ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ขออวยพรสั้นๆ "ขอให้ทุกท่านพบพานแต่สิ่งที่ดีตลอดไป" (ลป.ดู่วัดสะแก)
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เรื่องสุดท้ายที่จะโพสท์ในวันนี้คือเรื่องอานุภาพของพระสิวลี พี่ใหญ่เล่าให้ฟังครั้งหนึ่งว่า พระที่กรรมการทุนนิธิฯ ฝากขอบารมีเสกที่จะแจกใน ในลำดับต่อไป ท่านได้เชิญครูบาอาจารย์นับแต่ท่านองค์ใหญ่ หลวงปู่ใหญ่ทั้ง 5 องค์ หลวงปู่ทวด เจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นอาทิ ยังได้บารมีจากพระสิวลีด้วย โดยท่านมาทางทิพย์ พี่ใหญ่จึงนิมนต์ขอบารมีท่านให้ "ช่วยทำ" ให้ด้วย ผลก็คือ มีแสงสีทองอร่ามเรืองรองจากข้างบนลงมาคลุมยังกองพระทั้งหมด วาบเดียว เรียบร้อย ติดหมด ของนายสติก็มีเยอะ ของผมมีพระพิมพ์สมเด็จที่เตรียมไว้แจกในงานต่างๆ ตามวาระ อีก 300 องค์ เราลองมาดูประวัติท่านที่หลายคนคงจะคุ้นเคยกันอยู่แล้วครับ


    พระสีวลีเถระ เอตทัคคะในทางผู้มีลาภมาก
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระสีวลี เป็นพระอรหันตสาวกองค์หนึ่งที่มีผู้คนศรัทธาและกราบไหว้บูชา เป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยเป็นเอตทัคคะในทางผู้มีลาภมากนั่นเอง ผู้กราบไหว้บูชาจึงหวังโชคลาภ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย ด้วยการบูชา

    [​IMG]

    เหตุที่ท่านเป็นเอตทัคคะในทางผู้มีลาภมากนั้น เรามาดูประวัติของท่านกัน ท่านเป็นโอรสของพระนางสุปปวาสา ราชธิดาแห่งโกลิยนคร ตั้งแต่ท่านจุติลงถือปฏิสนธิในครรภ์ของพระมารดา ได้ทำให้ลาภสักการะเกิดขึ้นแก่พระมารดาเป็นอันมาก แต่ท่านอาศัยอยู่ในครรภ์ของพระมารดา นานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ครั้นเมื่อใกล้เวลาจะประสูติ พระมารดาได้รับทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า พระนางจึงขอให้พระสวามีไปกราบบังคมทูลขอพร จากพระบรมศาสดาและพระพุทธองค์ตรัสประทานพรแก่พระนางว่า
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระพิมพ์สมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า พระที่ไม่มีราคาในวงการ เจ้าอาวาสวัดป่ากรรมฐานแถวระยองผู้รู้สัตว์เกิดตายแล้ว ถามผมว่า โยมมีอีกมั๊ย? (อภินันทนาการรูปโดย นายสติคณะกรรมการทุนนิธิฯ โดยนำมาลงเพื่อการศึกษาเพียง 6 รูป จากนับร้อยรูป) อยากดูเนื้อพระว่าเป็นยังไงคลิกที่รูปเพื่อขยายใหญ่ เสร็จแล้วรอเรียนรู้จากองค์จริงนับสิบๆ องค์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • CharDaPhom 1.JPG
      CharDaPhom 1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      672.8 KB
      เปิดดู:
      72
    • Jade.jpg
      Jade.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      51
    • PB010244.JPG
      PB010244.JPG
      ขนาดไฟล์:
      710 KB
      เปิดดู:
      68
    • Prathan 4.JPG
      Prathan 4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      573.7 KB
      เปิดดู:
      54
    • PraThan B.JPG
      PraThan B.JPG
      ขนาดไฟล์:
      541.1 KB
      เปิดดู:
      54
    • ProkPho 1.JPG
      ProkPho 1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      647.2 KB
      เปิดดู:
      57
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2008
  4. พิช

    พิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +596
    คุณพันวฤทธิ์ครับ
    ผมได้ร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธโดยโอนเงินทำบุญให้แล้ว(03/07/51เวลา15.49น.)จากบัญชี1210462 ธนาคารกรุงไทย เข้าบัญชี"ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา หมายเลข348-1-23245-9 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนวิภาวดีรังสิต จำนวน 999.00บาท
    วันนี้เพิ่งจะหากระทู้เจอเลย แจ้งให้ทราบ ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้และทุกคนด้วยครับ
     
  5. เทพารักษ์

    เทพารักษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +980
    สิ่งมีค่า

    :z8เมื่อเรามีสิ่งที่มีค่าอยู่แต่ไม่ดูแลรักษาแต่เมื่อถึงเวลา ที่ สิ่งมีค่านั้นต้องจากไป กลับกลายเป็นเห็นคุณค่าเมื่อมันจากไปแล้ว (สายเกินไป) (cry)

     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ให้ดูรูปชัดๆ อีกที ปูนเพชร คราบรัก รอยชาดที่ที่ซึมตามเนื้อพระที่แตกลายงา ผงทองคำประปราย ฯลฯ

    [​IMG]

    คราบรักเก่าจนร่อนออกจากเนื้อพระ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2008
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระพิมพ์ที่วงการไม่ยอมรับ ไม่มีราคา ของปลอม พระมือผี พระข้างถนนแล้วแต่จะเรียกกัน โทษที มีอีกก็เก็บอีก เอาไปถวายพระกรรมฐานให้ท่านสร้างกุฎิ ทำคุณประโยชน์ให้พระศาสนา พระป่ากรรมฐานท่านรู้คุณค่า ขอแล้วก็ขออีก เอาไปถวายทีนับเป็นสิบๆ องค์ ก็พระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่านี่ล่ะ สร้างกุฎิให้พระป่าได้ปฏิบัติกรรมฐานเป็นหลังๆ อยู่ในอังสะเวลาออกรุกขมูลก็เยอะ กันได้สารพัด จะเชื่อเซียน หรือเชื่อพระธุดงค์ดีน๊อ....
     
  9. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ชีวิตมีแต่อุปสรรค...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    [​IMG]




    หลวงพ่อคะ ลูกได้ทำบุญทำทานทำกุศลไว้มาก แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดชีวิตมีแต่อุปสรรค มีแต่ปัญหาถูกคนนินทาบ้าง ถูกคนว่าร้ายบ้าง แสดงว่าบุญกุศลที่ทำในชาตินี้ไม่ให้ผลดีใช่ไหมเจ้าคะ...?

    <O:p</O:p
    นั้นแหละให้ผลดีมาก เป็นมหากุศล ก็ทำถูกแล้วนี่ เราเกิดมาเป็นคน เกิดมาเพื่อพบกับคำนินทาที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
    <O:p</O:p
    นัตถิ โลเก อนินทิโต<O:p</O:p
    คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก<O:p</O:p
    คนที่มีบุญใหญ่ ถูกนินทาใหญ่ คนที่มีบุญเล็ก ถูกนินทาเล็ก อย่างพระพุทธเจ้าเขาไม่นินทาน่ะ เขาด่าต่อหน้าเลยนะ โดนว่าหนักกว่าเรามาก นั้นแหละคนมีบุญใหญ่ ถูกนินทาใหญ่ ด่าแหลก เห็นไหมล่ะ
    <O:p</O:p
    เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบุญกุศลชาตินี้ชาติหน้าหรอก มันเป็นกฎธรรมดา เราเกิดมาเพื่อถูกนินทาแน่ ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดานะ อีกประการหนึ่งขอให้คิดว่าคนที่นินทาคนก็ดี คนด่าก็ดี เป็นลักษณะของคนบ้า เราก็ไม่ถือคนบ้าไม่ว่าคนเมาก็หมดเรื่อง ให้เขาว่าเพียงฝ่ายเดียว
    <O:p</O:p
    อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงตอบพราหมณ์ พระพุทธเจ้าท่านกำลังเทศน์อยู่ พราหมณ์โมโหที่ลูกศิษย์ของแกสรรเสริญพระพุทธเจ้า แกรู้ก็ไปชี้หน้าด่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก้เลยปล่อยให้แก่เทศน์แทน ตามบาลีท่านบอกว่า ด่าแบบทาสกรรมกรด่ากัน ด่าไปด่ามาแกเหนื่อยแกก็หยุดแล้วชี้หน้า
    <O:p</O:p
    พระสมณโคดม แกแพ้ข้าแล้ว<O:p</O:p
    พระพุทธเจ้าถามว่า<O:p</O:p
    ตถาคตแพ้เธอตรงไหนเล่า....? ท่านพูดแบบเรียบๆ นะพราหมณ์ตอบว่า<O:p</O:p
    ข้าด่าแก แกไม่ด่าตอบนี่หว่า<O:p</O:p
    พระพุทธเจ้าก็ตอบว่า
    <O:p</O:p
    พราหมณ์ ตถาคตมีความรู้สึกว่าถ้าใครโกรธตถาคตมา ตถาคตโกรธตอบ ตถาคตเลวกว่าคนนั้นนะ<O:p</O:p
    โดนน๊อคเลย อีตานั้นนั่งทรุดเลย ยกมือไหว้ กล่าวว่า วาจาของท่านเหมือนสุภาษิต เหมือนกับหงายของที่คว่ำมารับน้ำค้าง ท่านก็เลยขอบวช บวชแล้วก็ได้เป็นพระอรหันต์ <O:p</O:p
    แบบนี้ถึง 4 คนด้วยกัน ไม่ทราบว่าทำบุญอะไร ด่าพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหัตน์ อย่าไปเอาเข้านะ นี่เพิ่งได้ 4 คน แต่อย่าไปว่าท่านนะท่านเป็นพระอรหัตน์ไปนิพพานหมดแล้ว<O:p</O:p
    ไอ้นี่แหละการนินทาหลบไม่ได้ ต้องถือว่าตามคติของพระพุทธเจ้าตรัสกับพระสงฆ์ ระหว่างพระองค์เดินไปกับพระสงฆ์ เมืองลันทากับกรุงราชคฤห์ต่อกัน<O:p</O:p
    ที่พราหมณ์นำคณะตามไป ท่านลุงนินทาพระพุทธเจ้าหลานสรรเสริญ พระกลับมาฉันข้าวแล้วก้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และเล่าให้ฟัง พระพุทธเจ้าก็บอกว่า
    <O:p</O:p
    พวกเธอทั้งหลาย จงอย่าสนใจในวาจาทั้งสอง คือ นินทาและสรรเริญว่าดี เราก็ไม่ดีไปตามเขาพูด เราจะดีหรือเลวอยู่ที่การประพฤติและปฏิบัติเท่านั้น<O:p</O:p
    พูดสั้นๆ เท่านี้พระพวกนั้นได้บรรลุมรรคผล นี่ต้องถือตามคตินี้นะ ถ้าไปคิดว่า เกิดมาชาตินี้ถูกนินทาแล้วกลุ้มใจตายตกนรกแน่<O:p</O:p




    จากหนังสือธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 17

    คัดลอกจาก >>ClickHere<<

    เห็นการกล่าวถึงบุคคลอันเคารพของผมในทางที่ดูหมิ่นดูแคลนบางครั้งสติผมอาจหลุดไปบ้าง
    แต่ได้นึกถึงคำของท่านเคยบอกว่า"อย่าไปยึดติด" ก็เลยให้ทำใจละวางไปได้บ้าง ได้แต่เฝ้ามองดูเรื่อยๆ

    ยังไงก็มุ่งในเส้นทางบุญต่อไปโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมบุญกันมาครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2008
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ภาพพระพิมพ์สมเด็จปีระกาป่วงใหญ่ หรือสมเด็จเขียว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2008
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    บุญบารมีที่สูงที่สุด

    <!-- Main -->[SIZE=-1]<CENTER>การเจริญภาวนานั้น เป็นการสร้างบุญบารมีที่สูงที่สุด และยิ่งใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนา จัดว่าเป็นแก่นแท้ และสูงกว่าฝ่ายศีลมากนัก การเจริญภาวนานั้นมี ๒ อย่าง คือ

    </CENTER>
    <CENTER>
    • สมถภาวนา (การทำสมาธิ)
      ได้แก่ การทำสมาธิ หรือเป็นฌาน ซึ่งก็คือการทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปยังอารมณ์อื่น ๆ

      • วิปัสสนาภาวนา (การเจริญปัญญา)
        เมื่อจิตของผู้บำเพ็ญตั้งมั่นในสมาธิ จนมีกำลังดีแล้ว เช่นอยู่ในระดับฌานต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นฌานระดับใด ๆ ก็ได้ จิตของผู้บำเพ็ญเพียรก็ย่อมมีกำลังแม้นแค่เพียงอยู่ในสภาพที่นิ่มนวลควรแก่การเจริญวิปัสสนาภาวนา ( วิปัสสนาภาวนา เป็นจิตที่คิดใคร่ครวญ หาเหตุและผลในสังขารธรรมทั้งหลาย จนรู้แจ้งเห็นจริง คือเป็น อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ตัดกิเลสได้ (เห็นเป็นเช่นนั้นโดยแท้จริง)
    </CENTER>
    สมาธิและวิปัสสนา จึงเป็นทั้งเหตุและผลของกันและกันและเกื้อนุนซึ่งกันและกัน จะมีวิปัสสนาปัญญาเกิดขึ้น โดยขาดกำลังสมาธิสนับสุนนไม่ได้เลย อย่างน้อยที่สุดก็จะต้องให้กำลังของขณิกสมาธิเป็นบาทธานในระยะแรกเริ่ม


    [​IMG]



    ขอขอบคุณ

    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=bowkavi&month=08-07-2008&group=1&gblog=6[/SIZE]
     
  12. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    เรียน ท่านพี่ครับ

    1. ทำว่าง คืออะไร ทำอย่างไร ทำเป็นจุดๆ

    เห็นท่านพี่ใหญ่บอกว่า ท่านพี่ทำได้แล้ว ผมขอความกรุณาจากท่านพี่สักหนึ่ง

    ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ


    2. บทความที่ท่านพี่ลง ผมสังเกตนะครับ

    ว่าทำบาปเนี่ย ใช้ผลจากนั้น นานๆ ครับ

    น่ากลัวครับ

    สาธุครับ
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 8 กรกฎาคม 2551 10:55:47 น.-->
    [​IMG]


    เมื่อชีวิต พบทางตัน
    <!-- Main -->[SIZE=-1]<STYLE>body{background-attachment: fixed;background-image:url("http://i183.photobucket.com/albums/x147/me2009_2007/49.jpg");}</STYLE>[/SIZE]

    [SIZE=-1]เชื่อหรือไม่ว่า...เวลาเราเจอปัญหาหรือแก้ไขไม่ได้... [/SIZE]

    [SIZE=-1]เรามักขาด "สติ" สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ "คำถาม" [/SIZE]
    [SIZE=-1]และคำตอบก็คือ </FONT"ความว่างเปล่า"... [/SIZE]

    [SIZE=-1]ผลที่ได้รับจากความว่างเปล่านั้นก็คือ "ความฟุ้งซ่าน" [/SIZE]

    [SIZE=-1]บ่อยครั้งที่ใครหลาย ๆ คนฟุ้งซ่านไปกับการคิดอะไรไม่ออกเมื่อต้องเผชิญ[/SIZE]

    [SIZE=-1]กับปัญหา... ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ หรือเรื่องความรัก... [/SIZE]

    [SIZE=-1]แม้ว่าบางคนพยายามจะเป็นนักแก้ปัญหาที่ดี แต่ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก... [/SIZE]

    [SIZE=-1]อยากถามว่าวิธีไหนจะได้ผลกว่ากัน.. [/SIZE]

    [SIZE=-1]การแก้ปัญหาที่ดีจึงควรมีสติเป็นตัวช่วยเสมอ... [/SIZE]

    [SIZE=-1]เจอปัญหาก็อย่าเพิ่งมุทะลุ...อย่าโวยวาย...อย่าทำให้ตัวเองเครียดกับปัญหานั้น ๆ [/SIZE]

    [SIZE=-1]ทุบกำแพง ก็เหมือนทำร้ายตัวเองทางอ้อม เหนื่อยก็เหนื่อย เจ็บตัวอีกต่างหาก [/SIZE]

    [SIZE=-1]ลองถอยหลังออกมาทีละก้าว ๆ เราจะได้มีเวลาสำรวจดูว่า [/SIZE]

    [SIZE=-1]กำแพงนั้นสูงใหญ่แค่ไหน กว้างแค่ไหน ลึกแค่ไหน มีหนทางปีนป่ายข้ามมันไปได้อย่างไร... [/SIZE]

    [SIZE=-1]ทุกปัญญหาย่อมมีทางออกเสมอ..เหมือนคำกล่าวที่ว่า.. [/SIZE]

    [SIZE=-1]"จะกลัวความมืดไปทำไม...พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว..." [/SIZE]
    [SIZE=-1]บางทีปัญญหาก็ต้องอาศัยเวลามาเป็นตัวขับเคลื่อน ให้เกิดความคิดที่จะหาหนทางแก้ไข.. [/SIZE]

    [SIZE=-1]เมื่อเราคิดอย่างถี่ถ้วน..เราจะรู้ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ทำอะไรก่อน ทำอะไรหลัง... [/SIZE]

    [SIZE=-1]และเราควรจะใช้เวลาแก้ไขปัญหานั้นมากน้อยเพียงใด... [/SIZE]

    [SIZE=-1]เร็วไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ช้าไปก็อาจทำให้ปัญหานั้นบานปลาย และแก้ไม่ได้... [/SIZE]

    [SIZE=-1]เชื่อมั่นเถอะว่า...มีสติเมื่อไหร่ เราก็จะพบทางออกเมื่อนั้น... [/SIZE]

    [SIZE=-1]บางทีทางที่มันตันก็จะช่วยสอนให้เรารู้ว่า... [/SIZE]

    [SIZE=-1]ถ้าไม่ประมาทกับการใช้ชีวิต เราก็จะไม่ประมาทกับการแก้ไขปัญหา [/SIZE]

    [SIZE=-1]และเมื่อใดที่เรารู้จักแก้ไขปัญหาด้วยความรอบคอบ เราจะรู้จักคุณค่าที่มีอยู่ในตัวเอง... [/SIZE]

    [SIZE=-1]อ่านเจอข้อความดี ๆ จากหนังสือฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง [/SIZE]

    [SIZE=-1]ของอาจารย์สมชาติ กิจยรรยง เขากล่าวไว้ว่า... [/SIZE]

    [SIZE=-1]"ปัญหา ทำให้เราเข้มแข็ง [/SIZE]
    [SIZE=-1]เวลาทำให้เราเชี่ยวชาญ [/SIZE]
    [SIZE=-1]สถานการณ์ ทำให้เรารู้จักแก้ไข [/SIZE]
    [SIZE=-1]การตัดสินใจ ทำให้เรารู้ว่าถูกหรือผิด [/SIZE]
    [SIZE=-1]ความคิด ทำให้เราเลิศทางปัญญา..." [/SIZE]

    [SIZE=-1]หากวันนี้พบเจอทางตัน...ถอยหลังก้าวออกมาอย่างมีสติ... [/SIZE]

    [SIZE=-1]แล้วเราจะค้นพบอะไรบางอย่าง...อะไรที่ว่านั้น... [/SIZE]

    [SIZE=-1]มันอยู่ในความคิดที่นิ่งสงบของเราแล้วนั่นเอง... [/SIZE]

    [SIZE=-1]"เหตุผลเดียวที่แก้ปัญหาไม่ได้คือ การใช้อารมณ์และความรู้สึกแก้ไขปัญหา.." [/SIZE]

    [SIZE=-1]เวลาคนเราใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง...เรามักจะทำอะไรโดยไม่มีมีเหตุผล เหมือนคนบ้า [/SIZE]

    [SIZE=-1]เหมือนคนปัญญาอ่อน พูดง่าย ๆ ก็คือ "งี่เง่า"... [/SIZE]

    [SIZE=-1]เลยทำให้คำตอบของทุก ๆ คำถามคือความว่างเปล่า... [/SIZE]

    [SIZE=-1]ไม่มีทางออกใด ๆ ให้กับปัญหานั้น ลองเปรียบเทียบดูว่า [/SIZE]

    [SIZE=-1]ระหว่างคนสองคนที่เจอทางตันเป็นกำแพงสูงใหญ่ [/SIZE]

    [SIZE=-1]คนแรกทำทุกวิถีทางที่จะทุบกำแพงนั้น... [/SIZE]

    [SIZE=-1]ในขณะที่อีกคนพยายามหาวิธีปีนกำแพงเพื่อจะข้ามไปให้ได้...[/SIZE]


    [SIZE=-1]<SCRIPT language=javascript1.1 src="http://hits.truehits.in.th/action/p0027040.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://lvs.truehits.in.th/func/th_donate_1.6.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://lvs.truehits.in.th/func/th_action_2.5.js"></SCRIPT>[/SIZE]

    [SIZE=-1]http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sunmoon&month=08-07-2008&group=1&gblog=28[/SIZE]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    [SIZE=-1][/SIZE]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <SCRIPT src="http://lvs.truehits.in.th/func/th_donate_1.6.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://lvs.truehits.in.th/func/th_action_2.5.js"></SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2008
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ถ้าถามสั้นก็จะตอบสั้น
    ข้อ 1 หัดทำ สติคุมจิต จิตรู้แล้วละ ละแล้ว สติจะมาคุมใจ(ใจแท้จะว่างโล่ง) โดยอัตโนมัต ทำบ่อยๆ จนชำนาญ แค่นี้ก็หมดเรื่อง
    ข้อ 2 ทำกรรมถ้าครบองค์ 3 ก็เกิดผลแล้ว แต่ผลของมันขึ้นอยู่กับครุหรือลหุ ถ้าครุละเอ็งเอ๋ยติดจรวด ถ้าลหุก็นานมา แต่มาแล้วนานทรมานจริงๆ
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 color="#000000"><TBODY><TR><TD align=middle width="100%" colSpan=2 height=80><CENTER>มหาชนก ๔ </CENTER><TR><TD align=middle width="100%" colSpan=2 height=80>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle width="100%" colSpan=2 height=40></TD></TR><TR><TD width="100%">
    <TABLE borderColor=#663300 width=850 border=1><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff>[​IMG] [​IMG]

    “เพราะพระปัจเจกโพธินั้นเปรียบประดุจพระอาทิตย์เมื่อท่านคอยยืนรับที่ใด ก็เเสดงว่าที่นั้นมีขุมทรัพย์อยู่ เราจึงชี้ให้ท่านขุดในที่นั้น แล้วก็ข้อต่อไปเล่าพระองค์ตรัสว่าอย่างไร”
    “ขอเดชะ ข้อต่อไปพระองค์ตรัสว่า ขุมทรัพย์ในที่พระอาทิตย์อัสดง”
    “แล้วพวกท่านได้ขุดค้นหากันบ้างหรือเปล่า”
    “ข้อนี้เปล่าพระเจ้าข้า เพราะขุมทรัพย์ที่หนึ่งยังไม่ได้เลยคิดเสียว่าเหลวไหลมากกว่า พระเจ้าค่ะ”
    “ถ้าอย่างนั้น พวกท่านจะบอกว่าให้เราทราบได้หรือไม่ว่าเวลาเลี้ยงดูพระปัจเจกโพธิเสร็จแล้ว เวลากลับพระปัจเจกโพธิกลับทางใด”
    “ขอเดชะ เวลากลับพระปัจเจกโพธิจะกลับทางท้ายพระราชมณเฑียร”
    “แล้วพระราชาของพวกท่านไปส่งเสด็จด้วยหรือเปล่า”
    "ไปส่งเสด็จเป็นประจำเลยพระเจ้าค่ะ”
    “เวลาไปส่งนั้น พระองค์เสด็จประทับที่ใดล่ะ”
    “ เวลาไปส่งนั้น พระองค์ประทับยืน ณ สนามท้ายพระราชมณเฑียรเป็นประจำพระเจ้าข้า”
    “ถ้าเช่นนั้นพวกท่านลองไปขุดที่ ๆ พระราชาเสด็จประทับยืนที่นั้นดู
    พวกอำมาตย์ข้าราชบริพารก็พากันไปขุด ก็พบขุมทรัพย์เป็นครั้งที่ ๒ ก็พากันคิดประหลาดใจว่าทำไมพระราชาองค์ใหม่ของพวกเขาจึงชี้ให้ขุดได้แม่นถึงเพียงนี้ เพราะว่าพวกเขาเองพยายามขุดค้นหาจนกระทั่งคิดว่าขุมทรัพย์ดังกล่าวนี้คงเป็นเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาอย่างไร้สาระโดยไม่มีความจริง จึงพากันโห่ร้องแสดงความยินดีอย่างกึกก้องโกลาหล และพากันเข้ามากราบทูลว่าได้พบสมบัติขุมที่ ๒ แล้ว
    “ขุมที่ ๓ พระราชาของพวกท่านตรัสไว้ว่าอย่างไร”
    “ทรงตรัสว่า ขุมที่หนึ่งอยู่ภายใน”
    “พวกท่านได้ค้นหาหรือยังว่าอยู่ที่ใด”
    “พวกข้าพระเจ้าไม่ได้ค้นหา เพราะคิดว่าคงเหลวเหมือนขุมอื่น ๆ นั้นเเหละ”
    “ประตูหลวง พวกท่านได้สังเกตหรือเปล่าว่ามีอะไรที่น่าสงสัยบ้าง”
    “พวกข้าพระบาทไม่เคยสงสัย และไม่เคยสังเกตเสียด้วยว่าทีอะไร”
    “พวกท่านลองไปขุดใกล้ ประตูพระราชนิเวศ ในบริเวณภายในประตูดูที ถ้าโชคของเรายังดีก็อาจจะตีปัญหาออก “
    พวกอำมาตย์ก็พากันไปขุด ก็พบอีกตามความบอก ก็ได้กลับมากราบทูลว่าพบได้แห่งที่ ๓ แล้วตามความคาดหมาย ได้ตรัสถามถึงขุมที่ ๔ ต่อไป พวกข้าราชบริพารก็ทูลว่า “ขุมหนึ่งอยู่ภายนอก” ก็ทรงชี้ให้ขุดที่ใกล้ประตูพระราชนิเวศ แต่อยู่ภายนอกประตู ก็ได้พบอีก ข้าราชบริพานก็โห่ร้องด้วยความยินดี ว่าพระราชาใหม่ของพวกเรานี้ช่างทรงปัญญาเกินสามัญชนทีเดียว อันขุมทรัพย์นี้พวกเราเที่ยวค้นหาตามที่ต่าง ๆ จนทอดอาลัยแล้วว่าเป็นของไม่จริง นับเป็นลาภทีพวกเราได้พระราชาที่ทรงปัญญาอย่างนี้ เมื่อกราบทูลให้ทรงทราบว่าได้พบขุมทรัพย์ที่ ๔ ก็ตรัสถามว่า
    “ทรงตรัสไว้เพียงเท่านี้หรืออย่างไร”
    “หามิได้ พระองค์ยังตรัสไว้อีก”
    “ตรัสไว้ว่า ขุมทรัพย์อีกขุมหนึ่งไม่ได้อยู่ข้างนอกและข้างใน”
    “ถ้าเช่นนั้นพวกท่านจงขุดลงที่ธรณีประตูพระราชนิเวศ” เมื่อพวกอำมาตย์ราชปุโรหิตขุดลงไปที่ธรณีประตู ก็พบขุมทรัพย์ดังกล่าว
    “แล้วตรัสอย่างไรอีก”
    “ตรัสว่า ขุมหนึ่งอยู่ในที่ขึ้น”
    “จงขุดที่ประตูขึ้นพระราชนิเวศ” พวกอำมาตย์ได้พากันขุดลงไป ก็พบขุมทรัพย์อีกขุมหนึ่งในประตูราชนิเวศ
    “ตรัสว่า ขุมทรัพย์หนึ่งอยู่ในที่ลง”
    “พระราชาของพวกท่านเวลาเสด็จออกจากพระราชนิเวศนั้น โดยปกติเสด็จด้วยอะไร”
    “ส่วนมากพระองค์เสด็จทรงคชสาร เสด็จเที่ยวตรวจโรงทานและความทุกข์สุขของราษฎร “แล้วเสด็จกลับลงจากคชสาร ณ ที่ใด”
    “ขอเดชะ เสด็จลงเกยชาลาข้างหน้า”
    “พวกท่านจงไปขุดที่หน้าเกยเป็นที่เสด็จลงนั้นเถิด”
    พวกอำมาตย์พากันไปขุด ก็พบขุมทรัพย์ตามที่คาดและได้ทูลให้ทราบต่อไปว่าพระราชาของพวกเขาได้ตรัสว่า
    “ขุมทรัพย์ขุมหนึ่งอยู่ในระหว่างไม้สี่”
    “พวกท่านเคยเห็นไม้รังหรือเปล่า”
    “เคยเห็นพระเจ้าค่ะ"
    "เคยมีอยู่ที่ไหนเล่า”
    “อยู่ในพระราชอุทยานพระเจ้าค่ะ”
    “ไม้รังนั้นมี ๔ ต้น หรือเปล่า”
    “ขอเดชะ ไม้รังนั้นมีมากกว่า ๔ ต้น แต่ว่ามิได้ขึ้นเป็น ๔ เหลี่ยม ๔ มุมเลย แต่มีขึ้นเรียงรายกันไป”
    “แล้วพวกท่านเข้าใจว่าอย่างไรเล่า”
    “พวกข้าพระองค์คิดว่าอยู่ในพระราชอุทยานเป็นแน่พระเจ้าข้า” พวกท่านเคยขุดบ้างหรือเปล่า”
    “เปล่าเลยพระเจ้าค่ะ”
    “ถ้าพวกท่านไปขุดในพระราชอุทยานก็คงเหนื่อยเปล่าเพราะจะไม่พบขุมทรัพย์ในนั้นเลย”
    “ถ้าอย่างนั้นจะให้ขุดที่ใดพระเจ้าค่ะ จึงจะพบขุมทรัพย์”
    “ท่านจงขุดที่ทวารทั้ง ๔แห่ง ที่มีพระแท่นทำด้วยไม้รังอยู่”
    พวกอำมาตย์ก็ไปขุดก็พบทั้ง ๔ แห่ง และได้ทูลต่อไปว่า "พระราชาของพวกข้าพระองค์ได้ตรัสไว้อีกว่า ขุมทรัพย์อยู่ประมาณโยชน์หนึ่ง”
    “พวกท่านได้ขุดหาบ้างหรือเปล่าล่ะ”
    “พวกข้าพระองค์ได้พาไปขุดในบริเวณในป่าที่ห้างจากเมืองไปประมาณโยชน์หนึ่งพระจ้าค่ะ”
    “แล้วไม่พบอะไรเลยเชียวรึ”
    "ไม่พบเลยพระเจ้าค่ะ”
    “ถ้าเช่นนั้นลองทดลองดูว่าเราจะคิดปัญหานั้นตกหรือไม่พวกท่านจงลองวัดจากแท่นบรรทมไปดูข้างละ ๔ ศอก แล้วลองคุดไปดูซิจะพบอะไรบ้าง”
    พวกอำมาตย์ได้วัดจากทิศตะวันออกครบ ๓ ศอก แล้วก็ขุดลงไปพบขุมทรัพย์ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันตก รวม ๔ ทิศ ก็พบทั้งสิ้น จึงพากันมากราบทูล “ขอเดชะ พวกจ้าพระองค์ได้ไปขุดค้นตามที่ทรงแก้ปัญหาแล้ว ปรากฎว่าพบทุกแห่งพระเจ้าค่ะ แต่พวกข้าพระองค์ เกิดสงสัยว่าทำไมพระราชาตรัสว่าขุมทรัพย์อยู่ในโยชน์หนึ่งแต่นี้ห่างจากพระแท่นบรรทมเพียง ๔ ศอก เท่านั้น ขอพระองค์ได้โปรดให้ความแจ่มแจ้งด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ”
    “ถ้าเช่นนั้นพวกท่านฟังให้ดี โยชน์หนึ่งนั้นมี ๔๐๐ ศอก ใคร ๆ ก็รู้จักด้วยกันทั้งนั้น เส้นหนึ่งที ๒๐ วา ๆ หนึ่งมี ๔ ศอก นี่ก็เป็นจำนวนใหญ่ ๆ ก็พวกท่านว่าไม่พบในโยชน์หนึ่ง เราคิดว่าศอกอันนั้นจะนับเป็นวาเป็นเส้นเป็นโยชน์นั้นมีเพียง ๔ ศอกเท่านั้น เราจึงคิดปัญหาข้อนี้เพียงแค่ ๔ ศอก” พวกอำมาตย์ข้าราชบริพารต่างก็ส่งเสียงแสดงความยินดีกึกก้องไปทั่วพระลาน
    “ปริศนาของพระราชาหมดแล้วหรือยัง”
    “ยังพระเจ้าค่ะ”
    “มีอะไรอีกล่ะ ว่าไปดูทีหรือ”
    “พระองค์ตรัสว่า ขุมทรัพย์หนึ่งอยู่ที่ปลายงา” เจ้ามหาชนกก็ให้ขุดที่โรงไว้คชสาร ตรงที่พญาเศวตกุญชรยืนปลายงาจรดดิน ก็ได้ดังประสงค์ และให้ขุดตามที่อำมาตย์ทั้งหลายบอกปริศนาก็ได้ดังดำรัส ข้าราชบริพารทั้งหลายพากันโห่ร้องกึกก้องสรรเสริญพระปัญญาบารมีของพระองค์เอิกเกริกไปทั่วพระนคร เมื่อไต่ถามทราบว่า หมดข้อความที่พระราชาตรัสไว้แล้วก็ให้จำหน่ายจ่ายแจกพระราชทรัพย์ โดยให้จัดสร้างโรงทาน ๖ แห่งคือ กลางเมือง แห่งหนึ่ง ที่ประตูเมืองด้านเหนือ ด้านใต้ ด้านตะวันตก ด้านตะวันออก รวม ๔ แห่ง และประตูพระราชนิเวศอีกแห่งหนึ่ง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.larnbuddhism.com/buddha/mahasa4.html
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]


    จักวางใจ ดุจพื้นพสุธา
    เชิญธรรมมา หลักเสา เลาตระหง่าน
    ขุดกิเลสเศษ ปฏิกูลวาง
    อันเชิญตั้งทั้งสี่ทิศ พิจองค์ธรรม


    อัญเชิญคุณแห่งพุทธานุภาพ
    ดุจฉัตรทาบ เหนือเกศ วิเศษค้ำ
    ป้องเหล่าอวิชชา แสงกล้านำ
    สำนึกล้ำ พระกรุณา พาร่มเย็น


    พระคุณแห่งสังฆานุภาพ พร่าง
    ดุจดังสร้างปราการ ป้องทุกเข็ญ
    ป้องเหล่านิวรณ์ อันหลบเร้น
    อันเฉกเช่น ศตรูหมู่กามา


    จึ่งบรรจงนั่งสู่คู้ บัลลังก์
    ด้วยกายตั้ง จิตหมั่น ดุจภูผา
    บรรจงพร่ำบริกรรม ภาวนา
    ก่อสติ ด้วยศรัทธา ปัญญาคุณ


    ขออยู่ใต้ร่มฉัตร พระไตรโลก
    อันโบยโบก ทั่วสกล มิสิ้นสูญ
    อวนกลิ่นธรรมนำ ภพ จบการุณย์
    อันเพิ่มพูน จริตธรรม น้อมนำใน


    อธิฐานตั้งจิต ทวน กระแสโลก
    ล้วนอวยโศก ยังมนุษย์ ฉุดเผาไหม้
    ให้กายร้อน ใจร้อน มิผ่อนไป
    เหล่าชนไซร้ สำราญ ในกองฟอน


    ให้ธารธรรม ธารทิพย์ ระยิบลิ่ว
    จงพลายพลิ้ว ดับอัคคี มิจฉาก่อน
    ให้แสงทอง แสงธรรม จึงนำจร
    คลายมืดผ่อน แจ้งจักษุ บรรลุเทอญ


    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=1327
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ข้อคิดที่น่าสนใจจากสุนัข (หมาน้อย)

    [​IMG]


    <TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>หมาเป็นสื่อ !

    @ คุณเห็นหมามันนอน สะท้อนจิต
    คุณอาจคิดมากไปไกลเกินหมา
    หมาอาจร้อน หน้าแล้ง แกล้งมารยา
    จึงแกล้งนอน แผ่หรา ท่าตรอมตรม

    @ ท่านผู้อ่อนทางธรรม นำมาคิด
    เพ่งพินิจ พาจารณา พาขื่นขม
    คนดูหนัง ปังปึง ถึงอารมณ์
    แต่หมาข่ม ตรมใจ ให้อาวรณ์

    @ บอกร้อนรุ่ม ร้อนรน เหมือนโดนพิษ
    เฝ้าครุ่นคิด จิตใจ ให้สังหรณ์
    เคยนำหมา คู่เคียง ร่วมเตียงนอน
    หมายังผ่อน คลายอารมณ์ น่าชมจริง

    @ อยากจะบอก ทุกท่าน วันนี้ว่า
    คนรักหมา เช่นคุณ อบอุ่นยิ่ง
    หมาซื่อสัตย์ จริงใจ ไร้ที่ติง
    หมาจะวิ่ง ต้อนรับ กับเจ้านาย

    @ ไม่เหมือนคน มารยา มากสาไถย์
    คนจริงใจ มีไม่มาก ไม่หลากหลาย
    คนมีธรรม เท่านั้น ท่านหญิงชาย
    จึงคบง่าย มีคุณ อันสุนทร

    @ กวีธรรม นำทัพ ขับเพลงร่าย
    เพื่อขยาย ข้อธรรม แห่งคำสอน
    ของสมเด็จ องค์พุทธ ชินวรณ์
    เชิญ..."ผู้อ่อน ทางธรรม"... ตามมาดู
    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    นำมาจาก
    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=1312
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [SIZE=-1]
    <!-- Main -->[SIZE=-1][​IMG]

    อานิสงส์ของการทำบุญ ที่ควรรู้ไว้

    ( การไม่กินเนื้อสัตว์ , การสร้างพระพุทธรูป , การบวชชีพราหมณ์ , ....
    รวมอานิสงส์ของการทำบุญที่ควรรู้ไว้
    มาทำบุญกันเถอะค่ะ การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์หรือสังคมด้วยวิธีต่างๆ ทำให้เราได้รับบุญกุศลต่างๆ มากมาย ซึ่งในที่นี้ได้รวบรวมอานิสงส์ต่างๆ ที่ได้จากการทำบุญในรูปแบบต่างๆ ให้รู้ไว้ค่ะ แต่อย่างไรก็ตามนะคะ การทำบุญก็ควรทำด้วยจิตใจที่ต้องการทำบุญจริงๆ ไม่หวังผลตอบแทน จึงจะเกิดอานิสงส์อย่างแท้จริงค่ะ

    อานิสงส์ 10 ข้อ ของ การไม่กินเนื้อสัตว์

    1. เป็นที่รักของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
    2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
    3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์***โมโหเครียดแค้นในใจลงได้
    4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
    5. มีอายุมั่นขวัญยืน
    6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเทพทั้งปวง
    7. ยามหลับนิมิตเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล
    8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
    9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสูอบายภูมิ
    10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตจะมุ่งสู่สุคติภพ



    อานิสงส์ การจัด สร้างพระพุทธรูป หรือ สิ่งพิมพ์ อันเกี่ยวกับ พระธรรมคำสอน เป็น กุศล ดังนี้

    1. อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ
    2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ
    3. เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติแต่ปางก่อน เมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้ว ก็จะเลิกจองเวรจองกรรม
    4. เหล่ายักษ์ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัย อยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย
    5. จิตใจสงบ ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้า ผู้คนนับถือ
    6. มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ (เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์ วาสนายั่งยืน
    7. คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป
    8. คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ สตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช
    9. พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง
    10. สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็น เป็นเนื้อนาบุญอย่างเอนกทุกชาติของผู้สร้างที่เกิด จะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าปัญญาในธรรมแก่กล้าสามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ


    อานิสงส์ การบวชพระบวชชีพรามณ์ (บวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ,อุทิศให้พ่อแม่เจ้ากรรมนายเวร)

    1. หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา
    2. เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย
    3. สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย
    4. เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆไป
    5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา
    6. จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต
    7. เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา
    8. ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ
    9. โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย
    10. ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่ สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพราะติดภาระกิจต่างๆ ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ด้วยการสร้างคนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริมอาสาจัดการให้คนได้บวช


    มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ

    1. นั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ15นาที(หรือเดินจงกรมก็ได้) อานิสงส์ เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล

    2. สวดมนต์ด้วยพระคาถาต่างๆอย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน อานิสงส์ เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว แนะนำพระคาถาพาหุงมหากา,พระคาถาชินบัญชร,พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้นเมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง

    3. ถวายยารักษาโรคให้วัด,ออกเงินค่ารักษาให้พระตามโรงพยาบาลสงฆ์ อานิสงส์ ก่อให้เกิดสุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หายจะทุเลา สุขภาพกายจิตแข็งแรง อายุยืนทั้งภพนี้และภพหน้า ถ้าป่วยก็จะไม่ขาดแคลนการรักษา

    4. ทำบุญตักบาตรทุกเช้า อานิสงส ได้ช่วยเหลือศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหาร ตายไปไม่หิวโหย อยู่ในภพที่ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์

    5. ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆเกี่ยวกับธรรมะแจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน อานิสงส์ เพราะธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ธรรมจึงสว่างไปด้วยลาถ ยศ สรรเสริญ ปัญญา และบุญบารมีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน

    6. สร้างพระถวายวัด อานิสงส์ ผ่อนปรนหนี้กรรมให้บางเบา ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็นสุขได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาตลอดไป

    7. แบ่งเวลาชีวิตไปบวชชีพรามณ์หรือบวชพระอย่างน้อย9วันขึ้นไป อานิสงส์ ได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่ ผ่อนปรนหนี้กรรมอุทิศผลบุญให้ญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร สร้างปัจจัยไปสู่นิพพานในภพต่อๆไป ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาจิตเป็นกุศล

    8. บริจาคเลือดหรือร่างกาย อานิสงส์ ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพแข็งแรง ช่วยต่ออายุ ต่อไปจะมีผู้คอยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดาปกปักรักษาได้เกิดมามีร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วนภพนี้ก็จะมีราศีผุดผ่อง

    9. ปล่อยปลาที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้งปล่อยสัตว์ไถ่ชีวิตสัตว์ต่างๆ อานิสงส์ ช่วยต่ออายุ ขจัดอุปสรรคในชีวิต ชดใช้หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยกินเข้าไป ให้ทำมาค้าขึ้น หน้าที่การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิตที่ผิดหวังจะค่อยๆฟื้นคืนสภาพที่สดใส เป็นอิสระ

    10. ให้ทุนการศึกษา,บริจาคหนังสือหรือสื่อการเรียนต่างๆ,อาสาสอนหนังสือ อานิสงส์ ทำให้มีสติปัญญาดี ในภพต่อๆไปจะฉลาดเฉลียวมีปัญญา ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญาสมบูรณ์พร้อม

    11. ให้เงินขอทาน,ให้เงินคนที่เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม) อานิสงส์ ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยาก เกิดมาชาติหน้าจะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยากจนในชาตินี้จะทุเลาลงจะได้เงินทองกลับมาอย่างไม่คาดฝัน

    12. รักษาศีล5หรือศีล8 อานิสงส์ ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือสัตว์นรก ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง กรรมเวรจะไม่ถ่าโถม ภัยอันตรายไม่ย่างกราย เทวดานางฟ้าปกปักรักษา ทั้ง12ข้อนี้เป็นเพียงตัวอย่างบุญที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ที่ท่านพึงจะได้รับ จงเร่งทำบุญเสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่านล่วงลับ ท่านไม่สามารถสร้างบุญได้อีกจนกว่าจะได้เกิด หากท่านไม่มีบุญมาหนุนนำ แรงกรรมอาจดึงให้ท่านไปสู่ภพเดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์นรก ที่ไม่อาจสร้างบุญสร้างกุศลได้ ต่อให้ญาติโยมทำบุญอุทิศให้ก็อาจไม่ได้รับบุญ ดังนั้นท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสมบุญบารมี ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ท่านจะนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติเสียแต่วันนี้ด้วยเทอญ
    [/SIZE]


    นำมาจาก
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=dokmaidaimok&month=08-07-2008&group=1&gblog=9

    [/SIZE]
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    แถมท้ายด้วยภาพสวยๆ ของพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า พิมพ์ตามมาตรฐานของ อ.ประถม อาจสาคร ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. tg22070

    tg22070 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +601
    เมื่อตอนเที่ยงโอนเงิน 1,000 บาท เข้าสมทบทุนมูลนิธิ ผ่านตู้ เอทีเอ็ม ของ ธ.กรุงไทยครับ อ้อ..ถามนิดนึงครับ ว่า มูลนิธิมีใบอนุโมธนาบัตร หรือ ใบบริจาค อะไรแบบนี้ไหมครับ และก็ถามคุณพันวฤทธิ์ครับว่าพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า พิมพ์ตามมาตรฐาน หาได้ที่ไหนครับ ตามตลาดพระมีหรือป่าวครับ ดูเนื้อมวลสารแล้วสวยงามดีครับ ทุกองค์ได้รับการตรวจพลังแล้วใช่ไหมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...