นางแก้ว คู่บารมีพระโพธิสัตว์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย slamb, 2 พฤศจิกายน 2008.

  1. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    [​IMG]

    เรื่องราวของพระนางพิมพาที่อธิษฐานเป็นคู่บารมีของพระโพธิสัตว์มาตั้งแต่ ๔ อสงไขย กับเศษแสนมหากัป ความเสียสละของพระนางนั้นยิ่งใหญ่ไม่แพ้พระโพธิสัตว์
    ไม่ว่าจะเกิดมายากดีมีจน จะสุขหรือทุกข์ พระนางก็ไม่เคยทอดทิ้งพระโพธิสัตว์ไปไหน แม้พระโพธิสัตว์จะบริจาคทรัพย์สมบัติเป็นทานจนไม่มีส่วนเหลือ พระนางก็ยินดีในทานนั้น แม้บุตรและธิดารวมทั้งตัวพระนางเองจะถูกบริจาคเป็นทาน พระนางก็ไม่เคยโกรธ จิตใจของพระนางพิมพานั้นยิ่งใหญ่จริงๆ ครับ

    สุมิตตาพราหมณี
    เริ่มตั้งจิตอธิษฐาน


    ในอดีตกาลล่วงมาได้ ๔ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    พระนางพิมพาได้เกิดมาเป็นนางสุมิตตาพราหมณี อาศัยอยู่ในนครอันรุ่งเรืองนามว่า อมรวดีนคร
    ในครั้งนั้น เป็นพุทธกาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระทีปังกร อันเป็นพระพุทธเจ้าลำดับที่ ๔ ในมหากัปนั้น เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ก็ได้เผยแผ่พุทธศาสนาอยู่ที่รัมมกนคร
    ครั้งหนึ่ง ชาวนครอมรวดีก็ได้อัญเชิญเสด็จพระทีปังกรให้มารับมหาทานในนคร ในวันที่พระทีปังกรพุทธเจ้าเสด็จพุทธดำเนินมาพร้อมกับพระสาวกขีณาสพจำนวน ๔ แสนรูปนั้น มหาชนผู้มีศรัทธาจำนวนมากก็พากันมารอรับเสด็จ และได้ช่วยกันถากถางทาง และปรับพื้นที่ขรุขระมีน้ำขังให้ราบเรียบ เพื่อให้พระทีปังกรเสด็จดำเนินได้โดยง่าย


    นางสุมิตตาพราหมณีผู้มีศรัทธา ก็ได้มารอรับเสด็จพระทีปังกรด้วย โดยนางได้เก็บดอกบัวมา ๘ ดอก เพื่อนำมาถวายเป็นพุทธบูชา
    ระหว่างที่ชาวเมืองกำลังรอรับเสด็จ โดยมีส่วนเมืองอีกกลุ่มหนึ่งช่วยกันปรับทางกันอยู่นั้น พระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีมาแล้ว ๑๖ อสงไขย นามว่าสุเมธดาบส ได้เหาะผ่านมาแลเห็นมหาชนกำลังปรับถนนกันอยู่ก็ลงมาถาม เมื่อรู้ว่าพระทีปังกรพุทธเจ้ากำลังจะเสด็จดำเนินมาก็มีศรัทธา ขอร่วมในการปรับถนนด้วย ชาวเมืองเห็นว่าท่านสุเมธดาบสเป็นผู้มีฤทธิ์ จึงได้แบ่งงานบริเวณที่เป็นหลุมเป็นแอ่ง และมีน้ำท่วมขังมาก ให้ท่านดาบส


    สุเมธดาบสนั้นกำลังมีใจปิติที่จะได้เฝ้าพระพุทธเจ้า คิดว่าหากตนใช้ฤทธิ์ปรับถนน แม้จะเสร็จเร็ว แต่ก็ไม่ชื่นใจ ไม่สมกับที่ตนมีศรัทธา จึงได้อดทนขนดินทรายมาถมหลุมบ่อด้วยแรงกายเช่นสามัญชนทั่วไป
    การกระทำของสุเมธดาบสนี้สร้างความศรัทธาให้แก่นางสุมิตตาพราหมณีที่เฝ้ามองอยู่

    สุเมธดาบสยังปรับพื้นที่ไม่เสร็จดี พระทีปังกรพร้อมพระสาวกทั้ง ๔ แสนรูปก็เสด็จดำเนินมา สุเมธดาบสเห็นไม่ทันการณ์ เพราะยังมีบ่อที่น้ำท่วมขังอยู่ช่วงตัวหนึ่ง จึงตัดสินใจทอดตัวลงนอนปิดทับแอ่งน้ำนั้น ตั้งใจถวายชีวิตให้พระทีปังกรและพระสาวกเดินไปบนแผ่นหลังของตน
    พระทีปังกรพุทธเจ้า เสด็จมายืนอยู่ที่เบื้องศีรษะของสุเมธดาบส ทรงตรวจสอบดูด้วยพระสัพพัญญุตาญาน ก็รู้ว่าสุเมธดาบสผู้นี้เป็นหน่อเนื้อพระโพธิสัตว์ผู้มีบารมีเต็ม สมควรได้รับลัทธยาเทศน์ได้แล้ว พระองค์จึงได้ทรงตรัสพยากรณ์ว่า

    “ท่านทั้งหลายจงดูดาบสผู้มีตบะอันรุ่งเรืองนี้ ดาบสนี้กระทำความปรารถนายิ่งใหญ่เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ความปรารถนาของเขาจักสำเร็จ ในที่สุดแห่งสี่อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัปนับแต่นี้ เขาจักได้เป็นพระพุทธเจ้านามว่าโคตม ในอัตภาพนั้นของเขา นครนามว่า กบิลพัสดุ์ จักเป็นที่อยู่อาศัย พระมารดาทรงพระนามว่ามายา พระบิดาทรงพระนามว่าสุทโธทนะ พระอุปติสสะเป็นอัครสาวก พระโกลิตะเป็นอัครสาวกที่สอง พระอานนท์เป็นพุทธอุปฐาก พระเขมาเถรีเป็นอัครสาวิกา พระอุบลวรรณาเถรีเป็นอัครสาวิกาที่สอง เขามีญาณแก่กล้าแล้วออกมหาภิเนษกรมณ์ ตั้งความเพียรอย่างใหญ่ รับข้าวปายาสที่โคนต้นไทร เสวยที่ฝั่งเเม่น้ำเนรัญชรา ขึ้นสู่โพธิมณฑล และจักตรัสรู้ที่โคนต้นอัสสัตถพฤกษ์”

    ชาวเมืองและเทพเทวดาทั้งหลายในที่นั้น เมื่อได้ฟังพุทธพยากรณ์แล้ว ต่างก็กล่าวสาธุการ สนั่นดังไปทั่วทั้งไตรภูมิ

    ขณะนั้นเอง นางสุมิตตา ผู้เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น ก็เกิดปิติศรัทธาไปกับสุเมธดาบส นางจึงได้แบ่งดอกบัว ๕ กำ ให้สุเมธดาบสใช้บูชาพระพุทธเจ้า ส่วนดอกบัวอีก ๓ กำ นางนำไปถวายพระพุทธเจ้าแทบพระบาทของพุทธองค์ แล้วกล่าววาจาว่า

    "ข้าพระบาทได้แลเห็นท่านดาบสเหาะลงมาจากนภากาศ ข้าพระบาทมีความศรัทธาในท่านดาบส เห็นท่านดาบสสร้างทางและทอดกายเป็นสะพาน ข้าพระบาทมีปีติและศรัทธายิ่งขึ้น และเมื่อพระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ท่านดาบสว่า จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ข้าพระบาทศรัทธาปีติยินดียิ่งนัก มีใจรัก และปรารถนาจะเป็นคู่สุข คู่ทุกข์ คู่ยาก ช่วยท่านดาบสสร้างสมบารมีให้สมบูรณ์"

    พระทีปังกรพุทธเจ้าจึงทรงตรวจสอบนางสุมิตตาพราหมณีด้วยพระญาณ แล้วจึงตรัสวาจาพยากรณ์ว่า

    “ดูกรฤาษีผู้ใหญ่ อุบาสิกาผู้นี้ จักเป็นผู้มีจิตเสมอกัน มีกุศลกรรมเสมอกัน ทำกุศลร่วมกัน เป็นที่รักของบุญกรรม เพื่อประโยชน์แก่ท่าน น่าดู น่าชม น่ารักยิ่ง น่าชอบใจ มีวาจาอ่อนหวาน จักเป็นธรรมทายาทผู้มีฤทธิ์ของท่าน ความปรารถนาของอุบาสิกานี้จะสำเร็จตามปรารถนา ในอัตภาพอันเป็นที่สุดจะได้เป็นพระชายานามว่า พิมพา"

    เหล่ามนุษย์และเทพยดาต่างสาธุการดังก้อง แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงนำดอกไม้ ๘ กำมือบูชาสุเมธดาบส ทรงกระทำประทักษินแล้วดำเนินหลีกไป เหล่าพระขีณาสพทั้งสี่แสนก็บูชาพระดาบสด้วยของหอมและพวงดอกไม้ แล้วดำเนินหลีกไป
    เมื่อพระภิกษุสงฆ์เดินไปหมดแล้ว สุเมธดาบสซึ่งบัดนี้ได้เป็นพระนิยตโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้ที่จะได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอนแล้ว ก็ลุกขึ้นนั่งบนกองดอกไม้ พิจารณาตนเองด้วยอภิญญา ทบทวนบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ ที่ได้บำเพ็ญเพียรมา เมื่อพิจารณาครบถ้วนสมบูรณ์แล้วก็บังเกิดแผ่นดินสั่นหวั่นไหว แล้วเหล่าเทพเทวดาทั่วหมื่นโลกธาตุก็ประชุมกันสักการะด้วยทิพย์สุคนธมาลัย แล้วกล่าวอำนวยพร
    แล้วสุเมธดาบสก็เหาะกลับไปป่าหิมพานต์ เจริญอภิญญาสมาบัติมิให้เสื่อม เมื่อสิ้นอายุขัยก็ไปอุบัติในพรหมโลก

    ใน ชาตินี้จึงเป็นชาติสำคัญของพระโพธิสัตว์ และพระนางพิมพาผู้ซึ่งเป็นคู่บารมี เนื่องจากเป็นชาติที่พระโพธิสัตว์ได้รับลัทยาเทศจากพระพุทธเจ้า และพระนางพิมพาก็ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าด้วยเช่นกัน นับจากชาตินี้เป็นต้นไป ทั้งสองจึงได้เกิดมาสร้างสมบุญบารมีต่างๆ ร่วมกันตามที่ได้ตั้งความปรารถนาไว้ นับเป็นบุญบารมีอันยิ่งใหญ่ที่บุคคลทั่วไปทำได้อย่างยากยิ่งนัก


    ขอขอบคุณ
    http://www.intania82.com/index.php?showtopic=1631&st=0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2008
  2. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    พระนางพิมพา
    นางแก้วคู่บารมี

    ในชาติอันเป็นที่สุดของพระนางพิมพา ผู้เป็นนางแก้วของพระโพธิสัตว์นั้น พระนางเกิดมาเป็นราชธิดาแสนโสภาของพระเจ้าสุปปพุทธะ กษัตริย์กรุงเทวทหะ พระราชมารดามีพระนามว่า พระนางอมิตาเทวี
    พระนางพิมพาประสูติวันเดียวกับเจ้าชายสิทธัตถะ จึงนับเป็น ๑ ในสหชาติทั้ง ๗ ของพระพุทธเจ้าซึ่งประกอบด้วย พระนางพิมพา พระอานนท์ นายฉันนะ กาฬุทายีอำมาตย์ ม้ากัณฑกะ ต้นมหาโพธิ และขุมทรัพย์ทั้งสี่
    พระนางพิมพานั้นมีหลายนาม คือ พิมพา ยโสธรา ยโสธราพิมพา ภัททา กัจจานา และภัททากัจจานา


    เมื่อพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา พระนางพิมพาก็ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายสิทธัตถะ และทรงพระเกษมสำราญร่วมกันในปราสาท ๓ ฤดู ที่พระเจ้าสุทโธทนะทรงสร้างให้ เพื่อหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เจ้าชายสิทธัตถะออกบวชตามคำทำนายของโหราจารย์
    แต่ครั้นเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา ได้เห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช ทำให้เริ่มรู้สึกสังเวชในความทุกข์ที่สรรพสัตว์ต้องประสบ ยิ่งเมื่อเสด็จกลับมาพระราชวัง ได้เห็นเหล่านางในนอนหลับกลิ้งเกลือกดังซากศพ พระองค์ก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายมากยิ่งขึ้น
    ขณะนั้น เป็นเวลาเดียวกันกับที่พระนางพิมพาประสูติพระโอรส นามว่า ราหุล เจ้าชายสิทธัตถะเห็นทุกข์ภัยของสังสารวัฏฏ์ จึงได้ตัดสินใจเสด็จหนีไปออกบรรพชาเพื่อค้นหาวิธีทำลายชาติภพให้ได้

    หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบวชแล้ว พระนางพิมพา ผู้ซึ่งเป็นคู่รักคู่บารมีติดตามข้ามภพข้ามชาติกันมานานแสนนาน มีจิตผูกพัน และมีความรักอันลึกซึ้งต่อพระองค์ พระนางไม่อาจหักห้ามความรักและความอาลัยที่มีต่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ จึงได้คอยติดตามถามข่าวคราวของพระสวามีของพระนางอยู่เสมอ
    แม้ความเชื่อในยุคนั้น การที่หญิงไม่มีสามีจะถือว่าไม่มีเกียรติ และหญิงนั้นสามารถมีสามีใหม่ได้ แต่พระนางพิมพาก็ไม่สนใจชายใดอีกเลย พระนางยังคงเฝ้ารอพระสวามีของพระนางเพียงพระองค์เดียว
    คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะนุ่งห่มผ้าย้อมฝาด พระนางก็เปลี่ยนชุดทรงมานุ่งห่มผ้าย้อมฝาดด้วย
    คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงบรรทมบนพื้นไม้ พระนางก็บรรทมบนพื้นไม้ได้วย
    คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงอดพระกระยาหาร พระนางก็ทรงอดพระกระยาหารด้วย


    ไม่ว่าจะได้ข่าวว่าพระสวามีปฏิบัติตนอย่างไร พระนางพิมพาก็ปฏิบัติตนเยี่ยงนั้น
    เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะออกบรรพชาได้ ๖ ปี พระองค์ก็ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเสด็จไปสั่งสอนพุทธบริษัทอยู่ที่กรุงราชคฤห์ พอย่างเข้าพรรษาที่ ๒ พระเจ้าสุทโธทนะก็ส่งอำมาตย์พร้อมราชบริพารไปทูลเชิญเสด็จพระพุทธเจ้ากลับ พระนคร แต่บรรดาอำมาตย์ทั้งหลายกลับไปฟังธรรมและออกบวชเสียทั้งหมด พระเจ้าสุทโธทนะต้องส่งอำมาตย์ไปอีกหลายคณะ จนถึงคณะสุดท้าย พระองค์ได้ส่ง กาฬุทายีอำมาตย์ ผู้ซึ่งเป็นสหชาติ ให้ไปทูลเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าพร้อมกำชับว่าอย่างไรก็ต้องอัญเชิญเสด็จพระ พุทธองค์มาให้ได้
    กาลก่อนๆ นั้น บรรดาอำมาตย์ที่ออกบวชล้วนแล้วแต่ได้บรรลุอรหันต์ทั้งสิ้น จึงได้ปล่อยวางกิจทางโลก ไม่ได้ทูลเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าตามรับสั่งของพระเจ้าสุทโธทนะ แต่กาฬุทายีอำมาตย์นั้นแม้จะบวชเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ จึงได้กราบทูลพระพุทธองค์ให้เสด็จนิวัติพระนครตามรับสั่งที่ได้รับมอบหมายมา

    พระพุทธเจ้าได้ทรงเสด็จมาโปรดพระประยูรญาติทั้งหลายในกรุงกบิลพัสดุ์ พระประยูรญาติทั้งหลายต่างเข้าเฝ้ารับฟังธรรม ยกเว้นแต่เพียงพระนางพิมพาที่เก็บตัวอยู่ในตำหนัก ด้วยความรู้สึกทั้งรักและน้อยพระทัยว่าพระพุทธองค์เสด็จกลับมาแล้วก็ควร เสด็จมาหาพระนางที่เฝ้ารอคอยอยู่ถึง ๘ ปี
    วันที่สองเมื่อพระพุทธเจ้ารับภัตตาหารในพระราชวังเสร็จแล้ว พระองค์จึงเสด็จไปโปรดพระนางพิมพาในตำหนัก เมื่อพระนางพิมพาได้พบกับพระพุทธองค์ พระนางก็เข้ามากอดพระบาทร่ำไห้รำพันอย่างน่าสงสาร แต่พระพุทธองค์ก็ทรงเทศนาให้พระนางดำรงสติไว้ได้
    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเทศนาโปรดพระประยูรญาติแล้ว พระนางพิมพาก็รับสั่งให้ราหุลตามเสด็จพระพุทธเจ้าเพื่อทูลขอราชสมบัติ พระพุทธเจ้าจึงทรงบรรพชาราหุลเป็นสามเณรและให้เสด็จติดตามพระองค์ไปด้วย
    ครั้งถึงพรรษาที่ ๕ พระเจ้าสุทโธทนะก็เสด็จสวรรคต หลังจากจัดการทำพิธีให้เจ้าชายมหานามะขึ้นครองราชสมบัติแล้ว พระนางพิมพาจึงนำนางกัญญา ๑,๑๐๐ คน ออกบรรพชาในสำนักของพระมหาปชาบดีเถรี เมื่อบวชแล้วได้ชื่อว่าภัททากัจจานาเถรี
    พระภัททากัจจานาเถรีได้รับกรรมฐานจากพระพุทธเจ้า เมื่อเจริญวิปัสสนาได้ไม่ทันถึง ๑๕ วัน ก็บรรลุอรหัตผล

    เนื่องจากพระกัจจานาเถรีนั้นเป็นผู้บำเพ็ญบารมีมานานกว่าพระอัครสาวก และพระสาวกองค์ใดๆ จึงเป็นผู้ช่ำชองในอภิญญาทั้งหลาย ขณะที่พระอรหันต์อื่นๆ สามารถระลึกชาติได้เพียงแสนมหากัป แต่พระกัจจานาเถรีนั้นมีความคล่องแคล่วในอภิญญามาก นั่งขัดสมาธิเพียงครั้งเดียวก็สามารถระลึกชาติได้ถึงอสงไขยแสนกัป พระพุทธเจ้าจึงทรงแต่งตั้งให้เป็นเอตทัคคะผู้ทรงอภิญญาใหญ่
    พระภัททากัจจานาเถรีเสด็จเข้าสู่นิพพานเมื่อมีพระชนมายุได้ ๗๘ ปี ทรงกระทำชาติ ชรา มรณะ และสังสารวัฏฏ์ให้สิ้นสุดลงได้ หลังจากเป็นนางแก้วติดตามเป็นคู่รักคู่บารมีพระโพธิสัตว์มานานถึง ๔ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป


    ขอขอบคุณ
    http://www.intania82.com/index.php?showtopic=1631&st=25
     
  3. NA_S

    NA_S Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +25
    อ่านแล้วขนลุก น้ำตาจะไหลเลย

    ไม่รู้เป็นอะไร..
     
  4. pathfinder2551

    pathfinder2551 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณมาก ที่นำมาให้อ่าน

    เราได้อ่านแล้วนะ
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** โลกแสนยาวนาน ****

    ใครหนอ...ที่รอบรู้ทุกเรื่องราว
    ทุกย่างก้าว....ของผู้ที่จะเป็นพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
    ใครหนอ...ผู้เขียนทุกตัวอักษรในศาสนา

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130


    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ ... เป็นอะไรที่คู่กันนานที่สุด
     
  7. นาคน้อยคอยใช้กรรม

    นาคน้อยคอยใช้กรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +73
    อนุโมทนาสาธุ

    ทรงบำเพ็ญมหาบารมีมาพร้อมกับพุทธองค์โดยแท้จริง

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    สาธุขอให้สมปรารถนาบ้างน่ะครับผม...........เส้นทางอีกยาวไกลเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...