อารมณ์ขันของหลวงพ่อฯ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 25 ธันวาคม 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    อารมณ์ขันของหลวงพ่อฯ


    อานิสงส์สร้างพระพุทธรูป
    ผู้ถาม แล้วอย่างพระพุทธรูปที่บอกว่ายังไม่ เบิกพระเนตร หมายความว่าอย่างไรคะ...?
    หลวงพ่อ ถ้ายังไม่เบิกพระเนตร แสดงว่ายังไม่มีลูกตา พระองค์ไหนมีลูกตาแล้วพระองค์นั้นเบิกพระเนตรแล้ว ใช่ไหม...(ผู้ถามหัวเราะ)
    หลวงพ่อ ฉันว่ามันเป็นพิธีสมัยก่อนโน้นละมั้ง คือเขาปั้นพระพุทธรูปแล้ว ยังไม่ได้ทำลูกตา เลยหาช่างมาทำลูกตามากกว่า เวลานี้ก็เลยเอาวิธีการนั้น พระที่วัดฉันไม่ต้องเบิกเนตรเห็นท่านมีตาทุกองค์ ใครเขาถามว่า เบิกพระเนตรหรือยัง...ฉันไม่ทำละ มีแล้วนี่ ควรจะเบิกเนตรเราให้ดีเท่าเนตรท่านดีกว่าใช่ไหม...?
    ผู้ถาม แล้วถ้าหากว่าเรามีพระพุทธรูป แต่พระเนตรท่านปิดอย่างนี้ต้องเบิกพระเนตรไหมคะ...?
    หลวงพ่อ เอาล่ะซิ ขืนไปเบิกเข้าตาท่านฉีกแน่ บาป ต่อไปชาติหน้าตาเหลือก
    ผู้ถาม (หัวเราะ) คือท่านหลับตานั่งสมาธิค่ะ
    หลวงพ่อ เขาทำหลับตาก็ปล่อยให้หลับตา ทำสมาธิก็ต้องหลับตาใช่ไหม...? (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑ หน้า ๔-๕)


    อานิสงส์การเจริญพระกรรมฐาน
    ผู้ถาม อาจารย์บางคนเขาว่า นิพพานสูญ หมายถึงไม่มีแม้แต่สวรรค์ก็ไม่มี นรกก็ไม่มี
    หลวงพ่อ ไอ้นั่นของเขาว่า เราไปตามทางพระพุทธเจ้าดีกว่า เขาจะเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า เขาจะเป็นจานเป็นกะละมังช่างเขาเถอะ ใช่ไหม ในพระไตรปิฎก ก็ไม่มีคำว่า นิพพานสูญ บทพิสูจน์มีก็ไม่เรียนกันนี่
    นิพพานนี่ไม่สูญ แต่คนที่จะไปนิพพานได้กิเลสน้อยต้องสูญ เขาไม่ได้บอกนิพพานสูญ เขาแปลไม่หมดทุกตัว คำว่า สูญ เขาแปลว่า ว่าง นิพพานเป็นธรรมว่างอย่างยิ่ง หมายความว่า คนที่จิตว่างจากความชั่วทั้งหมดจึงจะเห็นนิพพานได้ในเวลานั้นนะ แต่คนที่จะไปอยู่นิพพานได้ ต้องไม่มีความชั่วอยู่ในจิตอยู่ ที่เขาเรียกว่า กิเลส นั่นแหละ กิเลสคือความชั่ว มนตัวเดียวกัน (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑ หน้า ๕๘-๕๙)


    การอุทิศส่วนกุศล
    ผู้ถาม มีบางคนเขาบอกว่า “กรวดน้ำแบบแห้ง” ตายไปชาติหน้าจะแห้งแล้งเพราะไม่มีน้ำโบราณพูดอย่างนี้จะจริงหรือเปล่าคะ...?
    หลวงพ่อ เขาพูดได้ยินหรือเปล่า คนที่พูดมาได้ยินหรือเปล่า...คนโบราณพูดอย่างนี้ คนโบราณพูดหรือเปล่า...ถ้าได้ยินแสดงว่าเขาพูดจริง แต่ก็ไม่ได้แห้งแล้วจริง การอุทิศส่วนกุศลพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ใช้น้ำ ฉันใช้น้ำวันเดียว วันบวช ว่าไม่ถูกเลย ต้องระวังน้ำหยดอีก ผีไม่ได้กินน้ำ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาฉันไม่เคยใช้น้ำอีกเลย ก็เห็นผีได้รับ แต่ชาติหน้าถ้าจะทำอย่างนั้น ถ้าฉันยังไม่ตายก็ไม่ได้เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรนะ กินน้ำเกลือเผื่ออยู่แล้วเผื่อชาติหน้าจะอด
    ผู้ถาม อ้อ...มิน่าล่ะ หลวงพ่อถึงให้น้ำเกลือบ่อยๆ
    หลวงพ่อ ใช่ มีทั้งน้ำสะอาด น้ำเกลือ น้ำหวาน เผื่อไว้ตลอดรวมความว่า เวลาจะอุทิศส่วนกุศล ให้ใช้ภาษาไทยสั้นๆ อย่างทำบุญสังฆทาน เราก็ตั้งใจว่า “การบำเพ็ญกุศลในวันนี้ ผลนี้จะมีแก่ข้าพเจ้าเพียงใด ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่ ...(บอกชื่อ)...ขอให้เขามาโมทนารับผลเช่นเดียวกับข้าพเจ้า” (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑ หน้า ๘๑)


    ปัญหาการเข้าทรง
    ผู้ถาม หลวงพ่อคะ อยากจะกราบเรียนถามว่า ผีที่มาเข้าทรง มันเข้ามาทางไหนคะ?
    หลวงพ่อ คุณให้เข้าทางไหนล่ะ ฉันไม่เคยเห็นเข้าใครเลยนี่ ถ้าเข้าไปเหม็นขี้ตาย
    ผู้ถาม (หัวเราะ)
    หลวงพ่อ นั่นเขาไม่ได้เข้า เราใช้ศัพท์ผิดเองต่างหาก เขาอยู่ข้างนอก แต่เขาใช้กำลังจิตบังคับคน ฉันเคยเห็นเขาอยู่นอก อย่างเป็นผีเข้าก็ดี เจ้าทรงก็ดี เขาอยู่ข้างนอก ถ้าเป็นเทวดาอยู่สูงกว่า เขาใช้กำลังจิตบังคับ คือกำลังจิตคนนั้นสู้ไม่ได้ คุณจะเห็นว่าคนที่ผีเข้าก็ดี คนที่เข้าทรงก็ดี พวกนี้ตกใจง่าย จิตใจอ่อน ถ้าไม่ตกใจง่าย จิตใจอ่อน ไม่มีทางเข้าได้ เราใช้ศัพท์ว่าเข้า แต่ความจริงเขาไม่ได้เข้า
    ผู้ถาม แล้วทำไม จะต้องมีวิญญาณอื่นเข้ามาแทรกแซง ขอให้เป็นร่างทรง ทำไมต้องเป็นแบบนี้...?
    หลวงพ่อ ไม่รู้นะ ต้องให้ตายเสียก่อน แต่ว่าการทรงนี้เราต้องสังเกตนะ ที่เขามาเข้าทรงเราอย่าไปตำหนิว่าเขาไม่ดี หรือว่าเขาทรงเราอย่าเพิ่มชมเขาว่าดี ต้องดูเหตุผล คือว่าเหตุผลที่เขาพูดออกมา เขาสั่งออกมาจะมีผลตามที่เขาพูดไหม เพราะว่าพวกที่เข้ามาทรงเป็นคนหลายชั้นถ้าเป็น อสุรกาย หรือ สัมภเวสี นี่เขาก็มีความสามารถตามที่เขาสามารถ เขารู้ได้แต่ว่ามันระยะสั้นๆ และถ้าเป็น อากาศเทวดา เขาจะมีความสามารถสูงกว่านั้น และถ้าเป็น พรหม ก็มีความสามารถสูงกว่า เราจะสังเกตได้ว่าถ้าเป็นพรหม เขาจะมาเฉพาะวัน ถ้ามาวันนี้เขาจะบอกวันไหนเขาจะมาอีก แต่เขาไม่มาทุกวันและใช้เวลาน้อย เขาพูดน้อย สมมุติว่าเขาจะมารักษาใคร เขาจะบอกเลยว่า วันนั้นจะมีคนเป็นโรคอะไรมา เขาจะเตรียมยาไว้เลย แล้วก็วันที่เขาบอกว่าไม่มา อย่าไปเชิญเขานะ เขาไม่มา ทีนี้คนทรงที่มีเทวดาและพรหมมาทรง อันนี้ก็มีแทรกได้เหมือนกัน เราก็ไม่โทษคนทรง เพราะคนทรงเป็นคนใจอ่อน คือ ใครเข้าก็ได้ง่ายๆ บางทีพอเริ่มเชิญเทวดาประจำหรือพรหมประจำตัวแทรกมันมาก่อน เคยถามเหมือนกันว่าทำไมปล่อยเขาเข้ามาเขาเข้าไปแล้วนี่ เขาก็เคารพกันอยู่แล้ว เขาเกรงใจเหมือนกัน แต่ตัวแทรกนี่เขาก็มีความสามารถ ป่วยไข้ไม่สบายเขาก็รักษาได้ ถามอะไรเขาก็บอกได้ เขามีสภาพเป็นทิพย์เหมือนกัน (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑ หน้า ๑๐๙-๑๑๐)


    ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน
    ผู้ถาม ตรงที่ว่า จิตตัวนี้ไปแจ้งนิพพานแล้วจิตตัวนั้นไปไหนครับ...?
    หลวงพ่อ จิตก็ไปอยู่ที่นิพพาน
    ผู้ถาม จิตมีนิพพานเป็นอารมณ์ใช่ไหมครับ
    หลวงพ่อ จิตเกาะที่นิพพาน จิตก็มีนิพพานเป็นอารมณ์
    ผู้ถาม แค่นี้แหละ ผมสงสัยมาหลายปีแล้ว
    หลวงพ่อ โธ่เอ๋ย...
    ผู้ถาม เขาบอกว่าจิตมีลักษณะ ๔ ประการครับหลวงพ่อ
    ๑. มันไปได้ไกล
    ๒. มันไม่มีรูปร่าง
    ๓. มันคิดได้ทีละอารมณ์
    ๔. มันอาศัยอยู่ใน...ตอนนี้จำไม่ได้เสียแล้ว ผมยังไม่เข้าใจ
    หลวงพ่อ มัวคิดอย่างนี้มันก็แค่ปากขุมนรก
    ผู้ถาม ขยับหน่อยไม่ได้หรือครับ
    หลวงพ่อ ขยับให้ลงน่ะซิ
    ผู้ถาม ผมนั่งคิดมาหลายปีแล้วครับไม่เข้าใจ
    หลวงพ่อ มันจะคิดได้อย่างไร มันไม่ใช่เรื่องของคนคิด
    ผู้ถาม เป็นอันว่าไม่ควรคิดนะครับ แต่ก็มีเรื่องที่ผมสงสัยอีกครับหลวงพ่อ คือว่าเวลานี้ชาวพุทธทั้งหลายเขาศึกษาปริยัติกันจนได้เปรียญ ๘ ประโยคบ้าง ๙ ประโยคบ้าง แล้วก็ศึกษาในมหาวิทยาลัยถึง ๒ มหาวิทยาลัย อย่างนี้จะมีความเข้าใจเรื่องของจิตเรื่องนิพพานจริงไหมครับ...?
    หลวงพ่อ ยัดตะพึด ไม่ถ่าย อย่างนี้ไม่มีทางรู้จริง อาศัยปริยัติการศึกษา อ่านหนังสือเท่าไรมันก็ไม่เข้าใจจริง เปรียญอะไรก็ตามเถอะ เอาแค่เรื่องฌาน ปฐมฌานมีองค์ ๕ มี วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตารมณ์ ถ้าปฏิบัติจริงๆ แค่นี้ก็ตายแล้ว ไม่รู้แล้ว เสร็จ หรือถ้าเป็นนักปฏิบัติเองได้ขั้นฌานโลกีย์ ปฏิบัติได้ถึงสมาบัติ ๘ ก็ดี ได้อภิญญา ๕ ก็ดี หรือ ๒ ใน ๓ ของวิชชาสามก็ดี ก็ยังไม่รู้เรื่องของนิพพาน ยังตาบอดอยู่นั่นแหละ อย่างน้อยที่สุดต้องตัดสังโยชน์ ๓ ให้ได้นั่นแหละ จึงจะเข้าใจเรื่องนิพพาน (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๒ หน้า ๗๘-๗๙)


    อานิสงส์การปิดทองลูกนิมิต
    ผู้ถาม หลวงพ่อครับ การปิดทองลูกนิมิต มีอานิสงส์อย่างไรครับ
    หลวงพ่อ โอ๊ะ...อานิสงส์ใหญ่มาก ปิด ๑ ลูก ก็ไปอุดประตูนรก ๑ ประตู...นี่ฉันโกหกนะ
    ผู้ถาม อ้าว...แล้วกัน
    หลวงพ่อ ที่ว่ามีอานิสงส์ใหญ่มาก เพราะว่าช่วยให้ พระสงฆ์มีเขตทำสังฆกรรม อยู่ลืมนะ วัดทั้งวัดส่วนสำคัญที่สุดมันอยู่ที่โบสถ์ โบสถ์มีส่วนสำคัญเพราะเป็นที่ประชุมสงฆ์ ถ้าไม่งั้นสงฆ์ไม่มีที่ประชุมในการทำสังฆกรรม ก็ถือว่ามีอานิสงส์หนักเพราะลูกนิมิตมันหนัก ติด ๑๐ ลูกก็ได้ ๑๐ หนัก แต่ว่าถ้าปิดทองลูกนิมิตนี่ต้องจังหวัด สุพรรณบุรี โอ้โฮ...สมัยก่อนรถเรือมันไม่มี ใช่ไหม...ขนาดนอนค้างคืนยังไปเลยศรัทธามาก ก็มีวัดหนึ่งฉันไปเทศน์ ถามโยมคนหนึ่งว่ามาจากไหน...มาค้างคืนหรือเปล่า...บอกว่าค้างตามทางมา ๒ คืน ถามว่าเพราะอะไร...เขาบอกว่า “ปิดทองลูกนิมิต ๗ วัดไม่ตกนรก”
    ผู้ถาม จริงหรือครับ
    หลวงพ่อ เรื่องนี้จริง ถ้ากำลังปิดอยู่ แม้แต่วัดเดียวก็ไม่ตกนรก มันยังไม่ตายนี่
    ผู้ถาม อ๋อ...(หัวเราะ)
    หลวงพ่อ ความจริงก็ดี ถ้าเขามีเจตนาแบบนั้น เขามีความเชื่อแบบนั้นนะ และก็จงอย่ลืมว่า ถ้าเวลาที่เขาป่วย จิตมันจะคิดอยู่เป็น อนุสติ ก็ลงนรกไม่ได้จริงๆ
    ผู้ถาม สมมุติว่ากำลังจะตายมิตายแหล่ เห็นลูกนิมิตมาลอยแคว้งคว้างล่ะครับ
    หลวงพ่อ ถ้าอย่างนั้นขึ้นสวรรค์ทันที ถึงแม้จะไม่เห็นมาลอยก็ตาม แต่จิตคิดว่าเราเคยปิดทองมาแล้ว ๗ วัด เราไม่ตกนรกแน่ จิตมันเป็นกุศล ใช่ไหม...นี่ถูกของเขา (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๒๗-๒๘)


    อานิสงส์ถวายสบู่หอมพระ
    ผู้ถาม ถ้าเราซื้อน้ำหอมสบู่หอมถวายพระ กลัวว่าจะทำให้พระเกิดกิเลสและเป็นบาปแก่เรา อยากจะเรียนถามหลวงพ่อว่า ถ้าเราเปลี่ยนเป็นสบู่กรดจะได้ไหมคะ...
    หลวงพ่อ แหม...สบู่กรดอานิสงส์มันน้อย ถ้าเป็นน้ำกรดจะดีมาก เปลี่ยนผิวพรรณได้รวดเร็ว
    ผู้ถาม หนักเข้าไปอีก
    หลวงพ่อ ความจริงไม่มีอะไรเป็นโทษนี่ เอาสบู่หอมตามที่เราต้องการเราชอบอะไร ถ้าหากของมันเป็นพิษเป็นภัย ผิดวินัย ท่านก็ไม่ใช้เอง อานิสงส์มันสมบูรณ์แบบ สบู่หอมมันหอมไปถึงไหน...
    ผู้ถาม มันหอมประเดี๋ยวประด๋าว
    หลวงพ่อ เห็นเขียนว่าหอม เวลาฟอกทีไรไม่เห็นมันหอมสักที ไม่เป็นไรทำอย่างนี้ดีกว่า นี่ล่อสบู่กรด ถ้าใช้สบู่กรดควรใช้น้ำกรด ไอ้เรื่องหอมๆ นี่สมัยที่ฉันอยู่วัดอนงคาราม ฉันจะไปทอดกฐินก็มีพวกนักศึกษาถามว่า ถวายแป้งได้ไหม...ถวายน้ำหอมได้ไหม...ฉันบอกมาเถอะถวายได้หมด แกก็เอาจริงๆ หลัวเบ้อเร่อ
    สมเด็จพุฒาจารย์วัดอนงค์ ถามว่า “เอ็งจะทำยังไงวะนี่ ถวายเป็นกฐินได้เรอะ...”
    ก็บอกว่า “หลวงพ่อถวายไม่ได้ ผมถวายได้”
    พอไปถึงต่างจังหวัดก็ถวายเป็นบริวารกฐินใช่ไหม...สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันไม่เหมาะสมกับพระแต่เมื่อถวายเป็นบริวารกฐิน อานิสงส์มันก็เท่ากับกฐินแล้วขออนุญาตเจ้าอาวาสขออนุญาตพระ เป็นของที่พระไม่สมควร ขอแจกญาติโยมได้ไหม...ท่านบอกว่าได้ ก็เลยให้เจ้าอาวาสแจก ความดีเป็นของเจ้าอาวาสอีกได้ผล ๒ อย่าง นอกจากจะได้อานิสงส์กฐินแล้ว ยังเป็นสังคหวัตถุอีกได้กำไร
    ฉะนั้น วันพรุ่งนี้ใครจะถวายน้ำหอมบอกฉันนะ แต่บอกราคาไว้ด้วยนะ ฉันจะลดราคานิดหน่อย
    ผู้ถาม (หัวเราะ) แหม...เมตตาจริงๆ นะ
    หลวงพ่อ อ้าว...ได้อานิสงส์ เขาตายไปชาติหน้าจะได้หอมใช่ไหม...อุจจาระถ่ายออกมาหอมฟุ้ง เอาเป็นหัวน้ำหอม (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๓๕-๓๖)


    ถวายข้าวพระก่อนจะกินข้าว
    ผู้ถาม ทีนี้ก็มีเรื่องการถวายข้าวพระต่อไป มีคนหนึ่งเขาบอกว่า จะเป็นตอนเช้าหรือตอนเที่ยงตอนเย็นก็ตาม ก่อนจะกินข้าวก็ต้องยกมือถวายแด่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ตอนหลังเขาก็เลยสงสัยว่า มันเลยเพลแล้วพระฉันได้หรือเปล่า...
    หลวงพ่อ ทำแบบนั้นเป็นปกติใช่ไหม...
    ผู้ถาม ครับ
    หลวงพ่อ คนนั้นน่ะตกนรก
    ผู้ถาม ทำไมล่ะครับ
    หลวงพ่อ อ้าว...เอาข้าวถวายพระแล้วแย่งพระกินนี่
    ผู้ถาม อ๋อ...แต่เขาขอก่อนมั้ง
    หลวงพ่อ ความจริงไม่แปลก ก่อนจะกินนึกถึงพระ ก่อนจะนอนนึกถึงพระ ตื่นมาใหม่ๆ นึกถึงพระ ยามว่าจากอารมณ์อื่นนึกถึงพระ อันนี้จัดเป็น อนุสติ นึกถึงพระธรรมเป็น ธัมมานุสสติ นึกถึงพระสงฆ์เป็น สังฆานุสสติ ถ้าอนุสสติอย่างนี้ทรงตัวตายก็ตกนรกไม่เป็น ลืมตกนรก แล้วตอนกลางคืนเวลาจะกินกาแฟ ก็ต้องนึกถึงด้วยนะ
    ผู้ถาม (หัวเราะ) ถ้าจะให้ดีก็ถวายเลย จะได้ อานิสงส์ใหญ่
    หลวงพ่อ ใช่ ถ้าจะให้ดีต้องถวายพระที่พูดได้นะ ถึงจะมีอานิสงส์มาก (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๔๔-๔๕)


    อานิสงส์นอนฟังเทปธรรมะ
    ผู้ถาม ผมอยู่บ้านเปิดเทปธรรมะของหลวงพ่อฟัง แต่เวลาฟังนั้นนอนฟัง อย่างนี้จะเกิดโทษหรือเปล่าครับ
    หลวงพ่อ เดี๋ยวก่อน ต้องถามก่อน ผมอยู่บ้านแล้ว ตัวไปไหน
    ผู้ถาม ...?...?...?
    หลวงพ่อ ผมเปิดเทปฟังได้เรอะ...
    ผู้ถาม (หัวเราะ) อ้อ...จริงแฮะ คือตัวอยู่ด้วยครับ
    หลวงพ่อ เกิดแน่ มีโทษมหันต์เลย ถ้าฟังเรื่อยๆไปจนกระทั่งตาย จะไม่รู้จักนรกเป็นยังไง เลยกลายเป็นคนโง่เง่าเต่าตุ่น นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน จะไม่รู้จักเลย ขาดความฉลาดในเรื่องนี้
    ผู้ถาม ถ้าโง่ไม่ลงข้างล่างก็ยอมครับ
    หลวงพ่อ เอาเรอะ...ชอบโง่เรอะ...ใช้ได้ๆ คือว่าฟังเสียงฉันแต่อย่าลืมว่านั่นเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า นั่ง นอน ยืน เดิน เขาไม่ได้ห้าม นอนฟังปล่อยให้หลับไปเลยยิ่งดีใหญ่ ฟังเทปไม่ทันจบก็หลับไป เทปก็ว่าไปตามเรื่องตามราว นั่นแหละจิตเป็นฌาน ถ้าฟังแล้วรำคาญมันจะหลับไม่ได้ ถ้าเกิดความเพลิดเพลินจิตจะสบายเรื่อยไป พอถึงฌานปั๊บตัดหลับเลย อันนี้มีประโยชน์ใหญ่
    ผู้ถาม แล้วบังเอิญตอนนั้นต้องเขาห้องส้วม เลยไปฟังต่อในส้วม ตอนนี้จะบาปไหมครับ
    หลวงพ่อ อาจารย์เอาอะไรฟัง...เอาหูฟังหรือว่าทวารฟัง...
    ผู้ถาม เอาหูครับ
    หลวงพ่อ เอาหูฟังไม่เป็นไร
    ผู้ถาม หลวงพ่ออโหสิเลยนะ
    หลวงพ่อ ไม่ใช่อโหสิ การปวดอุจจาระปัสสาวะนี่ไม่มีใครต้องการ แต่มันปวดตามเรื่องตามราวของมันใช่ไหม...แต่ในขณะนั้นจิตยังเป็นกุศลอยู่ พอใจในธรรมยังเป็นบุญอยู่เท่าเดิมไอ้เรื่องนี้เมื่อฉันเจริญกรรมฐานใหม่ๆ รุ่นพี่บอกว่า เวลาที่ถ่ายปัสสาวะก็ดี ถ่ายอุจจาระก็ดี อย่าภาวนานะ บาป พอไปถาม หลวงพ่อปาน ท่านบอกว่า
    “แกไปเชื่อไอ้ควาย ภาวนานี่จิตเป็นกุศล” ท่านเลยถามว่า
    “ถ้าเวลาท้องถ่าย แล้วตายเวลานั้นจะว่ายังไง”
    พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม ใช่ไหม...การภาวนามันอยู่ที่จิต ไอ้ตัวภาวนาไม่ได้อยู่ที่ส้วม ทำได้ตลอดเวลาอย่าให้มันขาด อันนี้ดีมาก (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๕๐-๕๑)


    การบูชาพระ
    ผู้ถาม หลวงพ่อคะ แล้วพระที่บูชาไว้ที่บ้านแต่มีครอบแก้วครอบไว้จะเป็นอะไรไหมคะ
    หลวงพ่อ น่ากลัวจะตายไปแล้ว คุณกลับไปดูนะว่ามีลมหายใจหรือเปล่า...ถ้าไม่มีลมหายใจแสดงว่าตายแล้ว
    ผู้ถาม (หัวเราะ)
    หลวงพ่อ ไม่เป็นไรคุณ พระพุทธรูปหรือรูปพระสงฆ์เหมือนกัน ครอบไว้ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องเจาะช่องสำหรับให้ท่านออกมานะ มีหลายคนไปถาม เขาเอาพระหุ้มพลาสติกห้อยคอบอก “ต้องเจาะรูนะ ไม่งั้นพระออกไม่ได้” แหม...ซวยเลย ฉันก็แปลกใจเหมือนกันทำไมพยากรณ์กันแบบนั้น
    คือว่าอำนาจบารมีพระพุทธเจ้า ไม่จำเป็นจะต้องไปเปิดช่องให้เขา บารมี แปลว่า กำลังใจ กำลังใจนี่ไม่มีอะไรกั้นได้ คุณนั่งอยู่ตรงนี้ส่งกำลังใจไปที่บ้าน เขาใส่กุญแจไว้ที่บ้านเราก็เข้าห้องได้ใช่ไหม...อะไรอยู่ที่ไหนรู้หมดเพราะใจเข้าได้แบบ พระนาคเสน ถูก พระยามิลินทร์ ถามว่า
    “เด็กเวลาเข้าครรภ์มารดาเข้าทางไหน”
    นี่ปัญหาโลกแตก ถ้าเป็นอย่างเราๆ นี่ปากแตกโลกไม่แตกหรอก แล้วเขาถามอย่างคนมีความรู้ ไม่ใช่เลอะเทอะนะ
    พระนาคเสน ท่านก็ย้อนถาม เพราะปัญหานี้ยาก การตอบและการถามมันมี ๓ แบบ คือ
    ๑. ถามแล้วตอบตรง
    ๒. ถามแล้วตอบเลี่ยงนิดหนึ่ง...ซัก
    ๓. ถ้ายากเกินไปต้องย้อน เรียกว่า อนุโยค ปัญหาของพระยามิลินทร์ทั้งหมด เป็นปัญหายากหมด พระนาคเสนก็ย้อนถามว่า “เวลานี้พระองค์มีหีบหรือเซฟที่เก็บของมีค่าไหม...” พระยามิลินทร์ก็บอกว่า “มี” พระนาคเสนก็ถามต่ออีกว่า “เพชร นิล จินดา ของมีค่ามีหรือเปล่า” ท่านก็บอกว่ามี “เวลานี้พระองค์บอกได้ไหมว่า เพชรชิ้นนั้นวางอยู่ตรงไหน สร้อยวางอยู่ตรงไหน...” ท่านก็บอกได้ พระนาคเสนก็ถามอีกว่า “ที่ท่านบอกน่ะ ของมันอยู่ในหีบใช่ไหม...” ท่านก็บอกว่า “ใช่” ท่านถามว่า “เวลาที่จิตเข้าไปในหีบ เข้าทางไหน...” คราวนี้พระยามิลินทร์ยอม เพราะจิตเป็นนามธรรมใช่ไหม...ไม่มีสิ่งปิดบังสำหรับนามธรรม จิตนึกเข้าไปไม่ต้องหาทางเข้า พระก็เหมือนกัน ด้วยอำนาจบารมีของพระพุทธเจ้า ไม่จำเป็นจะต้องเปิดช่องให้เข้าหรือให้ออกนะ... (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๖๒-๖๓)


    เจ้าที่
    ผู้ถาม เจ้าที่กับภูมิเทวดาต่างกันไหมครับ
    หลวงพ่อ เจ้าที่ต่างกับพระภูมิแน่ เพราะเจ้าที่เป็นคนก็ได้ เป็นสัตว์ก็ได้ เพราะเป็นเจ้าของที่ ใช่ไหม...คำว่า เจ้าที่ หมายถึง อากาศเทวดา หมายถึงเทวดาชั้นจาตุมหาราช ถ้าอากาศเทวดาต้องใช้ศาล ๔ เสา หรือ ๖ เสา ภูมิเทวดาเขาใช้ศาลเสาเดียว ถ้าถามว่า กำลังอำนาจแตกต่างกันไหม...ต้องบอกว่า เจ้าที่คือ เทวดาชั้นจาตุมหาราช คุมพระภูมิ พระภูมิหลายสิบจุดขึ้นกับจาตุมหาราชจุดหนึ่ง เหมือนกับกำนันผู้ใหญ่บ้านเอาตามนั้นนะ
    (เมื่อทราบอย่างนี้อย่านึกว่าภูมิเทวดาก้อยๆนะ ท่านดีกว่ามนุษย์อย่างเราตั้งเยอะ และควรจะบูชาท่านนึกถึงท่านด้วย เพราะท่านเป็นเทวดาอยู่ใกล้เรามากที่สุด หลวงพ่อเล่าให้ฟังดังนี้)
    หลวงพ่อ เมื่อกี้ตอนอุทิศส่วนกุศล ท่านลุงพระยายมมาบอกว่า เวลาที่เราเลิกบูชาพระ ตอนอุทิศส่วนกุศลให้พระภูมิเขาบ้าง ท่านอารักขาอยู่ ควรจะให้ท่านโมทนาบ้าง ท่านบอกว่าภูมิเทวดาท่านอยู่ใกล้ที่สุด ตามอารักขาคอยช่วยเหลืออยู่ ไม่บอกให้ท่าน ท่านก็โมทนมไม่ได้ (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๕ หน้า ๙)


    สงสัยพิธีบวงสรวงของหลวงพ่อ
    ผู้ถาม เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ได้เห็นพิธีบวงสรวงของหลวงพ่อ อยากกราบเรียนถามว่าทำไมจึงต้องมีพิธีบวงสรวงครับ
    หลวงพ่อ เราเรียก “พิธีบวงสรวง” ตามศัพท์ไสยศาสตร์นะ แต่ความจริงมันไม่น่าจะเรียกว่าบวงสรวง จะเรียกชื่ออื่นคนก็ไม่รู้จัก
    ผู้ถาม ควรจะเรียกว่าอะไรดีล่ะครับ
    หลวงพ่อ อันนั้นล่ะคือ “การเชิญเทวดา” บวงสรวงคือเชิญท้าวจาตุมหาราชพร้อมทั้งอินทกะและบริวาร แต่พิธีนี้ไม่ใช่พิธีที่เราจะสร้างขึ้นมาได้เอง คือว่า สมัยก่อนหลวงพ่อปานท่านเริ่มทำการก่อสร้าง ท้าวเวสสุวรรณกับอีก ๓ องค์มาหาท่านในขณะที่เจริญพระกรรมฐาน บอกว่าท่านทำงานนี้เป็นบุญเป็นกุศล ผมขอโมทนาด้วย ถ้ามีงานสำคัญเกิดขึ้นขอให้บวงสรวงด้วยวิธีนี้
    ท่านบอกว่าแม้แต่คำสวด คำสวดบทมหาสมัยในตอนท้าย “อภิกามุง ภิกขูนัง” ท่านตัดออกเอา “อัฏฐังสุ” แทน แล้วก็ของทุกอย่างท่านสั่งทั้งหมด และของที่มีอยู่ให้ทำตามนั้นแล้วก็จะมาช่วยงาน เป็นอันว่าเชิญเทวดาท่านมารับทราบ แล้วก็จะขอร้องให้ท่านช่วยมันอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก พิธีนั้นถ้าทำขึ้นมาถ้ามีอะไรควรรู้ท่านจะบอกที่สวดไปแล้วก็นิ่งประเดี๋ยวหนึ่งนะคุยกัน
    ผู้ถาม อ๋อ...นึกว่าน้ำลายติดคอ
    หลวงพ่อ ไอ้น้ำลายน่ะปกติมันติดคออยู่แล้วนะ ถ้าน้ำลายไม่ติดคอก็ไหลไม่ถึงปาก ใช่ไหม...
    ผู้ถาม โอ...ไม่จนเลยนะ
    หลวงพ่อ จะจนได้ยังไง นั่งอยู่มีคนมาให้เรื่อยๆ
    ผู้ถาม (หัวเราะ) ใช่ๆ จนไม่มี...
    หลวงพ่อ (หัวเราะ) ใช่...ถ้าจนก็ไม่มี!
    ผู้ถาม เป็นอันว่าบวงสรวงนี้ควรจะเรียกว่า “เชิญเทวดา” นะครับ
    หลวงพ่อ ใช่...คือท่านมาบอกพิธีกรรมเอง และก็บอกคาถาบทสวดเอง แล้วบอกว่าถ้าทำตามนี้ผมจะมาและท่านก็มาจริงๆ ต่อมาฉันก็เรียนต่อจากหลวงพ่อปาน ก่อนจะเรียนต่อ หลวงพ่อปานท่านก็ถามท้าวเวสสุวัณก่อนว่า รับหรือไม่รับ ถ้ายอมรับก็ทำพิธีนี้ได้ ถ้าไม่ยอมรับเราทำพิธีก็ไม่มีผล ท่านไม่ช่วย ทานก็บอกยอมรับ รับก็ทำต่อมาได้ (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๕ หน้า ๒๗-๒๘)


    แก้บนท้าวมหาราช
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าคะ วิธีที่จะแก้บนท้าวมหาราชทั้ง ๔ ให้ถูกต้องนั้นจะทำอย่างไรดีคะ...
    หลวงพ่อ แก้บนหรือ...ก็สังเกตเวลาท่านโพกผ้า ก็ไปแก้ผ้าที่โพกออก คือแก้บนผ้าที่โพกออก คือแก้บน ถ้าแก้ล่างก็แก้กางเกงออก!
    ผู้ถาม (หัวเราะ)
    หลวงพ่อ ไปบนอะไรท่านไว้ล่ะ ฉันไม่เคยบนท่านนี่ ถ้าเราบนอะไรท่านไว้ เราก็แก้ถวายท่านตาปกติ ตั้งโต๊ะกลางแจ้งใช่ไหม จุดธูปเท่ากับบูชาพระนะ เพราะท้าวมหาราชทั้ง ๔ นี่เป็นพระอริยเจ้าทั้งหมด และเทวดาชั้นนี้เป็นพระอริยเจ้ามาก ก็ต้องบูชาเหมือนพระ เพราะท่านเป็นพระจริงๆบนอะไรไว้
    ถ้าบนหัวหมูก็ต้องเอาหัวหมูจริงๆ ไม่ใช่เอาหมูมาทำเถือๆ ให้หน้าตาคล้ายหมู โกงเขาเอาแน่ ตัวท่านไม่เอา แต่บริวารเขาเอาแน่ มีคนเขาเคยโกงมันมี
    ผู้ถาม โกงแก้บนนี่หรือครับ
    หลวงพ่อ โกงแก้บนน่ะซิ!
    ผู้ถาม แล้วให้โทษภายหลังไหมครับ...
    หลวงพ่อ สบายมาก...ป่วยไม่หาย อีตอนจะบนไม่กลัวเสีย เสร็จเรียบร้อยแล้ว แหม...กลัวเสียทุกอย่าง พยายามจะลดนั่นลดนี่ ใช่ไหม...แบบนี้ดีมาก ต่อไปต้องเพิ่มหลายเท่า
    ผู้ถาม ทีนี้เวลาจะบนอะไรต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน
    หลวงพ่อ คิดเสียก่อนว่า ถ้าเราจะบนไก่ท่าน ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าไก่เนื้อ หรือไก่พลาสติก หรือไก่กระดาษ บอกให้ชัดๆ อย่างเจ้าแม่ทับทิมเขาแก้บนละคร ๑ โรง เป็นละครกระดาษ ทีนี้เวลาเขาบน เขาก็บอกอย่างนั้นนะ เขาจึงถวายละครเป็นโรงๆ คือละครกระดาษที่เขามีอยู่ นี่เขาบอกตรงไปตรงมา คือ เทวดานี่ไม่โกงไปโกงมา ว่าอะไร...คำเดียว อย่างนี้แปรไม่ได้ (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๕ หน้า ๔๑-๔๒)


    เจ้าที่เฮี้ยน
    ผู้ถาม บ้านเช่าที่ดิฉันเช่าไปหาหมอดูบอกว่า เจ้าที่แรงและเฮี้ยนมาก ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอยู่เป็นประจำ อยากจะเรียนถาม
    หลวงพ่อว่า เราจะแก้ความเฮี้ยนของเจ้าที่ได้อย่างไรเจ้าคะ...
    หลวงพ่อ เจ้าที่แรงมาใช่ไหม...ไปซื้อช้างมา ๒ เชือก ให้ช้างชนให้ตายโหงไปเลย เจ้าที่แรงลองปล้ำหรือเปล่า... ถ้าเจ้าที่แรงจริงๆ นี่พูดกันตรงไปตรงมานะ ที่นั่นมีประโยชน์มาก จะมีลาภ ทำให้ถูกใจเถอะมีหลายแห่ง ฉันเคยพบมาแล้ว
    เจ้าที่เฮี้ยนเป็นอย่างนี้ ถ้าเราไปอยู่ใหม่ๆ เพียง ๒ ปี เขาจะให้คุณ ถ้าปีที่ ๓ ไม่แสดงความเคารพเขาเล่นงานแน่ ถ้าเราทราบก็แสดงความเคารพโดยตั้งศาลให้ เท่านั้นเขารวยกันเยอะแล้ว นักเลงนี่ถ้าไม่เกรงใจก็รวน ถ้าหากว่าชอบใจก็ให้หนัก
    ผู้ถาม อ้อ ! อย่างนี้ก็แสดงว่าแล้วแต่ “พระอารมณ์” หรือครับ
    หลวงพ่อ ไม่ใช่...เขาถือว่าปรามาสเขา เจ้าที่เฮี้ยนก็แสดงว่าเป็นอากาศเทวดา เทวดาชั้นจาตุมหาราชครองอยู่ นักเลงใหญ่
    ผู้ถาม วิธีที่จะทำให้ท่านถูกอกถูกใจ จะต้องทำอย่างไรครับ
    หลวงพ่อ ไม่ยากอะไร...เอา “ยกทรง” ไปตั้งศาล
    เวลาตั้งศาลก็ต้องดู คนเห็นแก่ลาภมากเกินไปไม่ควรเอา จะไม่มีผล ไม่งั้นอันดับแรกทดลองดูก่อน เราก็ทำหิ้งเข้า เอาผ้าขาวปู มีดอกไม้ มีแจกกันไปตั้งไว้ขอบูชาเจ้าที่ เวลาบูชาก็บูชาพระก่อน แล้วก็ต่อด้วยบูชาเจ้าที่เลย ลองลีลานี้ก่อน ถ้าเขาพอใจก็มีผล ถ้าไม่พอใจก็ตั้งศาลให้หมดเรื่องกันไป (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๕ หน้า ๕๕-๕๖)


    มาร ๕ อย่าง
    ผู้ถาม เวลาปฏิบัติพระกรรมฐาน พอจิตเริ่มสงบสงัดความแค้นเกิดขึ้นทันที แล้วก็แก้ไม่ตกสักที ขอหลวงพ่อแก้แค้นให้หน่อยเจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ อ้อ ! ... นี่ไปแค้นใคร เอาชื่อมาให้ฉัน ฉันจะฝังดินให้
    ผู้ถาม (หัวเราะ) พอจิตไม่สงบก็ไม่แค้น พอสมาธิสงบ แหม...มันก็แค้น!
    หลวงพ่อ เรื่องนี้ดีมาก ที่ญาติโยมถาม ถามดี...การเจริญพระกรรมฐานต้องพิจารณาถึง “มาร ๕ อย่าง” ให้มาก
    ผู้ถาม เป็นไงครับหลวงพ่อ มาร ๕ อย่าง
    หลวงพ่อ มาร แปลว่า ผู้ฆ่า ใช่ไหม...มาร ๕ อย่าง คือ
    ๑. กิเลสมาร
    ๒. มัจจุราช
    ๓. อภิสังขารมาร
    ๔. เทวปุตตมาร
    ๕. ขันธมาร
    มาร แปลว่า ผู้ฆ่าความดี พระพุทธเจ้าท่านบอกว่ามี ๕ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีความสำคัญๆก็คือ “กิเลสมาร” กับ “ขันธมาร” รบกวนเราเรื่อย
    ขันธมาร หมายความว่า เวลาจะทำความดี ปฏิบัติกรรมฐานทำสมาธิจิตหรือทำบุญทำทาน ไอ้ความป่วยไข้ไม่สบายมันเข้ามาขวาง อย่างนี้เรียกว่า “ขันธมาร” อย่างที่โยมถามมาเมื่อกี้นี้เป็น “กิเลสมาร” ตัวนี้สำคัญ ต้องถือว่าคนนี้เป็นคนที่น่าชมมาก คนดีนะคนนี้ เพราะอะไร...เพราะยามปกติไม่โกรธใช่ไหม แสดงว่าอารมณ์หยาบหมดไป ไอ้กิเลสหยายที่โกรธหมดไป ที่นี้เวลาที่ทำจิตละเอียด เกิดความแค้นขึ้นมากระตุ้นขึ้นมาตัวนี้ไอ้กิเลสที่เป็น “อนุสัย” ตัวละเอียดอย่างนี้ถือว่า เขาชนะมากแล้วนะคนนี้ อย่างนี้ถือว่าชนะหยาบต่อสู้กันละเอียดแล้ว ถ้าต่อสู้กับละเอียดชนะก็จะชนะเด็ดขาด วิธีทำแบบนี้ก็เคยมีมาด้วยกันทุกคนนะ ฉันก็เคยเจอมา
    ผู้ถาม หลวงพ่อก็เคยมีเหมือนกันเหรอครับ...
    หลวงพ่อ มี...ทุกอย่างที่ถามมามีทุกอย่าง
    ผู้ถาม อ้อ...มีครบเลยนะ
    หลวงพ่อ มีครบถ้วน...เพราะเลวมีครบถ้วน
    ผู้ถาม เป็นพระมีเลวเหมือนกันหรือครับ
    หลวงพ่อ เลว...ถ้าพระไม่เลว บวชอยู่ไม่ได้
    ผู้ถาม เอ๊ะ ! เป็นยังไงครับหลวงพ่อ
    หลวงพ่อ ถ้าพระดีเขาไม่บวช ไปนิพพานเลย
    ผู้ถาม อ้อ...
    หลวงพ่อ ฉันมันเป็นกังหันนี่ หมุนดะ..แต่ว่าเมื่อกี้ถามว่ายังไงนะ วิธีแก้ใช่ไหม
    ผู้ถาม ครับวิธีแก้
    หลวงพ่อ ถ้ารู้สึกตัวมา ถ้าอารมณ์ระงับก็ถอยหลังคิดว่า อารมณ์จิตอย่างนี้ไม่น่าจะมีแก่เรา เพราะว่าตามปกติเราก็ให้อภัยอยู่แล้ว ทำไมเวลาจิตสงบสงัดจะต้องมาคิดอย่างนี้ ให้คิดว่าอันนี้ไม่ควรอารมณ์อย่างนี้ ให้คิดแค่นี้ว่าไม่ควร อารมณ์อย่างนี้มันจะมีไม่นานนัก ถ้าเวลาเลิกจิตสบายแล้วก็คิดว่า อันนี้มันผิดไปแล้ว ไม่ควรจะทำให้เศร้าหมองแบบนี้ ความดีที่มีอยู่จะคุ้มครองไม่ได้เมื่อเวลาตาย ถ้าเวลาตายจิตเศร้าหมองแบบนี้ เราต้องลงอบายภูมิ ๒-๓ ครั้งมันจะหาย ค่อยๆเรื่อยๆไปไม่ช้ามันจะหาย
    อันนี้ดีมาก ต้องขอชม คนนี้กิเลสหยาบเฉพาะโทสะ ผ่านไปแล้ว อันนี้น่าต้องคิด
    ผู้ถาม ควรแก่การอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง
    หลวงพ่อ ใช่...ควรแก่การรับ “ทาน”
    ผู้ถาม เอ๊ะ...!
    หลวงพ่อ อ้าว...พระ “ให้” ไม่มี...มีแต่ “ขอ” อย่างเดียว
    ผู้ถาม อ๋อ... (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๕ หน้า ๗๕-๗๗)


    ฝันเห็นหัวกะโหลก
    ผู้ถาม ไม่กี่วันผันว่า...มีหัวกะโหลกตัวหนึ่งยื่นมือมาทางหนู หนูจึงภาวนา “พุทโธ” แล้วเป่าไป ไอ้หัวกะโหลกตัวนั้นมันก็ภาวนา “พุทโธ” แล้วก็เป่ามาทางหนู หนูจึงคิดว่าพุทโธนี้ยังไม่เฮี้ยน ก็เลยเปลี่ยนใหม่ว่า “อิติปิ โส” แล้วก็เป่าไปมันก็ “อิติปิ โส” แล้วก็เป่ามา เป่ากันไปเป่ากันมา ในที่สุดมันให้งูตัวหนึ่งมากับหนู แล้วมาบอกให้หนูปล่อยงูไปเสียนะ ภายในอาทิตย์นี้ มิฉะนั้นจะเดือดร้อน หนูอยากเรียนถามว่า ถ้าจะปล่อยปลาไหลแทนงูจะได้ไหมเจ้าคะ
    หลวงพ่อ ไม่ได้...ต้องปล่อยงู...งูไหล หยิบปลาไหลมาแล้วปล่อยไป บอก...งูไหล
    ผู้ถาม (หัวเราะ)
    หลวงพ่อ ก็ดีนี่...ที่บ้านมีงูหรือเปล่า...ก็สงสัยนะเขาบอกให้ปล่อยงู ไอ้งูนั่นมันเป็นอะไรนะ ฉันก็เคยโดนมาแล้ว ว่าคาถากันผีไปบทหนึ่ง ท่านบอกว่า “เฮ้ย ! ไอ้บทนี้มึงว่าได้ครึ่งเดียวนี่หว่า” ท่านเลยต่อให้อีกครึ่งหนึ่ง พวกนี้ไม่ใช่ผี เป็นเทวดาชั้น จาตุมหาราช
    ที่เขาบอกว่าให้ปล่อยงู ก็ให้ตัดกังวลในร่างกายเสีย ตัดอุปาทาน คิดว่า...ร่างกายนี่เป็นเรา เป็นของเรา เขาแสดงให้ดู ไอ้ร่างกายนี่จริงๆ เอาเนื้อออกหมด มันเหลือแค่กระดูกแบบนั้น ให้จำภาพนั้น เท่านั้นเอง
    พวกนี้ท่านก่อนจะตายท่านได้ฌานไปก่อน และท่านคุ้มครองอยู่ใช่ไหม...ท่านเห็นว่ายังติดในร่างกายเกินไป เพราะร่างกายถ้าเนื้อมันหมดไปเหลือแต่กระดูกแบบนี้ มันสวยไหม...คำว่า “ปล่อยงู” คือ “ปล่อยความยึดมั่นว่า...ร่างกายเป็นเรา เป็นของเราเสียเท่านั้นเอง”
    ผู้ถาม สมมุติว่าปล่อยอุปาทานได้ จะไปนิพพานได้ไหมครับ
    หลวงพ่อ ยังไม่ตาย...ยังไม่ไป แต่ว่าถ้าได้มโนมยิทธิจะไปได้ ถ้าปล่อยตัวอุปาทานตัวนี้ได้ก็ไป เพราะไปนิพพานมันตัดร่างกายตัวเดียว ถือว่าร่างกายไม่เป็นเรื่อง เราพอใจในพระนิพพานเท่านั้นเอง
    ผู้ถาม ฉะนั้น...ใครกิแกงงู ไปนิพพานไม่ได้...
    หลวงพ่อ ได้ซิ...กินงูเสียหมดแล้วนี่ งูไม่มีเกาะ อย่าไปเชื่อนะ เป็นอันว่าตามนั้นนะ เขาแนะนำว่า ร่างกายเรา ร่างกายเขามีสภาพเช่นเดียวกัน ถ้าเนื้อหมดไปก็เหลือแต่โครงกระดูกอย่างนี้ หาอะไรสวยสดงดงามมันไม่มี ความทรงตัวไม่มี ปล่อยงูคือปล่อยตัวอุปาทาน
    ค่อยๆ คิดว่า ร่างกายนี้มีสภาพจะต้องตาย ถ้าตายแล้วมีสภาพอย่างนี้ เราไม่สามารถจะอาศัยมันได้อีก ที่มีร่างกายแบบนี้มันก็ทุกแบบนี้ ถ้าปล่อยร่างกายนี้ทิ้งไปเสีย ร่างกายพังเมื่อไร...ไปนิพพานเมื่อนั้น นี่ละปล่อยงู
    ผู้ถาม ผมนี่ฝันมานานแล้ว ยังไม่ไปนิพพานสักที
    หลวงพ่อ ไปไม่ได้...ฉันยังไม่ตาย ไปนิพพานหมด ฉันกินอะไรล่ะ...
    ผู้ถาม แล้วในคืนนั้น หลวงพ่อมาเข้าฝันดิฉันว่า “รอเอ็งอยู่คนเดียว” อย่างนี้ หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ...
    หลวงพ่อ ฝันตรงเป๋งเลย! รอคนเดียวยังไม่ให้สตางค์จึงต้องไปตามถึงบ้าน ใช่ไหม...
    ผู้ถาม แหม...ไม่น่าฝันอย่างนี้เลย
    หลวงพ่อ (หัวเราะ)...อ้าว...ภิกขุ แปลว่า “ผู้ขอ” มีหน้าที่ขอ ถ้าไม่ขอก็ไม่ใช่ภิกขุแท้ “รอเอ็งคนเดียว” หมายความว่า ยังตัดสินใจไม่แน่นอน ไปนิพพานน่ะ ตั้งใจให้มันแน่ ในเมื่อมีสิทธิ์จะไปก็ตัดสินใจให้แน่นอนเสีย (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๖ หน้า ๑๗-๒๐)


    เห็นภาพพระสีวลี
    ผู้ถาม หลังจากฝึกมโนมยิทธิแบบหลวงพ่อสอนแล้วชอบเห็นพระสีวลี มาเดินที่ทุ่งกว้างๆ แล้วหนูก็ไหว้ท่าน ท่านก็ให้พรหนู นั่งทีไร เห็นอย่างนี้ทุกที เห็นอย่างนี้มีความหมายว่าอย่างไรคะ...
    หลวงพ่อ สงสัยนะ...ไอ้ตอนหนูไหว้ท่าน แล้วท่านให้พรหนู พระสีวลีท่านพูดภาษาคนหรือว่าภาษาหนู
    ผู้ถาม (ยิ้ม) หนู หมายถึงตัวหนูค่ะ
    หลวงพ่อ อ๋อ...ก็ดีซิ เป็นพระสีวลี พระสีวลีท่านเป็นพระไม่มีโรค เป็นพระที่มีลาภมาก ถ้าใครมีพระธาตุพระสีวลี ไว้บูชา ถ้าเก็บสตางค์ไว้คนนี้จะไม่จน!
    ผู้ถาม อ้าว...แล้วถ้าไม่เก็บล่ะครับ หลวงพ่อ ถ้าไม่เก็บก็จนน่ะซิ แต่ความจริงได้พระธาตุของพระสีวลีไว้บูชา มีลาภมากจริงๆ เพราะเขาเคยบูชากันมานานแล้วนะ
    ผู้ถาม แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะครับว่า...เป็นพระธาตุพระสีวลี
    หลวงพ่อ อันนี้ไม่ยาก ถ้าได้มโนมยิทธิแล้ว ได้พระธาตุก็ไปถามท่านว่าใช่ไหม...ถ้าเราไม่ถามท่าน ก็ถามเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง ที่มั่นใจว่าท่านพูดตรงไปตรงมา ถ้าถามองค์ไหนต้องเฉพาะองค์นั้น ถ้าเปะปะเสร็จไม่กี่ครั้งเป๋เลย
    ผู้ถาม แล้วสมมุติว่า...ญาติโยมอยากได้พระธาตุของพระสีวลี จะสวดมนต์ขอพรอย่างไรครับ
    หลวงพ่อ อันนี้ไม่รู้เขาบูชายังไงเหมือนกัน แต่เมื่อสมัยฉันยังอยู่ วัดบางนมโค วันหนึ่งนอนฟังข่าววิทยุเวลานอนก็ชอบดับไฟเป็นปกติ ข่าวไหนไม่ชอบใจก็ภาวนาเรื่อยๆไป วันนั้นรู้สึกว่าข่าวเปะปะไปหน่อย จะปิดวิทยุคนอื่นเขาก็ฟังอยู่ นอนภาวนาเรื่อยไป เห็นแสงปรากฏขึ้นบนขื่อ เป็นแสงสว่างมองไปก็สงสัยว่าเป็นแสงอะไร ก็ได้ยินเสียงบอกว่า...
    “ผมจะมาอยู่ด้วยครับ” ก็ถามว่า “ใครครับ”
    ได้ยินเสียงบอกว่า “ผม สีวลี” พอสิ้นเสียงแสงหายไปก็ลุกขึ้นจุดตะเกียง ก็เอาไฟฉายไปส่องบนขื่อ ก็เจอพระธาตุแปลกเหมือนกัน นั่นไม่รู้ว่าบูชาบทไหน ต้องบอกว่าบูชาบทฟังข่าววิทยุ
    ผู้ถาม แล้วพระธาตุยังอยู่หรือเปล่าครับ
    หลวงพ่อ ก็ถือว่าเป็นสมบัติสงฆ์ ไม่ได้เอามา
    ผู้ถาม หลวงพ่อมีองค์เดียวหรือครับ
    หลวงพ่อ หลวงพ่อมีองค์เดียว...หลวงพ่อมี ๒ องค์ ก็ซวยซิ! (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๗ หน้า ๔๓-๔๔)


    การจุดธูป
    ผู้ถาม เวลากราบศพ มีคนเขาบอกว่าให้ใช้ธูปดอกเดียวอันนี้จะถูกไหมคะ
    หลวงพ่อ ถูก...ถ้าจุดไม่ถูกก็ไม่มีติดสิ
    ผู้ถาม (หัวเราะ)
    หลวงพ่อ จุดธูปนี่...พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนเลยว่าจุดกี่ดอก สมันพระพุทธเจ้าเวลาที่จะไปฟังเทศน์ มีธูปเทียนดอกไม้ไปบูชา แต่ว่าจุดกี่ดอกไม่เคยบังคับ บูชาผีต้องจุดดอกเดียว บูชาเทวดาต้อง ๒ ดอก ไอ้นั่นว่ากันเองแหละ...ถ้าหากว่าฉันเป็นคนขายธูปนะ จะบอกว่าถ้าบูชาพระควรใช้ธูป ๑ ห่อ จะได้ขายคล่องๆหน่อย ความจริงไม่มีนะ เขาไม่ได้บังคับ...เท่าไรก็ได้แต่ว่าก็เป็นไปตามความพอใจ ถ้าเคยปฏิบัติแบบไหน...ก็ให้เป็นไปแบบนั้น
    ผู้ถาม แล้วก็มีคนบอกอีกแหละครับ...หลวงพ่อเขาบอกว่าห้ามจุดธูปดำ เดี๋ยววิญญาณดำๆ จะมาอันนี้จริงไหมครับ... หลวงพ่อ
    หลวงพ่อ เขาคนนั้นว่าถ้าจะจริง คนอื่นไม่เกี่ยว ก็ไอ้คนที่มันจะตาย มันจะลืมตาดูสีรึ...ไอ้ธูปดำๆ กลิ่นมันใช่ไหม... อันนี้มีประโยชน์มาก ถ้าบังเอิญแกได้กลิ่นธูปหอมๆ กระทบจมูก เวลานั้นประสาทไม่ค่อยดีแล้วใช่ไหม...มันดื้อมาก ต้องกลิ่นแรงๆหน่อย ถ้ากระทบเข้ามาก็เกิดความรู้สึก เอ๊ะ!ไอ้ธูปกลิ่นนี้เคยบูชาพระ พอนึกถึงพระหน่อยเดียวตอนนั้นถ้าตายไปแล้วไปสวรรค์ทันที นี่มีประโยชน์มาก (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๗ หน้า ๑๐๑-๑๐๒)


    กลิ่นธูปควันเทียน
    ผู้ถาม หลวงพ่อคะ เวลาคนที่ตายแล้ว เราก็ไปกราบศพแต่ได้กลิ่นธูป หรือควันเทียน อย่างนี้หมายความว่าอย่างไรคะ
    หลวงพ่อ นั่นเขาแสดงปรากฏเป็นกลิ่นธูป ควันเทียน ถ้าเป็นกลิ่นธูปก็แสดงว่าอยู่สูง ถ้าเป็นกลิ่นธูปหอมนะ ก็แสดงว่าอยู่สูงมาก ถ้าเป็นกลิ่นกระแจะหรือน้ำหอมธรรมดาก็ไม่ใช่ กลิ่นดอกไม้ก็ไม่เชิง มันผสมผสานกัน อันนี้อยู่ชั้นกามาวจร ถ้าเป็นกลิ่นธูปจัดหน่อยก็ต้องนับเป็น ๒ จุด คือ พรหมกับนิพพาน พรหมกับนิพพานนี่กลิ่นคล้ายคลึงกันมาก
    ผู้ถาม แต่เคยได้กลิ่นเหล้าฉุนๆ อยากทราบว่า เป็นช้นไหนครับ
    หลวงพ่อ โลหะกุมภี...เทวดาชั้นนี้แข็งแรงมาก ใจดีที่สุด ถ้าไปที่นั้นไม่ต้องซื้อข้าวกิน กรอกใส่ปากเลยทนไม่ไหว จับนอนกรอกปากอีก แหม...ไอ้กลิ่นเหล้านี่น่าจะเป็นเทวดาบางยี่ขัน กลิ่นแปลกจริงๆนะ นี่ต้องพิจารณากันก่อนนะ ถ้าหากคนที่เคยเคารพนับถือก็ดี คนที่ไม่เคารพนับถือก็ดี ที่ติดเหล้าแล้วตายไปมีไหม...ต้องนึกถึงคนนั้นก่อน บางทีเขาอาจจะเป็นเทวดา เวลาเขามา เขาอาจจะแสดงกลิ่นเหล้าให้ปรากฏ จะได้ทราบว่าท่านมาแล้ว อย่าไปโทษว่าเขาเป็นสัตว์นรกเสมอไปไม่ได้นะ
    ผู้ถาม ถ้าหากว่าเราได้กลิ่นอย่างนี้ เอากลิ่นเป็นอนุสติเราตายแล้วจะเป็นอย่างไรครับ
    หลวงพ่อ ก็สบาย...ไปอยู่โลหะกุภี ดีจริงๆ เลย ตั้งเป็นฌานไว้นะ ไม่ไปไหนเลย ดิ่ง...ป๋อง...ลงท่อทองแดง!
    ผู้ถาม ยังงั้นเปลี่ยนใหม่ดีกว่า เอาเป็นกลิ่นธูปควันเทียนก็แล้วกันครับ
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ดีกว่า เอากลิ่นเย็นๆดีไหม...จะได้ลงโลกันตนรกเลย
    ผู้ถาม ที่นี้มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งแกมาเล่าให้ฟังว่าเวลาสวดมนต์เห็นแม่ที่ตายไปแล้วมานั่งอยู่ข้างๆ และได้กลิ่นธูปเสมอ เขาสงสัยว่า แม่ยังห่วงอะไรอยู่หรือเปล่าครับ
    หลวงพ่อ กลิ่นสูงหรือกลิ่นต่ำ
    ผู้ถาม เอ...ไม่ยักบอก เอ๊ะ! หลวงพ่อกลิ่นสูงกลิ่นต่ำเป็นยังไงครับ
    หลวงพ่อ ไอ้กลิ่นต่ำน่ะ กลิ่นมากหน่อย กลิ่นสูงน่ะ กลิ่นธรรมดา เราเคยสัมผัสอยู่เสมอ
    ผู้ถาม อย่างกลิ่นธูปควันเทียนน่ะหรือครับ
    หลวงพ่อ ถ้าอย่างนั้นดี ไม่เหมือนกลิ่นปุ๋งๆ
    ผู้ถาม (หัวเราะ) หลวงพ่อ ข้อนี้ตอบไม่ยากเลย ที่มาให้เห็นนั่นแสดงว่า ท่านสบายมากแล้ว ถ้าไม่สบายมากท่านจะมาให้เห็นภาพไม่ได้ ถ้าแสดงให้เห็นปรากฏแสดงว่าเขามีความสุขมาก เมื่อเขาเป็นเทวดาหรือพรหมเขาก็ห่วงลูกหลานจะตกนรก ถ้านึกถึงพ่อแม่เป็นความกตัญญูรู้คุณ เป็นเทวดาได้นะใช่ไหม...แล้วยิ่งสวดมนต์อยู่อย่างนั้น ได้กลิ่นแม่ด้วย มีความรู้สึกว่าแม่มาด้วย อันนี้ดีมาก แต่สงสัยว่าตอนนั้นแกสวดแม่หรือเปล่า ถ้าไม่สวดแม่นะ และแกใจดีนะ เห็นว่าแม่มาด้วย อันนี้เป็นความกตัญญูรู้คุณ แค่ตัวเดียวนี่ไปสวรรค์จิตเป็นอุปจารสมาธิพอดี ถ้าจิตเป็นอุปจารสมาธิจิตมันก็เป็นทิพย์สามารถจะเห็นได้ (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๗ หน้า ๑๐๕-๑๐๗)

    การปฏิบัติตนเพื่อความพ้นทุกข์แบบย่อๆ
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าคะ อยากจะเรียนถามว่า การปฏิบัติตนเพื่อความพ้นทุกข์แบบย่อๆ มีบ้างไหมเจ้าคะ...
    หลวงพ่อ ต้องการแบบย่อหรือ...ต้องไม่ยืนตรง
    ผู้ถาม อ้าว...ทำไมละครับหลวงพ่อ...
    หลวงพ่อ งอเข่ามานิด...แล้วก็ย่อตัวลงมา ก็ความจริงอันดับแรกจับ พุทธานุสสติ ให้ทรงตัว หลังจากนั้นก็พิจารณากายคตานุสสติ ร่างกายนี้มันไม่ดีเต็มไปด้วยความสกปรก ร่างกายเป็นชิ้นเป็นตอนเป็นท่อน่ใช่ไหม...ไม่เป็นแท่งทึบมีอาการ ๓๒ คือ ผม...เล็บ...และฟัน เป็นต้น นี่เขาถือเป็น กายคตานุสสติ
    เห็นว่าทุกส่วนของร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรกอันนี้เป็น อสุภกรรมฐาน เห็นว่ามันไม่ดีมันก็เป็นทุกข์ แล้วก็ สลายตัวไปในที่สุด หลังจากนั้นก็ตั้งจิตใจไว้เฉพาะ พระนิพพานเป็นอารมณ์ และก็พยายามตั้งตนตั้งใจทำตามนี้คือ
    ตัดโลภะ ความโลภ ด้วย จาคานุสสติกรรมฐาน ด้วยการให้ทาน
    ตัดโทสะ ความโกรธ ด้วยการรักษาศีล มีพรหมวิหาร ๔ เป็นเบื้องหน้า
    ตัดโมหะ ความหลง ด้วยการเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ร่างกายมันไม่ดี เราไมต้องการมัน ต้องการนิพพาน แค่นี้ง่ายๆ
    ผู้ถาม แค่นี้ไปได้แน่ๆ เลย
    หลวงพ่อ จะไปก็ได้จะอยู่ก็ได้
    ผู้ถาม ไม่ขัดข้องเลย
    หลวงพ่อ ไม่ขัดข้อง คำว่าไป...หมายถึงนิพพาน ยังไม่นิพพานก็ยังไม่ไป เนื้อแท้จริงๆ ต้องตัด โลภะ โทสะ โมหะ ๓ ตัวเท่านั้น แต่ว่าถ้าเราไม่ยึดพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ มันจะไม่มีการทรงตัวนะ
    ผู้ถาม ครับ...
    หลวงพ่อ เอาง่ายๆ ดีกว่า ถือบันไดขั้นแรกไว้ก่อน ถืออารมณ์พระโสดาบันไว้ก่อน ง่ายดี อารมณ์พระโสดาบันนี้ก็คือ
    1. เคารพพระพุทธเจ้า
    2. เคารพพระธรรม
    3. เคารพพระอริยสงฆ์
    4. มีศีล ๕ บริสุทธิ์
    5. ตั้งจิตไว้เฉพาะพระนิพพาน อันนี้ง่ายๆ ถ้าอันนี้ได้แล้ว...ไอ้เรื่องมรรคผลก็กลายเป็นของไม่ยาก (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๕ หน้า ๑๒๐-๑๒๑)

    http://www.larnbuddhism.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2006
  2. soonram

    soonram เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2007
    โพสต์:
    719
    ค่าพลัง:
    +1,406
    อ่านทีไรมีความสุขเมื่อนั้น
     
  3. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049

แชร์หน้านี้

Loading...