ฮือฮา!คนไทยคิดค้นรถเติม"น้ำ"แทน"น้ำมัน"สำเร็จ

อืม ดีจริงๆครับ

 

แล้วราคาของรถประมาณ เท่าไหร่คะ จะแพงกว่ารถรุ่นอื่กรึเปล่าคะ

 

คนเก่งไทยมีเยอะ แต่ไม่มีทุน ไม่มีผู้สนับสนุน เมืองไทยเรามีมูลนิธิมากมาย แต่ไม่มีมูลนิธิที่สนับสนุนคนเก่ง ไม่มีเศรษฐีใจบุญที่จะให้ทุนวิจัย คนเก่งไทยก็เลยไปไม่ได้ ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เมืองไทยต้องการคนเก่ง แต่ไม่สนับสนุนคนเก่ง ???

 

ของเขาดีจริงๆ

 

เก่งมากครับคนไทย

 

ดังแล้วครับ เมื่อกี้นี้เพิ่งออกข่าวทางช่อง 9
ขอส่งกำลังใจ ให้ผลิตออกมาให้คนไทยได้ใช้ไว ๆ ครับ

 

ระวังตัวไว้นะครับ
กลัวแทน
กลัวถูกเก็บอ่ะ
พวกเงินค้าน้ำมันเงินมันหนา ได้ผลประโยชน์ทีเท่าไหร่
มีคนคิดได้แบบนี้ตั้งนานแล้ว
แต่ก็เงียบหาย
เพราะอะไรไม่รู้ คิดเอาเอง

 

เป็นวิวัฒนาการณ์ใหม่ ที่จะมาแก้ปัญหาในเรื่องพลังงานของโลก และที่สำคัญ
ช่วยลดปัญหาเรื่องภาวะโลกร้อนได้เป็นอย่างดี ขอปรบมือให้ กับความคิด
และความสำเร็จที่เยี่ยมยอดมากๆครับ
อนุโมทนาสาธุครับ

 

ผมเห็นโฆษณาใน นสพ. ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นรถยนต์จากค่ายจีเอ็ม ทำออกมาเป็นตัวๆให้เลือกหาเลือกใช้ได้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าสนนราคาสักเท่าไหร่ แต่ก็คงจะหลายกะตังค์อยู่หรอก และคาดว่าประเทศในหลายๆประเทศกำลังทุ่มวิจัยและพัฒนาสมรรถนะให้ดียิ่งๆขึ้น และปลอดภัยยิ่งๆขึ้น น่าจะเป็นข่าวดีที่โลกได้ลดโลกร้อนลงไปด้วยในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าหากว่าทุกๆคนหันมาใช้เครื่องยนต์ที่สะอาด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขนาดนี้

ห่วงแต่ว่าเครื่องยนต์มันจะเป็นสนิมเร็วขึ้นหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ

 

จากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 20 สิงหาคม 51

ม.ราชภัฎอุดร เตรียมเปิดตัว รีแอคเตอร์1" รถพลังไฮโดรเจน 21ส.ค. ผลงานของ"สุมิตร อิศรางกูร" เตรียมเปิดสอนเป็นหลักสูตรพิเศษ

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ข่าวดี สวนกระแสน้ำมันแพง เมื่ออดีตจ่าทัพฟ้ายอดเก่ง คิดค้นประดิษฐ์อุปกรณ์แยกก๊าซไฮโดรเจนในน้ำ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงรถยนต์เปิดเผยขึ้น ระหว่างการประชุมสภามหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี

ผศ.จรูญ ถาวรจักร อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และ อาจารย์วิเชียร จันทะโชติ ได้แนะนำนายสุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ต่อกรรมการสภามหาวิทยาลัย เกี่ยวกับการประดิษฐ์อุปกรณ์แยกก๊าซไฮโดรเจนจากน้ำ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงรถยนต์ โดยมหาวิทยาลัยมีแผนที่จะเปิดศูนย์เพื่อถ่ายทอดความรู้

ผศ.จรูญ กล่าวว่า รถต้นแบบใช้พลังงานน้ำนั้น มหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ และผลิต แต่มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และให้ความช่วยเหลือให้ผู้พัฒนาใช้เครื่องมือของมหาวิทยาลัย และทางผู้พัฒนารถเองก็ประสงค์จะให้มหาวิทยาลัยดูแลในส่วนการผลิตบุคลากร ช่างติดตั้งอุปกรณ์ จากกระแสข่าวที่ออกมาก็ได้รับความสนใจ มีการสอบถามมาอย่างต่อเนื่องต้องตอบคำถามทุกวัน จึงหารือกับเจ้าของรถต้นแบบ และเห็นร่วมกันว่า น่าจะเปิดแถลงข่าว ให้สื่อมวลชนและผู้สนใจได้ทราบในวันที่ 21 ส.ค.นี้

ด้านนายสุมิตร เปิดเผยว่า สิ่งประดิษฐ์นี้คิดมาเมื่อ 4 ปีก่อน ขณะที่ยังคงทำงานอยู่"นาซ่า" สหรัฐอเมริกา เมื่อ 2 ปีก่อนตัดสินใจซื้อรถคันใหม่เพื่อนำมาทดลอง โดยได้รับการสนับสนุนงบทั้งหมดจากนายศักดิ์ชัย ตันคงจำรัสกุล นักธุรกิจ จ.อุดรธานี และได้รับความช่วยเหลือเครื่องมือต่างๆ จากมหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี ซึ่งเคยเรียนอยู่ที่นี่มาก่อน เป็นรถมีเชื้อเพลิง 3 ประเภท คือ น้ำมันเบินซิน , ก๊าซ LPG . และก๊าซไฮโดรเจน มีการทดสอบมาแล้วกว่า 40,000 กม. ยังไม่พบปัญหาใดๆ จึงไปจดสิทธิบัตรไว้เรียบร้อยแล้ว

นายสุมิตร กล่าวต่อไปว่า รถต้นแบบ " รีแอคเตอร์ 1 " เป็นรถที่ใช้พลังงานผสมระหว่าง เบนซิน กับ ไฮโดรเจน หรือใช้ LPG . กับไฮโดรเจน ในสัดส่วนเบนซิน หรือ LPG . 40 เปอร์เซ็นต์ กับไฮโดรเจน 60 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างที่พัฒนา เคยวิ่งทดสอบจากกรุงเทพ มาอุดรธานี ระยะทาง 560 กิโลเมตร โดยใช้น้ำมันไปเพียง 10 ลิตร และน้ำในการใช้ผลิตไฮโดรเจนเล็กน้อย

นยายสุมิตร กล่าวถึงการทำงานของเครื่องยนต์รถต้นแบบนี้ว่า เริ่มต้นที่น้ำบริสุทธิ์เหมือนน้ำกลั่น หรือ ดีไอโอไนซ์ เติมในเครื่องรีแอคเตอร์ ที่ใช้ไฮโดรเจน และออกซิเจนออกมา เป็นไฮโดรเจน 2 โมเลกุล และ ออกซิเจน 1 โมเลกุล หรือ HH - ) แล้วผ่านจากเครื่องออกมาทาง เซฟตี้ วาวล์ และส่งตรงไปที่เครื่องยนต์ หากเป็นเครื่องยนต์หัวฉีด ไฮโดรเจนที่แยกออกมาก็ผ่านหัวฉีด กระบวนการทั้งหมดจะควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งอยู่ในรถ เพื่อควบคุมให้เครื่องแยกไฮโดรเจนออกมาเท่าที่เอาไปใช้เท่านั้น โดยจะไม่มีการเก็บรักษาไว้ รวมถึงกรณีที่อุณหภูมิ หรือ ความดันผิดปกติ ก็จะมีระบบป้องกันตัวเอง

นายสุมิตร เปิดเผยว่า ได้จดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ที่ประเทศไทย เพราะต้องการให้เทคโนโลยีนี้ เป็นสมบัติของชาติไทย คนไทยสามารถนำเอามาต่อยอด ในแนวคิดที่หลากหลายมากขึ้น ขณะที่ตนเองก็จะพัฒนาต่อไปด้วยเช่นกัน จริงๆ แล้วขณะนี้ก็กำลังพัฒนา " รีแอคเตอร์ 2 " อยู่ อีกประการหนึ่งคือ หากจดที่สหรัฐอเมริกา จะต้องแจงรายละเอียดทั้งหมด ทำให้สิ่งประดิษฐ์ไม่เป็นความลับ ซึ่งตนเคยมีบทเรียน ถูกเลียนแบบสิ่งประดิษฐ์มาแล้ว และหากมีปัญหาการโต้แย้งเกิดขึ้น สิทธิบัตรก็จะเป็นของอเมริกา ไม่ใช่สิทธิบัตรของคนไทย

" ตั้งใจว่าจะไม่เปิดเผย จนกว่าจะผลิตอุปกรณ์ชุดนี้ในดีไซด์ใหม่ ซึ่งจะมีขนาดเล็กกว่ารถต้นแบบ จึงจะเปิดแถลงข่าวครั้งเดียว แต่เมื่อมีข่าวและได้รับความสนใจ ก็พร้อมที่จะเปิดตัวเทคโนโลยีนี้ แต่เพราะมีเวลาอยู่ จ.อุดรธานี อีกเพียง 1 สัปดาห์เศษ ซึ่งเวลาส่วนใหญ่จะคลุกอยู่กับรถ จากนั้นก็จะเดินทางเข้ากรุงเทพ เพื่อไปสอนหนังสืออีก 1 สัปดาห์ โอกาสจะตอบคำถามทุกคน หรือทุกวันอาจไม่สะดวก เมื่อได้รับคำแนะนำจึงจะแถลงข่าว เพื่อชี้แจงและตอบข้อซักถาม " นายสุมิตร กล่าว