ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

"ไม่ได้นั่งเทียนคิดหรือใช้ญาณวิถีเพราะอาจารย์เป็นนักวิทยาศาสตร์" ดร.กัญจีรา กาญจนเก

<TABLE height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=533 border=0><TBODY><TR vAlign=top bgColor=#ffffff><TD width=497><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" border=0><TBODY><TR><TD class=black>
จากปก
"ไม่ได้นั่งเทียนคิดหรือใช้ญาณวิถีเพราะอาจารย์เป็นนักวิทยาศาสตร์" ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ

จู่ๆ ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ 'แม่ครู' หรือ 'คุณแม่' ของลูกศิษย์ ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศเพียงชั่วเวลาข้ามคืน ทำเอาสมาชิกชมรมวิถีธรรม-วิถีไท ต้องรับโทรศัพท์มือเป็นระวิง
อันเนื่องมาจากข่าวสารที่ได้รับจากการฟอร์เวิร์ดเมล์ทางอินเทอร์เน็ต เกี่ยวกับ 'การเตือนภัยวิกฤติภัยพิบัติธรรมชาติเดือนตุลาคม 2548' ซึ่งช็อกสังคมไทยไม่น้อย (อ่านต้นฉบับที่ทางชมรมเผยแพร่ได้ในล้อมกรอบ)
ผู้คนจำนวนมากจึงสนใจใคร่รู้ว่า ดร.กัญจีรา ท่านนี้เป็นใคร มาจากไหน มีเจตนาใดที่เผยแพร่ข่าวสารดังว่า
ดร.กัญจีรา รับนัด 'เนชั่นสุดสัปดาห์' ในวันอังคารที่ 11 ตุลาคม 2548 ตรงกับ 'วันพระ' ซึ่งบรรดาลูกศิษย์จะมาสวดมนต์ร่วมกันที่ชมรม
จึงไม่ต้องแปลกใจที่วันนั้น อ.กัญจีรา จะแต่งกายด้วยชุดขาว
อ.กัญจีรา ย้ำว่า การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ เพื่อยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ส่งข้อมูลเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต รวมทั้งไม่ขอกล่าวถึงประวัติส่วนตัว เนื่องจากยังต้องทำงานในลักษณะนี้ต่อไป
"เหมือนตกกระไดพลอยโจน เพราะคนอื่นเอาชื่ออาจารย์ไปใส่ ทุกคนนึกว่าอาจารย์อยากดัง อาจารย์ไม่ได้ส่งสักเมล์...วันนี้อาจารย์ถูกพาดพิง ถูกกระทบถึงจากคนที่รู้ไม่จริงเยอะมาก อาจารย์บอกถือหลักเฉยไว้ อุเบกขาไม่สนใจ เพราะพูดกับทุกคนเสมอว่า มีอะไรอีกเยอะที่มนุษย์รู้ไม่หมด รู้ไม่จริง..."
ส่วนที่มาของคำเตือนภัยนั้น อ.กัญจีรา กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่จะบอกกล่าวกับคนใกล้เคียงถึงภาวะปัญหา ไม่ว่าภัยธรรมชาติ เศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง ซึ่งทำมา 15 ปีแล้ว แต่ข่าวการบรรยายเรื่องวิบัติภัยธรรมชาติครั้งนี้ ตั้งใจบรรยายให้กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นกลุ่มสมาคมค้นคว้าทางจิต เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีการรวมตัวกันแล้วศึกษาเรื่องจิต
"การบรรยายก็เหมือนการเล่าสู่กันฟัง แต่มันบังเอิญด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ 1) คนที่เขาเชื่อเราเพราะเคยพูดถึงเวิลด์เทรดมันก็เกิด พูดถึงสึนามิก็เกิด ฉะนั้น พออาจารย์เตือนปุ๊บ เขาก็บอกมันมีความเป็นไปได้ 70 เปอร์เซ็นต์ 2) คนที่ฟังเขาก็มีความเชื่อส่วนตัวว่าจะเกิดวิกฤติน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ความเชื่อนี้เป็นมานานแล้ว เมื่อผสมกับสิ่งที่อาจารย์สื่อ เขาก็ยิ่งเชื่อมาก 3) เราเพิ่งประสบภัยสึนามิ ทุกคนจึงมีคำถามว่ามันเป็นไปได้หรือเปล่า..."
เมื่อคนฟังบรรยาย และมีความเชื่อมั่นส่วนตัว เขาก็กระจายข่าวส่งต่อเมลล์ไปทั่ว คนรับเมล์ส่วนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ เป็นคนที่ติดตามงานอาจารย์ ด้วยความเชื่อของเขาก็เลยเตือนกันไป เลยเป็นไฟลามทุ่งเร็วมาก
"อาจารย์ไม่ใช่คนส่งเมล์ ไม่มีเมล์ออกจากวิถีธรรม-วิถีไท วันนี้ปัญหาก็คือ เมื่อมีการสื่อสารออกไปแล้วข้อมูลไม่ถูกต้อง อาจารย์ไม่ได้พูดว่าจะเกิดสึนามิ แต่พูดว่ามันจะเกิดภัยพิบัติธรรมชาติขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง... อาจารย์บอกว่าพลังแห่งการทำลายล้างเริ่มเข้ามาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน และจะสิ้นสุดเอาในวันที่ 14 พฤศจิกายน คุณลองไปเช็คดูว่าตั้งแต่ 28 กันยายน เกิดอะไรขึ้น เฉพาะประเทศไทยอยู่ระหว่างวันที่ 11-29 ตุลาคม... ทุกปีเวลาขึ้นปีใหม่อาจารย์จะบอกเลยว่ามีอะไรเกิดขึ้น เราจะบรรยายอย่างนี้ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิต...
"เราต้องการให้เขาเตรียมพร้อม และไม่ประมาทกับชีวิต อาจารย์จะเน้นว่าคนเรามีชีวิตอยู่ อย่าหายใจทิ้งไปวันๆ เร่งสร้างกุศล และสร้างบารมี เพราะสิ่งนี้ที่จะติดตัวเราไปได้ ฉะนั้น การเตือนภัยครั้งนี้ไม่ได้ต้องการอวดอ้างตัว เพราะอาจารย์จะพูดกับทุกคนเสมอว่าไม่ใช่หมอดู ไม่ใช่นักโหราศาสตร์ และไม่ใช่นักพยากรณ์ที่ทำนายทายทัก และทุกสิ่งที่อาจารย์พูดคือความจริงที่รอการพิสูจน์"
อ.กัญจีรา เล่าถึงที่มาของ 'สัมผัสพิเศษ' นี้ว่า เกิดขึ้นในปี 2530 โดยจู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต
"เดินๆ อยู่นี่ไฟวิ่งเข้าหัวเฉยเลย แล้วช็อตปั๊บๆๆ ที่หัว ก็แปลกใจว่าเป็นอะไร สับสน และรู้สึกว่ามีคลื่นพลังงานเคลื่อนเข้ามาครอบคลุมเรา ไปหาใครๆ ก็บอกจะเป็นร่างทรง เราบอกโอ้โห ถ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์เป็นร่างทรง... อาจารย์เริ่มไปนั่งสมาธิ คืออยากรู้ให้ได้ว่าเป็นเพราะอะไร พอดีมีคนบอกว่า ถ้าศึกษาวิชชาธรรมกายแล้ว พลังงานอะไรก็มาครอบไม่ได้ อาจารย์ก็ไปเรียน ไปศึกษา คนอื่นเขาใช้เวลาหลายๆ ปี กว่าจะถอด 18 กายได้ อาจารย์นั่ง 5 วันก็ถอด 18 กายได้"
กรณีที่ว่าทราบได้อย่างไรว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นนั้น อ.กัญจีรา ตอบว่า
"อาจารย์ว่าอาจารย์เกิดมาเพื่อมนุษยชาติ เพื่อคนไทย เกิดมาเพื่อปกปักรักษาดินแดนสุวรรณภูมิของเราไว้ จะมีอะไรหลายอย่างที่อาจารย์ทำ และคนอื่นจะทำไม่ได้ ถ้าเป็นพระต้องบอกว่าเป็นเรื่องอุตริมนุสธรรม หลายๆ อย่างที่อาจารย์รู้ วันนี้อาจารย์ฝึกจิตถึงขั้นที่ตัวเองสามารถรับคลื่นทุกอย่างได้หมด ทีนี้สัญญาณอันตรายจะเกิดขึ้นด้วยคลื่นความถี่ เราจะรู้ จะบอกว่าเป็นวิบากของมนุษยชาติก็ได้ เราทำลายธรรมชาติ เราสูบน้ำมัน ขุดเจาะก๊าซ อย่าลืมว่าของเหลวภายใต้โลกถูกสูบขึ้นมา ความสมดุลของโลกสูญเสียไป ฉะนั้น แผ่นดินต้องเลื่อนลงไปทดแทนๆ แต่ระยะเวลาการเลื่อนมันช้า โดยเฉพาะตะวันออกกลาง ภูเขาทรายถล่ม ยุบตัวก็เยอะมาก แต่กว่าจะรู้ก็ค่อยๆ เลื่อนมา มารู้อีกทีภูเขาทรายหายไปไหนแล้ว...
"ไม่ได้วิเคราะห์จากการนั่งสมาธิหรือรู้โดยญาณวิถีเท่านั้น แต่ยังมาศึกษา มีแผนที่โลกนะ ปีที่แล้วอาจารย์จะมากางแผนที่ดูตลอดเวลา และบอกมันจะเกิดตรงนี้ ตอนเมษายนก็บอกว่าเดี๋ยวอ่าวเม็กซิโกจะเจอตรงนี้นะ พายุรุนแรง และสื่อไปทางลูกศิษย์ที่อยู่แคนาดา อเมริกา เขาก็จะโทรมา หรือลูกศิษย์ที่อยู่เมืองนอก เขาจะโทรมา อาจารย์ตอนนี้ยุโรปมีอะไรไหม ก่อนสวิสน้ำท่วมไม่กี่วัน ก็บอกว่าสวิสจะเจอปัญหา ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ซูริกน้ำท่วมใหญ่
"ตลอดเวลาอาจารย์ไม่ได้นั่งเทียนคิด หรือใช้ญาณวิถี อาจารย์ไม่เชื่อ เพราะอาจารย์เป็นนักวิทยาศาสตร์ ทุกสิ่งทุกอย่างอาจารย์มานั่งศึกษาทางภูมิทัศน์ภูมิศาสตร์ วิเคราะห์ อย่างสุมาตราทำไมเป็นไปได้ เพราะขุดเจาะน้ำมันมหาศาล ถ้ามาถามว่าทำไมอาจารย์มั่นใจว่าจะเกิดพายุในอ่าวไทย เราขุดเจาะก๊าซธรรมชาติมากี่ปี และจะมีหลุมมหาศาลขนาดไหน เมื่อขุดเจาะไปเรื่อยๆ จะเกิดช่องว่าง จะเป็นฟองน้ำผุดๆ แผ่นดินใต้ท้องทะเลจะเลื่อนไปเรื่อยๆ...
อ.กัญจีรา ย้ำหลายครั้งว่าไม่ได้พูดส่งเดช แต่อาจเป็นเพราะ 'เซนส์บางอย่าง' ที่คนอื่นไม่มี คือรับสัญญาณเตือนภัยได้ เป็นคลื่นความถี่ ถ้ามีปั๊บก็จะรับได้ทันที และบอกต่อในแวดวงคนใกล้ชิด โดยส่วนมากจะวิเคราะห์มองเป็นปี
พออาจารย์บอกคอยดูนะ 3 วันนี้จะไม่เห็นพระอาทิตย์เลย ฝนไม่ตก ฟ้าไม่หลัว แต่ฟ้าจะไม่โปร่งใส และทุกคนจะมองบอกใช่อาจารย์เป็นอย่างนั้น เธอดูอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์กลางคืนฟ้าจะแดง ไม่มีดาว เดี๋ยวกลับไปดึกๆ ลองดูฟ้า เพราะมันจะเป็นคลื่นความถี่ อาจารย์เหมือนสถานีวิทยุรับส่ง ซึ่งรับคลื่นความถี่ในจักรวาล และสามารถรู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็ยังไม่ปักใจ จะนั่งสมาธิ วิเคราะห์ ศึกษาความเป็นไปได้...
ส่วนชมรมนั้นก่อตั้งในปี 2540 เดิมใช้ชื่อว่า 'ชมรมพุทธธรรมประทีป' และเปลี่ยนมาเป็นชมรมวิถีธรรม-วิถีไท โดยมีมอตโตว่า 'ร่วมถักทอเครือข่าย สายใยคุณธรรม เพื่อเป็นพลังแผ่นดิน'
คุณสมบัติของสมาชิก คือ มีจิตใจเสียสละ อยากทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคมประเทศชาติโดยไม่มีเงื่อนไข เราเป็นกลุ่มที่ทำงานเบื้องหลัง ไม่เคยออกตัว และเคยไปปลูกป่าหลายแห่ง ทั้งเมืองปาย ป่าแม่ฮ่องสอน ป่าเชียงดาว ป่าแม่แตง สันกำแพง ดอยปุย ดอยสะเก็ด ฯลฯ
ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิก จะได้รับกล่องบุญ ซึ่งอาจารย์หยิบให้ดู กล่องบุญดังว่านี้เป็นกล่องไม้สี่เหลี่ยมและเจาะช่องไว้ให้หยอดสตังค์
"เป็นอุบายให้ทุกคนทำบุญทุกวัน เราไม่ต้องการเบียดเบียนใคร แต่ละปีถ้าเราจะไปขอ 2-3 พันบาท เกิดช่วงนั้นเขาไม่มีตังค์แต่อยากทำบุญ ก็ไม่สบายใจอีก เราจะหยอดเงินกันตามศรัทธา อาจารย์บอกไม่ขอมาก ขอวันละบาท ใครอยากจะให้มากกว่านั้นก็ไม่ว่า ตื่นเช้ามาไหว้พระสวดมนต์ ทำสิ่งดีๆ ...ปีหนึ่งจะรวมเงินมาเป็นกองกลางแล้วเอาไปสร้างสาธารณประโยชน์ ที่อาจารย์ทำคือปลูกป่า ช่วยเด็ก ทั้งเอดส์ เด็กด้อยโอกาส ศาสนกิจ เช่น สงฆ์อาพาธ พระตามชนบทที่ขาดแคลน ทั้งไฟฟ้า น้ำ ปัจจัย บางปีจะแจกถังน้ำคูลเลอร์เป็นร้อยๆ แจกกล่องยาจำเป็น, เครื่องกรองน้ำเป็นร้อยๆ ตัว เราไปตามวัดที่ลำบากจริงๆ"
กิจกรรมที่ทำอยู่ขณะนี้คือ สมาชิกจะมารวมกลุ่มกันสวดมนต์ทุกวันพระ ซึ่งใครจะมาหรือไม่ก็ได้ บางคราวก็มีกิจกรรมออกนอกสถานที่ ไปทำบุญ แต่หนักที่สุดคือช่วงที่ทำพิธีกรรมบวงสรวง เพื่อลดพลังงานไม่ดีในประเทศ ซึ่งทำมาตั้งแต่ปี 2541
"ถ้าไม่เชื่อว่าจะมีวิกฤติอาจารย์จะทำไปทำไมให้เสียเงินเป็นล้านๆ บาท แล้วเงินที่ทำเป็นเงินส่วนตัว เงินลูกศิษย์-ชมรม คนบริจาคเข้ามา อย่างล่าสุดวันที่ 20 สิงหาคมก็ไปทำที่กำแพงเพชร และจะทำครั้งใหญ่อีกครั้งที่ 16 ธันวาคม เพื่อปรับฮวงจุ้ยประเทศไทย โดยเปลี่ยนสนามพลังงานแม่เหล็ก เหมือนใช้คลื่นพลังจิตบางอย่าง...คุณต้องไปอยู่ในพิธีกรรม ต้องสัมผัสด้วยตัวเอง"
ถามว่าคนที่ไม่เคยฝึกจะสัมผัสถึงพลังดังว่าได้ไหม อาจารย์ตอบว่า
"เร็วมาก เพราะจะจูนคลื่นเขาระดับหนึ่ง พูดง่ายๆ พอทุกคนเข้ามาปั๊บ อาจารย์จะสร้างสนามพลังงานให้เกิดขึ้น เมื่อทุกคนเข้าไปอยู่ข้างในจะรับได้ พอรับได้ อาจารย์จะปรับจูน เหมือนปรับช่องสัญญาณให้ตรงกัน รับมากรับน้อยได้อยู่กับพื้นฐานของเขาที่สะสมมา ถ้าพื้นฐานจิตดี รับได้มาก ไว พูดง่ายๆ คือคลื่นสั่นสะเทือน ไวรเบรชั่นเขาจูนกันได้ สนามพลังงานจับกันได้ก็จะเร็ว แต่ส่วนมากจะเร็ว... อาจารย์ต้องชาร์จพลังงานไปเอง เราฝึกถึงจุดที่ว่าสามารถชาร์จแบตเองได้ เพราะว่า 1 เดือนเต็มแล้วที่อาจารย์นอนน้อยมาก คืนนึงนอน 2-3 ชั่วโมง ปกติตัวเองเป็นหมอ เรารู้ว่าถ้าเป็นหวัดต้องพักผ่อน แต่เรานอนไม่ได้ เนี่ยเอกสาร (ชี้ให้ดูเอกสารบนโต๊ะ) เพราะอาจารย์เป็นทั้งนักวิชาการเรื่องสุขภาพ สมุนไพร เอดส์ ยาเสพติด ที่ทำอยู่
เหตุผลที่ต้องทำพิธีปรับฮวงจุ้ยประเทศไทยที่จังหวัดกำแพงเพชร อ.กัญจีรา อธิบายว่า เป็นจุดที่เลือกแล้วว่ามีสนามพลังงานเชื่อมโยงกัน 3 ระดับ ทั้งข้างบน (จักรวาล) แผ่นดิน และข้างล่าง
ถามว่า ต้องมีคนเข้าร่วมในพิธีสักเท่าไร อาจารย์ตอบว่า
"ปกติเท่าไรก็ได้ แต่ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ เที่ยวนี้เป็นพิธีปรับฮวงจุ้ย เพราะต้องการทำพิธีบวงสรวงแบบโบราณที่เรียกว่าจตุสดมภ์ คือ เวียงวังคลังนา เราต้องให้ 4 กระทรวงมาเล่นกับเรา เวียงหมายถึง กลาโหม ความมั่นคง วัง-ดูแลความเรียบร้อยภายในคือ มหาดไทย คลังคือ กระทรวงการคลังและเศรษฐกิจ นาคือ กระทรวงเกษตรฯ เพราะมันหมายถึงความมั่นคง สงบร่มเย็น ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความอุดมสมบูรณ์ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศสยามต่อไป"
เพื่อยืนยันความเชื่อในข่าวสารที่ได้รับ อ.กัญจีรา จึงได้เดินทางไปสำรวจทั่วประเทศ เพื่อหาจุดที่พลังงานเชื่อมโยงกัน และเป็นจุดที่มีสนามพลังงานและทำพิธีตรึงพลังงาน เชื่อมพลังงานทั่วประเทศมาแล้ว 7 แห่ง หมดเงินไปเกือบ 2 ล้านบาท
สำหรับประชาชนทั่วไป อ.กัญจีราแนะนำว่า ให้ตระหนัก แต่ไม่ต้องตระหนก
"ไม่ประมาท ให้มีสติ สร้างกุศล สร้างบารมีมากๆ ไม่ต้องไปกักตุน ให้เตรียมตัว คือดูแลไฟฟ้า...แล้วก็ไม่ต้องตุนอาหารมากมาย เตรียมสัก 5-7 วัน มีเงินสดเก็บไว้กับตัวให้พอใช้ได้สัก 10 วัน ยาแก้ปวดท้อง ระบบทางเดินอาหาร ยาแก้หวัดแก้ไอ ยากันเชื้อรา น้ำดื่มสะอาด แก๊สหุงต้ม เพราะถ้าเผื่อไฟฟ้าถูก ตัดยังมีแก๊ส..."
ส่วนบรรดา 'ลูกศิษย์' ของแม่ครูนั้น อาจารย์บอกว่าไม่มีใครตื่นเต้น
"ทุกคนฟังจนชิน และเชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองได้ปฏิบัติมา และเชื่อในบารมีของแม่เขา เชื่อในบารมีครูบาอาจารย์ คุรุของเขา เชื่อในสิ่งที่แม่สอนว่า ให้เราทำความดี ทานศีลบารมี สร้างกุศลไว้มากๆ และสิ่งนี้แหละลูกจะคุ้มผองภัยให้เราได้"
พร้อมกันนี้ได้ฝากเชิญชวนมาว่า ชมรมจะไปนำสวดมนต์เพื่อเสริมขวัญและสิริมงคล ในวันที่ 15 ตุลาคม ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงเที่ยง ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง สนามกีฬาเวสม์ 2 เพื่อขับเคลื่อนพลังงานไม่ดี โดยใช้บทสวดแผ่เมตตาของสมเด็จหลวงพ่อทวด บทสวดนี้จะช่วยสร้างพลังงานพิเศษให้เกิดขึ้น โดยคลื่นความถี่จะเป็นไวเบรชั่น สามารถขับไล่พลังงานที่ไม่ดีได้
ทั้งหมดนี้คือ 'ความในใจ' ที่ อ.กัญจีรา ต้องการสื่อสารให้สังคมไทยได้รับรู้!
(ล้อมกรอบ)
เตือนภัยวิกฤติภัยพิบัติธรรมชาติในเดือนตุลาคม 2548
จากการที่ได้บรรยายให้สมาชิกชมรม ลูกศิษย์ และกลุ่มวิทยาศาสตร์ทางจิตและผู้ปฏิบัติธรรม ฟังในที่ต่างๆ ถึงภาวะวิกฤติของสังคมมนุษยชาติ ที่มีการทำลายล้างอย่างรุนแรง ด้วยความอยากมี อยากได้ อยากเป็น หรือภัยจากธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศวิทยา..ล้วนทำให้เกิดผลต่อความสมดุลของโลก การใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างมหาศาล มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสนามพลังงานแม่เหล็กโลก ซึ่งกระทบถึงแรงดึงดูดของโลก
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดเจนคือ ความปรวนแปรของ ดิน-ฟ้า-อากาศ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ร่องความกดอากาศเปลี่ยน ทำให้เกิดความผันผวนของทิศทางลมมรสุมและพายุเกิดง่ายขึ้น การเคลื่อนตัวและยุบตัวของชั้นดิน มีผลทำให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่อง..
ประเทศไทยก็มิอาจหลีกหนีวิกฤตินี้ได้ เพราะพลังแห่งการทำลายล้างเริ่มเข้ามานับตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน แต่ช่วงหนักที่สุดจะอยู่ระหว่างวันที่ 11-29 ตุลาคมนี้ จะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติในหลายพื้นที่ในทุกภูมิภาคของประเทศ เป็นอย่างต่อเนื่องพร้อมกัน
ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยหนักสุด ตะวันตก-กรุงเทพฯ-กลาง-อีสาน-เหนือ ไล่มาตามลำดับ จะเกิดมรสุมคลื่นลมเหมือนที่เกิดขึ้นที่แหลมตะลุมพุกในอดีต และนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่คนไทยจะได้เห็นพายุงวงช้าง (ไซโคลน) ในอ่าวไทย แผ่นดินจะไหว-แยก-และยุบตัว เกิดน้ำป่า (รวมทั้งน้ำในแม่น้ำโขง) ไหลหลากและท่วมขังในหลายพื้นที่ เป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์
โรคระบาดหลายโรคจะมาหลังน้ำลด กับอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติ โรคระบบทางเดินอาหาร (ไข้รากสาดน้อย) บิด กาฬโรค วัณโรค มาเลเรีย และไข้กาฬ โรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยในสัตว์
ที่มิใช่ข่าวที่ต้องการสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คน ได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว ถึงได้นำเสนอเพื่อให้มนุษย์ทุกผู้ทุกนามเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ด้วยความไม่ประมาท นี่เป็นวิบากกรรมของมนุษยชาติ และของประเทศไทย ซึ่งไม่มีผู้ใดจะหลีกเลี่ยงได้.. หมายเหตุ : บางตอนของคำเตือนที่เผยแพร่ในหมู่ลูกศิษย์ ดร.กัญจีรา หรือ 'แม่ครู'
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=15> </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff colSpan=3 height=34> </TD></TR><TR><TD width=15> </TD></TR><SCRIPT language=JavaScript>function verifySender() { /* alert("กรุณาสมัครสมาชิกกับเราก่อนนะครับ") ; return false ; */ M = document.Frm_comment.Hpid.value ; if ( document.Frm_comment.textSender.value == "" ) { alert("กรุณาป้อนชื่อของผู้ส่งด้วยค่ะ"); document.Frm_comment.textSender.focus(); return false } else { if ( document.Frm_comment.textComment.value == "" ) { alert("กรุณาป้อนความคิดเห็นด้วยค่ะ"); document.Frm_comment.textComment.focus(); return false } else { //document.Frm_comment.action="komQvote_E.php?Flag=A&pid="+M; //document.Frm_comment.submit(); return true ; }//end of if() }// end of if()}// End of function verifySender()</SCRIPT></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=533 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><!-- Discussion --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#be1027><TD class=white width=433>ร่วมแสดงความคิดเห็น</TD><TD class=white align=middle width=100></TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD colSpan=2></TD></TR><TR bgColor=#ffcc33 height=19><TD colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=black bgColor=#e1e0cc>

ความคิดเห็นที 1
สึนามิก็แบบนี้แหละ พอมีคนเตือนให้ระวัง ออกมาด่ากันขรม พอเกิดขึ้นมา ก็ออกมาด่าอีก บอกว่าไม่เตือน
ปล่อยให้มันตายไปอีกรอบแล้วกัน ม
14/10/05 , 06:11:34
​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา : เนชั่นสุดสัปดาห์ <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=778 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=34 bgColor=#d0d0d0></TD><TD width=533 bgColor=#cccccc><!-- CENTER --><TABLE height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=533 border=0><TBODY><TR><TD class=black background=../../../NAWK_NET/images/bg-title.gif colSpan=3 height=34>ปีที่ 14 ฉบับที่ 698 วันที่ วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2548 </TD></TR></TBODY></TD></TR></TBODY></TABLE></TR></TBODY></TABLE>http://www.nationweekend.com/2005/10/14/NW11_116.php?news_id=18867399

 

เว็บรวมข่าวลือเรื่องภัยพิบัติ

http://www.pantown.com/group.php?id=14437

 

ผู้เขียนขออนุญาตเรียนท่านสมาชิกชมรมฯอีกครั้งว่าเหตุการณ์ช่วง 11

 

อ.ศักดา เตือนภัยด่วน!!!.......

***เตือนภัยด่วน***
ภายหลังจากมหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิแล้วนั้น ไม่ช้าจะเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงอีก โดยเฉพาะภัยจากธรรมชาติ จะเกิดแผ่นดินไหว-แผ่นดินแยก-แผ่นดินทรุด-น้ำท่วม(ระดับน้ำสูง 4-6 เมตร) เขื่อนพัง คลื่นยักษ์ ลมพายุพัดเข้าทำลายบ้านเรือน ทรัพย์สิน ชีวิต ผู้คนจำนวนมาก พร้อมทั้งจะเกิดไฟไหม้อย่างรุนแรงไปทั่ว จะมีกลุ่มคนร้าย ผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง ลอบวางระเบิดในที่ชุมชนและลอบทำร้าย เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินมากมาย ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัว และอย่าประมาท จะเกิดการขาดแคลนอาหาร น้ำมันเชื้อเพลิง และจะเกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน และทางเรือ อีกทั้งจะเกิดการรบราฆ่าฟัน แย่งชิงอำนาจ แย่งชิงแผ่นดิน ทำให้ผู้คนล้มตายดุจใบไม้ร่วง
จึงขอให้ ทุกท่านอย่าได้ประมาท ให้แขวนพระศักดิ์สิทธิ์ติดตัวไว้ตลอดเวลา เวลานอนให้เตรียมไฟฉายไว้ใกล้ตัว ถึเวลาเกิดไฟดับ จะได้มองเห็น สิ่งของหนักๆที่วางไว้ในห้องนอน ถ้าเกิดแผ่นดินไหวสั่นสะเทือน ของหนักนั้น อาจจะตกลงมาทับตัว ให้นำมาวางบนพื้น จัดเตรียมข้าวสาร อาหารแห้ง เทียนไข ไฟแช็ก เตาแก๊สปิกนิก หม้อหุงข้าว ยารักษาโรค ของใช้ที่จำเป็น น้ำมันเชื้อเพลิง(ถ้ามียานพาหนะ ที่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิง) จัดเตรียมสำรองเอาไว้ เงินทองควรจะเบิกสำรองไว้ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าเกิดเหตุ อาจไม่สามารถเบิกเงินจากธนาคารมาใช้จ่ายได้ ให้ทุกคนหมั่นสวดมนต์ภาวนา รักษาศีล กินเจ ให้มีเมตตา เอื้อเฟื้อ แบ่งปันซึ่งกันและกัน อย่าเห็นแก่ตัว ยึดในหลวงฯ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เป็นหลักชัย จะทำให้รอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวงได้
คุณมานิตย์ กาญจนภูมิ ชาวจังหวัดปัตตานี ท่านได้นำใบเซียมซีเป็นภาษาจีน ที่ท่านเสี่ยงทายได้จากศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ปัตตานี แล้วได้ไปให้ชาวจีน ที่รู้ภาษาจีนดีแปลเป็นภาษาไทย มีใจความที่แปลออกมาแล้ว มีใจความว่า "แดนสังหาร เสียงคร่ำครวญหวนไห้ดังก้อง เหมือนเสียงร้องของกบในบ่อ ร้องจนสิ้นใจ คลื่นยักษ์ถาโถมสูงเทียมเมฆ กวาดต้อนสรรพสิ่ง ลงสู่มหาสมุทร สุดจะเวทนา เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึง 7 หน 7 ครั้ง" ใบเซียมซี จากศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่ท่านนำมาให้ข้าพเจ้าดู ขณะนี้ยังอยู่ที่ท่าน ให้ไปขอดูได้
และข้าพเจ้า ก็มีนิมิตประหลาด คืนวันที่ 6 ต.ค.2548 ข้าพเจ้านิมิตเห็นงูขาวขนาดใหญ่ เลื้อยออกมาจากป่า เลื้อยมาเร็วมาก เข้ามาในหมู่บ้านเรือนผู้คน แล้วกลืนกินอาคารบ้านเรือนและชีวิตผู้คน หายไปในพริบตา เวลาเลื้อยมามีหัวเดียว แต่เวลากินบ้านเรือนผู้คนมีนับพันหัว กินเสร็จแล้ว เลื้อยกลับเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว นิมิตนี้ เบื้องบนท่านบอกว่า จะเกิดภัยพิบัติจากดินกับน้ำ อาจจะเกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก แผ่นดินทรุด ทำให้บ้านเรือนพร้อมชีวิตผู้คน ต้องล้มตาย บ้านเรือนพังทะลาย หรือแผ่นดินไหว ทำให้เขื่อนพัง น้ำท่วมบ้านเรือน ชีวิตผู้คนล่มสลายไปกับสายน้ำ หรือเกิดลมพายุพัด ฝนตก น้ำท่วมใหญ่ หรือเกิดคลื่นยักษ์มาพร้อมลม กวาดต้อนบ้านเรือน ผู้คนและสรรพสัตว์ทั้งหลาย หายไปในท้องทะเล.......เหตุนี้ อาจจะเกิดที่ต่างประเทศ หรือบ้านเรา จึงขอให้ทุกท่านอย่าประมาท ให้เร่งทำความดี รักษาศีล สวดมนต์ภาวนา บทสวดมนต์ที่ควรใช้สวด คือ "อุปปาตะ สันติ หรือ มหาสันติงหลวง" เป็นคาถาดับภัยที่ศักดิ์สิทธิ์ ติดต่อขอได้ที่ โรงธรรม-โรงทานมังสวิรัติพนารักษ์ 645-647 หมู่บ้านอมรชัย 3 ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.10170 โทร.01-7862241,09-2304523,02-4412144 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น จะทำการแจกฟรีให้ทุกท่านทั่วประเทศ
การรู้รักสามัคคี ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา คือ อาวุธที่ทรงอานุภาพที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เราชนะข้าศึกศัตรูและภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงได้ และขอให้พวกเรา ดำเนินชีวิตในระบบ"เศรษฐกิจพอเพียง" เอื้อเฟื้อแบ่งปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ไม่เลือกชนชั้น วรรณะ เชื้อชาติ และศาสนาใดๆ ยึดมั่นและกระทำตามตามพระราชดำรัสของในหลวงฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เป็นหลัก จะผ่านพ้นอุปสรรคทั้งปวงได้ ทำให้ประเทศชาติอยู่รอด และปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง จึงกราบเรียนมายังทุกท่าน ด้วยความรักและเป็นห่วง
อ.ศักดา สกุลพนารักษ์ และ ทสพปช. 14/10/2548

คัดลอกมาจากhttp://www.buddhapoem.com/index.php...ow&Category=buddhapoemcom&thispage=1&No=99699​

 

กลัวทำไมความตาย ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี ความตายเป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด ปฎิบัติเพื่อให้เข้าใจสัจจะธรรม ไม่ใช่ให้หนีสัจจะธรรม

 

เคยฝันเหมือนกัน น่ะ ที่เราอยู่มันเกาะ แล้วเราฝันว่า คลื่น สูงมาเท่าภูเขา เราหนีตาย บ้านที่เราอยู่โดนพัดไปหมด เรียบเห็นเป็นแต่หาดทราย แต่ในฝันเรารอด เราอยู่บนภูเขา เรารีบหนีขึ้นไป น้ำมันท่วมไล่ๆๆมาจนถึงเกือบยอดเขา คิดดูละกันสูงแค่ไหน แต่ขออย่าให้ฝันเป็นจริงเลย .....

 

ตายไปก้อจบกัน

 

น่ากัวอ่ะ(ping-love

 

ใด ใด ในโลกล้วนอนิจจัง ให้ทุกท่านปล่อยวาง สิ่งใดจะเกิดห้ามไม่ได้
แต่ขอให้ทุกท่านมีสติพิจารณา บนโลกใบนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เคยมีเหตุการณ์ขนาดนี้หรือไม่
โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีองค์พระมหากษัติรย์ผู้ยิ่งใหญ่ เปี่ยมด้วยพระบุญญาบารมี ทรงพระเมตตา ผู้หยั่งรู้ จงมีความเชื่อในพระองค์ท่านว่าจะปกป้องประเทศไทย พร้อมด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์

 

เรากลัวน่ะค่ะ

 

ไม่มี ไม่เป็น ชัวร์

 

ก็แค่อยากมาเยี่ยม

แอบดูเขาทำไรกัน(b-lablin) (555)

 

ภัยพิบัติอันใหญ่หลวง

ตอนนี้ผมขอสะสางภัยพิบัติในจิตใจของตัวเองก่อนครับ

 

ไม่รู้เหมือนกันแฮะ
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนี่นะ

 

เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดในไทย เคยได้อ่านพบมานานแล้วเมื่อ 4 - 5 ปีมาแล้ว เขาแนะนำให้สวดมนต์ บำเพ็ญศิล ภาวนาธรรม เพื่อลดกระแสกรรมที่จะสร้างภัยเหล่านั้นให้ลดลง และได้มีการเตรียมการล่วงหน้ามาก่อนนี้นานแล้ว โดยมีการสร้างพุทธมณฑล สร้างเจดีย์บรรจุพระธาตุไว้ที่ภาคเหนือ กลุ่มปฏิบัติธรรมต่างๆ ทุกภาคของไทยได้ แผ่ส่วนกุศลให้ประเทศไทยพ้นภัยพิบัติ พวกเราคงจะต้องหมั่นเพียรปฏิบัติธรรมให้มากขึ้น เพื่อช่วยแผ่ส่วนกุศลเพื่อลดกระแสกรรมจากภัยพิบัติเหล่านั้น

 

เมื่อประมาณกลางเดือนกันยายน ผมก็ฝันช่วงเวลาเช้ามืด เห็นเวิ้งน้ำไกลสุดลูกหูลูกตา ผมอยู่บนแพคล้ายแพเมืองกาญจน์ทำนองนั้น ในฝันเห็นน้ำท่วมทั้งเมืองเรียกว่าอาคารสูงๆเนี่ย โผ่ลพ้นน้ำไม่กี่ชั้นเอง ในฝันเหมือนกับว่าผมกับคนไม่กี่คนที่หนี แล้วภาพก็ตัดมาอยู่บนแพ เหลือบนแพเพียงไม่กี่คนเอง

 

เพิ่งกลับมาจากเมืองกาญจนบุรี ไปนอนพักผ่อน 2 คืน ไม่เห็นมีวี่แววหรืออาการของคนแถวนั้นจะตกใจ รถราก็วิ่งไปที่เขื่อน มากมาย ลูกเด็กเล็กแดง วัยรุ่น วัยชรา เล่นน้ำที่ไทรโยคน้อยกันไม่สะทกสะท้าน นี้ขนาดฝนตกเกือบทั้งวันนะ ช่วงเสาร์ อาทิตย์ ก็ยังเป็นที่เที่ยวพักผ่อนหย่อนใจได้ตลอด ผมว่าเค้าคงไม่สนใจอะไรแล้วล่ะครับ หรือไม่ก็ทำใจได้แล้ว.....

 

มีสติ

มีสติ หายใจเข้า หายใจออก