เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 19 เมษายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๕

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปยังวัดโพธิ์ผักไห่ เพื่อทำพิธีบวงสรวงขออนุญาตต่อพระรัตนตรัย พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ ทั้งครูหมอ ครูยา เพื่อที่จะได้สร้างยาจินดามณีให้กับทางวัดอุทยานและวัดโพธิ์ผักไห่ หลังจากนั้นก็ได้ร่วมการพุทธาภิเษกในพิธีสมโภชพระดวงพิชัยสงคราม

    ในเรื่องของพระดวงพิชัยสงครามนั้น ต้องบอกว่าเป็นตำราโบราณที่ให้คุณอย่างประเสริฐแก่ผู้ที่สร้างพระแทนตน ที่ใช้คำว่า สร้างพระแทนตน ก็เพราะว่า สร้างพระแล้วก็นำเอาดวงของตนเองบรรจุเอาไว้ใต้ฐานพระนั้น ซึ่งพระที่สร้างนั้นก็จะพิถีพิถันด้วยวัสดุ อย่างเช่นว่าเป็นกิ่งโพธิ์นิพพาน คือต้นโพธิ์ที่หักลงมาเอง โดยเฉพาะต้องเป็นกิ่งที่หันไปทางทิศตะวันออก เมื่อนำมาแกะเป็นพระแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฐานซึ่งแกะด้วยไม้ขนุน หรือว่าส่วนอื่น ๆ ซึ่งจะมีไม้สัก ไม้มะยม เหล่านี้เป็นต้น ก็จะทำให้ได้พระพุทธรูปที่แกะจากไม้มงคล อันถือว่ามีนามที่เป็นมงคลอย่างยิ่งต่อผู้สร้าง

    ขณะเดียวกันก็ให้ขียนดวงของตนเองฝากเอาไว้ใต้ฐานพระ อยู่ในลักษณะของการขอบารมีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ให้ช่วยปกป้อง คุ้มครอง รักษา ไม่ให้มีสิ่งร้ายมาบีฑา ขอให้มีแต่สิ่งที่ดี ที่เจริญรุ่งเรืองด้วยอำนาจของพุทธานุภาพ บังเกิดมีแก่ตนและครอบครัวของตน

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ โบราณาจารย์ที่ท่านรู้จริง ท่านสร้างเอาไว้เพื่อเป็นพุทธานุสติ คือการระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ขอให้พระพุทธเจ้าปกป้องคุ้มครอง แต่ว่านั่นเป็นการสร้างพระภายนอก ถ้าหากว่าใครที่เข้าถึงเคล็ดลับตรงนี้ ก็จะทำการสร้างพระภายใน คือกำหนดภาพพระขึ้นมาพร้อมกับการภาวนา อย่างที่กระผม/อาตมภาพได้นำให้ทุกท่าน ทั้งพระภิกษุ สามเณรและญาติโยม ได้กำหนดภาพพระ พร้อมกับการภาวนา ในช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมรุ่นที่ ๒/๒๕๖๕ ที่ผ่านมานั่นเอง

    ดังนั้น...การสร้างพระภายนอก แม้ว่าจะได้วัตถุซึ่งเป็นเครื่องยึดถือได้ง่าย แต่ว่าคุณความดีนั้นก็มีไม่มากเท่ากับการสร้างพระภายใน เพราะว่าถ้ามีการสร้างพระภายใน และสามารถทำได้มั่นคงแล้ว เราทั้งหลายก็จะมีคติ ก็คือที่ไปในภพหน้าภูมิหน้าที่มั่นคง มีแต่ทางไปในสุคติ และถ้าหากว่าสามารถเข้าถึงหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง เราก็ล่วงพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด พ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง หลุดพ้นจากวัฏสงสารเข้าสู่พระนิพพาน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    หลังจากนั้นแล้ว ท่านพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ หลวงพ่ออภิสิทธิ์ อภิญาโณ จากวัดสุทัศนเทพวราราม และหลวงพ่อพระครูปลัดพรหมจริยวัฒน์ หรือหลวงพ่อหมู วัดประเสริฐสุทธาวาส ก็ยังได้ร่วมกันจัดพิธีบูชาพระเคราะห์ ด้วยการสวดพระคาถาบูชาพระเคราะห์ รับพระเคราะห์

    ซึ่งเป็นเคล็ดลับว่า ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ดีแล้ว เราแสดงออกซึ่งความเป็นพวกเดียวกัน ก็จะทำให้ไม่ต้องรับผลของเคราะห์กรรมเหล่านั้น แล้วในขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าเป็นสิ่งที่ให้คุณให้ประโยชน์ เมื่อเราแสดงออกซึ่งความเคารพนับถือ ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็จะเมตตา ให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้เราได้รับประโยชน์ รับความสุข รับในสิ่งที่ดีที่งาม

    การสวดถวายพระเคราะห์ทั้งหลายเหล่านั้น ก็จะเรียงตามลำดับไป ก็คือ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระเสาร์ พระพฤหัสบดี พระราหู พระศุกร์ และพระเกตุ ซึ่งสำหรับบุคคลทั้งหลายที่เกิดใน ๗ วัน ส่วนผู้ที่ลืมวันเวลาการเกิดของตนเอง ก็ให้ไปบูชาพระเกตุแทน

    โดยในการสวดบาลีนั้น พระอาทิตย์จะใช้คำว่า อาทิจจะเทวา

    พระจันทร์ ใช้คำว่า จันทะเทวา

    พระอังคาร ใช้คำว่า ภุมมะเทวา

    พระพุธ ใช้คำว่า วุธะเทวา

    พระเสาร์ ใช้คำว่า โสระเทวา หรือสาระเทวา ในบางแห่ง

    ส่วนพระพฤหัสบดีนั้น เนื่องจากว่าตามตำราการสร้างเทวดานพเคราะห์นั้น พระพฤหัสบดีถูกสร้างขึ้นมาจากพระฤๅษี ๑๙ ตน จนกระทั่งกลายเป็นพระพฤหัสบดี ดังนั้น...พระฤๅษีทั้งหลายซึ่งเป็นเจ้าแห่งความรู้ เจ้าแห่งวิทยาการทั้งปวง ถือว่าเป็นครู จึงมีผู้เรียกพระพฤหัสบดีว่า คุรุเทวา คือเทวดาผู้เป็นครูบ้าง พระชีบ้าง คำว่า ชี ในที่นี้มาจากคำว่า ชีบานาสงฆ์ ก็คือ ชีหมายถึงนักบวช บาในที่นี้ก็คือ นักบวชที่เป็นครูบาอาจารย์นั่นเอง

    บางทีโบราณก็ใช้คำว่า พระชีว์ ซึ่งแปลว่า พระผู้เป็นเจ้าของชีวิตอีกด้วย ดังนั้น...พระพฤหัสบดีจึงมีชื่อเรียกขานที่ต่างจากพระเคราะห์อื่น ๆ นอกเหนือจากพระอังคาร ซึ่งใช้คำว่า ภุมมะเทวา ถัดจากนั้นก็เป็นพระราหู บางทีก็เรียก อะสุรินทะเทวาบ้าง ราหุเทวาบ้าง และพระศุกร์คือ สุกกะเทวา ส่วนพระเกตุก็คือ เกตุเทวา ตรงตัวอยู่แล้ว
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    เมื่อทำการฉลองสวดสมโภช ก็จะต้องหาบุคคลที่เกิดตามวันเวลาทั้งหลายเหล่านั้น มาเป็นผู้จุดธูปเทียนบูชาพระเคราะห์ ซึ่งถือว่าให้เจ้าของวันเกิดที่ตรงกับพระเคราะห์นั้น เป็นผู้นำให้บุคคลอื่น ๆ ที่ร่วมอยู่ในพิธีกำหนดใจตามไป ซึ่งถ้าหากว่าเป็นการเสวยอายุของดาวพระเคราะห์ดวงใดดวงหนึ่งก็ตาม ในการทำพิธีรับพระเคราะห์เสวยอายุ ก็ถือว่าเราได้ทำการอันเป็นสิ่งที่ดีที่งามแล้ว ทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น มีความยินดี มีความพอใจ ก็จะดลบันดาลให้เกิดแต่สิ่งที่ดี ๆ ขึ้นมาในชีวิตของเรา

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้นั้น แต่เดิมเป็นความเชื่อจากทางด้านศาสนาฮินดู ซึ่งเมื่อศาสนาฮินดูได้ติดตามเหล่าพราหมณาจารย์ทั้งหลายเข้ามาในอุษาคเนย์ ก็คือบ้านเราเมืองเรา ซึ่งสมัยก่อนนั้น บริเวณนี้เรียกกันว่าสุวรรณภูมิ เมื่อบรรดาพราหมณาจารย์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้มีความรู้มาถึง ก็ได้รับความเชื่อถือจากผู้นำ จากเจ้าพระยามหากษัตริย์ ก็ได้ถวายคำแนะนำต่าง ๆ เกี่ยวกับพิธีพราหมณ์เข้ามา จึงทำให้พิธีทั้งหลายเหล่านี้แทรกเข้ามาในบ้านในเมืองของเรา

    แต่ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ไม่ได้สอนให้เราบูชาเทวดาในลักษณะอย่างนี้ พระองค์ทรงเชื่อมั่นในศักยภาพของอุบาสก อุบาสิกา หญิงชายทั้งหลาย ว่าท่านสามารถที่จะเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม เป็นอรูปพรหม หรือเป็นวิสุทธิเทพ เทวดาผู้บริสุทธิ์สิ้นเชิง คือพระอรหันต์ได้ด้วยตนเอง


    พระองค์ท่านจึงได้สั่งสอนว่า ถ้าเราทั้งหลายปฏิบัติในหลักของโลกบาลธรรม คือ มีหิริ รู้จักละอาย เกรงกลัวต่อการกระทำบาป มีโอตัปปะ กลัวว่าผลของบาป ผลของความชั่วนั้น จะมาตามสนองเราทีหลัง และมีศีล ๕ บริสุทธิ์บริบูรณ์ ท่านทั้งหลายก็สามารถเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้าได้

    แต่ถ้าท่านทั้งหลาย นอกจากมีหิริโอตัปปะ มีศีล ๕ สมบูรณ์บริบูรณ์แล้ว ยังสามารถปฏิบัติให้เกิดสมาธิสมาบัติทรงตัวขึ้นมาในระดับใดระดับหนึ่ง ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป ท่านก็สามารถที่จะเกิดเป็นพรหมได้ตามลำดับของสมาธิที่ท่านเข้าถึง

    ในขณะเดียวกัน ถ้าท่านสามารถเปลี่ยนแปลงจากรูปสมาบัติ เป็นอรูปฌาน หรืออรูปสมาบัติ ท่านก็สามารถเกิดเป็นอรูปพรหมได้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเบื่อหน่ายจากการเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ เบื่อหน่ายการเกิดมาอยู่บนกองทุกข์เช่นนี้ ท่านทั้งหลายถอนความยินดีในการเกิดเสีย ไม่นิยมการเกิดอีก ไม่ยินดีกับการที่มาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อนเหล่านี้อีก สามารถสละ ตัดเสียซึ่งความ รัก โลภ โกรธ หลง ในใจได้ไปอย่างสิ้นเชิง ท่านทั้งหลายก็สามารถเข้าสู่ความเป็นพระวิสุทธิเทพ คือการเป็นพระอรหันต์ หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น ไม่เคยที่จะขัดใครเลยว่า ความดีความเชื่อของผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาด หากแต่ว่าพระองค์จะแนะนำสิ่งที่ดีกว่าให้เสมอ ถ้าคนทั้งหลายเหล่านั้นมีสติมีปัญญาเพียงพอ หันมาปฏิบัติตามหลักที่พระองค์ได้ตรัสสอนเอาไว้ ก็จะทำให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นได้รับประโยชน์มากน้อย ตามแต่วาสนาบารมีที่ตนเองสร้างสมมา

    ดังนั้น...สิ่งที่ได้ไปพบ ได้ไปเห็นมาในวันนี้นั้น จึงทำให้ได้ข้อคิดขึ้นมาว่า สิ่งที่เป็นมงคลนั้น แม้ว่าจะช่วยนำให้จิตใจของเรามีสิ่งยึดมั่นถือมั่น ทำให้เราสามารถที่จะกระทำสิ่งหนึ่งประการใดด้วยความมั่นอกมั่นใจ จนก่อให้เกิดความสำเร็จขึ้นมาได้ ตามหลักมโนมยา คือสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นมีใจเป็นหัวหน้า สำเร็จได้ด้วยใจก็จริง แต่ว่าถ้าท่านยังยึด ยังถืออยู่ ท่านก็ไปได้ไม่เกินรูปพรหมหรืออรูปพรหม ท่านจึงต้องปล่อยวางสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ลง

    แม้แต่คุณพระรัตนตรัย ท่านก็ไม่ได้ยึดเอาไว้ หากแต่ท่านเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นคุณงามความดี ท่านก็เคารพ ก็บูชา ก็ทำตนเป็นเนติ (แบบอย่างแก่ผู้อื่น) สิ่งหนึ่งประการใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นความชั่ว ท่านก็ละเสีย เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น มีแต่จะดึงเราให้จ่อมจมอยู่กับทุคติ ตกอยู่ในกองทุกข์ที่ไม่รู้จบ

    เมื่อท่านทั้งหลาย รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว ท่านก็สามารถถอนตนขึ้นจากวัฏสงสาร หลุดพ้นจากบ่วงมารทั้งปวง สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้อย่างแท้จริง ถ้าอย่างนั้น จึงจักได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีแท้ เป็นพุทธบริษัทที่สมกับเป็นพุทธบริษัทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่าเป็นผู้ที่ประกอบด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญาอย่างแท้จริงนั่นเอง

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...