เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 19 มกราคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,362
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,364
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,362
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,364
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันศุกร์ขึ้น ๙ ค่ำ เดือนยี่ ถ้าท่านใดที่ชำนาญในฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ก็จะรู้ว่าเป็นดิถีพิฆาต ก็คือวันที่ดีเกินไปสำหรับบุคคลทั่วไปจะใช้งาน โดยเฉพาะวันศุกร์ ขึ้นหรือแรม ๙ ค่ำ วันเสาร์ ขึ้นหรือแรม ๘ ค่ำ ที่โบราณเรียกว่าอัฏฐเสาร์ นวศุกร์ ปกติแล้วก็ใช้เป็นฤกษ์สร้างโบสถ์เท่านั้น

    แต่คราวนี้ที่กระผม/อาตมภาพกำหนดให้เป็นวันบวงสรวง เพื่อขออนุญาตเข้าไปอยู่และบูรณปฏิสังขรณ์สำนักสงฆ์ถ้ำโป่งช้าง ให้กับเลขาฯ บอส (พระสมุห์ณัฐพสิษฐ์ ปญฺญาคโม) ก็เพราะพิจารณาแล้วว่าเป็นเรื่องของวัด ไม่ใช่เรื่องของชาวบ้านทั่วไป

    เรื่องของฤกษ์ยามนั้น โดยปกติแล้ว กระผม/อาตมภาพมักจะถือฤกษ์สะดวก แล้วจากการที่ศึกษาตำราโหราศาสตร์ต่าง ๆ มา ฤกษ์พรหมประสิทธิ์นี้ถือว่าเป็นฤกษ์ที่สะดวกที่สุด เนื่องเพราะว่าใช้ได้ตั้งแต่อรุณขึ้นจนตะวันตกดิน ไม่โดนจำกัดด้วยฤกษ์ผานาทีต่าง ๆ แม้แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านก็บอกเอาไว้ว่า "ถ้าฤกษ์อื่นบอกว่าไม่ดี แล้วตรงกับฤกษ์ดีในฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ให้ใช้ตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์เท่านั้น"

    เรื่องของฤกษ์ยามนั้นเป็นเรื่องของบุคคลที่ไม่ประมาท เพราะว่าฤกษ์ยาม เปรียบไปแล้วก็เหมือนกับการข้ามถนน ถ้าเราข้ามตอนปลอดรถยนต์ ก็แปลว่าปลอดภัยแน่นอน แต่ว่าคนเก่ง ๆ ก็สามารถข้ามตอนรถมาก ๆ ได้ เพียงแต่ว่าถ้าพลาด ก็อาจจะถึงกับบาดเจ็บล้มตายไปเลย..!

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าไม่เป็นการลำบากมากนัก พวกเราก็ดูฤกษ์เสียหน่อย เอาใจญาติโยมทั่วไป ถ้าเขาอยากจะรู้ว่าฤกษ์นี้ดีอย่างไร จะได้บอกกับเขาได้ สร้างความมั่นใจให้กับญาติโยมมากขึ้น เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วญาติโยมก็มักจะติดฤกษ์ติดยามกัน ถึงขนาดที่หลายคนจะออกจากบ้าน ยังตรวจสอบลมสูรยกาลา - จันทรกาลา ดูว่าจมูกไหนหายใจคล่องตัวกว่า ก็ก้าวเท้านั้นออกจากบ้านก่อน เป็นต้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,362
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,364
    คราวนี้ในส่วนของฤกษ์พรหมประสิทธิ์นั้น บางทีพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านก็ใช้คำว่าฤกษ์มหาเศรษฐี เนื่องเพราะว่าจากที่สมัยนั้นท่านไปเทศน์ มีอยู่ปีหนึ่งผ่านไปทางอ่างทอง มีเพิงมุงจากเล็ก ๆ อยู่เพิงหนึ่ง ทอดกล้วยแขกขายอยู่ ปรากฏว่าปีถัดไป ผ่านไปเทศน์ทางด้านนั้นอีกครั้ง เพิงมุงจากที่เคยแวะไปขอน้ำเขาฉัน กลายเป็นตึกแถวสองคูหา พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็สงสัยมากว่า ทอดกล้วยแขกขายอย่างเดียว ถึงขนาดสร้างตึกได้เลยหรือ ? จึงเข้าไปสอบถามเจ้าของร้าน เขาบอกว่าได้ฤกษ์ดีมาจากหลวงพ่อที่วัด ท่านบอกว่าเป็นฤกษ์เศรษฐี ทำอะไรก็รวยไปหมด

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจึงตามไปถึงที่วัด แต่ปรากฏว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านค้นตำรามาให้ดู เป็นใบลานแค่แผ่นเดียว มีฤกษ์ด้านหน้า ๑ วัน ด้านหลัง ๑ วัน อีก ๕ วันไปเดากันเอง ท่านบอกว่า "ผมก็ได้มาแค่นี้แหละ" เป็นตำราตกทอดมาแต่โบราณ หลวงพ่อท่านจึงจดรายละเอียดฤกษ์ทั้ง ๒ วันนั้น แล้วไปหอสมุดแห่งชาติ ค้นคว้าจนกระทั่งได้ฤกษ์พรหมประสิทธิ์นั้นมาครบถ้วน

    แต่คราวนี้ด้วยความที่เวลาคนไปขอฤกษ์ แล้วหลวงพ่อท่านก็ให้วันโน้นบ้าง วันนี้บ้าง แม้กระทั่งหลังจากที่กระผม/อาตมภาพศึกษาฤกษ์พรหมประสิทธิ์จนปรุโปร่งแล้ว ก็เจอว่ามีโยมท่านหนึ่งไปขอฤกษ์ แล้วหลวงพ่อท่านให้ฤกษ์สมตนไป ก็คือฤกษ์พรหมประสิทธิ์นั้นจะมีฤกษ์ที่ดี ก็คือ สิทธิโชค มหาสิทธิโชค อมฤตโชค แต่ว่าบุคคลนั้นได้แค่ฤกษ์สมตน ก็คือเสมอตัวไป

    กระผม/อาตมภาพคิดว่าหลวงพ่อท่านดูผิด จึงเข้าไปทักท้วงท่าน พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า "เจ้านั่นมันมีบุญแค่นั้น ถ้าให้ฤกษ์ไปเกินบุญ เดี๋ยวมันจะเดือดร้อน" กระผม/อาตมภาพกราบเรียนถามว่าเดือดร้อนอย่างไรครับ ? ท่านบอกว่า "ถ้าคนมีกำลังแบกข้าวสารได้แค่ ๑ ถัง แล้วแกโยนข้าวสารไปให้กระสอบละ ๑๐๐ กิโลกรัม มันจะรับไหวไหม ?"

    กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะเข้าใจเดี๋ยวนั้นเอง แสดงว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจะต้องเป็นบุคคลที่ชำนาญในยถากัมมุตาญาณและในจุตูปปาตญาณอย่างยิ่ง จึงจะทราบรายละเอียดถึงระดับนั้นได้
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,362
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,364
    แต่คราวนี้ฤกษ์พรหมประสิทธิ์ในระยะแรกนั้น ทางวัดท่าซุงใช้ตามที่รวบรวมจากบุคคลนั้นบ้าง บุคคลนี้บ้าง มีวันละ ๒ ฤกษ์บ้าง ฤกษ์เดียวบ้าง ๓ ฤกษ์บ้าง กระผม/อาตมภาพก็เป็นคนขี้สงสัยอีก เนื่องเพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้บอกไว้ว่า ฤกษ์วันเสาร์ขึ้น-แรม ๕ ค่ำ เหมาะสำหรับใช้พุทธาภิเษกอย่างเดียว ไม่ควรทำการมงคลอื่น ๆ ด้วย

    การที่ก่อนหน้านั้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกฤกษ์เกี่ยวกับวันลาภ - วันชัย ของหลวงปู่ปานให้ไว้ เมื่อเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว ฤกษ์ของท่านมีเฉพาะวันเสาร์ขึ้น-แรม ๕ ค่ำเท่านั้น แล้วถ้าบุคคลที่วันลาภ - วันชัยเขาตรงกับวันเสาร์ แล้วจะใช้ฤกษ์ได้อย่างไร ?

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านค้นได้ กระผม/อาตมภาพก็ต้องค้นได้ จึงไปค้นสารพัดตำรามา จนกระทั่งได้ฤกษ์พรหมประสิทธิ์มาครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ปรากฏว่าในระยะแรกนั้น โดนทางวัดท่าซุง "แอนตี้" หาว่าทำอะไรเกินครูบาอาจารย์..!

    แต่กระผม/อาตมภาพไม่ได้ใส่ใจ ใครมาถามก็อธิบายให้ฟัง ใครไม่ถามก็เรื่องของมัน ถ้าสวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูจะตะกายมาก็ตามใจ..! แต่ปรากฏว่าพอระยะหลังแพร่หลายออกไป เริ่มมีคนเห็นดีเห็นงามด้วย ก็เลยมีการช่วยกันเผยแพร่ ทำให้ตำราการใช้ฤกษ์พรหมประสิทธิ์ที่สมบูรณ์ค่อยแพร่กระจายออกไป

    เรื่องของการเคารพในครูบาอาจารย์นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่เราก็ต้องดูด้วยว่าบางสิ่งบางอย่างนั้น เราสามารถที่จะปรับให้ดีขึ้นกว่านั้นหรือไม่ ? หรือว่าบางสิ่งบางอย่าง ถึงท่านจะบอกไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แล้วเราสามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้หรือไม่ ? ในยุคสมัยแรก ๆ ของการทำหนังสือที่วัดท่าซุง ถ้าท่านทั้งหลายเจอการถอดเทปจากเสียงในสมัยนั้น ก็คงต้องใช้ภาษาวัยรุ่นสมัยนี้ว่า "หัวจะปวด..!"

    เนื่องเพราะว่าด้วยความเคารพในต้นฉบับ ชนิดไม่กล้าแก้ไขอะไรเลย การถอดเสียงเป็นตัวอักษร จึงมีทั้งเสียงกระแอมกระไอ เสียงสั่งขี้มูก ใส่ลงไปหมด..! ถ้ากระผม/อาตมภาพมีหน้าที่ทำหนังสือในตอนนั้น ก็คงด่ากระจายไปแล้ว หลายต่อหลายคนก็เป็นประเภท "เถรตรง" ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำไปนั้น สามารถที่จะพลิกแพลงแก้ไขให้ดีขึ้นได้ บางอย่างพูดผิด ข้อมูลผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ เราช่วยแก้ไขให้ถูกไปเลยก็ได้

    เนื่องเพราะว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านป่วยเป็นปกติ บางวันไข้ขึ้นจนมึนไปหมด ท่านก็ยังอุตส่าห์เมตตามาบันทึกเสียงให้ ในเมื่อสมองมีแต่มาลาเรีย การจดจำอะไรก็มีการผิดเพี้ยนบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าเรามั่นใจว่าที่ถูกต้องตามพระไตรปิฎก หรือว่าที่ถูกต้องตามตำราเป็นอย่างไร เราก็แก้ไปเลย ไม่ใช่เสียงกระแอมกระไอ เสียงสั่งน้ำมูก ก็ลงมาจนหมด ยังดีที่ไม่มีเสียงตดมาด้วย..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,362
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,364
    ท่านทั้งหลายต้องพึงสังวรว่า ในเรื่องของความเคารพครูบาอาจารย์นั้น บางอย่างเราก็ต้องช่วยกันรักษาภาพพจน์ของครูบาอาจารย์ไปด้วย ในเมื่อท่านบอกกล่าวมาไม่ครบ เราเห็นว่าถ้าเติมให้ครบแล้วมีประโยชน์มากกว่า ก็ใส่ลงไปได้เลย หรือว่าบอกกล่าวผิดพลาดอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือว่าชื่อคน เราก็แก้ไขได้เลย ไม่ใช่มาอย่างไรก็ไปทั้งดุ้น..! แล้วก็ไปสร้างเวรสร้างกรรมให้กับคนอื่น ถึงเวลาเขาอ่านพบ ก็จะกล่าวหาว่า "หลวงพ่อท่านนั้น หลวงปู่ท่านนี้ไม่ได้เรื่อง แค่นี้ก็บอกผิด ตั้งใจโกหกหรือเปล่า ?" ก็จะกลายเป็นการสร้างกรรมให้กับคนอื่นหนักขึ้นไปอีก

    แล้วโดยเฉพาะพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ นั้น ท่านเป็นผู้ที่อยากรู้อยากเห็น ชอบค้นคว้าเป็นอย่างยิ่ง ท่านที่ฟังเสียงตามสายอยู่ก็จะได้ยินว่า ตอนเรียนนักธรรมนั้น คนอื่นถือตำราแค่ ๓ - ๔ เล่ม แต่ของท่านบอกว่าแบก ๒ รอบแล้วยังไม่หมดเลย..! เพราะว่าถ้าตำราอ้างอิงถึงหนังสือเล่มไหน ท่านก็จะไปค้นเอามาอ่านด้วย

    ในเมื่อท่านเองเป็นบุคคลที่นิยมการค้นคว้า กระผม/อาตมภาพซึ่งอยากได้ความรู้ที่สมบูรณ์ก็ต้องค้นคว้าไปด้วย แล้วถ้าทำแบบนั้น ก็ต้องไม่ไปใส่ใจใน "เสียงนกเสียงกา" เนื่องเพราะว่าบุคคลทั้งหลายเหล่านั้น นอกจากจะหาความก้าวหน้าไม่ได้แล้ว ยังแส่หาความเดือดร้อนใส่ตัวอีกต่างหาก แต่พอมีสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น ดีไม่ดีก็อมไปเป็นความดีของตนเอง ไม่เคยให้เครดิตเลยว่ากระผม/อาตมภาพเป็นผู้ที่ค้นคว้ามาจนครบถ้วนอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน

    แต่ว่าเรื่องพวกนี้ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ใส่ใจ เพียงแต่ว่าบอกกล่าวให้ท่านทั้งหลายได้ทราบเอาไว้ ว่าวันนี้ที่ใช้ฤกษ์ดิถีพิฆาตไป ก็เพราะว่าเป็นสำนักสงฆ์หรือว่าเป็นวัดนั่นเอง ไม่ได้มีผลร้ายเหมือนอย่างกับบรรดาญาติโยมที่เอาไปใช้กับบ้าน แล้วอีกอย่างหนึ่ง ตัวเจ้าสำนักก็รับไหวอยู่แล้ว ข้าวสารแค่ ๑๐๐ กิโลกรัม ไม่ได้หนักเกินไปสำหรับท่าน..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๑๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...