เราเพ้อเจ้อป่าวอะ?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย agree, 18 พฤศจิกายน 2008.

  1. agree

    agree สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +23
    คือว่า เราก็ไม่ได้เรียนสายวิทย์ที่จะสอบหมอน่ะ และเราเคยคิดว่า เราไม่เก่ง โง่ด้วยซ้ำไปน่ะ แต่เราเริ่มมีความรู้สึกว่าอยากจะเป็นหมอ ตอนนี้เราเรียนมหาลัยปีสาม เคยคิดว่าเมื่อเรียนจบจะไปสอบเอนท์ใหม่ ทุกคนคิดว่าเราเพ้อเจ้อมั้ย? เพราะถ้าเราบอกใครไป เค้าก็คงคิดว่าเราเพ้อเจ้ออะ เออ ไม่รู้สิ ตอนนี้อยากหาที่พึ่งหน่อยน่ะ
    เราเคยไปดูดวงน่ะ ไม่รุ้เกี่ยวกันรึป่าวนะ หมอดูทักเราว่าถ้าเราเป็นหมอจะรวยมากๆ ตอนนั้นเราคิดว่าเราเรียนสายศิลป์คงเรียนหมอไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้เราอยากเป็นหมอเพราะว่าเราอยากช่วยคนจริงๆน่ะ คิดว่าเราเพ้อเจ้อป่าว?

    ขอบคุณในทุกคำตอบนะ

    ;aa24
     
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ตอบแบบตรงๆ ไม่โกรธกันนะ

    ผมว่า "เพ้อเจ้อ" ครับ เหตุผล

    1. การช่วยคนไม่จำเป็นต้องเป็น "หมอ" ครับ
    2. เราต้องประมาณความสามารถของตนเองครับว่า เราเรียนไหวหรือไม่ ผมอ่านแล้ว น้องจบสายศิลป์มา คงต้องปรับพื้นฐานพอสมควรเลยครับ
    3. ไม่เห็นต้องถามหมอดูเลยครับ ผมก็บอกได้ว่า เรียนจบหมอรวยแน่นอนครับ การันตีรายได้ หนึ่งแสนบาทต่อเดือน แต่ถ้าน้องบอกว่าจะช่วยคน น้องจะยอมไปทำงานในพื้นที่กันดารหรือเปล่าครับ ถามใจตัวเองดู
    4. น้องพอใจสิ่งที่ตัวเองมีตอนนี้หรือเปล่าครับ คณะที่เราเรียนปีสาม เราทำได้ดีแค่ไหนครับ ทำไมเราถึงไม่ทำสิ่งที่มีอยู่ให้ดีที่สุดก่อน อย่าไปเพ้อฝันในสิ่งที่เรายังไม่มีเลยครับ
    5. คณะที่น้องเรียนนั้น ถ้าจบออกมาแล้ว ช่วยคนได้หรือไม่ครับ แต่ก่อนที่น้องจะช่วยคนอื่น ให้น้องช่วยเหลือตัวเองก่อนนะครับว่า อะไรที่ควรทำตอนนี้ และอะไรที่ไม่ควรทำครับ
    6. น้องเป็นคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองครับ โดยเฉพาะการพึ่งหมอดู หรือพึ่งคนอื่นในการตัดสินใจ ซึ่งพี่ว่า ไม่เหมาะสำหรับนิสัยของคนที่เป็นหมอ เพราะหมอจะต้องมีการตัดสินใจที่ดี เฉียบขาด และที่สำคัญคือต้องถูกต้อง เพราะเกี่ยวกับชีวิตคนครับ การที่น้องลังเลแบบนี้ อาจเป็นผลเสียต่อคนไข้ครับ
    7. การที่น้องบอกว่า น้องไม่เก่ง ทำให้น้องสะกดจิตให้ตัวเองไม่เก่ง ซึ่งทัศนคติแบบนี้ลำบากแน่ใจการเรียนหมอ ซึ่งต้องใช้ความรู้ และเผชิญการแข่งขันกับคนเก่งๆมากมาย
    8. น้องสอบให้ติดก่อนแล้วค่อยคิดดีกว่าครับว่า จะเป็นหมอหรือเปล่า คิดตอนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ครับ หรือถ้าจะคิดก็ต้องถามว่า น้องมีแผนในการเป็นหมออย่างไร เตรียมตัวสอบล่วงหน้ามากน้อยเพียงใด และมุ่งมั่นในสิ่งที่จะทำเพียงใด

    ตอบตรงๆแบบนี้ก็คงไม่เคืองกันนะครับ แต่คิดว่า เตือนตรงๆ น่าจะมีประโยชน์กับน้องมากกว่าครับ

    โมทนาครับ
     
  3. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,674
    เราว่าไม่เพ้อเจ้อนี่คะ คนเรามีความฝันไม่มีผิดหรอกค่ะ

    การเรียน ไม่ว่าจะช้าจะเร็ว ก็คือการเรียนรู้นะคะ จะแปลกอะไร ถ้าเราค้นพบสิ่งที่เราชอบ(จริงๆ) และเราจะพยายามทำให้ได้ น่ะคะ แต่ขอให้มีความมุ่งมั่นจริงๆ นะคะ

    แต่ในวันนี้ เรายังเรียนไม่จบ ก็พยายามทำณ วันนี้ให้เต็มที่ก่อนนะคะ แล้วเรียนจบมาค่อยว่ากันอีกทีค่ะ

    เอาปริญญาใบนี้ให้พ่อแม่ชื่นชมก่อน ถ้าชอบในงานหรือไม่ชอบในงานก็ค่อยตัดสินใจใหม่ได้นะคะ

    เป็นกำลังใจให้นะคะ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน ทำหน้าที่ลูก ทำหน้าที่เรียนให้ดีก่อนนะคะ สู้ๆๆค่ะ

    ส่วนการช่วยเหลือคน ถ้าเราคิดจะช่วยจริงๆ เราช่วยได้ทุกวินาทีนะคะ ไม่จำเป็นต้องเรียนแพทย์หรอกค่ะ .เรียนแพทย์หนักมากนะคะ ถ้าใจรักจริงก็คงสู้ได้ค่ะ

    แต่....ถ้าเอาเรื่องเงินมาคิดนี่ อาจจะผิดทางหน่อยนะคะ (แพทย์ในสมัยนี้ถูกฟ้องมากด้วยค่ะ) ทำงานเพราะความรักในงาน รักในการช่วยเหลือผู้อื่น ชีวิตจะมีความสุขมากเลยค่ะ

    ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2008
  4. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    การพูดเพ้อเจ้อ คือ

    พล่าม, อาการที่พูดมากในเรื่องที่เหลวไหลไร้สาระ, อาการ ที่พูดพล่ามจนเสียประโยชน์, อาการที่พูดไม่รู้จักจบ.


    แต่ในกรณีของคุณagree เขาเรียกว่า วาดฝัน วางแผนการดำเนินชีวิต

    พูดแล้วลงมือทำ ไม่สนใจว่าจะสำเร็จไหมแต่ต้องลงมือทำตามที่พูด ไม่เพ้อเจ้อ ครับ
     
  5. od2499

    od2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +532
    ผมว่ายากหนักหนาสาหัสเอาการครับ

    คนที่เรียนสายวิทย์มา สอบเข้าหมอ เดี๋ยวนี้ไม่รู้หนึ่งต่อเท่าไร ก็ต้องชั้นหัวกะทิล่ะครับ
    ยิ่งคุณเรียนสายศิลป์มา กว่าจะมาทำความเข้าใจแต่ละบท แต่ละวิชา ที่ไม่ได้เรียนมา พวกฟิสิกส์ เคมี ชีวะ หัดทำข้อสอบ ก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ก็เหมือนกับเริ่มต้นใหม่ล่ะครับ คงไม่มีทางลัด ยกเว้นคุณค่อนข้างเป็นคนเก่ง ถ้าคุณเรียนจบมาแล้วต้องทำงานเลย แล้วหาเวลาว่างหนังสือเพื่อเตรียนเอ็นทร้านซ์ ผมว่า 2 ปี คงไม่พอ ที่จะเก่งพอที่จะสอบเข้าแพทย์ได้

    ก็เป็นขั้นเป็นตอนไปครับ เรียนให้จบก่อน แล้วตอนนั้นค่อยลองดูใจตัวเองว่าจะสู้ไหวไหม อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องอื่นครับ คิดแค่พยายามสอบเข้าให้ได้ก่อนครับ

    ขอให้โชคดีครับ
     
  6. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    น้องลองอ่านที่พี่ตอบไปละกันนะครับ

    ผมขอแบ่งคนเป็น 2 ประเภท คือ

    1. ไม่รู้ว่าความต้องการของตัวเอง คือ อะไร
    2. ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่

    คนบางคนเสียเวลาทั้งชีวิตในการตามหาความฝันของตัวเอง แต่มันก็ได้แค่ฝัน เพราะเราไม่รู้ว่าความต้องการของตัวเองคืออะไร

    ถามว่า ถ้าน้องมีความฝันว่าอยากเรียนหมอ เพื่อช่วยคน น้องก็ต้องถามตัวเองว่า น้องพร้อมแค่ไหนที่จะเรียน ตอนนี้เตรียมพร้อมอะไรไปบ้าง จัดสรรเวลาอย่างไรในการเรียนปัจจุบัน และเตรียมตัวสอบใหม่

    ถามต่อว่า ถ้าน้องฝัน แล้วอยากทำให้มันเป็นจริงให้ได้ แต่มันไม่สำเร็จ น้องจะทำอย่างไร เพราะโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ได้ง่ายเสมอไปนะครับ เพราะความฝันของน้องในการเรียนหมอ มันก็คือความฝันของคนอื่นที่อยากเรียนหมอเช่นกัน แต่ที่นั่งในการเรียนมีจำกัด

    แน่นอนว่า ย่อมมีคนผิดหวัง และสมหวัง แต่สิ่งที่น้องต้องคิดต่อ คือ ถ้าสอบไม่ติดน้องจะทำยังไงกับชีวิต น้องพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีหรือเปล่า ถ้าไม่พอใจย่อมเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะน้องอยากเรียนหมอ แต่ไม่ได้เรียน

    แต่ถ้าน้องปรับความคิดว่า คนเราสุขหรือทุกข์มันวัดกันที่ใจ พี่ก็คิดว่าน้องก็คงจะมีความสุข

    พี่ไม่แน่ใจว่า พี่รู้จักน้องหรือเปล่า แต่ข้อมูลหลายๆอย่างของน้องเหมือนคนที่พี่รู้จัก น้องคนนั้นเค้าเรียนสายศิลป์ ตอนแรกเขาเรียนนิเทศน์ แล้วย้ายไปเรียนเศรษฐศาสตร์ ตอนนี้เขาเรียนปี 3 และอยากเอ็นฯใหม่ เพื่อเรียนหมอ เหมือนน้องเลยครับ ซึ่งถ้าน้องเป็นคนๆนั้นจริง พี่ก็บอกได้เลยว่า ต้องพยายามอีกเยอะครับ

    พี่อาจจะแนะนำแบบแรงๆไปนิดนะ แต่พี่ว่าน้องเข้าใจแหละ พี่จะบอกอะไรให้นะ

    "ยาพิษ มันหวาน" แต่ "ยารักษา มันขม" สุภาษิตโบราณว่าไว้ "หวานเป็นลม ขมเป็นยา"

    ไม่ว่าน้องจะทำอะไรก็ตามนะ จำไว้ว่า ให้พึ่งตัวเองก่อนครับ การที่น้องบอกว่า "ตอนนี้อยากหาที่พึ่งหน่อยน่ะ" หรือ "หมอดูทักเราว่าถ้าเราเป็นหมอจะรวยมากๆ" หรือ "คิดว่าเราเพ้อเจ้อป่าว" ประโยคเหล่านี้สะท้อนความไม่มั่นใจของน้องออกมา

    ลองพิจารณาดูนะ พี่ว่าน้องจะได้คำตอบที่ดีด้วยตัวน้องเอง พี่ยอม "ขอโทษ" นะ ถ้าการ "ปรามาส" ว่า "น้องเพ้อเจ้อ" แล้วทำให้น้องมีแรงฮึดที่จะพิสูจน์ให้พี่เห็นว่า น้องสอบเรียนหมอติด และเรียนหมอจบ ซึ่งพี่จะดีใจมาก

    แต่ถ้าน้องมาโพสต์ถามคนอื่น แล้วน้องไม่มีแผนในการจัดการชีวิต หรือปล่อยให้ความฝันเป็นเพียงแค่ความฝัน พี่ก็คงช่วยไรน้องไม่ได้หรอกครับ

    ชีวิตน้อง น้องก็ต้องลิขิตเองครับ แต่เชื่อพี่เถอะว่า ถ้าเราตัดสินใจทำ ก็ถือว่า เราชนะมาครึ่งหนึ่งแล้วครับ ถ้าเราทำเต็มที่แล้ว ไม่สำเร็จ เราก็บอกตัวเองได้ว่า เราทำจนสุดความสามารถของตัวเองแล้วครับ

    เชื่อตัวเองให้มากๆครับ อย่าไปเชื่อคนอื่นมาก เพราะน้องรู้ดีที่สุด

    เรื่องเพ้อเจ้อ หรือ ไม่เพ้อเจ้อ ก็เช่นกัน น้องรู้ดีที่สุดครับ

    แต่สำหรับพี่แล้ว คำว่า เพ้อเจ้อ คือ พูดหรือคิดในสิ่งใดๆ แล้วทำไม่สำเร็จครับ

    ก็ลองดูครับ คำตอบไม่ได้อยุ่ที่คนอื่น แต่อยู่ที่ตัวของน้องเองครับ

    โมทนาครับ ขอให้เจอทางออกที่ดีที่สุดของตัวเอง
     
  7. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ตัวแปรสำคัญในชีวิตของน้อง คือ "เวลา" นะครับ

    แม้จะคิดผิด แล้วคิดใหม่ หรือสอบไม่ติด แล้วสอบใหม่

    แต่ "เวลา" จะยังคงเดินต่อไป โดยไม่มีการหยุดนะครับ

    ชีวิตคนเรามันสั้นนะครับ ใช้ชีวิตด้วยการไม่ประมาทครับ

    คนเราตายได้ทุกวินาทีครับ ถ้าเราอยากช่วยคน ตอนนี้เราช่วยเหลือตัวเองหรือยัง

    ศีล 5 เราบริสุทธิ์หรือไม่ เราทำหน้าที่ลูกที่ดี และนักศึกษาที่ดีหรือไม่

    "เวลา" จะบอกน้องเองว่า อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อะไรควรเลือก อะไรไม่ควรเลือก และ อะไรความปล่อยวาง อะไรไม่ควรปล่อยวาง

    ลองดูนะ พี่ตอบน้องเยอะแล้ว ที่เหลือไปคิดเอาเองครับ

    ของฟรี ไม่มีในโลกครับ แต่ความรู้มีอยู่รอบตัว อยากได้ก็ต้องขวนขวายเอาเองครับ

    โมทนา
     
  8. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,605
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,017
    อยากทําอะไรก็ทําเถอะครับ รีบทํามันตอนยังมีเวลา เเต่ต้องเอาจริงนะ ไม่ใช่ทําไปกลางทางเเล้วโลเล จะไปไม่ถึงฝั่งฝันครับ ุถ้าเราเอาจริง สิ่งที่เราอยากเป็นก็จะเข้ามาหาตัวเราเองโดยไร้ข้อกังขา นี่คือกฏหลักของธรรมชาติ
     
  9. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    คนที่ต้องการจะเป็นหมอนั้น แค่ "ความอยาก" อย่างเดียวไม่พอหรอกนะครับ อย่างน้อยๆ ต้องมี "ความรู้" มีความสามารถในสาขาวิชาการแพทย์ที่ดีและถูกต้องด้วย เพราะไม่อย่างนั้นเกิดไปรักษาคนไข้ผิดๆ หรือวินิจฉัยโรคให้ยาผิด ดีไม่ดีแทนที่จะช่วยคนไข้ได้ อาจจะเป็นการทำร้ายคนไข้ด้วยซ้ำไปครับ

    ไม่ผิดครับถ้าเราต้องการจะเป็นแพทย์ เป็นสิ่งที่ดีเป็นกุศลจิตด้วยซ้ำไป(ยิ่งถ้าเราตั้งใจเป็นแพทย์ เพราะต้องการจะช่วยเหลือชีวิตคนด้วยแล้วยิ่งได้อานิสงส์มาก) แต่ถ้าเราไม่สามารถเป็นแพทย์ได้ ก็ดังเช่นที่ความเห็นอื่นๆแนะนำน่ะครับ คนเราสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้หลากหลายวิธี โดยไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์ก็ได้ครับ (แต่ถ้ามุ่งมั่นตั้งใจอยากจะเป็นแพทย์จริงๆ ผมก็ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ลองอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่อง "เทรุ หัตถ์เทวดา" ดูสิครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่มีความใฝ่ฝันจะเป็นหมอจนในที่สุดก็ได้เป็นหมอสมใจ แต่ว่าการได้เป็นหมอนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นแห่งความใฝ่ฝันที่แท้จริงของเขาเท่านั้น เพราะสิ่งที่รอคอยเขาอยู่ในชีวิตของการเป็นหมอนั้น มีสิ่งที่ท้าทายรวมทั้งอุปสรรคมากมายที่เด็กหนุ่มคนนี้จะต้องไขว่คว้าต่อสู้และเรียนรู้ต่อไป เพื่อจุดมุ่งหมายและเป้าหมายที่แท้จริงในการมาเป็นหมอของเขา)
     
  10. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ดูเหมือนจะตัดสินใจได้ช้านะครับ ถ้าจะเป็นหมอ จะทำอะไรแบบตัดสินใจช้าคงไม่เหมาะ

    เรียนจบแล้ว น่าจะทำงานหาเงินมากกว่า แล้วเอาเงินที่หามาได้ มาจุนเจือหมอในแง่การ
    ลงทุนร่วมหุ้น หรือเป็นเจ้าของกิจการโรงหมอ เป็นหมอทางอ้อม รักษาคนทางอ้อม ดู
    แลได้ทั้งคนไข้ หมอ และทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับวิชาหมอ บุญเยอะกว่า

    เรื่องเงินหรือครับ ก็ถ้าหมอทำงานได้เงินเดือนเท่าไหร่ แล้วคุณมีจ่าย ก็ต้องแปลว่ามี
    เงินได้มากกว่าการเป็นหมอ

    แล้วจะเงินจากไหนมาลงทุน ก็แน่นอนละครับ ต้องตัดสินใจเร็ว วางแผนให้ดีตั้งแต่
    วันนี้ไม่มีโลเล เราจะเก็บเงินอย่างไร ทำรายได้อย่างไรที่ไม่ผิดศีลธรรม แต่ได้เงินเก็บ
    มาพอที่จะทำโรงหมอ ก็ต้องนานสักหน่อยไม่ใช่แค่ 5 ปี(ระยะเวลาย้อนกลับไปเรียน)
    อาจจะ 10 ปี 20 ปี 30 ปี 40 ปี ก็ต้องเอาให้แน่ วางแผนให้มั่นแล้วทำให้ได้ตามแผน
    อย่าไปครึ่งๆกลางๆ แล้วโลเลจะทำอะไรใหม่ผิดจากทาง จากวาสนาที่พอมี

    ถ้าทำอะไรเกินวาสนา (สิ่งที่เราผ่านมาในด้านดีๆ) มันก็เหมือนเราเจริญ(ภาวนา)ธรรม
    ไม่ถูกจริต โอกาสจะทำไม่ถูกทาง(มรรค)จนเกิดสำเร็จลุล่วง(ผล)ก็จะไม่มี

    กิจการทีเกี่ยวกับหมอมีหลายขนาด ตั้งแต่เป็นแบบห้องแถว ไปจนสุขศาลา สุดที่โรงหมอ
    แบบร้อยล้านพันล้าน ก็วางแผนไปทีละขั้นด้วยความเป็นไปได้(ไม่เพ้อเจ้อ) ขยันๆทำ
    ขยันๆเก็บ ได้เงินมาแล้วก็อย่าสุรุ่ยสุร่าย ไม่คบเพื่อนที่ไม่ดี ถ้าทำจริงก็ได้ผลจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2008
  11. moodang99@yahoo.com

    moodang99@yahoo.com เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +160
    คนเรามีความฝันค่ะ....แต่ขอให้น้องสอบเข้าให้ได้ก่อนนะคะ...ค่อยว่ากันใหม่
    และก็ขอโมทนากับความคิดดี ๆ ที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่นก็ขอให้น้องประสบความสำเร็จในสิ่งที่คิดจะตอบแทนกลับมาหาน้องเอง ไม่ว่าในอนาคตน้องจะได้เป็นหมอหรือไม่ก็ตาม เวลาเป็นของมีค่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด ขอเอาใจช่วยค่ะ
    ;aa25
     
  12. มรรค 8 ประการ

    มรรค 8 ประการ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    884
    ค่าพลัง:
    +2,642
    ถ้ามีความตั้งใจที่จะเป็นหมอเพื่อที่จะช่วยเหลือผู้อื่นแล้วถ้าเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนา แต่ก็ต้องใช้อิทธิบาท 4 ประกอบด้วยน่ะ ถึงจะสำเร็จ
     
  13. หนูแว่น

    หนูแว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +3,207
    มั่นใจไหม จริงจังไหม เสียดายเวลาไหม สุขไหมถ้าได้ทำ ทนกับมันได้แค่ไหน
    ตอบคำถามเหล่านี้ แล้วจงตัดสินใจเอง
     
  14. O_o'

    O_o' เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +464
    ก้าวต่อไป เวลาไม่คอยใครตั้งสติพิจารณาให้ดีแล้วสิ่งดีดีจะเกิดกับคุณ โมทนาครับ
     
  15. ประทีปแก้ว

    ประทีปแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    3,506
    ค่าพลัง:
    +8,328
    เสียดายเวลา......ที่ร่ำเรียนมา จะสานต่อ หรือจะเริ่มต้นใหม่ จงดูความสามารถของตนเป็นหลัก พิจารณาตนให้ดีๆตามที่เพื่อนๆในเวปแนะนำถูกแล้ว.........เป็นกำลังใจให้คุณพบกับทางสำเร็จแห่งชีวิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2008
  16. agree

    agree สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +23
    ขอบคุณทุกๆคำตอบนะ เราได้มาพิจารณาแล้วเราจะพยายามนะ อ่านแล้วรู้สึกฮึดขึ้นมาเลย

    ขอบคุณจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...