พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

<TABLE class=tborder id=post1446605 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1446605", true); </SCRIPT>
ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค



เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 08:52 PM
วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 25,280
ได้ให้อนุโมทนา: 13,674
ได้รับอนุโมทนา 159,130 ครั้ง ใน 21,403 โพส
<IF condition="">
</IF>พลังการให้คะแนน: 14117


</TD><TD class=alt1 id=td_post_1446605 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ มูริญโญ่
คุณnongnooosithiphong,ทานข้าวหรือยังครับ พอดีวันนี้ผมยังอยู่ที่ทำงานยังไม่กลับ มีแข่งบอลภายในของที่ทำงานผู้ใหญ่มอบให้ผมเป็นประธานจัดการแข่งขันก็เลยกลับดึกหน่อย
โชคดีมาชั้นเดียวจริงๆเรื่องที่จะไป อินเดียพอดีมีทริปไปออสเตรเลียในช่วงเวลาใกล้กันก็เลยได้ไปที่เดียว ถ้าห่างกันสักหลายเดือนผมได้ไปแน่ๆเลยเลยต้องสละสิทธิ์ที่นึง
พอดีทราบหมายกำหนดการแล้วที่ผมจะไป เนปาลกับอินเดีย 2 ประเทศ ไปทั้งหมด
สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพาน ส่วนเนปาลผมยังอ่านไม่ละเอียดไปทั้งหมด 7 วัน เดือนตุลาคมช่วงปลายเดือน แล้วจะเล่าให้ฟังนะครับ
เสียดายเหมือนกันนะครับเรื่องออสเตรเลียเพราะยังไม่เคยไปเที่ยวที่นี่
ส่วนที่ไปมาแล้วหลายที่ครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ยินดีด้วยนะครับ

แล้วอย่าลืมถ่ายรูปมาให้ชมกันด้วยครับ

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ด้วยความยินดีครับ ขอบคุณนะครับ

 

กลับบ้านก่อนนะครับ ที่ทำงานอยู่รังสิต ที่บ้านอยู่รัชดาครับ บายครับ

 

เดินทางปลอดภัยนะครับ

ผมก็จะกลับเหมือนกันครับ

.

 

ไม่รู้ว่าจะไหนเหมือนกันครับ คุณ Sithiphong เข้ามาดูในเวปดีกว่าครับ ตอนนี้ผมติดงอมแงมเลยครับ เปิดเครื่องเมื่อไร ต้องแวะเข้ามาดูในเวปนี้ก่อนเลยครับ เนี้ยถ้าผมมีโอกาสขึ้นไป กทม หลายวันผมต้องไปหาคุณ Sithiphong ทุกวันแน่ๆครับ

 

บทสูตรเข้าพรรษา

คำบูชาดอกไม้ธูปเทียน
********************************************************​

[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]
พุทธะปูจา มะหาเตจา ธัมมะปูจา มะหาปัญญา สังฆะปูชา มะหาลาภา มะหายะสา มะหาปะริโภคา มะหาเจติยะปูจา อะหัง วันทามิ สัพพะทา อิมินา พุทธะปูจา ธัมมะปูจา สังฆะปูจา อัคคิ พะหุ ปุปผัง ชิเนตวา อะสีติกัปปะโก รัตติโย อะภิรูโป มะหาปัญโญ ธาเรนโต ปิฏะกะตะยัง นิพพานัง ปะระมัง สุขังฯ
[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ขึ้น โยโส ฯลฯ ถึง สังฆัง นะมามิ ฯ และต่อด้วยบททำวัตร เช้าและเย็น ฯ ขึ้นบทชุมนุมเทวดา แล้วตั้งนะโม ๓ จบ แล้วสวดมนต์ตามบทต่อไปนี้...
​

[/FONT]

[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]บท พุทโธ อุปปันโนฯ[/FONT]​

[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]พุทโธ อุปปันโน โลเก ธัมโม อุปปันโน โลเก สังโฆ อุปปันโน โลเก พุทธะคุณัง ธัมมะคุณัง สังฆะคุณัง นะโม พุทธายะ นะโม ธัมมายะ นะโม สังฆายะ นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ พุทธะปะรายะโน ธัมมะปะรายะโน สังฆะปะรายะโน พุทโธ เม นาโถ ธัมโม เม นาโถ สังโฆ เม นาโถ พุทธะคุณานุภาเวนะ ธัมมะคุณานุภาเวนะ สังฆะคุณานุภาเวนะ สัพเพ ทุกขา สัพเพ ภะยา สัพเพ โรคา สัพพา อันตะรายา สัพพุปัททะวา สัพเพ ทุนนิมิตตา ปาปัคคะหา สัพพะสัตถู วินาสันตุ เม ฯ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]บทพุทโธ มังคะละฯ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]พุทโธ มังคะละ สัมภูโต สัมพุทโธ ทีปะทุตตะโม พุทธะมังคะละมะคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุญจะเรฯ
ธัมโม มังคะละ สัมภูโต คัมภีโร ทุสทัสโส อะณุงธัมมะมังคะละมะคัมมะ สัพพะภะยา ปะมุญจะเรฯ
สังโฆ มังคะละ สัมภูโต ทักขิเณยโย อะนุตตะโร สังฆะมังคะละมะคัมมะ สัพพะโรคา ปะมุญจะเรฯ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ลำดับการสวดมนต์
ขึ้น พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ฯลฯ ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ขึ้น พุทธัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ ฯลฯ ตะติยัมปิ สังฆัง ฯลฯ สะระณัง คัจฉามิฯ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]บทปัญจะมาเร
ปัญจะมาเร ชิโน นาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จะตุสัจจัง ปะกาเสสิ ธัมมะจักกัง ปะวัญจะเย (ปะวัตตะยิ) เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต (เม) ชัยยะมังคะลัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ สัพเพ มารา ปะลายันตุ โน (โว).
สวด นะโม เม , โย จักขุมา , สัมพุทเธ , นะโม ๘ บท ฯลฯ ต่อจากนั้นก็สวดไปตามวารของแต่ละวัน เมื่อสวดวารแล้วก็สวดปาระมีต่อ โดยสวดไปตามวารเหมือนกัน.[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]บทโยโส
โยโส ภะคะวา สะมะติงสะปาระมิโย ปูเรตวา สัพพะกิเลเส ภัญชิตวา อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัมพุทโธ เทวานัง อะติเทโว สักกานัง อะติสักโก พราหมะณานัง อะติพราหมะโน โย โลกะนาโถ ภะคะยะ วันทะกาทีหิ การะเณหิ ภะคะวาติ ลัทธานาโม โยโส ภะคะวา อิติปิฯ
อะระหัง อะระหัง วะตะ โส ภะคะวา อะระหันตัง สะระณัง คัจฉามิ อะระหันตัง สิระสา นะมามิ ปะฐะโม วะชิระปะกาโร โส ภะคะวา อิติปิฯ
สัมมาสัมพุทโธ สัมมาสัมพุทโธ วะตะ โส ภะคะวา สัมมาสัมพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ สัมมาสัมพุทธัง สิระสา นะมามิ ทุติโย วะชิระปะกาโร โส ภะคะวา อิติปิฯ
วิชชาจะระณะสัมปันโน วิชชาจะระณะสัมปันโน วะตะ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันนัง สะระณัง คัจฉามิ วิชชาจะระณะสัมปันนัง สิระสา นะมามิ ตะติโย วะชิระปะกาโร โส ภะคะวา อิติปิฯ
สุคะโต สุคะโต วะตะ โส ภะคะวา สุคะตัง สะระณัง คัจฉามิ สุคะตัง สิระสา นะมามิ จะตุตโถ วะชิระปะกาโร โส ภะคะวา อิติปิฯ
โลกะวิทู โลกะวิทู วะตะ โส ภะคะวา โลกะวิทัง สะระณัง คัจฉามิ โลกะวิทัง สิระสา นะมามิ ปัญจะโม วะชิระปะกาโร โส ภะคะวา อิติปิฯ
อะนุตตะโร อะนุตตะโร วะตะ โส ภะคะวา อะนุตตะรัง สะระณัง คัจฉามิ อะนุตตะรัง สิระสา นะมามิ ฉัฏฐะโม วะชิระปะกาโร โส ภะคะวา อิติปิฯ
ปุริสะธัมมะสาระถิ ปุริสะธัมมะสาระถิ วะตะ โส ภะคะวา ปุริสะธัมมะสาระถิง สะระณัง คัจฉามิ ปุริสะธัมมะสาระถิง สิระสา นะมามิ สัตตะโม วะชิระปะกาโร โส ภะคะวา อิติปิฯ
สัตถาเทวะมนุสสานัง สัตถาเทวะมนุสสานัง วะตะ โส ภะคะวา ปุริสะเทวะมนุสสานัง สะระณัง คัจฉามิ สัตถาเทวะมนุสสานัง สิระสา นะมามิ อัฏฐะโม วะชิระปะกาโร โส ภะคะวา อิติปิฯ
พุทโธ พุทโธ วะตะ โส ภะคะวา พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ พุทธัง สิระสา นะมามิ นะวะโม วะชิระปะกาโร โส ภะคะวา อิติปิฯ
ภะคะวา ภะคะวา วะตะ โส ภะคะวา ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ ทะสะโม วะชิระปะกาโร โส ภะคะวา อิติปิฯ
วัตตัง สะระณัง คัจฉามิ วัตตัง สิระสา นะมามิ วะชิระปะการัง นิฏฐิตังฯ[/FONT]

[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ทะสะชาติสูตร (พระเจ้าสิบชาติ)

เตมิโย นามะ ภะคะวา เสฏฐัง วะตะกัง อารัมมะณัง ธุวัง โสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสะลันตา ธัมเม สัมมาสัมพุทโธ อิติปิ โส ภะคะวาฯ
ชะนะโก , สุวัณณะสะยาโม , เนมิโร , มะโหสะโถ , ภูริทัตโต , จันทะกุมาโร , นาระทะโท , วิธุโร , เวสสันตะโร , สิตธัตโถฯ
สูตรมะหาปะริจาคะ ๔ ประการ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ธะนะ ปะริจาคะปาระมี สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวาฯ
อังคะ ปะริจาคะปาระมี สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ฯ
ชีวิตะ ปะริจาคะปาระมี สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ฯ
ปุตตะ ปะริจาคะปาระมี สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ฯ
ภะริยา ปะริจาคะปาระมี สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ฯ
ปัญจะมะหาปะริจาคะปาระมี สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวาฯ[/FONT]

[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]สูตรปาระมี ๓๐ ทัด[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ทานะ ปาระมี สัมปันโน ทานะ อุปปะปาระมี สัมปันโน ทานะ ปะระมัตถะปาระมี สัมปันโน มะหาชัยยะปะกาโร วะระเม นาโถ วะตะ โส ภะคะวา อิติปิฯ
สีละ , เนกขัมมะ , ปัญญา , วิริยะ , ขันติ , สัจจะ , อธิษฐาน , เมตตา , อุเบกขา , ทะสะ , สะมะติงสะปาระมี สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อิติปิฯ[/FONT]

[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]สูตรปาระมีเมตตาไมตรี[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ทานะ ปาระมี สัมปันโน ทานะ อุปปะปาระมี สัมปันโน ทานะ ปะระมัตถะปาระมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กรุณา มุทิตา อุเบกขา ปาระมี สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวาฯ
สีละ , เนกขัมมะ , ปัญญา , วิริยะ , ขันติ , สัจจะ , อธิษฐาน , เมตตา , อุเบกขา , ทะสะ , สะมะติงสะปาระมี สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อิติปิฯ[/FONT]

[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ปาระมีสะเปาคำ (สำเภาทอง)

ทานะ นาวัง สัมมารุฬหัง อะจะรัง ภาวะ สากาเร จาติปะรัญตะเร สามิสันตะเร สิสะเต วะกัง ทาเนนะ สะโม นัตถิ ธัมมะราชา สัตถา จิโน ทานะ ปาระมี ปูเรตวา นะ ปัตโต สัมมาสัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ โน ไชยะมังคะลัง ฯ
สีละ, เนกขัมมะ, ปัญญา , วิริยะ , ขันติ, สัจจะ , อธิษฐาน , เมตตา , อุเบกขา , ทะสะฯ (พุทโธ พุทโธ อะนันตะทิคุโณ อิติปิ โส ภะคะวา อิติปิ)
[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]มะหาทะสะพะโล

มะหาทะสะพะโล พะลัง พะลา ภาวะนัง ภาวะนา ปัญญัง ปัญญา ปุญญัง ปุญญา เตชัง เตชา สีลัง สีลา สีลัญจะ คุลาณัง คุละณา คุละณัญจะ เหตุปัจจะโย สัมปันโน โส ภะคะวา อิติปิฯ
เวทิตัพโพ เวทิตัพโพ มะหาทะสะพะโล พะลัง พะลา ภาวะนัง ภาวะนา ปัญญัง ปัญญา ปุญญัง ปุญญา เตชัง เตชา สีลัง สีลา สีลัญจะ คุลาณัง คุละณา คุละณัญจะ เหตุปัจจะโย สัมปันโน โส ภะคะวา อิติปิฯ
อุตตะมัง อุตตะมา มะหาทะสะพะโล พะลัง พะลา ภาวะนัง ภาวะนา ปัญญัง ปัญญา ปุญญัง ปุญญา เตชัง เตชา สีลัง สีลา สีลัญจะ คุลาณัง คุละณา คุละณัญจะ เหตุปัจจะโย สัมปันโน โส ภะคะวา อิติปิฯ
สุขะมัง สุขะมา มะหาทะสะพะโล พะลัง พะลา ภาวะนัง ภาวะนา ปัญญัง ปัญญา ปุญญัง ปุญญา เตชัง เตชา สีลัง สีลา สีลัญจะ คุลาณัง คุละณา คุละณัญจะ เหตุปัจจะโย สัมปันโน โส ภะคะวา อิติปิฯ
พุทธัสสะ สัมพุทโธ มะหาทะสะพะโล พะลัง พะลา มุนี มุนา มะหาราชะ ราชา ปัญญัง ปัญญา ปุญญัง ปุญญา เตชัง เตชา สีลัง สีลา สีลัญจะ คุละณัง คุลาณา คุลาณัญจะ เหตุปัจจะโย สัมปันโน โส ภะคะวา อิติปิฯ
อะวิชชา ปัจจะยา สังขารา สังขาระปัจจะยา วิญญาณัง วิญญาณะปัจจะยา นามะรูปัง นามะรูปะปัจจะยา สะฬายะตะนัง สะฬายะตะนะปัจจะยา ผัสโส ผัสสะปัจจะยา เวทะนา เวทะนาปัจจะยา ตัณหา ตัณหาปัจจะยา อุปปาทานัง อุปาทานะปัจจะยา ภะโว ภะวะปัจจะยา จาติ จาติปัจจะยา ชะรา มะระณัง โสกะ ปะริเทวะ ทุกขะ โทมะนัสสุปายาสา สัมภะวันติ เอวะเม ตัสสะเกวะรัสสะ ทุกขะขันธัสสะ สะมุทะโย โหติฯ
อะวิชชายะตะเววะ อะเสสะวิราคะนิโรธา สังขาระนิโรโธ สังขาระนิโรธา วิญญาณะนิโรโธ วิญญาณะนิโรธา นามะรูปะนิโรโธ นามะรูปะนิโรธา สะฬายะตะนะนิโรโธ สะฬายะตะนะนิโรธา ผัสสะนิโรโธ ผัสสะนิโรธา เวทะนานิโรโธ เวทะนานิโรธา ตัณหานิโรโธ ตัณหานิโรธา อุปปาทานะนิโรโธ อุปปาทานะนิโรธา ภะวะนิโรโธ ภะวะนิโรธา ชาตินิโรโธ ชาตินิโรธา ชะรามะระณัง โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา นิรุชฌันติ เอวะเมตัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขะขันธัสสะ นิโรโธ โหติฯ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ยะทา หะเว ปาตุภะวันติ ธัมมา อาตาปิโน ฌายะโต พราหมณัสสะ อะถัสสะ กังขา วะปะยันติ สัพพา ยะโต ปะชานาติ สะเหตุธัมมังฯ
ยะทา หะเว ปาตุภะวันติ ธัมมา อาตาปิโน ฌายะโต พราหมณัสสะ อะถัสสะ กังขา วะปะยันติ สัพพา ยะโต ชะยัง ปัจจะยานัง อะเวทิฯ
ยะทา หะเว ปาตุภะวันติ ธัมมา อาตาปิโน ฌายะโต พราหมณัสสะ วิธูปะยัง ติฏฐะติ มาระเสนัง สูโรวะ โอภาสะยะมันตะลิกขันติฯ
อะเนกะชาติ สังสารัง สันธาวิสัง อะนิพพิสัง กะหะการัง คะเวสันโต ทุขะชาติ ปุนนะปุนนัง คะหะการัง กะทิฏโฐสิ ปุนนะเคหัง นะกาหะสิ สัพพา เต ผาสุกา ภัคคา คะหะกูฏัง วิสังขาตัง วิสังขาระกะตัง จิตตัง ตัณหานัง ขะยะมัชฌะคาติฯ
รูปักขันโธ เวทะนากขันโธ สัญญากขันโธ สังขารักขันโธ วิญญาณักขันโธ ปัญจักขันโธ อะนิจโจ ภะยะเถ วะทุกโข ภะยะเถวะอะนันตา อะสาระกะเถนะ วิปะนามะธัมโม นิจจัง วัตตะนิพพานัง สุขัง วัตตะนิพพานัง สารัง วัตตะนิพพานัง นิพพานัง ปะระมัง สุขังฯ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]แล้วสูตรต่อด้วยบท ว่า[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]อัตถิ อิมัสสมิง กาเย เกสา ฯลฯ ทะวัตติงสาการัง นิฏฐิตังฯ
ปะฏิสังขาโย ฯลฯ อัพพยาปัชฌาปะระมาตะยาติฯ
สูตร สิริธิติ ฯลฯ สะทา ตุมเห อะนุรักขันตุฯ
ทุกขัปปัตตา ฯลฯ รักขันวันทามิ สัพพะโสฯ
สุโข พุทธานัง อุปปาโท ฯลฯ นิพพานัง ปะระมัง สุขังฯ
[/FONT]

 

ที่วันก่อนแซวเป็นกรุฮอด ครับ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 21 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 16 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ชวภณ, :::เพชร:::, ake7440, nongnooo, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>
<!-- currently active users -->
นอนดึกกันนะครับคืนนี้

<!-- popup menu contents -->

 

พระสมเด็จแขนกว้าง(นักเลงโต)องค์นี้ เป็นเนื้อผงใบลาน ผสมสีผึ้งเขียว ปีพ.ศ. ๒๕๐๕ สร้างโดยหลวงปู่ทาบ(พระครูอรรถโกศล) วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง หลวงปู่ทาบองค์นี้ท่านไม่ธรรมดา ผู้ใดไปขอสีผึ้งท่าน ท่านจะมอบให้เพียงเท่าหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น...

หลวงปู่ท่านเมตตาบอกพระคาถากำกับเพื่อการสวดในพิธีพุทธาภิเษกให้อาจารย์ปู่ประถม คาถาบทที่ว่านี้อาจารย์ปู่ได้ถ่ายทอดให้คนที่มาร่วมในพิธีพุทธาภิเษกเสาร์ ๕ เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๐ ตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ในสมโณฤกษ์ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังก่อนพิธีเริ่มว่า พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ไป ส่วนฆราวาสนั่งพนมมือเฉยๆ ไม่เกิดส่วนร่วม สู้ให้ว่าคาถาบทนี้กำกับไปด้วยจะดีที่สุด เปรียบพระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ดังเตาหลอมที่มีไฟคุโชนอยู่ ส่วนการสวดพระคาถาบทนี้กำกับไปด้วยของฆราวาสก็เปรียบเสมือนกับการเอาพัดไปโบกพัดให้เตาไฟยิ่งคุโชนมากขึ้น

วันที่ได้ไปกราบเยี่ยมอาจารย์ปู่นั้น ท่านก็ยังได้เล่า และพลางนึกถึงอัศจรรย์วันเสาร์ ๕ ที่ผ่านมาไม่ได้เลย จึงมีโอกาสได้เรียนถามท่านว่า การทำพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ๆแบบนี้ที่บ้านอาจารย์ปู่จะมีอีกหรือไม่ ท่านยิ้มๆ และตอบสั้นๆว่า ไม่น่าจะมีอีกนะ ดังนั้นพระชุดที่คุณหนุ่มนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกนี้จึงนับว่าดีที่สุดแล้ว ทั้งการเสกของแต่ดั้งเดิม และครั้งล่าสุด เรียกว่ารุ่น"ฟ้าประทาน" หากอาราธนาติดตัวให้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระสมณโคดมพระพุทธเจ้า หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง ๕ พระองค์ หลวงปู่โต หลวงปู่แจ้งฌาน และหลวงปู่ท่านเจ้าฯ ครูฝึกของคณะหลวงปู่โลกอุดร...

 

น้องเอ พี่ได้ส่ง PM พระคาถาที่อยากได้ไปให้แล้วนะครับ...

 

อยู่เวรอีกแล้วครับคืนนี้ ก็เลยอยู่ดึกเป็นธรรมชาติ เมื่อกี้เพิ่งไปดัดนี้วมาครับ มีคนไข้ ข้อนิ้วเคลื่อนมา

 

ใช่นิ้วล๊อคหรือเปล่าครับ เป็นกันมากเลยครับ รักษาครั้งนึง ๔,๐๐๐ กว่าบาท เกิดจากการยกของหนัก

 

มาดูว่าพิธีพุทธาภิเษกหนึ่งที่อาจารย์ปู่ประถมเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดสร้าง..พระกริ่งอังคีรส และพระพุทธสิหิงค์ จ.ชลบุรี


บทความนี้เขียนโดยคุณหลง บ้านไผ่ แห่งประทานพรพระเครื่อง นำมาลงไว้ในเวปสยามอมูเลท เมื่อ 19 พค. 2546(กระทู้นี้ได้ถูกลบไปครั้งหนึ่งเมื่อมีการลบความจำของเชิร์ฟเวอร์ครั้งที่ความจำเต็ม ก่อนจะมีการซื้อเวิร์ฟเวอร์ตัวใหม่) พอดีผมไว้เซฟเก็บเป็นไฟล์ไว้ ทุกตัวอักษรและทุกภาพเป็นลิขสิทธิ์ของคุณหลง บ้านไผ่ การนำเอาส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ ควรได้รับความเห็นชอบจากคุณหลงบ้านไผ่

***ประวัติการสร้างพระพุทธอังคีรส พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประจำจังหวัดระยอง***
พระพุทธอังคีรส ได้จำลองแบบมาจากพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งประดิษฐาน ณ.พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จัดสร้างในสมัย นาย ดำรง สุนทรศาลทูล เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และได้มีพิธีพุทธาภิเษกเนื้อโลหะทั้งหมดที่จะใช้ในการหล่อสร้างพระ และฤกษ์เททองขึ้นในวันที่ 18 เมษายน 2508 ณ. วัดป่าประดู่ และในการจัดสร้างได้จำลองแบบองค์พระขึ้น 2 องค์คือ องค์ที่1 สร้างขึ้นด้วยเนื้อเงินบริสุทธิ์ มีขนาดหน้าตักกว้าง 63 ซ.ม. สูง 80 ซ.ม. และน้ำหนัก 63.5 ก.ก. องค์ที่2 สร้างขึ้นด้วยเนื้อทองสัมฤทธิ์ มีขนาดหน้าตักกว้าง 58 ซ.ม. สูง 60 ซม. และ น้ำหนัก 39 ก.ก. ในการหล่อพระทั้งสององค์นี้สิ้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นจำนวนเงิน 101,187.50 บาท ด้วยเงินบริจาคทั้งหมดของประชาชนผู้มีจิคศรัทธา.และสมเด็จพระสังฆราชฯ ได้ทรงถวายพระนามให้ว่า “พระพุทธอังคีรส ธรรมราชา สิหิงคปฏิมา บรมโลกนาถ ระยองประชาราษฏร์บรมบพิตร “.


สำหรับหอพระพุทธอังคีรสที่เป็นที่ประดิษฐานทั้งสององค์นี้ ได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์ ณ.วันที่ 30 ธันวาคม 2508 โดย พ.ณ.ท่าน พลตำรวจเอก ประเสริฐ รุจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในขนาดนั้นเป็นประธานในพิธี และการก่อสร้างได้แล้วเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี พ.ศ. 2515 สิ้นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านบาทเศษ.

ในพิธีพุทธาภิเษกเนื้อโลหะ และพิธีเททองนั้นได้มีการนิมนต์พระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังของจังหวัดระยองมาร่วมพิธี ดังนี้
1 ท่านพระครูภาวนาภิรัต หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่
2 ท่านพระครูอรรถโกศล หลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง
3 ท่านพระครูวิจิตรธรรมวัตร หลวงพ่อรัตน์ วัดหนองกระบอก เจ้าคณะอำเภอ บ้านค่าย
4 ท่านพระครูภาวนานุโยค หลวงพ่อหอม วัดซากหมากป่าเรไร(รูปจำลองบรมครูฤษี อิสริโกมุณี ประดิษฐานอยู่เบื้องขวา)
5 ท่านพระครูพิพิธวรญาณ หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า
6 หลวงพ่อแพรว วัดเขายายดา
7 หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ
8 หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง
9 หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า (มาแทนท่านหลวงพ่อโต วัดเขาซากกระโดน ท่านอาพาธเลยมาร่วมงานไม่ได้)
เป็นต้น. รายชื่อพระเกจิ อาจารย์ที่มาร่วมปลุกเสก เป็นข้อมูลที่ได้จากการสอบถาม นักสะสมรุ่นเก่าๆ ของเมืองระยองหลายต่อ หลายท่านด้วยกันที่เข้าร่วมพิธี ในปีดังกล่าวจึงมิถือว่า เป็นข้อมูลที่อาจจะถูกต้อง 100 เปอรเซนต์ หรือนำไปอ้างอิงได้ทั้งหมด

***พระกริ่งพระพุทธอังคีรส เนื้อเงิน***
ชนวนที่เหลือทั้งหมดจากการเททองหล่อองค์พระทั้ง2องค์ได้นำมาสร้างพระกริ่งขนาดเล็กเพื่อแจกให้กับผู้ร่วมบริจาคเงินในการสร้างหอประดิษฐานพระพุทธอังคีรส ในครั้งนี้เพื่อเป็นที่ระลึก โดยพระขนาดเล็กทั้งหมดแบ่งออกเป็นประเภทดังนี้
1 พระกริ่งรูปเหมือนลอยองค์ มีสร้างด้วยเนื้อ เงิน และ นวโลหะ เป็นที่แสวงหากันเป็นอย่างมาก.
2 พระรูปเหมือนปั๊ม ขนาดกลางสร้างด้วยเนื้อทองแดง
3 พระรูปเหมือนปั๊ม ขนาดเล็ก(พระชัยฯ) สร้างด้วยเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง.
***กริ่งพระพุทธอังคีรส เนื้อนวโลหะ***

โดยพระชุดเล็กทั้งหมดนี้ปัจจุบันเป็นที่เสาะแสวงหาของคนระยองเป็นอย่างมาก เนื่องจากถือว่าดีทั้งเนื้อหา และพิธีตลอดจนเกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสก อีกทั้งพระพุทธอังคีรส ท่านเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดระยองที่มีคนมาบูชาสักการะมิได้ขาด รวมทั้งตัวผู้เขียนเอง ณ.วันแรกที่มาอาศัยอยู่ระยองก็ได้มามนัสการท่านเพื่อความเป็นศิริมงคลในหน้าที่การงาน จนทำให้ปัจจุบันมีความรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน จนถึงวันนี้ก็ 11 ปี แล้วครับที่อยู่ระยองมา.
***กริ่งพระพุทธอังคีรสพิมพ์ปั๊ม เนื้อทองแดง***

ถ้าท่านผู้อ่านมีโอกาสมาเที่ยวระยองก็อย่าลืมหาโอกาสแวะมามนัสการท่านได้นะครับ โดยหอพระพุทธอังคีรส ตั้งอยู่ในสวนศรีเมือง สวนสาธารณะประจำจังหวัดระยอง อยู่ติดกับศาลากลาง(หลังเก่า) หรือ สถานีตำรวจของเมืองระยอง ครับ แต่ถ้าหาไม่เจอก็ถามคนพื้นที่ทุกคนได้รับรองว่ารู้จักกันทุกคนครับ.
ด้วยความปราถนาดี
หลง บ้านไผ่ (ประทานพร พระเครื่อง)
หมายเหตุ 1 ข้อมูลอ้างอิงจากแผ่นจารึกการจัดสร้างที่ประดิษฐานที่หอพระพุทธอังคีรส จ.ระยอง
2 หนังสือที่ระลึกในงานฉลองสมณศักดิ์ พระราชธรรมคณี วัดป่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง.
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาจารย์เคยเขียนในนิตยสารกระแสพระไว้ว่า กริ่งเนื้อเงินสร้างอยู่ ๑๐๐ องค์ กริ่งเนื้อนวโลหะสร้างอยู่ ๑,๐๐๐ องค์ โดยตรงก้นพระตอกโค้ดว่า”รย.๐๘”ทุกองค์ สำหรับเนื้อนวโลหะนั้นได้มีการนำพระกริ่งประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ องค์ไปขอให้หลวงปู่ทิมเสกอีกรอบก่อนนำไปแจกจ่ายอีก 2-3 คืนในกุฏิของท่าน เพื่อนำไปแจกให้หน่วยทหารนาวิกโยธินของระยองที่ไปเข้าร่วมรบในสงครามแล้วก็เกิดประสบการณ์ขึ้น….สำหรับข้อสังเกตส่วนตัว สำหรับพระกริ่งชุดนี้ พระพักตร์จะติดแบบไม่สวย ได้มีการขีดเป็นพระโอษฐ์และดวงเนตร จมูกจะไม่ค่อยติด และโค้ด”รย.๐๘”มักตอกติดไม่เต็ม น้อยองค์ที่ติดครบ….
เพิ่มข้อมูลใหม่เมื่อ 13 กค. 2551…ตามข้อเขียนในนิตยสารกระแสพระเล่มประจำเดือน สิงหาคม ๒๕๔๖ …อาจารย์ประถมเล่าว่าพระกริ่งพุทธอังคีรสได้เททองขึ้นก่อน พร้อมกับการเททองหล่อพระพุทธสิหิงค์ จังหวัดชลบุรี และได้นำเข้าพิธีปลุกเสกพร้อมกับการเททองหล่อพระพุทธอังคีรสอีกครั้งรวม 2 ครั้ง อาจารย์ประถม เป็นเจ้าพิธีในครั้งนั้นได้ขอให้พระครูวรพรตปัญญาจารย์(แฟ้ม) เจ้าอาวาสวัดป่า ชลบุรี เป็นผู้วางฤกษ์เททอง ฤกษ์ปลุกเสกและฤกษ์เททองในวันนั้นเป็นฤกษ์แคล้วคลาด จึงให้อาจารย์ทุกรูปปลุกเสกแต่บทแคล้วคลาดเป็นหลักและในระหว่างปลุกเสกอาจารย์ประถมได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์บางรูปที่เชื่อว่าท่านได้ตาทิพย์ให้นั่งดูนิมิตในพิธีด้วยว่ามีนิมิตอะไรบ้าง อาจารย์ประถมเล่าว่า พระเกจิอาจารย์ทุกรูปพูดตรงกันว่า เมื่อได้ฤกษ์พิธีเททองเริ่มนั่งปลุกเสกมีดาวตกลงมาถึง ๕ ดวงซึ่งหมายถึงมีเทวดาลงมาปักษ์รักษาพระพุทธรูปองค์นี้ถึง๕ องค์และประชาชนที่นับถือศรัทธาสามารถบนบานศาลกล่าวหรืออธิษฐานขอความช่วยเหลือได้ทุกอย่าง

http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://prasaksit.files.wordpress.com/2008/05/e0b89ee0b988e0b8ade0b89be0b8b9e0b988e0b8a4e0b8b2e0b8a9e0b8b5.jpg&imgrefurl=http://prasaksit.wordpress.com/2008/05/19/%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA/&h=480&w=640&sz=43&hl=th&start=1&usg=__3BoNpvDN8u81XcwC8i872ErkDEk=&tbnid=Yirc9P9RAsJCTM:&tbnh=103&tbnw=137&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259A%2B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B6%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B6%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587%26gbv%3D2%26hl%3Dth%26sa%3DG
<!--adcode-->

 

นิ้วล็อค คือ นิ้วที่ยึดติด อันเนื่องมาจากพังผืดที่หนาตัวขึ้น จากการทำงานซ้ำๆ
แต่อันนี้เป็นข้อเคลื่อนที่เกืดจากอุบัติเหตุที่มีแรงมากระทำอย่างรุนแรงจะข้อหลุดออกจากตำแหน่งที่ควรครับ

 

โรคนิ้วล็อก

โรคนิ้วล็อกเป็นความผิดปกติของมือที่ไม่สามารถงอหรือเหยียดได้อย่างปกติ อาจเป็น เพียงนิ้วเดียวหรือหลายนิ้ว อาการเริ่มตั้งแต่เจ็บบริเวณฐานนิ้วนั้น ๆ นิ้วมีความฝืดในการเคลื่อนไหว สะดุด หรือกระเด้ง เข้าออกเวลางอหรือเหยียด จนต่อมามีอาการล็อก คือ หาก งอหรือกำนิ้วมือไว้ จะไม่ยอมเหยียดออกเอง ต้องใช้อีกมือหนึ่งมาช่วยง้างออก มีอาการเจ็บปวด เวลาดึงออก หรือบางครั้งอาจจะเหยียดออกแต่เวลางอนิ้วจะงอไม่ลง หากปล่อยทิ้งไว้ นิ้วมือ นั้น ๆ อาจเปลี่ยนรูปเป็น โก่ง งอ บวม เอียง นิ้วเกยกัน นิ้วอาจแข็งทื่อ ไม่สามารถงอลงหรือเหยียดขึ้น ทำให้การใช้งานของมือในชีวิตประจำวันเป็นอุปสรรคและไม่สามารถใช้ทำงานได้ หากปล่อยทิ้งไว้ต่อไป ข้อต่ออาจจะยึด และข้อเหยียดไม่ออก ขยับไม่ได้ พังผืดรอบข้อต่อของ นิ้วยึดแข็ง ทำให้มือพิการได้ เหยียดตรงไม่ได้

สาเหตุเกิดจากการใช้งานของมือในท่ากำบีบอย่างแรง และซ้ำ ๆ บ่อย ๆ กำบีบเครื่องมือเช่น คีมไขควง บิดผ้า หรือการหิ้วถุงพลาสติกหนัก ๆ เป็นประจำ พบได้ในแม่บ้านไทย จีน ในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก ในการหิ้วถุงพลาสติกใส่อาหาร ผลไม้ จากตลาดหรือ ห้างซุปเปอร์มาร์เก็ต และหิ้วถุงหนัก ๆ เดินกลับบ้านจากตลาดเป็นระยะทางไกล ๆ (วัฒนธรรมคนไทย) อาชีพบางอย่าง จำเป็นต้องใช้มือทำกิจกรรม บีบ กำ กระแทก เช่น คนทำไร่ทำสวน ช่างไม้ ช่างก่อสร้าง มีหลายอาชีพซึ่งดูไม่รุนแรงแต่มีการใช้งาน กำอุปกรณ์เป็นเวลานาน ๆ ซ้ำ ๆ ทั้งวัน ก็ทำให้เกิดอาการนิ้วล็อก เช่น ช่างทำผม มือหนึ่งกำแปรง หวีสางผม อีกมือถือไดร์เป่าผมหรือกรรไกร ช่างตัดเสื้อใช้กรรไกรตัดเสื้อผ้า พ่อครัวแม่ครัวมือจับกระทะอีกมือจับตะหลิว ผัด อาหารทั้งวัน ทำให้เป็นนิ้วล็อกในเวลาต่อมา

ปัจจัยที่สำคัญในการเป็นโรคนิ้วล็อก คือ ความแรงในการบีบ กระแทก บีบ กำ บด สับ ความถี่ ความบ่อย ในการใช้มือกำบีบเครื่องมือ อีกปัจจัย คือ ความเสื่อมของวัย ซึ่งพบในวัย 45 ปีขึ้นไปเป็นจำนวนมาก แต่ให้ความสำคัญน้อยกว่าปัจจัยแรก บางครั้งคนหนุ่มสาวกระชากกิ่งไม้ด้วยมือเปล่าเกิดการบาดเจ็บอย่างรุนแรงฉับพลันและพัฒนาเป็นนิ้วล็อกในเวลาอันใกล้ หรือหิ้วถุงพลาสติกหนัก ๆ ซ้ำ ก็เป็นนิ้วล็อกตั้งแต่อายุน้อย ๆ

ลักษณะการใช้งานของมือในแต่ละกิจกรรมใช้แต่ละนิ้วไม่เหมือนกันก็ทำให้เป็นนิ้วล็อก ของแต่ละนิ้วอย่างสัมพันธ์กัน เช่น ครูบาอาจารย์ นักบริหาร ด็อกเตอร์ นักวิชาการ มักเป็นนิ้วล็อกที่นิ้วโป้งขวา เพราะใช้เขียนหนังสือมากและใช้นิ้วโป้งกดปากกานาน ๆ ช่างไม้ มักเป็นที่นิ้วกลางขวา คนตีกอล์ฟ เป็นนิ้วกลาง นาง ก้อย มือซ้าย เพราะการจับไม้กอล์ฟ บดกระแทกด้วยมือซ้าย นักแบดมินตัน เป็นนิ้วล็อกที่นิ้วชี้ และนิ้วกลางขวา แม่บ้านซักบิดผ้า เป็นนิ้วชี้ซ้ายและนิ้วขวา ฯลฯ

การกำมือบีบกระแทกเกิดการบดกันของเข็มขัดรัดเส้นเอ็น ทำให้บวมอักเสบและหนาตัว เป็นผังพืดยึดแข็งตัวขึ้นตามลำดับจนเสียความยืดหยุ่นไม่ยอมให้เส้นเอ็น ซึ่งปกติเดิมยอมยึดให้เส้นเอ็นวิ่งผ่านไปมา เวลากำมือ เหยียดมือ เมื่อเกิดการเสื่อมเสีย เส้นเอ็นก็วิ่งไม่ผ่าน เกิดอาการเจ็บ ยึด สะดุด กระเด้ง ล็อก เสียรูป คดงอโก่ง บวม เกยกันใช้งานของมืออย่างปกติไม่ได้เป็นอุปสรรค์ในชีวิตประจำวัน และการทำงานทำให้เกิดปัญหาเพิ่มพูนขึ้นทางจิตใจ ทั้งต่อตัวเองและต่อครอบครัว

โรคนิ้วล็อกเป็นความผิดปกติของมือคนทำงานยิ่งแข็งแรงมากยิ่งขึ้นมีโอกาสมาก สามารถพบได้ในแม่บ้านเกือบทุกบ้าน พบมากในคุณผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 3-4 เท่า ทั้งนี้เพราะผู้หญิงในเมืองไทย มีการใช้งานของมือรุนแรงซ้ำซากมากกว่าผู้ชาย ตั้งแต่หิ้วของ จ่ายกับข้าว Shopping ซื้อเสบียงเข้าบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้ ยิ่งถูกยิ่งหิ้วมาก การเตรียมอาหาร การสับไก่ กระดูก การทำอาหารใช้มือจับกะทะ ตะหลิว การซักผ้า บิดผ้า ทำงานบ้านต่าง ๆ ล้วนแต่เป็นหน้าที่ของคุณผู้หญิง ในบางบ้านผู้ชายทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน ดังกล่าว บ้านนั้นพบนิ้วล็อกในคุณผู้ชายแทน วัยที่พบโรคนิ้วล็อกตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป มากสุด ช่วงอายุ 50-60 ปี ผู้ชาย พบโรคนิ้วล็อกเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ มักพบในผู้ชายตีกอล์ฟ ทำสวน และกลุ่มช่าง เป็นส่วนใหญ่

โรคนิ้วล็อกพบได้ในคนขาไม่ดี เช่น ปวดเข่า ปวดสะโพก ปวดหลัง เพราะใช้ไม้เท้าบีบ กำ กด อุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น ไม้เท้า ทำให้ผ่ามือกดจับด้ามและเป็นนิ้วล็อกในที่สุด คนที่เป็น เบาหวานมีโอกาสเป็นมากขึ้นกว่าคนปกติ เด็กเล็กพบเป็นโรคนิ้วล็อกได้ เป็นมาแต่กำเนิด จริง ๆ ตอนแรกเกิดยังไม่พบแต่พบในขวบปีแรก ส่วนใหญ่พบที่นิ้วโป้ง ข้างใดข้างหนึ่งหรือ ทั้งสองข้างอยู่ในท่างอเหยียดไม่ออก ถ้าเป็นน้อย ๆ การบีบนวด ดัด ดาม ก็อาจหายเองได้ แต่ส่วนใหญ่ต้องได้รับการผ่าตัด และมักจะหายกลับมาเป็นปกติได้

โรคนิ้วล็อกมีสาเหตุชัดเจน และหากรู้จักระมัดระวังตัว จะป้องกันได้ เช่น การหิ้วถุง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ป้องกันได้ หิ้วถุงให้ถูกวิธี หิ้วให้เต็มฝ่ามือแทนการใช้นิ้วเกี่ยว ใช้ผ้ารอง ใช้รถเข็น รถลาก การทำงานบางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ควรประยุกต์ใช้เครื่องทุนแรง ใส่ถุงมือ ประยุกต์ด้ามจับอุปกรณ์ให้ใหญ่และนิ่มจะลดความเสี่ยงได้ ถึงแม้เป็นโรคนิ้วล็อก การรักษาตั้งแต่แรกย่อมช่วยชลอหรือตัดขบวนการที่จะพัฒนาต่อไปจนเป็นขั้นรุนแรง สามารถหายได้ด้วยการพักมือ การใช้ความร้อน การบีบนวด การใช้ยาต้านการอักเสบ การฉีดยา แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ จนอาการล็อกรุนแรง นิ้วเสียรูป การรักษาที่หายขาดได้ คือ วิธีการผ่าตัดซึ่งก็มีทางเลือกใหม่เพียงแต่เจาะตัดปลอกหุ้มเอ็น ไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผล ไม่ต้องเย็บแผล และสามารถกลับไปทำงานได้เร็วกว่าวิธี การผ่าตัดแบบเปิด

​

อาการที่พบ เริ่มจากเจ็บฐานนิ้ว โคนนิ้วด้านฝ่ามือ นิ้วฝืด สะดุด กำมือหรือเหยียดมือไม่สะดวก กระเด้ง หรือล็อก อาจล็อกในท่านิ้วงออยู่ เหยียดไม่ออก หรือนิ้วเหยียด อยู่แต่งอไม่ลง นิ้วอาจบวม โก่งงอ นิ้วเกยกัน แบไม่ออก เจ็บปวด มือไม่มีกำลัง หรืออาจมีอาการนิ้วชาร่วมด้วย เป็นนิ้วไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับอาชีพและการใช้งานรุนแรง
รูปกลุ่มอาการที่พบเห็น

​

อาชีพที่มักเป็นโรคนิ้วล็อก
- แม่บ้าน หิ้วถุงช๊อปปิ้ง หิ้วตะกร้าจ่ายตลาด ซักผ้า บิดผ้า สับหมู สับไก่ มักเป็น นิ้วกลาง นิ้วนาง มือซ้ายและมือขวา
- นักกอล์ฟ กำไม้กอล์ฟ กระแทกลูกกอล์ฟขณะตีลูก มักเป็น นิ้วกลาง นิ้วนาง มือซ้าย
- คนทำสวน ใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ หิ้วถังน้ำรดน้ำต้นไม้ ใช้มือขุด พรวนดินต้นไม้ มักเป็น
นิ้วกลาง นิ้วนาง มือขวา
- ช่าง ใช้มือกำบีบเครื่องมือ เช่น ไขควง คีม ค้อน เลื่อย ฯลฯ มักเป็น นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง มือขวา
- คนขายของชำ หยิบ ยก สิ่งของทั้งวันที่ขายของ ทำให้เป็นนิ้วชี้ นิ้วกลาง ทั้งสองข้าง
- คนขายหมู สับกระดูกหมู มักเป็น นิ้วกลาง นิ้วนาง มือขวา
- คนนวดแป้งซาลาเปา มักเป็น นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง มือซ้ายและมือขวา
- หมอนวดแผนโบราณ มักเป็น นิ้วโป้ง มือซ้ายและมือขวา
- คนขายน้ำขวด ถังแก๊ส มัก เป็น นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง มือซ้ายและมือขวา
- แม่ครัวโรงเรียน ยกหม้ออาหารใหญ่ ๆ ถังน้ำใหญ่ ๆ มักเป็น นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง มือซ้าย
และมือขวา
- ครู ผู้พิพากษา นักบริหาร นักบัญชี มักเป็น นิ้วโป้ง มือขวา
ความเสี่ยงเกิดจากนิ้วนั้น ๆ ต้องเกร็ง กำ บด ปะทะ หิ้ว ทำให้เส้นเอ็น บดและยืด เข็มขัดรัดเส้นเอ็น ซึ่งความยืดหยุ่นเสื่อมเสีย เมื่อวัยเกินอายุ 40 ปี ทำให้เข็มขัดหนาตัว แข็งตัวเป็นพังผืด และกีดขวางการเคลื่อนตัวของเส้นเอ็น ทำให้นิ้วนั้น ๆ งอ หรือ เหยียดไม่สะดวกจนเกิดอาการนิ้วล็อก 40 ปี ทำให้เข็มขัดหนาตัว แข็งตัวเป็นพังผืด และกีดขวางการเคลื่อนตัวของเส้นเอ็น ทำให้นิ้วนั้น ๆ งอ หรือ เหยียดไม่สะดวกจนเกิดอาการนิ้วล็อก

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 9 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 7 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ตั้งจิต, ake7440 </TD></TR></TBODY></TABLE>อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ชวภณ
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 21 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 16 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ชวภณ, :::เพชร:::, ake7440, nongnooo, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>
<!-- currently active users -->
นอนดึกกันนะครับคืนนี้

<!-- popup menu contents -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>
อยู่เวรอีกแล้วครับคืนนี้ ก็เลยอยู่ดึกเป็นธรรมชาติ เมื่อกี้เพิ่งไปดัดนี้วมาครับ มีคนไข้ ข้อนิ้วเคลื่อนมา

อรุณสวัสดิ์ยามสายครับคุณหมอเอก สงสัยท่านอื่นๆยังไม่ตื่น แต่มีคุณหมอเอกคนเดียวยังไม่ได้นอน ทนจริงๆ มีเวลาอย่าลืมพักผ่อนบ้างนะครับ
<!-- / message -->

 

แปลกครับ ทำไมผมถึงฝันถึงพระกรุเก่ามากถึง2วันติดกันครับงงๆๆๆ หุ หุ หุ

 

ท่านคงบอกว่าให้นำท่านมาแขวนมั้ง

 

ไม่ใช่ให้พวกเราเหรอครับ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตั้งจิต
ท่านคงบอกว่าให้นำท่านมาแขวนมั้ง
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ไม่ใช่ให้พวกเราเหรอครับ

ไม่เห็นด้วยครับ ฮิๆ น้องเอ๋ย เสียบทันทีเลยนะเนี่ยครับ.....
<!-- / message --><!-- sig -->

 

ขอเพิ่มเติมอีกหน่อย นอกจาก พระคุณพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระสมณโคดมพระพุทธเจ้า หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง ๕ พระองค์ หลวงปู่โต หลวงปู่แจ้งฌาน และหลวงปู่ท่านเจ้าฯ ครูฝึกของคณะหลวงปู่โลกอุดร... ยังมีหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก ที่ท่านเมตตาด้วย และองค์ที่สำคัญมากๆอีกพระองค์ก็คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามกุกุธสันโธ ครับ

.