พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 12 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 9 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">
    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, .........., ........ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    -------------------------

    ลองอ่านกันนะครับ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ตะลึง! เจอสารเมลามีนในผักจีนอีก
    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000117993

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 ตุลาคม 2551 15:53 น.

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=550>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเชียนิวส์
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    ประวัติหลวงปู่
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?p=113329#post113329

    "พระวังหน้า ที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้....."
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?p=113332#post113332


    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย สุชัมบดี [​IMG]
    *ผมเองเคยอยู่กับ"โลกอุดร"ในป่ามาเป็นเวลา 2 เดือน....
    ......บางครั้งกระแสของสังคมที่รับรู้เรื่องราวของ"โลกอุดร"กับความเป็นจริงตามกรรมวิสัยของโลกอุดรเองมันช่างต่างกันริบลับเรื่องราวที่เล่าออกมาจากปากท่านตามที่ผมได้ยินมากับหูมันไม่เหมือนกับประวัติที่บุคคลซึ่งไม่เคยรู้จักท่านแต่เขียนประวัติด้วยความคาดคะเน ผมเองก็เสี่ยงเหมือนกันในการนำเสนอเรื่องราวจริงๆของท่านแต่เป็นเรื่องที่สวนกระแสโดยสิ้นเชิง แต่ก็จะยอมรับในการติชมในครั้งนี้ ขอยกตัวอย่างข้อเท็จจริงบางประการ
    1.ท่านไม่ใช่พระ แต่เป็นเทพฝ่าย
    อัลเลาะห์
    2.ท่านไม่ใช่พระอรหัตน์อย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ ท่านบำเพ็ญโพธิสัตว์แต่ยังไม่ได้ถูกพยากรณ์
    3.ท่านหวังว่าจะมาเป็นจักรพรรดิ์ในยุคนี้นามว่า"พระยาธรรมมิกราช"เพื่อมารวมศาสนาตามความเข้าใจของท่านเอง
    4.ท่านมาจากกลุ่มเทวดาเนวาสิกะหรือที่พระพุทธองค์ตรัสเรียกว่าพวกจอมอสูรที่เคยทำสงครามรบกับพวกท้าวสักกะทุกปี
    5.*******เส้นทางการสร้างบารมีของท่านมัน"ทับซ้อน"กับยุคจิตสู่จิตที่จะเกิดขึ้นโดยกลุ่มวงกรรมสายท้าวสักกะสุชาดาและสายธรรมสัมพันธ์ลูกหลานพระมหากัสสัปปะลงมาจุติกันทำบารมีกัน
    แค่ 5 ประเด็นใหญ่ก็ต่างกันราวฟ้ากับดินไม่เหมือนกับกระแสทั่วไปที่ได้รับรู้ โปรดติดตามตอนต่อไปโดยฉับพลัน.



    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย sithiphong [​IMG]
    สิ่งที่คุณสุชัมบดีแจ้งมานั้น เป็นสิ่งที่คุณสุชัมบดีเข้าใจตามนั้น

    ส่วนที่ผมเข้าใจและได้ศึกษาเรียนรู้ก็เป็นสิ่งที่ผมนำมาเสนอในกระทู้นี้


    -------------------------------------------------

    หากเป็นสิ่งที่คุณสุชัมบดีเข้าใจตามนั้น ผมรบกวนให้ตั้งกระทู้ใหม่ น่าจะดีกว่า เป็นการนำเสนอข้อมูลที่คุณคิด และมีความเห็นตามนั้นครับ

    .

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย สักกะ-สุธรรมา [​IMG]
    ขอแสดงความคิดเห็นแบบตรงไปตรงมา
    ....ทั้งนี้ข้อมูลของข้าพเจ้าตรงกับท่านสุชัมบดีตรงที่ว่าเทพโลกอุดรเป็นเทพฝ่ายอิสลามและไม่ใช่พระอริยะด้วยซ้ำ ท่านสำเร็จแค่ฌานฤๅษีโดยวิสัยเทพ ท่านไม่ใช่มนุษย์ ท่านไม่ใช่พระ
    .....ตอนนี้กระแสว่าโลกอุดรไม่ใช่พระอรหันต์กำลังเป็นเรื่องที่โจษขานในหมู่ลูกศิษย์ที่ถูกหลอกแหกตา กำลังกล่าวขานกันอยู่ตอนนี้ในภาคอิสาน คุณ sitiphong ไป
    อยู่ใหนมา เกรงว่าคุณจะตกข่าว

    ....ข้าพเจ้าเองยอมรับว่าศรัทธาโลกอุดรตามกระแสของนักปฏิบัติในยุคนี้ตั้งสิบกว่าปีมาแล้ว เพราะความที่ยังใหม่ต่อภาวนา การวิเคราะห์โยโสมนัสสิการในธรรมยังเป็นไปแบบสะเปะสะป่ะ ไม่สามารถตกผลึกในธรรมได้ จึงถูกกระแสสังคมและศรัทธาแบบหัวเต่าของข้าพเจ้าเองลากเข้าไปสู่วังวนแห่งความ"อะไรก็ใช่หมด" ปิดบังความเป็นจริงแห่งธรรมอันเป็นธรรมชาติไป

    ....ในสมัยพุทธกาล มีพระรูปหนึ่งชื่อวักกะลิ เข้ามาบวชในสำนักตถาคต ท่านได้ศรัทธาตถาคตมากแต่เป็นศรัทธาแบบหัวเต่า พระวักกะลิได้ชื่นชมรูปกายของตถาคต
    ว่าจะหาใครงดงามในรูปกายเท่าตถาคตมิได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเดินการนั่งยืนนอน ติดตาตรึงใจไปหมดในพุทธจริยา ขนาดตถาคตตรัสธรรมให้พระวักกะลิฟัง
    อยู่เนืองๆ พระวักกะลิก็ไม่ใส่ใจ
    จนตถาคตไล่ออกจากสำนัก พระวักกะลิน้อยใจได้กระโดดลงหน้าผา ตถาคตรู้ด้วยญาณล่วงหน้าจึงทำอิทธิวิธีแบบพุทธวิสัยเป็นมือใหญ่ๆรองรับร่างของพระวักกะลิ
    ไม่ให้ตกสู่พื้น นำมาไว้ต่อหน้าตถาคต แล้วตถาคตก็ตรัสธรรมอันเป็นแก่นแท้ให้ฟัง พระวักกะลิก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในครานั้น
    ตถาคตจึงตรัสธรรมไว้ว่า
    "ผู้ใดเห็นธรรม(โลกุตตระ) ผู้นั้นเห็นเราตถาคต)
    ตถาคตยังตรัสอีกว่า
    สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา แปลว่าบรรดาสภาวะธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
    ....ครูบาอาจารย์บางสำนักสอนบรรดาลูกศิษย์ หากได้นิมิตตถาคตมาหาให้ฆ่าตถาคตซะด้วยปัญญา อย่าเข้าไปติดในนิมิตจะกลายเป็นวิปัสสนูกิเลสจะกลายเป็นอุปสรรคในการบรรลุธรรม
    ....ในสติปัฏฐาน ตถาคตกล่าวว่าหากจิตของโยคาวจรปรุงแต่งว่าจิตเราหลุดพ้นแล้ว ตถาคตกล่าว
    ว่าก็ให้รู้ว่า"จิตที่ปรุงแต่งว่าจิตกำลังหลุดพ้น"นั้น...เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง
    ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน...
    ***...นับประสาอะไรกับนิมิตโลก
    อุดร...ติดกันอยู่ได้...เหนื่อยใจแทน

    ไม่เชื่อพ่อเราตถาคต แล้วจะเชื่อใคร
    ...ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับคุณสุชัมบดีและคุณแฮมขีสคัตสึ...
    ...เดินให้ตรงในธรรม...
    ...อย่ามี"เรา"...เราถูกคนอื่นจูงจมูก...
    ข้าพเจ้าเชื่อว่าอกาลิโกบอร์ดเป็นเว็บที่มีอิสระในการแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานทางธรรมที่ถูกต้อง
    ...ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่คุณ sitiphong ไล่ให้คุณสุชัมบดีไปตั้งกระทู้ที่ส่วนอื่นของบอร์ด...
    หรือว่าคุณกลัวจะกระทบต่อยอดบริจาคที่แนบเลขบัญชีมาเป็นหาง
    ว่าว...
    ...ผมดูลีลาการโพสต์ของสุชัมบดีในหลายๆโพสต์และของแฮมขีคัตสึแล้ว สองท่านนี้ก็โพสต์ธรรมได้ตรงและเฉียบขาด...ท่านคงอยากเสนอมุมมองในอีกแง่มุมนึง...
    ...ใจ...กว้างๆหน่อย....สาธุ....


    ---------------------------------------------------

    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน มีทั้งพระภิกษุ และฆารวาส หลายๆท่าน ได้มายืนยันในข้อมูลนี้ อีกทั้งมีรูปองค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ซี่งมีผู้ที่วาดจากนิมิตร

    ก็แล้วแต่ความเชื่อ และความคิดเห็น

    ซึ่งผมบอกได้ว่า หากโพสในสิ่งที่ถูก ก็เป็นกุศลแก่ตนเอง แต่หากว่าโพสในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็เป็นกรรมแก่ตนเองเช่นกัน

    ******************************************

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย แฮมขีสคัตสึ [​IMG]
    พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระนิพพาน มีเข้าๆ ออกๆ มีกิจอื่นที่พึงกระทำ ยังติดกิจนิมนต์ตลอดเลยหรือ อ่ะคับ ไหนว่าหมดกิจแล้วอ่ะคับ
    หลวงปู่โลกอุดร ชื่อก็บอกว่าอยู่ทางโลกอุดร เป็นมนุษย์หรือเปล่า ใช่ใหมอ่ะคับ
    ธรรมกายขององค์ต่างๆที่เล่ามา เป็นธรรมกายแน่ๆหรืออ่ะคับ
    ธรรมกายของพระพุทธองค์เห็นได้ด้วยลักษณะกระนั้นหรือ อ่ะคับ
    เอาอะไรไปเห็นอ่ะคับ
    เอาจิตที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไปส่อง ภาพที่ออกมาก็เลยเบลอๆ ตามจิตไม่เที่ยง เบลอๆหรือ อ่ะคับ
    หรือฟังคำเล่าตามๆกันมา อ่ะคับ

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย แฮมขีสคัตสึ [​IMG]
    หลวงปู่โลกอุดร ชื่อก็บอกว่าอยู่ทางโลกอุดร เป็นมนุษย์หรือเปล่า ใช่ใหมอ่ะคับ
    ขอโทษอ่ะคับ ตั้งใจถามว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว หรือเปล่าอ่ะคับ

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย sithiphong [​IMG]
    เรื่องราว(โดยส่วนใหญ่)ของพระอรหันต์ คนธรรมดาไม่อาจไปล่วงรู้ทั้งหมดได้ว่า ท่านติดกิจนิมนต์หรือไม่ หรือท่านทำ(ทุกเรื่อง)อะไรบ้าง
    สำหรับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร (ตามที่ผมระบุไปนั้น) เป็นพระอรหันต์ที่ท่านบรรลุในความเป็นอรหันต์ผลแล้ว เพียงแต่หลวงปู่ท่านตั้งเจตนาของท่าน เพื่อช่วยทำนุบำรุงพระศาสนาให้ครบ 5,000 ปี

    เรื่องของชื่อ หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ไม่ได้แปลว่า อยู่ทางเหนือ แต่แปลว่า พระผู้อยู่เหนือโลก เหนือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้ว ท่านไม่กลับมาเกิดอีก

    สำหรับบุคคลหรือพระภิกษุ ที่มีญาณลาภี สิ่งต่างๆที่ท่านเหล่านี้ได้รู้ ได้เห็น ก็เนื่องจากการปฎิบัติธรรม รวมทั้งบุญและวาสนาบารมีเก่า มีมาดีมาก และต้องมีวาสนาบารมีต่อกัน จึงจะมีโอกาสได้พบ หรือได้เห็น (ไม่ว่าจะเป็นการพบในสมาธิหรือการพบด้วยกายเนื้อ)

    .

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย แฮมขีสคัตสึ
    พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระนิพพาน มีเข้าๆ ออกๆ มีกิจอื่นที่พึงกระทำ ยังติดกิจนิมนต์ตลอดเลยหรือ อ่ะคับ ไหนว่าหมดกิจแล้วอ่ะคับ
    หลวงปู่โลกอุดร ชื่อก็บอกว่าอยู่ทางโลกอุดร เป็นมนุษย์หรือเปล่า ใช่ใหมอ่ะคับ
    ธรรมกายขององค์ต่างๆที่เล่ามา เป็นธรรมกายแน่ๆหรืออ่ะคับ
    ธรรมกายของพระพุทธองค์เห็นได้ด้วยลักษณะกระนั้นหรือ อ่ะคับ
    เอาอะไรไปเห็นอ่ะคับ
    เอาจิตที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไปส่อง ภาพที่ออกมาก็เลยเบลอๆ ตามจิตไม่เที่ยง เบลอๆหรือ อ่ะคับ
    หรือฟังคำเล่าตามๆกันมา อ่ะคับ


    ****************************************

    หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ท่านไม่ได้เป็นมนุษย์ต่างดาว แต่ท่านเป็นพระอรหันต์ครับ

    .

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย แฮมชีคัตสึ [​IMG]
    ท่านบอกเองหรือครับว่าท่านเป็นพระอรหันต์แล้วครับ
    กายเนื้อกายทิพย์ท่านอยู่เหนือการเกิดแก่เจ็บตาย
    เหนือการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ด้วยหรือครับ
    เจตนาที่ท่านตั้ง จะดับไปหลังพระพุทธศาสนาห้าพันปีหรือครับ

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย sithiphong [​IMG]
    หลวงปู่ท่านไม่ได้บอกผมโดยตรง

    สำหรับเรื่องพระอรหันต์ ท่านที่สามารถบอกได้ว่า เป็นพระอรหันต์หรือไม่ อย่างไร ต้องเป็นพระอรหันต์เช่นเดียวกัน
    แต่เรื่องนี้ ผมเองมีครูบาอาจารย์ ที่ท่านสามารถติดต่อกับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ทางสมาธิได้ และครูบาอาจารย์ท่านยืนยันมาแล้วว่า หลวงปู่ท่านเป็นพระอรหันต์

    เรื่องของกายเนื้อ กับกายทิพย์ ต้องแยกประเด็นกัน
    กายเนื้อ ปกติไม่มีใครสามารถที่จะดำรงกายเนื้อให้มีอายุหลายร้อยปี หรือเป็นพันปี หลวงปู่ท่านก็อยู่ในกฎเกณฑ์นี้เช่นกัน
    แต่ กายทิพย์ ทุกๆคนย่อมมีกายทิพย์ (เรียกตามที่ผู้คนทั้งหลายเข้าใจคือ วิญญาญ) สำหรับกายทิพย์ โดยปกติแล้ว พระภิกษุที่เป็นพระอรหันต์หรือพระโพธิสัตว์ หรือเป็นพระภิกษุธรรมดา หรือเป็นบุคคลทั้งเป็นโสดาบัน สกิทาคามี ,อนาคามี และอรหันต์ เมื่อนิพพานหรือตายแล้วนั้น กายทิพย์ไม่สามารถที่จะปรากฎเป็นกายเนื้อ และสามารถที่จะจับต้องได้ เท่าที่ทราบมา ก็มีแต่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ ที่สามารถปรากฎกาย จากกายทิพย์เป็นกายเนื้อ ด้วยอภิญญาของท่านเอง เพราะเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านปรากฎเป็นกายเนื้อครับ

    หลวงปุ่ท่าน ตั้งใจช่วยเหลือพระศาสนาให้อยู่ครบ 5,000 ปี หลังจากนั้น ก็เข้าสู่แดนนิพพาน แต่หลังจากเข้าสู่แดนนิพพานแล้ว ท่านจะมาช่วยเหลือลูกหลานท่านหรือไม่ แล้วแต่วาสนาบารมีต่อกัน และหลวงปู่ท่านเห็นสมควร

    แม้แต่พระอรหันต์ที่ท่านเข้าพระนิพพานแล้ว ท่านก็สามารถที่จะมาช่วยเหลือมนุษย์ได้เช่นกัน ก็แล้วแต่จะมีวาสนาบารมีต่อกัน และองค์พระอรหันต์พระองค์นั้นๆ จะเห็นสมควรหรือไม่

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย แฮมชีสคัตสึ [​IMG]
    สาธุๆ ผมเคยเจอท่านหลายหนแล้วครับ ได้สนทนาธรรมคุยกับท่านหลายหนแล้วครับ ท่านเคยให้รูปถ่ายไว้ด้วยยังมีรูปท่านอยู่ในห้องพระที่บ้านด้วยครับ ยังเคยเอาเครื่องบดยาไปถวายท่านตอนกายเนื้อท่านไปปรากฎอยู่ที่ถ้ำแถวๆภาคเหนือครับ แล้วท่านเคยให้ผมเข้าไปนั่งสมาธิในถ้ำของท่านด้วย แต่ก็สิบกว่าปีผ่านแล้วครับ ท่านจะไปๆมาๆระหว่างป่าหิมพานต์กับเมืองไทยครับ

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย sithiphong [​IMG]
    เวลาที่หลวงปู่ท่าน พูด ท่านพูดน้อยมาก พูดไม่กี่คำเท่านั้นครับ

    .

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย แฮมชีสคัตสึ [​IMG]
    ที่จริงท่านชำนาญในการพูดมากครับ คำพูดหนึ่งคำ เคยทำให้ผมต้องเคลื่อนความคิดปรุงแต่งไป 1 ปี เพราะมัวหาคำตอบจากคำพูด
    จนกระทั่งเห็นเองว่า ท่านพูดจบไปนานแล้วผมยังตามคิดต่อไม่จบ ตอนหลังท่านใช้วิธีนี้ไม่ได้ผล ผมเลยสนทนากับท่านได้นานๆครับ
    ความชำนาญในการพูดของท่านคือ พูดน้อยมาก แต่ทำให้คนฟังปรุงแต่งความคิดไปได้นานครับ
    ไม่ว่าใครๆที่เคยเจอท่านทั้งในจิตและกายเนื้อ จะเสียท่าท่านทันทีถ้าฟังแล้วปรุงแต่งความคิดต่อไปครับ ที่จริงโลกของท่านจะว่าอยู่คนละโลกกับเรา ก็ไม่น่าจะผิด เพราะท่านไม่ได้เป้นพระอรหันต์ที่โลกนี้ครับ โลกของท่านมีป่าหิมพานต์ จริงๆแต่ของเราไม่มี มีชมพูทวีปที่แท้จริงแต่ของเราไม่มีครับ

    ------------------------------------------------

    ผมยอมรับครับ ยอมรับว่า เป็นที่คนกลัวมาก กลัวอะไรพอทราบกันหรือเปล่าครับ

    กลัวกรรม กลัวนรก ไงครับ

    เป็นสิ่งที่ผู้อ่าน จะเป็นผู้ที่ตัดสินใจเอง

    แต่ ผมเชื่อตามเรื่องที่ผมโพส อีกทั้งผมได้เจอหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ด้วยกายเนื้อของหลวงปู่เอง ด้วยตาเนื้อของผม อีกทั้งผมได้สนทนาธรรม กับหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ซึ่งก็มีเรื่องราวของหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญที่ผมเองได้ทราบมา ตรงกันกับองค์หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญที่พระองค์ท่านมาเป็นกายเนื้อ

    เรื่องราวขององค์หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ เป็นอย่างไร ผมคงไม่เสนอซ้ำอีก

    และผมเองมีประสบการณ์กับเรื่องราวของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร มากกว่าที่ผมได้โพสลง แต่ผมไม่โพสเรื่องราวลงไปเพิ่มเติมอีก เนื่องจากเป็นเรื่องอจินไตย เดี๋ยวโพสลงไป เกรงว่าผู้อ่านเข้ามาอ่านแล้วไม่เชื่อ เกิดปรามาสขึ้น ผู้ที่ปรามาสไปนรกสถานเดียวครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  4. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310

    ผมดูแล้วรู้สึกขัดไงไม่รู้ครับหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านเป็นพระครับหลวงปู่ขาวท่านยืนว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นศิษย์พระมหากัสสะปะและท่านดูแลสังขารของพระมหากัสสะปะที่ไหนสักที่รอถึงยุคพระศรีอริยเมตตรัยและท่านเป็นพระไม่งั้นท่านคงไม่สั่งให้หลวงปู่ขาวบวชเป็นพระหรอกครับมามั่วนัวเนียอะไรเห้อว่าไปทั่วท่านเป็นพระครับ ลูกศิษย์ท่านที่ยืนยันมีมากมาย เช่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่ละมัย หลวงปู่กอง พระอาจารย์บุญเดช แม่จันทรา สมเด็จลุน และอีกหลายท่านแปลกอยู่ที่ว่าเหตุลูกศิษย์ท่านบวชเป็นพระหมด โพสมากผมก็กลัวปรามาสพระแล้วแต่ หลวงปู่ไม่ใช่เทพฝ่ายอิสลามแน่นอนครับเพราะคำสอนหลวงปู่ที่ได้สั่งสอนศิษย์เป็นธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้น
     
  5. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    Europe: Scramble on to rescue huge banks

    <!-- google_ad_section_end --><!--endclickprintinclude--><!--startclickprintinclude-->
    • <LI class=cnnHiliteHeader _extended="true">Story Highlights<!-- google_ad_section_start --> <LI _extended="true">Germany's Finance Ministry convenes crisis talks after bank bailout deal fails
      <LI _extended="true">Hypo Real Estate Holding AG is the country's No. 2 commercial property lender
      <LI _extended="true">Government, which planned to inject nearly $37.4 billion, may need to spend more
      <LI _extended="true">Belgium government battles to save Fortis, Iceland considers urgent action<!-- google_ad_section_end --><!--startclickprintexclude-->
    • Next Article in World Business &raquo;
    อ่ามาแล้วครับที่ผมเตือนไว้หลายครั้งจนเริ่มเบื่อแล้วครับ หัวข้อ breaking news จาก cnn.com ครับ
    สรุปสั้นตามนี้ครับ
    ผลกระทบทางวิกฤตการณ์ทางการเงินได้ลามไปยังยุโรปแล้วครับ รัฐมนตรีคลังของเยอรมันนีเรียกประชุมด่วนสืบเนื่องจาก Hypo Real Estate Holding AG เป็นสถาบันการเงินด้านอสังหาริมทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 2ของเยอรมัน ประสบปัญหาอาจเข้าขั้นล้มละลาย รัฐบาลเตรียมที่จะอัดฉีดเงินเข้า 37400ล้าน usd คาดว่าไม่เพียงพอ และสุดท้ายรัฐบาลในกลุ่ม benelux(เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ ลักซ์แซมเบอกร์) ต้องรีบเข้าไปแก้ไข ธนาคารในกลุ่มฟอร์ทีสที่ล้มละลายเมื่อสัปดาห์ก่อนครับ ก็ต้องติดตามดูกันนะครับ ว่าจะไปที่ใดต่อผมคิดว่าคงไป อังกฤษ และต่อไปฮ่องกงครับ น่ากลัวนะครับย้ำอีกครั้ง แต่เราจะผ่านมันได้ถ้ามีสติ รู้จัก ทำบุญ อดออม และประหยัดครับ ส่วนประเทศไทยคง มีผลกระทบใน 3-4เดือนข้างหน้าครับ(รุนแรงมั้ย ยังไม่ทราบครับ)...
    <!--endclickprintinclude-->
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมเองยืนยันตามนี้ครับ

    คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)



    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมเองยืนยันตามนี้ครับ

    คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)


    ที่สำคัญที่สุด สำหรับผู้ที่โพสข้อมูลที่ต่างจากผมก็คือ ผมไม่รู้จัก จักไม่ต้องไปเยี่ยมในนรกและไม่ต้องไปเป็นพยานกับองค์พยามัจจุราชเจ้า

    รับทราบตามนี้นะครับ และจะโพสอะไรก็เชิญครับ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตอบ: หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?p=113372#post113372

    <HR SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">โพสดั้งเดิมโดย สักกะ-สุธรรมา [​IMG]
    แสดงว่าคุณ sitipong ยังอ่อนด้อยในทางธรรมอยู่มาก
    ....หากในจิตคุณยังติด ยังแบก นรก สวรรค์ อยู่แบบนี้ นิพพานยัง
    อยู่อีกไกลแสนไกลสำหรับคุณ
    ...ความคิดก็คือการปรุงแต่งของจิต คิดกลัวตกนรกก็คือการปรุงแต่งมีคุณ...คุณกลัวตกนรก...
    ใน"สักกะปัญหสูตร"ผมแนะนำให้คุณ sitiphong ลองไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมดู ตถาคตกล่าวไว้ในพระสูตรนี้ว่า ความคิดทั้งปวงเป็นทุกข์ อย่าเข้าไปเนื่อง...อย่าเข้าไป
    เนิ่นช้า...
    หากคุณยังเนื่องหรือเนิ่นช้า ในนรก สวรรค์ คุณก็ได้ไปนรก ไปสวรรค์ ของคุณเอง
    ...คุณพูดถูกใครทำใครได้..โลกุตตรธรรมหากคุณไม่ทำคุณก็ไม่ได้
    ...ต่อให้คุณอยู่ต่อหน้าตถาคต อย่าว่าแต่โลกอุดรพวกหางแถวเลย
    ต่อให้คุณได้ฟังธรรมซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ตถาคต หากคุณฟังแล้วและไม่สามารถวิเคราะห์ธรรมให้ตกผลึกได้ คุณก็จะไม่ได้
    อะไรจากพระพุทธองค์เลย
    ...มัวติดครูบาอาจารย์ขนาดนี้จะเอาธรรมที่ใหนไปช่วยคนรอบข้าง...คิดดูดีๆ...หากยังมีความเป็นบัณฑิตผู้ตรงในธรรม...คุณก็จะอยู่แถวหน้าอย่างสง่าผ่าเผยสมกับภูมิธรรมที่องค์ตถาคตได้ประกาศ...
    นึกถึงคำผญากลอนทางภาคอิสาน ในหนังสือวรรณกรรมของอุบลราชธานีชื่อ"ลึกปสูญ"กล่าวไว้บรรดทัดหนึ่งว่า
    "ในยุคนี้...หมู่หงษ์จะก้มกราบอีกา
    สีดำ"
    นักปราชญ์ทางอิสานท่านแปลไว้ว่าหมู่หงษ์คือพวกบัณฑิตทั้งหลายที่มีรอบบารมีพอที่จะบรรลุธรรมชั้นสูงได้แต่ก็ต้องมาถูกพวกอีกาดำคือพวกนอกศาสนาทั้งหลายหรือพวกปฏิบัติธรรมที่ไม่ถึงแต่อยากจะดังในยุคนี้ ชักจูงออกนอกเส้นทางหลุดพ้น...
    ...แล้วคุณรู้จักโลกอุดรดีแล้วหรือ
    ...หากโลกอุดรเป็นนักบวชนอกศาสนาเข้ามาแทรกซึมในบวรพระพุทธศาสนาเพียงเพื่อจะรวมศาสนาให้เป็นหนึ่งเดียวตามความเข้าใจของโลกอุดรและแจ้งเกิดในฐานะพระยาธรรมมิกราช..ซึ่งตถาคตไม่ได้กล่าวเรื่องนี้ไว้เลยในพระไตรปิฎก...คุณจะทำอย่างไร
    ..หากโลกอุดรคืออัลเลาะห์...
    ..หากโลกอุดรคือคนปล่อยข่าวว่าตถาคตคือคนที่แย่งดอกบัวเมตไตรยมาชิงอุบัติก่อนในกัปป์นี้...
    คุณจะทำอย่างไร
    ...มีหลายสำนักทางอิสานที่ถูกโลกอุดรหลอกแหกตา กำลังเป็นที่โจษขานกันอยู่ถึงพฤติกรรมของพระรูปนี้...คุณ sitiphong ไปอยู่ที่ใหนมาถึงตกข่าว...
    ผมจะนำเสนอเป็นตอนๆในลำดับต่อไป ในอีกมุมมองหนึ่ง...
    "กระแส"ไม่ได้การันตีเลยว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรแท้อะไรเทียม
    ...ความตรงในธรรมต่างหาก...

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ------------------------------------------------------

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">โพสดั้งเดิมโดย แฮมชีสคัตสึ [​IMG]
    หิริโอตัปปะ ความเกรงกลัวและละอายต่อบาปที่คุณ Sittipong มี ก็ ประเสริฐยิ่งแล้วคับ ขออนุโมทนาด้วยคับ

    สิ่งที่คุณสุชัมบดี และคุณสักกะ-สุธรรมา ได้โพสต์ไว้ ที่ว่า

    จิตที่ปรุงแต่งว่ากำลังหลุดพ้น ไม่เที่ยง เป้นทุกข์
    เพียงคำพูดเดียว ที่แสดงจับประเด้นแสดงออกมา ก็ชี้ไปอย่างชัดเจนแล้วคับ ว่าเป็นกระเพื่อมจิต ที่แผ่วเบา บอบบางละเอียดอ่อน

    แต่ยังไม่นับว่าจะสามารถผ่านพ้นมรรคาแห่งมหาสติปัฎฐานไปได้

    เทพและมนุษย์มีความเกื้อกูลกัน เมื่อบูชาเทพเหล่าใด ท่านก็เกื้อกูลในบุคคลที่บูชา
    ทำให้คุณมีความตั้งใจที่จะกระทำความดี จัดว่าเป็นสัมมาทิฐิ ที่ควรอนุโมทนาคับ
    ยังความเลื่อมใสศรัทธาให้ถึงพร้อมด้วยเทวดานุสติจากเหล่าเทพที่คุณเคารพบูชาเถิดคับ

    แต่ด้วยพระธรรมที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้
    สามารถแจกแจงให้เห็นจริตธาตุของเทพเหล่านั้นได้อย่างดี

    แม้ท่านจะมาแนวทางของฤาษี แต่ปัจจุบันขณะ ท่านกลับได้ซึมซับพระพุทธศาสนาไป
    จนท่านอาจจะเห็นธรรมได้ในปัจจุบัน เลิกละปล่อยวางจริตของธาตุเดิมที่ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ของท่าน ได้เหมือนกันคับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ----------------------------------------------------


    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">โพสดั้งเดิมโดย sithiphong [​IMG]
    ผมเองยืนยันตามนี้ครับ

    คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)


    ที่สำคัญที่สุด สำหรับผู้ที่โพสข้อมูลที่ต่างจากผมก็คือ ผมไม่รู้จัก จักไม่ต้องไปเยี่ยมในนรกและไม่ต้องไปเป็นพยานกับองค์พยามัจจุราชเจ้า

    รับทราบตามนี้นะครับ และจะโพสอะไรก็เชิญครับ




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">โพสดั้งเดิมโดย sithiphong [​IMG]
    ผมเองคงนำไปลงในกระทู้พระวังหน้าฯ ที่เว็บพลังจิตด้วย
    http://palungjit.org/showthrea...98#post1553998
    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    หากมีการโพสหลังจากโพสนี้ ผมและผู้โพสถือตามนี้ครับ

    ที่สำคัญที่สุด สำหรับผู้ที่โพสข้อมูลที่ต่างจากผมก็คือ ผมไม่รู้จัก จักไม่ต้องไปเยี่ยมในนรกและไม่ต้องไปเป็นพยานกับองค์พยามัจจุราชเจ้า

    รับทราบตามนี้นะครับ และจะโพสอะไรก็เชิญครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
    อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต


    <CENTER> </CENTER><CENTER>วิตถตสูตร</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER>[๑๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
    บุคคลเข้าอยู่แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่
    หลายมาก ก็อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการบุคคลเข้าอยู่แล้วอย่างไร จึงมี
    ผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ตระหนักชัดดังนี้ว่า พระอรหันต์ทั้งหลาย

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    หน้าที่ ๒๒๗.

    ละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต วางท่อนไม้ วางศาตรา มีความละอาย
    เอื้อเอ็นดู อนุเคราะห์เกื้อกูลต่อสรรพสัตว์อยู่ตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เราก็ละ
    ปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต วางท่อนไม้ วางศาตรา มีความละอาย
    เอื้อเอ็นดู อนุเคราะห์เกื้อกูลต่อสรรพสัตว์ ตลอดคืนและวันนี้ เราชื่อว่ากระทำ
    ตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้ และอุโบสถจักชื่อว่าเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
    อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๑ นี้ ฯลฯ
    อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมตระหนักชัดดังนี้ว่า พระอรหันต์ทั้งหลาย
    ละการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่ งดเว้นจากการนั่งการนอนบนที่นั่งที่
    นอนอันสูงใหญ่ สำเร็จการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนต่ำ คือ บนเตียงหรือเครื่อง
    ลาดด้วยหญ้า ตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เราก็ละการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนอัน
    สูงใหญ่ สำเร็จการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนต่ำ คือ บนเตียงหรือเครื่องลาด
    ด้วยหญ้า ตลอดคืนและวันนี้ เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์
    นี้ และอุโบสถจักชื่อว่าเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๘ นี้
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ บุคคลเข้าอยู่อย่างนี้แล
    จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก ฯ
    อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ บุคคลเข้าอยู่แล้ว มีผลมาก มี
    อานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก เพียงไร ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย เปรียบเหมือนพระราชาเสวยราชย์ดำรงอิสรภาพและอธิปไตยในชนบท
    ใหญ่ๆ ๑๖ รัฐ มีรัตนะ ๗ ประการมากมาย เหล่านี้ คือ อังคะ มคธะ
    กาสี โกสละ วัชชี มัลละ เจดีย์ วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ
    อัสสกะ อวันตี คันธาระ กัมโพชะ การเสวยราชดำรงอิสรภาพและอธิปไตย
    ของพระราชานั้น ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งอุโบสถที่ประกอบด้วยองค์ ๘
    ประการ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า
    เมื่อเทียบสุขอันเป็นทิพย์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๕๐ ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่ง

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    หน้าที่ ๒๒๘.

    ของเทวดาชั้นจาตุมมหาราช ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดย
    เดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง ๕๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้น
    จาตุมมหาราช ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชาย
    ก็ตาม เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้า
    ถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมมหาราช นี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า
    เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๑๐๐ ปี มนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้น
    ดาวดึงส์ ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง
    พันปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นดาวดึงส์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบ
    ด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้น
    ดาวดึงส์นี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า
    ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๒๐๐ ปีมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นยามา
    ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง ๒,๐๐๐
    ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณของอายุเทวดาชั้นยามา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่
    บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วย
    องค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นยามา
    นี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า ราชสมบัติ
    มนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๔๐๐ ปีมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นดุสิต
    ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง ๔,๐๐๐ ปี
    ทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นดุสิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    หน้าที่ ๒๒๙.

    บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วย
    องค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดุสิต
    นี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า ราชสมบัติ
    มนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๘๐๐ ปีมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้น
    นิมมานรดี ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปี
    หนึ่ง ๘,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นนิมมานรดี ดูกร
    ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม เข้าอยู่อุโบสถ
    อันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่ง
    เทวดาชั้นนิมมานรดี นี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้
    จึงกล่าวว่า ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอัน
    เป็นทิพย์ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๑,๖๐๐ ปีมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้น
    ปรนิมมิตวสวัตตี ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้น
    เป็นปีหนึ่ง ๑๖,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นปรนิมมิต-
    *วสวัตตี ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
    เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความ
    เป็นสหายแห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี นี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบ
    กับสุขอันเป็นทิพย์ ฯ
    บุคคลไม่พึงฆ่าสัตว์ ไม่พึงถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้ พึง
    เว้นจากเมถุนธรรม อันมิใช่ความประพฤติของพรหม ไม่พึง
    พูดเท็จ ไม่พึงดื่มน้ำเมา ไม่พึงบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
    ในราตรี ไม่พึงทัดทรงดอกไม้และของหอม พึงนอนบน

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    หน้าที่ ๒๓๐.

    เตียง บนแผ่นดิน หรือบนเครื่องลาดด้วยหญ้า บัณฑิต
    ทั้งหลายกล่าวอุโบสถ ๘ ประการนี้แล ที่พระพุทธเจ้าผู้ถึง
    ที่สุดแห่งทุกข์ทรงประกาศแล้ว พระจันทร์และพระอาทิตย์
    ทั้งสองส่องแสงสว่างไสว ย่อมโคจรไปตามวีถีเพียงไร
    พระจันทร์และพระอาทิตย์นั้นก็ขจัดมืดได้เพียงนั้น ลอยอยู่
    บนอากาศ ส่องแสงสว่างทั่วทุกทิศในท้องฟ้า ทรัพย์ใดอัน
    มีอยู่ในระหว่างนี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์
    อย่างดี หรือทองมีสีสุกใส ที่เรียกกันว่า หตกะ พระจันทร์
    พระอาทิตย์และทรัพย์นั้นๆ ก็ยังไม่ได้แม้เสี้ยวที่ ๑๖ แห่ง
    อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ เปรียบเหมือนรัศมี
    พระจันทร์ ข่มหมู่ดวงดาวทั้งหมด ฉะนั้น เพราะฉะนั้น
    แหละ หญิงหรือชายผู้มีศีล เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วย
    องค์ ๘ ประการแล้ว กระทำบุญทั้งหลายอันมีสุขเป็นกำไร
    ไม่มีใครติเตียน ย่อมเข้าถึงสวรรค์ ฯ


    <CENTER>จบสูตรที่ 2</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ บรรทัดที่ ๕๒๓๓ - ๕๓๒๕. หน้าที่ ๒๒๖ - ๒๓๐.
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=23&A=5233&Z=5325&pagebreak=1
    ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
    http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=132
    สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓
    http://www.84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๒๓</U>
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/mean_reverse.php?text=23&Aindex=%CA%D2%C3%BA%D1%AD</U>
    http://www.84000.org/tipitaka/read/?index_23

    บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
    การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจาก พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ.
    หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ DhammaPerfect@yahoo.com
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?p=113379#post113379

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">โพสดั้งเดิมโดย sithiphong [​IMG]
    http://www.agalico.com/board/showthr...372#post113372

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย สักกะ-สุธรรมา [​IMG]
    แสดงว่าคุณ sitipong ยังอ่อนด้อยในทางธรรมอยู่มาก
    ....หากในจิตคุณยังติด ยังแบก นรก สวรรค์ อยู่แบบนี้ นิพพานยัง
    อยู่อีกไกลแสนไกลสำหรับคุณ
    ...ความคิดก็คือการปรุงแต่งของจิต คิดกลัวตกนรกก็คือการปรุงแต่งมีคุณ...คุณกลัวตกนรก...
    ใน"สักกะปัญหสูตร"ผมแนะนำให้คุณ sitiphong ลองไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมดู ตถาคตกล่าวไว้ในพระสูตรนี้ว่า ความคิดทั้งปวงเป็นทุกข์ อย่าเข้าไปเนื่อง...อย่าเข้าไป
    เนิ่นช้า...
    หากคุณยังเนื่องหรือเนิ่นช้า ในนรก สวรรค์ คุณก็ได้ไปนรก ไปสวรรค์ ของคุณเอง
    ...คุณพูดถูกใครทำใครได้..โลกุตตรธรรมหากคุณไม่ทำคุณก็ไม่ได้
    ...ต่อให้คุณอยู่ต่อหน้าตถาคต อย่าว่าแต่โลกอุดรพวกหางแถวเลย
    ต่อให้คุณได้ฟังธรรมซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ตถาคต หากคุณฟังแล้วและไม่สามารถวิเคราะห์ธรรมให้ตกผลึกได้ คุณก็จะไม่ได้
    อะไรจากพระพุทธองค์เลย
    ...มัวติดครูบาอาจารย์ขนาดนี้จะเอาธรรมที่ใหนไปช่วยคนรอบข้าง...คิดดูดีๆ...หากยังมีความเป็นบัณฑิตผู้ตรงในธรรม...คุณก็จะอยู่แถวหน้าอย่างสง่าผ่าเผยสมกับภูมิธรรมที่องค์ตถาคตได้ประกาศ...
    นึกถึงคำผญากลอนทางภาคอิสาน ในหนังสือวรรณกรรมของอุบลราชธานีชื่อ"ลึกปสูญ"กล่าวไว้บรรดทัดหนึ่งว่า
    "ในยุคนี้...หมู่หงษ์จะก้มกราบอีกา
    สีดำ"
    นักปราชญ์ทางอิสานท่านแปลไว้ว่าหมู่หงษ์คือพวกบัณฑิตทั้งหลายที่มีรอบบารมีพอที่จะบรรลุธรรมชั้นสูงได้แต่ก็ต้องมาถูกพวกอีกาดำคือพวกนอกศาสนาทั้งหลายหรือพวกปฏิบัติธรรมที่ไม่ถึงแต่อยากจะดังในยุคนี้ ชักจูงออกนอกเส้นทางหลุดพ้น...
    ...แล้วคุณรู้จักโลกอุดรดีแล้วหรือ
    ...หากโลกอุดรเป็นนักบวชนอกศาสนาเข้ามาแทรกซึมในบวรพระพุทธศาสนาเพียงเพื่อจะรวมศาสนาให้เป็นหนึ่งเดียวตามความเข้าใจของโลกอุดรและแจ้งเกิดในฐานะพระยาธรรมมิกราช..ซึ่งตถาคตไม่ได้กล่าวเรื่องนี้ไว้เลยในพระไตรปิฎก...คุณจะทำอย่างไร
    ..หากโลกอุดรคืออัลเลาะห์...
    ..หากโลกอุดรคือคนปล่อยข่าวว่าตถาคตคือคนที่แย่งดอกบัวเมตไตรยมาชิงอุบัติก่อนในกัปป์นี้...
    คุณจะทำอย่างไร
    ...มีหลายสำนักทางอิสานที่ถูกโลกอุดรหลอกแหกตา กำลังเป็นที่โจษขานกันอยู่ถึงพฤติกรรมของพระรูปนี้...คุณ sitiphong ไปอยู่ที่ใหนมาถึงตกข่าว...
    ผมจะนำเสนอเป็นตอนๆในลำดับต่อไป ในอีกมุมมองหนึ่ง...
    "กระแส"ไม่ได้การันตีเลยว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรแท้อะไรเทียม
    ...ความตรงในธรรมต่างหาก...

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย แฮมชีสคัตสึ [​IMG]
    หิริโอตัปปะ ความเกรงกลัวและละอายต่อบาปที่คุณ Sittipong มี ก็ ประเสริฐยิ่งแล้วคับ ขออนุโมทนาด้วยคับ

    สิ่งที่คุณสุชัมบดี และคุณสักกะ-สุธรรมา ได้โพสต์ไว้ ที่ว่า

    จิตที่ปรุงแต่งว่ากำลังหลุดพ้น ไม่เที่ยง เป้นทุกข์
    เพียงคำพูดเดียว ที่แสดงจับประเด้นแสดงออกมา ก็ชี้ไปอย่างชัดเจนแล้วคับ ว่าเป็นกระเพื่อมจิต ที่แผ่วเบา บอบบางละเอียดอ่อน

    แต่ยังไม่นับว่าจะสามารถผ่านพ้นมรรคาแห่งมหาสติปัฎฐานไปได้

    เทพและมนุษย์มีความเกื้อกูลกัน เมื่อบูชาเทพเหล่าใด ท่านก็เกื้อกูลในบุคคลที่บูชา
    ทำให้คุณมีความตั้งใจที่จะกระทำความดี จัดว่าเป็นสัมมาทิฐิ ที่ควรอนุโมทนาคับ
    ยังความเลื่อมใสศรัทธาให้ถึงพร้อมด้วยเทวดานุสติจากเหล่าเทพที่คุณเคารพบูชาเถิดคับ

    แต่ด้วยพระธรรมที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้
    สามารถแจกแจงให้เห็นจริตธาตุของเทพเหล่านั้นได้อย่างดี

    แม้ท่านจะมาแนวทางของฤาษี แต่ปัจจุบันขณะ ท่านกลับได้ซึมซับพระพุทธศาสนาไป
    จนท่านอาจจะเห็นธรรมได้ในปัจจุบัน เลิกละปล่อยวางจริตของธาตุเดิมที่ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ของท่าน ได้เหมือนกันคับ

    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย sithiphong [​IMG]
    ผมเองยืนยันตามนี้ครับ

    คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)


    ที่สำคัญที่สุด สำหรับผู้ที่โพสข้อมูลที่ต่างจากผมก็คือ ผมไม่รู้จัก จักไม่ต้องไปเยี่ยมในนรกและไม่ต้องไปเป็นพยานกับองค์พยามัจจุราชเจ้า

    รับทราบตามนี้นะครับ และจะโพสอะไรก็เชิญครับ




    อ้างอิง:
    โพสดั้งเดิมโดย sithiphong [​IMG]
    ผมเองคงนำไปลงในกระทู้พระวังหน้าฯ ที่เว็บพลังจิตด้วย
    http://palungjit.org/showthrea...98#post1553998
    .

    หากมีการโพสหลังจากโพสนี้ ผมและผู้โพสถือตามนี้ครับ

    ที่สำคัญที่สุด สำหรับผู้ที่โพสข้อมูลที่ต่างจากผมก็คือ ผมไม่รู้จัก จักไม่ต้องไปเยี่ยมในนรกและไม่ต้องไปเป็นพยานกับองค์พยามัจจุราชเจ้า

    รับทราบตามนี้นะครับ และจะโพสอะไรก็เชิญครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">โพสดั้งเดิมโดย สักกะ-สุธรรมา [​IMG]
    ขอเสนอความเห็นแบบตรงไปตรงมาอีกครั้ง
    .....ปฏิปทาของพระอรหันต์ในสมัยที่พระพุทธองค์ยังไม่เสด็จปรินิพพาน พระอรหันต์ส่วนใหญ่จะกล่าวธรรมอันเป็นธรรมชาติแก่นแท้ ไว้เป็นกถาเท่านั้นส่วนใหญ่ ปรากฎในพระไตรปิฎกมากมาย
    ...ขนาดพระสาลีบุตร พระโมคคัลลานะ ยังต้องเข้าไปกราบทูลตถาคตเพื่อลาเข้านิพพาน ตถาคตเองยังต้องให้อัครสาวกทั้งสองรูปนี้กล่าวแสดงธรรมอันหลุดพ้นต่อหน้าท่าน
    ....ตถาคตท่านเน้นสาระแห่งธรรม
    มิใช่วัตถุอัปมงคล....
    ...ในสมัยพุทธกาล พระจุลปันถกผู้นี้มีอิทธิวิธีแบบฉับพลันในวันที่ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ จากสาเหตุเห็นผ้าขาวหมองคล้ำในขณะที่ท่านนั่งภาวนาลูบคลำผ้าผืนนั้นที่ตถาคตยื่นให้ เมื่อท่านสำเร็จท่านชอบสอนให้โอวาทภิกษุณี
    ...ท่านสอนไม่เหมือนใคร เพราะท่านเดินจงกรมบนอากาศแล้วกล่าวธรรมอันเป็นธรรมหลุดพ้นเท่านั้น จนบรรดาภิกษุณีติดใจอยู่ฟังธรรมจนค่ำมืดกลับเข้าประตูเมืองไม่ทันเกิดความเดือดร้อน เป็นต้นบัญญัติเกิดศิลข้อให้โอวาทแก่ภิกษุณีได้เฉพาะเช้าจรดเย็นเพียงอาทิตย์ตกดินเท่านั้น ภิกษุรูปใดละเมิด ต้องอาบัติปาจิตตีย์...
    ...ขนาดพระจุลปันถกผู้เรืองไปด้วยฤทธิ์ ท่านก็มิได้ทำหรือสั่งให้ลูกศิษย์ทำวัตถุอัปมงคลเป็นรูปท่านออกมาแต่อย่างใดด้วยวิสัยผู้หลุดพ้นแล้วอย่างท่าน...
    ...อีกตัวอย่าง...เว่ยหลางแห่งนิกายเซน...ท่านก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ท่านมีอิทธิวิธีแสดงฤทธิ์ได้
    ครั้งหนึ่งท่านก้มให้โจรที่สำนักฝ่ายเหนือจ้างมาฆ่าท่าน โจรใช้มีดฟันแต่ก็ฟันไม่เข้าจนโจรสลบไปเพราะความกลัว...
    ...คราหนึ่งท่านไปขอที่ดินเศรษฐีเพื่อขยายพื้นที่ตั้งวัดโซกาย ท่านก็ขอแค่เท่าผ้านิสีทนะรองนั่งของท่าน เศรษฐีถึงกับหัวเราะอนุญาตให้...เพียงเท่านั้นท่านก็ทำอิทธิปาฏิหารย์ทำให้ผ้านิสีทนะขยายใหญ่ปกคลุมภูเขาลูกใหญ่บริเวรนั้นเป็นเนื้อที่ห้าร้อยกว่าไร่.....
    ...แต่ปฎิปทาของครูเว่ยหลางกลับเป็นไปเหมือนพระอรหันต์ในยุคก่อนกล่าวคือ ท่านกล่าวเพียงแต่ธรรมอันตรงอันเป็นแก่นแท้เท่านั้น จนคำสอนของท่านได้เผยแพร่เป็นที่แพร่หลายในนาม เซน
    ส่งผลทำให้มีลูกศิษย์บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ต่อๆกันมาไม่ขาดช่วง ที่มีชื่อเสียงคือฮวงโป รินไซ
    เสมือนเป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนาไปในตัว
    ...อย่าลืมตถาคตไม่เคยฝากศาสนาไว้กับใครภายหลังที่ตถาคตเสด็จปรินิพพาน...แต่ตถาคตฝากอนาคตของพระพุทธศาสนาไว้กับธรรมและวินัยเท่านั้น...ตราบใดที่ยังมีบัณฑิตเดินบนมรรคาเส้นทางหลุดพ้น...ตราบนั้นโลกใบนี้จะไม่ว่างจากพระอรหันต์...ขนาดพระมหากัสสัปปะพระผู้ใกล้ชิดตถาคตก็ยังหมดสิทธิ์ที่จะดูแลปกครองพุทธอาณาแทนพระองค์...
    นับประสาอะไรกับโลกอุดรจะมาต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี เข้าใจผิดกันไปใหญ่
    แถมยังเสกวัตถุอัปมงคลอีก
    นี่หรือ...พระอรหันต์...
    หลอกพวกควายๆนะ หลอกได้
    ...เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่ช่วยกันศึกษาธรรมะให้แตกฉานและปฏิบัติธรรมให้ลุล่วง และเผยแพร่พระธรรมอันเป็นแก่นแท้ออกไปส่งต่อกันเป็นรุ่นๆ
    ...อย่างนี้สิถึงเรียกว่าช่วยกันต่ออายุพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง...
    ผมเกรงว่าการทำวัตถุอัปมงคลรูปโลกอุดรออกมาแล้วให้โลกอุดรเสก มันจะกลายเป็นการทำลายพระพุทธศาสนามากกว่าเป็นการต่ออายุ...มันไปบดบังแก่นแท้แห่งธรรมที่ตถาคตพ่อเราประกาศไว้เสียสิ้น...
    ...โอ้ อนิจจา กาลเวลาล่วงเลยมาแค่ 2551 ปี คนยุคนี้เห็นอสัทธรรมเป็นสัทธรรมไปหมดแล้ว...
    ...ขอโทษด้วยที่ต้องบอกพวกคุณ
    อย่างตรงไปตรงมา..
    ผมกลัวพวกคุณจะตกนรกต่างห่าง
    จะเป็นลูกตถาคต
    หรือจะเป็นลูกหลานเทวทัตที่ขอปกครองสงฆ์แทนตถาคต แต่ตถาคตไม่ยอม เทวทัตถึงกับลงมือฆ่าตถาคต
    เลือกเอา ตามใจปรารถนา

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    -------------------------------------

    แสดงว่า คุณสักกะ-สุธรรมา รับทราบตามนี้

    หากมีการโพสหลังจากโพสนี้ ผมและผู้โพสถือตามนี้ครับ

    ที่สำคัญที่สุด สำหรับผู้ที่โพสข้อมูลที่ต่างจากผมก็คือ ผมไม่รู้จัก จักไม่ต้องไปเยี่ยมในนรกและไม่ต้องไปเป็นพยานกับองค์พยามัจจุราชเจ้า

    รับทราบตามนี้นะครับ และจะโพสอะไรก็เชิญครับ


    ส่วนใครจะไปนรก ต้องพิสูจน์เอง ด้วยตัวเอง และไม่สามารถที่จะบอกใครได้
    พิสูจน์เองครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  11. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310
    อือผมก็ว่าสมควรปล่อบเขาไปเถียงไปก็เท่านั้นแต่ผมเชื่อว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านมีจริงและผมก็ศรัทธาท่านมาก ปล่อยให้เขาเที่ยวนรกให้สะใจไปเลย
     
  12. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310
    ที่ท่านสร้างพระก็เพราะสมเด็จวังหน้าเป็นคนขอสร้างไว้แจกทหารป้องกันตัวและบ้านเมืองเท่าที่ทราบศิษย์หลวงปู่ท่านท่านหนึ่งได้ถามท่านเรื่องวัตถุมงคลท่านบอกว่าท่านไม่เคยเสกวัตถุมงคลแต่มีอยู่รุ่นเดียวที่ท่านปลุกเสกให้คือพระวังหน้า
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไว้มาเล่าให้ฟัง พระพิมพ์และวัตถุมงคลที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ท่านเมตตาอธิษฐานจิต มีหลายยุคครับ

    สมัยทวาราวดี ก็มี ,สมัยสุโขทัยก็มี ,สมัยอยุธยาก็มี และสมัยรัตนโกสินทร์ก็มีครับ

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตั้งหลายท่าน พระสงฆ์ตั้งหลายรูป ล้วนแต่ยืนยันถึงการมีอยู่ของหลวงปู่ฯท่าน
    หากมีเจตนาดีก็ควรเปิดใจ อย่าใช้เพียงคำเล่าลือต่อๆกันมาแล้วนำมาเป็นบทสรุป หากว่ามีความเข้าใจคลาดเคลื่อน แล้วมาปรามาสถึงแม้จะไม่เจตนา ก็ถือว่าเป็นกรรม
    ก็ได้แต่ปลงว่าคงเป็นกรรมเก่าที่ทำให้กลายเป็นเช่นนี้ไปครับ
     
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ต้องยอมรับว่าคุณเอกนี่ไม่ธรรมดาครับ พลังจิตและกำลังจิตแรงกล้ามาก เวลาคุณคิดถึงใครที่คุณต้องการผู้นั้นจะทราบได้ครับ หุ หุ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมยืนยันตามนี้

    [​IMG]

    คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)


    รักษาใจตนเอง อย่าไปยึดมั่น ถือมั่น

    เราไม่มีหน้าที่ แต่เราให้ท่านที่มีหน้าที่ ดำเนินหน้าที่ของท่านเอง


    ที่สำคัญที่สุด สำหรับผู้ที่โพสข้อมูลที่ต่างจากผมก็คือ ผมไม่รู้จัก จักไม่ต้องไปเยี่ยมในนรกและไม่ต้องไปเป็นพยานกับองค์พยามัจจุราชเจ้า



    ส่วนใครจะไปนรก ต้องพิสูจน์เอง ด้วยตัวเอง
    และไม่สามารถที่จะบอกใครได้
    พิสูจน์เองครับ

    <!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 12 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 7 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, มิตร, narin96+, พระพรมงคล, พรสว่าง_2008+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สำหรับท่านผู้อ่าน เรื่องของการกดอนุโมทนา และหรือ การอนุโมทนาในใจ ในระวังด้วย

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ จำได้หรือเปล่าครับว่า ผมเคยบอกไว้ว่า พี่ใหญ่เคยพูดไว้ เมื่อสักประมาณ สองเดือนที่ผ่านมา ว่า เรื่องของกระทู้ พระวังหน้า จะมีเรื่องราวที่เข้ามากระทบอยู่ตลอด มาๆ ไปๆ ให้ทำจิตของเราให้ดี "อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ตามที่หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า ท่านสอนไว้"

    ส่วนเรื่องอื่นๆ หรือเรื่องของกรรม ให้เป็นหน้าที่ของท่านที่มีหน้าที่นี้โดยตรง เราอย่าไปรู้จัก จักไม่ต้องไปเยี่ยมในนรก และไม่ต้องเสียเวลารอเพื่อไปเป็นพยานกับองค์พยามัจจุราชเจ้า

    การเสียเวลารอเพื่อไปเป็นพยานนั้น อาจจะนาน ซึ่งเราเองสามารถไปได้ไกลกว่าการที่จะต้องเสียเวลารอเพื่อเป็นพยาน

    สิ่งที่สำคัญ คือการเคารพในครูบาอาจารย์ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น คือการปฎิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ซึ่งเป็นทั้งพ่อ ทั้งครูบาอาจารย์ครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาอธิบายต่อว่า เพราะเหตุใดหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร อธิษฐานจิตพระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆ ในการอธิบายนี้ เป็นเพียงบางส่วนที่ผมได้ทราบมาเท่านั้น

    การที่ต้องสร้างพระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆขึ้นมา เพื่อระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จปรินิพพานแล้ว ผู้คนทั้งหลายที่ยังไม่สามารถที่จะปฎิบัติตนเพื่อความพ้นทุกข์ โดยปฎิบัติตามธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้และมีพระเมตตาสั่งสอนเวไนยสัตว์โลกทั้งหลาย

    ------------------------------------------------

    กำเนิดพระพุทธรูป
    http://www.dhammajak.net/dhamma/86.html

    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>[​IMG]
    กำเนิดพระพุทธรูป
    พระพุทธรูป หมายถึง รูปที่สร้างขึ้นแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อกราบไหว้บูชา อาจใช้การแกะสลักจากวัสดุต่างๆ เช่น ศิลา งา ไม้ หรือวัสดึอื่นๆ นอกจากนี้ยังอาจใช้การปั้นหรือหล่อด้วยโลหะก็ได้ โดยทั่วไป คำว่า พระพุทธรูปมักจะหมายถึง รูปขนาดใหญ่พอที่จะวางบูชาได้ สำหรับรูปขนาดเล็กมักจะเรียกว่า พระเครื่อง อย่างไรก็ตาม ทั้งสองแบบสามารถเรียกว่า พระพุทธรูป ได้เช่นกัน
    [​IMG]
    พระคันธารราฐ​
    พระคันธารราฐ แต่เดิมนั้นพุทธศาสนาไม่มีรูปเคารพแต่อย่างใด ศาสนาพราหมณ์ หรือ ฮินดู ซึ่งมีมาก่อนศาสนาพุทธ ก็ไม่มีรูปเคารพเป็นเทวรูปเช่นกัน หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ผู้ที่เลื่อมใสในพุทธศาสนา อยากจะมีสิ่งที่จะทำให้รำลึกถึง หรือเป็นสัญญลักษณ์ขององค์ศาสดา เพื่อที่จะบอกกล่าวเล่าขาน เรื่องราวขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงศึกษาค้นคว้าหาทางดับทุกข์ และทรงชี้แนะสอนสั่งผู้คน ถึงการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุถึงความเป็นอยู่ ที่ก่อให้เกิดความผาสุขในหมู่มวลมนุษย์และสิ่งมีชีวิตในโลก
    คราวแรกนั้นชาวพุทธก็ได้แต่นำเอาสิ่งของอันได้แก่ ดิน น้ำ และกิ่ง ก้าน ใบโพธิ์ จากบริเวณสังเวชนียสถาน 4 แห่ง คือ สถานที่ประสูติ (ลุมพินีวัน),ตรัสรู้ พุทธคยา, ปฐมเทศนา(พาราณสี)และปรินิพพาน (กุสินารา) เก็บมาไว้เป็นที่ระลึกบูชาคุณพระพุทธเจ้า
    ล่วงมาถึงในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พุทธศาสนูปถัมภกที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง เมื่อ 2,200 ปีก่อน หรือหลังจากการดับขันธ์ของพระพุทธเจ้ามา 300 ปี พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ทรงส่งสมณะทูต จำนวน 500 รูป ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังเมืองตักกศิลา แคว้นคันธาราฐ จึงมีชื่อเสียงในฐานะเป็นเมืองที่ประสิทธิประสาทวิทยาการต่าง ๆ นับว่า "เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกทางพระพุทธศาสนา" แต่ก็ยังไม่มีรูปเคารพแทนพระพุทธเจ้าที่เป็นรูปคน


    [​IMG]
    พระพุทธชินราชพระพุทธรูป หรือ รูปเคารพแทนพระพุทธเจ้า เริ่มมีการสร้างขึ้นมาตั้งแต่ระหว่าง พ.ศ. 500 ถึง 550 เมื่อชาวกรีก ที่ชาวชมพูทวีป (อินเดียโบราณ) เรียกชาวต่างแดนว่า "โยนา" หรือ "โยนก" โดยพระเจ้าเมนันเดอร์ที่ 1 หรือ พระเจ้ามิลินท์ กษัตริย์เชื้อสายกรีก ยกทัพกรีกเข้ามาครอบครองแคว้นคันธาราฐ (ปัจจุบันเป็นดินแดนของอัฟกานิสถาน) จากนั้นพระองค์ก็แผ่อาณาเขตไปทั่วบริเวณด้านตะวันตกเฉียงเหนือของชมพูทวีป และสร้างเมืองหลวงเป็นที่ประทับ ณ เมืองสากล (Sakala) หลังจากที่ได้พบพระสงฆ์ท่านหนึ่งนามว่า นาคเสน จึงมีเรื่องราวแห่งการตั้งคำถามของพระเจ้ามิลินท์ต่อพระนาคเสน จนทำพระเจ้ามิลินท์ ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา (คำถามคำตอบปุจฉาวิสัชนา ซึ่งถูกเขียนบันทึกเป็นหนังสือและแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงมาก เรื่องนี้ก็คือ มิลินทปัญหา - The Milinda Panha or The Questions of King Minlinda) ได้มีการสร้างสถาปัตยกรรม และประติมากรรมทางพุทธศาสนามากมายในแคว้นคันธาราฐ ซึ่งการสร้างพระพุทธรูปนั้นมีลักษณะต่างๆ ตามพุทธประวัติ (ปางพระพุทธรูป)
    พระพุทธรูปรูปแรกจึงเกิดขึ้นในสมัยของพระเจ้ามิลินท์ หรือเมนันเดอร์ที่ 1 ชาวกรีกที่มาครอบครองแคว้นคันธาราฐ เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 6 หรือ 2,000 ปีที่แล้วนั่นเอง พระพุทธรูปที่เกิดขึ้นครั้งแรกจึงเรียกรูปแบบของพระพุทธรูปนี้ว่า แบบคันธาราฐ โดยถ่ายแบบอย่างเทวรูปที่พวกชาวกรีกนับถือกันในยุโรปมาสร้าง พระพุทธรูปแบบคันธาราฐจึงมีใบหน้าเหมือนฝรั่งชาวกรีก จีวรก็เป็นริ้วเหมือนเครื่องนุ่งห่มของเทวรูปกรีก และต่อมาในภายหลัง ราวพุทธศตวรรษ ที่ 4-12 มีคตินิยมสร้างพระพุทธรูปเป็นขนาดเล็กๆ (พระเครื่อง)บรรจุไว้ในพุทธเจดีย์

    .................
    บทความจาก
    http://th.wikipedia.org


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ------------------------------------------------

    ในระยะแรกๆที่มีการสร้างพระพุทธรูป ก็เพื่อที่จะระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ในระยะต่อมา ก็ได้มีทั้งพระภิกษุ และหรือ พระฤาษี และหรือ ชีปะขาว และหรือองค์อื่นๆ ได้มาอธิษฐานจิต เพื่อให้พระพุทธรูป และหรือพระพิมพ์ต่างๆ และหรือวัตถุมงคลต่างๆ ที่สร้างขึ้น เพื่อไว้คุ้มครองผู้ที่มีความศรัทธา เนื่องจากท่านผู้สร้าง และองค์ผู้อธิษฐานจิต ทราบเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ว่าจะเป็นอย่างไร

    การอธิษฐานจิต ต้องอธิษฐานเพื่อให้มีฤทธิ์ และผู้คนทั้งหลายเมื่อเห็นฤทธิ์ของพระพิมพ์ที่องค์ผู้อธิษฐานจิต จักได้น้อมนำไปสู่ธรรมะของพระพุทธองค์

    สงวนลิขสิทธิ์สำหรับบทความที่ผมเขียน
    sithiphong
     

แชร์หน้านี้

Loading...