ลงชื่อผู้สนใจเรียนพลังยูเรอัส ระดับ 1

tour

ตอนนี่ผมรู้สึกว่าเวลาผมนั่งทำสมาธิเวลานึกที่ จักระ7 แล้วเหมือนว่า จักระ7 ไม่ค่อยทำงานเป็นเพราะอะไรหรอครับมีใครเป็นแบบผมบ้างไหม มันเกิดอะไรขึ้นหรอครับใครรู้ช่วยบอกผมด้วยนะครับผมสงสัยจังครับ;aa55

 

ไม่ค่อยทำงาน มันเป็นยังไงครับ

 

tour

แต่ผมก็ฝึกทุกวันนะครับ

 

การรู้สึกถึงการทำงานของจักระ ในแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
บางคนสามารถจับความรู้สึกได้ชัดเจน
บางคนอาจไม่รู้สึกอะไรเลย

ดังนั้นไม่ต้องกังวลใดๆทั้งสิ้น
ค่อยเป็นค่อยไป ถึงเวลาก็จะทราบเองครับ

 

ขอบพระคุณพี่เม้าท์ครับ ผมเองก็ไม่รู้สึกอะไรที่ 7 เหมือนกัน แต่ส่งพลัง
ให้คนป่วยแล้วคนป่วยสัมผัสได้ ดังนั้น ท่านที่ไม่รู้สึกอะไรเลยก็อย่าเพิ่ง
กังวลครับ พี่เม้าท์ตอบไว้ดีแล้วครับ เพียงแต่อยากให้คุณ tourgaea
ลองรักษาให้ผู้อื่นบ้าง พลังจะได้เคลื่อนไหวถ่ายเทครับ

อ้อ...สำหรับกระทู้รุ่น 3 ที่หายไป จริงๆแล้วไม่ได้หายไปไหนครับ
ถูกย้ายไปอยู่ห้องหลุมดำ เผื่อเพื่อนๆที่จะย้อนไปอ่านหาไม่เจอครับ

 

สวัสดีครับ
วันนี้วันอาทิตย์... อาจารย์จิตราบอกว่าตอนเที่ยงพลังจะแรงที่สุด สอดคล้องกับทางมูลนิธิฯ ที่บอกว่าเที่ยงวันอาทิตย์อาจารย์ใหญ่จะส่งพลังมาให้สำหรับประเทศไทย เวลาระหว่าง เที่ยง-เที่ยงสิบนาที(ประมาณนี้)

ลองทำสมาธิรับพลังดูสิครับแรงจริงอย่างอาจารย์ว่า รู้สึกวาบๆ มากจริงๆครับ รู้สึกได้เกือบทุกจักระ(สำหรับผม) โดยเฉพาะ 6,7 และตามแนวสันหลัง(5,4,3) ส่วนจักระ 2 ของผมรู้สึกได้ค่อนข้างน้อยเป็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วไม่รู้เพราะอะไร

 

สวัสดีครับ
สำหรับผู้ที่หายใจยาวๆ ลึกๆ ไม่ค่อยได้ ผมมีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำแล้วได้ผลดี(อย่างน้อยก็สำหรับผม)มาบอกกล่าวกันครับ ปกติผมเป็นคนหายใจสั้นพอฝึกหายใจยาวครั้งแรกรู้สึกหายใจไม่อิ่ม ไม่ทัน ตอนสูดลมเข้าครั้งแรกยาว..ลึก..ได้ พอตอนหายใจออกกว่าลมจะออกได้หมด เหมือนใจจะขาด จึงต้องรีบหายใจเข้า พอรีบหายใจเข้ามาอย่างเร็วตอนออกจึงเร็วตามไปด้วย จึงขาดความสม่ำเสมอไป

วิธีที่ผมใช้ได้ผลคือ อย่างแรกต้องไม่เกร็ง ไม่กังวลกับลมหายใจ ให้เราผ่อนคลายทุกส่วนยิ่งผ่อนคลายได้มากยิ่งดี หายใจเข้าแบบสบายๆ ค่อยๆ
ให้นึกว่าอากาศที่เข้ามาเป็นเส้นพลังสีขาวบางเบาเป็นสาย พอรู้สึกว่าลมหายใจ(เส้นพลังสีขาว)ลงมาจนสุดแล้ว(ท้องป่อง) ให้หยุดอยู่นิดนึง ไม่ต้องกลั้น ไม่ต้องกัก ไม่ต้องอั้นไว้นะครับ ให้หยุดเฉยๆแป๊บเดียว(หรืออาจจะไม่หยุดก็ได้) นึกเห็นเส้นอากาศสีขาวบริสุทธิ์นั้นม้วนกลับขึ้นมาช้าๆแผ่วเบา สบาย พร้อมกับหายใจออก
ตอนหายใจออกไม่ต้องบีบ ไม่ต้องเกร็งท้องนะครับ พอออกจนสุด(โดยไม่เกร็ง)แล้ว ก็นึกเส้นอากาศสีขาวนั้นม้วนกลับเข้ามาใหม่อีกครั้งพร้อมกับหายใจเข้า

หลักการใหญ่ๆ คือขอให้ต่อเนื่อง ลื่นไหล ไม่เกร็ง ไม่กังวล ไม่บังคับ

ใหม่ๆ อาจจะยังหายใจได้ไม่ลึก ฝึกทำบ่อยๆ ทุกวัน อาจจะตั้งไว้ในใจว่าจะทำวันละกี่ครั้ง วันละกี่รอบหายใจก็ได้ ประมาณอาทิตย์นึงครับจะเริ่มเห็นผล ทั้งผลหลักตามจุดมุ่งหมาย และผลพลอยได้...

เป็นพื้นฐานในการฝึกขั้นต่อๆไปของพวกเราครับ

(ผลพลอยได้อย่างนึงที่เห็นได้ชัดคือเราจะอึดขึ้น เช่น ปกติขึ้นบรรได 4-5 ชั้นเราส่วนใหญ่ก็จะหอบแล้วใช่ไหมครับ พอฝึกหายใจยาวแล้วเห็นชัดเจนเลยครับว่าความเหนื่อยหอบนั้นลดลงเป็นอย่างมาก)

 

ช่วยปั่นกระทู้ต่อจาก padon ละกัน รวบรวมจากหลายๆที่ ส่วนใหญ่จาก อโรคยา
การรักษาสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรง สิ่งสำคัญคือ การหายใจ
การหายใจที่ดีนั้นสิ่งสำคัญต้องได้รับอากาศที่ดี ออกซิเจนที่บริสุทธิ์ตามสวนสาธารณะ (นอกตัวเมืองจะดีมาก สวนลุม ไม่แนะนำเพราะร่างกายเราไม่ใช่เครื่องฟอกอากาศ ที่ไปช่วยสูดควันพิษ) นอกจากอากาศที่ดีแล้ว วิธีการหายใจก็สำคัญครับ วิธีการหายใจที่ถูกต้องก็คือท่านต้องหายใจลึกๆให้ถึงก้นกบ ให้ถึงไตเพื่อไตจะได้รับพลังเพื่อนำไปใช้ในร่างกายได้ เมื่อหายใจลึกๆ ออกซิเจนก็จะลงไปเลี้ยงกระดูกสันหลัง ซึ่งกระดูกสันหลังนี้มีปลายประสาทอยู่มากมาย เมื่อออกซิเจนไปถึงมันก็จะไปหล่อเลี้ยงปลายประสาทเหล่านั้น ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากออกซิเจนอย่างเต็มที่ แต่อย่าฝืนอย่าเกร็งนะครับ ทำตามเทคนิคของ padon เลยครับ แรกๆทำได้เท่าไร เท่านั้น ฝึกทุกเวลาที่รู้สึก นานวันเข้าก็จะลึก+ละเอียดเอง

 

อีกข้อหนึ่งก็คือ เรื่องของอารมณ์ อารมณ์ทำให้เกิดปัญหากับร่างกายเราได้มากครับ ทั้งอารมณ์โกรธ อารมณ์เครียด อารมณ์ดีใจ เศร้าเสียใจ ทำให้เกิดปัญหากับร่างกายเราได้ทั้งนั้น ถ้าหากว่าท่านเกิดความเครียดจะส่งผลกับร่างกายทันที ตับจะไม่สามารถระบายเลือดลมได้ ไม่สามารถระบายเลือดลมไปให้กระเพาะทำงานได้ กระเพาะก็ย่อยอาหารไม่ได้ เมื่ออาหารไม่ย่อยก็ทำให้เกิดสารพิษขึ้นในร่างกายเรา เมื่อเกิดสารพิษในร่างกายเราแล้ว มันก็จะเข้าไปในเส้นเลือด เข้าไปในร่างกายทุกส่วนของเราก็ทำให้เกิดปัญหากับร่างกายเรา หรือเกิดโรคมะเร็งได้

 

แล้วทำอย่างไรถึงจะเอาพิษออกจากร่างกายได้
ในกรณีที่ร่างกายเราเกิดปัญหามีพิษขึ้นมา เช่นคนที่เป็นลมพิษบ่อยๆ ผื่นคันตามผิวหนัง คันตามร่างกาย แสดงว่าร่างกายของเรามีพิษอยู่ ต้องทำการขับพิษออกจากร่างกายครับ โดยใช้วิธีการขับพิษออกจากร่างกายแบบโบราณหรือที่เรียกว่า ปัญจกัมมะ คือการเอาพิษออกจากร่างกาย 5 วิธีด้วยกัน คือ 1. ออกทางอุจจาระ 2. ปัสสาวะ 3. เหงื่อ 4. ทางลมหายใจ และ 5. ทางปาก
วิธีแรกคือการอุจจาระ ท่านต้องคอยสังเกตุร่างกายของท่านว่า ถ่ายเป็นประจำมั้ย หรือถ่ายเป็นปกติมั้ย ถ้าไม่สามารถถ่ายได้ ท่านต้องช่วยร่างกายของท่านโดยการทานยาถ่าย ยาระบาย หรือใช้วิธีสวนทวาร หรือดีทอกซ์นั่นเอง โดยใช้กาแฟในการขับพิษ ซึ่งกาแฟจะซึมผ่านเส้นเลือดดำ ขึ้นไปที่ตับ และขับพิษในร่างกายออกมา อีกวิธีหนึ่งคือการเอาพิษออกด้วยการอบสมุนไพร หรืออบไอน้ำ ซึ่งจะทำให้พิษในร่างกายออกมาผ่านทางเหงื่อนั่นเอง

 

อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องอาหารการกินเพื่อหลีกเลี่ยงการ เกิดมะเร็ง พยายามทานอาหารประเภทธัญพืช โดยเฉพาะข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ และท่านควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทสามขาว คือ ข้าวขาว น้ำตาลทรายขาวและเกลือ พยายามหลีกเลี่ยงถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ให้ทานแต่น้อย และผักผลไม้ควรทานประเภทที่ปลูกในประเทศไทย ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเราเอง ไม่จำเป็นต้องไปทานของนอก ทานของไทยก็มีคุณประโยชน์เหมือนกัน การกินผักผลไม้ก็ควรกินตามฤดูกาล ไม่ควรกินผักผลไม้ที่เก็บไว้เป็นเวลานานเพราะจะทำให้เกิดปัญหาได้

และที่สำคัญคือต้องหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่ดี พักผ่อนร่างกายให้เพียงพอ ให้ถูกสุขลักษณะ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและขับพิษออกจากร่างกายได้
เสร็จภารกิจปั่นกระทู้แล้ว.. ไปทำงานต่อดีกว่า

 

ขอเชิญชาวยูเรอัสและพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ เข้าร่วม...
งานสัมมนาเชิงปฏิบัติการพลังจิตพิชิตภัยพิบัติครั้งที่ 2 ด้วยนะคะ
งานจัดที่ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ อาคารหนึ่ง สามเสน ห้องประชุมบุณยคุปต์
ได้ยินว่างานนี้มีตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ มาหลายกลุ่มเลยค่ะ(||)

สมัครเข้าร่วมงานฟรี จองที่ได้เลยค่ะ มีรายละเอียด และแผ่นที่ตาม
ลิงค์ค่ะ;aa50
http://palungjit.org/showthrea...=139456&page=4
<!-- / message --><!-- sig -->

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500" height="528"><tbody><tr> <td align="right">

หนังสือดีจากกองการแพทย์ทางเลือก แด่เพื่อนๆ และผู้ป่วยทุกท่านครับ มีสูตรอาหารด้วยครับ
​

:z4 :z4
เอกสารประกอบการสัมมนาวิชาการ เรื่อง อาหารสร้างชีวิต​

</td> <td>
</td> </tr> <tr> <td align="right">
</td> <td>
</td> </tr> <tr> <td align="right" width="93%">โดย : กองการแพทย์ทางเลือก</td> <td width="1%">
</td> </tr> <tr> <td>
</td> <td>
</td> </tr> <tr> <td>
</td> <td>
</td> </tr> <tr> <td>เอกสาร ประกอบการสัมมนาวิชาการเรื่อง "อาหารสร้างชีวิต" ฉบับนี้ได้รวบรวมเนื้อหาวิชาการเกี่ยวกับอาหาร และแนวทางการปฏิบัติจากประสบการณ์จริง รวมถึงตัวอย่างการประกอบอาหารในรูปแบบแมคโครไบโอติกส์ที่สามารถปฏิบัติได้ โดยง่าย ซึ่งเขียนและรวบรวมโดยวิทยาจารย์ที่เชี่ยวชาญหลายๆ ท่าน....
สร้างเมื่อ 06 - ก.ย.- 49
</td> <td>
</td> </tr> <tr> <td>
</td><td>
</td> </tr> <tr> <td>เอกสารที่เกี่ยวข้อง
หนังสืออาหารสร้างชีวิต 1 (pdf)
หนังสืออาหารสร้างชีวิต 2 (pdf)
หนังสืออาหารสร้างชีวิต 3 (pdf)
หนังสืออาหารสร้างชีวิต 4 (pdf)
</td></tr></tbody></table>

 

โอ้โห คุณ Inner Smile นำข้อความที่มีประโยชน์มากๆๆ

นำไปปฏิบัติจะทำให้อายุยืนและแข็งแรงไม่มีโรคภัยเบียดเบียน

ขออนุโมทนาด้วยนะขอรับ

(good)(good)(good)

 

ร่างกายของคนเรา เปรียบดังเรื่องจักรกล ให้จิตควบคุมบังคับสั่งการ
กระทำสิ่งต่างๆได้ตามจิตปรารถนา
แต่เมื่อเครื่องกลขัดข้อง ก็ต้องหาทางแก้ไขให้อยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม

คนที่มีพลังจิตสูง ย่อมได้เปรียบ ในการซ่อมแซมบำรุงเครื่องจักรกล(กายมนุษย์)
เพื่อเป็นอุปกรณ์ในการให้ชีวิตดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

คนที่มีพลังจิตสูงยิ่งๆขึ้นไป ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาจักรกลมนุษย์มากนัก
เพียงอาศัยพลังจิตที่ฝึกฝนมาดีแล้วนั้น ก็สามารถทำอะไรได้โดยไม่ต้องพึ่งพาจักรกลมนุษย์มากนัก

จิตมนุษย์ที่อ่อนแอ เพราะชอบไปสนองอารมณ์อยาก ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5
คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย พูดง่ายๆ ก็คือ การเสพติดสุขทางโลกโดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 นี้เอง ที่ยิ่งไปกว่านั้น สมอง ยังเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ทำให้จิต ใช้คิดฟุ้งซ่าน เบิกบาน บังเทิงอารมณ์อย่างไม่หยุดหย่อน

เมื่อประสาทสัมผัสทั้ง 5 ป่วย จึงทำให้เศร้าหมอง บางคนทำใจไม่ได้
คิดไปว่าสุขที่เคยเกิด มันคงหมดสิ้นมลายหายไปเป็นแน่แท้ แล้วจะอยู่ได้อย่างไร
เขาไม่เข้าใจสภาพที่แท้จริง ของคำว่า สุข

พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า สุขอื่นใด เสมอความสงบไม่มี

ทุกคนที่เกิดมา ตั้งใจเกิดมาเพื่อหาหนทางหลุดพ้นจากทุกข์
เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเกิดอีก แต่กลับมายึดติดกับความสุขอันจอมปลอม
ลืมทิ้งความตั้งใจเดิมจนหมดสิ้น

นี่แหละชีวิต มองให้มืด มันก็มืด มองให้สว่าง มันก็สว่าง


เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้ครับ

 

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วกำลังเลื่อยไม้ไผ่อยู่ดันโดนเลื่อยบาดนิ้วชี้รีบกำหนดที่จักระ7 ยังไม่ทันจะเอามืออีกข้างไปแตะเลือดดันหยุดไหลซะแล้วเลยต้องบีบไล่เลือดที่เสียออกแล้ทำแผล นะวันนี้แผลหายดีแล้ว
พอมาวันนี้ดันโดนมีดอีโต้จิ้มนิ้วเดิมอีกแล้ว - -* ทำเหมือนเดิมรีบกำหนดจักระ7 เลือดไหลนิดๆรู้ซึกเจ็บที่แผลเอามืออีกข้างไปอังที่แผลเลือดหยุดไหล ขนาดยังไม่ทันแตะมันจะหยุดไหลซะก่อนแล้ว ตอนนี้แปลกไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดที่แผลเลยแม้แต่นิดเดียว*0*

ปล.หลายวันนี้มีแต่เรื่องเจ็บตัวเยอะไปหมด ถ้าวันนี้ไม่มาเล่าให้ฟังสงใสแผลนี้หายเหดียวโดนหนักกว่าเดิมแน่ๆๆ555555+เล่าแล้วโล่งอก อิอิ

 

หนังสือ พุทธธรรมบำบัด
http://palungjit.org/showthread.php?t=141945

<table width="100%"><tbody><tr><td bgcolor="#f0f0f0">บทที่ 1 อารมณ์ทำให้เกิดโรค </td> <td>
</td> </tr> <tr><td bgcolor="#f0f0f0">บทที่ 2 ความผ่อนคลายบำบัดโรค</td> <td>
</td> </tr> <tr><td bgcolor="#f0f0f0">บทที่ 4 วิปัสสนากรรมฐานบำบัดโรค </td> <td>
</td> </tr> <tr><td bgcolor="#f0f0f0">บทที่ 5 การสวดมนต์บำบัดโรค </td> <td>
</td> </tr> <tr><td bgcolor="#f0f0f0"> บทที่ 6 ความคิด จินตนาการบำบัดโรค </td> <td>
</td> </tr> <tr><td bgcolor="#f0f0f0">บทที่ 7 ความฉลาดทางอารมณ์บำบัดโรค </td> <td>
</td> </tr> <tr><td bgcolor="#f0f0f0"> บทที่ 8 การหยุดความคิดบำบัดโรค </td> <td>
</td> </tr> <tr><td bgcolor="#f0f0f0">บทที่ 9 โรคหัวใจ </td> <td>
</td> </tr> <tr><td bgcolor="#f0f0f0">บทที่ 10 โรคมะเร็ง </td> <td>
</td> </tr> <tr><td bgcolor="#f0f0f0"> บทส่งท้าย เปิดประตูสู่การมีสุขภาพดี</td></tr></tbody></table>

 

วันสองวันนี้เหมือนเป็นไข้ ตัวร้อนตลอด
วันนี้ ร้อนทั้งหน้าทั้งมือ แต่ก็ขนลุกซู่ด้วย เป็นระยะ ๆ แต่ก็ยังทำงานได้ไม่ได้มีอาการเหมือนคนป่วย ก็งง
ต้องจับที่จักระไหนช่วยได้บ้างคะ แนะนำด้วยค่ะ

 

ไม่แน่ใจลองปรึกษาที่ อ.suwi http://palungjit.org/showthread.php?t=110817

 

ลองฟอกเลือดและแตะที่จักระ 7 ดูครับ น้องพศิกา ทำจิตใจให้เปลอดโปร่งและพักผ่อนให้เพียงพอด้วยครับ