การลงมาเกิดของ "พระโพธิสัตว์"

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 14 มิถุนายน 2008.

  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ถาม : อย่างเวลาพวกพุทธภูมิตายจากสภาพความเป็นมนุษย์ ถ้าไม่ลงนรก ขึ้นไปบนสวรรค์เขาว่าจะเป็นพรหมเทวดา แล้วเขาจะมีเวลา.....หมายความว่าช่วงระยะเวลาหรือจะมีคนมาเตือนว่าให้ลงมาเกิดอีกหรือเปล่าครับ ?

    ตอบ : ก็ต้องดูด้วยนะ ว่าของเราเองมีเพื่อนฝูงที่รักกันขนาดนั้นหรือเปล่า ? ถ้าหากว่าไม่มีเขาก็ไม่มาเรียกมาเตือนคุณหรอก คุณอยากสร้างบารมีคุณก็ตะเกียกตะกายของคุณเองก็แล้วกัน

    ถาม : แล้วลงมาจุติได้ตลอดเวลาหรือเปล่าครับ ?

    ตอบ : ถ้าหากว่าเป็น พระโพธิสัตว์ ท่านจะขยันเกิด ในเมื่อท่านจะขยันเกิดนี่ส่วนใหญ่ท่านจะไม่อยู่นานหรอก มันเสียเวลาสร้างบารมีของท่าน

    ถาม : สามารถลงมาเกิดได้เลย ?

    ตอบ : กำลังของคุณสูง ต้นทุนของคุณมี คุณจะซื้อตั๋วใส่กระเป๋าไปเพื่อจะเดินทางเมื่อไหร่ก็ได้คนมีตังค์น่ะ




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกันยายน ๒๕๔๔
    ณ บ้า
    นอนุสาวรีย์ฯ



    .
     
  2. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,334
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,277
    ที่ท่านขยันเกิดก็เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเป็นการช่วยเหลือสัตว์โลกให้คิดดี ทำดี โลกจะได้สงบสุข
     
  3. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  4. จะเป็นคนดี

    จะเป็นคนดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +267
    อนุโมทนาครับ

    (||)
     
  5. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    เราจะเวียนว่ายตายเกิดกันไปเรื่อยๆ ในวัฏฏะสงสาร จนกว่าบารมีจะเต็ม เพื่อรอการเกิดครั้งสุดท้าย เมื่อบารมีเต็มแล้ว อนุโมทนา สาธุกับความปรารถนาพระโพธิญาณของพระโพธิสัตว์ทุกท่านครับ
     
  6. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +470
    ผมไม่ใช่พระโพธิสัตว์แต่ผมจะไม่ไปสวรรค์ อยู่โลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลื่อเพื่อนมนุษย์นั่นแหละดีแล้ว
    ไว้ถึงเวลาก็นิพพานอย่างเดียว หึๆๆๆ
     
  7. pong10500

    pong10500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +399
    อนุโมทนาสาธุครับ
    บารมีเต็มแล้ว ก็ยังเกิดเพื่อช่วยพวกที่ตามมาต่อบุญอีก
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    พระศรีอาริย์โพธิสัตว์เสด็จนมัสการพระจุฬามณี
    ครานั้นเมื่อพระศรีอาริยเมตไตรย์
    หน่อเนื้อพุทธางกูรบรมโพธิสัตว์
    คือพระบรมโพธิสัตว์ผู้จะจุติ
    มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล
    ขณะที่ท่านเสวยทิพยสมบัติอยู่ในเทวโลก ชั้นดุสิตครั้นถึงเทศกาลวันไหว้ พระจุฬามณีเจดียสถาน ณ สถานที่บรรจุพระมวยผมและพระเขี้ยวแก้ว แห่งองค์สมเด็จพระสมณโคดมพระพุทธเจ้า
    พระโพธิสัตว์จึงทรงเครื่องสรรพาภรณ์บวรวัตถาการวิภูษิต อันวิจิตรรูจีรุ่งเรือง ระยับจับทั่วพระอินทรีย์
    มีหมู่เทพอัปสรนิกร คือ เหล่านางฟ้าแน่งน้อยอนงค์นาถ ซึ่งเป็นชาวสวรรค์ แวดล้อมเป็นเกียรติยศ บริวารประมาณแสนโกฏิ มีรัศมีเรืองโรจน์โชตินาการ ประหนึ่งดวงจันทร์เพ็ญอันเปล่งรัศมีดั่งหมื่นดวง อุปมาดุจปริมณฑลดวงจันทร์ในวันเพ็ญฤดูเดือน 12 ปราศจากเมฆหมอกราคี
    เหล่าเทพอัปสรที่ไปในเบื้องหน้า
    สองหมื่นห้าพันโกฏิ
    มีรัศมีและทรงทิพย์ภูษาล้วนขาวสะอาด
    ส่วนเทพอัปสรที่ตามมาในเบื้องหลัง
    สองหมื่นห้าพันโกฏิ
    ล้วนมีรัศมีและเครื่องทิพย์ภูษา
    ล้วนสีม่วง แกมแดงละลานตา
    ส่วนเทพอัปสรที่ตามมาโดยเบื้องขวา
    สองหมื่นห้าพันโกฏิ
    มีรัศมีและทรงเครื่องภูษาทิพย์
    ล้วนสีเหลือง อร่ามงามเย็นตา
    และทวยเทพอัปสรที่ตามมาโดยเบื้องซ้าย
    สองหมื่นห้าพันโกฏิ
    มีรัศมีและทรงเครื่องทิพย์ภูษา
    ล้วนสีแดง แรงฤทธิ์
    อันว่า พระบรมโพธิสัตว์ ศรีอาริยเมตไตรย์
    เสด็จมาในท่ามกลางแห่งหมู่นาง
    เทพอัปสรกัญญา ทั้งแสนโกฏินั้น
    อุปมาเหมือนดวงจันทร์ที่เลื่อนลอย
    อยู่ท่ามกลางแห่งหมู่ดารา
    อันว่า ทิศานุทิศทั่วท้องนภากาศ
    ย่อมรุ่งเรือง รุ่งโรจน์ไปด้วยรัศมีสว่างไสว
    ออกไปไกลถึงสิบโยชน์
    อุปมาเหมือนรัศมีดวงจันทร์ส่องสว่างไปได้
    นับด้วยโกฏิ ในท่ามกลางอากาศ
    ยังดาวดึงส์พิภพให้สว่างด้วยรังสี
    หอมฟุ้งขจรไปด้วยทิพย์สุคนธ์วิเลปนบุปผา
    มาลัยหลากสีนานาประการ
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    พบพระมาลัยที่จุฬามณี

    ตามปรกติพระศรีอาริย์จะเสด็จมาไหว้พระจุฬามณีในวัน 8 ค่ำ และ 15 ค่ำ คราหนึ่งเป็นวันพระ 8 ค่ำ ได้พบปะกับพระมาลัยเถระที่นำดอกบัว 8 ดอกมาถวายบูชาพระจุฬามณี เมื่อเสร็จการบูชา พระศรีอาริย์ได้เสด็จมานมัสการพระมาลัยเถระแล้วถามว่า

    “ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ชาวชมพูทวีปเขาทำบุญให้ทาน เขาตั้งความปรารถนาเป็นประการใด”

    “ ขอถวายพระพร เขาตั้งปณิธานมีความปรารถนาจะขอพบพระองค์ เมื่อจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า” พระมาลัยตอบ

    “ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ฝูงคนทั้งปวงแต่บรรดาที่ปรารถนาจะพบกับอาตมานั้น ขอให้อุตสาหะสดับตรับฟังพระสัทธรรมเทศนาพระเวสสันดรชาดกให้จบในวันเดียว พึงบูชาด้วยประทีปพันหนึ่ง ฉัตรพันหนึ่ง ธงพันหนึ่ง ดอกบัวหลวง ดอกอุบลเขียว ดอกผักตบ สิ่งละพัน เมื่อกระทำตามนี้ก็จะได้พบกับโยม”

    “ ขอถวายพระพร อีกนานสักเพียงใด พระองค์จึงจะได้ตรัส” พระมาลัยถาม

    “ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ในกาลเมื่อถ้วนห้าพันพระวัสสา สิ้นศาสนาพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว สัตว์ทั้งปวงจะมืดมนนักไม่กระทำกุศลเลย มีแต่จะกระทำกรรมอันเป็นบาปหยาบช้า หาหิริโอตตัปปะมิได้ ดุจหนึ่งว่าไก่แลสุนัข ลูกกับแม่ก็จะอยู่กินเป็นสามีภรรยาแห่งกัน
    ความโลภนั้นก็จะหนาขึ้น ๆ ส่วนอายุมนุษย์ก็จะถอยน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนผู้มีอายุเพียง 10 ปี 5 ปี ก็จะทำการวิวาห์อยู่กินเป็นผัวเมีย แลครั้งนั้นคนทั้งปวงจะแลเห็นกันเป็นเนื้อเป็นหมู จับอะไรเข้าก็จะกลับกลายเป็นอาวุธเข้าห้ำหั่นฟันแทงกัน

    ส่วนคนดีมีปัญญา เมื่อรู้ว่าถึงวันนั้นคืนนั้นจะเกิดฆ่าฟันกันเป็นโกลาหล ก็จะหนีเร้นไปซุกซ่อนในห้วยในเขา รออยู่จนเห็นเขาฆ่าฟันกันตายภายใน 7 วันหมดแล้ว คนดีมีปัญญาที่ซ่อนเร้นอยู่ก็จะออกมาปรากฏตัว แสดงความชื่นชมยินดีต่อกัน แล้วรักษาศีล บำเพ็ญกุศล
    เมื่อคนดีมีปัญญาเหล่านั้นมีลูก ลูกก็จะกลับมีอายุยืนขึ้นเป็น 20 ปี ครั้นหลาน ๆ ก็จะมีอายุยืนไป 30 ปี พอถึงเหลนก็เป็น 40 ปี และอายุยืนขึ้นตามลำดับจนถึงอสงไขย พอถึงระดับนี้คนก็จะเกิดความปรารถนาพอมีความประมาทอายุก็จะถอยน้อยลง คงอยู่ในระดับแปดหมื่นปี
    ครั้งนั้นบ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ ป่าเขาลำเนาไพรเขียวชอุ่มสิ่งแวดล้อมดี ไม่มีคนบ้าใบ้หูหนวกตาบอด คนมีความเมตตาจิตแก่กัน ไม่มีการเบียดเบียนกัน ในกาลนั้นแหละเป็นเวลาที่โยมจะมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ”

    เมื่อพระศรีอาริย์สรุปเรื่องที่จะมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตแล้ว ก็นมัสการพระมาลัยเถระเสด็จไปประทักษิณพระจุฬามณี แล้วเสด็จกลับดุสิตพิมาน
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    มูลเหตุที่พระศรีอาริย์จุติ

    พระศรีอาริยเมตไตรย์ต้องจุติหรืออวตารลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ในระหว่างท่ามกลางพระพุทธศาสนา ก็เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการดังนี้

    1. เหตุด้วยกรรมวิบาก ( เรื่องอธิษฐานบัวบารมี ) ที่พระศากยมุนีพุทธโคดมกับพระศรีอาริยเมตไตรย์ ได้สร้างผูกกรรมกันมาในอดีตชาติ

    2. เหตุด้วยจะสนธิศาสนาพระพุทธโคดม กับพระเมตไตรย์เจ้าให้สัมพันธ์สืบต่อไปในอนาคต

    3. เหตุด้วยจะสะสางฟองไข่ศาสนา 5 พระองค์ แห่งโองการนวกาพรหมนามแม่กาเผือก แห่งภัทรกัปนี้ เพื่อให้ชาวโลกได้รู้แจ้ง

    4. เหตุด้วยจะบำราบปราบอธรรม คือ คนชั่วร้าย ให้กลับตัว และวางศีลธรรมอันวิเศษให้แก่โลกใหม่

    5. เหตุด้วยการสะสางความถูกผิด แห่งพุทธศาสนา ให้เข้าสู่ยุคเที่ยงตรงและเที่ยงธรรม ต้นดอก-ผลบุญ ส่งผล ให้คนทำดีได้ดี คนทำชั่วได้ชั่ว

    6. เหตุด้วยจะชำระความมัวหมองของบรรดาพุทธ บริษัท ซึ่งกำลังเสื่อมชำรุดหรือกิ่วคอดเหมือนคอสากอยู่นี้ เปิดโลก และเปิดธรรม ให้ถูกมรรค ถูกผล ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว

    7. เหตุด้วยเพื่อโปรดแม่กาเผือกให้คืนสู่ฝั่งพระ นิพพานให้สำเร็จ

    8. เหตุด้วยจะสงเคราะห์ฝูงมนุษย์ผู้ยากไร้อนาถา ด้วยสมบัติบรมจักรเพื่อความอุดมสมบูรณ์พูนสุขด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคสม่ำเสมอกัน

    9. เหตุด้วยเพื่อรวมศาสนจักรเข้าเป็นหนึ่งเดียวให้ ทั่วทั้งโลกพบสันติสุขที่แท้จริงด้วยรัก-สันติ-สามัคคี ให้ชาวโลก กายเจริญอริยะ-จิตเจริญเมตตา

    10. เพื่อโปรดสรรพสัตว์เหล่าธาตุธรรมทั้งหลายทั้ง ปวงที่ยังตกค้างอยู่ เข้าสู่งานกัลปพฤกษ์แดนนิพพานก่อนที่จะถูกมหันตภัยพิบัติกวาดล้าง
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ว่าด้วยเรื่องพระศรีอาริย์

    ตามโองการนวกาพรหม นาม
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    พงศาธรรม

    1. พระเตสะพุทธเจ้า ลงเกิดทิศใต้
    ธรรมกาล 6,000 ปี

    2. พระปุสสะพุทธเจ้า ลงเกิดทิศเหนือ
    ธรรมกาล 4,800 ปี

    3. พระวิปัสสีพุทธเจ้า ลงเกิดทิศตะวันออก
    ธรรมกาล 3,720 ปี

    4. พระสิกขีพุทธเจ้า ลงเกิดทิศตะวันตก
    ธรรมกาล 7,080 ปี

    5. พระเวสสันภูพุทธเจ้า
    ลงเกิดทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
    ธรรมกาล 5,284 ปี
    ภัทรกัป (กัปแห่งความเจริญ)

    6. พระกกุสันโธพุทธเจ้า
    ลงเกิดทิศตะวันออกเฉียงใต้
    ธรรมกาล 5,516 ปี

    7. พระโกนาคมโนพุทธเจ้า
    ลงเกิดทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
    ธรรมกาล 5,800 ปี

    8. พระกัสสปพุทธเจ้า
    ลงเกิดทิศตะวันตกเฉียงใต้
    ธรรมกาล 1,500 ปี

    9. พระสมณโคดมพุทธเจ้า
    ลงเกิดมัธยมประเทศ
    ธรรมกาล 3,000 ปี
    พระพุทธเจ้าในอนาคตแห่งภัทรกัปนี้คือ

    10. พระศรีอาริยเมตไตรย์พุทธเจ้า
    ลงเกิดสุวัณณภูมิ
    ธรรมกาล 10,800 ปี
    ( ตรัสรู้ภายใต้ต้นนาคะ (กากะทิง) จึงมีชื่อ
    พุทธเกษตรว่า นาคประทีปภัทรพุทธเกษตร

    แผนที่รูปดอกบัวของสุวัณณภูมิจะเป็นแผ่นดินเกิดของพระศรีอาริย์ในเบื้องหน้า ตามปรมัตถ์นามแห่ง โลกบัวบานสันติ ของชาวศิวิไลซ์ที่แท้จริง

    สำหรับโลกในยุคของพระสมณโคดมพุทธเจ้า ปรมัตถ์แห่งนามว่า สหัสสโลกธาตุ คือโลกธาตุที่เต็มไปด้วยทุกข์ภัย ผู้คนจึงได้มรรคผลน้อย ( 1 ส่วน ) ไปตกนรกเสียส่วนมาก ( 3 ส่วน )

    อายุธรรมกาล นับจากการโปรดสัตว์ออกบวช หมายถึงมีพระสงฆ์ผู้ครองผ้าเหลือง ซึ่งถือว่า เป็นหนึ่งในพระไตรรัตน์ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์

    เมื่อไม่มีพระสงฆ์ครองจีวรเมื่อไร พระรัตนตรัยก็ไม่ครบองค์สาม ฉะนั้นอายุธรรมกาลจึงสิ้นสุด ถึงแม้จะเหลือ พระพุทธและพระธรรมให้ทรงคุณอยู่ จนหมดเขตอายุพุทธกาล
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    พระศรีอาริย์โปรดสัตว์ 3 กาล

    นับตั้งแต่พระศากยมุนีพุทธเจ้าปรินิพพานให้หลัง ไปแล้ว 5,670,000,000 ปี ( ห้าพันหกร้อยเจ็ดสิบล้านปี ) จะถึงกาลที่พระศรีอาริย์จะลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แสดงธรรมโปรดสัตว์ 3 กาล คือ

    1. ปฐมกาล โปรดเวไนย์ ผู้ถือศีล 5 ที่ตกค้างจากองค์
    พุทธที่ 4 จำนวน 9,600,000,000
    ( เก้าพันหกร้อยล้านคน )

    2. มัธยมกาล โปรดผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จำนวน
    9,400,000,000 ( เก้าพันสี่ร้อยล้านคน )

    3. ปัจฉิมกาล โปรดผู้ที่ภาวนาพระนามพระพุทธเจ้า
    ด้วยเอกจิต จำนวน 9,200,000,000
    ( เก้าพันสองร้อยล้านคน )
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    พระศรีอาริย์ยุคก่อนกึ่งพุทธกาล

    เอกัง สะมะยัง.......สมัยหนึ่งที่สมเด็จพระชินศรี สัมพุทโธเจ้าเสด็จประทับเมืองกุสินารายณ์ ทรงสำราญพระอริยาบถในสวนพระราชอุทยานแห่งพระเจ้าสามลราช กับเหล่าพระภิกษุสงฆ์ ครานั้นสมเด็จพระพิชิตมารทรงพระประชวรอยู่แล้ว ( ใกล้เข้าสู่พระปรินิพพาน ) ได้ตรัสแก่พระอานนท์และพระภิกษุสงฆ์สองหมื่นรูปว่า.......

    ตถาคตใกล้เข้าสู่พระปรินิพพานอยู่แล้ว ตถาคตจะบัญญัติไว้แก่พระศาสนาห้าพัน สัตว์ทั้งปวงจะบังเกิดมาในอนาคตกาลภายภาคหน้า

    - จะประกอบไปด้วยศรัทธากระทำกองการกุศลเป็นต้นว่า ให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา สดับฟังพระธรรมเทศนา

    - หรือสัตว์ทั้งปวงจะพบแต่ศาสนา จะประกอบไปด้วยมานะทิฐิกระด้างกระเดื่อง มิได้อ่อนน้อมในพระพุทธศาสนา จะประกอบไปด้วยโลภและมัจฉริยะ (ความตระหนี่) อันมีลักษณะให้โลภและตระหนี่เป็นเหตุ แลพระศาสนามิได้บริบูรณ์ถ้วนห้าพันปี

    ( ความตอนนี้แสดงถึงการแบ่งเขตศาสนาเป็นสองยุคคือ สองพันห้าร้อยปีแรก และ สองพันห้าร้อยปีหลัง )

    เมื่อพระพุทธองค์มีพุทธฎีกาตรัสดังนั้น ก็ร้อนถึงท้าวสักกะเทวราช บุณฑุกัมพล ศิลาอาสน์ที่เคยอ่อนแต่ก่อนมา ก็แข็งกระด้างดังศิลา ท้าวเธอทรงพิจารณาดูด้วยทิพยเนตร จึงแจ้งเหตุว่าสมเด็จพระชินศรีตรัสพระธรรมเทศนา มีพุทธบัญญัติพระพุทธศาสนา จำต้องลงไปสู่มนุษย์โลกเข้าเฝ้าพระชินศรี

    ท้าวสักกะเทวราชเจ้าหมอบยอบกายลง ณ เบื้องพระพักตร์พระพุทธศาสดา พระพุทธองค์จึงมีพุทธบรรหารตรัสแด่ท้าวเธอว่า …….

    ขอท่านจงเป็นประธานแก่บริษัทสี่จำพวก คือ ภิกษุ ภิกษุณี สามเณร สามเณรี อุบาสก อุบาสิกา จงช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาของตถาคตให้ถาวรวัฒนาการเจริญในภายภาคหน้า ท้าวเธอพนมมือสาธุการธุลีพระบาทเจ้า เกล้ากระหม่อมอัญชุลีเหนือเศียรเกล้า จะช่วยทำนุบำรุงพระศาสนาให้เจริญและดำรงมั่นตลอดเขตพระ ศาสนาของพระองค์ พระเจ้าข้า....... นี้จึงเป็นที่มาแห่งปรมัตถ์นามว่า

    พุทธศักราช = พุทธ + สักกะราชา

    กาลต่อมาเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว จึงเริ่มนับอายุเขตพระพุทธศาสนาเป็น พ.ศ. (พุทธศักราช) พระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์เจริญรุ่งเรืองนักหนา ผู้คนประกอบไปด้วยศรัทธาก็พักพาซึ่งกันและกันกระทำกองการกุศล ให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ปฏิบัติตามโอวาทานุศาสน์คำสั่งสอนแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้า

    ลุล่วงถึงสมัยหนึ่งแห่งกรุงศรีอยุธยา ยังมีบ้านแห่งหนึ่งนามว่า บ้านท่าลาด เป็นที่สะอาด ผาสุกสบาย ประชาชนมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ ในหมู่บ้านนั้นมีเศรษฐีคนหนึ่งมีบุตรชายคนหนึ่งชื่อว่า เจ้าบริสุทธิ์กุมาร ครั้นเมื่อเจริญวัย บิดามารดาปรารถนาจะให้แต่งงาน จึงไปขอนางประทุมกุมารี บุตรีคนมั่งมีในละแวกนั้น ให้แต่งงานกัน เมื่ออยู่กินกันมาก็หามีบุตรไม่ คนทั้งสองจึงกระทำกองการกุศลปรารถนาขอบุตรธิดามาสืบสกุล

    ความปรารถนานั้นแก่กล้าร้อนถึงท้าวสักกะเทวราช ท้าวเธอทราบเหตุจึงพิจารณาหาเทพบุตรองค์ใดลงไปเกิดดี อันว่า พระศาสนาก็ได้ล่วงไปแล้วกว่าพันสองร้อยปี เห็นทีควรจะเชิญเสด็จพระเมตไตรย์โพธิสัตว์ลงเกิดเยี่ยมเยียมพระศาสนาพระพุทธโคดม เพื่อตระเตรียมงานพระศาสนายุคกึ่งพุทธกาลหลังสืบไป

    “ ข้าแต่ท่านผู้หาทุกข์มิได้ การครั้งนี้สมควรที่พระองค์จะสงเคราะห์แด่ชาวมนุษย์โลก เชิญพระองค์ลงไปปฏิสนธิกำเนิดในครรโภทรแห่งนางประทุม จะได้เพิ่มเติมพระบารมี ให้ถาวรวัฒนาการเจริญบริบูรณ์ อนึ่งพระพุทธศาสนาสมเด็จพระพุทธางกูรสัมพุทธเจ้าแห่งเราล่วงไปแล้ว ขอพระองค์อันเป็นจอมอมรในชั้นดุสิต รับนิมนต์แห่งข้าพระบาทเถิด พระเจ้าข้า ”

    “ ดูกร..เทวราช พระพุทธศาสนาพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าล่วงไปได้กึ่งครึ่งพระศาสนาแล้วหรือยัง”

    “ พระพุทธศาสนาล่วงไปเกือบจะใกล้กึ่งครึ่งพระศาสนาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นข้าพระพุทธเจ้าจึงมาอาราธนาให้พระองค์ลงไปเยี่ยมเยือนพระพุทธศาสนาจะได้ช่วยทำนุบำรุงให้ถาวรวัฒนาเจริญถ้วนห้าพันปี”

    องค์พระจอมไตรย์พิจารณาเห็นสมควรต่อคำอาราธนาเชื้อเชิญของท้าวสักกะเทวราชจึงตรัสตอบว่า

    “ ดูกร........เทวราช ถ้ากระนั้นแล้วเราจะลงไป ท่านก็คอยระวังระไวอย่าให้ขัดข้อง”

    เมื่อพระเมตไตรย์โพธิสัตว์จุติลงมานั้น นางประทุมผู้ภรรยาเจ้าบริสุทธิ์กุมารได้ฝันตอนใกล้รุ่งว่า พระอาทิตย์เสด็จอุทัยไขรัศมีแล้วกระจ่างสว่างขึ้นมาเหนือยอดเขายุคนธร ลอยละลิ่วมาในอากาศ แล้วลอยเลื่อนลงมาตรงปากของนาง นางมีความโสมนัสยินดี ได้กลืนกินดวงสุริยาเทพบุตรกับทั้งราชรถไว้ในนาภี ครั้นรุ่งเช้านางจึงเล่าความฝันให้สามีฟัง บริสุทธิ์กุมารฟังความก็ดีใจว่าจะได้บุตรสมปรารถนา

    จนถ้วน 10 เดือนในเดือนยี่ ขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันดี เมตไตรย์เทวบุตรก็ประสูติจากครรภ์มารดา ในครั้งนั้นบังเกิดมหามหัศจรรย์ทั่วทุกทิศานุทิศ พื้นพสุธาอันหนาแน่นถึงสองแสนสี่หมื่นโยชน์สะเทือนเลือนลั่น มหาสมุทรใหญ่น้อยก็ตีฟองระลอกกระฉอกฉาน เทพยดาในเมืองสวรรค์ก็เป่าสังข์ โปรยดอกไม้หอมฟุ้งตลบอบอวล

    เมื่อพระโพธิสัตว์เจริญวัยได้ 18 ปี ออกช่วยมารดาทำไร่นา และช่วยขับไล่นกไม่ให้มาจิกข้าวในนา ฝ่ายนกทั้งหลายเมื่อเห็นพระโพธิสัตว์ขับไล่ ก็พากันร้องบอกต่อ ๆ กันไปว่า

    “ พวกเราทั้งหลายอย่ากินข้าวนานี้เลย ท่านเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดและท่านจะได้ตรัสเป็น พระชินศรีสัมพุทโธในอนาคต”

    เมื่อนกกระจาบทั้งหลายได้ยินดังนั้น ก็ไม่ลงกินข้าวในนาของพระโพธิสัตว์

    วันหนึ่งพระโพธิสัตว์ไปเฝ้านา เห็นฝูงปลาในบึงเป็นอันมาก คิดจะตกปลา จึงเอาเหยื่อเกี่ยวเบ็ดแล้วหย่อนลงในน้ำ พลางเปล่งอุทานวาจาว่า

    “ ดูกร ปลาทั้งหลาย ปลาตัวใดเคยเป็นอาหารของเรามาก่อน ก็จงกินเหยื่อเบ็ดนี้ ถ้าปลาตัวใดไม่เคยเป็นอาหารของเรามาก่อน ก็อย่ากินเหยื่อเบ็ดนี้เลย เบ็ดนี้แหลมคมนัก มันจะเกี่ยวปากได้รับความเจ็บปวด”

    ฝูงปลาทั้งหลายเมื่อได้ฟังอุทานวาจาเช่นนั้นก็เกิดความสงสัยว่า ผู้ใดหนอมากล่าววาจาเช่นนี้ ได้เที่ยวมาช้านานแล้ว ไม่เคยได้ยินสัจวาจาที่เป็นธรรมะดังนี้เลย หรือว่าจะเป็นหน่อพระชินศรีบรมโพธิสัตว์ สร้างโพธิสมภารเพื่อประโยชน์จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตภายภาคหน้า ฝูงปลาทั้งหลายจึงร้องบอกแก่กันและกันว่า

    “ ดูกร เราท่านทั้งปวง อย่ากินเหยื่อที่เบ็ดนี้เลย เป็นเบ็ดของโพธิสัตว์ ซึ่งตั้งสัจจาธิษฐานปรารถนาจะให้จิตบริสุทธิ์ จึงได้กล่าววาจาเป็นคำซื่อตรงดังนี้”

    บรรดาปลาทั้งหลายเมื่อทราบความจริง ก็ทำเมินไม่เข้าไปกินเบ็ดของพระโพธิสัตว์
    ขณะนั้นมีปลาดุกตัวหนึ่งได้ฟังคำห้ามจึงพูดกับปลาทั้งปวงว่า

    “ ดูกรท่านทั้งปวง ชายคนนี้ประสงค์จะสร้างพระ บารมีโพธิสัตว์สมภาร ปรารถนาจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าในภายหน้า เรานี้ก็ได้ชื่อว่าตัวดีอาจจะให้ชีวิตเป็น
    ทานได้ ด้วยปรารถนาจะสำเร็จพระโพธิญาณในภายหน้า”

    เมื่อพูดเช่นนั้นปลาดุกตัวกล้าก็พุ่งเข้าไป ฉวยคาบเบ็ดของพระโพธิสัตว์แล้วลากไป พระโพธิสัตว์รู้ว่าปลาติดเบ็ดแล้วก็ตวัดขึ้นไป ปลาดุกมีความเจ็บปวดก็ร้องด้วยวาจาภาษาคนว่า
    “ โปรดก่อนเจ้าข้า อย่าวัดแรงนัก เจ็บเหลือทนแล้ว จงวัดค่อย ๆ เถิด”

    ปลาหมอตัวหนึ่งได้ฟังดังนั้นจึงร้องบอกว่า

    “ ปลาดุกเอ๋ย เจ้าศรัทธากล้าตายแล้วจะร้องไปทำไม จงอุตส่าห์แข็งอกแข็งใจทนเอาเถิด จะได้สำเร็จแก่พระนิพพาน”

    เมื่อพระโพธิสัตว์และมารดาได้ยินปลาพูด เป็นภาษาคน ก็คิดฉงนว่าจะเป็นนิมิตอันหนึ่งอันใดหนอ จำจะนำเหตุการณ์นี้ไปถามนักปราชญ์ดูว่าดีร้ายประการใด ทั้งสองจึงชวนกันกลับบ้านจัดแจงหาธูปเทียนดอกไม้หมากพลู แล้วพากันไปวัด หมอบกราบท่านเจ้าคุณผู้ใหญ่ ผู้แตกฉานในพระไตรปิฎก ท่านพิจารณาเรื่องราวแล้วเข้าใจทันทีว่า เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ เห็นจะเป็นหน่อพระชินสีห์โพธิสัตว์เป็นแน่แท้ ครั้นจะทายทักออกไปตามที่คิดก็เกรงว่ากิติศัพท์จะฟุ้งซ่านมากไป ไม่เป็นการสมควร จำจะทำนายโดยโวหาร พอให้หายข้องใจ จึงกล่าวว่า

    “ ดูกร อุบาสิกา บุตรของท่านเราเห็นว่าไม่ สมควรที่จะอยู่ในเพศฆราวาส ถ้ากระไรก็ให้บรรพชาบวชเป็นสามเณรเสียเถิดจะประเสริฐกว่า”

    ผู้เป็นมารดาได้ฟังก็ดีใจ มอบถวายบุตรชายให้ บวชเป็นสามเณรในวันเวลานั้น ฝ่ายสามเณรศรีอาริย์ก็อุตส่าห์เล่าเรียนพระไตรปิฎกจนแตกฉานทั้ง 3 ประการ คือรู้ในพระสูตร พระวินัย และพระปรมัตถ์

    นับแต่พระโพธิสัตว์ศรีอาริย์บรรพชาเป็นสามเณร ท้าวสักกะพร้อมด้วยอัปสรเทพกัญญา เป็นต้นว่านางสุชาดา นางสุนันทา นางสุจิตรา และนางสุธรรมา ต่างก็ลงมาปรนนิบัติเตรียมน้ำสรงตลอดจนผ้าสบงจีวร ให้สามเณรได้รับความสะดวกสบายทุกประการ โดยที่ไม่มีใครรู้เห็นการมาของทวยเทพเหล่านั้นเลย

    สามเณรศรีอาริย์บำเพ็ญอยู่จนถึงอายุ 20 ปี ก็ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ จำพรรษาอยู่ ณ. วัดไลย์
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    พระศรีอาริย์กลับดุสิต

    กล่าวถึงเมืองนครพารา มีกระทาชายคนหนึ่งหา เลี้ยงบุตรภรรยาด้วยความชอบธรรม ประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรม จะได้ประกอบอกุศลกรรมหยาบช้าก็หามิได้ และเป็นคนที่เพียบพร้อมไปด้วยศรัทธา เคารพในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เมื่อกระทำการกุศลสิ่งใดก็ตั้งใจมุ่งมาดปรารถนาขอให้พบพระศรีอาริย์ ขอได้ไปเมืองแก้ว

    อยู่มาวันหนึ่งเป็นวันพระ 15 ค่ำ ชายผู้นี้มีจิต ศรัทธารักษาอุโบสถศีลแปด มิได้รับประทานอาหารเย็น ได้ปรารภกับบุตรภรรยาว่า
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หล่อรูปพระศรีอาริย์

    เมื่อเกิดมืดฟ้ามัวดินขึ้นมา บรรดาพระภิกษุสามเณรซึ่งเป็นศิษย์ของพระเมตไตรย์ก็พากันตระหนกตกใจ ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น ต่างพากันรีบร้อนขึ้นไปดูบนกุฎิ เห็นแต่รูปกายนั่งอยู่ปราศจากลมหายใจ จึงร้องบอกกันว่า
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    การอุบัติขึ้นแห่งพระศรีอาริย์

    พระเมตไตรย์โพธิสัตว์จะอุบัติขึ้นท่ามกลางศาสนาของพระพุทธโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็น 3 สมัยคือ

    1. สมัยพระธรรมกำลังแผ่ไพศาลไปด้วยดี ประมาณ 500 ปี

    2. สมัยสัทธรรมปฏิรูป ประมาณพันปีล่วงไปแล้ว

    3. สมัยพระสัทธรรมได้เป็นไปแล้ว (สมัยเสื่อม สัทธรรม)
    ประมาณ 3,000 ปี


    --------------------------------------------------------------------
    คัดลอกมาจาก
    http://www.arayun.com/phasri_011.htm

    --------------------------------------------------------------------
     
  18. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ กราบอนุโมทนากับ ธรรมทาน ด้วยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...