พระดี พิธีใหญ่ รับประกันแท้ทุกรายการ!!! เชิญชม บูชา ในกระทู้ได้เลยครับ"

2398.สมเด็จเกศมงคลรุ่น2 หลวงพ่อไพฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร กทม. ปิดรายการครับ

​

จัดสร้างและพุทธาภิเษก ในวันเสาร์5 ปีพ.ศ. 2512 มวลสารที่ใช้ในการจัดสร้างใช้ผงวิเศษชุดเดิมจากการสร้างพระเกศมงคลรุ่น1 เมื่อปี พ.ศ.2485 โดยผงวิเศษดังกล่าว เป็นผงจากเศษพระกรุพระผงสุพรรณกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี , ผงวิเศษจาก ท่านสมเด็จพุฒาจารย์นวม วัดอนงค์ทำเองและรวบรวมจากพระเกจิสมัยนั้นหลายองค์ รวมทั้งหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่าด้วย โดยสมเด็จพุฒาจารย์นวม ได้บอกให้หลวงพ่อฑูรย์นำผงดังกล่าวไปสร้างพระ พระอาจารย์ไพฑูรย์ ได้ไปหาพระอาจารย์ที่มีคุณวิเศษในสมัยนั้น อาทิ เช่น หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ อาตมาภาพ เห็นว่าท่านเป็นคนจังหวัด (สุพรรณบุรี) เดียวกัน ก็ไปขอว่า ขออิทธิเจผมสักกระดาน จะเอาไปทำพระ ซึ่งในที่สุด ท่านได้รวบรวมมวลสารต่างๆ มาได้ เป็นจำนวนมาก ท่านได้เริ่มพิมพ์พระ ในปี 2485 จนถึงปี 2497 จึงเริ่มแจก พระผงเกศมงคล(ผสมผงพระเกศาของสมเด็จพุฒาจารย์นวม) ซึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมมาก
ต่อมาผงวิเศษทั้งหมดที่ได้จัดสร้างพระเกศ มงคลรุ่น1นี้ ถูกนำมาจัดสร้างอีกวาระหนึ่งในปี 2512 มีพระผงบูชา 4นิ้ว และ พระเครื่องทั้งหมด 4พิมพ์คือ
1. พิมพ์สมเด็จหลังยันต์สาริกา (หลังยันต์จม)
2. สมเด็จแจวเรือจ้าง
3. พิมพ์หลวงพ่อโต
4. พิมพ์สามเหลี่ยมแบบผงสุพรรณ (ท่านเป็นชาวสุพรรณ )
การปลุกเสกมีพระเกจิที่หลวงพ่อฑูรย์รักใคร่สนิทสนม ได้หมุนเวียนมาปลุกเสกเดี่ยว ดังนี้
1. ลป โตีะ วัดประดู่ฉิมพลี
2. ลพ เส่ง วัดกัลยาฯ
3. ลพ สา วัดราชนัดดา
4. ลพ ถิร วัดป่าเลไลย์
หลวง พ่อไพฑูรย์หรือ หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร กทม. ท่านเป็นศิษย์ใกล้ชิด ของสมเด็จพุฒาจารย์(นวม) วัดอนงค์ ท่านเป็นพระเถระที่ทรงกิตติคุณและเรืองไปด้วยพระเวทวิทยาคมท่านหนึ่ง ท่านเป็นสหายธรรมกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ซึ่งงานพุทธาภิเศกพระเครื่องของท่านส่วนใหญ่หลวงปู่โต๊ะจะมาช่วยปลุกเสกด้วย และหลวงพ่อฑูรย์ท่านได้รับนิมนต์ไปงานพิธีพุทธาภิเศกสำคัญๆอยู่เสมอ พระผง หลวงพ่อฑูรย์ ทั้งสองรุ่น มีเจตนาสร้างดี เป็นพระเครื่องที่มีประสบการณ์ เป็นที่ทราบโดยทั่วไป ทั้งทางด้านค้าขาย เมตตามหานิยมและ แคล้วคลาด สามารถบูชา ขึ้นคอได้ โดยสนิทใจ "

 

สวัสดียามเช้าครับ

 

2399.พระผงรุ่นแรก เนื้อผงน้ำมัน พิมพ์ขาโต๊ะ หลวงพ่อสมุห์ดำ วัดเสาธงทอง ให้บูชา 799 บาท บรรจุผงมหาเบา ของหลวงพ่อพระมหาทิม ผงเก่าหลวงพ่อเนียม ผงหลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู ผงหลวงปู่คำมี วัดคูหาสวรรค์

​

พระสมเด็จ พิมพ์ขาโต๊ะ หลวงพ่อสมุห์ดำ วัดเสาธงทอง จ.ลพบุรี
ผสมผงมหาเบา ของหลวงพ่อพระมหาทิม (กลับร้ายกลายเป็นดี) ผงเก่าหลวงพ่อเนียม ผงหลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู ผงหลวงปู่คำมี วัดคูหาสวรรค์ เรื่องร้ายมาถึงจะจางหาย ทุกข์ใหญ่จะเล็กน้อย ภยันตรายจะหายสิ้น ลูกศิษย์ท่านในปัจจุบันคือ หลวงพ่อติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์

 

2400.เหรียญยืนหลังพระปิดตา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ปี ๒๕๑๙ ให้บูชา 999 บาท

​

ห้วงนั้น..
เพียงไม่นานภายหลังจากหลวงปู่ฝั้นมรณภาพไปแล้วในตอนต้นปี ๒๕๒๐
วันหนึ่งของปีนั้น เฮียแว่น อุดรฯ(บุญบันลือ แซ่ลือ)ได้กรุณาชี้นำให้ทราบว่ามีเหรียญดีที่หลวงปู่ฝั้นเสกนานเป็นปีที่คนมองข้ามอยู่รุ่นหนึ่ง เพราะเหตุว่าผู้สร้างไปขอรับกลับคืนจากทางวัดภายหลังจากหลวงปู่ฝั้นมรณภาพไปแล้ว คนทั้งหลายจึงเข้าใจผิดว่าเหรียญรุ่นนั้นไม่ทันหลวงปู่ฝั้น
ต่อมาได้พบกับ คุณมานิต ลิ้มเลิศวนิช ซึ่งได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า เหรียญยืนหลังพระปิดตารุ่นนี้ คุณมานิตเป็นคนเอาไปฝากหลวงปู่ฝั้นเสกด้วยตนเอง และเหรียญก็ได้อยู่กับหลวงปู่ฝั้นนานป็นเดือนเป็นปีจริง
ในระหว่างที่เหรียญยังอยู่กับหลวงปู่ฝั้น เพื่อนฝูงหลายคนได้บอกคุณมานิตว่าไปขอรับเอากลับมาแจกสักทีเถอะ แต่คุณมานิตกลับบอกว่า จะรีบร้อนไปทำไม ยิ่งอยู่กับหลวงปู่ฝั้นนานเท่าใดก็ยิ่งดี

คุณมานิต ลิ้มเลิศวนิช อดีตผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สาขาอุดรธานี เป็นศิษย์ใกล้ชิดระดับก้นกุฏิอีกคนหนึ่งของหลวงปู่ฝั้น
สมัยเด็กๆบ้านของคุณมานิตนั้นแทบจะเรียกว่าอยู่ข้างวัดของหลวงปู่ฝั้น ทุกเช้าก่อนจะไปเรียนหนังสือ ต้องรอใส่บาตรหลวงปู่ฝั้นเสียก่อน
เพื่อนของผมคนหนึ่งรู้จักมักจี่กับคุณมานิตพอสมควร ได้เล่าว่าคุณมานิตเคยช่วยหลวงปู่ฝั้นสร้างพระเนื้อตะกั่ว ปี ๒๔๙๖ ซึ่งพระเนื้อตะกั่วรุ่นนั้นคุณมานิตแขวนติดตัวตลอดมา
ระหว่างที่เหรียญยืนหลังพระปิดตาอยู่กับหลวงปู่นานเป็นเดือนเป็นปีนั้น มีเหรียญอีกหลายรุ่นที่สร้างภายในปีเดียวทะยอยกันเข้ามาขอรับการเสก ผู้สร้างต่างทะยอยรับกลับคืนไปก่อนหลวงปู่ฝั้นมรณภาพ เหรียญเหล่านั้นได้เข้าอยู่ในทำเนียบพระหลวงปู่ฝั้นทั้งหมด รวมทั้งรุ่น ๒๐๐ นัด (สนธิ ลิ้มทองกุล) ซึ่งสร้างขึ้นตอนปลายปี ๒๕๑๙ แต่ลงปีสร้างไว้ในเหรียญว่า ๒๕๒๐ ก็ถูกบันทึกไว้ในทำเนียบด้วยเช่นกัน
เพื่อนของผมได้เล่าให้ฟังว่า เหรียญรุ่น ๒๐๐ นัด ที่คุณ สนธิ ลิ้มทองกุล แขวนในคอร่วมกับพระอื่นๆขณะถูกลอบยิงนั้น คุณอาคม ทันนิเทศ สร้างขึ้นในนามสถานีวิทยุ ๐๑ บางซื่อ
ขณะนั้นหลวงปู่ฝั้นกำลังอาพาธ ท่านให้เอาเหรียญทั้งหมดไปไว้ในโบสถ์
ในเวลาเดียวกัน หลวงปู่ชอบ ฐานสโม มานอนเฝ้าไข้หลวงปู่ฝั้นอยู่ในโบสถ์พอดี ตกเย็นหลวงปู่ฝั้นจะขึ้นมาบนโบสถ์สนทนากับหลวงปู่ชอบและเสกเหรียญรุ่น ๒๐๐ นัดด้วยกัน
บรรดาเหรียญหลวงปู่ฝั้นที่สร้างภายในปี ๒๕๑๙ ไม่มีเหรียญรุ่นใดเลยจะอยู่กับหลวงปู่ฝั้นนานกว่าเหรียญยืนหลังพระปิดตารุ่นนี้ เหรียญเหล่านั้นยังสามารถแผ่อานุภาพจนก่อเกิดอภินิหารประสพการณ์ลือลั่น

หลวงปู่ฝั้นเคยบอก ๒ เรื่อง
๑/ ผีหลอก : ให้แยกธาตุผี ออกเป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ผีก็ไม่มี เมื่อผีไม่มีก็ไม่กลัวผี
๒ / เหรียญพระรุ่นไหนดี : รุ่นสุดท้ายย่อมดีกว่ารุ่นแรก เพราะว่าพรรษาผู้เสกแก่กล้าและมีความเชี่ยวชาญชำนาญอย่างยิ่งแล้ว

 

2401.พระเนื้อดินสามเหลี่ยมพิมพ์ใหญ่ (หายาก) หรือเรียกว่า “พระอม” หลวงพ่อหอม วัดบางเตยกลาง ปทุมธานี ปี 2484 ให้บูชา 599 บาท

​

หลวงพ่อหอม วัดบางเตยกลาง จ.ปทุมธานี ศิษย์เอก ลพ.ช่วง วัดเชิงท่า เจ้าตำรับพระอมแห่งเมื่องปทุม ท่านสร้างไว้เมื่อปี 2484 ช่วงประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ โดย เจตนาการสร้าง เนื่องจากศิษย์และชาวบ้านแถบย่านจ.ปทุมธานี ได้มาขอให้วัตถุมงคลไว้คุ้มครองจากภัยสงคราม ท่านจึงตัดสินใจสร้างขึ้นเพื่อแจกญาติโยม

ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อหอม รามธมฺโม
วัดบางเตยกลาง (เปิ้ง)
ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

ปฏิปทากิตติคุณศีลวัตร "พระครูธีรานุวัตร" หรือ "หลวงพ่อหอม รามธมฺโม" พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดบางเตยกลาง (เปิ้ง) ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี หนึ่งในพระปฏิบัติดีรูปหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี

"หลวงพ่อหอม" นามเดิม เปรื่อง นามสกุล ศีลปี แต่ชาวบ้านตำบลบางเตย นิยมเรียกท่านว่า "หอม" เกิดที่ตำบลบางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี บิดาชื่อ แปลก ศีลปี เป็นชาวฝั่งธนบุรี แถวสามแยกไฟฉายตรงข้ามวัดรวก มารดาชื่อ เปลื้อง (ใจทน) เป็นชาวไทยเชื้อสายมอญ ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

หลวงพ่อท่านเป็นบุตรโทน อาชีพทำนาและค้าขาย เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2459 ในวัยเด็กหลวงพ่อหอมเรียนหนังสือไทย ที่โรงเรียนวัดจันทร์กะพ้อ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จนจบ ม.1 ปัจจุบันเรียกว่า ชั้น ป.5 แล้วลาออกไม่ได้เรียนต่ออีก พอโตวัยหนุ่มได้ช่วยบิดามารดาค้าขาย

จนมีอายุครบ 21 ปี จึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดไผ่ล้อม ต.บ้านงิ้ว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี โดยมี พระอธิการจ่าง เกสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการเจริญ ญาติวังโส อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมลำดับต่อมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการช่วง อดีตเจ้าอาวาสวัดเชิงท่า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "รามธมฺโม"

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2481 ได้จำพรรษาอยู่วัดไผ่ล้อม เรียนพระปริยัติธรรมกับพระอุปัชฌาย์อาจารย์ จนสอบได้นักธรรม หลวงพ่อหอมมีความสนใจในด้านทำพระเครื่องมาก จึงเรียนวิชาทำพระเครื่องทำตะกรุดและวัตถุมงคลต่างๆ ทุกชนิด เรียนกับอาจารย์มาตลอด ท่านจำพรรษาอยู่วัดไผ่ล้อม 5 พรรษา พอดีเจ้าอาวาสวัดบางเตยกลางว่างลง ท่านเจ้าคุณพระปทุมวรนายก เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในขณะนั้น และญาติโยมที่วัดบางเตยกลางได้ไปนิมนต์ท่านให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางเตยกลาง เมื่อปี พ.ศ.2486 ขณะนั้นหลวงพ่อมีอายุ 27 พรรษา 6

วัดบางเตยกลาง (วัดเปิ้ง) ตั้งอยู่ใจกลางอำเภอสามโคก วัดกับที่ทำการอำเภอสามโคกห่างกันประมาณ 200 เมตร ถนนเดียวกันคือ ปทุม-สามโคก-เสนาอยุธยา วัดอยู่ติดถนน ชุมชนส่วนมากจะเป็นคนไทยเชื้อสายมอญ (รามัญ)

วัดบางเตยกลางเดิมชื่อว่า "วัดแค" สร้างเมื่อปี พ.ศ.2330 ในสมัยรัชกาลที่ 1 ต่อมาชาวมอญอพยพหนีสงครามมาพึ่งโพธิสมภารอยู่กับคนไทยที่เมืองสามโคก วัดนี้จึงมีสภาพเป็นวัดมอญแปลง และชาวบ้านคนไทยเชื่อสายมอญชอบเรียกว่า "วัดเปิ้ง"

ต่อมาพระยาอำภัยมหัยสวรรค์กลับจากรบกับเงี้ยว ได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดลิ้มกลีบอำภัยมหัยสวรรค์" (ลิ้มกลีบเป็นภรรยาพระยาอำภัยมหัยสวรรค์) ต่อมามีการเปลี่ยนชื่ออีกเป็น "วัดบางเตยกลาง" จนถึงปัจจุบัน แต่ชาวบ้านยังเรียกติดปากว่า "วัดเปิ้ง" อยู่บ้าง

หลังจากได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางเตยกลาง แล้วท่านได้เริ่มบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมมากในขณะนั้น โดยสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ หอระฆัง และสร้างอุโบสถหลังใหม่หมด

หลวงพ่อหอมเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมากองค์หนึ่ง ท่านนิยมสร้างพระเครื่องมาก มีทั้งพระสมเด็จ พระอม ตะกรุด เหรียญและพระพิมพ์ต่างๆ มากมาย ปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงพ่อหอมได้รับความนิยมอย่างมาก โดยท่านปฏิบัติอยู่ในศีลเคร่งครัดมาก จนชาวบ้านนับถือมาก
ท่านดูแลวัดวาอารามสั่งสอนลูกศิษย์และญาติโยมให้เป็นคนดีมาตลอดไม่เคยขาดตกบกพร่อง ท่านจะสอนทั้งพระเณรลูกศิษย์ ญาติโยมทุกคนเสมอภาพกันหมด แต่ชาวบ้านกลัวท่านมาก เพราะท่านจะดุ สอนให้เป็นคนดีทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่เคยกลัวใครว่าท่านเลย ท่านเคยพูดว่า "ทำให้เขาไปสวรรค์" สอนสิ่งที่ถูกต้องจนชาวบ้านนับถือท่านมาก เพราะท่านมีเมตตากับทุกคน จึงสอนให้ลูกศิษย์ญาติโยมเป็นคนดีโดยไม่นิ่งเฉย สอนอยู่เสมอมาจนถึงปัจจุบันนี้

ชาวบ้านนิยมนำพระเครื่องและวัตถุมงคลทุกอย่างของหลวงพ่อหอมติดตัวตลอดเวลา ท่านได้ทำพระเครื่องวัตถุมงคลยมีพุทธคุณสูงมาก ท่านจะลงคาถาที่ท่านได้เรียนจากอาจารย์มาโดยใช้พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ส่วนมากแล้วกำกับด้วย คาถา อักขระขอมว่า กัม กะ ระ นัง ทุกอย่าง กัม กะ ระ นัง นี้คือ การกระทำของตัวเราเองทำอย่างไรได้อย่างนั้น

เคยมีคนถามหลวงพ่อหอมว่า "วัตถุมงคลของหลวงพ่อใช้ในด้านไหนเมตตาหรือคงกระพัน"
หลวงพ่อหอมบอกว่า "อธิษฐานเอาเองใช้ได้ทุกอย่าง แต่ถ้าเราขาดการนึกถึง คุณบิดา คุณมารดา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็เหมือนเราแขวนดิน" เพราะฉะนั้น หลวงพ่อหอมจะบอกให้นึกถึงและปฏิบัติต่อบิดา มารดา เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้ดีชีวิตก็ดีขึ้นเจริญขึ้น

 

2402.พระสมเด็จ ๙ เกศา พระสุปฏิปันโน รุ่นพิเศษ(แจกกรรมการ)สุดยอดของหายาก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ แผ่เมตตาอธิษฐานจิตให้ถึง ๓ ปีเต็ม เมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๑ ปิดรายการครับ

​

จัดสร้างที่วัดใหม่บ้านตาล จ.สกลนคร เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๑
(หลวงปู่แหวน สุจิณโณ อธิษฐานจิต ๓ ปี)
สมัยที่หลวงปู่คำบ่อท่านมาสร้างวัดใหม่ที่สกลนคร จึงได้จัดสร้างพระชุดนี้ขึ้นเพื่อมอบให้กับ คณะกรรมการจัดสร้างวัด
มวลสารในการจัดสร้าง
- ผงว่าน๑๐๘ ชนิด
- ทองคำเปลวปิดพระพุทธรูปทั่วประเทศ
- ผงท่านเจ้าคุณนร
- ดินตรัสรู้จากประเทศอินเดีย
- ผงพุทธคุณ ๑๐๘ ชนิด
ผสมเกศา๙อรหันต์
- เกศาหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต (พ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่)
- เกศาหลวงปู่ฝั้น อาจาโร
- เกศาหลวงปู่พรหม จิรปุญโญ
- เกศาหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม
- เกศาหลวงปู่ขาว อนาลโย
- เกศาหลวงปู่วัน อุตตโม
- เกศาหลวงปู่หลุย จันทสาโร
- เกศาท่านพ่อลี ธัมมธโร
- เกศาหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
- พระธาตุ ขี้เหล็กไหล สะเก็ดดาว พระขันธ์ทองคำ

** สำคัญสุด หลวงปู่แหวน สุจิณโณ แผ่เมตตาอธิษฐานจิตให้ถึง ๓ ปีเต็ม
หลวงพ่อคำบ่อ ได้ปฏิบัติดูแลท่านมาถึง ๕ ปี จึงได้มาสร้างวัดที่สกลนคร และได้สร้างพระสมเด็จรุ่นพิเศษนี้ขึ้น..เพื่อให้ผู้ที่เป็นกรรมการได้กราบไหว้บูชา

 

ขอจองครับ

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณมากครับ

 

สวัสดียามเช้าครับ

 

2403.สมเด็จพุทธกวัก หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม บ้านแค ชัยนาท ปี 39 ปิดรายการครับ

​

พระชุดนี้ พระเเละฆราวาส ตำผงกันเอง กดพิมพ์ที่วัด ใส่มวลสารเก่าๆของหลวงพ่อลงไปด้วย จัดพิธีปลุกเสกใหญ่มาก เกจิเก่งๆยุคนั้นมากันหลายท่าน ศิษย์หลวงพ่อ ตาสอน สมัยที่มาเฝ้าศาลาหลวงพ่อ วันหนึ่งไม่สบายนอนหลับ หลวงพ่อไปบอกที่หูว่า (ของที่พวกมึงทำ ของดีๆทั้งนั้น ทำไม่เอาไปใช้กัน) ตาสอนเลยไปหาพระรุ่นนี่มาคล้องคอเลยครับ พระรุ่นนี้ มีคนเช่าไปเเล้ววันนึงกลับมาเช่าอีกเป็นร้อยองค์ ทางวัดถาม เเกบอกว่า วันหนึ่งคล้องพระรุ่นนี้ที่เช่าไปจากวัด ทำปืนลั่นใส่ตัวเอง มีเเต่เสียงเเชะ ก็เลยศรัทธาพระรุ่นนี้มากครับ วันที่ทำพิธีปลุกเสกพระรุ่นนี้ที่โบสถ์ของวัดบ้านเเค หลวงพ่อพร้าเล่าให้ฟังว่า ขณะปลุกเสก ท่านได้อธิษฐานจิต เชิญหลวงพ่อกวยมาร่วมปลุกเสกด้วย ท่านมองไปที่สายสิญ ซึ่งโยงมาจากโลงเเก้วของหลวงพ่อที่ศาลาหลังเก่า ท่านเห็นเเสงสีเขียววิ่งมาตามสายสิญ เข้าสู่กองวัตถุมงคล

 

2404. สุดยอดเคล็ดวิชา หนีบทรัพย์ โชคลาภ พระผงปูหนีบทรัพย์รุ่นแรก หลวงปู่จักร วัดเขารังไก่ โรยแร่ดูดทรัพย์ว่านเถาวัลย์หลง ปิดรายการครับ

​

พระผงปูหนีบทรัพย์ ตำนานว่า “ ปูจะชูก้ามอยู่เสมอ คอยหนีบจับอะไร อะไรได้ทุกอย่างพอหนีบแล้วธรรมชาติของปูจะไม่ปล่อยให้หลุดไป ท่านสังเกตเวลาปูเดินบ้างไหม ปูจะเดินเก ๆ ไม่ตรงแสดงถึงไม่ชนไม่ปะทะกับอะไรทั้งหมด จะรู้หลบรู้หลีกปัญหาอุปสรรคทุกชนิด ปู 8 ขากอบโกยเงินทองโชคลาภได้อย่างสบาย ”
หลวง ปู่จักร วัดถ้ำเขารังไก่ พระผง ปูหนีบทรัพย์ เนื้อว่าน โรย กิ่งเถาวัลย์หลง เริ่มต้น ท่านให้ไปหาดิน ขุยปู ที่ขุดตอนน้ำขึ้น ซึ่งหายากมากเพราะปกติ ปูจะ ขุด ดินตอนน้ำลงเท่านั้น ดินขุยปูนี้จึงผิดธรรมชาติ ท่านบอกว่าเป็น เคล็ดว่า ผืนลิขิตฟ้าดิน หรือฝืน เวรกรรมได้ ยอดไม้รูนอนทั้ง 9 เช่น มัยลาภ ก้ามปู กระเฉด เป็นต้น เคล็ดว่า ตื่นอยู่เสมอไม่หลับใหล ค้าขายดีไม่ต้องนั่ง ตบยุง ไม้เสายอดธงธรรมจักรที่ติดเรียกคนเข้าวัด ท่านว่า เรียกคนให้เอาเงินมาให้ดีนัก อยู่ใหนก็วิ่งมา เปลือกไข่นกกาเหว่า นี่ก็หายากเพราะปกติ นกกาเหว่า ไม่เคยสร้างรังเองเลย ไข่ให้ กาบ้าง พิราบบ้าง นกโพระดกบ้าง ฝักและเลี้ยงลูกให้ หลวงปู่บอกเคล็ดว่า มีแต่คนเอาสิ่งดีๆมาให้ เอาของดีที่สุดมาฝาก เท่ากับให้หัวใจเขาแก่เราเลย ทั้งหมดนี้หายากเป็นมวลสารเฉพาะที่นำมาทำปูหนีบทรัพย์สำเภาเงิน ที่สำคัญ หลวงปู่ให้ทำพิธีตัด เถาวัลย์หลงดงที่ท่านปลูกไว้เองเสกน้ำมนต์รดทุกวัน มา ผสมด้วยขอเอา เบื่อง หลัง วิชาปูหนีบทรัพย์ของหลวงปู่มาเล่าหน่อย เมื่อ 7 ปีที่แล้ว มีข่าวดังลงในหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ว่าคนไทยทำแจ๊คพ็อตแตกที่บ่อนเขมร ได้เงินร่วมสิบล้านบาท เจ้าของบ่อนเข้าใจผิดคิดว่าพกอุปกรณ์อีเล็คโทรนิค ถึงขนาดค้นตัวกลับไม่พบอะไรเลย พบเพียงผ้ายันต์รูปปูผืนเล็ก ๆ ผืนเดียว เรื่องนั้นจบลงที่ผ้ายันต์ปูมีอานุภาพเรียกเงินทองได้มากมาย หลวงปู่จักรเคยลงผ้ายันต์ปูไว้ให้ศิษย์ 2 ผืนตั้งแต่ปี 2507 คนที่ได้ไป 2 คน นำไปประกอบวิชาชีพแล้วร่ำรวยเป็นเศรษฐีทั้งคู่ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผ้าทั้ง 2 ผืนนี้อยู่กับเจ้าของเดิมหรือเปล่า เพราะผ้ายันต์ที่พบตอนแจ๊คพ็อตแตกที่บ่อนเขมร เป็นผ้ายันต์ของหลวงปู่จักรองค์นี้ แต่คนที่พกไม่ใช่คนที่หลวงปู่จักรให้ผ้ายันต์ไป จึงสรุปว่า ผ้ายันต์ปูผืนแรกเปลี่ยนมือไปแล้ว ตำนานว่า “ ปูจะชูก้ามอยู่เสมอ คอยหนีบจับอะไร อะไรได้ทุกอย่างพอหนีบแล้วธรรมชาติของปูจะไม่ปล่อยให้หลุดไป ท่านสังเกตเวลาปูเดินบ้างไหม ปูจะเดินเก ๆ ไม่ตรงแสดงถึงไม่ชนไม่ปะทะกับอะไรทั้งหมด จะรู้หลบรู้หลีกปัญหาอุปสรรคทุกชนิด ปู 8 ขากอบโกยเงินทองโชคลาภได้อย่างสบาย ” พระผงปูหนีบทรัพย์ ด้านหน้าเป็นปูชูธงที่เรียกบารมีคุณพ่อ – คุณแม่ (บิดา - มารดา) ที่เป็นพระพรหมของบุตรมาโปรด เรียกทรัพย์เร่งเงินเร่งทองให้ไหลมาเทมาเป็นทั้งเศรษฐีมีเงินเป็นหมื่น ๆ ล้าน ด้านหลังเป็น สำเภาเงิน สมมุติตอนพระโพธิสัตว์เป็นพ่อค้าล่องเรือขายของได้เงินทองเต็มลำเรือ โดยมีไข่ปูที่ออกเป็นถุงเงินถุงทอง สุมท่วมเต็มไปหมด ปูหนีบทรัพย์นี้อย่าดูถูกกันเด็ดขาดเพราะทั้งขั้นตอนการลงการผูกยันต์ คาถาอาคมที่ใส่ ต้องน้อมใจเรียกอารมณ์ญาณสมบัติต้องแน่วแน่ เกิดนิมิตเป็นเงินทองไหลท่วมตัวทับจนไม่มีที่ว่างห่างกายเป็นเส้น เป็นโยชน์ ก็ยังมีเงินกองอยู่ต้องทำอารมณ์ขนาดนั้นถึงจะเสกยันต์ “ เป็น ” ชักยันต์ “ ขึ้น ” ใครได้ไปให้ติดไว้หน้าบ้านหน้าร้านหรือพกไว้ในกระเป๋าสตางค์เงินเก่าก็หนีบ ไว้ไม่ให้ออก เงินใหม่ก็หนีบจับให้เข้ามา ถ้ามั่นใจแน่วแน่เด็ดเดี่ยวจะดีขึ้น ขอให้จำไว้ว่า “ ปูนี้อยู่กับใคร ไม่มีจนเด็ดขาด ดีขึ้นทุกคน จะมากน้อยเท่านั้น ” วิชานี้ของหลวงปู่แน่ถึงขนาด ได้ใจมาก คนลืมตาอ้าปากได้กัน นับจำนวนไม่ถ้วน เนื้อมวลสารโรยว่านเถาวัลย์หลง
คาถาปลุกเสก พระผงปูหนีบทรัพย์ เพื่อขอลาภ เร่งลาภ
ตั้ง นะโม 3 จบ
นาชาลิติ พุทธัง ลาภาคะยะอุดเถหิ
มะมา ชัยยะ ลาโภ จะ มะ หาลาโภ
พะ วันตุเม เต ภา หุ หะ ติ

 

2405.ตะกรุดโทน จารมือ หลวงปู่หา สุภโร (หลวงปู่ไดโนเสาร์) วัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) จ. กาฬสินธุ์ ให้บูชา 699 บาท

​

ตะกรุดทองเหลือง หลวงปู่หา เมตตาจารเองทุกดอก
แม้แต่ตอนองค์หลวงปู่อาพาธ พระอุปัฏฐากต้องการให้ท่านพักร่างกาย แล้วใช้แบบการปั้มแทน
ท่านว่า "บ่ให้ปั้ม จารเอามันจั่งขลัง"(ไม่ให้ปั้ม จารเอาจะได้ขลัง)
โดยเป็นตะกรุดดอกยาว 5 นิ้ว หุ้มสายยาง ร้อยเชือกสายสิญจน์ สำหรับคาดเอว หรือคล้องคอ
ตะกรุด หลวงปู่หา สุภโร จารมือ ขนาด 5นิ้ว จารหัวใจพระสีวลี “นะชาลีติ”

 

2406.เหรียญพ่อแก่ วัดวังตะกู รุ่น 2 หน้าใหญ่ ปี 2513 หลวงพ่อเกลี้ยง ติสโชโต (พระครูเมตตาธิคุณ) วัดตะกู อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ให้บูชา 699 บาท ถือเป็นสายพ่อแก่ที่ศักดิื์สิทธิ์มากครับ

​

หลวงปู่เกลี้ยง ท่านเป็นสาย ครูนาฏศิลป์ ครูปี่พาทย์ ลาดตะโพน ครูโขน ครูเทพ สายวิชาพ่อแก่ ท่านเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมของ หลวงปู่เณร แห่งวัดประดู่โลกเชษฐ์ เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับ หลวงพ่อเจาะ วัดประดู่โลกเชษฐ์ ต.หัวเวียง จ.อยุธยา สืบสายวิชาจาก หลวงปู่เจียม วัดตะกู สายวิชาหนังใหญ่ (ครูหนัง) นับเป็นของสูงของศักดิ์สิทธิ์ เพราะเวลานำจะทำการแสดง ต้องไหว้ครูและประพรมน้ำมนต์ จัดเครื่องบูชาหนังเจ้าหรือหนังครู ไหว้ตั้งโต๊ะวางเครื่องบูชาครูหนังใหญ่เป็นมหรสพชั้นสูง ที่ใช้แสดงในพระราชพิธีต่าง ๆ ของในพระราชสำนักหรือในวัง ถ้าเป็นงานราษฎร์ชาวบ้านธรรมดาๆ จะต้องเป็นงานที่ใหญ่มาก คนที่สร้างต้องใหญ่โตจริงๆ ถึงมีสิทธิ์จัดได้(เวลาไหว้ครูมหรสพ ชนิดอื่นๆ ที่จะแสดงรวมกันในงานสมัยก่อนนั้นถือกันมาก จะต้องมาร่วมคารวะกราบไหว้ ครูหนังใหญ่ก่อนเสมอ ถือว่าครูแรงสุด)
” เหล่าบรรดา ลูกหลานพ่อแก่ ทั้งหลาย ”
กูก็ศิษย์มีครู อย่าดูถูก ครูกูปลูกวิชาให้ แต่หนหลัง มึง ดูถูกครูกู จงระวัง มึงจะพัง เพราะวิชาที่มึงมี ครูแรง อย่าลองดี กลอนบูชาครู (กลอนบูชาครู)
ในพิธีเบิกหน้าพระหรือการไหว้ครู ผู้บวงสรวงหนังใหญ่ จะนำหนังเจ้าหรือหนังครูทั้งสาม คือ ฤาษี ๑ พระอิศวรหรือพระนารายณ์ ๑ ทศกัณฐ์ ๑ รูปฤาษีเอาไว้ตอนกลาง รูปพระอิศวรหรือพระนารายณ์จะเอาไว้ทางขวามือ รูปทศกัณฐ์ไว้ทางซ้ายมือของคนไหว้ครู
“เบื้องซ้ายข้าไหว้ทศกัณฐ์ เบื้องขวาอภิวันท์ สมเด็จพระรามจักรี” และเงินกำนัลจากเจ้าภาพ ๒ สลึงเฟื้อง ปัจจุบัน ๑๒ บาท เทียนขี้ผึ้ง ๓ เล่ม หัวหมู ๒ หัว ไก่ ๒ ตัว บายศรีปากชาม กล้วยสุก ๒ หวี มะพร้าวอ่อน ๒ ผล เหล้า ๒ ขวด ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว ไข่ต้ม ๒ ฟอง เมื่อได้เครื่องสังเวยครบแล้วบูชาครู อัญเชิญครูสังเวยเครื่องสังเวย
ผู้แสดงหนังใหญ่ทุกคนถือการไหว้ครูเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ถ้าการไหว้ครูไม่ได้ทำครบพิธีเขาจะไม่ยอมเล่นการแสดงตอนตาย ผู้เล่นถือกันว่าจะมีอันเป็นไป ถ้าทำผิดประเพณีการเล่นหนังดังกล่าว จึงไม่มีใครกล้าลองดี
เพราะ “ครูแรง” ต้องเชิญให้ครูหนังเป็นผู้เล่นและพากย์ ชาวคณะหนังใหญ่วัดขนอน เชื่อว่าครูหนังสิ้นชีวิตไปแล้วยังอยู่คุ้มครองรักษา ถ้าเคารพกราบไหว้จะเกิดมงคล แต่ถ้าผู้ใดทำผิดก็จะมีอันเป็นไป เพราะเคยมีผู้ขโมยหนังใหญ่หนีไปไม่สำเร็จ ต้องจมนํ้าตายในแม่นํ้าแม่กลอง หน้าวัด
หลวงปู่เกลี้ยง เรียนศาสตร์สายวิชาเกี่ยวกับศิลปะ ของไทยที่ซ่อนไว้ซึ่งแรงครู ท่านจึงเชี่ยวชาญชำนาญทางด้านนี้ นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญการทำพิธีเชิญญาณ พ่อแก่ ปู่ฤาษี ครูโขน ครูเทพ หรือมนต์พิธี ที่เกี่ยวกับบรมครูชั้นสูง เพราะศิลปะการแสดงสมัยก่อน ล้วนเกี่ยวข้องกับครูชั้นสูง หลวงพ่อเกลี้ยงท่านละสังขาร เมื่อปี 2530 สิริอายุ 93 ปี

 

จองพระพุทธกวัก ลพ.กวย

 

รับทราบครับพี่ ขอบคุณมากครับ

 

2407. เบี้ยแก้สาย วัดนายโรง เบี้ยแก้ หลวงพ่อตี๋วัดหูช้าง ยันต์เฑาะว์เกราะเพชร ให้บูชา 1850 บาท เลี่ยมกันน้ำพร้อมบูชา

​

เบี้ยแก้ เป็นเครื่องรางอย่างหนึ่งมีมาตั้งแต่สมัยหลวงปู่รอด วัดในโรง และหลวงปู่บุญ สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันมีอานุภาพในการป้องกันเภทภัย คุณไสย์ เขี้ยวงา เป็นมหาอุด เมตตามหานิยม พกพาติดตัว หรือบูชาไว้ที่บ้านดีนัก

เบี้ยแก้นั้นเป็นเครื่องรางที่รวบรวมเอาพุทธคุณและอิทธิคุณของเครื่องรางของขลังทุกชนิดไว้ด้วยกัน
สรรพคุณหรือพุทธคุณเบี้ยแก้เป็นที่ร่ำลือในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม และป้องกันคุณไสยต่างๆ สามารถกันถูกกระทำย่ำยี กันคุณผี คุณไสยเวท อาถรรพณ์ ยาสั่ง ฝังรูปฝังรอย ผีเข้าเจ้าสิง กันไข้ป่าสารพัด ผีป่า ผีโป่ง ผีเปิ่ง ผีปอบกองกอย กันจิตคิดวิกลด้วยโรคอุปาทาน กันมนต์ยาดำย่ำยีด้วยเล่ห์กลมายาสารพัด เป็นต้น
พุทธานุภาพ “เบี้ยแก้”มีสรรพคุณร้อยแปดพันเก้าประการสุดที่ยากบรรยาย ครอบคลุมทุกด้านป้องกันสิ่งชั่วร้าย และแก้เหตุร้ายให้กลับกลายเป็นดี พ่อค้าแม่ค้าขายหมั่นไว้บูชาจะไต่เต้าเป็นเจ้าสัว จักให้คุณเป็นถึงเจ้าพระยาพานทอง ทรัพย์สินของเต็มวัง อีกช้างม้า วัว ควาย นับได้เหลือหลาย แก้โรคภัยไข้เจ็บ ให้หนักเป็นเบา แก้คุณไสย ยาสั่ง ภูตผีปีศาจ อาถรรพ์อาเพศอัปมงคล เสนียดจัญไรทั้งหลาย และรวมทั้งให้คุณผู้บูชา และให้โชคลาภเรียกทรัพย์
นอกจากนี้ เบี้ยแก้ยังใช้ดีทางการแก้เรื่องร้ายให้กลายเป็นดี ถ้าเรื่องดีๆอยู่แล้ว ก็จะส่งเสริมให้ดียิ่งๆขึ้น…..ที่สำคัญก็คือเรื่องเมตตามหานิยมครับ

พระครูสุวรรณโชติวุฒิ หรือ หลวงพ่อตี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี ปัจจุบันท่านอายุ 73 ปี วัดหูช้างของท่านอยู่ไม่ไกลจากวัดตะเคียนของหลวงปู่แย้ม ท่านเป็นศิษย์เอกทายาทพุทธาคมเพียงรูปเดียวและมีศักดิ์เป็นหลานของหลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง เกจิดังสมัยพ.ศ. 2500 ที่คนเมืองนนท์เคารพนับถือท่านมาก หลวงพ่อกี๋ ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ท่านจึงได้วิชาการทำปลัดขิกมาอย่างเข้มขลังจนเป็นตำนาน ปลัดขิกเมืองนนท์ ที่สุดยอดปรารถนาและหายาก เนื่องจากพุทธคุณสามารถใช้แทนปลัดขิกของหลวงพ่ออี๋อาจารย์ของท่านได้เลยทีเดียว รวมถึงท่านยังเป็นศิษย์ก๋งจาบ สำนักประดู่ทรงธรรม อยุธยา ศิษย์น้องหลวงปู่เทียม วัดกษัตราฯ และหลวงพ่อแทน วัดธรรมเสน ซึ่งเกจิร่วมสำนักทั้ง 3 รูปนี้ได้ก่อปาฏิหารย์ในคราวปลุกเสกพระที่วัดปราสาทบุญญาวาสสามเสน คือแผ่นทองแดงของพระอาจารย์ทั้ง 3 รูปหลอมไม่ละลายมาแล้ว นอกจากนี้ท่านยังเป็นศิษย์หลวงปู่แดง วัดตะเคียน นนทบุรี หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และเจ้าคุณโพธิ์ วัดชัยพฤกษ์มาลา อีกด้วย จึงนับว่าหลวงพ่อตี๋ วัดหูช้าง ท่านเป็นพระเกจิที่สืบสายพุทธาคมหลายอาจารย์มาอย่างเข้มขลัง โดยเฉพาะการทำปลัดขิก ตะกรุด และเครื่องรางของขลังต่างๆ ท่านยังคงจารมือเอง รวมถึงการเหลาไม้ และวัสดุมวลสารต่างๆเองทุกขั้นตอน จึงทำให้วัตถุมงคลของท่านเข้มขลังและทรงคุณค่าและที่สำคัญหายากมาก
หลวงพ่อกี๋ท่านเรียนวิชาทำเบี้ยแก้ จากหลวงปู่รอด วัดนายโรง และวิชาปรอท จากเจ้าคุณโพธิ์วัดชัยพฤกษ์มาลา สมัยที่หลวงปู่โพธิ์เป็นเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี หลวงพ่อกี๋ท่านทำเบี้ยแก้ครั้งแรกได้ประมาณ 30ตัว แจกพระธุดงค์ร่วมสมัยและแจกคนใกล้ชิด ไว้กันภูตผีคุณไสย

หลวงพ่อตี๋ได้รับการสืบทอดวิชาต่างๆจากหลวงพ่อกี๋ ในการจัดสร้างวัตถุมงคลเครื่องรางเบี้ยแก้ และปลัดขิกแบบจารอักขระเต็มตัวที่ไม่เหมือนใคร
หลวงพ่อตี๋ หรือพระครูสุวรรณโชติวุฒิ เจ้าอาวาสวัดหูช้าง ท่านจัดสร้างเบี้ยแก้ตามสูตรที่หลวงพ่อกี๋ท่านถ่ายทอดให้ ท่านสร้างคราวละไม่มากไม่เกิน 20-30 ตัว มีคนจองกันไปหมด
ในการจัดสร้างเบี้ยแก้ หลวงพ่อตี๋ท่านจะบรรจุปรอทตลอดจนอุดชันโรงและจารอักขระเองทุกตัว ทุกขั้นตอนล้วนแล้วแต่ทำด้วยมือภายในวัดทั้งสิ้นไม่ใช่ออกจากโรงงาน จึงค่อนข้างยุ่งยากและเสียเวลามากกว่าจะได้แต่ละตัว
เบี้ยแก้หลวงพ่อตี๋ วัดหูช้างมีด้วยกันสองแบบ แบบแรกเป็นเบี้ยแก้เปลือยหุ้มด้วยตะกั่ว หลวงพ่อตี๋ท่านจารอักขระยันต์เองพร้อมเสกทุกตัว ส่วนแบบที่สองเป็นเบี้ยแก้ถักเชือกลงรักมีหูทองแดง 5 เส้นเรียงกันเป็นขาเดียว
เบี้ยแก้เปลือยของท่านมีการตอกโค้ด ต.กลางดอกจัน และชื่อวัดหูช้างใต้ท้องเบี้ยทุกตัว
สำหรับเบี้ยแก้ถักเชือกลงรักท่านจะตอกโค้ดตัวอักษร ท.บ (ย่อมาจากทองใบ ซึ่งเป็นชื่อของท่าน) ไว้ที่หูทองแดง 5 เส้น
เบี้ยแก้ทั้งหมดของท่านๆจะปลุกเสกเดี่ยวในโบสถ์
เบี้ยแก้ตัวที่นำลงนี้เป็นเบี้ยแก้แบบตะกั่วเปลือย หลวงพ่อตี๋ท่านจารมืออักขระยันต์ไว้ครบสูตร หลวงพ่อท่านตั้งใจสร้างของท่านมากครับ
ท่านที่สนใจเชิญครับ เบี้ยแก้หลวงพ่อตี๋ วัดหูช้าง ตำรับหลวงปู่รอด วัดนายโรง รุ่นตะกั่วเปลือย เป็นรุ่นมาตรฐาน ปรอทเต็ม 1 บาท พุทธคุณสูงสุด
เมื่อบูชาให้อธิษฐานตั้งจิต ในคุณพระศรีรัตนตรัย และคุณของหลวงปู่รอด วัดนายโรง หลวงพ่อกี๋ และหลวงพ่อตี๋ ใช้ได้ตามความปรารถนาทุกประการ

 

2408.สุดยอดด้านเมตาตามหานิยม มวลสารเก่าของหลวงพ่อผินะ ลูกสวาทพญาเทครัว รุ่นแรก หลวงพ่อเอิบ วัดหนองหม้อแกง (วัดซุ้มกระต่าย) ชัยนาท เจ้าตำรับวิชาพระลักษณ์หน้าทองมหาเสน่ห์อันลือลั่น ให้บูชา 599 บาท

​

หลวงพ่อเอิบท่านเป็นลูกศิษย์เอกของหลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว ท่านไปได้สำเร็จวิชาการสร้างดาวแม่เนื้อหอมและปลัดชะมด รวมถึงการปลุกเสกเครื่องรางให้เข้มขลังตามแบบฉบับของหลวงพ่อผินะ เมื่อท่านสำเร็จวิชามาแล้ว หลวงพ่อผินะท่านก็ได้มอบผงมวลสารอันวิเศษ มาให้หลวงพ่อเอิบด้วย เพื่อนำมาทำวัตถุมงคลไว้สร้างวัด โดยท่านว่า "ให้พ่อสิ้นก่อนนะแล้วค่อยเอาไปใช้สร้างวัด"และเมื่อตอนที่หลวงพ่อผินะยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้สร้างลูกอมไว้รุ่นหนึ่งเรียกว่า "พญาเทครัว" ที่ปัจจุบันหาของแท้หายากมาก และราคาความนิยมก็แพงมากด้วยจำนวนการสร้างน้อย และมวลสารพลังอาถรรพ์อันสุดล้ำลึกเข้มขลัง
ที่เรียกว่าพญาเทครัวนั้น เรียกตามพุทธคุณของลูกอมท่าน ด้วยมีพลังเป็นเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์อย่างสูง เรียกได้ว่ามีลูกเดียวเหมาเททั้งครัว ตามฉบับเครื่องรางอันเลื่องลือแผ่นดินของหลวงพ่อผินะ
หลวงพ่อเอิบ จึงคิดสร้างลูกอมขึ้นมาบ้างเป็นรุ่นแรก จัดทำพิธีการสร้างและมวลสารตามสูตรอาจารย์คือหลวงพ่อผินะทุกอย่างทุกประการ เรียกว่า "ลูกสวาทพญาเทครัว" ผสมด้วยมวลสารสำคัญ ผสมผงพญาเทครัวแท้ๆของหลวงพ่อผินะและผงพุทธคุณผงวิเศษของหลวงพ่อผินะหลายชนิด ที่หลวงพ่อเอิบท่านได้รับมาจากหลวงพ่อผินะ เมื่อครั้งที่ท่านไปเรียนวิชาจนสำเร็จจากหลวงพ่อผินะ
แม้แต่มีคนบูชาปลัดหัวชะมดของท่านเอาไปใช้ได้ผลดี แต่ท่านบอกว่ายังมีของดีอีกอย่างนั่นคือ "ลูกสวาทพญาเทครัว" หรือ "ลูกสวาทรุ่นแรก" ที่กล่่าวขวัญกันว่าเด่นด้านเมตตามหานิยมเป็นอย่างยิ่ง เห็นผลแรงตามแบบฉบับของหลวงพ่อผินะ เนื่องจากมวลสารเดียวกันทุกประการ
ท่านว่า "เอาติดตัวพกไว้จะเป็นมหาเสน่ห์กว่าใครเขา ใครเห็นใครรัก ไม่มีอดอยาก ก็เสกให้ต้องตาต้องใจเขานี่ ของฉันใช้ให้ดีอย่าให้มีผิดศีลธรรมนะ ลูกเมียใครรู้ว่ามีเจ้าของอย่าไปยุ่ง ฉันไม่กันลูกปืนให้นะ"

 

2409. พระเนื้อผง สมเด็จพระเจ้าตากสิน สร้างโดย หลวงปู่กัสสปมุนี สำนักปิบผลิวนาราม หลังยันต์พุทธเกษตร ออกวัดป่าละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ปิดรายการครับ

​

หลวงพ่อเคยบอกว่า นิโรธสมาบัตินี้มีอานุภาพมากนัก มิใช่แต่กุฏิของท่านเท่านั้น แต่กำลังแห่งนิโรธยังครอบคลุมไปทั่วภูเขา ‘สุนทรีบรรพต’ อันเป็นที่ตั้งวัด อย่าว่าแต่ของในกุฏิท่านเลย แม้กรวดหินหน้าวัดหากจะหยิบขึ้นมาแล้วตั้งจิตระลึกถึงท่านก็ยังมีอานุภาพได้ พระเครื่องต่าง ๆ ที่ผ่านการเข้านิโรธจากท่านมาตั้งแต่ปี 2510 กระทั่งท่านละสังขารจากไปในวันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2531 จะขลังเพียงไหน
ยันต์พุทธเกษตร' ลายมือหลวงปู่กัสสปมุนี
(ท่านได้มาเมื่อครั้งไปเที่ยววิเวกภาวนาใน จ.ลพบุรี ยันต์พุทธเกษตรได้ปรากฏขึ้นในนิมิตท่าน ท่านบอกว่ายันต์นี้มีอานุภาพครอบจักรวาล ตามแต่ผู้ใช้จะอธิษฐานให้เป็นไปดังปรารถนา แม้จะจัดทำขึ้นใหม่ อานุภาพก็ยังเหมือนสมัยหลวงปู่กัสสปะมุนีทำเอง
หลวงพ่อกัสสปมุนี ก่อนท่านจะบวช ท่านเป็นข้าราชการชั้นสูงเกือบรองอธิบดีกระทรวงพาณิชย์ ท่านขอลาออก เพื่อไปบวช ท่านปฏิบัติธรรมตั้งแต่เป็นฆราวาส เกิดมีความสังเวช มีดวงตาเห็นธรรม เพราะมีบุญเก่าติดตามมา ในอดีตท่านเคยเกิดเป็นฤาษีสมัยพุทธกาล จึงมีฤทธิ์มาก แม้เกิดในชาติปัจจุบันก็บำเพ็ญไม่นานก็ได้สำเร็จธรรมชั้นสูง
เณรผลได้ขอโอกาส ถามเรื่อง "ลากตู้รถไฟ เป็นเรื่องจริงไหม" หลวงพ่อตอบว่า "จริง" เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2507 พาคณะโยมไปแสวงบุญที่อินเดีย พนักงานรถไฟแขกมันมักง่าย มันตัดตู้ขบวนของหลวงพ่อที่จะนั่งออกทิ้งไว้ห่างจากตัวสถานีเกือบ 300 เมตร ตรงที่รถตู้ถูกตัดออกเป็นที่ลาดต่ำญาติโยมที่ไป ก็มีแต่อุบาสกอุบาสิกาอยู่ในวัยชราต้องเดินไกล คณะที่ไปเขาก็จ้างคนแขกช่วยกันดันตั้งหลายคน แต่ไม่ขยับเขยื้อน เพราะตู้รถไฟหนักเป็นตันๆ โยมก็มานิมนต์ให้หลวงพ่อช่วย หลวงพ่อท่านก็เลยชูไม้เท้า ยาวราว 1.50 เมตร ยกชูไปในอากาศ แล้วก็ส่งปลายไม้เท้ามาให้คนช่วยดันจับ หลวงพ่อก็ตั้งท่าเดินหน้านำไป
ตู้รถไฟก็เคลื่อนตามหลวงพ่อกัสสปมุนีไปเป็นที่อัศจรรย์ใจของคนแขกและลูกศิษย์ลูกหาที่ได้พบเห็น
หลวงพ่อกัสสปมุนีกับหลวงปู่ดู่
...หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านเก่ง
ท่านเหาะเหินเดินอากาศได้...
ในราวปี 2530 มีคณะมากราบนมัสการหลวงปู่ดู่
หลวงปู่ท่านถามว่า “นั่งสมาธิหรือภาวนาหรือเปล่า”
เขาตอบว่า “ผมนั่งสมาธิกับหลวงพ่อกัสสปมุนี จังหวัดระยองครับ" หลวงปู่ท่านให้เขาเล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อกัสสปมุนีสอนอย่างไร
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านรับรองว่า “ดี” พร้อมกับบอกว่า “หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านเก่ง ท่านเหาะเหินเดินอากาศได้”
เขาถามต่อไปถึงหลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค และหลวงปู่ชื้น พุทธสโร วัดญาณเสน ว่าเป็นอย่างไร
ท่านก็รับรองว่า “ดี” แล้วท่านก็บอกเองเลยว่า
“หลวงพ่อเกษม พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน เป็นพระอรหันต์ และที่ปราจีนบุรีก็มีพระอรหันต์อีก 3 องค์ “
หลังจากนั้น เขาได้ไปกราบหลวงพ่อกัสสปมุนีที่บ้านศาลาแดงที่ท่านมาพำนักเวลามาโปรดศิษย์ในกรุงเทพ ฯ เขาได้เล่าให้หลวงพ่อกัสสปมุนีฟังว่าไปกราบหลวงปู่ดู่มา เขาก็เลยถามหลวงพ่อกัสสปมุณีว่า...
“หลวงพ่อรู้จักหลวงปู่ดู่ไหมครับ” ท่านก็ตอบว่า “รู้จัก” เขาถามต่อว่า "แล้วหลวงพ่อเคยเจอกับหลวงปู่ดู่ไหม" ท่านกลับตอบว่า “ไม่เคยเจอ” จึงเข้าใจเอาเองว่า ท่านคงพบเจอกันในทางจิต
และได้เล่าถวายหลวงพ่อไปอีกว่า “หลวงปู่ดู่ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายครับ” ตอนหลังไปกราบท่านอีกทีก็ทราบว่า หลวงพ่อท่านไปเยี่ยมหลวงปู่ดู่มาแล้ว
นี้เป็นเรื่องราวเพิ่มเติมเพื่อให้พวกเราได้รับทราบว่าครูบาอาจารย์องค์สำคัญๆ ท่านถึงกัน ท่านล้วนแต่เป็นแบบอย่างของผู้ไม่มีทิฏฐิมานะ ไม่เหมือนอย่างทางโลกๆ ที่เมื่อโด่งดังแล้ว ก็มักมีการสงวนท่าทีกันอย่างเต็มที่ โลกกับธรรมจึงห่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับดิน