เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 1 ธันวาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ อากาศค่อนข้างจะกระโดดมาก จาก ๒๑ องศาเซลเซียสลดลงมาเหลือแค่ ๑๘ องศาเซลเซียสเท่านั้น แล้วพรุ่งนี้ก็จะขึ้นไปอีก เหตุเพราะว่าความกดอากาศสูงจากประเทศจีน เมื่อแผ่ลงมาแล้ว เจอมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ดันกลับ ก็จะทำให้ร้อนบ้าง หนาวบ้าง สลับกันไป

    แต่ว่าในส่วนที่ความกดอากาศสูงและมรสุมปะทะกันก็จะทำให้ฝนตกหนักมาก ซึ่งตอนนี้ ๖ - ๗ จังหวัดภาคใต้ของเรา ตลอดจนกระทั่งมาเลเซียก็น้ำท่วมหนัก คณะสงฆ์กำลังระดมกำลังช่วยเหลือญาติโยมที่เดือดร้อน โดยมีหน่วยกู้ภัยและทหารเป็นกำลังหลัก ไม่ทราบเหมือนกันว่านักการเมืองไปหลับอยู่ที่ไหนหมด ? แต่ว่าเรื่องพวกนี้เราอย่าไปหวังอะไรจากนักการเมืองเลย เพราะส่วนใหญ่หน้าที่ของนักการเมืองไม่ได้ช่วยเหลือประชาชน หากแต่รักษาฐานอำนาจของตนเองเท่านั้น..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะเห็นว่ากระทรวงมหาดไทยซึ่งจะมีกรมบรรเทาสาธารณภัย ควรที่จะออกมามีบทบาทมากกว่านี้ เพราะว่าเป็นเจ้ากระทรวงมีอำนาจในการสั่งการ มือเท้าทั้งหลาย ต้องบอกว่ามีถึงระดับอำเภอ แล้วทางนายอำเภอก็จะสั่งการผู้ใหญ่บ้าน กำนันอีกทอดหนึ่ง แต่ว่าข้าราชการของเราส่วนใหญ่แล้วก็มักจะ "เกียร์ว่าง" เช้าชามเย็นชามเป็นปกติ..!

    กระผม/อาตมภาพก็ยังสงสารในหลวง เพราะคำว่าราชการ คือกระทำแทนพระราชา แต่ต่อให้พระราชาของเราห่วงใยชาวบ้าน ทุ่มเทพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ลงไปเท่าไร ถ้าหากว่าส่วนล่าง ๆ ไม่ค่อยจะขยับ ก็ยากที่จะช่วยเหลือชาวบ้านให้ทันใจได้ ถ้าบ้านเราไม่มีทหารและกู้ภัย ตลอดจนกระทั่งระยะหลัง ๆ พระสงฆ์ที่ออกมามีบทบาทเป็นอย่างมาก ชาวบ้านก็คงจะอยู่ในสภาพที่อเนจอนาถมากกว่านี้..!

    การที่พระสงฆ์เข้าไปช่วยเหลือ มีไอ้พวกเถรตรงหลายคนบอกว่า "ไม่ใช่กิจของสงฆ์" ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้อธิบายไปตั้งแต่หลายปีที่แล้วว่า เป็นกิจที่พระพุทธเจ้าสั่งให้สงฆ์ทำเลย ก็คือเพื่อประโยชน์ของชนหมู่มาก เพื่อความสุขของชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก แต่ว่าพวก "มือไม่พายเอาปากราน้ำ" ก็มักจะมีบทบาทมาก เพราะว่ามีสื่อโซเชียลเป็นเครื่องมือ แล้วก็จะทำให้คนเข้าใจผิดกันไปเรื่อย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าบุคคลที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่ ใครจะมาช่วยก็ตาม เขาดีใจทั้งสิ้น เพราะว่าไปบรรเทาทุกข์ให้ แล้วโดยเฉพาะถ้าหากว่าเป็นพระภิกษุสามเณร ก็จะอยู่ในลักษณะของสะมะณานัญจะ ทัสสะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง คือ การได้เห็นสมณะถือว่าเป็นอุดมมงคลเป็นอย่างยิ่ง

    เพียงแต่ว่าคณะสงฆ์ของเรานั้น ส่วนหนึ่งก็ทำงานอยู่ในลักษณะ "ปิดทองหลังพระ" เพราะว่าสื่อมวลชนต่าง ๆ ไม่เห็นประโยชน์ว่าจะออกข่าวดี ๆ ไปทำอะไร จนกระทั่งมีสโลแกนว่า "ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีต้องเสียเงิน" พวกเราก็คงต้องปิดทองหลังพระกันต่อไป เพราะคาดว่าอีกไม่นาน ทางเทศบาลตำบลท่าขนุน เทศบาลตำบลทองผาภูมิ และที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ ก็คงจะจัดตั้งกองช่วยเหลือ แล้วก็มาขอเสบียงจากวัดท่าขนุนอีกตามเคย..!

    จะเห็นได้ว่า จากน้ำท่วมภาคเหนือที่ผ่านมา เหมือนกับวัดท่าขนุนของเราไม่ได้มีบทบาทอะไรเลย นอกจากร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือไปเท่านั้น แต่ว่าเสบียงหมดคลังเลย เพราะว่ากลายเป็นบริจาคไปในนามหน่วยงานอื่น

    คราวนี้ญาติโยมทั้งหลายส่วนหนึ่งซึ่งดีแต่ปาก ก็มักจะบอกว่า พระสงฆ์ของเราอยู่ในลักษณะของบ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ภาษีไม่ต้องเสีย เป็นกาฝากสังคม เกาะกินไปวัน ๆ แต่ตอนพระออกมาช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มกำลัง เขาไม่พูดถึง หรือแกล้งหูหนวกตาบอด อยากจะทำก็ทำไป กูมองไม่เห็น แต่ส่วนไหนที่กูเห็น ถ้าเป็นของไม่ดี กูจะพูดถึงทันที..!

    ถ้าแบบนั้นเราก็ควรที่จะเวทนาสงสารเขาเถอะ..! เพราะว่ากำลังใจของบุคคลที่สนใจแต่เรื่องต่ำ เรื่องชั่ว ก็แปลว่ากำลังใจของเขาก็ไม่ได้อยู่ในด้านดี ถ้าลักษณะแบบนี้ตายลงไป โอกาสลงสู่ทุคติมีสูงมาก โดยเฉพาะในเรื่องที่คิด ที่พูด ที่ทำ ในด้านไม่ดี ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะมีโทษหนักเป็นพิเศษ แต่บุคคลเหล่านี้จะตระหนักได้ก็ต่อเมื่อตายไปแล้ว ซึ่งหมดทางแก้ไขไปแล้วทั้งปวง..!

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าเราเห็นบุคคลใดบุคคลหนึ่งคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แทนที่จะโกรธเขา เราก็เวทนาสงสารเขาเถอะ เพราะว่าถ้าโกรธเขา กำลังใจของเราเศร้าหมอง จะกลายเป็นว่าก่อนที่เขาจะลงอบายภูมิ เราก็ชิงกระโดดนำหน้าไปก่อนแล้ว..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    พยายามมองให้เห็นเป็นปกติว่า บุคคลในโลกมีแค่ ๒ ประเภท คือ ประเภทตกอยู่ในกระแสสีดำ ก็มีแต่จะไหลลงต่ำไปเรื่อย ๆ ประเภทที่ตกอยู่ในกระแสสีขาว ก็ตะเกียกตะกายขึ้นสูงไปเรื่อย แต่ว่าทั้ง ๒ กระแสก็ไม่มีที่สิ้นสุด ต้องตะเกียกตะกายแบบนั้น ปีแล้วปีเล่า ชาติแล้วชาติเล่า พบแต่ความทุกข์ไม่รู้จบ ก็คือแม้จะสร้างความดีก็ยังประกอบไปด้วยความทุกข์ บุคคลที่สร้างความชั่ว นอกจากความทุกข์ปกติแล้ว ถึงเวลาถ้าผลกรรมที่ตนเองสร้างมาซ้ำเติม ก็จะทุกข์กว่านั้นอีกหลายเท่า..! จนกว่าที่เราจะตัดกระแสนั้นได้ ก้าวขึ้นสู่ฝั่ง ความปลอดภัยถึงจะเริ่มมีขึ้น

    แต่ก็ไม่ใช่ปลอดภัยทั้งหมด เพราะว่าถ้าเพิ่งแตะฝั่ง ก็ยังต้องเกิดมาลำบากลำบนอีกอย่างน้อย ๗ ชาติ ก้าวไปได้ไกลกว่านั้น ก็เกิดมาทุกข์ยากลำบากอีก ๓ ชาติ ก้าวไกลกว่านั้น อย่างน้อยก็ต้องเกิดมาทุกข์ยากอีก ๑ ชาติ ถ้าสามารถที่จะตัดขาดในเรื่องของราคะ โลภะ โทสะ ได้ ไม่ต้องลงมาเกิด แต่กลายเป็นว่าต้องทนอยู่อีกนาน เนื่องเพราะว่าสุทธาวาสพรหมนั้น อายุนับเป็นหมื่นมหากัป ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เหมือนอย่างกับบุคคลที่ตั้งหน้ารอคอยว่าเมื่อไรจะถึงคิวของตนเองเสียที การที่ต้องรอแล้วรอเล่า จะไม่ทุกข์นั้นไม่มี

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนพวกเราให้ไปถึงทางสิ้นแห่งความทุกข์ทั้งปวง ซึ่งต้องเดินไปบนมรรคมีองค์ ๘ สรุปแล้วเหลือ ปัญญา ศีล สมาธิ ๓ ประการเท่านั้น เราก็ต้องมองเห็นว่า
    ถ้าอยู่ในโลกนี้ก็ต้องประสบแต่ความทุกข์สาหัสแบบนี้ เรายังอยากอยู่อีกหรือไม่ ? เดี๋ยวน้ำท่วมภาคเหนือ เดี๋ยวน้ำท่วมภาคใต้ ประเทศนั้นเจอพายุไต้ฝุ่น ประเทศนี้เจอพายุไซโคลน ประเทศโน้นโดนพายุเฮอริเคน ตอนนี้บางประเทศก็เจอพายุหิมะ ตกลงมาทีหนึ่งหนาเป็นฟุต..!

    ส่วนที่เหลือก็ยังมีศึกมีสงคราม มีความอดอยากยากแค้นเป็นปกติ ซึ่งความอดอยาก ตลอดจนกระทั่งขาดแคลนเสบียงอาหาร หรือว่าเครื่องยังชีพนี้ จะค่อย ๆ ลามมาถึงประเทศของเรา เพราะว่าต่อให้คุณอุดมสมบูรณ์ขนาดไหนก็ตาม ถ้าหากว่าผลิตน้อยกว่าตนเองกินและใช้ ถึงเวลาถ้าคนอื่นช่วยกินช่วยใช้เมื่อไร เราก็จะเดือดร้อนเมื่อนั้น

    ดังที่กระผม/อาตมภาพได้เตือนทุกท่านไปแล้ว ในหลายปีที่ผ่านมาว่า มีที่ดินอยู่ก็ให้พยายามทำเกษตรตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ หรือว่าโคกหนองนาในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ถึงเวลาคนอื่นเขาอดอยากเดือดร้อน เราเองจะได้มีอยู่มีกิน ซึ่งภาษาราชการใช้คำว่า "ความมั่นคงทางอาหาร" เพราะว่าสิ่งที่สิ้นเปลืองที่สุดในโลกก็คืออาหาร
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เนื่องจากว่ามนุษย์เราต้องกินอย่างน้อยวันละ ๒ - ๓ มื้อ ในเรื่องของที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคนั้น สิ้นเปลืองน้อยกว่า ยกเว้นพวกที่ติดตามแฟชั่นอย่างไม่ลืมหูลืมตา เครื่องนุ่งห่มก็อาจจะท่วมบ้านบ้าง แต่ทุกคนก็มีพอที่จะใช้ไปได้อย่างน้อยก็ ๒ - ๓ ปี ยารักษาโรค ซื้อทีหนึ่งก็อยู่ได้ ๓ ปี ๔ ปี ที่อยู่อาศัย ถ้าหากว่ามีก็อยู่กันไปแทบจะตลอดชีวิต..!

    ก็เหลืออยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรที่เราจะมีความมั่นคงทางอาหาร แม้ว่าตอนนี้จะเป็นการขยับตัวช้าหน่อย แต่ถ้าหากว่าเป็นการปลูกพืชอายุสั้นก็สามารถที่จะให้ผลได้ภายในเดือน ๒ เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นแล้วเราค่อย ๆ ขยับพืชอายุที่มากขึ้น เพื่อเป็นหลักประกันของเราไปอีกส่วนหนึ่ง

    แต่ว่าเรื่องพวกนี้ ส่วนใหญ่พูดไปแล้ว พวกเราก็แค่ฟังผ่านหู เพราะรู้สึกว่าถ้าต้องไปทำเองเมื่อไรก็ลำบาก เหน็ดเหนื่อย สู้ซื้อจากร้านสะดวกซื้อไม่ได้ เราแค่คิดแบบตรรกะง่าย ๆ ว่า
    ถ้ามีแต่คนซื้อ แล้วคนขายจะเอาที่ไหนมาขายให้ ?

    จึงเป็นเรื่องที่พวกเราควรที่จะเตรียมการเพื่อรองรับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เอาไว้ล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าญาติโยมเดือดร้อน พระภิกษุสามเณรจะเดือดร้อนมากกว่า หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านใช้คำว่า "ถ้าชาวบ้านอดเมื่อไร พระกับหมาก็ตายก่อน..!"

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...