นอาจินตัยประมารมิได้เช่นกันพระโพธิสัตว์ที่บารมีเป็นปรมัตแล้วไม่ฉลาดในการทรงบารมี30ทัศไม่มี
    ท้ายที่สุดนี้
    ขอแผ่กุศลพระโพธิญาณไปในแสนจักรวาล ด้วยเมตตาสรรพวิญญาณ ขจัดทุกข์-สุขสรรค์อยู่ในพระพุทธญาณ มรรคผลนิพานจงมีมั่นเทอญ
    พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานะปัจจะโยโหตุ พุทโธโหมิ อนาคเตกาเล
     
  10. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,168
    อาหารทางกาย เรากินทุกอย่างยกเว้นเนื้อที่เบียดเบียนเขาเราไม่กิน
    อาหารทางใจ เรากินพุทธานุสติและพรหมวิหาร4 เพราะพุทธานุสติเป็นอาจินตัย ประมารมิได้ผลของการเสพพุทธานุสติก็เป็นอาจินตัยประมารมิได้เช่นกันพระโพธิสัตว์ที่บารมีเป็นปรมัตแล้วไม่ฉลาดในการทรงบารมี30ทัศไม่มี
    ท้ายที่สุดนี้
    ขอแผ่กุศลพระโพธิญาณไปในแสนจักรวาล ด้วยเมตตาสรรพวิญญาณ ขจัดทุกข์-สุขสรรค์อยู่ในพระพุทธญาณ มรรคผลนิพานจงมีมั่นเทอญ
    พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานะปัจจะโยโหตุ พุทโธโหมิ อนาคเตกาเล
    พระที่ 12
     

แชร์หน้านี้

Loading...