การทำบุญ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย J.Sayamol, 15 สิงหาคม 2008.

  1. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    การทำบุญ

    บุญ คือ รูปแบบของความดีที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้เราทำการงานต่าง ๆ ประสบความสำเร็จเป็นเกาะคุ้มกันภัย เป็นพาหนะ และเสบียงที่ต้องใช้ในการเดินทางทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เป็นสิ่งที่จะทำให้เราเจริญรุ่งเรืองและได้รับแต่สิ่งที่ดีๆบุญทำให้เรามีความสุขยิ่งขึ้นไปจนถึงการพ้นทุกข์ในที่สุด บุญมี 10 อย่างคือ....

    การให้ทาน
    การถือศีล
    การทำสมาธิภาวนา
    การเคารพคนอื่น
    การช่วยเหลืองานคนอื่น
    การช่วยให้คนอื่นได้บุญ
    การยินดีเมื่อคนอื่นทำบุญ
    การสนทนาธรรมหรือพูดคุยเรื่องมีสาระ
    การสอนธรรมหรือแนวทางที่ดีให้คนอื่น
    การมีฐิติหรือความเห็นที่ถูกในการดำรงชีวิต

    อยากมีบุญต้องลงมือกระทำเองโดยเริ่มจากตั้งเจตนาขึ้นมาก่อน และลงมือกระทำ โดยทางกาย วาจา และใจบุญใช้เงินชื้อไม่ได้ ปล้น ขโมย และขู่กรรโชกจากคนอื่นไม่ได้เพราะฉะนั้นบุญจึงเป็นสมบัติที่ปลอดภัยที่สุดที่เราควรจะมี ไม่ต้องทำประกันภัยไม่ต้องกลัวไฟไหม้ น้ำท่วม เพราะเป็นคุณสมบัติที่ติดอยู่กับใจเรา ถ้าสังเกตให้ดีการทำบุญจะช่วยขัดเกาใจเราให้เบาบางจากกิเลส ให้รู้จักปล่อยวางอัตตาตัวตนการยึดถือที่ผิด ๆ ของเรา ช่วยลดฐิติมานะที่ไม่ถูกต้องสามารถอธิบายให้ละเอียดขึ้นดังนี้

    1. การให้ทาน ให้ชีวิตรวมทั้งให้อภัยคนอื่นเป็นบุญข้อแรกทำง่ายกล่าวคือ บริจาคอาหาร สิ่งของ เงินทองให้แก่คนอื่นที่จำเป็นต้องใช้ ตามที่ฐานะเราพึงกระทำได้เราควรทำทานให้ทั่วถึงจากใกล้ไปไกล กล่าวคือเลี้ยงดูบุตรภรรยาเราให้ดี (เป็นการทำบุญตามหน้าที่ซึ่งจะทำให้สังคมดีงาม) ส่วนพ่อแม่ คือพระผู้ประเสริฐที่เราต้องดูแลไม่ทอดทิ้งด้านบริวารผู้ใกล้ชิดรวมทั้งผู้ร่วมงาน การให้สิ่งของแก่เขาเราจะเป็นที่รักที่เขาจะช่วยเหลือได้ในยามจำเป็น สำหรับพระสงฆ์ (สงฆ์ที่ปฏิบัติดี)เป็นเนื้อนาบุญ คือทำบุญด้วยจะได้ผลบุญมาก (เหมือนปลูกข้าวในนาดี)การให้ทานพระสงฆ์จะทำให้ท่านดำรงอยู่เพื่อปฏิบัติธรรมได้และนำธรรมะมาสั่งสอนคนในสังคมให้เป็นคนดีรู้ธรรมตามท่านซึ่งเป็นการทำให้คนในสังคมเป็นคนดีอีกอย่างเมื่อพระสงฆ์ปฏิบัติสมาธิเสร็จท่านก็จะอธิฐานจิตแผ่ส่วนบุญและความสุขให้เราจะทำให้เรามีความสุขร่มเย็นนอกจากนั้นแล้วท่านยังจะช่วยแผ่เมตตาให้แก่วิญญาณและเทวดาทั้งหลายทำให้เขามีความสุขและมนุษย์ก็จะพลอยร่มเย็นไปด้วยท่านกล่าวว่าหากที่ใดมีพระอรหันต์อยู่ ที่นั้นจะไม่วิบัติด้วยภัยสงครามจะไม่มีการรบราฆ่าฟันกัน การให้ทานยังช่วยให้ใจเราไม่ยึดติดอันจะทำให้เราปฏิบัติธรรมได้ง่าย ตัดกิเลสความยึดติดและบรรลุธรรมได้เร็วขึ้นการให้ทานที่เป็นอภัยทานนั้นทำได้ยาก แต่จะให้ผลบุญมากคือเป็นการระงับเวรไม่จองล้างจองผลาญกันในชาตินี้และชาติต่อๆไป รวมถึงการให้ทานชีวิตคนอื่น สัตว์อื่นไม่ว่าจะเป็นการละเว้นไม่ฆ่าเขา การช่วยไถ่ชีวิตเขาและช่วยเหลือให้มีชีวิตรอดยามเขาประสบปัญหาที่เหลวร้ายจะส่งผลบุญต่อเราเป็นอย่างมาก

    มีเรื่องเล่าว่าในอดีตมีสามเณรรูปหนึ่งที่ชีวิตกำลังจะถึงคราวตาย เดินผ่านทุ่งเห็นปลาจำนวนหนึ่งกำลังจะตายเพราะน้ำแห้ง เกิดความสงสารขึ้นมาอย่างจับจิตจึงได้ช่วยนำปลาเหล่านั้นไปปล่อยในแม่น้ำใหญ่ ทำให้ปลาทุกตัวรอดชีวิตจากที่ควรจะตายว่ายน้ำไปมาอย่างมีความสุข สมเณรนั้นมีความสุขอิ่มเอมใจที่ได้ทำดีและเดินต่อไปกลางทุ่ง พบเถียงนาจึงเข้าไปพักใกล้ๆนั้นมีงูเห่าใหญ่ช่อนตัวอยู่ใต้หญ้าแห้ง เห็นเณรมางูเกิดตกใจจะออกมากัดแต่ด้วยเหตุใดก็ตาม จอบที่ชาวนาวางชันไว้เกิดล้มลงมาถูกงูเห่าพอดีทำให้งูตายแทนที่จะได้ออกมากัดสามเณรเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการทำบุญด้วยเจตนาดีอันแรงกล้านั้นช่วยเปลี่ยนลิขิตชีวิตคนได้แต่จะต้องทำด้วยเจตนาดีจริง ๆ และมีเหตุการณ์ให้ได้ทำบุญ ไม่ใช่แม่ค้าไปจับนกมาขังจับปลา จับปลาไหลมาใส่อ่างไว้ให้คนได้ซื้อเพื่อปล่อยคนพวกนี้ชาติหน้าจะโดนกลั่นแกล้งให้โดนจับติดคุกอยู่ร่ำไป

    2. การรักษาศีลเป็นการทำบุญที่ไม่ต้องใช้ทรัพย์ทำยากขึ้นและได้ผลดีขึ้นต่อตัวเองและสังคมพระพุทธเจ้าบัญญัติศีลขึ้นมาเพื่อป้องกันการทำร้ายตัวเองและคนอื่นทั้งทางกาย และใจถ้าทุกคนปฏิบัติตัวดีตามศีลสังคมจะสงบสุขมาก ตำรวจก็จะทำงานน้อยลงศีลจะทำให้ร่มเย็น ปลอดภัย เจริญรุ่งเรือง และมีความสุขอย่างน้อยควรพยายามปฏิบัติศีลห้าให้เป็นปกตินะครับ พระพุทธเจ้าไม่ทรงบังคับแต่ทรงแนะนำให้ละเว้นจากสิ่งไม่ดี ห้าประการ โดยให้หนึ่ง:เว้นจากการทำลายชีวิต ทั้งของตัวเองและคนอื่นให้ตายหรือบาดเจ็บสอง:เว้นจากการลักทรัพย์ การโกงหลอกลวงเอาทรัพย์คนอื่นการได้ทรัพย์ที่ตัวเองไม่สมควรได้สาม:เว้นจากการประพฤติกามที่ผิดครรลองครองธรรมท่านให้มีกามกับภรรยาหรือสามีตนเท่านั้น สี่:เว้นจากการพูดไม่ดีเช่นโกโหก พูดส่อเสียดพูดจาแดกดันให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ พูดเพ้อเจ้อไม่มีสาระ (ขาดสติ)ที่ไม่ประเทืองปัญญาห้า:เว้นจากการเสพของมึนเมาที่ทำลายจิตและสมองตัวเองเช่นเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอร์ ยาเสพติดทุกอย่าง อันจะทำให้สมองเสื่อมส่งผลให้การฝึกสมาธิจิตเป็นไปได้ช้ากว่าที่ควร (หรือไม่ได้เลย)ซึ่งจะขวางกั้นเราจากปัญญา และการถึงที่สุดแห่งทุกข์อีกอย่างความมึนเมาจะทำให้ขาดสติ ทำในสิ่งผิด และเดินทางไปสู่ความฉิบหายในที่สุด สรุปแล้วการรักษาศีลมีข้อดีมากมาย ศาสนาพุทธของเรารับประกันว่าถ้ารักษาศีลชีวิตจะมีแต่ความสุขความเจริญ

    3. การฝึกสติสมาธิภาวนาเป็นบุญที่ทำยากขึ้นไปอีกแต่ไม่ต้องใช้ทรัพย์อะไรเลยให้ผลดีต่อคนปฏิบัติสูงมากขึ้น เพราะเป็นการเริ่มยกจิตให้สูงขึ้นเพื่อเข้าหาธรรมะเพื่อวัตถุประสงค์สูงสุดของการเป็นชาวพุทธ คือบรรลุธรรมเข้าถึงปัญญาและการพ้นทุกข์ในที่สุด ทำได้หลายวิธีเช่นการนั่งสมาธิ เดินจงกรม (สมาธิคือจิตตั้งมั่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผู้มีสมาธิจะเป็นผู้มั่นใจไม่วอกแวกผู้ไม่มีสมาธิจะฟุ้งซ่าน จิตใจไหลไปกับความคิดหลายอย่าง เป็นผู้ป้ำๆ เป๋อ ๆ)การทำสมาธิควรให้เกิดสติขึ้นมาด้วย หรือจะฝึกโดยทำให้มีสติอยู่เสมอไม่ว่าจะทำอะไรซึ่งเหมาะกับคนทำงานในยุคปัจจุบันนี้การมีสติจะทำให้เรารู้ตัวเองตลอดเวลาว่าทำอะไรอยู่ เหมาะไหม ถ้าไม่เหมาะจะได้เลิก (การไม่มีสติคือไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร และจะทำผิดเรื่อยไป)สมาธิถ้าฝึกให้เกิดขึ้นแล้วแม้จะตั้งอยู่ไม่นาน ก็จะทำให้เกิดความสุขและปีติมากขยันทำ ทำเรื่อยๆ ทำทุก ๆ วันถึงจะไม่มาก ทำให้เป็นนิสัยทำให้เกิดความชอบ เอาใจใส่ที่จะทำ และใช้ปัญญาอย่างแยบคลายเพื่อทำให้เกิดสมาธิจะเกิดเป็นอิทธิบาทสมาธิทันทีครับ มีผลดีมาก จะเป็นคนฉลาดทำงานอะไรก็จะประสบความสำเร็จทำให้ชาติเราเจริญรุ่งเรืองโดยรัฐบาลไม่ต้องลงทุนเลย

    4. การมีคารวะธรรม หรือเคารพผู้ที่ควรเคารพเช่นเคารพพ่อ แม่ ญาติผู้ใหญ่ ครูอาจารย์ พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ (หรือตัวแทน) ในหลวงผู้ทรงทศพิศราชธรรมของพวกเรา ผู้อาวุโสกว่าผู้มีความรู้หรือประสบการณ์มากกว่าเรา ผู้มีศีลสูงกว่าเรา ผู้มีภูมิธรรมสูงกว่าเราผู้ที่ทำความดี เราแสดงความเคารพโดยการแสดงออกทางกริยาและคำพูดที่เหมาะสมเมื่อพบปะหรือพูดคุยด้วย ถือว่าเป็นบุญอย่างหนึ่งผลดีที่ได้คือเราจะมีใจที่อ่อนโยน เป็นที่รักและเมตตาของคนเหล่านั้นซึ่งอาจจะช่วยเหลือ หรือสั่งสอนสิ่งดี ๆ แก่เราการคารวะต้องมีสัจจะ และความจริงใจโดยไม่หวังผลอะไร (หากจะเกิดผลดีก็เป็นเรื่องกลไกลของบุญ) การเคารพไม่ใช่การประจบสอพลอไม่ใช่การกลัวหรือหงอ แต่เป็นการประกอบกรรมที่เป็นบุญหากเราเห็นผู้ที่มีคารวะธรรมก็ควรสรรเสริญ (เพราะเราจะได้บุญด้วยซึ่งจะกล่าวในข้อถัดไป)

    5. การช่วยเหลืองานคนอื่นเป็นการสละแรงกายปัญญาและความคิดเพื่อช่วยคนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยไม่นิ่งดูดายเช่นช่วยเหลือสังคม ช่วยงานสาธารณะ ช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก เป็นการทำบุญที่ดีทั้งนั้นใกล้ตัวเข้ามาก็ช่วยงาน พ่อ แม่ ครูอาจารย์ ช่วยภรรยาทำงานบ้าน เลี้ยงลูกช่วยสามีทำงานเท่าที่จะช่วยได้ ช่วยเจ้านายทำงาน ช่วยลูกน้องแก้ปัญหาช่วยสอนความรู้ หรือวิธีการทำงาน เป็นต้น ถ้าทุกคนมีแต่ช่วยเหลือกัน สังคมก็จะดีจะมีแต่ความสุข

    6. การช่วยให้คนได้บุญคือแผ่ส่วนบุญให้ผู้อื่นเป็นการทำบุญอีกมิติหนึ่งที่ต้องใช้จิตและปัญญาสูงขึ้นกล่าวคือเมื่อเราเป็นผู้มีบุญแล้ว ก็แผ่บุญ กุศล และความสุขไปให้คนอื่นด้วยทั้งมนุษย์และวิญญาณทั้งหลายผู้ไม่มีร่างกายเพื่อใช้ในการทำบุญ โปรดสงสารอย่ารังเกียจ หรือกลัววิญญาณเหล่านั้น ผู้ซึ่งอยู่ร่วมวัฏฏะ กับเราการทำบุญข้อนี้ยังรวมไปถึงการชักชวนให้คนอื่นได้ทำบุญและเป็นผู้มีบุญซึ่งต้องใช้ปัญญาในการอธิบายข้อดีต่างๆการแผ่ส่วนบุญจะช่วยให้เราเป็นใจกว้างซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีทางใจไปที่ไหน ๆ ก็จะมีแต่คนรัก ทั้งเทวดา และวิญญาณต่าง ๆ ด้วย

    7. การยินดีเมื่อคนอื่นทำบุญ ได้บุญหรือได้ดี (การมีมุทิตาจิต)เป็นการทำจิตให้เป็นบุญและยังช่วยขจัดความอิจฉา และริษยาออกจากจิตด้วยหากเราฝึกจิตให้ยินดีกับคนอื่นอยู่เรื่อย ๆ จะเป็นผู้มีแต่ความสุข จิตใจร่มเย็นบุญข้อนี้พวกวิญญาณ หรือเทวดาทั้งหลายก็ทำได้ ซึ่งเราจะได้ยินบ่อย ๆ ว่าหลังจากที่เราได้ทำบุญพวกเทวดา และวิญญาณทั้งหลายที่ดูอยู่จะพากันสรรเสริญ

    8. การได้พูดคุยเรื่องที่ดีและมีสาระกับคนที่มีความรู้หรือสนทนาธรรมเป็นการยกระดับความรู้ และปัญญาให้กับเราเองการได้พูดคุยเรื่องที่มีสาระ หรือสนทนาธรรม หรือการฟังธรรมะ ทำให้จิตมีความสุข (เกิดปีติ) เบิกบาน จิตเกิดสติและสมาธิ ผิดกับการพูดพล่าม พูดไร้สาระหรือที่ปัจจุบันเรียก Chat จะทำไห้จิตฟุ้งซ่านไหลไปตามอารมณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายเป็นคนรักง่าย เบื่อง่าย โกรธง่าย ซึ่งเป็นคุณสมบัติทางจิตที่ไม่พึงประสงค์เป็นจิตที่คอยทำร้ายและทิ่มแทงใจเราเอง ลองเลิก Chat ดูซิยังมีสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่น่าทำกว่า ที่เรายังไม่ได้ลงมือทำเช่นการช่วยเหลือผู้อื่น การทำใจให้มีสติอยู่ตลอดเวลา การทำบุญข้อต่าง ๆ ที่กล่าวมาและข้อที่จะกล่าวต่อไป

    9. การบอกสอนหรือแนะนำสิ่งดี ๆ ให้ผู้อื่น หรือสอนธรรมะแก่ผู้อื่นเป็นการทำบุญที่ประเสริฐ และได้บุญมากเพราะจะทำให้ผู้อื่นเข้าใจสิ่งต่างๆ รอบกายเขาได้ถูกต้องและปฏิบัติตัวได้เหมาะสมอย่างมีความสุข โลกเราทุกวันนี้ก็เป็นโลกใบเดียวกับโลกเมื่อ 20 ปีก่อน เมื่อ 100 ปีก่อน เมื่อ 1,500 ปีก่อน เมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน แม้สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ จะเปลี่ยนไปบ้างแต่ก็เป็นโลกใบเดิมเพราะฉะนั้นเราควรจะทำใจเราให้มีความสุขเหมือนสมัยพ่อ แม่ ปู่ ย่า ของเราเหมือนยุคพระพุทธเจ้าของพวกเรา หรือเหมือนศาสดาของศาสนาอื่นๆที่นำพาสาวกของท่านให้มีความสุขพวกเราน่าจะดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุขมากกว่ายุคอดีตเสียด้วยซ้ำโดยเฉพาะความสุขทางกาย เพราะวิทยาการทางแพทย์ดีกว่าสมัยโน้นการคมนาคมและสื่อสารดีกว่ายุคก่อนมาก

    แต่มนุษย์ยุคนี้ก็แปลกคือกลับทำตัวรีบร้อนตามการเปลี่ยมแปลงบางอย่างเกินเหตุ จิตใจจึงขาดความสมดุลทำให้ไม่มีความสุขเท่าที่ควร เช่นวิ่งตามข่าวสารที่ไม่จำเป็นกับตัวเองวิ่งตามกระแสต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น เช่นการแต่งตัว การใช้สิ่งของเป็นต้น <O:pดังนั้นเราควรหันมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยใช้ประโยชย์จากเทคโนโลยี่สมัยนี้เราต้องไม่ตกเป็นทาสของมัน และไม่เป็นทาสของการโฆษณาที่เกินจริงทั้งหลายและเราควรจะแนะนำความรู้ ความเห็น และสิ่งดี ๆเหล่านี้ให้แก่คนอื่นด้วย

    10. การมีความเห็น และปฏิบัติตัวให้ถูกต้องตามความเป็นจริง (ตามธรรมะ) เป็นการทำบุญที่สูงสุด ได้บุญมากที่สุดปฏิบัติเพื่อถึงจุดหมายปลายทางของการเป็นชาวพุทธ คือการที่จิตเป็นพุทธะเช่นเห็นว่าสังขารไม่เที่ยง จะต้องปฏิบัติเพื่อออกจากสังขารโดยการฝึกสมาธิ สติเพื่อให้เกิดปัญญาที่มีพลังพอที่จะพาเราหลีกหนีจาก (วัฏฏะ) สังขารเหล่านั้นได้


    http://www.boonhome.net/
     
  2. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุบุญ


    ละความชั่วด้วยศีล ทำความดีด้วยทาน จิตเบิกบานด้วยภาวนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...