ปฏิบัติพระกรรมฐานเพื่ออะไร

การเจริญพระกรรมฐาน ก็ขอให้ตั้งใจทำเพื่อความดีและความดีที่จะสอนให้ได้ทั้งหมดจริงๆ แค่แสนคนเศษๆ เพราะว่างานของฉันมีเท่านี้เว้นไว้แต่คนที่มาจากสายอื่นและก็มีบารมีใกล้เคียงกันสามารถตามกันไปได้ความดีที่จะแนะนำให้คือต้องการให้ทุกคนพ้นจากอบายภูมิ ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน ใครปฎิบัติได้ก็พ้น ถ้าใครปฏิบัติบัติไม่ได้ก็พ้นไม่ได้ และคนที่มาทุกคนนี้ ถ้ามาด้วยความเต็มใจ ไม่สักแต่ว่ามาดูเขา หรือสักแต่ว่ามาลอง คนที่มาด้ยความเต็มใจจริงๆ พวกนี้เป็นคนที่มีบารมีเต็มแล้ว เพราะว่าคนที่มีบารมีเต็มจริง ที่ฉันจะช่วยได้แค่แสนเศษๆ เฉพาะกลุ่มของพวกเรา คนที่มาลองก็ดี มาดูเขาบ้าง ลองทำบ้าง จะสังเกตได้ว่าประเภทมาลองหรือมาดูนี้พูดไม่รู้ประสาคนแล้วไม่รู้จักจำ จำแล้วก็ไม่คิดตาม พวกนี้ไม่มีโอกาศ จะมาสักกี่แสนชาติก็ไม่มีโอกาศ พวกที่ติดตามกันมาตั้งแต่ชาติก่อนจริงๆ พวกนี้บารมีเต็มหมด แล้วก็มีโอกาศไปนิพพานชาตินี้เหมือนกันทุกคน การเจริญพระกรรมฐานนี้มีความมุ่งหมายอยู่ ๒ ประการ คือ ประการแรก ผลที่จะพึงต้องการอันดับต้นก็คือ เราต้องการพ้นจากอบายภูมิทั้ง ๔ ประการ นี่เป็นประการต้นที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความปรารภนาให้พุทธบริษัทพ้น จึงได้มีพระมหากรุณาสงเคราะห์ประชาชนมาสิ้นเวลา ๔๕ พรรษา จึงนิพพาน หลังจากนั้น องค์สมเด็จพระพิชิพมารก็มีความมุ่งหมายต่อไป ถ้าหากว่าบรรดาท่านพุทธบริษัทมีความเคารพในพระองค์ มีความประสงค์ใคร่จะให้พ้นทุกจริงๆ เวลาจะเจริญพระกรรมฐานให้มุ่งจิตเฉพาะพระนิพพาน เรียกว่ามีความปรารถนาในความดับไม่มีเชื้อ คำว่า "ดับไม่มีเชื้อ" หมายความว่า ดับกิเลศเป็นสมุจเฉทปหาน พ้นจากสิ่งสกปรกทั้งหมดที่เราเรียกว่า กิเลศ ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม เป็นจิตที่สะอาดที่สุด ท่านกล่าวว่าบุคคนนั้นเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ในฐานะที่ท่านทั้งหลายประกาศตนเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ขอให้รู้ถึงความมุ่งหมายที่พระพุทธเจ้าสอนให้บรรดาท่านพุทธบริษัท ให้ทานก็ดี รักษาศีลก็ดี ทรงเมตตาในพรหมวิหารสี่ก็ดี เจริญสมาธิก็ดี เจริญวิปัสสนาก็ดี ทั้งหมดนี้พระพุทธเจ้าต้องการเพียงอย่างเดียวให้บรรดาท่านพุทธบริษัทเข้าถึง ความดับไม่มีเชื้อ หมายความว่าดับกิเลศทั้งหมด โดยเฉพาะการยกรากเหง้าของกิเลศ ๓ ประการให้พ้นไปจากจิต จากหนังสือ พ่อสอนลูก หน้า ๑๗๖-๑๗๗