=>(พุทโธหาย) ของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย wuttichai0329, 2 มิถุนายน 2008.

  1. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    พุทโธหาย
    คัดจากประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
    เขียนโดย ท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน
    เรื่องเกี่ยวกับวิเศษหูพิเศษก็เช่นกันต้องเข้าอุปจารสมาธิสงบอารมณ์น้อยๆแล้วคอยรับทราบจะทราบทางรูปคนเสียงคนหรือรูปสัตว์เสียงสัตว์หรือมากไปกว่านั้นตามแต่ความประสงค์จะทราบก็ทราบได้เหมือนเห็นด้วยตาเนื้อฟังด้วยหูหนังเรื่องทั้งนี้ท่านเคยเล่าให้ฟังเวลาท่านไปพักอยู่กับพวกชาวเขาซึ่งไม่เคยเห็นพระสงฆ์เป็นส่วนมากนอกจากผู้มีโอกาสได้ลงมาเมืองหรือหมู่บ้านที่มีพระสงฆ์ถึงจะมีโอกาสได้เห็นบ้างคณะท่านไปถึงที่แรกสององค์ด้วยกัน ก็พากันพักอยู่ชายภูเขาห่างจากหมู่บ้านชาวเขาราวสองกิโลเมตร พักอยู่ร่มไม้ธรรมดา ตอนเช้าพากันเข้าไปบิณฑบาต ก็ถามท่านว่า ตุ๊เจ้ามาธุระอะไร ท่านก็บอกว่ามาบิณฑบาต เขาถามว่ามาบิณฑบาตอย่างไร?เพราะพวกเขาไม่เข้าใจ ท่านบอกว่า บิณฑบาตข้าว เขาถามว่าข้าวสุกหรือข้าวสาร ท่านบอกว่าข้าวสุก เขาก็บอกกันให้หาข้าวสุกมาใส่บาตรท่านได้แล้วก็กลับมาที่พัก และ ฉันแต่ข้าวเปล่าๆ อยู่นาน<O:p</O:p
    ขณะไปพักอยู่ที่นั้น ที่แรกชาวบ้านเขาไม่มีความเลื่อมใสและไว้วางใจท่านเลย ตกกลางคืนหัวหน้าบ้านตีเกราะนัดให้ชาวบ้านมาประชุมรวมกันและประกาศว่าขณะนี้มีเสือเย็นสองตัว (หมายถึงท่านพระอาจารย์กับพระที่อยู่ด้วยกันสององค์) มาพักอยู่ในป่าแห่งนั้น จะเป็นเสือเย็นประเภทใดก็ยังทราบไม่ได้ พวกเราไม่ไว้ใจเสือเย็นสองตัวนั้น จึงห้ามไม่ให้เด็กและผู้หญิงเขาไปในป่านั้น แม้ผู้ชายจะไปควรมีพวกมีเพื่อนและมี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2009
  2. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    เครื่องมือติดตัวไปด้วย ไม่ควรไปคนเดียวและไปแต่ตัวเปล่าๆ เดี๋ยวเสือเย็นสองตัวนั้นเอาไปกินจะว่าไม่บอกขณะที่เขากำลังประชุมเรื่องเสือเย็นให้ชาวบ้านทราบ ก็เป็นเวลาที่ท่านพระอาจารย์กำลังเข้าที่ภาวนาอยู่พอดี เรื่องที่เขาประกาศให้ชาวบ้านทราบ ทั้งหมดจึงเป็นเหมือนประกาศให้ท่านซึ่งกำลังตกอยู่ในคำกล่าวหาว่าเป็นเสือเย็นทราบด้วยโดยตลอด ท่านเกิดความสลดสังเวชใจอย่างยิ่งไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่าตนจะเป็นพระประเภทเสือเย็นดังคำกล่าวหา ขณะนั้นแทนที่ท่านจะโกรธและเสียใจในคำกล่าวหาของเขา แต่กลับเกิดความเมตตาสงสารเขาอย่างบอกไม่ถูก กลัวเขาผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก็มีจำนวนมากจะพลอยเชื่อตามคำเหลวไหลนั้น และคอยเป็นบาปหาบกรรมไปตามๆ กัน เมื่อตายจากชาตินี้ไปแล้ว เขาจะไปเกิดเป็นเสือกันทั้งบ้าน พอตื่นเช้าท่านก็รีบบอกกับพระที่อยู่ด้วยว่า คืนนี้พวกชาวบ้านเขาประชุมประกาศกันว่า เราทั้งสององค์เป็นเสือเย็น ที่ปลอมแปลงตัวเป็นพระมากหลอกลวงอย่างแยบยลลึกลับ เพื่อให้เขาตายใจเชื่อถือแล้วกลับทำลายชีวิตและทรัพย์สินเขาด้วยวิธีต่างๆ ฉะนั้น เขาจึงไม่เลื่อมในและไว้ใจพวกเราทั้งสองเลยเวลานี้หากว่าเราทั้งสองหนีไปจากที่นี้เสีย ในเวลาที่เขากำลังคิดไม่ดีอยู่ขณะนี้เวลาเขาตายไปจะพากันไปเกิดเป็นสัตว์เป็นเสือกันทั้งบ้าน ซึ่งนับว่าเป็นกรรมแก่เขาไม่เบาเลย เพื่อความอนุเคราะห์เขาซึ่งควรแก่สมณกิจที่พอทำได้ จึงควรอดทนอยู่ที่นี้ไปก่อน แม้จะทุกข์ลำบากก็พยายามอดทนไปจนกว่าเขาจะพากันกลับใจได้แล้ว จะไปที่ไหนค่อยไปกันดังนี้<O:p</O:p
    นอกจากเขาไม่ไว้ใจและเสื่อมในแล้ว พวกผู้ชายยังพากันมาคอยสังเกตการณ์ตามสถานที่ที่ท่านพักอยู่บ่อยๆ ครั้งละ ๓ - ๔ คน โดยมีเครื่องมือติดตัวมาด้วย มายืนลอบๆ มองๆ อยู่บริเวณใกล้ๆ บ้าง มายืนอยู่ข้างทางจงกรมบ้าง ในเวลาท่านกำลังเกดินจงกรมทำความเพียรอยู่ ต่างคนต่างจ้องและสอดส่ายสายตามองมายังท่านและเหลือบมองไปรอบๆ บริเวณ เขาใช้เวลาสังเกตการณ์ด้วยความไม่ไว้ใจอยู่ทำนองนั้น นานประมาณครั้งละ ๑๐ นาทีบ้าง ๑๕ นาที่บ้าง แทบทุกวัน และไม่พูดจาไต่ถามอะไรกับท่านในระยะเริ่มแรก แล้วก็พากันกลับไป วันหลังได้โอกาสก็พากันมาใหม่ เขาใช้เวลาสังเกตท่านอยู่นานพอสมควร ส่วนอาหาร ปัจจัยเป็นเพียงเครื่องอาศัยเป็นอยู่หลับนอนของพระเสือเย็นทั้งสอง จะขาดตกบกพร่องหรือจะเป็นตายอย่างไรบ้างนั้น เขามิได้พากันสนใจคิดและขวยขวายกันเลย ฉะนั้นการเป็นอยู่ของท่านทั้งสองที่เขาให้นามว่าเสือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2009
  3. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    บางวันรวมทั้งฉันน้ำเย็น จึงลำบากอัตคัดมาก อาหารบิณฑบาตอย่างมากก็ได้แค่ข้าวเปล่าๆ มาฉัน ด้วยก็อิ่มพอเบาะๆ บางวันรวมทั้งฉันน้ำก็ไม่พอ ที่อยู่หลับนอนก็อาศัยโคนไม้เป็นประจำทั้งแดดทั้งฝนก็ทนเอา เพราะที่นั้นไม่มีถ้ำหรือเงื้อมผาพอได้อาศัย ถ้าฝนตกชุกมากในบางวันตกทั้งวัน พอฝนเบาลงบ้าง ก็พยายามเที่ยวเก็บใบไม้แห้งหญ้าแห้งมาทำเป็นจากมุงพอยังแดดบังฝนไปพลางพอประทังชีวิตไปวันหนึ่ง ๆ ด้วยความทุกข์ลำบากมากมาย ขณะฝนตกก็เข้าหลบซ่อนอยู่ในกลดในมุ้งพอบรรเทาความหนาว เวลาพัดจากภูเขามาอย่างแรงฝนก็สาด กลดก็จะปลิวหลุดมือ องค์ท่านและบริขารก็เปียกตัวสั่นเหมือนลูกนกลูกกา ถ้าเป็นตอนกลวงวันก็พอทำเนา มองเห็นที่ไปที่หลบซ่อนและที่เก็บบริขารต่างๆ บ้าง แต่ฝนตกเอาตอนกลางคืนรู้สึกลำบากมาก ตาก็มองไม่เห็นอะไรทั้งฝนกระหน่ำลง ลมกระหน่ำมาประดังกันกิ่งไม้ที่ถูกลมพัดอย่างแรง ต่างก็ขากตกลงข้างหน้าข้างหลังตูมตามๆ ไม่แน่ใจว่าชีวิตจะต้านทานฝน ต้านทานลม ต้านทานความเหน็บหนาวหรือจะต้านทานกิ่งไม่น้อยใหญ่ที่กัดตกลงและโหมกันมาจากทิศทางต่างๆ ในขณะนั้น เมือชีวิตยังอยู่ก็ทนกันไป ร้อนก็ทนกันไป หนาวก็ทนไป หิวก็ทนไป กระหายก็ทนไป อดบ้างอิ่มบ้างก็ทนไป จนกว่าจะหมาดกลิ่นแห้งความระแวงสงสัยของชาวบ้านที่หวากระแวงต่อท่าน ว่าเป็นเสือเย็นคอยหลอกลวงกินเนื้อกินหนังเขา การขบฉันแม้เพียงข้างเปล่าๆ ก็อดมื้ออิ่มมื้อ สิ่งอื่นนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง ว่าเขาจะมีความสนใจใยดีให้ท่าน ที่พักที่อยู่ก็แบบคนอนาถาหาที่เกาะที่พึ่งไม่ได้เราดีๆ นี้เอง น้ำก็หิ้วขึ้นมาฉันมาใช้ หลังจากสรงน้ำลงไปในคลอง ซึ่งอยู่ตีนเขา กรองให้เต็มกาแล้วก็หิ้วขึ้นมาฉันมาใช้ หลังจากสรงน้ำเสร็จแล้ว แต่ทำความเพียรสะดวกดีมาก หมดกังวลทุกด้านไม่มีอะไรเกาะเกี่ยว
    ตอนกลางคืนยามดึกสงัด ทำภาวนา ฟังเสียงเสือกระหึ่มไปมาทีละหลาย ตัว ใกล้ๆ บริเวณที่ท่านพักใต้ร่มไม้ แต่แปลกอยู่อย่างหนึ่งที่เสือไม่เข้ามาหาท่านเลย ล้วนเป็นเสือโคร่งใหญ่ลายพาดกลอนทั้งนั้น ท่านว่าท่านเพลิดเพลินไปกับเสียงสัตว์ชนิดต่างๆ แต่บางที่เสือก็เข้ามาหาท่านและลูกศิษย์ท่านเหมือนกัน เขาคงสงสัยว่าเป็นสัตว์ซึ่งควรจะเป็นอาหารได้บ้างแล้วแอบเข้ามาดู พอคนกระดุกกระดิกลุกขึ้นเขาร้องโก้กพร้อมกับกระโดดเข้าป่าไป วันหลังไม่เห็นเขามาหาอีกเลย พอตกบ่ายๆ ก็มีชาวบ้านราว ๓ - ๔ คนออกมาสังเกตการณ์แทบทุกวัน แต่เขาไม่พูดจาอะไรกับท่าน ท่านก็มิได้สนใจกับเขา เฉพาะพวกเขาเองบางครั้งมีการพูดกระซิบกระซาบกัน ขณะที่พวกเขามานั้น ท่านกำหนดจิตดูจิตใจเขาที่คิดปรุงอยู่ทุกขณะและทุกเวลาที่เขามา ส่วนพวกเขาเองก็คงไม่สนใจคิดว่าท่านจะรู้เรื่องความคิดปรุงทางใจตลอดคำพูดเขาที่ระบายออกจากใจผู้บงการอะไรเลยคงเข้าใจว่าตนมีความลับที่ไม่มีใครสามารถสอดรู้อยู่ภายใน จึงสนุกคิดเรื่องต่างๆ อย่างเพลินใจ ซึ่งโดยมากก็เป็นความคิดคอยจับผิดท่านอยู่ภายในท่านกำหนดดูใจของใครที่มาด้วยกันกี่คน ก็มีความรู้สกนึกคิดที่คอยจับผิดอยู่ภายในเช่นเดียวกันหมด สมกับเขาประกาศสั่งพวกเขาให้มาสังเกตการณ์จริงๆ ท่านเองแทนที่จะคิดระวังตัวกลัวเขาจะจับผิดแต่กลับคิดสงสารเขาเป็นกำลัง ว่าคนในบ้านนั้นมีไม่กี่คนที่เป็นผู้ชักนำชาวบ้านซึ่งมีหลายคนให้เห็นผิดไปด้วย ท่านพักอยู่ที่นั้นเป็นเดือนๆ ยังไม่เห็นเขาลดละความพยายามคอยจับพิรุธความผิดพลาดท่าน พวกใดมาหาล้วนมีความจ้องมองหาแต่ความผิดกันท่านเช่นเดียวกัน ท่านว่าเขาช่างพยายามเอาเสียจริงๆ แต่ยังดีอยู่อย่างหนึ่งที่เขาไม่พร้อมใจกันมาขับไล่ท่านให้หนีจากที่นั้นเป็นเพียงจัดวาระกันมาควบคุมโดยทางลับเท่านั้น<O:p</O:p
    เมื่อท่านอยู่นานไป ทั้งพวกเขาก็มาสังเกตดูอยู่หลายครั้ง เฉพาะพวกหนึ่งๆ ยังไม่อาจจับความเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดท่านได้ เขาคงแปลกใจอยู่มาก ในเวลาต่อมาคืนวันหนึ่งท่านกำลังนั่งภาวนาอยู่ ได้ยินหรือทราบขึ้นภายในใจว่า หัวหน้าบ้านประชุมสอยถามผลของการสังเกตการณ์ว่าได้ผลคืบหน้าไปเพียงใดบ้าง ชาวบ้านบรรดาที่มาสังเกตให้คำตอบที่เป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีผลอะไรตามความคิดเห็นของพวกเราที่คิดกันไป ทำอย่างนั้นดีไม่ดี น่ากลัวจะเป็นโทษมากกว่าผลที่คิดกัน ผู้สงสัยซักขึ้น ทำไม่ว่าอย่างนั้น เขาตอบกันว่าก็เท่าที่สังเกตดูแล้ว ตุ๊เจ้าสององค์นั้น ( ตุ๊เจ้าหมายถึงพระ) ไม่เห็นมีกิริยาท่าทางใดๆ ที่เป็นไปดังที่พวกเราคาดกัน ไปสังเกตดูทีไรก็เห็นแต่ท่านนั่งหลับตานิ่งอยู่บ้าง ท่านเดินกลับไปกลับมาในท่าสำรวม ไม่มองโน้นมองนี้อย่างคนทั่วไปๆ ไปบ้าง คนที่จะเป็นเสือเย็นตั้งท่าคอยฉีกสัตว์กัดคนคงไม่ทำอย่างนั้น ต้องมีอาการแสดงออกให้พอจับได้บ้างแต่ตุ๊เจ้าสองตนนี้ไม่มีกิริยาเช่นนั้นแฝงอยู่บ้างเลย ถ้าขืนไปทำอย่างที่พากันทำอยู่ทุกวันนี้ จึงน่ากลัวเป็นบาป ทางที่ถูกควรไปศึกษาไต่ถามท่านดูให้รู้เหตุผลต้นปลายก่อน อยู่ๆ ก็ไปเหมาว่าท่านไม่ดีเอาเลยตามความคิดเห็น เฉยๆ อย่างนี้น่ากลัวเป็นบาป<O:p</O:p
    บรรดาพวกที่ไปสังเกตท่านมาแล้ว พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านเป็นตุ๊เจ้าดียากจะหาได้ พวกเราก็เคยเห็นตุ๊เจ้ามาบ้าง พอจะรู้ของดีของไม่ดี บางรายก็ว่าเคารพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2009
  4. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    เลื่อมใสท่านมากกว่าจะคิดแส่หาโทษท่าน ถ้าอยากทราบรายละเอียดก็ควรไปศึกษาไต่ถามท่านดูบ้างว่า การนั่งหลับตานิ่งๆ ก็ดีการเดินกลับไปกลับมาก็ดี ท่านนั่งเพื่ออะไรท่านเดินหาอะไร ท่านว่าสุดท้ายแห่งการประชุมของชาวป่าได้ความว่า ให้คนไปไต่ถามท่านดูตามที่ตกลงกัน
    ตื่นเช้ามาท่านก็พูดกับพระที่อยู่ด้วยว่า เขาเริ่มกลับใจมาทางดีแล้ว คืนนี้เขามาประชุมกันเกี่ยวกับการมาสังเกตดูพวกเรา ตกลงกันว่าจะจัดให้คนมาไต่ถามข้อข้องใจกับพวกเรา พอวันหลังบ่ายๆ เขาพากันมาจริงๆ ดังที่รู้ไว้ ในจำนวนที่มาคนหนึ่งถามขึ้นว่า ตุ๊เจ้านิ่งหลับตานิ่งๆ และเกินทางกลับไปกลับมานั้น ตุ๊เจ้านั่งและเดินหาอะไร ท่านตอบเขาว่า พุทโธเราหาย เรานั่งและเดินหาพุทโธ เขาถามท่านว่า พุทโธเป็นตัวอย่างไร พวกเราจะช่วยตุ๊เจ้าหาได้ไหม ? ท่านตอบว่า พุทโธเป็นดวงแก้วอันประเสริฐเลิศโลกในไตรภพ เป็นดวงฉลาดรอบรู้ทั่วไตรโลกธาตุ ถ้าสูจะช่วยเราหาก็ยิ่งดีมากจะได้เห็นพุทโธเร็วๆ ง่ายๆ ด้วย (สูเป็นคำชาวบ้านนับถือกันว่าดีมากสนิทกันมาก) เขาถามว่า พุทโธตุ๊เจ้าหายมานานแล้วหรือ ท่านตอบว่า ไม่นานถ้าสูช่วยหาให้ยิ่งจะพบเร็วกว่าเราหาเพียงคนเดียว เขาถามว่า พุทโธเป็นดวงแก้วใหญ่ไหม ? ท่านตอบว่า ไม่ใหญ่ไม่เล็ก พอดีกับเราและกับพวกสูดีๆ นี่เอง ใครหาพุทโธพบ คนนั้นประเสริฐ มองเห็นอะไรได้ตามใจหวัง เขาถามมองเห็นนรกสวรรค์ได้ไหมตุ๊เจ้า ? ท่านตอบว่ามองเห็นซิ ไม่เห็นจะว่าประเสริฐได้อย่างไร ลูกเมียผัวตายมองเห็นได้ไหมตุ๊เจ้า ? ท่านตอบว่าเห็นหมดถ้าต้องการอยากเห็น เมื่อได้พุทโธแล้ว เขาถามสว่างมากไหม ? ท่านว่าสว่างมากยิ่งกว่าพระอาทิตย์ตั้งร้อยด้วงพันดวง เพราะอาทิตย์ไม่สามารถส่องเห็นนรกสวรรค์ได้ แต่ดวงพุทโธสามารถส่องเห็นหมดเขาถาม ผู้หญิงช่วยหาได้ไหม ? เด็กๆ ช่วยหาได้ไหม? ท่าน ได้ทั้งทั้งนั้นไม่นิยมว่าหญิงว่าชาย ว่าเด็กว่าผู้ใหญ่ใครหาก็ได้ทั้งนั้น เขาถามท่านว่าพุทโธนั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าพุทโธ ผีก็กลัวพุทโธมาก ต้องกราบพุทโธ ใครหาพุทโธแม้ยังไม่พบ ผีเริ่มกลัวผู้นั้นแล้ว เขาถามท่านพุทโธเป็นแก้วสีอะไรตุ๊เจ้า ท่านตอบพุทโธเป็นแก้วดวงสว่างไสว และมีหลายสีจนนับไม่ได้ พุทโธนี้เป็นสมบัติอันวิเศษของพระพุทธเจ้า พุทโธนั้นเป็นองค์แห่งความรู้ความสว่างไสวไม่เป็นวัตถุ พระพุทธเจ้าท่านมองให้พวกเราไว้หลายปีแล้ว แต่เราเองยังหาพุทโธที่ท่านมอบให้ยังไม่เจอไม่ทราบว่าอยู่ที่ตรงไหน แต่จะอยู่ที่ไหนไม่สำคัญนัก ที่สำคัญก็คือถ้าสูจะพากันช่วยหาพุทโธจริงๆ ให้พากันนั่งหรือเดินนกในใจว่าพุทโธๆ เท่านั้น ถ้าทำอย่างนี้พวกสูอาจจะเจอพุทโธก่อนเราก็ได้ เขาถามท่านว่าการนั่งหรือเดินหาพุทโธจะให้นั่งหรือเดินนานเท่าไรถึงจะพบพุทโธแล้วหยุดได้ ท่านตอบให้นั่งหรือเดินเพียง ๑๕ หรือ ๒๐ นาทีก่อนสำหรับผู้ตามหาพุทโธทีแรก พุทโธท่านยังไม่อยากให้เราตามหาท่านนานนัก กลัวจะเหนื่อยแล้วตามหาพุทโธไม่ทันเดี๋ยวจะขี้เกียจเสียก่อนทีหลังจะไม่อยากตามหาท่าน แล้วเลยจะไม่พบท่านเอาเพียงเท่านี้ก่อน ถ้าอธิบายมากกว่านี้ จะจำวิธีไม่ได้ แล้วตามหาพุทโธไม่พบ เสร็จแล้วเขาพากันกลับบ้าน การลาท่านสำหรับเขาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเพราะเขาไม่เคยลาใคร ว่าจะไปเขาลุกขึ้นแล้วก็ไปทันทีทันใด ไม่สนใจคำลาใครทั้งนั้น พอไปถึงบ้านแล้ว ชาวบ้านต่างมารุมถามเป็นการใหญ่ เขาอธิบายให้ฟังตามที่ท่านสั่งสอนเขาแต่โดยย่อไว้ก่อนนั้นนอกจากนั้น เขายังอธิบายเรื่องท่านพระอาจารย์ให้ชาวบ้านฟังว่า ที่สงสัยการนั่งหลับตานิ่งๆ และการเดินกลับไปกลับมานั้น ท่านนั่งและเดินหารพุทโธดวงเลิศต่างหาก มิได้นั่งและเดินแบบเสือเย็นดังที่พวกเขาเข้าใจกัน พอชาวบ้านทราบวิธีที่พวกเขามาถามท่านนำไปเล่าให้ฟังแล้ว ต่างคนต่างสนใจฝึกหัดนึกพุทโธภายในใจโดยทั่วกัน นับแต่หัวหน้าบ้านลงมาถึงผู้หญิงและเด็กๆ ที่พอรู้วิธีพุทโธได้ เป็นที่อัศจรรย์ไม่คาดฝันว่าจะมีผู้รู้เห็นธรรมของพระพุทธเจ้าภายในใจอย่างประจักษ์โดยไม่เนิ่นนานนัก คือผู้ชายคนหนึ่งซึ่งตามหาพุทโธแล้วประสบความสงบสุขทางใจ จาการนึกบริกรรมพุทโธตามวิธีที่ท่านบอกเขา ท่านเล่าว่าก่อนหน้า ๓ - ๔ วันที่เขาจะประสบผลจากพุทโธเขานานหลับฝันถึงท่านพระอาจารย์มั่นว่าท่านเอาเทียนใหญ่ที่จุดไฟอย่างสว่างไสวแล้วไปติดไว้บนศีรษะเขา พอท่านติดเทียน เสร็จแล้วนับแต่ศรีษะลงมาถึงตัวเขาปรากฏว่าสว่างไสวไปโดยตลอด เขาดีใจมากกว่าตนได้ของดีมีความสว่างไสวแผ่ออกไปนอกกายตั้งหลายๆ ว่า พอจิตเขาเป็นขึ้นมาก็รับมาหาท่านพระอาจารย์และเล่าเรื่องความเป็นและความฝันให้ท่านฟังอย่างน่าอัศจรรย์จากนั้นท่นก็ได้อธิบายเพิ่มเติมให้เขาไปทำต่อ ปรากฏว่าได้ผลย่างรวดเร็ว และยังสามารถรู้ใจของผู้อื่นได้อีกด้วย ว่าใจของใครยังมีเศร้าหมองและผ่องใสเพียงใด เขาพูดกับท่านอย่างไม่มีการสะทกสะท้านเลย ซึ่งตรงกับจริตคนป่าที่มีนิสัยพูดตรงไปตรงมาอยู่แล้ว<O:p></O:p>
    ในเวลาต่อมา เขาออกมาเล่าธรรมให้ท่านฟังว่า เขาได้พิจารณารู้เห็นจิตท่านอาจารย์และพระที่อยู่กับท่านได้อย่างชัดเจน ท่านเองก็ถามเขาบ้างเป็นเชิงเล่นๆ ว่าจิตของท่านเป็นอย่างไร มีบาปมากไหม? เขาตอบท่านทันทีเลยว่า จิตของตุ๊เจ้าไม่มีจุดมีดวงเหนืออยู่แล้ว มีแต่ความสว่างไสวอันเป็นที่อัศจรรย์อย่างยิ่งอยู่ภายในเท่านั้น ตุ๊เจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2009
  5. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    เป็นผู้ประเสริฐสุดในโลกไม่มีใครเสมอเหมือน เฮาไม่เคยเห็น (คำว่าเฮาเทียบกับคำว่าผม) ตุ๊เจ้ามาพักอยู่ที่นี่ตั้งนานร่วมปีแล้ว ทำไม่ไม่สอนเฮาบ้างก๊าแต่แรกมาอยู่ (ก๊าเท่ากับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2009
  6. Bacary

    Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,210
    ค่าพลัง:
    +23,196
    อนุโมทนา ครับ...
     
  7. กตัญญุตา

    กตัญญุตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +109
    เป็นเมตตาธรรม ช่างงดงามนัก ขออนุโมทนาครับ สาธุ
     
  8. Raindrops

    Raindrops เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,147
    ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ เคยอ่านเมื่อนานมากแล้ว

    เป็นเรื่องที่ชอบที่สุดเลย

    โมทนาน่ะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...